๏ มาจะกล่าวบทไป พระพิไชยมงกุฎ[๑]ฤทธิไกร
เป็นบุตรท้าวสังข์ศิลป์ไชย พระมารดานั้นไซร้ชื่อสุพรรณ
พระชันษาเจ้าได้สิบเจ็ดปี ลักขณาราศีเฉิดฉัน
งามละม่อมพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน สารพันเป็นที่จำเริญตา
คิดจะใคร่ไปสรงชลธี ยังที่ฉนวนน้ำประจำท่า
ด้วยบุญเคยสมอบรมมา กับโฉมกัลยาวิลาวัณย์
จึงสั่งพี่เลี้ยงไปทันที ให้ผูกพาชีตัวขยัน
สั่งเสนาในให้พร้อมกัน เรานั้นจะไปสรงพระคงคา ฯ

ฯ ๘ คำ เจรจา ฯ

๏ สั่งพลางเสด็จบทบาท จากราชนิเวศน์เลขา
พระเสด็จขึ้นทรงอาชา พี่เลี้ยงเสนาก็ตามไป ฯ

ฯ ๒ คำ กราวนอก ฯ

๏ มาถึงประทับท่าฉนวนนั้น ไม่ทันที่จะผลัดพระภูษา[๒]
จึงเห็นผอบนั้นลอยมา วนอยู่ตรงท่าฉนวนใน
หลากด้วยผอบใบนี้ น่าจะมีเหตุผลเป็นไฉน
ฤๅจะเป็นข้าศึกประการใด จะมาลองฤทธิไกรฤๅไรนา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ว่าแล้ว พระแก้วหยิบสังข์มิได้ช้า
แล้วเสี่ยงสังข์ขว้างลงในคงคา ด้วยศักดานุภาพเกรียงไกร
อันว่าสังข์ทองอันฤทธี ลอยรี่เข้ามาหาช้าไม่
ช้อนได้ผอบพลันทันใด มาถวายท้าวไทผู้ทรงธรรม์ ฯ

ฯ ๔ คำ เชิด ฯ

๏ พระรับเอาผอบมาเปิดดู เห็นเส้นผมอยู่ในผอบนั้น
งามสดศรีใสใครจะทัน กลิ่นนั้นหอมฟุ้งขจรมา
พระพินิจพิศดูเร่งอาวรณ์ เห็นตัวอักษรอันเลขา
พระอ่านดูพลันมิทันช้า ใครได้ผอบข้าเร่งตามไป
อยู่ในเภตราผู้เดียวนี้ ปักษีมันกินเสียม้วยไหม้
แม้นเป็นคู่ครองของน้องไซร้ ท้าวไทจงเร่งติดตามมา ฯ

ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ

๏ พระก็ปิดผอบเสียทันใด คลั่งคลุ้มพระทัยใฝ่ฝันหา
ดังเจ้าผมหอมติดตามมา พระราชาเคลิ้มหลงงงงวยไป
พระทรงถือผอบเสด็จมา จะรู้สึกกายาก็หาไม่
พระเสด็จเข้ายังวังใน โยธาไสวห้อมล้อมมา ฯ

ฯ ๔ คำ เชิด ฯ

๏ พระเสด็จขึ้นสู่ปราสาท ลีลาศเข้าปรางค์อันเลขา
เอนองค์ลงกับแท่นไสยา เปิดฝาผอบขึ้นเชยชม
อันมนุษย์ในต่ำใต้ฟ้า ไม่ปรากฏรจนาเท่ากลิ่นผม
โอ้กลิ่นนี้เอยได้เชยชม จะภิรมย์สมสวาดิไม่คลาดน้อง
เมื่อไรเลยจะได้สมอารมณ์หมาย จะได้วายทุกข์ทนที่หม่นหมอง
จะเปลี่ยวเปล่าอยู่กระไรในสัดจอง พระกอดผอบทองแล้วหลับไป ฯ

ฯ ๖ คำ ตระ ฯ

๏ รุ่งแจ้ง พระอุทัยไขแสงสุริย์ใส
พระตื่นจากบรรทมภิรมย์ใน เสด็จไปขึ้นเฝ้าพระบิดา ฯ

ฯ ๒ คำ เสมอ ฯ

๏ ครั้นถึงจึงทูลแถลงเหตุ แก่พระบิตุเรศนาถา
ว่าลูกไปสรงพระคงคา ได้ผอบลอยมาแต่นัที
ในผอบมีผมเส้นหนึ่งไซร้ หอมระรื่นชื่นใจลูกพ้นที่
คลั่งคลุ้มกลุ้มใจใช่พอดี โปรดเกศีเถิดพระบิตุรงค์
แม้นลูกมิได้ดังใจคิด เห็นชีวิตลูกนี้จะผุยผง
จะขอลาไปตามนางโฉมยง พระบิตุรงค์จงโปรดปรานี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น องค์พระบิตุเรศเรืองศรี
ฟังพระลูกยาพาที ภูมีตรึตรึกนึกใน
เห็นว่าจะเป็นคู่เคยสังวาส ด้วยพระราชโอรสศรีใส
ตรัสปลอบลูกรักอย่าร้อนใจ พ่อจะให้แต่งสำเภาพลัน
ตรัสแล้วทรงธรรม์สั่งเสนา อย่าช้าจงเร่งผายผัน
หมายบอกวางเวรเกณฑ์กัน ในวันพรุ่งนี้อย่าได้ช้า
เร่งให้ไปทำสำเภาทอง อันงามเรืองรองเลขา
บาหลีที่ท้ายเภตรา ประดับแก้วจินดาให้เรืองไร
ปากปลาราโทท้ายสัดจอง ฉลุฉลักลายทองผ่องใส
จัดแจงนายช่างทั้งนั้นไป ให้แล้วแต่ในบัดนี้ ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งใส่เกศี
ออกไปสั่งกันทันที เร่งรัดตามมีพระบัญชา ฯ

ฯ ๒ คำ เจรจา สาธุการ ฯ

๏ ครั้นทำสำเร็จเสร็จแล้ว เสนาคลาดแคล้วเข้ามาหา
ก้มเกล้ากราบทูลพระราชา เภตราเสร็จแล้วพระภูมี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎเรืองศรี
ครั้นได้พิไชยฤกษ์ดี ภูมีกราบลาพระบิดา
ทั้งพระมารดาของภูเบศ จบบาทเหนือเกศเกศา
พระเสด็จลีลาศยาตรา ออกมาจัดแจงแต่งองค์
ทรงเครื่องประดับสำหรับกระษัตริย์ พิพัฒน์ไพบูลย์สูงส่ง
ทรงพระขรรค์ศรสิทธิ์ฤทธิรงค์ เสด็จลงสู่สำเภาทอง ฯ

ฯ ๖ คำ เสมอ ฯ

๏ บัดนั้น ต้นหนคนงานทั้งผอง
เห็นพระเสด็จลงสำเภาทอง ได้ฤกษ์โห่ร้องให้ชักใบ
บ้างถอนสมอบ้างยิงปืน ครึกครื้นสนั่นหวั่นไหว
เป่าสังข์กระทั่งแตรเซ็งแซ่ไป บัดใจเคลื่อนสำเภาทองมา ฯ

ฯ ๔ คำ โล้ ลำ ฯ

๏ พระมงกุฎจึงโบกธงสะบัด พระพายก็พัดมานักหนา
หัวหกยกท้ายอยู่ไปมา เภตราแล่นเรื่อยเฉื่อยไป
พระชมแต่พรรณฝูงปลา โลมาพ่นนํ้าอยู่ไสว
ปลาวาฬว่ายเรียงเคียงกันไป ฉลามโลดไล่เคล้าคลึงกัน
ปลาทุกังว่ายเรียงเคียงคู่ แมงดาราหูผาดผัน
กะโห้เหรามีหลายพรรณ ทรงธรรม์ดูเล่นจำเริญตา ฯ

ฯ ๖ คำ เชิด ฯ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนางกาขาวยักษา
อยู่แดนพระสมุทรคงคา เป็นทาสาของท้าวเวสสุวัณ
ต้องสาปลงมาอยู่ช้านาน รักษาชลธารกระแสสรรพ์
ทำอิทธิฤทธิ์ไกรใจฉกรรจ์ บัดนั้นก็ผุดขึ้นทันที ฯ

ฯ ๔ คำ กราวนอก ฯ

๏ เห็นสำเภาทองของมนุษย์ ของพระมงกุฎเรืองศรี
แลลอดสอดดูตามวารี เห็นพระภูมีงามโสภา
ยักษีมีใจสวาดินัก จะใคร่ได้ร่วมรักเสน่หา
จึงนิมิตบ้านเมืองให้โอฬาร์ ที่ริมคงคาชลาลัย
ยักษีนิฤมิตตนพลัน ให้เป็นสาวสรรแจ่มใส
ทรงโฉมประโลมละลานใจ ชายใดได้เห็นเป็นขวัญตา ฯ

ฯ ๖ คำ ตระ ชมตลาด ฯ

๏ นุ่งผ้าพื้นแดงแย่งทอง ห่มสไบกรองอันเลขา
ทองกรอร่ามงามโสภา ใส่แหวนซ้ายขวาเห็นน่าชม
เจ้าทอดแขนกรีดเล็บเก็บมาลา ทำจริตกิริยาก็งามสม
สะบัดผ้าห่มเล่นให้เห็นนม หวังจะให้ชายชมจำเริญตา
ครั้นเห็นเภตราเข้ามาใกล้ ทำเดินออกไปถวายหน้า
ทำเดินผาดนาดนวยรวยมา ทำเป็นตากผ้าด้วยราวทอง ฯ

ฯ ๖ คำ ฉุยฉาย ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎฤทธิไกรไม่มีสอง
สถิตยังท้ายสำเภาทอง ทอดพระเนตรตามช่องบาหลี
เห็นเป็นบ้านเมืองอันโอฬาร์ นางหนึ่งลักขณาแจ่มศรี
ตรัสสั่งเสนาไปทันที ภูมีให้ทอดสมอลง
พระเสด็จขึ้นจากเภตรา ลีลาดั่งพญาราชหงส์
พระดำเนินเข้าไปให้ใกล้องค์ โฉมยงจึงมีพระวาจา ฯ

ฯ ๖ คำ เพลง ฯ

๏ น้องเจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดเสน่หา
บ้านเมืองประเสริฐโอฬาร์ ไพร่ฟ้าผู้คนจึงไม่มี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางยักษ์ทำจริตบิดผันหนี
นางจึงทำตอบไปทันที พระพันปีประสงค์สิ่งอันไร
ข้านี้เป็นคนกำพร้าอยู่ หารู้ที่จะบอกออกมาได้
ขอเชิญพระองค์เร่งถอยไป อย่ากันน้องไว้จะไคลคลา
ว่าพลางทางทำบทจร ทอดกรกรีดกรายทั้งซ้ายขวา
ดูเอาอาจอุกรุกเข้ามา ทำยุดฉุดคร่าน่าอายใจ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ น้องรัก จำนงลักษณ์จักด่วนไปไหน
จะถามความสักหน่อยจึงค่อยไป มีธุระโตใหญ่มาติดตาม
เจ้ารู้จักผมหอมบ้างฤๅไม่ จงบอกพี่ไปอย่าเกรงขาม
พี่ขี่สำเภามาติดตาม โฉมงามนี้แล้วกระมังนา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังถาม นางแกล้งแต่งความหรรษา
ถามถึงผมหอมน่าเวทนา ข้าเจ้านี้แหละขาจะทำไม
บอกแล้วทำชะม้ายชายหนี ทำทีจะให้สงสัย
เลี้ยวลอดหลีกเข้าทวารไชย หวังจะให้พระองค์เจ้าตามมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎเร่งหรรษา
ไม่รู้เล่ห์กลมารยา พระเดินตามเข้ามาถึงห้องใน
เห็นนางนั่งอยู่บนแท่นทอง พระเจ้าค่อยย่องเข้านั่งใกล้
จึงถามนวลนางทรามวัย เหตุไรมาอยู่แต่ผู้เดียว
อตส่าห์ติดตามเจ้างามมา ฝ่าข้ามคงคาแม่นํ้าเขียว
มาพบโฉมงามทรามเปลี่ยว เหลียวพักตร์สักหน่อยจะขอลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ดูเอา อาจอุกรุกเข้ามาหา
จนกระทั่งถึงในที่ไสยา เนื้อความจะว่าต่อกัน
มิหนำซ้ำยึดสไบห่ม เลียมลองต้องนมเป็นข้อขัน
มาทำข่มเหงไม่เกรงกัน ทำเล่นเช่นนั้นไม่ให้ไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เหนือเกล้า ที่นี้ต้องเกาะกุมไว้
จะปรับไหมมากน้อยสักเท่าใด เป็นไรเป็นกันในวันนี้
ว่าพลางยอกรเกี่ยวกระหวัด รึงรัดลูบโลมนางโฉมศรี
กามาเดือดดิ้นทั้งอินทรีย์ สองศรีสู่สมภิรมย์ใน ฯ

ฯ ๔ คำ โลม ตระ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎฤทธิไกร
สมสู่อยู่ด้วยอรไท ได้หลายราตรีนานมา
เกศาที่หอมขจรกลิ่น ก็หายไปหมดสิ้นเร่งกังขา
เปิดผอบดูผมที่เอามา กลิ่นฟุ้งโอฬาร์ขจรใจ
ทั้งกลิ่นก็ผิดกันนักหนา หรือจะเป็นยักษาเร่งสงสัย
พระเจ้าเป่ามนต์สะกดไว้ เสด็จไปสำเภาใช้ใบมา ฯ

ฯ ๖ คำ เชิด ฯ

๏ แล่นมา ถึงแดนปักษาที่หาดใหญ่
เห็นสำเภาห้าร้อยเรียงกันไป ประหลาดใจไม่เห็นหมู่โยธา
สั่งให้ทอดสมอลงทันที ที่นี้ชอบกลเป็นนักหนา
เหมือนคำที่ลอยผอบมา สั่งทหารโยธาไปทันใด
ให้เที่ยวค้นดูทุกเภตรา ให้รู้กิจจาเป็นไฉน
เหตุไรจึงเงียบสงัดไป ถามไถ่ให้แจ้งกิจจา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกศา
เร่งรัดทหารโยธา เที่ยวค้นเภตราทันใด ฯ

ฯ ๒ คำ เชิด ฯ

๏ เห็นแต่กระดูกกองก่าย มากมายกว่าหมื่นอสงไขย
จะเป็นโจรปล้นก็ผิดไป เหตุไรข้าวของเต็มเภตรา
ผิดแล้วชาวเราอย่าไว้ใจ ดีร้ายบรรลัยด้วยยักษา
ชวนกันมาทูลพระราชา เห็นผิดนักหนาพระภูวไนย
เห็นแต่กระดูกนั้นเกลื่อนกล่น จะเหลือสักคนก็หาไม่
สิ่งของที่ลำสำเภาไซร้ เต็มอัดยัดไปทุกเภตรา
ขอทราบพระองค์ผู้ทรงไชย แม่นแท้แน่ใจเป็นยักษา
สำเภาห้าร้อยยังมรณา เราน้อยตัวนักหนาพระพันปี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎยิ้มแย้มแจ่มศรี
จะกลัวมันไยกับไพรี จะต่อฤทธีไม่ขามใจ
มันมาสักเท่าไรเราจะสู้ หาได้ร้อนถึงหมู่โยธาไม่
สงบอยู่ดูทีประการใด จะรู้แจ้งใจในท่วงที ฯ

ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางพิกุลทองโฉมศรี
อยู่ในห้องทิพรูจี เทวีตั้งคอยทุกเวลา
ได้ยินสำเนียงเสียงรี้พล นิฤมลยินดีเป็นนักหนา
มาจอดทอดอยู่ริมเภตรา จะว่าต่างภาษาก็ผิดไป
ฤๅจะเป็นที่ได้ผอบทอง จะมาปกเกล้าน้องฤๅไฉน
จะเป็นเสียงจีนจามก็ผิดไป น่าจะเป็นพวกไทยเภตรา
ออกมาเยี่ยมตามช่องมองดู จะรู้แห่งอย่างไรจะไปหา
อดสูดูร้ายพ้นปัญญา เป็นหญิงแบกหน้าไปหาชาย
เกิดมายังไม่เคยแก่ตัวเลย อกเอ๋ยคิดมาน่าใจหาย
ครั้นจะนิ่งอยู่ก็สู้ตาย โฉมฉายหักใจแล้วไคลคลา ฯ

ฯ ๑๐ คำ เพลง โอ้ ฯ

๏ กราบลงที่ตรงหน้าฉาน เยาวมาลย์คลอเนตรทั้งซ้ายขวา
ซบพักตร์ลงทรงโศกา พิกุลทองตกมาเรี่ยรายไป ฯ

ฯ ๒ คำ โอด ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎเร่งผ่องใส
กลิ่นผมหอมฟุ้งจรุงใจ ท้าวไทเพ่งพิศวนิดา
ยกเต้าพระสุคนธ์มาลูบพักตร์ นงลักษณ์คลายแสนเสน่หา
เห็นนางได้สมประดีมา พระปราศรัยแก้วตายาใจ
เกิดเหตุไฉนน้องเจ้าพี่ พวกพลทั้งนี้ม้วยตักษัย
พากันมาแต่เมืองใด เหตุการณ์เป็นไฉนเจ้าพี่อา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางพิกุลทองไม่กังขา
เดิมทีแร้งยักษ์ศักดา ไปอยู่กับยายตาถึงกรุงไกร
แกล้งทำตะพานทองไปขอข้า พระบิดาไม่รู้จึงยกให้
มันบอกว่าเป็นบุตรเจ้ากรุงไกร พรัดพลไปในพนาลี
พระบิดาจึงแต่งสำเภาให้ มาจอดไว้มันกินเสียเป็นผี
ตัวข้าย่านางช่วยปรานี ชีวีจึงได้รอดมรณา
โปรดเกล้าเกศาพาไปส่ง ถึงองค์พระผู้เกิดเกศา
แม้นไปถึงกรุงพระพารา จะปรารถนาสิ่งใดไม่คิดตัว ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎได้ฟังก็ยิ้มหัว
วาจาเสงี่ยมเจียมตัว ความคิดเจ้าชั่วไปเมื่อไร
พี่เพียรพยายามมาตามน้อง เพราะได้ผอบทองผ่องใส
ถึงเงินทองกองโกยสักเท่าไร พี่พอหาได้เป็นไรมี
อันตามดอกฟ้าหายอดยาก สุดแสนลำบากนะโฉมศรี
ถึงเพชรมรกตที่อย่างดี ที่มีราคาค่าควรเมือง
พี่มาตามแก้ววิเชียรได้ ดังฤๅจะให้พี่ปลดเปลื้อง
พี่จะพาเจ้าไปเป็นศรีเมือง ให้รุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งในนัครา
ว่าพลางเล้าโลมโฉมสวาดิ แอบอิงพิงพาดเสน่หา
ถอยหนีพี่ไยนะแก้วตา ฤๅว่ากัลยาไม่ปรานี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ โปรดเกล้า พระเจ้าจงโปรดเกศี
พระองค์จงได้ปรานี ใช่ที่จะพ้นไปเมื่อไร
ขอพระองค์จงฆ่าอ้ายปักษา ให้ม้วยมรณาเสียให้ได้
เสร็จแล้วข้าน้อยจะยอมไป ท้าวไทจงทรงพระเมตตา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เจ้าพี่ บัดนี้อยู่ไหนอ้ายปักษา
สักเวลาไรมันจะมา แก้วตาจงบอกให้แจ้งใจ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระภูมี วันนี้มันจะมาหาช้าไม่
เจ็ดวันมาเยี่ยมทุกคราวไป เคยได้กินคนอยู่อัตรา ฯ

ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาแร้งราชปักษา
ครั้นถ้วนเจ็ดวันก็ไคลคลา จึงพาบริวารบินไป
ออกจากเขานิลกาฬา บดบังสุริยาแสงใส
สุรเสียงครืนครั่นสนั่นไป มืดคลุ้มกลุ้มในธรณี ฯ

ฯ ๔ คำ แผละ ฯ

๏ มาถึงหาดทรายที่เคยกิน ปักษินร้องก้องเสียงศรี
สำเภาทองของใครลำนี้ คนมีมากน้อยสักเท่าไร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎยิ้มแย้มแจ่มใส
ยืนหัวสำเภาแล้วตอบไป ถามเราว่าไรอ้ายใจพาล
อันแร้งอื่นไซร้ไม่เหมือนมึง ถึงตายจึงกินเป็นอาหาร
มึงแร้งตายห่าอ้ายสาธารณ์ สามานย์กินคนเสียทั้งเป็น
มึงเคยไปลวงมากินได้ บัดเดี๋ยวนี้ไซร้จะได้เห็น
มึงจะบรรลัยไม่ทันเย็น หัวมึงจะกระเด็นจากกายา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาแร้งเคืองขัดเป็นนักหนา
โผผินบินลงไปด้วยฤทธา กับหมู่ปักษาเข้าโจมตี
พระมงกุฎรับหวดด้วยพระขรรค์ หัวขาดสะบั้นลงกับที่
ตายกลาดดาษไปในชลธี ด้วยฤทธิ์จักรีอันเกรียงไกร ฯ

ฯ ๔ คำ เชิด ฯ

๏ เมื่อนั้น พระมงกุฎฤทธิ์ลํ้าสุริย์ใส
ครั้นฆ่าพญาแร้งบรรลัย ให้เกณฑ์คนลงใส่เภตรา
สำเภาห้าร้อยก็ชักใบ เคลื่อนคลาออกไปจากท่า
แล่นตามสำเภาทองมา ด้วยเดชบุญญาพระภูมี ฯ

ฯ ๔ คำ เชิด ฯ

๏ มาถึง ยังเมืองพระมงกุฎกรุงศรี
สำเภาทองทอดท่าทันที พาโฉมเทวีขึ้นเฝ้าพลัน ฯ

ฯ ๒ คำ เพลง ฯ

๏ มาถึงจึงตั้งบังคมบาท บิตุราชมารดาเกษมสันต์
โฉมนางพิกุลทองดวงจันทร์ ถวายอัญชุลีภูวไนย ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฝ่ายโฉมสุพรรณมารดา สวมกอดลูกยาพิสมัย
บิดามารดาปรารมภ์ใจ อาลัยไปถึงพระลูกยา
แล้วตรัสชมโฉมศรีสะใภ้ สมกันกระไรเป็นนักหนา
พ่อจะให้หาฤกษ์เวลา ทำขวัญลูกยาทั้งสองไท
ลูกรักเจ้าไปเหนื่อยมา เชิญไปปรางค์ปราสุกใส
พ่อจะจัดให้หาฤกษ์ไชย ที่จะได้สมโภชพระลูกยา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระพิไชยมงกุฎเร่งหรรษา
ชวนโฉมพิกุลทองกัลยา บังคมลามายังปรางค์ทอง ฯ

ฯ ๒ คำ เสมอ ฯ

๏ สมสนิทพิสมัยในไสยาสน์ มิได้คลาดชื่นชมภิรมย์สอง
คลึงเคล้าเย้ายวนนวลละออง ในแท่นทองเป็นสุขทุกนิรันดร์ ฯ

ฯ ๒ คำ โลม ตระ ฯ


[๑] เอกสารต้นฉบับหนังสือสมุดไทยมีทั้ง “พิไชยวงกุฎ” และ “พิไชยมงกุฎ” ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ใช้ “พิไชยมงกุฎ” ตามฉบับเลขที่ ๒๘

[๒] สัมผัสไม่รับกับคำกลอนสุดห้ายของบทก่อนหน้านี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ