๖
๏ ครั้นรุ่งสางสว่างพระเวหน | พนักงานเครื่องต้นหุงปิ้งจี่ |
ต้มแกงพะแนงของดีดี | ผัดหมูฉู่ฉี่ทอดหมี่มัน ฯ |
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองเป็นไพร่ใช้ที่นั่น |
รู้ว่าอสุรินสิ้นชีวัน | จอมขวัญยินดีปรีดา |
ว่ามนุษย์สามองค์ทรงฤทธิ์ | มาสังหารผลาญชีวิตยักษา |
หรือพระทรงสวัสดิ์ภัสดา | ให้กระเหม่นนัยนานิฤมล |
ทำไฉนจะแจ้งแห่งคดี | จะตกร้ายกี่ทีดีกี่หน |
คิดพลางทางกล่าวด้วยเล่ห์กล | ฉันเป็นคนพึ่งบุญรู้คุณนาย |
เครื่องอานครั้งนี้ไม่เหมือนก่อน | เผ็ดร้อนเค็มมากยากใจหาย |
ยักษาเสพสุราไม่เว้นวาย | ถึงเผ็ดร้อนผ่อนสบายชอบพระทัย |
นี่ท้าวเธอเป็นมนุษย์สุดจะยาก | เปรี้ยวมากหวานมากจึงจะได้ |
ข้าเคยทำเครื่องอานการข้างใน | เข้าใจคาวหวานชำนาญเคย ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นายครัวว่ากลัวจริงจริงเหวย |
เครื่องมนุษย์นี่ไม่เข้าใจเลย | ชาวเราเอ๋ยเสียหลังแล้วครั้งนี้ |
จึงหันหน้าว่ากับพิกุลทอง | อย่างไรน้องกรุณาเมตตาพี่ |
เอ็นดูด้วยช่วยเทียบให้ที | สุดแท้แต่ดีอย่าอำพราง ฯ |
ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองสมจิตไม่คิดหมาง |
จัดแจงโต๊ะเตียบแล้วเทียบวาง | พิกุลทองของนางติดมือไว้ |
พอนายครัวนั้นไม่ทันดู | โฉมตรูเหน็บแนบแอบใส่ |
ไกล่เกลี่ยเสียพลันทันใด | ในจานยำใหญ่เป็นสำคัญ |
รีบเร่งเร็วรัดตีบัตรตรา | พวกเชิญเข้ามาขมีขมัน |
พอเชิญเครื่องไปนัคราไม่ช้าพลัน | ขึ้นเฝ้าทรงธรรม์พระราชา ฯ |
ฯ ๖ คำ ชุบ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงตั้งยังสถาน | พวกนางพนักงานรับเปิดฝา |
ทูลเชิญสามกษัตริย์ขัตติยา | ให้เสวยโภชนากระยาหาร ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระจอมวังฟังแจ้งแถลงสาร |
ชวนสองพระราชกุมาร | เสวยโภชนาหารสำราญรมย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ คำนึงถึงอุ่นเรือนเจ้าเพื่อนยาก | กำจัดจากปางใดจะได้สม |
ได้แต่สองลูกยามาไว้ชม | พระปรารมภ์คิดถึงตะลึงตะไล |
ลืมเคี้ยวโภชนาสาลี | เคี้ยวโน่นเคี้ยวนี่หาโปรดไม่ |
หอเห็นดอกพิกุลฉุนพระทัย | สงสัยหยิบทอดทัศนา ฯ |
ฯ ๔ คำ ร่าย ฯ
๏ จำได้ว่าของพระน้องแก้ว | ผ่องแผ้วโสมนัสหรรษา |
ล้างพระหัตถ์แล้วตรัสถามลูกยา | เจ้าว่าพิกุลทองนี่ของใคร |
ช่างทองมือไหนที่ใต้ฟ้า | ทำเทียมเห็นว่าหาเหมือนไม่ |
เจ้าจงดูแลให้แน่ใจ | ที่ไหนใครเป็นเช่นมารดา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองโอรสบังคมก้มเกศา |
ต่างองค์ทรงพิจารณา | จริงแท้แม่ข้าอยู่เมืองนี้ |
พระพี่หยิบขึ้นทูลเกศา | พระน้องชิงเอามาทูนเกศี |
สององค์ต่างทรงโศกี | พระพี่กอดน้องร้องร่ำไร ฯ |
ฯ ๔ คำ โอด ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพิไชยมงกุฎศรี |
ปลอบสองลูกยาอย่าอึงไป | ยังไม่ตระหนักประจักษ์ความ |
แล้วทำกริ้วกราดประภาษไป | เวรนี้เวรใครจงไปถาม |
ไม่นิจพิศดูทำวู่วาม | เพิกเฉยเลยตามอำเภอใจ |
พิกุลทองของใครตกในเครื่อง | ไม่รู้ข่าวราวเรื่องเป็นไฉน |
สองพระลูกยาโศกาลัย | เร่งไปเอาตัวแม่ครัวมา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงกำนัลตกใจเป็นนักหนา |
รับสั่งแล้วพลันมิทันช้า | ชิงกันขึ้นหน้ารีบคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงบอกกับยายนายเครื่อง | จอมกษัตริย์ขัดเคืองเป็นข้อใหญ่ |
เหตุด้วยพิกุลทองของใคร | ใส่ไว้ไม่พิจารณา |
จนพระโอรสยศไกร | โศกาลัยแค้นขัดมนัสา |
พระองค์ท้าวทรงพระโกรธา | ให้รีบหาตัวไปจะไล่เลียง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกเครื่องงกงันช่วยกันเถียง |
นางมนุษย์มาใหม่เข้าใกล้เคียง | บ่ายเบี่ยงลวงหลอกบอกอุบาย |
เขาว่าตัวเขาเป็นชาวเครื่อง | ยักเยื้องออกตัวไม่กลัวหวาย |
ข้าเบาจิตผิดไปแล้วคุณนาย | ถึงวอดวายไม่วางนางคนนี้ ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองรับว่าข้าใหม่นี้ |
เคราะห์กรรมแล้วจะทำกระไรมี | น้องไม่ขัดพี่อย่าเป็นทุกข์ |
นางทำสำออยอ้อยอิ่ง | น้ำใสใจจริงเกษมสุข |
ทำบ่นบ้าว่าเคราะห์จำเพาะยุค | แล้วนางลุกจัดแจงตะแบงมาน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวสรรบ่นว่าน่าสงสาร |
รีบหาเทวีตะลีตะลาน | กับนายครัวตัวการขึ้นเฝ้าพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ เชิด ฯ
๏ ถึงหน้าพระที่นั่งแล้วยั้งหยุด | พอสองราชบุตรรังสรรค์ |
แลเห็นมารดาขึ้นมาพลัน | พากันลงจากแท่นมณี |
สององค์ตรงเข้ากอดบาท | เจียนจะสิ้นชีวาตม์ทั้งสองศรี |
ไม่ทันตรัสอัดอั้นอินทรีย์ | วิสัญญีนิ่งแน่แดดาล ฯ |
ฯ ๔ คำ โอด ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองโฉมยงสุดสงสาร |
สำคัญว่าโฉมฉายทำลายปราณ | กอดกุมารซอนซบสลบไป ฯ |
ฯ ๒ คำ โอด ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระมงกุฎเศร้าสร้อยละห้อยไห้ |
เห็นองค์ขนิษฐาพิราลัย | สองสายใจโอรสปลดปลง |
เปรียบดังพญานาคราช | มาพิฆาตพ่นพิษให้ผุยผง |
โจนจากที่นั่งบัลลังก์ทรง | กอดกษัตริย์สามองค์วิสัญญี ฯ |
ฯ ๔ คำ โอด ฯ
๏ บัดนั้น | กำนัลนางพวกเหล่าสาวศรี |
เห็นกษัตริย์ที่องค์ทรงโศกี | สิ้นสมประดีสลบไป |
ต่างคนตระหนกอกสั่น | เข้านวดฟั้นผันแปรแก้ไข |
ยื่นสุคนธ์ปนปรุงจรุงใจ | ชโลมให้ที่กษัตริย์ขัตติยา ฯ |
ฯ ๔ คำ สาธุการ ฯ
๏ รวยรินกลิ่นกลั่นคันธรส | ดอกไม้สดซึมซาบอาบนาสา |
สี่กษัตริย์ชุ่มชื้นฟื้นวิญญาณ์ | ผ่านฟ้าตรัสถามนางทรามวัย |
เนื้อนวลร่วมวันขวัญข้าวพี่ | พี่คว้าหาโฉมศรีหาพบไม่ |
ได้แต่สองลูกน้อยกลอยฤทัย | ค้นหายาใจในนัที |
ไปถึงท่าได้ผ้าสไบน้อง | พี่ร่ำร้องเรียกหานางโฉมศรี |
ตามรอยพิกุลมาในวารี | พอสูญที่ต้นไทรใจรอนรอน |
สาลิกาบอกความรีบตามติด | เอาชีวิตแลกรักต้องสมร |
พบฤๅษีเฒ่าชี้หนทางจร | จนรบรอนยักษ์ตายได้ธิดา |
พี่สงสัยใครช่วยเจ้าขึ้นฝั่ง | .........[๑] สงสัยเป็นนักหนา |
เห็นจะสิ้นเคราะห์กรรมที่ทำมา | ขวัญเอ๋ยขวัญกัลยาอย่าตกไกล ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฟังตรัส | ศรีสวัสดิ์ทูลพลางทางร่ำไห้ |
คว้าลูกสององค์กับทรงไชย | พอคลื่นใหญ่โยนมาคว้าไม่ทัน |
เจ็ดราตรีอยู่ที่ชเลกว้าง | เผอิญนางเมขลามาถึงนั่น |
อุ้มมาถึงท่าด้วยฉับพลัน | เมียด้นดั้นโหยหาพระสามี |
ยักษาไปพาเมียมาไว้ | จะตั้งให้เป็นเอกมเหสี |
ไม่ยอมยักษ์ยักษ์ฟันลงทันที | บุญมีไม่ม้วยด้วยมือมาร |
โกรธาสั่งข้าเป็นวิเสท | แสนสมเพชเมียนักมันหักหาญ |
จะตายวันพันหนสู้ทนทาน | ทูลพลางนงคราญก็โศกา ฯ |
ฯ ๘ คำ โอด ฯ
๏ เจ้าพี่ | มารศรีผู้ยอดเสน่หา |
ทั้งนี้บุญกรรมได้ทำมา | เหมือนเทวาต้นร้ายปลายดี |
จงหักโศกเถิดเจ้ายากเท่านั้น | จะนับวันปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
แล้วตรัสสั่งชาวคลังไปทันที | จัดเครื่องทรงส่งศรีภูษามา ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ครัวนางคลังในเสนอหน้า |
กราบกรานแล้วคลานออกมา | จัดหาเครื่องต้นเครื่องทรง ฯ |
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ ใส่พานคลานเข่าเข้ามาตั้ง | พร้อมทั้งพนักงานนํ้าสรง |
ต่างคนรีบรัดจัดประจง | เชิญเสด็จโฉมยงสรงวารี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองเยาวยอดนารีศรี |
เสด็จเข้าที่สรงชลธี | พร้อมเหล่าสาวศรีกำนัลใน ฯ |
ฯ ๒ คำ เสมอ ฯ
๏ นั่งเหนือแท่นทองรองสรง | บุษบงกระเซ็นเย็นใส |
หยัดย้อยฝอยฟุ้งจรุงใจ | กลิ่นบุปผามาลัยตรลบกาย |
สาวสกรรจ์สันทัดเข้าขัดสี | พระฉวีเปล่งเหมือนกับเดือนฉาย |
ทรงสุคนธ์ปนทองละอองอาย | ทั้งคันฉ่องส่องพระฉายผัดพักตรา |
ทรงภูษากรวยชายเขียนลายมาศ | เข็มขัดคาดรัดองค์ทรงภูษา |
ทรงสไบซ้ำซ้ำธรรมดา | ธำมรงค์วงราคาค่าบุรี |
หยิบมงกุฎจัดนวมจะสวมทรง | คิดอายฝูงอนงค์นางสาวศรี |
เขาจะว่าปล่อยแก่แน่กระนี้ | แล้วเทวีทรงรัดเกล้าเนาวรัตน์ |
ข้าหลวงน้อยน้อยคอยอยู่งาน | รำเพยพานเหื่อแห้งแป้งผัด |
พวกเอาหน้านั่งเบียดคอยเยียดยัด | ศรีสวัสดิ์นวยนาดยาตรา ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฉุยฉาย ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งถวายอภิวาท | สามีธิราชนาถา |
สวมสอดกอดสองพระลูกยา | จุมพิตปรางปราด้วยยินดี ฯ |
ฯ ๒ คำ ชมโฉม ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริยวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี |
พิศโฉมแก้วกัลยาณี | ถึงทั้งมีลูกเต้ายังเพราพริ้ง |
งามศักดิ์งามทรงดังวงวาด | วาจามารยาทสมเป็นหญิง |
พูดเป็นดอกพิกุลมีบุญจริง | เกศายิ่งหอมหวนชวนชื่นใจ ฯ |
ฯ ๔ คำ ร่าย ฯ
๏ ชมพลางทางสั่งสาวศรี | บอกอรุณวดีพิสมัย |
ให้นางกัลยามาไวไว | จะรู้จักกับนางเทวี ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวสรรประณตบทศรี |
รับสั่งแล้วพลันทันที | จรลีไปปรางค์ปราสาทไชย ฯ |
ฯ ๒ คำ ชุบ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งทูลกัลยา | ว่าผ่านฟ้าบำรุงกรุงใหญ่ |
ใช้ข้ามาทูลพระทรามวัย | ให้เสด็จขึ้นไปเพลานี้ |
นางที่พระบิดาเก็บมาได้ | ใช่อื่นคือองค์มเหสี |
เป็นแม่สองกุมารชาญฤทธี | เห็นจะให้เทวีไปบังคม ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมอรุณนารินปิ่นสนม |
ฟังความหวามไหวพระทัยตรม | ดังหนามยอกตอกระบมในอุรา |
จึงปรึกษาหารือพระพี่เลี้ยง | ครั้งนี้น้องเพียงจะคลั่งเป็นบ้า |
บัดนี้สมเด็จพระภัสดา | รับสั่งให้หาน้องขึ้นไป |
จะให้น้องคมคัลท่านเมียหลวง | จะหาญหักหนักหน่วงก็ไม่ได้ |
นางที่บิดาเอามาไว้ | ให้ไหว้ดีหรือมิไหว้นะพี่อา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงบังคมก้มเกศา |
ยุแยงแกล้งบอนเจรจา | แม่จะวันทาไม่ควรที่ |
เป็นคนหัวพลัดจากจรมา | ต่ำช้าสารพัดจะบัดสี |
บ้านเมืองของเราเจ้าเทวี | นางนี้ทรพลคนเชลย |
ยกขึ้นน่าชังตั้งเป็นใหญ่ | กลับให้แม่ไหว้กรรมกรรมเอ๋ย |
ผู้ดีเป็นไพร่พี่ไม่เคย | แม่ทรามเชยอย่าไหว้อายกำนัล ฯ |
ฯ ๖ คำ เจรจา ฯ
๏ ได้ฟัง | ช่างขัดแค้นแสนศัลย์ |
จะเป็นไรก็เป็นได้เล่นกัน | ไม่เมตตาฆ่าฟันก้มหน้าตาย |
ตรัสพลางแต่งองค์ทรงเครื่อง | รุ่งเรืองพริ้งเพริศเฉิดฉาย |
เสด็จจากปรางค์สุวรรณพรรณราย | ข้าหลวงทั้งหลายก็ตามมา ฯ |
ฯ ๔ คำ เพลง ฯ
๏ มาถึงมณเฑียรวิเชียรรัตน์ | นางกษัตริย์เลียบแลขวา |
แล้วบังคมสมเด็จพระภัสดา | แกล้งทำขึ้งปึ่งชาไม่พาที ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพิไชยมงกุฎโฉมศรี |
เห็นนางอรุณวดี | ท่วงทีขึงขังปั้นปึ่งนัก |
ตรัสเรียกร้อยชั่งมานั่งนี่ | ธุระมีจะแถลงแจ้งประจักษ์ |
ที่ให้หาโฉมยงนงลักษณ์ | มารู้จักกับเจ้าพิกุลทอง |
ขวัญข้าวเจ้าตกอยู่เมืองนี้ | บุญพี่มาพบสบสนอง |
ขอเชิญทรามสงวนนวลละออง | จงปรองดองวันทาเทวี |
ผัวจะได้สบายไปภายหน้า | แก้วตาเป็นน้องนั้นเป็นพี่ |
เหมือนทรามวัยให้สุขกับสามี | อย่ากังขาราคีไม่ต้องการ ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอรุณแค้นหนักทูลหักหาญ |
ตรัสมานี้ต้องคลองบุราณ | แต่รำคาญข้องในนํ้าใจเมีย |
แม้นพระองค์ได้นางมาทางอื่น | เมียแสนชื่นกราบไหว้ก็ไม่เสีย |
อันนางใช้ครัวเห็นปัวเปีย | ยกเมียให้วันทาระอาพักตร์ |
เมื่อพระองค์ไม่ทรงเมตตา | จะฆ่าตีชีวาให้ประจักษ์ |
รักตัวกลับชั่วลงเพราะรัก | พระทรงศักดิ์ชุบเลี้ยงให้เที่ยงธรรม ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสามีเคืองขัดอัดอั้น |
จึงตรัสว่าขี้หึงพูดดึงดัน | ลูกกระษัตริย์เหมือนกันทำลืมตัว |
บิดาไปพาเขามาไว้ | กลับว่าข้ามาให้ใส่ความชั่ว |
เจ้าพูดข่มเหงไม่เกรงกลัว | ทั้งนี้ก็เพราะตัวไม่มีบุญ |
แล้วไปเถิดเจ้าเจ้าไม่ไหว้ | พี่จะลาคลาไคลอย่าเคืองขุ่น |
บุญน้อยกลอยใจไม่การุณย์ | เจ้าหาจุลหาจักรศักดิ์สมกัน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางเคืองขัดแค้นค้อนค่อนเสกสรร |
อนิจจาทรงยศประชดประชัน | ตรัสไยอย่างนั้นพระภูมี |
ถึงบิดาพามาได้ร่วมรัก | รู้ประจักษ์ทั้งปรางค์ปราสาทศรี |
แต่หากนางทำชั่วตัวไม่ดี | จึงส่งไปไว้ที่หุงต้มแกง ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองเจ็บชํ้าคำแสลง |
จึงร้องว่าเจ้าอย่าตะแคะตะแคง | เสแสร้งมุสาพูดพาโล |
ข้าได้เสียเป็นเมียพ่อเจ้าหรือ | นางคนถือจัดจ้านพาลโทโส |
เดิมทีวิรุฬจักรยักษ์โกโร | มันเมาโมหะมากอยากเชยชม |
ตั้งแต่ป่าจนมาถึงปราสาท | เฝ้าหมายมาดชมชิดสนิทสนม |
เรามิได้ปรารถนาสมาคม | ขืนนิยมลูบคลำนั้นร่ำไป |
แล้วไม่เหมือนเป็นซื่อสัตย์ | เราบอกปัดไม่รักอย่าสงสัย |
ข้าสัตย์ซื่อถือมั่นจนบรรลัย | ครั้นนางไปพักตร์ยักษ์กลับมา |
แปลงเป็นมนุษย์เข้ามาเกี้ยว | แล้วโกรธเกรี้ยวว่าเรานี้ด่าว่า |
กลับเป็นยักษ์ซัดพระขรรค์ฟันกายา | บุญของข้าพระขรรค์สะบั้นไป |
การนี้สาวใช้ก็ได้เห็น | ถึงจะปิดมิดเม้นหาลับไม่ |
แล้วยักษ์ส่งนายครัวมอบตัวใช้ | จริงอย่างไรนางงามถามมารดา ฯ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รักยมแค้นขัดสหัสา |
ทูลองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา | ลูกเจ็บอายขายหน้านักภูมี |
เขาว่าแม่นี้ชั่วช้า | จะเอาหน้าไว้ไหนพระโฉมศรี |
พระก็เป็นกษัตราเจ้าธานี | ภูมีไล่เลียงดูเป็นไร |
ฤๅว่าพระฟังเล่นเห็นว่าเพราะ | ลูกไม่เห็นเหมาะที่ตรงไหน |
ว่าพลางทางคว้าพระขรรค์ไชย | หมายใจจะฆ่านางอรุณ ฯ |
ฯ ๖ คำ เชิด ฯ
๏ องค์พระบิดาเข้าคว้าได้ | นี่อะไรกราดเกรี้ยวเฉียวฉุน |
ราวกับฝอยติดไฟไหม้เป็นจุณ | ทำว้าวุ่นไม่งามเสียความเรา |
แล้วตรัสถามพิกุลทองน้องเจ้าพี่ | นางอรุณวดีเขาว่าเจ้า |
นอกใจผัวชั่วจริงฤๅนงเยาว์ | จะไม่ถามความเล่าเป็นชายทราม ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พิกุลทองทูลว่าหามิได้ | เขากล่าวไว้ว่าชั่วตัวต้องถาม |
ถ้าสืบสวนว่ากล่าวจะเบาความ | ขอทำตามสัตย์ซื่อพิสูจน์ตัว |
เมียจะขอลุยไฟให้คนเห็น | จะไว้เช่นนารีดีฤๅชั่ว |
แม้นซื่อตรงก็คงจะเป็นตัว | ถ้าลักเล่นเหนือผัวคงวายปราณ •ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงตรัสเสียงฉาดฉาน |
เหวยพวกอำมาตย์ราชการ | อย่านิ่งนานกองไฟใส่ตรงนี้ ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับใส่เกศี |
เรียกหาบ่าวไพร่ใช้ทันที | ขุดรางใส่อัคคีตรงชานพัก ฯ |
ฯ ๒ คำ ยานี ฯ
๏ โดยกว้างสี่ศอกยาวแปดศอก | เอาไม้ตอกเสามุมหลุมละหลัก |
สายสิญจน์ลงยันต์กันผียักษ์ | ตั้งศาลอารักษ์สูงเพียงตา |
นิมนต์สิทธาเข้ามานั่ง | อีกทั้งชีพราหมณ์ถ้วนหน้า |
แล้วเชิญทรงกลดรจนา | ทั้งพระแสงปราบดาใส่พานทอง |
ญาติวงศ์พงศาเสนายักษ์ | ก็พร้อมพรักแน่นนั่งทั้งผอง |
ถือพิพัฒน์สัจจาว่าแซ่ซ้อง | รักพวกพ้องไม่เท่าเจ้าแผ่นดิน ฯ |
ฯ ๖ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพิไชยสุริย์วงศ์ทรงศิลป์ |
ตรัสกับกัลยายอดนาริน | จงลุยไฟให้สิ้นมลทินตัว |
ยักษาเทวาในสถาน | จะได้เห็นเป็นพยานกันทั่วทั่ว |
หรือเห็นไฟใจหวั่นประพรั่นกลัว | ถ้าไม่ชั่วเนื้อเย็นไม่เป็นไร ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองผ่องพักตร์เพียงแขไข |
ทูลลาพระองค์ทรงไชย | โลมลูกสายใจอย่าโศกา |
แล้วนงคราญหยิบพานธูปเทียน | ประจงเจียนสิงสรรพ์พรรณบุปผา |
ทูลเกล้าแล้วกล่าวด้วยวาจา | ขอเชิญเทวาทุกพิมาน |
อีกองค์พระพิเนศพินาย | อิศวรนารายณ์ทุกสถาน |
ถ้าข้าไม่ตรงต่อภูบาล | ขอให้ไฟไหม้ผลาญข้าม้วยมิด |
แม้นข้าซื่อสัตย์ต่อสามี | ให้อัคคีเย็นรื่นชื่นจิต |
เปรียบดังคงคาสุรามฤต | หายร้อนถอนพิษอย่าแผ้วพาน |
คุณสองชนกมาปกเกล้า | ทั้งคุณท้าวภัสดากล้าหาญ |
มาคุ้มครองป้องกันในสันดาน | นงคราญเกษมเปรมปรีดิ์ ฯ |
ฯ ๑๐ คำ สาธุการ ฯ
๏ กราบลงที่ตรงเพลิงกล้า | เสนากระพือพัดถี่ |
โฉมยงก้าวลงในอัคคี | เย็นดังวารีทิพรส |
กวักเรียกนางอรุณโฉมศรี | มาลุยเพลิงกับพี่ให้ปรากฏ |
งามดังนางสวรรค์ชั้นโสฬส | ทอดกรอ่อนชดไปมา ฯ |
ฯ ๙ คำ เชิดฉิ่ง ฯ
๏ คนดูเยียดยัดอัดแอ | ก็เซ็งแซ่สรรเสริญเป็นนักหนา |
จริงแท้แน่นักประจักษ์ตา | มีบุญนักหนาพระเทวี |
เทวารักขากำพูฉัตร | เทพทั่วจังหวัดราศี |
โปรยทิพบุปผาสุมาลี | ดับแสงอัคคีทันใด ฯ |
ฯ ๔ คำ กระบองกัน ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระมงกุฎรัศมีศรีใส |
กับสองโอรสยศไกร | เข้าประคองทรามวัยจากอัคคี ฯ |
ฯ ๒ คำ เสมอ ฯ
๏ นั่งเหนือปัจถรณ์อ่อนละมุน | ตรัสกับนางอรุณโฉมศรี |
ตัวเจ้าจงเข้าลุยอัคคี | มารศรีเป็นคนต้นความ |
เดิมเจ้าว่าเขาเป็นเมียพ่อ | ลวงล่อจ้วงจาบหยาบหยาม |
เขาเถียงเจ้าว่าเขาไม่ผ่อนตาม | ลุยไฟไว้งามกับตาคน |
ยักษาเทวาสาธุการ | โปรยทิพสุมาลย์เกลื่อนกล่น |
ถึงทีแก้วตาแล้วหน้ามน | จะลือเลื่องเบื้องบนจบฟ้าดิน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้ฟัง | หันหน้าหันหลังนั่งผันผิน |
คิดพลางกล่าวตอบพระภูมินทร์ | เห็นสิ้นบริสุทธ์วิมุตความ |
มิใช่เมียปักหน้าว่าเห็น | เขาพูดเล่นแซ่ไปเมียได้ถาม |
ชายกับหญิงอยู่ด้วยกันมันไม่งาม | นั่นแหละตามผ่านฟ้าจะหารือ |
จะให้น้องลุยไฟอย่างไรนั่น | ใครกล่าวชั่วตัวฉันกระนั้นหรือ |
เจ้าข้าเอ๋ยเสริมส่งส่งกระพือ | จะเหยียบเมียไม่ให้หือขึ้นพ้นดิน ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ นางงาม | กล่าวความปลิ้นปลอกออกตัวสิ้น |
เสริมส่งใครเจ้าเฝ้าเล่นลิ้น | ดูหมิ่นไม่กลัวนางตัวดี |
ตรัสพลางขยับจับไม้เรียว | หวดดังเขวียวเขวียวถูกโฉมศรี |
นางกราดกรีดหวีดวิ่งเป็นสิงคลี | เถียงพลางทางหนีวนเวียน ฯ |
ฯ ๔ คำ ศัพท์ไทย ฯ
๏ ปากกล้า | ใส่ความหนามเสี้ยน |
แกล้งก่อล้อเลียน | พากเพียรแก่ตัว |
ให้ไหว้ไม่ไหว้ | ถือใจไม่กลัว |
ปึ่งเอาเจ้าผัว | ใส่ชั่วเทวี ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อไรข้า | เอาชั่วใส่ใครกระนี้นี่ |
เจรจาพาที | ไม่มีสัจธรรม |
เขาว่าทุกข์ใจ | จับไม้เรียวรัน |
สิ้นชาติขาดกัน | แต่วันนี้ไป ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าโทโส | หันหน้ามาโต้หากลัวไม่ |
เป็นไรเป็นไป | ขาดไหนขาดกัน |
เป็นเมียของข้า | กลับว่าอย่างนั้น |
ภูมีตีรัน | แจ่มจันทร์รับรอง ฯ |
ฯ ๔ คำ เชิด ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมอรุณขุ่นหมอง |
ถูกโพยภัสดาน้ำตานอง | หนีพลางทางร้องเร่งคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ โอ้ ร่าย ฯ
๏ เดินพลางทางทรงกันแสงศัลย์ | อายฝูงกำนัลน้อยใหญ่ |
อยู่ด้วยกันไม่ทันสักเท่าไร | มาต้องรับโพยภัยพระสามี |
ดึงดื้อเพราะถือคำพี่เลี้ยง | จึงทุ่มเถียงกระเหนียดเสียดสี |
ผัวว่าสิ่งไรไม่ไยดี | อันสตรีใครอย่าดูเยี่ยงเรา |
ไม่เกรงผัวตัวต้องจรเป็นหม้าย | ถ้ากลัวอายรักนวลสงวนเขา |
ต้องปล่อยปละละลดสู้อดเอา | อันหนึ่งเจ้าของผัวต้องกลัวเกรง |
รู้สึกผิดคิดได้สิกายยับ | สำทับเขาเย้ยเยาะไม่เหมาะเหม็ง |
จะโทษใครโทษใจของตัวเอง | ให้วังเวงเดินพลางทางโศกา ฯ |
ฯ ๘ คำ โอด ฯ
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้อง | กอดเข่าเศร้าหมองบ่นบ้า |
พี่เลี้ยงกำนัลนานา | ฟั้นยาทาทั่วทั้งอินทรีย์ ฯ |
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอรุณกำสรดกันแสงศรี |
โอ้พระจอมอิศโรโมลี | สิ้นปรานีรักใคร่อาลัยแล้ว |
น้องผิดนิดหน่อยหนึ่งเท่านั้น | ทรงธรรม์ขัดข้องไม่ผ่องแผ้ว |
โบยตีกายาข้าเป็นแนว | พระทูลกระหม่อมแก้วพึ่งเห็นใจ |
มีผัวหวังว่าจะหาสุข | กลับได้ทุกข์เศร้าหมองไม่ผ่องใส |
ร่ำพลางนางสลดระทดใจ | ทรามวัยข้อนทรวงเข้าโศกา ฯ |
ฯ ๖ คำ โอด ฯ
๏ อยู่ไย | ไหนไหนไม่พ้นครหา |
ตายเสียเถิดเกิดใหม่ให้ลับตา | ชาตินี้ข้าเป็นสตรีคนมีกรรม |
พอลับตาพวกเหล่าสาวศรี | นางลุกจากแท่นที่พิไรร่ำ |
หมกมุ่นขุ่นแค้นแสนระกำ | งามขำหาที่ผูกคอตาย ฯ |
ฯ ๔ คำ เพลงฉิ่ง ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงประหวั่นขวัญหาย |
เห็นนางทรามวัยไม่สบาย | ก็กวดชายตามดูอยู่ไกลไกล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอรุณครวญคร่ำร่ำไห้ |
มาพ้นสาวสรรกำนัลใน | ทรามวัยจะปลงชนมา ฯ |
ฯ ๒ คำ โอ้ ฯ
๏ นางจึงยอกรอ่อนเกศ | ทั่วไท้เทเวศร์ทุกแหล่งหล้า |
อีกทั้งชนนีบิดา | ธรณีคงคาทั้งพระพาย |
ข้าจะอาสัญในวันนี้ | ขอเกิดพบภูมีเหมือนใจหมาย |
เป็นคู่สร้างทุกชาติอย่าคลาดคลาย | อย่าหน่ายเสน่ห์น้องเป็นสองเมีย |
ชายอื่นอย่าให้ข้าปฏิพัทธ์ | จงกำจัดหลีกไปให้ไกลเสีย |
ขอแต่ผ่านเกล้าอยู่เคล้าเคลีย | นางคิดเสียใจเศร้าเปล่าวิญญาณ์ ฯ |
ฯ ๖ คำ โอด ฯ
๏ แข็งจิตคิดอายเสียดายชื่อ | อยู่หรือก็อายตายดีกว่า |
เปลื้องสไบที่ทรงติดองค์มา | ผูกกิ่งมณฑาหน้าเกยทรง |
สานรวดกวดชิดกระหมิดมั่น | ชายหนึ่งพันผูกศอนวลหง |
หัตถ์ปล่อยห้อยโหนโยนองค์ | หมายจะให้ปลดปลงพิราลัย ฯ |
ฯ ๔ คำ เชิดฉิ่ง ฯ
๏ พี่เลี้ยงวางวิ่งชิงแก้ | เซ็งแซ่กรีดกราดหวาดไหว |
บ้างเป่ายาหาหมอวิ่งสอไป | บ้างคลาไคลไปทูลพระมารดา ฯ |
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | สุนทรตบอกตกประหม่า |
ตรัสเรียกกำนัลกัลยา | รีบมาปราสาทพระบุตรี ฯ |
ฯ ๒ คำ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงจึงกอดพระธิดา | นางพญาตรัสสั่งอึงมี่ |
เรียกหมอนวดหมอยามาทันที | แก้ไขเทวีก็ฟื้นพลัน ฯ |
ฯ ๒ คำ รัว เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางอรุณคร่ำครวญกำสรวลศัลย์ |
กราบบาทมารดาแล้วจาบัลย์ | รำพันทูลสารพระมารดร ฯ |
ฯ ๒ คำ โอ้ ฯ
๏ โอ้พระมารดาของลูกเอ๋ย | พระคุณเคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงสั่งสอน |
ลูกทำชั่วใส่ตัวจึงเดือดร้อน | อยากม้วยมรณ์ให้ลับอัประมาณ |
บัดนี้สมเด็จพระผ่านฟ้า | ตีข้าแกล้งตรัสประหัตประหาร |
นางมนุษย์โรงครัวตัวโปรดปราน | เป็นแม่สองกุมารพระลูกอา |
จะให้ลูกวันทาว่าเมียหลวง | ลูกทูลท้วงนางนี้เป็นขี้ข้า |
พระภูมีตีลูกพระมารดา | จักแหล่นชีวาจะบรรลัย |
ความอายจะตายเสียให้พ้น | อยู่ดูหน้าคนกระไรได้ |
สำหรับจะอัประมาณไป | ทรามวัยทอดองค์ทรงโศกา ฯ |
ฯ ๘ คำ โอด ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระมารดรกอดลูกเสน่หา |
ตรัสว่าขวัญข้าวเจ้าแม่อา | อนิจกรรมกรรมทำผิดไป |
ไม่ควรจะตายวายชีวิต | เห็นผิดเป็นชอบหาชอบไม่ |
ผัวว่าแก้วตาไม่ตามใจ | จะให้ไหว้ต้องไหว้อย่าดื้อดึง |
อย่างไรเขาก็ไปเป็นเมียหลวง | เจ้าหนักหน่วงต่อล้อเป็นข้อหึง |
มันจึงเกิดวุ่นวายได้อายอึง | ทุกวันพึ่งบุญใครเจ้าไม่คิด ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังมารดา | กัลยารู้ตัวว่าตัวผิด |
ฟังคำแม่สอนด้วยอ่อนฤทธิ์ | เปลื้องปลิดโทโสหายโกรธา |
จึงทูลว่าข้าคิดจะมอดม้วย | แต่ติดด้วยพระแม่แน่หนักหนา |
ได้ห้ามปรามแล้วตามเถิดมารดา | ลูกเห็นจริงอย่างว่าทุกสิ่งอัน ฯ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ชนนีรับมิ่งสิ่งขวัญ |
พร่ำสอนธิดาวิลาวัณย์ | ใช่จอมขวัญเจ้าเล็กเด็กเมื่อไร |
อย่าเชื่อคนสาระวอนมันยอนยุ | หน่อยจะมุคิดอ่านทำการใหญ่ |
สิ่งนี้แม่ขอไม่พอใจ | มักเกิดภัยปัจจุบันเห็นทันตา ฯ |
ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระพิไชยมงกุฎนาถา |
รู้ว่านางอรุณกัลยา | กลับไปปรางค์ปราผูกคอตาย |
ที่กริ้วกราดมาดหมายก็หายคิด | กลับมีจิตจงรักสมัครหมาย |
ขวนโฉมพิกุลทองสองลูกชาย | ไปเยี่ยมนางโฉมฉายดูเทวี |
จะได้รู้กิจจาอัชฌาสัย | เห็นด้วยกันรึไม่นางโฉมศรี |
หรือนางทรามวัยไม่ไยดี | ตัวพี่ไม่ขัดอัชฌา ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังตรัส | ศรีสวัสดิ์โอนอ่อนผ่อนหา |
เมียไม่ขืนขัดพระอัชฌา | เชิญเสด็จผ่านฟ้ารีบคลาไคล ฯ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงยิ้มแย่มแจ่มใส |
เสด็จจากปรางค์มาศปราสาทไชย | ฝูงนางในเหลือหลามตามภูมี ฯ |
ฯ ๒ คำ เพลง ฯ
๏ ครั้นถึงจึงเห็นพระมารดา | พร้อมหน้าทั้งเหล่าสาวศรี |
ชวนองค์พระอัครเทวี | กับลูกสองศรีเข้าวันทา |
ตรัสว่าเนื้อเย็นเป็นอย่างไร | จะบรรลัยลิบลับดับสังขาร์ |
ตัวผิดไม่พิจารณา | กลับมาฆ่าตัวไม่กลัวกรรม |
พระมารดาอย่าเข้าข้างไหน | ปรึกษาว่าไปตามข้อขำ |
ให้ไหว้เมียหลวงกับท้วงคำ | ว่าตกต่ำเป็นไพร่ไม่วันทา |
ข้อหนี่งว่าเขาเป็นเมียพ่อ | จนติดต่อลุยไฟให้นักหนา |
เขาลุยได้ไว้ชื่อจนลือชา | เทพไทไพร่ฟ้าสาธุการ |
ครั้นลูกว่าจะให้ไปลุยบ้าง | ไม่รอรั้งขึ้นเสียงเถียงฉาน |
อดไม่ได้ไล่ตีหนีลนลาน | ขอประทานไม่ได้ทูลพระชนนี ฯ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มารดาว่าน้อยไปเสียอีกนี่ |
แม้นให้ไปบอกแม่กระนี้ | จะได้ตีให้ยับจับมัดมือ |
เชื่อถือขี้ข้ามุสากล่าว | เรื่องราวนี้แม่ไม่รู้หรือ |
บุญนางนักหนาท้าวหารือ | ถูกไม่ได้ไม้มือจะพองพัง |
ขัดใจส่งไปเป็นทาสา | ลูกสาวมาโยโสพูดโอหัง |
ธรรมดาเจ้าถึงตัวชัง | เกรงผัวบ้างกลัวอายต้องไหว้นาง |
พิกุลทองใจดีจะมีไหน | ไม่ผูกใจขัดข้องหมองหมาง |
แล้วหันหน้าว่ากับลูกสาวพลาง | จงกราบบาทพี่นางแม่ใจดี ฯ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางอรุณมารศรี |
กราบกับบาทานางเทวี | แล้วกราบบาทสามีขอสมา |
ครั้งนี้เมียทำให้ท้าวโกรธ | ษานุโทษเมียรักเป็นหนักหนา |
แต่นี้ไปไม่ขัดอัธยา | เมียหมายเหมือนบิดาที่บรรลัย |
ทั้งพระพี่นางของน้องรัก | น้องผิดนักผิดหนาจะหาไหน |
แม่ไม่ถือโทษคิดจองภัย | แต่นี้ไปไม่เคืองบทมาลย์ ฯ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พิกุลทองฟังว่าน่าสงสาร |
จึงตรัสกับโฉมเฉลาเยาวมาลย์ | นงคราญเจ้าคิดนั้นผิดไป |
ใจพี่นี้หรือไม่ถือโกรธ | จะเอาโทษกับน้องหาต้องไม่ |
เราจะได้เห็นกันจนบรรลัย | ไหนไหนได้ร่วมพระสามี |
มารดาตรัสว่าแม่สาธุ | ผิดอะไรให้ลุเถิดโฉมศรี |
หกกษัตริย์สนทนาพาที | งอนง้อออดกันไปมา ฯ |
ฯ ๖ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงทรงฤทธิ์ทุกทิศา |
เห็นดวงจิตพนิดา | ไม่ฉันทาประนอมพร้อมพรัก |
พระแสนยินดีปรีดา | ดังได้ฟากฟ้าไตรจักร |
จึงตรัสชวนโฉมยงสองนงลักษณ์ | ทูลลาทรงศักดิ์ชนนี |
ทั้งสองกุมารชาญณรงค์ | กราบลงที่เพลาทั้งสองศรี |
ห้าองค์ลงจากปรางค์มณี | จรลีตามกันเป็นหลั่นไป ฯ |
ฯ ๖ คำ เพลง ฯ
๏ ครั้นถึงจึงเสด็จเหนืออาสน์ | กำนัลนาฏนอบน้อมล้อมไสว |
ทั้งสองโอรสยศไกร | อีกสองทรามวัยพระเทวี |
พระแสนปรีดิ์เปรมเกษมสุข | ไม่มีทุกข์ขัดข้องหมองศรี |
ทั้งสองอัคเรศเกศนารี | ถ้อยทีร่วมรักสมัครกัน ฯ |
ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ
จบเนื้อความในหนังสือสมุดไทยเพียงเท่านี้
[๑] หนังสือสมุดไทยชำรุด