เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๔๘

จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน

ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

----------------------------

วันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด ไม่ได้เสด็จออก

วันอาทิตย์ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด ไม่ได้เสด็จออก

วันจันทร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่ง “คอนโดเลอ” ที่ท่าน้ำ ณ ท้องพระโรง ไม่มีกระบวนข้างในตามเสด็จพระราชดำเนิน เรือพระที่นั่งออกจากท่ามาออกคลองหลังเกาะ เรือกลไฟจูงเรือพระที่นั่งขึ้นไปตามลำคลองไปออกแม่น้ำใหญ่เหนือวัดชุมพลนิกายาราม เรือพระที่นั่งประทับท่าน้ำตำหนักสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นตำหนัก ทรงเยี่ยมเยือนสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์ มีพระราชดำรัสพอสมควร แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับลงเรือพระที่นั่ง เรือพระที่นั่งออกจากท่าน้ำเรือกลไฟจูงอ้อมลงมาตามลำแม่น้ำนอกเกาะ แล้ววกเข้าริมไลท์เฮาขึ้นไปตามลำน้ำในเกาะ เรือพระที่นั่งประทับท่าพระราชวัง เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

วันอังคาร ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเมื่อก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินครู่หนึ่งนั้น พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีเสด็จทรงเรือพระที่นั่ง “คอนโดเลอ” เสด็จออกทางประตูสาครประพาส ไปออกคลองหลังเกาะ เรือกลไฟจูงเรือพระที่นั่งล่องลงไปตามน้ำสุดท้ายเกาะ แล้ววกกลับขึ้นมาตามลำน้ำในเกาะชั้นกลาง มาประทับเรือพระที่นั่ง “เวสาตรี” ที่จอดอยู่ยังท่าพระราชวัง เสด็จขึ้นประทับบนเรือพระที่นั่ง “เวสาตรี”

เวลาย่ำเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนินไปประทับศาลที่พักพระรูปพระเจ้าปราสาททอง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องสักการเสร็จแล้ว เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จกลับมาประทับที่กระโจมใต้ต้นมะม่วง มีข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ที่นั้นหลายนาย มีพระราชดำรัสด้วยพระบำราศคดีจีนครู่หนึ่ง พระราชทานให้กรมนำไปบูชาพระพุทธรูป ณ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่ง “เวสาตรี” ใช้จักรออกจากท่าพระราชวังล่องลงมาตามลำน้ำ เวลาย่ำค่ำเศษถึงท่าราชวรดิตถ์ เรือพระที่นั่งประทับท่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบรมวงศานุวงศ์นั้น มีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภานุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นประธาน ฝ่ายข้าราชการมีเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง เป็นประธานมีพระราชดำรัสด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการบ้างเล็กน้อย แล้วเสด็จพระราชดำเนินมาขึ้นทรงพระราชยาน ดำเนินกระบวนมาประทับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับมุขหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีพระดำรัสด้วยกรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการครู่หนึ่งแล้วเสด็จขึ้น

วันพุธขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาคธาธรธรณินทร์ เมืองพระตะบองฉบับ ๑ ว่าได้พร้อมกันชักศพพระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ปลัด เข้าโรงทึมและนำผ้าไตร ผ้าขาวของไทยทานซึ่งพระราชทานไปนั้น ทำบุญแล้วตีศิลาหน้าเพลิงพระราชทานเพลิงศพพระยาณรงค์เรืองฤทธิ์เสร็จแล้วถวายพระราชกุศล

แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระจรูญราชโภคากร ณ เมืองหลังสวนฉบับ ๑ ส่งเงินภาษีอากรสุราบ่อนเบี้ยค่าน้ำเมืองสวี เมืองตะโก จำนวนปีระกา สัปตศก เงิน ๑๖ ชั่ง ๑๓ ตำลึง ๑ สลึง ๕ เฟื้อง ๓๓ ไพ ให้หลวงสโมสรราชกิจคุมเข้ามาส่ง

แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์ จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วันศุกร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอก จมื่นราชามาตย์ข้าหลวง พระวิเศษฦาชัยกรมการเมืองอ่างทอง ว่าได้พร้อมกันชำระผู้ร้ายปล้นสะดมย่องเบา แย่งชิงและฆ่ากันตายได้ตัวผู้ร้ายเป็นอันมาก และความสืบไม่สมไม่ได้ของกลางและตัวความเป็นญาติกันบ้าง ชำระแล้วไป ๗๔ เรื่อง ผู้ร้ายที่ยังไม่ได้ตัวก็ยังสืบสาวอยู่ ได้ให้กรมการคุมตัวผู้ร้ายเป็นสัตย์ส่งของกลางแล้ว ผู้ร้าย ๒๑ คน ตัวจำนำผู้ร้าย ๓ คน รวม ๒๔ คน กับคำให้การลงมาส่งฉบับหนึ่งกับใบบอกพระยาอุตรการโกศล ผู้รักษาเมืองพิชัย ว่าเมื่อพระยาวิชัยยังไม่ถึงแก่กรรม ได้จัดซื้อม้าสีเขียว สูง ๒ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว ม้าหนึ่งจะส่งลงมาถวาย พระยาพิชัยถึงแก่กรรมเสีย จึงได้ให้นายเวตบุตรพระยาพิชัยคุมลงมาถวายฉบับ ๑

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกหลวงจรูญศักดิ์ประเสริฐปลัดเมืองกำเนิดนพคุณ ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งว่าพระมหาสิงคิคุณอดุลยสุพรรณภูมานุรักษ์ ผู้ว่าราชการป่วยโรคชราถึงแก่กรรม วันพฤหัสบดีขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ อัฐศก อายุ ๙๐ ปี อีกฉบับ ๑ ว่าด้วยผู้ร้ายขึ้นปล้นบ้านขุนสุวรรณคีรีกำนันเมืองกำเนิดนพคุณ ฆ่าขุนสุวรรณคีรีกำนันตายเก็บทรัพย์ไป โจทก์จำชื่อจำหน้าได้ ๓ คน ชื่อ อ้ายเหลือ อ้ายแหม อ้ายพัด สืบราษฎรชาวบ้านได้ความว่าอ้าย ๓ คนนี้เป็นคนจรจัด บัดนี้หนีไปอยู่แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ได้มีหมายไปถึงพระยาพิชัยชลสินธุ์ ๆ ไม่ส่งเป็นความขัดข้อง

เสด็จขึ้นประทับตรัสกับกรมหลวงเทวะวงศ์ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นจากออฟฟิศ

วันเสาร์ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ไม่มีอันใด ไม่ได้เสด็จออก

วันอาทิตย์ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอาหารบริรักษ์ หลวงภูเบนทรสิงหนาท ว่าด้วยมาจากเมืองนครศรีธรรมราชถึงเมืองไชยา แล้วให้คนขึ้นไปแจ้งความต่อพระยาวิชิตภักดีผู้ว่าราชการ ๆ แจ้งความว่ากรมการเป็นไข้จับตายเสียสักสามส่วน เหลือส่วนหนึ่งก็ป่วย กำนันอำเภอราษฎรก็ป่วยไข้ตายเสียมาก พระยาไชยาเองก็ป่วยอาการมากจึงเห็นว่าบ้านเมืองกำลังป่วยไข้ชุกชุมจึงออกเรือมาเมืองชุมพร ได้วางตราพระคชสีห์ต่อพระยาชุมพร ๆ ได้ส่งตัวเสนอกรมการที่ต้องหาของนายเนตรมาชำระได้ ๒๗ วัน เกิดไข้จับชุกชุมขึ้นจึงงดไว้และเร่งได้เงินค่านาจากขุนแก้วเสนา จำนวนปีวอก ฉศก เมืองชุมพร ๔๘ ชั่ง ๑ ตำลึง ๓ บาท เมืองหลังสวน ๔๔ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง รวม ๑๒๘ ชั่ง ๖ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึงเข้ามาส่งพร้อมกับพระยาอาหารบริรักษ์

หลวงวิจารณ์อาวุธนำพระยาอาหารบริรกษ์ หลวงภูเบนทรสิงหนาท ข้าหลวงไปชำระความนายเนตรกล่าวโทษเสนากรมการเมืองตะวันตกกลับมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระราชทานสัญญาบัตรหมื่นยุทธณรงค์ เป็นหลวงกลมาพิจิตร เจ้ากรมฝรั่งแม่นปืนหน้าขวา ๑

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศตรัสกับกรมหลวงเทวะวงศ์ จนเวลาเกือบทุ่มเศษขึ้นข้างใน

วันจันทร์ขึ้น ๑๐ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาวันนี้ไม่ทรงพระสบาย ทรงพระประชวรวรรณโรคไม่ได้เสด็จออก

วันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ก็ยังไม่ทรงพระสบายไม่ได้เสด็จออก วันนี้สวดมนต์หล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์

วันพุธ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้าเสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ทรงปฏิบัติพระสงฆ์ ๕ รูปรับพระราชทานฉันและทรงหล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา เวลาเช้า ๔ โมง ๒๙ นาที เป็นปฐมฤกษ์

เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออกขุนนาง.

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็งขึ้นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาพิชัยสุนทรเมืองอุทัยธานี ว่าด้วยป่าไม้แม่วงเปิง ได้ให้มองเอิดเปรียงทำสัญญารับทำป่าไม้ และเสียค่าตอมาแต่จำนวนปีเถาะเอกศก ๑๒๔๑ จนปีมะเมีย จัตวาศก ๑๒๔๔ ได้ ๔ ปีขายเลหลัง ให้มองป๊อกทำต่อมา ๓ ปี ครบ ๗ ปีตามหนังสือสัญญา ได้เตือนให้นายร้อยมองกลาไปบอกมองป๊อกทำสัญญาเสียใหม่ ก็ไม่มาทำและยังตัดฟันอยู่จนทุกวันนี้ฉบับ ๑ กับใบบอกพระพรหมประสาสน์ศิลป์เมืองพรหมบุรี ขอที่เขตพระอุโบสถวัดกระดังงาโดยยาว ๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๕ วา ๒ ศอก เป็นที่วิสุงคามสีมาฉบับ ๑ กับใบบอกหลวงกำแหงพลล้านปลัดเมืองชัยนาท ว่าด้วยพระฤทธิเจ้าอธิการกับราษฎรขอที่เขตพระอุโบสถวัดอู่สำเภา โดยยาว ๙ วา โดยกว้าง ๑ วา เป็นที่วิสุงคามสีมา

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระพิชัยชลสินธุ์ เมืองประจวบคีรีขันธ์ ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งว่าด้วยมีผู้ร้ายขึ้นปล้นจีนหงื่อบ้านเกาะหลักฆ่าจีนหงื่อผัวอำแดงบู่ภรรยาตาย อำแดงบู่รู้จักชื่อว่า อ้ายขุนเนน อ้ายกำพร้า อ้ายแป้ง จึงแต่งกรมการออกสืบได้ความว่า อ้าย ๓ คนหนีไปอยู่หนองบัวสิงขรนอกเขาแดนฝ่ายอังกฤษ อีกฉบับ ๑ ว่ามีโจทก์ฟ้องอ้ายมุกฆ่าอำแดงแดงตายได้ตัวมาพิจารณารับเป็นสัตย์ ได้เอาตัวจำตรวนไว้ อีกเรื่องหนึ่งว่ามีผู้ร้ายปล้นเรือนนายบุตร์อำแดงงิ้วบ้านท่าข้าม ได้สืบจับได้ตัวอ้ายเนตรมาถามรับเป็นสัตย์ซัดเพื่อนอีก ๖ คนแต่เป็นคนเมืองชุมพรบ้าง เมืองไชยาบ้าง

หลวงวิจารณ์อาวุธนำพระบริสุทธิ์ เมืองตะกั่วทุ่ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายเข็มขัดเพชรสายหนึ่ง

พระราชทานสัญญาบัตรพระเสนานุชิตนายกองส่วยกระวาน เป็นพระยาอรัญภักจางวางกองส่วยกระวานเมืองพระตะบอง ๑

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันศุกร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ มีการซ้อมแห่โสกันต์พระองค์เจ้าภัทธรายุวดี เป็นการแห่ทางในตามเคยมาแต่ก่อน

เวลาค่ำแล้วเสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาวิเศษฦๅไชย เมืองฉะเชิงเทรา ว่าได้พร้อมกับขุนอมเรนทรมนตรี ขุนศรีรัตนากร ผู้แทนพระเทพผลู ข้าหลวงคลังสินค้า หมื่นราชภักดี กรมมหาดไทย ผูกปี้ข้อมือจีนเมืองฉะเชิงเทราและเมืองขึ้น ได้จำนวนจีน ๔๑๖๖ คน เงินค่าแรง ๒๐๘ ชั่ง ๖ ตำลึง มากกว่าปีมะเมีย จัตวาศก ๒๗๔ คน ได้เงินแล้ว ๓๑๖๓ คน เงิน ๑๕๘ ชั่ง ๓ ตำลึง ค่าฎีกา ๗ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง รวมเงิน ๑๕๘ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ให้ข้าหลวงกรมการคุมเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกหลวงสวัสดิบุรีรมย์ หลวงอนันต์สมบัติผู้ช่วย หลวงอินทรเดชราชภักดี ยกกระบัตร เมืองสงขลา ๒ ฉบับ ฉบับหนึ่งว่าด้วยได้ผูกปี้ข้อมือจีนเมืองสงขลาและเมืองขึ้น ได้จีนคงเมือง ๕๐๗ คน จีนจร ๗๑ รวม ๕๗๘ คน เงินค่าแรงค่าฎีกา ๒๘ ชั่ง ๑๙ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง อีกฉบับ ๑ ว่าได้แต่งกรมการกำกับเสนาเดินประเมินเก็บเงินค่านาในแขวงเมืองสงขลาได้เงิน ๕๐ ชั่ง ยังเรียกต่อไป ได้แต่งกรมการกำกับเสนาคุมเงินเข้ามาส่งครั้งหนึ่งก่อน

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งอะไรบ้างเล็กน้อย แล้วเสด็จขึ้นเวลาเกือบทุ่ม

วันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาวันนี้เป็นวันที่พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าภัทธรายุวดี และหม่อมเจ้าอาภาพรรณีในกรมหลวงพิชิตปรีชากร หม่อมเจ้าหญิงมนัสสวาดิ์ในกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช หม่อมเจ้าหญิงสุนทรารมย์ในกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ หม่อมเจ้าจรัสโฉมในกรมหมื่นพรหมวรานุรักษ์ จะได้ถวายไตรพระสงฆ์ซึ่งจะได้มาเจริญพระพุทธมนต์ในเวลาพรุ่งนี้

เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้เชิญเสด็จกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส หม่อมเจ้าพระและนิมนต์พระราชาคณะเปรียญผู้ใหญ่ผู้น้อย รวม ๓๐ องค์ ขึ้นมาคอยบนท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จออกประทับท้องพระโรงกลาง เสด็จประทับตรัสกับกรมพระปวเรศครู่หนึ่ง โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอทรงประเคนผ้าไตรสลับแพรย่ามโหมดเทศแด่กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย ๑๐ องค์โปรดให้หม่อมเจ้าอาภาพรรณ์ หม่อมเจ้ามนัสสวาดิ์ หม่อมเจ้าสุนทรารมย์ หม่อมเจ้าจรัสโฉม ถวายผ้าไตรสลับแพร ย่าม แด่พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยองค์ละ ๕ รูป แล้วพระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป เสด็จประทับตรัสกับเจ้านายครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

วันนี้เจ้าพนักงานได้ตั้งพระแท่นมณฑลและเครื่องพระราชพิธีทั้งปวงหน้าพระที่นั่งพุดตาน ณ ท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันอาทิตย์ แรม ๑ ค่ำเดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพนักงานได้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะสวดมนต์ขึ้นไปนั่งที่ ณ ท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี เสด็จลงทรงเกยพระที่นั่งนิพัทธพงศ์ถาวรวิจิตร โปรดให้เรียกกระบวนแห่เข้าไป กระบวนก็เหมือนคราวก่อน เสด็จลงทรงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าภัทธรายุวดีลงทรงยานมาศ แต่ผูกเป็นหาม ๘ เลื่อนยานมาศจากเกยแล้วนางเชิญเครื่องเดินต่อยานมาศ หม่อมเจ้าอาภพารรณี หม่อมเจ้ามนัสสวาดิ์ หม่อมเจ้าสุนทรารมย์ หม่อมเจ้าจรัสโฉม แล้วมีกระบวนหลังเป็นข้าหลวงตามธรรมเนียม เดินกระบวนไปตามถนนเลี้ยวลงมุมตำหนักพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี แล้วเลี้ยวลงริมตำหนักพระองค์ยิ่งเลี้ยวขึ้นถนนหน้าพระตำหนักสมเด็จพระนางเจ้า มาเลี้ยวริมตำหนักกรมสมเด็จพระสุดารัตน์ เทียบยานมาศกับเกยที่ประตูริมพระที่นั่งบรรณาคมสรณีย์ แล้วเสด็จขึ้นมาประทับท้องพระโรงกลาง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลิีพระบาท พระเจ้าลูกเธอและหม่อมเจ้าที่จะทรงสดับพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์นั้นประทับหน้าพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนธูปเครื่องนมัสการ แล้วกรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีลเพราะกรมพระปวเรศไม่ทรงถวาย โปรดให้กรมหมื่นถวายแล้วกรมหมื่นวชิรญาณชักสวดมนต์ พระสงฆ์ ๓๐ องค์เจริญสัตปริตร ครั้นสวดจบแล้วถวายอติเรกถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นส่งพระเจ้าลูกเธอเดินกระบวนแห่กลับตามทางที่แห่มา

วันนี้พระเจ้าลูกเธอทรงพระเกี้ยวยอดอย่างเช่นเคยมา พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ดำ พระบรมวงศ์ก็ทรงฉลองพระองค์ดำ ข้าราชการก็สวมเสื้อดำตามเคย

วันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จลงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอแห่ตามทางเดิม แล้วเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีลแล้ว พระสงฆ์สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตร เวลาทุ่มเศษสวตมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น ทรงส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอแห่กลับตามเคย

วันอังคาร แรม ๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จลงส่งกระบวนแห่อย่างเวลาวานนี้ แห่มาตามทางเดิม ทรงรับพระกรแล้วเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี ทรงจุดเทียนธูปเครื่องสักการ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสถวายศีลแล้ว พระสงฆ์สวดมหาสมัยสูตร เวลาทุ่มเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา เสด็จขึ้นส่งกระบวนแห่กลับตามธรรมเนียม

วันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสด็จลงทรงเกยซึ่งตั้งกระบวนแห่ แล้วแห่ไปตามทางจนถึงเกยริมพระที่นั่งบรรณาคมสรณีย์ ทรงรับพระกรพระเจ้าลูกเธอแล้วเสด็จออกมาประทับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรี พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าภัทธรายุวดี และหม่อมเจ้าอาภาพรรณี หม่อมเจ้ามนัสสวาดิ์ หม่อมเจ้าสุนทรารมย์ หม่อมเจ้าจรัสโฉมทรงเครื่องถอดออกมาประทับเก้าอี้หน้าอาสนสงฆ์ออกมาเป็นลำดับ พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเครื่องนมัสการ กรมหมื่นวชิรญาณถวายศีล พอได้พระฤกษ์พระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ลงเหนือพระเมาลีพระองค์เจ้าภัทธรายุวดี แล้วทรงจรดพระกรรไตรกรรบิดจำเริญพระเกศาโสกันต์ ขณะนั้นพระสงฆ์ทั้งปวงถวายชัยมงคลพร้อมกัน เจ้าพนักงานประโคมดุริยางดนตรีตามโบราณประเพณี พระเจ้าอยู่หัวเจริญพระเกศาพระเจ้าลูกเธอแล้ว เสด็จมาทรงจรดพระกรรไตรกรรบิดเกศากันต์ หม่อมเจ้าอาภาพรรณี หม่อมเจ้ามนัสสวาดิ์ หม่อมเจ้าสุนทรารมย์ หม่อมเจ้าจรัสโฉม ทรงจำเริญพระเกษากันต์องค์ละปอย แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหลวงวรศักดาพิศาล สมเด็จกรมพระจักรพรรดิจำเริญพระเกศาพระเจ้าลูกเธอ และจำเริญเกศาหม่อมเจ้าทุกองค์ ครั้นเสร็จแล้วภูษามาลาจึงจำเริญพระเกษาทั่วทุกพระองค์ แล้วเสด็จลงไปสู่แท่นสรง ซึ่งตั้งภายในประตูพรหมโสภาเข้าไป เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์ตามธรรมเนียม พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ประทานน้ำพระพุทธมนต์ แล้วเสนาบดีถวายน้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์พิธีทั้งปวงถวายน้ำกรดสังข์ตามอิศวรเวทวิศณุมนต์ แล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นมาทรงประเคนพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วพระเจ้าลูกเธอ และหม่อมเจ้าทรงสไบตาดเฉียงพระอังสา เสด็จออกมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงหลังน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิมพระราชทาน แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอถวายบริขารพระสงฆ์ ๑๐ องค์ หม่อมเจ้าถวายองค์ละ ๕ องค์ พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงเครื่องพระเจ้าลูกเธอทรงเครื่องต้น ทรงพระชฎา หม่อมเจ้า ๓ องค์ทรงชฎาพอกทรงนวมและทรงเสื้อตาดสีมีเจียระบาด แล้วเสด็จลงไปประทับเกยริมพระที่นั่งบรรณาคมสรณีย์ ส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอทรงยานมาศหามขึ้นบ่าหม่อมเจ้า ๕ องค์ ทรงเฉลี่ยงกงหาม ๘ แห่กลับตามทางเดิม

เวลาย่ำค่ำเสด็จลงส่งกระบวนแห่แต่เกยริมพระที่นั่งนิพัทธพงศ์ แห่ไปตามมาขึ้นเกยทางพระที่นั่งบรรณาคมสรณีย์ แล้วเสด็จขึ้นมาบนพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเฝ้าเบื้องยุคลบาท โปรดให้พราหมณ์พิธีทั้งหลายเบิกแว่นเทียนสมโภชตามอิศวรศาสตร์โดยทักขินาวัฏถ้วนเบญจวาร ขณะนั้นเจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ตามโบราณประเพณี ครั้นแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิมพระราชทานพระเจ้าลูกเธอและหม่อมเจ้าทั้ง ๔ องค์ แล้วแห่กลับตามทางเดิม

พระเจ้าอยู่หัวประราชทานเงินสมโภชพระเจ้าลูกเธอ พระคลังมหาสมบัติ ๕ ชั่ง พระคลังใน ๒๐ ชั่ง หีบลงยาราชาวดี ๑

หม่อมเจ้า ๔ องค์ ๆ ละชั่ง ๑ เงินพระคลังมหาสมบัติ

พระเจ้าลูกเธอทรงเครื่องต้นทรง ทรงยานมาศหามขึ้นบ่า หม่อมเจ้าทรงทรงเฉลียงกง

การคราวนี้มี สิงโต ระเบง กระอั้วแทงควาย แทงวิไสย ตามเช่นเคยมาเป็นเสร็จการพิธีโสกันต์ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าภัทธรายุวดี

วันพฤหัสบดี แรม ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนางทรงปิดทองแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาสุรินทร์เมืองเพชรบุรีว่า ด้วยขุนเจนกระบวนหัดถือหนังสือเจ้าพระยามหินทรออกไปเอาตัวทหารที่หลบหนีราชการ และจะเอาตัวขุนหมื่นนาหลวงและขุนหมื่นนอกนาหลวงสักข้อมือแล้วที่สมัครเข้ามาครั้งก่อน แต่โปรดเกล้า ฯ ให้กลับออกไปรับราชการนั้นกลับเข้ามาอีกและจะเอาลูกหมู่ ซึ่งเป็นบุตรของขุนหมื่นนาหลวง และขุนหมื่นนอกนาหลวงซึ่งพี่หรือน้องได้เข้ามาเป็นทหารอีก พระยาสุรินทย์จึงของดเลขที่ข้อมือดำและลูกหมู่คงเมืองไว้ (เรื่องนี้ได้โปรดให้งดคนที่สักข้อมือแล้วและลูกหมู่เลขคงเมืองไว้เพราะเมืองเพชรบุรีมีราชการมาก) กับใบบอกพระยาวิชิตชาญณรงค์เมืองปราณบุรีว่าจัดให้แตงอุลิต ๕๐๐ ผลเข้ามาถวายฉบับ ๑

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาพิชัยบุรินทราชาหลวงกรมการเมืองสมุทรสาคร ว่าด้วยมีผู้ร้ายปล้นตีเรือนนายพลัด ผู้ร้ายฟันนายพลัดเก็บทรัพย์ไป เจ้าของทรัพย์ได้ยินเสียงเป็นไทยบ้างรามัญบ้าง ได้แต่งพระวิเศษภักดีข้าหลวง กับหลวงยกกระบัตรออกสืบสวนติดตามผู้ร้ายแล้วฉบับ ๑ กับใบบอกหลวงเรืองศักดิสาครเขตร ปลัดเมืองสมุทรสาครว่าตั้งแต่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรแล้วออกไปรับราชการอยู่เมืองสมุทรสาครมาจนบัดนี้ พระยาสมุทรสาครหาได้ให้ว่ากล่าวถ้อยความอย่างใดอย่างหนึ่งเลยตัวไม่ได้รู้เห็นด้วยครั้งนี้ ข้าหลวงจะเร่งเอาผู้ร้ายกับพระยาสมุทรสาครตามที่ได้ยื่นสารบบไว้ พระยาสมุทรสาครเข้ามากรุงเทพ ฯ เสีย ข้าหลวงจะเร่งเอากับหลวงเรืองศักดิสาครเขตร เหลือสติกำลัง (รับสั่งให้บังคับพระยาสมุทรสาครให้กลับออกไปบ้านเมือง)

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์ จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันศุกร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาเพชรกำแหงเมืองชุมพร ว่าได้แต่งให้กรมการออกกำกับเสนาออกเดินประเมินเก็บเงินค่านาแก่ราษฎรจำนวนปีวอก ฉศก ได้จำนวนนาที่เรียกเงิน นา ๑๙๖๖๕ ไร่ เงิน ๙๒ ชั่ง ๓ ตำลึง ๒ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง เศษงาน ๘๐๖๘ งาน เงิน ๓ ชั่ง ๓ ตำลึง ๑ เฟื้อง โก่นสร้างปีที่สาม ๗๑ ไร่ เงิน ๔ ตำลึง ๑ บาท ๓ สลึง รวมเงิน ๙๕ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๑ สลึง หักค่า ๑๒ ลดพระราชทานเสนากรมการ เงิน ๑๑ ชั่ง ๙ ตำลึง ๑ บาท ๑ สลึง คงส่งหลวงเงิน ๘๔ ชั่ง ๑ ตำลึง ๓ บาท มอบให้แก่เสนากรมการคุมเข้ามาส่ง กับเงินค่านาขึ้นวัด นา ๙๑ ไร่ ๓๑ งาน เงิน ๘ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ได้ถวายพระสงฆ์แล้วฉบับ ๑ กับใบบอกหลวงพรหมภักดียกกระบัตร ผู้รักษาเมืองหลังสวนว่าได้แต่งกรมการกำกับเสนาออกเดินประเมินนา จำนวนปีวอก ฉศก ได้จำนวนนาเมืองหลังสวนที่เรียก เงิน ๒๙ ชั่ง ๒ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง ๖๐๐ ไพ เมืองสวี ๒๑ ชั่ง ๒ ตำลึง ๑ สลึง ๑ เฟื้อง ๒๐๐ ไพ หัก ๑๐๐ ละ ๑๒ ลดพระราชทานเสนากรมการ เงิน ๖ ชั่ง ๑ บาท ๓ สลึง คงส่งเงินหลวง เงิน ๔๔ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ได้ให้เสนาคุมเข้ามาส่งเสร็จสิ้นจำนวนแล้ว เงินค่านาขนวัด เงิน ๑ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้องนั้น ได้ถวายตามพระอารามทั่วแล้ว

พระยาพิพัฒโกษาอ่านบอกพระยาวิชยาธิบดีเมืองจันทบุรี ว่าด้วยพระแกลงแกล้วกล้าเมืองแกลงมีใบบอกมาว่าได้แต่งกรมการออกตรวจเสาโทรเลข แต่แขวงเมืองจันทบุรีจนแขวงเมืองระยอง ได้ความว่าไม้ล้มทับเสาโทรเลขขาด ๒ แห่งได้เอาลวดผูกเสาไว้ และที่เมืองแกลงได้ทำเรือนที่พักที่ปากน้ำประแส มีเรือนใหญ่หลัง ๑ ครัวหลัง ๑ ศาลากลางหลัง ๑ โรงงาน ๒ หลัง โรงครัวหลัง ๑ ที่เกาะเสม็ด เรือนด่านหลัง ๑ ครัวหลัง ๑ กับพระอารามที่โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างที่ริมเจดีย์ปากน้ำประแสนั้น ยกกฎี ๒ หลัง หลังยาว ๕ วา ๒ ศอก กว้าง ๓ วา เฉลียง ๓ ด้าน หลังหนึ่งยาว ๕ วา ๓ ศอก กว้าง ๔ วา เฉลียงรอบ ครัวหลัง เสาไม้แก่นพื้นกระดาน ฝาไม้ระกำทั้ง ๓ หลัง วันอังคารขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก พระแกลงแกล้วกล้าได้อาราธนาพระสงฆ์มาจำพรรษา ๕ รูป และยังปรุงหอสวดมนต์อีกหลัง ๑ กุฏิอีกหลัง ๑ แต่พระอุโบสถนั้นยังพึ่งปรุงตัวไม้ยังไม่เสร็จ ถ้าการว่องไปบ้างจะบอกมาครั้งหลัง

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นในเวลาเกือบทุ่ม

วันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

วันนี้ไม่มีราชการอันใด พระยาพิชัยบุรินทราข้าหลวงกลับเข้ามาถวายเรื่องราวกล่าวโทษจมื่นสมุหพิมานว่าด้วยไม่ปรองดองกัน (โปรดเกล้า ฯ ว่าพระยาพิชัยบุรินทราเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ และไม่มีความผิดอันใด โปรดให้ถอนจมื่นสมุหพิมานเข้ามาเสีย)

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์ แล้วพระนิเทศชลธีเฝ้าถวายแผนที่หนทางที่จะทำทางรถไฟ เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันนี้เวลาบ่าย ๔ โมง พระบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นบริรักษ์นรินทรฤทธิ์ ซึ่งประชวรพระโรคกษัยมาช้านานนั้น สิ้นพระชนม์ลง

วันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก ไม่มีราชการอันใด

เวลาวันนี้กรมหมื่นอดิศรและเจ้าพนักงานทั้งปวง ได้พร้อมกันสรงน้ำพระศพกรมหมื่นบริรักษ์ และทรงเครื่องพระศพตามโบราณวิสัย แล้วเชิญพระศพลงพระโกศลองใน เชิญลงมาตั้งบนแว่นฟ้า ๒ ชั้น บนท้องพระโรงของท่าน พระราชทานเครื่องสูง ๓ ชั้น ๙ คัน กลองชนะจ่าปี่จ่ากลอง แตรสังข์ประโคมพระศพ พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม ทั้งกลางวันกลางคืนตามอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระราชวังบวร

วันจันทร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกห้องออกขุนนางทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

หลวงวิจารณ์อาวุธ อ่านบอกพระวิชิตชาญณรงค์เมืองปราณบุรี ว่าด้วยอำเภอกำนันจับอ้ายหลำผู้ร้ายมาส่ง แล้วนายเขียวฟ้องว่าอ้ายหลำกับพวกอีก ๓ คนเป็นผู้ร้ายแย่งกระบือไป ๒ กระบือ ถามอ้ายหลำรับเป็นสัตย์ซัดเพื่อน ๓ คน คือ ถ้ายนิน อ้ายปลื้ม อ้ายเรือง แล้วรับต่อไปว่าได้พร้อมกับอ้ายนิน อ้ายเรือง อ้ายปลื้ม และเพื่อนอีก ๑๑ คน ไปปล้นจีนเห่งอำแดงพวงบ้านทุ่งหลวงเมืองเพชรบุรีรายหนึ่ง แต่พวกเพื่อนเหล่านั้นยังหาได้ตัวไม่ ถ้าติดตามได้ตัวมาจะบอกมาครั้งหลัง

หลวงวิจารณ์นำหลวงเพชรคีรีศรีพิชัยสงครามปลัดเมืองตะกัวทุ่ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายผ้าม่วงต่างสี ๒๐ ผืน

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์ จนเวลาเกือบ ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันอังคาร แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้วเสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยามหามนตรีข้าหลวง ชำระความผู้ร้ายฆ่ากันตายเมืองราชบุรี ว่าด้วยเชิญพระราชหัตถ์ไปถวายกรมสมเด็จพระที่เพนียดกรุงเก่า และเชิญตราไปวางเมืองลพบุรี แล้วได้พร้อมด้วยพระยาพิสุทธิธรรมธาดากรมการ แต่งกรมการออกสืบจับผู้ร้ายรายฆ่าแขกสับปเยกอังกฤษตาย ๒ ราย ได้บนจับรายละ ๕ ชั่ง แล้วผู้มีชื่อมาแจ้งความว่า อ้ายกัง อ้ายจู เป็นคนฆ่าแขกตายกับพวกเพื่อนรายหนึ่ง อ้ายศุข อ้ายแก๋น ยิงแขกตายรายหนึ่ง และว่าอ้ายผู้ร้ายเหล่านี้หนีไปอยู่บ้านป่าตาล แขวงพระพุทธบาทได้ให้กรมการถือหมายสูตรนารายณ์ ไปถึงหลวงสัจพรรณคีรีเมืองพระพุทธบาท หลวงสัจพรรณคีรีได้แต่งกรมการไปสืบ อ้ายก๋ง อ้ายจู และขุนนราอำแดงดำผู้เป็นบิดามารดาอ้ายก๋ง และอ้ายศุขอ้ายแก่นหาได้ตัวไม่ หลบหนีไปเสีย แต่เดือนเก้าข้างขึ้นแล้ว ได้แต่นายทอง บิดา ภรรยาขุนนรา และนายฟ้อง น้องภรรยานายตุ่นบ่าวมายังเมืองลพบุรี ได้ตามนายทอง ๆ ให้การว่าพบอ้ายก๋งถือปืนบอกว่าเกิดความรายยิงแขกจะหนีไปเมืองสระบุรี สืบจับได้ตัวจำนำผู้ร้ายอีกหลายคนยังสืบสวนต่อไป

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระสุรินทรฦาชัยเมืองเพชรบุรี ว่ามีหนังสือ ฯพณฯ ออกไปว่าให้ซ่อมแซมพระนครคีรีและถากทางไว้จะเสด็จพระราชดำเนินออกไปประพาสเมืองเพชรบุรี พระยาสุรินฦาไชยได้ถากถางทางและซ่อมแซมบนพระนครคีรีแต่พระนครคีรีชำรุดหักพังมาก ขอเบิกสีต่าง ๆ สำหรับทา และตะปูใหญ่เล็ก กระดาษปิดฝากระจกใส่ตู้ ออกไปซ่อมแซมให้ทันราชการ

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์จนเวลายาม เสด็จขึ้นข้างใน

วันพุธ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกประทับห้องซิตติงรูม ทรงหนังสือราชการจนเวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จออกประทับดอริงรูม เจ้าพนักงานกรมวัง กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการผู้บังคับบัญชาการนำซินยอ เฟรดริกโก อันโตเนียว เปไรรา กงสุลโปรตุเกสคนใหม่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันถารพอควรแล้วกลับไป เสด็จประทับในซิตติงรูมจนเวลาย่ำค่ำ

เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงปิดทองพระแล้ว เสด็จขึ้นพระแท่นออกขุนนาง

พระมนตรีพจนกิจอ่านบอกพระยาวิเศษฦาชัยเมืองฉะเชิงเทราว่า นายโพลงที่ไว้ความให้นายโพล้งน้องฟ้องว่านายอินบ้านจระเข้น้อยแขวงเมืองฉะเชิงเทรา เป็นผู้ร้ายลักกระบือ พระยาวิเศษได้ให้กรมการพะทำมะรงไปเกาะตัวนายอินมาพิจารณา นายยิ้มผู้เป็นที่ขุนระงับดับทุกข์ราษฎร์กำนันเมืองนครเขื่อนขันธ์ซัดเสียไม่ตกลง ถ้าขืนเกาะจะเกิดวิวาทกัน แต่ตำบลจระเข้น้อยนี้พระยาวิเศษได้ปรึกษาตกลงกับพระยาดำรงค์ราชพลขันธ์ ปันเขตแดนกันเสร็จแล้ว ได้เก็บเงินค่านามาทุกปีซึ่งเกิดขัดขวางดังนี้ จะเรียกเงินค่าน้ำนาเป็นการลำบากมาก ฉบับ ๑ กับใบบอกหลวงกำแหงพลล้านปลัดเมืองชัยนาทว่าโปรดเกล้าฯพระราชทาน ผ้าไตร ผ้าขาว ร่ม รองเท้า หีบศิลาหน้าเพลิงไปพระราชทานเพลิงศพพระยาชัยนาท ศพหลวงพรหมภักดียกกระบัตร หลวงวัฒนสมบัติ ๓ ศพนั้น หลวงกำแหงพลล้านปลัดได้พร้อมด้วยกรมการและญาติพี่น้อง ได้พร้อมกันชักศพพระชัยนาทออกทำบุญให้ทาน นิมนต์พระสงฆ์บังสุกุลผ้าไตร และของไทยทานของหลวง แล้วตีศิลาหน้าเพลิงเผาศพพระยาชัยนาท แล้วชักศพหลวงพรหมภักดียกกระบัตรออกไปทำบุญให้ทาน นิมนต์พระบังสุกุลผ้าขาว ร่ม รองเท้าของหลวงแล้วตีศิลาหน้าเพลิง เผาศพหลวงพรหมภักดียกกระบัตรแล้วได้ชักศพหลวงวัฒนสมบัติ ออกทำบุญให้ทานบังสุกลของหลวงเสร็จแล้ว ตีศิลาหน้าเพลิงหลวงวัฒนสมบัติเสร็จแล้ว ขอถวายพระราชกุศล

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาอภัยบริรักษ์เมืองพัทลุง ๓ ฉบับ ๆ หนึ่งว่าได้จัดต้นไม้ทอง ๖ ต้น เงิน ๖ ต้น ๆ ละ ๑ บาท จำนวนปีระกา สัปตศก กับเครื่องราชบรรณาการ ผ้าขาว ๒๐ พับ เทียนพนมเล่มละ ๑ บาท ๑๐๐๐ เล่ม ไม้มะริด ๑๕ เหลี่ยม เสื่อลวด ๑๕ ลวด ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง อีกฉบับ ๑ ว่าได้เร่งทองคำส่วยบุตรจีนเมืองพัทลุงจำนวนปีระกา สัปตศก สม ๑๕ คน ๆ ละ ๑ สลึง ๑ เฟื้อง ทองคำ ๑ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง บุตรหมื่น ๑ ทาส ๗ คน รวม ๘ คน ๆ ละ ๑ เฟื้อง ๒ ไพ ทองคำ ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ๒ ไพ รวมทองคำหนัก ๑ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง ๒ ไพ ขอส่งเงินแทนคิดราคาทองคำบาทละ ๔ ตำลึง ๒ บาท เป็นเงิน ๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง อีกฉบับ ๑ ว่าได้เร่งนายกองคุมเลขส่วยดินประสิวได้ดินประสิวส่วยในพระบรมมหาราชวัง ๒๕๐ หาบ พระราชวังบวร ๕๐ หาบ ๓๐๐ หาบ แต่ส่งเงินแทนคิดหาบละ ๓ ตำลึง เป็นเงิน ๔๕ ชั่ง ให้กรมการคุมเข้ามาส่งแล้ว

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศรับสั่งกับกรมหลวงเทวะวงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นเวลาทุ่มเศษ

วันพฤหัสบดี แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินวังกรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์เยี่ยมประชวร หมอถวายพระโอสถพระอาการหาถอยไม่ เสวยพระอาหารไม่ได้เลย เสด็จประทับจนค่ำเสด็จกลับ

วันศุกร์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จลงท่าราชวรดิตถ์ทรงเรือพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินทางเหนือน้ำเข้าคลองป้อมพระสุเมรุ ไปประทับท่าวังพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณในการขึ้นวังจนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วันเสาร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

ไม่มีราชการอันใด

  1. ๑. ยังไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไรแน่ คงจะไม่ใช่วัณโรค

  2. ๒. พระนามเต็มซึ่งปรากฏในหนังสือราชสกุลวงศ์ คือ พระองค์เจ้าหญิงบิเอตริศภัทรายุวดีในเจ้าจอมมารดาแสง

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ