เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๔๘

วันเสาร์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จพระราชดำเนินวัดราชบพิธ ทอดพระเนตรการพระเมรุ วันนี้ตั้งแว่นฟ้าและอื่น ๆ เป็นอันมาก แล้วเสด็จพระราชดำเนินประทับพลับพลาริมพระเมรุออกขุนนาง

หลวงวิจารณ์อาวุธอ่านบอกพระยาสุริยภักดี ข้าหลวง พระจรูญราชโภคากร ณ เมืองหลังสวน ว่าได้ชำระได้ตัวกรมการขุนหมื่นและหัวหน้าที่พะโต๊ะปากทรง ๓ คน เมืองหลังสวน ๑๓ คน ราษฎร ๑๕๐ คน รวม ๑๖๖ คน ที่ไม่ได้เข้าเป็นหัวหน้านั้นให้สาบานแล้วบ้างยังบ้าง ที่เป็นกรมการนั้นว่าเป็นยี่หินก่อนที่ได้รับตราตั้งเป็นกรมการตั้งแต่เป็นกรมการแล้วสืบตามคำให้การผู้ที่ซัดก็ได้ความเช่นนั้น จะโปรดเกล้า ฯ ประการใด ฉบับ ๑ ใบบอกหลวงชัยภักดี ยกกระบัตรผู้ว่าที่พระปลัด มีตราพระคชสีห์โปรดให้หมื่นอุดมสาลี กรมนา หลวงราชานุกิจ ผู้ช่วยคุมข้าวหลวงออกไปจำหน่ายให้ราษฎรที่อดอยากเป็นจำนวนข้าวเปลือก ๙๔ เกวียน ๒๔ ถัง ข้าวประดน ๒ เกวียน ๓๖ ถัง ยกกระบัตรได้ตรวจสอบได้ข้าว ๘๐ เกวียน ๕๘ ถัง ขาด ๑๖ เกวียน ๒ ถัง ได้ประกาศให้ราษฎรมาซื้อไปตามท้องตราแล้ว

พระราชทานสัญญาบัตรหลวงวิชิตภักดี ผู้ช่วย เป็นพระเพชรพิสัยศรีสวัสดิปลัดเมืองเพชบุรี ถือศักดินา ๑๐๐๐ นายเทียม มหาดเล็ก บุตรพระยาสุรินทรฦๅชัย เป็นหลวงวิชิตภักดี ผู้ช่วยเมืองเพชรบุรี นา ๘๐๐ หลวงโภชากร กรมการเมืองชุมพร เป็นพระรามฤทธิรงค์ ปลัดเมืองชุมพร นา ๑๐๐๐ เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วันอาทิตย์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จพระราชดำเนินวัดราชบพิธ ทรงจัดของและทอดพระเนตรการต่าง ๆ ในพระเมรุและบนพระที่นั่งทรงธรรมและที่ต่าง ๆ จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานจัดการทั้งปวงตามธรรมเนียมที่จะได้เชิญพระศพออกสู่พระเมรุบรรพตในเวลาพรุ่งนี้ เวลาค่ำวันนี้งิ้วโรงใหญ่หน้าพลับพลาเล่นโหมโรง โหน หุ่น ก็โหมโรงในกลางคืนด้วย

วันจันทร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาตี ๑๑ ทุ่มแล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระภาณุพันธุ์และเจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ ตามพนักงานได้เชิญพระโกศพระศพพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศลงจากหอธรรมสังเวชขึ้นตั้งยานมาศสามคานประดับ พระ โกศมณฑปมีเครื่องสูง กลองชนะ แตรสังข์ คู่แห่ถือโคมดอกบัว แห่ออกประตูศรีสุนทรเลี้ยวลงไปตามถนนหน้าประตูฉนวนไปออกประตูพิทักษ์บวร ไปเลี้ยวลงถนนระหว่างพระอุโบสถและกุฎีวัดพระเชตุพน ประสามคานแทนรถที่จะทรงพระศพแล้วเกรินพระศพขึ้นไปตามบันไดนาคเชิญพระโกศสถิตบนรถโถง ที่ทำใหม่คล้ายกับรถที่ทรงพระศพครั้งพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าอิศรวงศ์วรราชกุมาร เจ้าพนักงานตั้งกระบวนแห่คอยเวลาเสด็จพระราชดำเนิน อนึ่งในการในครั้งนี้โปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์ขอแรงพระบรมวงศ์ฝ่ายหน้าทำรถใหญ่คล้ายกับรถศพชาวยุโรป มาบรรทุกสังเค็ดที่จะถวายพระสงฆ์แห่ด้วย ๓๑ รถ

เวลาเช้า ๕ โมง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูแถลงราชกิจ เสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จออกประทับพลับพลาสูงหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โปรดให้เรียกกระบวนแห่พระศพให้เดินกระบวน ๆ หน้ามีธง ๕ ชายธงสามชาย กลองมลายูแห่เพลิงสำรับหนึ่งและแรกทรงบุษบกเพลิงและกระบวนรทาผ้าเหลืองผ้าขาว แล้วถึงรถใหญ่ๆ แต่งรูปวิจิตรต่างๆ ประกอบผ้าขาวผ้าดำและอังกฤษเงินทองดอกไม้ต่างๆ อย่างรถศพชาวประเทศยุโรป เทียมด้วยม้าคู่บ้าง ๓ ม้าบ่าง ม่าแต่งตัวอย่างรถศพ มีคนเป็นสารถี ฟูกแมนแต่งตัวต่างๆ กัน ในรถนั้นมีเครื่องสังเค็ดถวายพระสงฆ์รวม ๓๑ รถเดินมาโดยลำดับ แล้วถึงกระบวนทหารหน้า มีแตรวงเป่าเดดมาช ๑ ทหารปืนใหญ่เดินอย่างเดดมาชด้วย ครั้นสิ้นกระบวนทหารแล้วถึงคู่แห่เทวดา กลองชนะแตรสังข์เครื่องสูงเดินโดยลำดับ แล้วถึงรถพระอ่านอภิธรรมนำพระศพเทียมม้าเทศ ๒ ม้ามีสารถีและคู่เคียงเกณฑ์พระกรมมหาดไทยและกลาโหมกรมต่าง ๆ ๑๒ นาย อินทรพรหมข้างละ ๖ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสอ่านพระอภิธรรมนำพระศพกั้นเศวตฉัตร ๕ ชั้น มีพัดโบก บังสูรย์ตามเคย แล้วถึงรถพระศพเทียมด้วยม้าเทศ ๒ ม้า คู่เคียงเดินข้างรถคู่ละ ๖ คือเบื้องขวา พระยาพิพัฒโกษา พระยาประชาชีพ พระยาบำรุงราชฐาน พระยาเพชรดา พระยา...... พระยา...... เบื้องซ้าย พระยาไกรโกษา พระยาเกษตรรักษา พระยาทิพมณเฑียร พระยานครานุรักษ์ พระยาโยธาเขื่อนขันธ์ พระยาไพบูลย์สมบัติ และอินทรพรหมถือบังแทรกข้างละ ๖ พระกลดกำมะลอบังสูรย์พัดโบก บนรถมีสารถีแต่งเป็นเทวดาภูษามาลา แต่งเป็นเทวดาประคองพระโกศมณฑป ๒ คน และถึงข้าหลวงผู้หญิงเชิญเครื่องและตามพระศพแล้วถึงขอเฝ้าผู้ชาย แล้วถึงรถทรงพระโกศจันทน์ เสลี่ยงเครื่องไม้หอม และมีรันแทะปิดทองทหารกรมแสงลากรันแทะบรรทุกเครื่องสังเค็ด และพระเครื่องไทยทานผ้าขาวผ้าเหลืองและธงมังกรเป็นกระบวนหลัง ครั้นสิ้นกระบวนแล้วเสด็จทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินทางหน้าวังสราญรมย์ ข้ามสะพานหกไปประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องวัดราชบพิธ กระบวนพระศพเลี้ยวลงถนนบำรุงเมืองไปเลี้ยวลงถนนเฟื่องนครไปหน้าวัดราชบพิธ ผ่านหน้าพลับพลาเปลื้องเครื่องไปหยุดรถพระศพหน้าประตูวัดตรงพระวิหารด้านตะวันออก พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่นั้น โปรดให้ตั้งเกรินแต่รถลอดประตูวัดเข้าไปเทียมกับสามคานหน้าประตูวัดข้างใน แล้วเกรินพระโกศมณฑปพระศพลงจากรถเดินตามสะพานมาลอดประตูวัดขึ้นบนสามคาน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าประทับในพระเมรุบรรพต เจ้าพนักงานแห่พระศพ มีคู่แห่เครื่องสูง กลองชนะ แตรสังข์ ราชยานกง กรมหมื่นวชิรญาณอ่านพระอภิธรรมนำพระศพ ยานมาศสามคานทรงพระโกศมณฑป มีคู่เคียงเดินกระบวนมาเวียนพระเมรโดยอุตราทิศสามรอบ แล้วเกรินพระโกศมณฑปพระศพขึ้นตามบันไดนาคทางพระเมรุด้านเหนือ เชิญพระโกศสถิตบนแว่นฟ้าสามชั้นประดับเครื่องประดับต่าง ๆ เป็นอันมากโดยวิจิตรตระการ ตามเฉลียงพระเมรุตั้งเครื่องสูงตามธรรมเนียม ครั้นเชิญพระศพขึ้นสถิตบริบูรณ์แล้ว ก็จัดการประดับตกแต่งในที่ทั้งปวงโดยวิจิตรงดงาม

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกประทับมุขพระเมรุด้านตะวันตกที่ติดเนื่องกับพระที่นั่งทรงธรรม ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ สังเค็ด เรือ ๔ แจว ๒ ไตรเปล่า คลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ ผ้าเหลืองผ้าขาว ๒๐๐ ผืน กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญ ๑๙ องค์สดับปกรณ์ไตรสังเค็ดไตรเปล่าแล้ว พระครูฐานานุกรมอันดับ ๒๐๐ รูปสดับปกรณ์ผ้าขาวเหลืองแล้ว เสด็จประทับพระที่นั่งทรงธรรมโปรดให้นิมนต์พระเทศนาของเจ้าภาพ พระศรีสมโพธิถวายเทศนา พระพิธีธรรมวัดอรุณสวด

เครื่องกัณฑ์สังเค็ด พระสวดรับสัพพีจีวรสบงกราบพระ ๔ องค์ เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จพระราชดำเนินออกพลับพลาหลังวัดราชบพิธซึ่งเป็นพลับพลาทรงโปรยนั้น พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าบนพลับพลา ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายทหารพลเรือนผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าหน้าพลับพลา ทรงโปรยผลฉลากผลกัลปพฤกษ์ พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ และโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการขึ้นทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๔ ต้นมีการเล่นหน้าพลับพลาคือ ไม้ลอยญวนหกไม้ต่ำสูงตามธรรมเนียม ทรงโปรยแล้วประทับทอดพระเนตรงิ้วโรงใหญ่อยู่จนค่ำ ทรงจุดดอกไม้เพลิง เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้นจากพลับพลาแล้วเสด็จออกพระเมรุทรงทอดผ้าไตรหัวทาน ๒ ไตร สังเค็ดเรือบด ๒ แจง ๒ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ ย่าม ๑๐๐ ศรัทธาเครื่องไทยธรรม ๔๐ พระเทพกระวีพระราชาคณะฐานานุกรมและอันดับวัดนิเวศน์รวม ๑๙ องค์สดับปกรณ์ แล้วพระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญอันดับกำกับสร้าง ๑๔๐ รูปสดับปกรณ์ย่ามและศรัทธาเครื่องไทยธรรม ถวายอนุโมทนาแล้วเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งทรงธรรม ทรงแจกฉลากพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการบางคนแล้วเสด็จขึ้น เมื่อเวลาออกพลับพลานั้นในคลองหน้าพลับพลามีเรือเร็วพายขึ้นล่องในคลองตามธรรมเนียมอย่างลอยพระประทีป

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกตั้งบรรพชิตฝ่ายญวนที่พระที่นั่งทรงธรรม ๗ รูป พระราชทานผ้าไตรสลับแพร เครื่องบริโภคอย่างญวนกับแผ่นสัญญาบัตรตั้งบรรพชิตฝ่ายญวน ให้พระครูบริหารอนัมพรต วัดอนามยิกายาราม เป็นพระครูคณานัมสมณาจาริย์ เจ้าคณะฝ่ายสมณอนัมสำหรับทำพิธีกงเต๊ก ๑ ให้องค์สรพจนสุนทร วัดสมณานัมบริหาร เป็นพระครูบริหารอนัมพรต ๑ ให้องค์พจนกรโกศล วัดโผหกตื๋อ เป็นองค์สรภาณมธุรศตำแหน่งปลัดขวา ๑ ให้องค์อนนตสรภัญ วัดฮวยเฆงฮาม เป็นองค์สุตบทบวร ที่ปลัดซ้าย ๑ ให้หลวงจีนคุนเมี่ยว วัดเลงเนยยี่ เป็นหลวงจีนคณาณัติพรต ที่ปลัดสมณฝ่ายจีน ๑ ให้องค์กรงเอือง วัดอนัมนิกายาราม เป็นองค์สรพจนสุนทรรองปลัดฝ่ายขวา ๑ ให้องค์เจิงงะเวียงวัดสมณานัมบริหาร เป็นองค์พจนกรโกศล รองปลัดฝ่ายซ้าย ๑ ให้องค์เทืองติน วัดอุภัยราชบำรุง เป็นองค์อนนต์สรภัญ ตำแหน่งผู้ช่วยสำหรับพิธีกงเต๊ก ๑ และพระราชทานตาลิปัตรยศด้ามงาสั้น พระครูทั้งสองตาลิปัตร เปลวพื้นตาดทองแดง ปลัดฝ่ายญวนพุดตานพื้นตาดทองแดง ปลัดฝ่ายจีนรอง ปลัดผู้ช่วยฝ่ายอนัม กลมรี ๆ อย่างจีนพื้นอัตลัดเป็นเครื่องยศและบรรพชิตฝ่ายญวนฝ่ายจีนถวายอนุโมทนาตามภาษาอนัม แล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกดูพระเมรุและเครื่องประดับต่าง ๆ จนเวลายามเศษ ส่วนการทำบุญของเจ้าภาพนั้นก็มีสดับปกรณ์ ไตรสังเค็ดผ้าไตรเปล่าและไทยทานเหมือนกัน

เวลายามเศษ โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่ถวายเทศนากัณฑ์หลวง ขึ้นไปบนพระที่นั่งทรงธรรม พระพิมลธรรมถวายเทศนาอภิธรรมสังคหะบริเฉท ๑ พระพิธีธรรมวัดพระเชตุพนสวดอภิธรรมสังคหะบริเฉท ๖ เครื่องกัณฑ์ไตรสังเค็ด และของพระสัพพีมีเหมือนกันเวลาเทศนาแล้วเสด็จออกพระเมรุ ทรงทอดผ้าฉลากของต่าง ๆ ๑๐๐ ราชาคณะ ฐานานุกรมกำกับสร้าง พระสงฆ์อันดับสดับปกรณ์แล้ว เสด็จกับพระที่นั่งทรงธรรมเวลา ๒ ยามเศษเสด็จกลับทรงพระราชยานเสด็จ พระราชดำเนินกลับ พระบรมมหาราชวังทางประตูเทวาพิทักษ์

ทรงโปรยวันนี้ ฉลาก ๖๐๐ ผลกัลปพฤกษ์ผลละสลึง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ผลละเฟื้อง ๑๗ ตำลึง ๒ บาท รวมเงิน ๑ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ทิ้งทานต้นกัลปพฤษ์ ๔ ต้น ต้นละ ๕ ตำลึง ผลละเฟื้อง

พระสงฆ์สวดอภิธรรม ๔ สร้าง กลองชนะ ๒๐ คู่ จ่าปี่ จ่ากลอง แตรสังข์ประโคมตามเวลา

การมหรสพ งิ้วโรงใหญ่หน้าพลับพลา โขนโรง ๑ หุ่นโรง ๑ มอญรำโรง ๑ หนัง ๒ โรง ไม้ลอยต่ำสูง ญวนหก รำโคม สิงโต มังกร ดอกไม้เพลิงต่าง ๆ มีดอกไม้พระด้วยเป็นอันมาก คือดอกไม้กระถางใหญ่วัดศาลาปูนเป็นต้น มีกงเต๊กโรงใหญ่

การพระเมรุบรรพตนั้น พระเมรุเป็นรูปมณฑปใหญ่ พื้นนำเงินลายดีบุกทองลายพุ่มข้าวบิณฑ์ยอดมณฑป มีมณฑปพระสงฆ์สวดอภิธรรม ๔ มุมพระมณฑปใหญ่ พระเมรุใหญ่มีมุขสำหรับสดับปกรณ์เนื่องไปติดกับพระที่นั่งทรงธรรม ในพระเมรุติดกระดาษลายพุ่มข้าวบินฑ์ไม่มีเมรุทองมีเสาใหญ่แต่ฐานบัทม์ขึ้นไป ฐานบัทม์ปิดลายอังกฤษพื้นอังกฤษย่นพระเมรุบรรพตนั้นขื่อยาว ๖ ศอก ในประธานทั้งเฉลียงกว้าง ๕ วา สูงขาดยอดแต่พื้น ๑๔ วา ๒ ศอก ฐานมี ข้าว เงิน ทอง นาค รอบ ด้านตะวันออกมีบันไดลงไปจากพระเมรุเป็นถ้ำ ด้านเหนือมีบันได ๒ ข้าง ด้านใต้มีบันไดขึ้น ๒ ข้าง ด้านใต้ตีนเขามีพลับพลาตรีมุขสำหรับสดับปกรณ์ มีนาคเลี้ยวลงมาจากบนเขาสำหรับพระภูษาโยงลงมาที่พลับพลาตรีมุข ตามตีนเขามีเครื่องกลและรูปสัตว์หิมพานต์ตัวเลขตั้งรอบเขา มีต้นไม้ประดับรูปนกนารีผลวิทยาธรประดับโดยวิจิตร พระที่นั่งทรงธรรมนั้นการเปรียญเดิมแต่ต่อมุขข้างเหนือ ทิศใต้ทั้งสองข้างบนนั้นตั้งแต่งเครื่องต่าง ๆ เป็นอันมาก มีราชวัติทึบแต่สลักลายโปร่งล้อมรอบพระเมรุ มีฉัตรดีบุกประรายทั้งฉัตร ทอง เงิน นาค มีประตูมณฑปออกจากพระเมรุ ๒ คือด้านเหนือตรงประตูวัด ๑ ด้านใต้พระที่นั่งทรงธรรม ๑ และมีตึกตุ๊กตามีเก๋งตุ๊กตาของพระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญนิตยภัตรทำมาตั้งรอบพระอุโบสถและฐานพระอุโบสถ พระเมรุตั้งมุมพระอุโบสถด้านตะวันตกเฉียงเหนือต่อกับพระที่นั่งทรงธรรม เมื่อเวลาเวียนพระศพนั้นมุขที่ต่อจากพระเมรุไปพระที่นั่งทรงธรรมนั้นรื้อพื้นเสียมีแต่เพียงหลังคา

มีโรงกงเต๊กตั้งมุมพระอุโบสถด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มีโรงเลี้ยงอยู่ทางด้านตะวันออกและโรงพักและอื่น ๆ เป็นอันมาก ศาลาริมพระที่นั่งทรงธรรมด้านเหนือเป็นโรงฉลาก ข้างในนั้นมีที่พักข้างในติดกับพระที่นั่งทรงธรรมหลังหนึ่ง หน้าพระเมรุด้านใต้มีมณฑปและพลับพลาตรีมุขแต่งอย่างโบราณ เครื่องอังกฤษเป็นที่ข้างในมีเทศนาหลังหนึ่งที่สวนหลังวัดราชบพิธมีพลับพลายาวสำหรับทรงโปรยหลังหนึ่งยาวใหญ่ มีทั้งข้างหน้าข้างในมีโรงเลี้ยงและที่พักติดกับที่พระที่นั่งทรงธรรม

อนึ่ง อนุสาวรีย์ในสวนซึ่งจะบรรจุพระอังคารพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศ ซึ่งทำขึ้นใหม่ในสวนริมกำแพงด้านใต้นั้นก็ประดับตกแต่งโดยสะอาด มีพลับพลายาวหน้าอนุสาวรีย์ด้วย การตกแต่งสะอาดวิจิตรตระการ

อนึ่ง ตามมุมพระเมรุบรรพตนั้นมีต้นไม้ใหญ่ประดับด้วยเครื่องบริ โภคใช้สอยต่าง ๆ เป็นของฉลากคฤหัสถ์ ๕ ต้น ของพระเจ้าพี่นางน้องนางทรงรับทำฉลองพระเดชพระคุณต้นไม้นั้นทำเป็นไม้จริงบ้างไม้เลื้อยบนร้านชั้นบ้าง ประดับด้วยของใช้สอยต่าง ๆ มีเครื่องเงินทอง เครื่องแก้วต่าง ๆ และผ้าพรรณต่าง ๆ ทุก ๆ ต้น มีเครื่องกลเป็นภาพเรื่องต่าง ๆ วิจิตรงดงามสะอาดต่าง ๆ กัน ต้นไม้นั้นมี ๕ คือพระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าโสมาวดีและพระเจ้าน้องนางเธออีกหลายพระองค์ ต้นหนึ่งตั้งที่มุมพระเมรุบรรพตด้านตะวันออกเฉียงเหนือ อีกต้นหนึ่งของพระองค์เจ้าภัศรกับพระเจ้าน้องนางเธออีกหลายพระองค์ ตั้งที่เมรุบรรพตด้านตะวันออก อีกต้นหนึ่งของพระองค์เจ้าภักตร์พิมลพรรณกับพระเจ้าน้องนางเธออีกหลายพระองค์ ตั้งที่ริมประตูพระเมรุด้านใต้หนึ่ง อีกต้นหนึ่งของพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีกับพระเจ้าน้องนางเธออีกหลายพระองค์ ตั้งริมพระที่นั่งทรงธรรมด้านใต้หนึ่ง อีกต้นหนึ่งของพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญากับพระเจ้าน้องนางเธอหลายพระองค์ ตั้งมุมพระที่นั่งทรงธรรมด้านเหนือหนึ่ง ล้วนเป็นของควรรู้ควรปรารถนาทั้งนั้น

วันอังคาร ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาย่ำเที่ยงแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเป็นกระบวน เสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ ทรงพระราชยานไปประทับเกยประตูวัดราชบพิธเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ สังเค็ดเรือบด ๒ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ ไตรเรือสำปั้น ๔ แล้วพระพรหมมุนี พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญและอันดับวัดชุมพลนิกายาราม รวม ๒๓ รูปสดับปกรณ์ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระสงฆ์กำกับด้านและพระสร้าง ๒๐๐ รูปสดับปกรณ์ ผ้าเหลืองผ้าขาวที่พระเมรุบรรพตมุขตะวันออกแล้วเสด็จขึ้นข้างในเจ้าภาพข้างในสดับปกรณ์ต่อไป มีเทศนาของเจ้าภาพที่พระที่นั่งทรงธรรมกัณฑ์หนึ่ง พระอริยมุนีถวายเทศนาอภิธรรมมัตถสังคหบริเฉท ๗ พระสงฆ์พิธีธรรมวัดเทพศิรินทร์สวดจบแล้วเจ้าภาพข้างในถวายของ แล้วเสด็จออกทรงสดับพระธรรมเทศนา พระธรรมไตรโลกาจารย์ถวายเทศนาอภิธรรมมัตถสังคหบริเฉท ๒ พระพิธีธรรมวัดราชบุรณสวด จบแล้วเสด็จไปทรงทอดผ้าแลประเคนเครื่องกัณฑ์สังเค็ดในพระเมรุ แล้วเสด็จออกที่พระบัญชรพระที่นั่งทรงธรรมตรงถนนระหว่างวังกรมขุนเจริญ ทรงโปรยฉลากพระราชทานราษฎรแล้วเสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระเมรุมุขตะวันตกที่ต่อพระที่นั่งทรงธรรม ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ ไตรสังเค็ดเรือ ๕ ไตรคลังใน ๑๐ ไตรคลังศุภรัตน์ ๕ รวม ๒๐ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศ พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญและพระอันดับวัดนิเวศน์รวม ๒๐ สดับปกรณ์ แล้วมีสดับปกรณ์ย่าม ๑๐๐ ศรัทธาเครื่องไทยธรรม ๔๐ ที่พลับพลามุขตะวันออกตามเคย

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินออกพลับพลาทรงโปรยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยลำดับตำแหน่ง ทรงโปรยผลฉลากกัลปพฤกษ์ ทรงโปรยพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการอย่างวันก่อน และฉลากทั้งผลกัลปพฤกษ์ ก็เท่ากันกับเวลาวานนี้ โปรดให้ทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๔ พุ่ม มีการเล่นไม้ลอย ญวนหก การมหรสหต่าง ๆ ตามเคย เวลาย่ำค่ำแล้วทรงดอกไม้เพลิง มีดอกไม้เพลิงต่าง ๆ เป็นอันมาก เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้นจากพลับพลาประทับพระที่นั่งทรงธรรม ทรงแจกฉลากอย่างคืนนี้ ข้างในออกดูเครื่องตั้งจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ

เวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จออกทรงธรรมที่พระที่นั่งทรงธรรม พระธรรมวโรดม พระเทพโมลี ถวายเทศนามิลินทปัญหา พระธรรมวโรดมสมมุติฉะวงพระนาคเสน พระเทพโมลีฉลองโอษฐพระเจ้ามิลินทราช จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเทศนาจบ เสด็จเข้าสู่พระเมรุทรงทอดผ้าไตร ๒ จีวรสบงกราบพระ ๔ พระที่ถวายเทศน์ ๒ พระรับสัพพี ๔ สดับปกรณ์แล้วทรงประเคนบริขารเครื่องกัณฑ์ แล้วทรงทอดผ้าฉลากสดับปกรณ์ ๑๐๐ ราชาคณะฐานานุกรมอันดับ ๑๐๐ สดับปกรณ์ แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวังตามทางเดิม

อนึ่ง เมื่อเวลาเข้าเวลาเพลมีฉันที่พระที่นั่งทรงธรรมเวลาละ ๓๐

วันพุธ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาบ่ายโมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ ทรงพระราชยานประทับเกยหน้าประตูวัดราชบพิธ เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จออกพระเมรมุขตะวันตกทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ ผ้าไตรสังเค็ดเรือ ๖ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ ไตรเรือสำปั้น ๓ รวม ๒๖ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญอันดับวัดนิเวศน์ วัดชุมพล ๒๖ รูปสดับปกรณ์ แล้วโปรดให้มีสดับปกรณ์ที่พลับพลามุขตะวันออก ผ้าขาวผ้าเหลือง ๒๐๐ ย่าม ๑๐๐ เครื่องศรัทธาธรรม ๔๐ แล้วเจ้าภาพสดับปกรณ์ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งทรงธรรม โปรดให้รื้อพระศพลงชำระ

อนึ่ง เมื่อเวลาเช้าเจ้าพนักงานตั้งพลับพลาสำหรับชำระพระศพบนพระเมรุบรรพตด้านตะวันออกพลับพลาหลังคาดาดสี และตั้งเกรินบันไดนาคมุขเหนือ ครั้นเสด็จขึ้นจากสดับปกรณ์แล้ว สมเด็จกรมพระภาณุพันธุ์โปรดให้เจ้าพนักงานเชิญพระศพจากแว่นฟ้าลงเกริน ๆ ลงตามบันไดนาค ขณะนั้นประโคมกลองชนะ แตรสังข์ตามธรรมเนียม ครั้นเลื่อนมณฑปลงมาถึงที่แล้ว เปลื้องมณฑปประกอบนอกออก เชิญพระโกศลองในไปที่พลับพลาเปลื้องเครื่องชำระพระศพเสร็จแล้วมีสดับปกรณ์ปากพระโกศของเจ้าภาพ เจ้าพนักงานรื้อแว่นฟ้าลงไว้ใต้พระเมรุตั้งกรม พระราชทานเพลิงปักตารางมีหลังคาเป็นเมรุประกอบเครื่องสดฟักทอง มะละกอโดยวิจิตรสะอาด

ขณะเมื่อรื้อพระศพนั้นมีเทศนากัณฑ์เจ้าภาพ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ถวายเทศนาอธิธรรมสังคหบริเฉท ๔ พระพิธีธรรม วัดระฆังสวด ครั้นเทศนาจบแล้วข้างในประเคนเครื่องกัณฑ์สังเค็ดตามเคย แล้วเสด็จออกทรงธรรมเทศนากัณฑ์หลวง พระเทพโมลีถวายเทศนาอภิธรรมสังคหบริเฉท ๓ พระพิธีธรรม วัดมหาธาตุสวด ครั้นเทศนาจบแล้ว ประเคนบริขารสังเค็ดเครื่องกัณฑ์ พระสงฆ์กลับไป

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จไปประทับพระเมรุ เจ้าพนักงานเชิญพระโกศลองในพระศพพระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศขึ้นตารางประกอบพระโกศจันทน แล้วทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญ ๑๘ รูปสดับปกรณ์

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นพระราชทานเพลิงพระศพพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศ ทางมุขตะวันตกพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและเจ้าจอมมารดาของพระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศ และพระสนมทั้งปวง ขณะนั้นเจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ กลองชนะพร้อมกัน พระเจ้าอยู่หัวทรงพระโศกาดูรเศร้าพระราชหฤทัยเป็นอันมาก พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในขึ้นถวายพระเพลิงมุขใต้ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายหน้าขึ้นถวายพระเพลิงมุขเหนือ

อนึ่ง เวลาจะถวายพระเพลิงนั้น กลองชนะขาดไป โปรดให้โบยหลวงราชมนู ๒๐

เวลาเกือบย่ำค่ำ เสด็จออกพลับพลาทรงโปรยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าตามตำแหน่ง ทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ และโปรดให้ทิ้งต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๔ พุ่ม มีการเล่นตามเคย

ทรงโปรยวันนี้ฉลาก ๖๐๐ ผลกัลปพฤกษ์ผลสลึง ๑ ชั่ง ผลเฟื้อง ๑ ชั่ง

เวลาค่ำ ทรงจุดดอกไม้เพลิงมีการเล่นหน้าพลับพลาตามเคย เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้นจากพลับพลา เสด็จออกพระเมรุทอง ทรงทอดผ้าขาวสดับปกรณ์หน้าเพลิงของหลวง ผ้าขาว ๓๓ พระสงฆ์วัดราชประดิษฐ์ของเจ้าภาพ ๔๗ พระสงฆ์วัดราชบพิธและทรงแจกเงินภูษามาลาและเจ้าพนักงานทั้งปวงที่ชำระพระศพพระเจ้าลูกเธอ แล้วเสด็จประทับพระที่นั่งทรงธรรม

เวลายามเศษ มีเทศนามิลินทปัญหา พระธรรมไตรโลกาจารย์ถวายเทศนาฉลองโอษฐ์พระนาคเสน พระโพธิวงษาจารย์ถวายเทศนาฉลองโอษฐ์ พระยามิลินทราช จบแล้วทรงประเคนเครื่องกัณฑ์และของบริขารพระสัพพีด้วย เวลา ๕ ทุ่มมีสดับปกรณ์ ฉลาก ๑๐๐ เวลา ๒ ยามเสด็จกลับพระบรมมหาราชวังตามทางเดิม

เวลาคืนวันนี้เจ้าพนักงานสุมพระอัฐิคืนหนึ่งตามธรรมเนียม

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาย่ำรุ่งแล้ว เจ้าพนักงานแปลพระรูปและนำพระอังคารพระบุพโพมาผสมเป็นพระรูปด้วย

เวลาเช้าโมง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ ทรงพระราชยานเสด็จโดยกระบวนไปประทับวัดราชบพิธ เสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรมทางในแล้ว เสด็จออกพระเมรุเสด็จประทับมุขตะวันตก โปรดให้เดินสามหาบของหลวงนั้น หม่อมนเธนทราชา ๑ นายจ่าเรศ ๑ หม่อมปุ๋ยในพระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ ๑ ของเจ้าภาพ ๓ คือ จมื่นจงรักษาองค์ซ้าย ๑ พระอินทราทิตย์ ๑ จ่าโชนเชิดประทีปใน ๑ เดินโดยอุตราวัฏ ๓ รอบแล้วทรงทอดผ้าไตร ๓ หาบของหลวง ๓ ไตร พระมงคลเทพมุนี พระวิญญานุกูลเถร พระปัญญาคัมภีรเถร สดับปกรณ์ของหลวง แล้วข้างในทอดผ้าไตร ๓ หาบ ของเจ้าภาพ ๓ พระธรรมธราจารย์ พระญาณไตรโลกย พระธรรมสมาจารย์ สดับปกรณ์ของเจ้าภาพ พระเจ้าอยู่หัวและข้างในทรงเก็บพระอัฐิพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศลงพระโกศมณฑปทองคำเล็ก ยกพระโกศพระอัฐิรองพานทอง ๒ ชั้นลงมาตั้งบนม้าหมู่ สลักปิดทองมีเครื่องตั้งด้วยม้าหมู่ตั้งบนอาสนสงฆ์ เสด็จลงมาประเคนพระสงฆ์ที่ชักไตร ๓ หาบหกองค์รับพระราชทานฉัน

ขณะเมื่อพระสงฆ์รับพระราชทานฉันสำรับสามหาบนั้น พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับอยู่ที่นั้น พระสงฆ์ฉันแล้วถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลากลับไป เจ้าพนักงานจัดการตั้งชั้นแว่นฟ้าตั้งบุษบกและประดับตกแต่งตามธรรมเนียม

ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว โปรดให้เชิญพระอังคารลงในหีบดีบุก แล้วบัดกรีปิดทองคำเปลวทั่วทั้งหีบ แล้วเชิญหีบพระอังคารลงไปตั้งบนตะลุ่มแว่นฟ้าตั้งบนเฉลี่ยงกงอย่างที่พระอ่านอภิธรรม มีเฉลี่ยงโถงตั้งโต๊ะเงินรองพานดอกไม้สดพวงใหญ่ อย่างดอกไม้สำหรับศพชาวยุโรป แล้วแห่ออกทางประตูเมรุด้านเหนือออกทางประตูวัดตรงประตูเมรุ มีเครื่องสูงกองชนะ แตรสังข์คู่ แห่อินทรพรหมคู่เคียง บังสูรย์พัดโบกกั้นกลดกำมะลอแห่ผ่านหน้าพลับพลาทรงโปรยไปเข้าสวนวัดราชบพิธ แล้วเชิญหีบพระอังคารขึ้นตั้งพักบนพลับพลายาวหน้าอนุสาวรีย์ ขณะนั้นก็ประโคมกลองชนะ แตรสังข์กว่าจะเสด็จ แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายในและเจ้าจอมมารดาของพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์ เข้าไปวางดอกไม้สดดอกไม้แห้งที่แท่นเสด็จแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าเข้าไปวางดอกไม้สดทั่วกัน เป็นเสร็จการฝังพระอังคารเท่านี้ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับประทับพระที่นั่งทรงธรรม

เวลาเที่ยงแล้ว โปรดให้เจ้าพนักงานเชิญพระมณฑปพระอัฐิขึ้นสถิตบนบุษบกในพระเมรุแล้วมีการสดับปกรณ์ ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ ไตรสังเค็ดเรือบด ๓ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ พระสุวรรณวิมลศีล พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญ และอันดับวัดนิเวศน์รวม ๒๐ องค์สดับปกรณ์ และโปรดให้มีสดับปกรณ์ที่ศาลาด้านตะวันออกผ้าขาวผ้าเหลือง ๒๐๐ ผืน แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรมมีเทศนากัณฑ์หลวง พระโพธิวงษาจารย์ถวายเทศนาอภิธรรมสังคหบริเฉท ๔ พระพิธีธรรมวัดสระเกศสวด ครั้นเทศนาจบแล้วเสด็จในพระเมรุ ทรงทอดผ้าไตรและผ้าสวด พระสงฆ์ถวายเทศนาและสวด แล้วทรงประเคนเครื่องกัณฑ์แล้วเสด็จขึ้น มีเทศนากัณฑ์เจ้าภาพ พระอมรโมฬีถวายเทศนาอภิธรรมสังคหบริเฉท ๙ พระพิธีธรรมวัดหงส์สวดเทศนาจบแล้ว ข้างในประเคนบริขารตามเคย

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระเมรุบรรพตด้านตะวันตก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดทั่วทาน ๒ สังเค็ดเรือบด ๓ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ หม่อมเจ้าพระอาภากร พระราชาคณะ พระครู ฐานานุกรมเปรียญและอันดับวัดนิเวศน์รวม ๒๐ องค์สดับปกรณ์ และโปรดให้มีสดับปกรณ์ที่ศาลาด้านตะวันออก ย่าม ๑๐๐ เครื่องศรัทธาของไทยทาน ๔๐ แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกพลับพลาทรงโปรย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เฝ้าโดยลำดับ ทรงโปรยผลฉลากผลกัลปพฤกษ์พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทและโปรดให้ทิ้งทานทุกต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๔ พุ่ม มีการเล่นต่าง ๆ ตามธรรมเนียม เวลาเกือบทุ่มเสด็จขึ้นจากพลับพลา

เสด็จลงประทับหน้าศาลายาวหน้าอนุสาวรีย์ โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะสวดมนต์ฉลองอนุสาวรีย์รายหลวง ๑๐ รายเจ้าภาพ ๕ เข้าไป ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดของหลวง ๑๐ หม่อมเจ้าอรุณ หม่อมเจ้าพระภุชงค์ พระราชาคณะรวม ๑๐ องค์สดับปกรณ์ที่อนุสาวรีย์ แล้วเจ้าจอมมารดาเจ้าภาพทอดผ้าไตรสังเค็ดของเจ้าภาพ ๕ พระวินัยกิจโกศล พระราชาคณะ ๕ องค์สดับปกรณ์ แล้วขึ้นไปสวดมนต์บนพลับพลายาวหน้าอนุสาวรีย์ ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม

เวลายามเศษมีเทศนามิลินทปัญหาบนพระที่นั่งทรงธรรม พระธรรมราชานุวัตรถวายเทศนาฉลองโอษฐ์พระนาคเสนเถระเจ้า พระศรีวิสุทธิวงศ์เทศนาฉลองโอษฐ์พระเจ้ามิลินทราช ครั้นเทศนาจบแล้วเสด็จในพระเมรุทรงทอดผ้าไตรเครื่องกัณฑ์และผ้าพระสัพพีแล้วมีฉลากตามเคย ๑๐๐ เวลาเกือบ ๗ ทุ่มเสด็จกลับตามทางเดิม

วันศุกร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกวัดราชบพิธ เสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จไปประทับที่พลับพลาหน้าอนุสาวรีย์ ทรงจุดเทียนนมัสการ หม่อมเจ้าพระอรุณถวายศีล หม่อมเจ้าพระราชาคณะ ๑๕ องค์สวดถวายพรพระ ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้วเสด็จทรงประเคนรับพระราชทานฉันเป็นการฉลองอนุสาวรีย์ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันนั้น พระราชทานสังเค็ดทั้ง ๑๕ องค์ ฉันแล้วถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลากลับไป พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระราชทานรางวัลคนทำงานในการพระเมรุแล้ว เสด็จออกประทับพระเมรมุขตะวันตก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๓ ไตรสังเค็ดเรือบด ๔ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ พระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญและอันดับวัดนิเวศน์ธรรมประวัติรวม ๒๒ รูปสดับปกรณ์ แล้วโปรดให้มีสดับปกรณ์ที่ศาลาด้านตะวันออก ผ้าขาว ผ้าเหลือง ๒๐๐ แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม โปรดให้นิมนต์พระที่จะถวายพระธรรมเทศนาขึ้นไป พระธรรมวโรดมถวายเทศนาอภิธรรมสังคหบริเฉท ๕ พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์สวด ครั้นเทศนาจบแล้วเสด็จในพระเมรุสดับปกรณ์ ผ้าไตรเครื่องกัณฑ์และของ พระสัพพีแล้วเสด็จขึ้น โปรดให้มีเทศนากัณฑ์เจ้าภาพ พระกิติสารมุนีเทศนาธรรมนิยามสูตร พระพิธีธรรมวัด...สวด ครั้นจบแล้วข้างในถวายของ เวลาบ่ายทรงโปรยฉลากพระราชทานราษฎรที่พระบัญชรพระที่นั่งทรงธรรมเหมือนทุกวัน

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับพระเมรมุขตะวันตก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๒ สังเค็ดเรือบด ๔ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ คลังศุภรัตน์ ๕ พระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญและอันดับวัดนิเวศน์รวม ๒๑ สดับปกรณ์ โปรดให้มีสดับปกรณ์ที่ศาลาด้านตะวันออก ย่าม ๑๐๐ เครื่องไทยทานศรัทธา ๔๐ แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกประทับพลับพาทรงโปรยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามตำแหน่ง ทรงโปรยผลฉลากผลกัลปพฤกษ์พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการทั่วกัน โปรดให้ทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ทั้ง ๔ พุ่ม มีการเล่นและการมหรสพตามเคย ครั้นเวลาค่ำมีดอกไม้เพลิงตามธรรมเนียม เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม ข้างในออกดูเครื่องตั้งด้วย

เวลา ๗ ทุ่ม เสด็จออกพระเมรุ ทรงทอดผ้าฉลาก ๑๐๐ สดับปกรณ์แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม เวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

เวลาเช้าวันนี้มีการแห่พระยามณเฑียรบาล ไปยืนชิงช้าตามพระราชพิธีตรียัมปวายตามเช่นเคยมีมา

วันเสาร์ ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๒๖

เวลาบ่ายโมงเศษ เสด็จออกพระเมรุทางประตูเทวาพิทักษ์ ประทับประตูเกยเสด็จขึ้นพระที่นั่งทรงธรรม แล้วเสด็จออกประทับพระเมรุมุขตะวันตก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดหัวทาน ๑ ไตรเปล่าคลังใน ๑๐ พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญ ๑๐ รูปสดับปกรณ์ แล้วทรงทอดย่ามโหมดเทศ ๕๕ พระสงฆ์ช่างที่ทำการพระเมรุและการอื่นๆ ในการพระเมรุ ๕๕ องค์สดับปกรณ์ และโปรดพระราชทานกระถางต้นไม้มีเครื่องไทยธรรมประดับองค์ละกระถางแล้ว เสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งทรงธรรม ทรงเลือกรูปภาพที่แขวนพระเมรุพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์จนเวลาบ่าย ๔ โมง

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ โปรดให้เชิญพระอัฐิกลับเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานเชิญพระพุทธรูปของพระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศขึ้นยานมาศกง ๑ พระโกศ มณฑปพระอัฐิพระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศขึ้นยานมาศกง ๑ มีคู่เคียงสำรับเมื่อแห่พระศพและอินทรพรหมถือบังแทรก และมีบังสูรย์ พัดโบก พระกลดกำมะลอทั้ง ๒ เฉลี่ยงมีคู่แห่ แตรสังข์ กลองชนะ เครื่องสูง แห่แต่ประตูเมรุด้านเหนือเดินมาตามถนนหน้าวังกรมขุนเจริญไปเลี้ยวขึ้นสะพานช้างโรงสี ไปตามถนนเลี้ยวป้อมเผด็จดัสกร ไปเลี้ยวเข้าประตูสุนทรทิศามาเข้าประตูศรีสุนทร ส่งพระอัฐิที่หอธรรมสังเวช แล้วเชิญพระอัฐิขึ้นเฉลียงเข้าไปส่งที่ตำหนักในพระบรมมหาราชวังชั้นใน เมื่อแห่พระอัฐิมาแล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทางประตูเทวาพิทักษ์ เป็นเสร็จการพระเมรุบรรพตเท่านี้

รวมการมหรสพมีสมโภช ๕ คือ ๖ วัน แต่รำโคมนั้นเมื่อวันชักพระศพใช้รำดอกบัว ต่อ ๆ มาเป็นการรำกระถางอย่างญวน

ทรงโปรยนั้นวันพระราชทานเพลิง เงินสลึง ๑ ชั่ง เฟื้อง ๑ ชั่ง อีก ๔ วัน ผลละสลึงวันละ ๑๗ ตำลึง ๒ บาท ผลละเฟื้องวันละ ๑๗ ตำลึง ๕ บาท เป็นวันละ ๑ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ทั้ง ๔ วัน รวมทั้ง ๕ วันทรงโปรย ๙ ชั่ง ต้นกัลปพฤกษ์วันละ ๔ พุ่ม ๆ ละ ๕ ชั่งผลละเฟื้องรวม ๕ ชั่ง

รวมพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยพระครู ฐานานุกรมเปรียญ อันดับที่ได้รับพระราชทานถวายเทศนาสดับปกรณ์ไตรสังเค็ด ไตรเปล่าไทยทานต่าง ๆ รวมประมาณ ๒๕๔๖ รูป เป็นส่วนของหลวง ยังส่วนเจ้าภาพอีกเป็นอันมาก

วันอาทิตย์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๒๗

วันนี้เวลาเย็นมีการแห่พระยามณเฑียรบาล ไปยืนชิงช้าในการพระราชพิธีตรียัมปวายตามธรรมเนียมเช่นเคยมาทุกปี พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เสด็จออกทอดพระเนตร

วันจันทร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๒๘

เวลาวันนี้ไม่มีอันใด ไม่ได้เสด็จออก

วันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๒๙

วันนี้เป็นวันสวดมนต์ทำบุญเจ็ดวันพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพิลาศเจ้าพนักงานจัดการในพระที่นั่งพุทธมณเฑียร ตั้งบุษบกสลักปิดทองคำมีชั้นรองประดับเครื่องตั้งตามธรรมเนียม บุษบกพระอัฐิตั้งด้านข้างใต้ในมุขตะวันออก ด้านข้างเหนือมุขตะวันออกเหมือนกัน ตั้งม้าหมู่เชิญพระพุทธรูปขึ้นสถิตบนนั้นและทอดอาสนะสงฆ์ต่อม้าหมู่ออกมา

เวลาเย็นเกือบย่ำค่ำ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหม ทรงพระราชยานเสด็จลงไปประทับท่าพระตำหนักน้ำ ทอดพระเนตรแพพระมณฑปที่จะทำการเฉลิมพระปรมาภิไธยลงสรงและทอดพระเนตรการทั้งปวงทั่วไปทั้งนั้น แล้วเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งเก๋งพร้อมด้วยกระบวนนำและตามเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมารค ประทับท่าวังสมเด็จกรมพระจักรพรรดิพงศ์เสด็จขึ้นเยี่ยมประชวรด้วยพระโรคที่ประชวรเรื้อรังมานั้นไม่หาย เวลาทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระราชทานสัญญาบัตรข้าราชการที่หน้าท้องพระโรงกลาง ๗ นาย คือ นายพึ่ง มหาดเล็กเวรฤทธิ เป็นหลวงอภัยเสนา เจ้ากรมคู่ชัก ศักดินา ๘๐๐ หลวงสำเร็จพระขรรค์ เป็นพระยาอาวุธภัณฑเผด็จจางวางกรมแสงหอกดาบ นา ๑๐๐๐ ขุนทิพมงคล เป็นหลวงสำเร็จพระขรรค์ เจ้ากรมแสงหอกดาบ นา ๘๐๐ ขุนชำนาญยามยนต์ เป็นหลวงสรรพาวุธ เจ้ากรมแสงหอกดาบ นา ๘๐๐ หมื่นรักษาอาวุธ เป็นขุนทิพมงคล ปลัด นา ๖๐๐ หมื่นทิพสาตรา เป็นขุนธนเทพ ปลัด นา ๖๐๐ นายฟัก เป็นขุนชำนาญยามยนต์ ช่างแก้นาฬิกา นา ๔๐๐

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จลงพระพุทธมณเฑียร โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะสวดพระพุทธมนต์ขึ้นไป ในส่วนของหลวงนั้น กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะ ฐานานุกรมเปรียญ ๑๐ รูป ในส่วนเจ้าภาพ พระศรีวิสุทธิวงศ์ ฐานานุกรม ๕ รูปทรงจุดเทียนนมัสการ กรมหมื่นวชิรญาณถวายศีล แล้วกรมหมื่นวชิรญาณ พระสงฆ์ทั้ง ๑๕ รูปสวดมนต์ ๆ จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตรของหลวง ๑๐ พระสงฆ์ส่วนหลวงสดับปกรณ์ข้างในทอดผ้าไตร ๕ พระสงฆ์รายเจ้าภาพสดับปกรณ์ แล้วถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป มีพระเทศนากัณฑ์หลวง พระอริยกระวีถวายเทศนาอนัตตลักขณสูตรกัณฑ์หนึ่ง ทรงทอดผ้าไตรเปล่า ๑๐ พระพิศาลสมณกิจ พระครูฐานานุกรมเปรียญ ๑๐ รูปสดับปกรณ์ แล้วสดับปกรณ์ผ้าฉลากอีก ๑๐๐ รูป แล้วเสด็จทอดพระเนตรลิเกที่ริมพระพุทธมณเฑียรจนเวลา ๘ ทุ่มเสด็จขึ้น ลิเกที่เล่นวันนี้ ๒ วง ของพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ วง ๑ หม่อมเจ้าบงกช วง ๑

วันพุธ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๐

เวลาเช้า ๕ โมงเศษยังไม่เสด็จออก พระบรมวงศานุวงศ์ทรงประเคนพระสงฆ์รับราชทานฉัน พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกกำลังพระสงฆ์ฉันอยู่ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วทรงประเคนบริขารพระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉัน ส่วนของหลวง ๑๐ องค์ โปรดให้เจ้าภาพถวายบริขาร ๕ องค์ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลากลับไปทรงทอดไตรเปล่า ๑๐ พระญาณไตรโลก พระครูฐานานุกรม ๑๐ รูปสดับปกรณ์ มีสดับปกรณ์รายร้อยอีก ๑๐๐ ทรงแจกฉลากพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการทั่วกันและพระราชทานรางวัลเงินและฉลากช่างเขียนพระและคฤหัสถ์แล้วเสด็จขึ้นข้างใน พระธรรมกิจถวายเทศนาทุกขสัจสมุทยสัจกัณฑ์หนึ่งของสมเด็จพระนางเจ้า พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกตรัสกับเจ้านายจนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาจวนค่ำมีการซ้อมแห่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชายพระองค์ใหญ่ในการพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย แห่แต่ข้างในมาพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกขปราสาทแล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จลงพระพุทธมณเฑียร ทรงจุดเทียนที่เครื่องนมัสการแล้วโปรดให้นิมนต์พระเทศนาเข้าไป พระญาณสมโพธิถวายเทศนาอาทิตตปริยายสูตร เป็นกัณฑ์หลวงกัณฑ์หนึ่ง แล้วพระประสิทธิศีลคุณถวายเทศนานิโรธสัจมัคคสัจกัณฑ์หนึ่ง เป็นกัณฑ์เจ้าภาพ ทรงทอดไตรเปล่า ๑๐ ไตร พระสุวรรณวิมลศีล ฐานานุกรมเปรียญ ๑๐ สดับปกรณ์ มีสดับปกรณ์ฉลาก ๑๐๐ แล้วเสด็จทอดพระเนตรลิเกจนเวลา ๘ ทุ่มเศษ โปรดพระราชทานรางวัล วงพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๒ ชั่ง วงหม่อมเจ้าบงกช ๑ ชั่ง เสด็จขึ้น มีดอกไม้เพลิงด้วยทั้ง ๒ วัน

เวลาเช้า ๒ โมง ๒๐ นาที พระฤกษ์ยกยอดพระมณฑปแพลงสรงสนาน

วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๑

วันนี้เวลาเย็นมีการซ้อมแห่พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แต่วันนี้แห่แต่ข้างในมาตามถนนเช่นแห่โสกันต์มาเข้าประตูพิมานไชยศรี แล้วเลี้ยวอ้อมชาลาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปออกประตูศรีสุนทรไปเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย แล้วแห่กลับขึ้นมาเทียบเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เมื่อแห่ซ้อมนั้นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงไปรับกระบวนที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย แล้วกลับมาประทับรับกระบวนที่พระที่นั่งอาภรณ์ด้วย ซ้อมแห่แล้วเสด็จขึ้น

วันศุกร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๒

บ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จลงทอดพระเนตรงานที่พระตำหนักน้ำและพระมณฑป กรมมหาดไทย กรมพระกลาโหมนำผู้ว่าราชการเมือง กรมการที่เข้ามาในการพระราชพิธีลงสรงเฝ้าทูลละลองธุลีพระบาท แล้วเสด็จขึ้นทางประตูพรหม

เสด็จลงสมโภชเดือนพระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติ ณ วันเสาร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑ พระราชทานพระนามว่า “พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงนิภานพดล”

วันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๓

เวลาเกือบย่ำค่ำ เสด็จลงทอดพระเนตรการที่ท่าพระตำหนักน้ำ จนเวลายามหนึ่งเสด็จขึ้น

วันอาทิตย์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศกราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๔

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จอกกประทับห้องดรออิงรูมพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันออก เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์นำพระยาอภัยนุราชชาติรายาภักดี เมืองสตูล พระยายิริง ศรีตวันกรมการผู้ใหญ่ในเมืองมลายูหลายเมืองเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันถารถึงการที่เข้ามาในการพระราชพิธีนี้และการบ้านเมือง แล้วกราบถวายบังคมลากลับออกมา เจ้าพระยารัตนบดินทรนำพระยามนตรีสุริยวงศ์ ข้าหลวงเมืองนครเชียงใหม่ พระยานุภาพไตรภพ เมืองนครเสียมราฐเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันถารโดยควรกราบถวายบังคมลากลับออกมา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

เวลาเกือบทุ่มเสด็จลงท่าพระตำหนักน้ำทอดพระเนตรงานจนเกือบเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๕

เวลาวันนี้เป็นวันเริ่มการพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าราชกุมารพระองค์ใหญ่ เป็นวันตั้งน้ำวงด้ายในวันนี้ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจัดพระแท่นมณฑลพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดชและเจ้าพนักงานกรมต่างๆ ตามพนักงานตั้งพระแท่นมณฑล ระบายเพดานพื้นขาวนักทองแผ่นลวด ปูลาดสัตนีต่วนขาว ตั้งม้าหมู่สลักทอง ๕ ม้า ตั้งพระบรมราชเจดีย์ถมบรรจุพระบรมธาตุลายกินนร พระพุทธบุษยรัตน์ในม้ากลาง ส่วนม้า ๒ ข้างตั้งพระชัยทั้ง ๕ รัชกาล พระชัยเนาวโลหน้อย พระนาคสวาดิเรือนแก้ว พระแก้วเชียงแสน พระชัยเดิมฐานศิลา พระพุทธบุษยรัตนน้อย พระเจดีย์พระบรมธาตุลงยา ข้างหลังตั้งพระห้ามสมุทรทองเงิน พระธรรมไตรปิฎก ข้างโต๊ะหมู่ตั้งหีบพระเครื่อง ๒ หีบ คือฉลองพระองค์เกราะนวมสิบสองชั้น ฉลองพระองค์ลงราชะ ๗ สี พระภูษา ๗ สี พระมหาสังข์ ๓-๕ หลัง หีบพระเครื่องตั้งลุ้งทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ พระชฎาเดินหน พระมาลาเบี่ยง พระมาลาเพชร เครื่องพิชัยสงคราม ๒ หีบ พระมหาสังวาลย์นพรัตน์ พระมหาสังวาลย์พราหมณ์ พระมหาธำรงค์เนาวรัตน์ พระสุพรรณประคองของหลวง พระเต้าประทุมนิมิต ทอง เงิน นาค สัมฤทธิ์ พระเต้าเบญจคัพย์ ใหญ่ น้อย และห้าห้อง พระเต้าหยกกลีบบัว ศิลาลงอักษรกลีบบัว ไกรลาศเนาวเคราะห์เทวบิฐ ศิลาใหญ่มีใบหว้า ห้ากระษัตริย์ ขันหยก ครอบพระกริ่ง พระเทวรูปยืนเชิญพระแสง หีบพระราชลัญจกร ตั้งเหมทองปักแว่นเวียนเทียน ตั้งเครื่องทรงเมื่อลงสรงแล้ว คือเครื่องต้นสำรับ ๑ เครื่องเทศสำรับ ๒ พระมหามงกุฎ ชฎามหากฐิน มาลาตาด ครอบพระมหามงคล ฉลององค์ภูษาขาวขลิบทองคำใบ เครื่องถอดตั้งพระสุพรรณบัฏที่จะได้พระราชทานทั้ง เครื่องราชอิสริยยศมหานพรัตนราชวราภรณ์และเครื่องขัตติยยศต่างๆ ที่จะพรรณนาในเวลาพระราชทาน และตั้งหม้อน้ำพระพุทธมนต์ทองเงิน ๑๐ ทองขาว ๔ เต้า เสาพระแท่นมณฑลผูกพระกรรภิรมย์ สมาธิปัติฉัตรชัยเกาวพ่าย พระเศวตฉัตร ธงพระราชกระบี่ยุธ พระครุฑพ่าห ๔ องค์ ธงวัดตูมผูกหลัง ๒ พระแสงทวน ๔ ง้าว ๔ หอก ๔ ดาบคู่เขน ๔ มีบันไดแก้วทอดพระแสงศรพรหมาสตร์ อัคนิวาต ประลัยวาต พระแสงตรีจักร ธนู ธารพระกร ปืนนาค ปืนคาบชุด พระแสงของ้าวพระยาแสนพลพ่าย พระแสงขอไม้ท้าวคร่ำทอง หีบพระแสงดอน พระชนักต้น พระแสงขรรค์ชัยศรี พระขรรค์เนาวโลห์ กาบค่าย ใจเพชรเวียด พระแสงฟันปลา แฝก ญี่ปุ่นทรงเดิม ตรีเพชร ปืนนพรัตน์ พระแซ่หางช้างเผือก ขนจามรี มีปืนคร่ำทองรางเกวียน ๒๐ บอกผูกหลังพระแท่นด้วย มีเครื่องตั้งตามสมควร และตั้งดวงพระชันษา เครื่องพระสุคนธ์ ถาดสรงพระพักตร์ด้วย หน้าพระแท่นมณฑลมีพระแท่นทรงกราบ ตั้งที่ประทับพระเจ้าอยู่หัวนั้นตามเคย ที่เสามุขตะวันออกตั้งโธรนองค์น้อย บนชั้นผ้าแดงปูหนังไลอ้อนราชอาสนปักเป็นรูปราชสีห์ทองสำหรับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอประทับเมื่อจะรับพระสุพรรณบัฏหันหน้าไปทิศตะวันออกสองข้างพระแท่น มณฑลตั้งโต๊ะจีนเครื่องหยก โต๊ะเบื้องซ้ายตั้งพระสยามเทวาธิราช เทวรูปอื่นอีก ๔ และพระมหาสังข์ โต๊ะเบื้องขวาตั้งพระนิรันตรายองค์เดิม ด้านตะวันตกตั้งเตียงพระสงฆ์ ซึ่งจะได้สวดภาณวาร และที่นั่งปรกหน้าเตียงพระสงฆ์สวดมีตู้ผ้าขาวล้อมเทียนชัยวงสายสิญจน์รอบพระแท่นมณฑลโยงไปตู้เทียนชัย และวงรอบพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งอาสนสรงตามเช่นเคยมาในการพระราชพิธีตรุษ แต่ครั้งนี้ทำวิจิตรสะอาดหน้าพระที่นั่งเศวตฉัตรมุข ตั้งพระแท่นเฉียงตั้งราชยานกงไม่มีฐาน บนนั้นมีโต๊ะ ๒ ข้าง และเจ้าพนักงานกรมอภิรมย์ทอดพระเศวตฉัตร ๗ ชั้น มีอุบะทอง คอยพระฤกษ์ที่จะยกในเวลาพรุ่งนี้ สองข้างพระที่นั่งเศวตฉัตรตั้งเครื่องสูง ๗ ชั้นปักทองสองข้าง หน้ามุขเด็จผูกม่านโหมดทั้งสามด้าน ตั้งเครื่องสูงหักทองขวาง ๓ ชั้น ๔ คันตามมุมบุษบกบนมุขเด็จ

บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น ได้ลาดปูพรหมใหม่โดยวิจิตรสะอาด และตั้งเก้าอี้ที่พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการใช้เก้าอี้อย่างดี และตามฝาผนังหลังบัญชรนั้นติดรูปภาพออยลเปนติง เขียนรูปพื้นที่และบ้านเรือนต่างๆ ทุกหน้าพระบัญชร หลังพระทวารที่ออกไปมุขเด็จที่เดิมปิดแผ่นหนังสือจีนนั้นเปลี่ยนเป็นพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัว ที่มุขตะวันตกนั้นโปรดให้เจาะพระทวารขึ้นอีก ๒ พระทวาร ทำเหมือนพระทวารมุขเหนือ พระเจ้าอยู่หัวทรงจัดการอยู่จนเกือบค่ำเสด็จขึ้น

พิธีพราหมณ์ตั้ง ณ หอเวทวิทยาคม ตั้งพระผู้เป็นเจ้าต่างๆ มีราชวัตฉัตรกระดาษรอบโรงพิธี มีสายสิญจน์โยงมาแต่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

บนพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ผูกม่านตามอย่างเช่นมีการโสกันต์ใหญ่ หน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์มีปะรำใหญ่สำหรับข้าราชการเฝ้า เหมือนการโสกันต์ใหญ่ แต่ปะรำครั้งนี้ใหญ่กว่าทุกคราวมา ครั้งนี้โปรดให้ทำพนักบังสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ทางกระบวนแห่จะเดิน

ตั้งแต่หน้าประตูราชสำราญมาตามถนนรอบวัดพระศรีรัตนศาสดารามจนถึงประตูพิมานไชยศรี และรอบพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและตั้งแต่ประตูศรีสุนทรลงไปท่าขุนนางมีฉัตรเบญจรงค์ ๗ ชั้น ราชวัติไม้ไผ่ปกวางเป็นระยะ ฉัตรนี้เกณฑ์ข้าราชการรายทางตามราชวิธี ๕๔ สำรับ ล้อมพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ๑๒ สำรับ ชาวเสื่อปูเสื่อรายทางแต่ประตูราชสำราญตลอดมาถึงหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์และฝ่ายข้างในพระราชวังด้วย

ในพระที่นั่งดุสิตมุขใต้ฝ่ายใน ตั้งพระแท่นทรงกราบมีม้าเครื่องนมัสการสำหรับพระราชวังบวร สำหรับเจ้าฟ้าราชกุมารพระองค์ใหญ่จะได้ทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์

เวลาเกือบทุ่ม พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการและที่ต่าง ๆ บนพระแท่นมณฑลและที่อื่น ๆ กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแผ่นสัญญาบัตร ไตรแพรให้หม่อมราชวงศ์พระครูราชพันธุ์ประพัทธ์ เป็นพระราชพันธุ์ประพัทธ์ที่พระราชาคณะ พระราชทานปาติบัตรแฉกหักทองขวาง พัดรองตราบาตรย่ามเป็นเครื่องยศอย่างพระราชาคณะที่เคยพระราชทานมา ขณะนั้นพระสงฆ์ ๕๙ องค์สวดชัยมงคลพร้อมกัน ครั้นพระราชทานสัญญาบัตรแล้ว กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระและสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะผู้ใหญ่ ๒๐ สวดพระพุทธมนต์ ในเวลาสวดพระพุทธมนต์นั้นเสด็จประทับมุขเหนือ รับสั่งกับบรมวงศานุวงศ์ เจ้าพนักงานกรมมหาดไทยนำพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์เจ้านครลำพูน พระยาคธาธรธรณินทร์ เมืองพระตะบอง พระยานุภาพไตรภพ เมืองนครเสียมราฐ เจ้านายเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำพูน นครหลวงพระบาง พระยาพระหลวงผู้ว่าราชการเมืองชั้นในชั้นนอกเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันถาร พระเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน พระยาคธาธร พระยานุภาพ เจ้านายท้าวพระยาข้าราชการหัวเมืองโดยสมควร ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้ว ถวายอติเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินขึ้น พิณพาทย์ในการพระราชพิธีวันนี้ พิณพาทย์มหาดเล็กวงใหญ่วง ๑ พิณพาทย์กลองแขกฆ้องชัยตามธรรมเนียมวง ๑ มโหรีข้างในตามเคยวง ๑

ฝ่ายข้างตำหนักน้ำนั้นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระภานุพันธุวงศ์วรเดช ได้ทรงจัดการโดยที่ทรงกำหนดไว้ที่ท่าพระตำหนักน้ำ เทียบแพลงทรงสนานนั้นมีการโดยละเอียดดังนี้ คือ โครงแพกว้าง ๙ วา ๔ เหลี่ยม พื้นรอบนอกกว้าง ๗ ศอก ยัดไม้ไผ่ใต้พื้นข้างในยัดเรือ รอบแพใช้แผงตาชะลอมบุผ้าแดง ข้างในมีซี่ลูกกรงไม้ห่างกันสามนิ้วแล้วใช้ลวดสังกะสีเป็นตาข่ายบุทับลูกกรงอีกชั้นหนึ่ง แพสูงพ้นน้ำภายนอก ๓ ศอก คืบ ๖ นิ้ว บนพื้นแพรอบนอกศูนย์กลางตั้งพลับพลาทองจตุรมุข ๆ ลดสองด้าน ฐานพลับพลามีลาดทองอังกฤษย่นฉลุหยอดสี ยาว ๘ ศอก กว้าง ๔ ศอก พลับพลากว้าง ๓ ศอก ๖ นิ้ว สูงแต่พื้นแพถึงขื่อ ๗ ศอก เสามุขลดสูง ๖ ศอกคืบ ทำอย่างพลับพลาทองหลังคาทอง พื้นพลับพลา กว้าง ๓ ศอกคืบ ๔ เหลี่ยม มุขลดยาว ยาวข้างละ ๒ ศอก กว้าง ๓ ศอกคืบ พื้นเสมอกัน เพดานผ้าขาวดาวทอง ผูกม่านหักทองขวาง ที่พลับพลาทองด้านใน มีบันไดนาคลงไปถึงฐานพระมณฑป เป็นบันไดแก้วกลาง ทองด้านขวา เงินด้านซ้าย มีราวข้างบันได ๔ ราว มีปะรำผ้าขาวตั้งแต่พลับพลาถึงมณฑป กว้าง ๔ ศอกคืบ พื้นแพรอบนอกด้านตะวันตก เหนือใต้ มีซุ้มประตูยอดทรงมงกุฎตั้งตรงศูนย์ ๆ ช่องประตูกว้าง ๒ ศอกคืบ สูง ๖ ศอก ซุ้มเป็นลายอังกฤษย่น ซุ้มม่านเข้มขาบไขเกี่ยวแต่พื้นถึงยอด ๓ วา ๒ ศอก ตั้งราชวัติทองตามแนวประตูประจบกันทั้ง ๔ ด้านราชวัติสูง ๔ ศอกฐานบัทม์ ๑๖ นิ้ว มีแต่ภายนอก กลางผืนราชวัติซุ้มคูหามีต้นไม้เขามอรูปสัตว์หิมพานต์ประดับนูนออกมา ราชวัติลายทองอังกฤษย่นระบายสี ภายในลายฉลุย่นเป็นนกไม้พื้นคราม แนวราชวัติปักฉัตรปรุ ๗ ชั้นทองเงินนาคตามระยะราชวัติมุมละ ๕ คัน ทั้งสี่มุม แพข้างนอกมีชั้นตั้งบุษบกเทวรูปทั้ง ๔ มุม พระอิศวรทิศบูรพ์ พระเทวกรรมทิศทักษิณ นางพระคงคา ๓ ทิศประจิม นางพระธรณีทิศอุดร มีรั้วกั้นริมแพรอบนอกได้แนวทั้ง ๔ ด้าน เว้นสะพานลงแพ ๓ ช่อง สูงศอกคืบ แต่งโคมตะเกียงรอบทั้ง ๔ ด้าน ชั้นในมีน้ำล้อมรอบพระมณฑปสำหรับกรมตำรวจรักษา กว้าง ๓ ศอกคืบ ๖ นิ้ว น้ำลึก ๓ ศอก ฯ พื้นในราชวัติทองเข้าไปมีฟื้นรอบกว้าง ๒ ศอกเศษ มีพนักข้างในรอบเว้นแต่ตรงบันไดที่จะลงไปในแพพระมณฑป พนักนั้นตั้งแต่ต้นไม้กระถางมอรายฉัตรเครื่องสูง ๗ ชั้นพื้นโหมดต่างสีมุมละ ๕ องค์ ๒๐ องค์ รอบพระมณฑปมีน้ำล้อมรอบสำหรับตำรวจข้าหลวงเดิมลงรักษา มีพื้นไม้เต็มกว้าง ๓ ศอกคืบ ๖ นิ้ว น้ำลึก ๓ ศอก ฐานบริเวณพิธีเครื่องขาวชั้นกลางกว้าง ๓ วา ๒ ศอกสี่เหลี่ยม ฐานสูงพ้นน้ำศอก ๖ นิ้ว ชั้นบนกว้าง ๔ ศอกรอบมีราชวัติพื้นขาวลายทองฉลุยาว ๔ ศอก สูง ๒ ศอก มุมละ ๒ รวม ๘ ผืน ปักฉัตรเครื่องสูง ๕ ชั้น พื้นขาวลายทองมุมละ ๓ องค์ ๑๒ องค์ ฐานมณฑปกว้าง ๗ ศอกคืบ ๖ นิ้ว เสามณฑปสูงแต่พื้นถึงขื่อ ๔ วาศอก ๖ นิ้ว เป็นไม้ ๑๒ ขื่อยาว ๕ ศอก ๕ นิ้ว มณฑปนั้นแต่พื้นขาดยอด ๘ วาศอก ลวดลายประจำยามกาบพรหมศรล้วนด้วยทองผูกม่านขาวลายทองเพดานทองทั้งนั้น ในกลางพระมณฑปมีน้ำสำหรับที่จะเสด็จลงสรงสนานกว้าง ๖ ศอก พื้นบุผ้าขาว ชั้นต้นเสมอหลักชัยมีน้ำศอกหนึ่ง หลักชัยสูง ๒ ศอกคืบ ชั้นลึกสำหรับทรงว่ายโผ น้ำศอกคืบมีหลักโผ ๒ หลัก สูง ๒ ศอก ๖ นิ้ว หลักหุ้มผ้าขาวยอดทอง ซี่ตรงในนั้นห่างกัน ๒ นิ้วบุผ้าขาวกรองน้ำบุตรง แล้วใช้ลวดสังกะสีทับ ในปริมณฑลพระตรงด้านตะวันตกนั้นตั้งพระแท่นทรงสนานซ้อน ๓ ชั้น มีตังตั้งอีกชั้นหนึ่ง รวมสูง ๓ ศอก ๘ นิ้ว สูงพ้นพื้น ๒๐ นิ้ว สำหรับทรงรับน้ำพระพุทธมนต์ ล้วนแล้วด้วยเครื่องขาวลายทอง จอดตรงศูนย์พระที่นั่งชลังคพิมาน ตั้งแต่พระที่นั่งชลังคพิมานออกไปจอดแพ ๑๖ วา หน้าพระที่นั่งทอดพื้นยาว ๑๗ วา ๒ ศอก กว้าง ๑๒ วา ชานข้างเหนือปลูกโรงพักข้าราชการ ยาว ๙ วา ๒ ศอก ๗ ห้อง กว้าง ๒ วา ๓ ศอกข้างใต้เป็นที่พักข้างในกว้างยาวเท่ากัน แต่มีฝาบังตา หน้าพระที่นั่งชลังคพิมานปลูกพลับพลายก ๓ ห้อง ตกแต่งต้นทั่วทั้งหน้าท่าพระตำหนักน้ำ บนพระที่นั่งหมู่นั้นก็ตกแต่งโดยสะอาด หลังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยรื้อเฉลียงด้านหลังหมดและพังกำแพงรอบ และพื้นศิลาเสมอหน้ากันจนถึงโรงเรือมีปะรำคนต่างประเทศติดกับโรงเรือหลังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ข้างริมฉนวนมีปะรำคู่เคียงพัก การที่รื้อเฉลียงนั้นเพราะเกยใหม่ตั้งสูงขึ้นไป กำแพงนั้นรื้อให้กระบวนเดินได้กว้างขวาง ตรงเกยที่เคยเสด็จขึ้นนั้นรื้อเกยเก่า ตั้งเกยไม้ให้สูงเสมอพระยานนุมาศ และมีทั้งปวงนั้นมีโคมไฟต่างๆ ประดับทั่วไปทั้งนั้น

อนึ่ง ในแพลงสรงริมพระมณฑป มีมะพร้าวทองเงินคู่หนึ่ง กุ้งทอง ๔ นาค ๔ เงิน ๔ ปลาทอง ๔ นาค ๔ เงิน ๔ ทำด้วยทองนาคเงินจริง ๆ โตเท่ากุ้งเท่าปลาจริง ๆ ในแพลงสรงนั้นห้อยดอกไม้โดยวิจิตรสะอาดงดงาม

หน้าแพลงสรงออกไปมีทุ่นเรือต่าง ๆ ล้อมวงกลางแม่น้ำเหนือน้ำท้ายน้ำตลอดไปเป็นชั้น ๆ ๕ สาย มีจำนวนเรือต่าง ๆ ทอดเหนือน้ำโดยลำดับทั้ง ๕ สาย

เรือกองตระเวน เหนือน้ำ ๒ ลำ ท้ายน้ำ ๒ ลำ เรือปืนใหญ่ทหารญวน เหนือน้ำ ๒ ลำ ท้ายน้ำ ๒ ลำ

เหนือน้ำ เรือแซเหนือน้ำ ๔ ท้ายน้ำ ๔ ท้ายน้ำ

แซวิภัชนชล กรมดั้งทองขวา ๑ ลำ แซอนันตสมุทร ดั้งทองขวา ๑ ลำ

แซสุกรกำเลาะ กรมอาทมาทขวา ๑ ลำ แซคชรำบาญ ดาบ ๒ มือ ๑ ลำ

แซหมูชลจร กรมอาทมาทซ้าย ๑ ลำ แซสารสินธุ์นครเขื่อนขันธ์ ๑ ลำ

ตลุมละเวง กรมดั้งทองซ้าย ๑ ลำ ตะเลงละวน ดั้งทองซ้าย ๑ ลำ

เรือทหารหน้าพาย ๒ ลำ ทหารหน้าพาย ๒ ลำ

พระศักดิเสนี พระเสนีนฤเบศร

เรือประตู ๒ ลำ

พระจันทรรักษา พระอินทรารักษ

จมื่นทิพเสนา จมื่นชัยภูษา

เรือตำรวจกำกับ ๒ ลำ ๒ ลำ

จมื่นราชามาตย์ จมื่นราชานุบาล

เรือหัวพันกลาโหม พันพรหมราช ๑ ลำ

เรือดั้งมีสร้าง ๒๒ ลำ

กรมเรือกันขวา ๑ ลำ เรือกันซ้าย ๑ ลำ

ตำรวจสนมขวา ๑ ลำ ตำรวจสนมซ้าย ๑ ลำ

ตำรวจใหญ่ขวา ๑ ลำ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๑ ลำ

ล้อมพระราชวังขวา ๑ ลำ ล้อมพระราชวังซ้าย ๑ ลำ

อาสาวิเศษขวา ๑ ลำ อาสาวิเศษซ้าย ๑ ลำ

กรมคู่ชักขวา ๑ ลำ กรมคู่ชักซ้าย ๑ ลำ

ทหารในขวา ๑ ลำ ทหารในซ้าย ๑ ลำ

เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งขวา ๑ ลำ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งซ้าย ๑ ลำ

ตำรวจในขวา ๑ ลำ ตำรวจในซ้าย ๑ ลำ

ตำรวจนอกขวา ๑ ลำ ตำรวจนอกซ้าย ๑ ลำ

กองกลางขวา ๑ ลำ กองกลางซำาย ๑ ลำ

เรือรูปสัตว์ลากเขียน ๑๒

เรือเสือคำรนสินธุ์ กรมทหารปากน้ำขวา ๑ ลำ เสือทยานชลปากน้ำซ้าย ๑ ลำ สางกำแหงหาญ อาสาใหม่กรมท่าขวา ๑ ลำ สางหาญชลสินธุ์ อาสาใหม่กรมท่าซ้าย ๑ ลำ มังกรแผลงฤทธิ์ ล้อมวังขวา ๑ ลำ มังกรจำแลง ล้อมวังซ้าย ๑ ลำ เหราล่องลอยสินธุ์ กรมวังขวา ๑ ลำ เหราลินลาสมุทร กรมวังชาย ๑ ลำ โตฝืนสมุทร คลังสินค้าขวา ๑ ลำ โตขมังคลื่น คลังสินค้าซ้าย ๑ ลำ กิเลนละเลิงชล ทำลุขวา ๑ ลำ กิเลนละลองเชิง ทำลุซ้าย ๑ ลำ

เรือรูปสัตว์ลายทอง ๑๐ ลำ

เรือกระบี่ปราบเมืองมาร กรมกองกลางขวา หลวงศรีรณรงค์ ๑ ลำ กระบี่ราญรอนราพณ์ กองกลางซ้าย หลวงมหิทธิโยธี ๑ ลำ สุครีพครองเมือง ทหารใน ขุนพรหมรักษา ๑ ลำ พาลีล้างทวีป ทหารใน ขุนอินทรรักษา ๑ ลำ เอกไชยหลาวทอง คู่ชัก หลวงอภัยเสนา ๑ ลำ เอกไชยเหินหาว คู่ชัก หลวงสุเรนทรวิชิต ๑ ลำ ครุฑเตร็จไตรจักร หลวงอภัยเสนา ขุนบัญชาพล ๑ ลำ ครุฑเหินระเห็จ หลวงสุเรนทรวิชิต ขุนนราฤทธิไกร ๑ ลำ อสุรวายุภักษ์ อาสาวิเศษ หลวงเสนานนท์ ๑ ลำ อสุรปักษี อาสาวิเศษ หลวงพลอาศัย ๑ ลำ

เรือกลองแขก ๒ ลำตรวจขนลง

พระยาพิชัยสงคราม ๑ ลำ พระยารามกำแหง ๑ ลำ

เรือเจ้ากรมตำรวจ ๘ ลำทอดทุ่น แต่งวันลงสรง

พระยามหาเทพ ๑ ลำ พระยามหามนตรี ๑ ลำ

พระพิเรนทรเทพ ตัวไม่อยู่ ๑ ลำ พระอินทรเทพ ๑ ลำ

พระอินทรเดช ๑ ลำ พระราชวรินทร์ ตัวไม่อยู่ ๑ ลำ

พระยาสุริยภักดี ๑ ลำ พระพรหมบริรักษ์ ๑ ลำ

เรือแหพายม้า ๑ ลำ เรือแหพายม้า ๑ ลำ

เรือหมอจระเข้ ๓ ลำ เรือหมอจระเข้ ๓ ลำ

เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ที่นั่งทรง ๑ ลำ เรือพระที่นั่งเทวาธิวัตถ์ ที่นั่งรอง ๑ ลำ ประทับท่าเหนือแพสรง

รวมผู้ที่ต้องประจำในลำน้ำโดยกระบวน นาย ๙๒

นายเส้า ๘๘

นักสราช ๑๒ รวม ๓๐๙๖ คน

ทหาร ๕๑๒

พลพาย ๒๓๘๘

เรือที่ล้อมวงนี้มีปืนใหญ่ในเรือรูปสัตว์ เรือดั้งปืนหลัก มีทหารแม่นปืนกรมแสงปืนประจำทุกลำ และผูกธงทวนทุกลำ จอดประจำทุ่นแต่วันนี้ไป ยกไว้แต่เรือกรมพระตำรวจทั้ง ๔ กรมที่ทอดทุ่นวันลงสรง ในทุ่นนั้นห้ามเรือแพมิให้ขึ้นเป็นอันขาด

อนึ่ง ฝ่ายบกนั้นเกณฑ์กรมอาสาใหม่ กรมวัง กองป้อมเผด็จดัสกร ๑ กอง ป้อมอนันตคีรี กรมอาสาใหม่ กรมพระกลาโหม ๑ ท่าพระกรมทวนทองขวา ๑ ท่าศาลต่างประเทศ กรมอาสารองซ้าย ๑ วัดระฆังโฆสิตาราม กรมเขนทองซ้าย ๑ กองที่บ้านพระยายอภัยรณฤทธิ์ไพร่หลวงกรมเมือง ๑ กองกระฎีเจ้าเซน กองอาสารองขวา ๑ วัด อรุณกรมเขนทองขวา ๑ นั่งกองตั้งแต่ ณ วันนี้ไป

วันนี้พระบรมวงศานุวงศ์แต่งองค์ทรงฉลององค์ครี่งยศคำ ทรงเครื่องราชอิสริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน ข้าราชการสวมเสื้อครึ่งยศดำสวมเครื่องราชอิสริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน

/*วันอังคารแรม ๓ ค่ำเดือน ๒ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๗ วันที่รัชกาล ๖๖๓๖

เวลาเช้า เจ้าพนักงานเชิญเสด็จกรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าและสมเด็จพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่สวดมนต์เมือคืนนี้ ๒๐ กับพระราชาผู้น้อยอีก ๔๐ รูป รวม ๖๐ ขึ้นไปคอยเวลาเสด็จออก ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วทรงประเคนพระสงฆ์ ๖๐ รับพระราชทานฉัน พอพระสงฆ์ฉันแล้ว พอได้เวลาพระฤกษ์เช้า ๕ โมง ๓๖ นาที โปรดให้กรมพระปวเรศจุดเทียนชัย ขณะนั้นพระสงฆ์ทั้งปวงสวดคาถาจุดเทียนชัย เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรพิณพาทย์ฆ้องชัยพร้อมกัน เจ้าพนักงานกรมพระอภิรมย์ยกสัปตปดลเศวตฉัตร ที่ทอดไว้ที่ตั้งหลังราชยานกง แล้วพระสงฆ์สวดจบแล้วเป็นเสร็จการจุดเทียนชัย ทรงพระกรุณาโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพระราชกุมารพระองค์ใหญ่ทรงประเคนไตรแพร ย่ามโหมดเทศ พัดรองฟักพระตราพระมหาอุณหิศแด่พระสงฆ์ ๖๐ รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลากลับไป พระราชาคณะผู้น้อย ๔ รูปขึ้นสวดภาณวาร มีพระราชาคณะผู้ใหญ่นั่งปรกหนึ่ง และผลัดเปลี่ยนกันสวดไปกว่าจะได้ดับเทียนชัย ในเวลาเช้าวันนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการแต่งเหมือนเวลาเย็นวานนี้

เวลาบ่าย เตรียมการพระราชพิธีที่จะได้แห่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่มาทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ เจ้าพนักงานจัดพระราชยานหาม ๔ มีโหรพราหมณ์โปรยข้าวตอกข้าวสาร ไม้บัณเฑาะว์ สังข์ พระกลดรับเสด็จแต่พระตำหนักขึ้นไปส่ง ณ พระที่นั่งนงคราญสโมสร แต่งพระองค์อย่างโสกันต์ทรงพระเกี้ยวจุฬาลงกรณ์ประดับเพชร

ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องทรงฉลองพระองค์เยียรบับ ทรงพระภูษาเขียนทอง ทรงเครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามเสด็จลงประทับเกยฉนวนหน้าพระที่นั่งนงคราญสโมสร โปรดให้เรียกกระบวนเข้าไปทางประตูราชสำราญ กระบวนทีเข้าไปในโน้นก็เหมือนกับการโสกันต์เหมือนกัน กระบวนในคราวนี้ทหารหน้าอย่างยุโรป ธงทหารแตรทหารปืนนายไพร่ ๒๔๘ คน นำริ้วพระยาศรีสิงหเทพ พระยานรินทรราชเสนี กลองแขกปี่ ๓ มหาดเล็กเป็นเทวดาคู่แห่แถวละ ๖๐ สารวัตร ๘ รวม ๑๒๘ คน หัวหมื่นกำกับ ๔ คน คือ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ หลวงนายสิทธิ์ หลวงนายฤทธิ์ หลวงนายเดช ที่เป็นนายเวร ๓ นั้น คือ หัวหมื่นขาดไปราชการและป่วยไข้ กลองชนะ ทองอยู่ขวา ๒๐ เงินอยู่ซ้าย ๒๐ รวม ๔๐ จ่า ๑ ปี่ จ่ากลอง ๑ เจ้ากรม ปลัตกรมกำกับ ๔ คน แตรนอกแตรงอน ๒๔ แตรฝรั่ง ๒๐ สังข์ ๒ รวม ๔๖ สารวัตร ๑ ปลายเชือกเด็กคู่แห่ หลวงรัตนรักษา หลวงมหามณเฑียร เด็กทหารมหาดเล็กแต่งสก๊อตหมู่หนึ่ง ๒๐ คน บุตรขุนนางจีนแต่งอย่างจีน ๒๐ คน บุตรญวนแต่งกายอย่างญวน ๒๐ คน บุตรข้าราชการชาวมลายูแต่งมลายู ๒๐ คน แขกเทศบุตรข้าราชการแต่งกายอย่างแขกเทศ ๒๐ คน ลาวทรงดำเด็กชา ๒๐ คน บุตรลาวแต่งกายอย่างลาวพุงดำ ๒๐ คน เด็กศีรษะจุกข้าราชการฝ่ายสยาม ๘๐ คนแต่งกายอย่างไทย สวมนวมเกี้ยวมีมงคลขาว ปลายเชือกเด็ก หลวงวิเชียรไพชยนต์ หลวงสกลพิมาน สารวัตร เด็กมหาดไทย ๔ คือ หลวงอนุชิตพิทักษ์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร หลวงวิสูตรสาลี หลวงบุรินทรามาตย์ กลาโหม ๔ คน หลวงวิจารณ์อาวุธ หลวงยศรักษา หลวงศรีเยาวภาศ หลวงจำนงพลภักดิ์แตรใน แตรงอน ๔ แตรฝรั่ง ๔ สังข์ ๒ สารวัตรเครื่องสูง ๗ ชั้น ๒ ห้าชั้น ๖ จ่ามร ๔ รวม ๑๒ เดินแถวละ ๖ คน สารวัตรกำกับ ๒ มหาดเล็กเชิญพระแสง หว่างเครื่องเดินกลาง ๔ ชาววังกำกับ ๔ เดินหน้าเครื่องไม้บัณเฑาะว์กรมแสงใน ๒ โหรไปโปรยข้าวเปลือกข้าวสาร ขุนปลัดกรม ๒ แต่งเป็นอย่างเทวดา พราหมณ์เป่าสังข์ ๒ พราหมณ์โปรยข้าวตอกดอกไม้ หลวงราชมุนี หลวงสุริยาเทเวศทั้ง ๘ คนเดินนอกเครื่องสูงทั้งซ้ายขวาข้างละ ๔ คน จมื่นจงรักษาองค์ซ้าย แต่งอย่างนำริ้วคือกรับพวงสัญญา เดินหลังเครื่องสูง สนมพลเรือนกำกับหม่อมเจ้า ๒ ถึงหม่อมเจ้าอุดมดิเรกลาภในกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ หม่อมเจ้าดำรงศิริ ในกรมหมื่นศิริธัช เดินคู่เชิญขนนกการเวกแต่งตัวนุ่งสังเวียนสวมเสื้อครุยทอด คาดเข็มขัดและสวมนวมเกี้ยวด้วย หม่อมเจ้าสอาดองค์ในกรมหมื่นอดิศร นุ่งเยียรบับขาว สวมเกี้ยว ห่มตาดปัก สวมนวมและเกี้ยวยอดกรอบหน้า นางเชิญพุ่มดอกไม้ทองดอกไม้เงินศีรษะจุกเหมือนกัน คือหม่อมเจ้านิภา ในกรมหมื่นศิริชัช หม่อมเจ้าในกรมหมื่นสถิตย์ แต่งอย่างนางมยุรฉัตร แต่สวมเกี้ยวตามธรรมเนียม มีนางพี่เลี้ยง ๒ แต่งนุ่งผ้าทองขาวชายกรวย ห่มตาดขาวทับแพรที่ ๕ คนเดินพระยานมาศแต่งสวมเสื้อหมวกขาวนุ่ง กางเกงยกคาดเจียระบาด สารวัตรกำกับเดินหลังราชยาน มีบังสูรย์ ๑ พัดโบก ๑ พระกลด ๑ แต่มีผลัดเปลี่ยนกันด้วย มีอินทรพรหมถือบังแทรก ๑ต คน อินทรอยู่ซ้าย พรหมอยู่ขวา ข้างละ ๘ คน แต่งตามเคย คู่เคียงเดินเคียงพระราชยาน ๖ คู่ คือพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ เจ้าพระยาภานุวงศ์คู่ที่ ๑ สวมชฎาพอก เจ้าพระยาพลเทพ เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ คู่ที่ ๒ ลำพอกหุ้มโหมดเกี้ยวลงยา พระยาธรรมสารนิติ พระยาภาสกรวงศ์ คู่ที่ ๓ พระยาเพชรพิชัย พระยาอภัยรณฤทธิ์ คู่ที่ ๔ สวมลอมพอกพันโหมดเกี้ยวทองคำ พระยานานาพิพิธภาษี ลำพอกโหมดเกี้ยวทองคำ พระยาพิพิธโภไคสวรรย์ ลำพอกขาวเกี้ยวทอง แต่งตัวนากนั้นก็ตามเคย แต่ครั้งนี้ประกวดประขันกันมาก ปลัดวังและจ่ากรมวังเดินหลัง ๒ คน สนมพลเรือนกำกับอินทรพรหม ๒ หลวงพิพิธภูษา กรมภูษามาลาเดินในระหว่างพระยานมาศคนหนึ่ง นางเชิญเครื่อง ๖ พัด ๑ เดินเรียงตัวแต่งอย่างนางมยุรฉัตร สารวัตร ๔ เครื่องสูงหลัง ๗ ชั้น ๒ องค์ ๕ ชั้น ๔ องค์ จ่ามร ๒ เดินแถวละ ๔ สารวัตร ๑ ชาววังกรมอภิรมย์ ชาวที่วังนอกเดินข้างละ ๔ มหาดเล็กเชิญพระแสงระหว่างเครื่อง ๒ นางสระศีรษะจุกสวมเกี๊ยว ๓๒ เดิน ๔ นางสระใหญ่ ๖๐ คนเดิน ๔ สารวัตร ๑๒ มีทหารผู้หญิงคั่น ๔ คน สระโขลน ๖๐ เดิน ๔ เหมือนกัน สารวัตร ๖ แต่นี้ต่อไปมีทหารหญิงคั่นหมู่ละ ๔ คน นางสระเชลยศักดิ์ ๙๔๐ สารวัตร ๖ ข้าหลวงเด็ก ๒๐๐ ผู้ใหญ่ ๔๐๐ สารวัตร ๓๐ หญิงลาวพุงดำ ๒๐ สารวัตร ๒ หญิงลาวพุงขาว ๒๐ สารวัตร ๒ หญิงลาวทรงดำและสารวัตร ๒๒ ถึงกระบวนผู้ชาย ม้าจูงคู่ ๑ ขอเฝ้าในกรมสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ๘๐ สารวัตร ๘ แต่งสวมเสื้อครุยนุ่งทองขาว ขอเฝ้าแต่งตามธรรมเนียม ทั้งสารวัตร ๔๒๐ ทหารรักษาพระองค์ ๑๓๙

ครั้นได้เวลา พระเจ้าอยู่หัวส่งพระกรพระเจ้าลูกเธอลงทรงพระราชยาน แห่จากเกยหน้าฉนวนพระที่นั่งนงคราญเดินขบวนออกประตูราชสำราญ แล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชยานลงยาราชาวดีไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์คอยกระบวน ฝ่ายกระบวนแห่ก็เดินกระบวนมาโดยราชวิถีเข้าประตูพิมานไชยศรี ทหารหน้าหยุดหน้าโรงนาฬิกา เป่าสรรเสริญบารมีครั้งหนึ่ง นำริ้วและกลองแขกเดินมาหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ คู่แห่เทวดาเข้าในลานพระมหาปราสาท คู่แห่เด็กกลองชนะ แตรสังข์ในนอกตามนำริ้วและเลี้ยวมาหน้าพระที่นั่งจักรี เมื่อพระราชยานประทับพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมหามงกุฎ เสด็จออกทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอขึ้นจากพระราชยาน ทหารถวายคำนับ สรรเสริญบารมี เบ่าสังข์กระทั่งแตรกลองชนะตีส่ง ตีกรับให้กระบวนถวายคำนับ ๓ ครั้ง เสด็จขึ้นจากพระราชยานแล้ว กระบวนฝ่ายในเดินเข้าประตูพรหม ครั้นสิ้นกระบวนแล้ว เจ้าคณะฝ่ายใน รับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จขึ้น ประทับในพระฉาก พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทประทับมุขตะวันออก ทรงจุดเทียนมนัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทรงจุดเทียนมนัสการและทรงสวดพระมหามงคล ทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ ๖๐ องค์สวดพระพุทธมนต์ หลวงนายศักดิ์ มหาดเล็กจัดน้ำชากาแฟเครื่องว่างเลี้ยงพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการด้วย กระบวนแห่ตั้งกระบวนแห่กลับคอยเวลาเสด็จ เวลาย่ำค่ำพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ ถวายอติเรก ถวายพระพรลา แล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น เมื่อแห่กลับมีพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ ๑๐ องค์ขึ้นไปถวายชัยมงคลบนพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ด้วย ครั้นสิ้นกระบวนแห่แล้วทรงเปลื้องเครื่องฉลองพระองค์ครุย พระมหามงกุฎ แล้วเสด็จทรงพระราชยานกลับมาประทับพระที่นั่งจักรี เสด็จขึ้นรับกระบวนฝ่ายใน

อนึ่ง เมื่อพระสงฆ์สวดมนต์นั้นกรมหลวงเทวะวงศ์ เสนาบดีต่างประเทศนำเคาน์เดอ เกอการาเด็ด ทูตฝรั่งเศส และไวซกงสุลฝรั่งเศสกับพวกมิชชั่นซึ่งเรซิเดนเย เยเนอราล เมืองอานัมและเมืองตองกินแต่งเข้ามาช่วยในพระราชพิธีนี้ คือ ม. กงสุลโคลบูกอสติ ชีฟสิเกรตาวี ๑ กับตันลูซี มิลตารีอาตาเซหนึ่ง ที่มาจากเมืองญวน ม. ปารคน ไดเรกเตอออฟอิมเตอเรีย ๑ กับกอมมโดอิสคันเด นายเรือรบ ๑ เมเยอเคลอรเม ๑ กับออฟพิศเซออีก ๔ คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วกลับลงไปจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วนำมิสเตอร์ซาเตา ราชทูตอังกฤษกับมิสเตอร์กูล กงสุลอังกฤษเฝ้าอีกครู่หนึ่งแล้วกลับไป

วันนี้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ทรงฉลองพระองค์เยียรบับทรงเขียนทอดคาดครุย ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยยศตามที่ทรงรับ ข้าราชการพลเรือนสวมเสื้อเยียรบับเข้มขาบ นุ่งสมปักลาย คาดครุย สวมเครื่องราชอิสริยยศตามที่ได้รับ ฝ่ายทหารแต่งเต็มยศของกรมนั้น ๆ

การดูแห่นั้นพระบรมวงศานุวงศ์ทอดพระเนตรแห่ที่ทิมดาบ ตำรวจริมประตูพิมานไชยศรี ท่านเสนาบดีพระยาหลวงและข้าราชการหัวเมืองเจ้าประเทศราช ทั้งผู้แทนเคาน์เวอนเมนต์ต่างประเทศเฝ้าที่ปะรำหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เมื่อเวลาแห่แล้วเจ้านายขึ้นไปบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขุนนางพักอยู่ที่ปะรำนั่นเอง

อนึ่ง การเล่นสมโภชในการพระราชพิธีคราวนี้นั้น มีไม้ต่ำสูง ไม้ลอย ๙ ต้น ไต่ลวด ๓ นอนหอกนอนดาบ ๒ หกหลังม้า ๒ คาบขอน ๑ ลอดบ่วงไฟ บ่วงห้า ๒ บ่วง โยนดาบ ๕ คน กระอั้วแทงควาย แทงวิไสย ญวนหก สิงโต เล่นที่สนามหญ้าหน้ามิวเซียม ระเบง ๓๐ คน เล่นที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีองค์กลาง โมงครุ่ม ๒๐ กุลาตีไม้ ๑๖ เล่นที่สนามหญ้าฝ่ายขวาพระที่นั่งจักรี เจ้านครหลวงพระบางจัดสิงห์ ๑ คน แต่งเป็นคนป่า ๒ มีแพนและอื่น เครื่องพิณพาทย์ของสิงห์มาตั้งเล่นหน้าทิมดาบกรมวังข้างในจัดคนรำต้นไม้ทองเงิน ๒ คู่ รำรับกระบวนที่ปากม่านริมพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ แทงวิไสยผู้หญิงเล่นที่ลาดริมมุขกระสันหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทคู่ ๑ เซี่ยวกางยืนประตูปากม่านคู่ ๑ เมื่อกระบวนแห่มาถึงและเมื่อพระสงฆ์สวดมนต์จบการเล่น ๆ รับกระบวนส่งกระบวนทั้งสองเวลาตามเคย

ตามราชวัติฉัตรเบญจรงค์มีกองอาสากลาบาตยืนข้างหลัง คือกรมอาสาขวาญี่ปุ่นแต่งอย่างจีนถือขวานจีน ๓๐ คน ยืนตรงประตูเทวาพิทักษ์ ๑ อาสาใหญ่ขวาเสื้อเสนากุฎถือดาบเชลย ๓๐ คน ยืนฟากตะวันตกตรงเขื่อนเพชรโรงแสง ๑ อาสารองขวาเสื้อเสนากุฎถือกรี ๓๐ ยืนตะวันออกตรงโรงช้าง อาสาจามขวาแต่งมลายูถือหอกซัด ๓๐ ยืนตะวันตกตรงโรงอินเยอเนีย เขนทองขวาเสื้อเสนากุฎถือดาบเขน ๓๐ ยืนฟากตะวันออกตรงโรงช้าง ทวนทองขวาเสื้อเสนากฏถือทวน ๓๐ ยืนฟากตะวันตกตรงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อาสาใหม่กรมท่าขวาเสื้อจีบแขกถือเสโล ๓๐ ยืนฟากตะวันออกตรงโรงปืน ล้อมวังขวาเสนากึฎถือดาบโล่ ๓๐ ยืนฟากตะวันตกตรงพระพุทธปรางค์ เรือกันขวาเสนากุฎถือกระบองทอง ๓๐ ยืนฟากตะวันออกโรงปืน เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งขวาเสื้อดำ ถือพร้าแป๊ะกั๊ก ๓๐ ยืนฟากตะวันตกมุมวัดพระแก้ว อาทมาทขวาเสื้อเสนา++กุฎถือดาบ ๒ มือ ๓๐ ยืนฟากฝ่ายเหนือริมโรงม้า ดั้งทองขวาเสื้อเสนากุฎถือดาบดั้ง ๓๐ ยืนฟากฝ่ายใต้ริมกำแพงวัดพระแก้วทำลุขวาเสื้อเสนาถือธนูหางไถ ๓๐ ยืนฟากถนนเหนือตรงโรงม้า ทหารในขวาเสื้อเสนากุฎถือง้าว ๓๐ ยืนฟากถนนฝ่ายใต้ริมกำแพงวัด กรมอาสาญี่ปุ่นซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากถนนหัวโรงม้า กรมอาสาใหญ่ซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากมุมโรงอินเยอเนีย อาสารองซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากมุมหอรัษฎา อาสาจามซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากมุมคลังทหารเขนทองซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากตรงศาลาลูกขุน ทวนทองซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากตรงมิวเซียม อาสาใหม่กรมท่าซ้ายแต่งตัวถืออาวุธเหมือนขวา ๓๐ คน ยืนฟากริมประตูพิมานไชยศรี

มีพิณพาทย์รายทางตลอดราชวิถี พิณพาทย์เชลยศักดิ์ ๒๐ สำรับ กลองแขก ๘ สำรับ ริมพระที่นั่งอาภรณพิโมกข์ตอนข้างในและในลานมหาปราสาทมีพิณพาทย์ผู้หญิงแห่งละวง

อนึ่ง ในการล้อมวงที่ทุ่นพระตำหนักน้ำในเวลาพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์นั้นประชุมกำลังระวังรักษาโดยกวดขัน มีเรือกลองพายตรวจขึ้นล่องตลอดเวลา บนแพสรงสนานมีพนักงานและทหารรักษาพระองค์ระวังรักษาโดยกวดขัน

มีแจกกระบวนแห่ตามมากและน้อย เหมือนกับการโสกันต์

วันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่เสด็จออกไปปฏิบัติพระสงฆ์ ๖๐ องค์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้รับพระราชทานฉัน ไม่ได้เสด็จออก ข้าราชการแต่งตัวเหมือนเช้าวันอังคาร แรม ๓ ค่ำ เดือน ๒ แต่ไม่มีติดเครื่องราชอิสริยยศ เวลาเพลพระราชาคณะที่สวดภาณวาร ๑๐ รูปรับพระราชทานฉัน

เวลาบ่ายมีการที่จะเตรียมกระบวนและกลาบาตตามอย่างเวลาวานนี้ทั้งสิ้น แต่ผู้ที่นำริ้วสารวัตรและคู่เคียงนั้นเปลี่ยนเสื้อครุย เสื้อเยียรบับ ผ้านุ่งต่าง ๆ กันเป็นอย่างกวดขัน

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับเกยหน้าฉนวนพระที่นั่งทรงธรรมโปรดให้เรียกกระบวนเข้าไป ทรงส่งพระกรสมเด็จพวะเจ้าลูกยาเธอลงทรงพระราชยานเคลื่อนกระบวนจากที่แล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น เสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาททรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ วันนี้ทรงเครื่องอย่างวานนี้ ทรงเครื่องราชอิสริยยศจุลจอมเกล้า ทรงเครื่องรับกระบวนก็อย่างเวลาวานนี้

กระบวนแห่เดินมาโดยราชวิถีและเทียบพระราชยานที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์อย่างวานนี้ พระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรขึ้นจากพระราชยาน แล้วเจ้าคุณฝ่ายในรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงนมัสการอย่างเวลาวานนี้ เมื่อแห่มานั้นมีการเล่นสมโภชอย่างเวลาวานนี้ ครั้นสิ้นกระบวนแล้วพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วกรมพระปวเรศและพระสงฆ์ ๖๐ องค์สวดพระพุทธมนต์ ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วประโคมพิณพาทย์ มีการเล่นสมโภชอย่างเวลาวานนี้ด้วย พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แห่กลับเวลาเกือบทุ่มพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งจักรี วันนี้เจ้านายข้าราชการแต่งอย่างเวลาวานนี้

ส่วนการจุกช่องล้อมวงและตกแต่งโคมไฟในหมู่พระตำหนักน้ำและแพสรงสนานก็มีการเหมือนวันก่อน

วันพฤหัสบดี แรม ๕ ค่ำเดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๘

เวลาเช้า มีการเลี้ยงพระ ๖๐ องค์ เพล ๑๐ องค์อย่างเวลาวานนี้

เวลาบ่ายมีการที่ตระเตรียมในหน้าที่ต่าง ๆ ตามอย่างเวลาวานนี้ทุกอย่าง แต่วันนี้เปลี่ยนคู่เคียง คือยกพระเจ้านครเชียงใหม่ให้พักเหนื่อย ยกเจ้าพระยาพลเทพขึ้นมาเดินคู่ที่ ๑ กับเจ้าพระยาภาณุวงศ์ ให้เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ เมืองนครลำพูนมาเป็นคู่เคียงเดินคู่ที่ ๒ คู่กับเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง โปรดให้เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์สวมชฎาพอกพันโหมดเกี้ยวลงยา

เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จลงที่เกยท้องฉนวนหน้าพระที่นั่งนงคราญ โปรดให้เรียกกระบวนเข้ามาแล้วตั้งกระบวนแห่ พระเจ้าอยู่หัวทรงส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอลงพระราชยาน แห่โดยกระบวนอย่างเวลาวานนี้ออกประตูราชสำราญแห่ไปโดยราชวิถี พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานลงยาราชาวดีเสด็จไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ทรงเครื่องอย่างเวลาวานนี้คอยรับกระบวน

ครั้นกระบวนแห่เดินมาถึงที่ใดก็มีการเล่นสมโภชด้วย ครั้นพระยานมาศถึงพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ พระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอขึ้นจากพระราชยานกระบวนทั้งปวงโดยลำดับจนสิ้นแล้ว เจ้าคุณฝ่ายในรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วกรมพระปวเรศพระราชาคณะ ๒๐ องค์สวดพระพุทธมนต์ ครั้นพระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วแห่กลับอย่างวันก่อน เวลาแห่กลับย่ำค่ำเศษ วันนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องราชอิสริยยศช้างเผือกสยาม

วันศุกร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๓๙

เวลาเช้า เป็นวันสรงสนานและเฉลิมพระปรมาภิไธยรับพระสุพรรณบัฏ เจ้าพนักงานจัดการตามโปรแกรม บนพลับพลาพระที่นั่งชลังคพิมานตั้งพระห้ามสมุทรฉันเวนในแพลงสรงมีบัตรใส่เครื่องกระยาหาร ผลาหาร และมังสาหารและรูปสัตว์ต่าง ๆ สำหรับโหรจะได้ลอย ๑๑ บัตร ตั้งนอกราชวัติด้านตะวันตก เจ้าพนักงานซึ่งประจำล้อมวงแพลงสรงนั้น นายเวนขุนหมื่นตำรวจในซ้ายขวาแต่งอย่างตำรวจขัดกระบี่ลงล้อมวงในน้ำชั้นรอบพระมณฑปด้านตะวันตก ๖ คน ด้านเหนือด้านใต้ข้างละ ๔ ค้าน ตะวันออกหว่างบันไดข้างละคน รวม ๑๖ คน หันหน้าเข้าข้างพระมณฑป กำนันกรมแสงนุ่งสนับเพลานุ่งผ้าปูมเสื้อแพรขลิบทองโพกแพรสีทับทิมขลิบทองถือทวนยืนในราชวัติทองล้วมมณฑป ด้านตะวันตก ๑๐ ด้านเหนือใต้ข้างละ ๘ ด้านตะวันออกข่างพลับพลาข้างละ ๒ คนหันหน้าเขา บโทนฝีพายแต่งเหมือนกรมแสงแต่เสื้อเป็นมัสรู่ ถือดาบโล่ยืนนอกราชวัติทองหันหน้าออกยืนด้านตะวันตก ๑๕ เหนือใต้ข้างละ ๘ ตะวันออกระหว่างพลับพลาข้างละ ๔ กรมแสงปืน ๘ คนแต่งเหมือนกรมแสงถือทวน แต่ถือปืนคาบศิลา นอกราชวัติด้านเหนือคอยยิงปืนสัญญาฝีพาย แต่งตัวเสื้อแดงหมวกแดงลงว่ายน้ำล้อมแพลงสรง ๓ ด้าน ๑๖ แต่เมื่อลงสรงจึงได้ลงตามถนนที่กระบวนแห่จะได้แห่ลง ไปนั้นก็มีกองกลาบาตตามระยะ กองละ ๓๐ คือล้อมวังซ้ายอยู่ริมประตูศรีสุนทร ๑ เรือกัน ซ้ายอยู่ริมประตูเทวาภิรมย์ ๑ เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งซ้ายริมโรงเรือ ๑ อาทมาทซ้ายอยู่ที่โรงฝีพาย ๑ ดั้งทองซ้ายริมโรงเรือ ๑ ทำลุซ้ายริมคูอู่เรือ ๑ ทหารในซ้ายริมโรงเรือ ๑ ถืออาวุธแต่งตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วแต่วันแรก กระบวนเรือก็เตรียมพร้อมอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้พิณพาทย์ในเรือ ๘ สำรับพิณพาทย์เชลยศักดิ์ทั้งนั้น ส่วนการเล่นระเบงโมงครุ่ม กุลาตีไม้ กระอั้วแทงควาย สิงห์ยกไปคอยเล่นริมโรงเรือเวลาสรงนั้นด้วย

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ โปรดให้เจ้าพนักงานปฏิบัติพระสงฆ์รับพระราชทานฉันบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ๖๐ องค์ แล้วนิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ มีกรมพระปวเรศเป็นประธาน รวม ๒๐ องค์ ลงไปนั่ง ณ พลับพลาหน้าพระที่นั่งชลังคพิมานคอยถวายชัยมงคล

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จขึ้นแต่งพระองค์ที่พระที่นั่งนงคราญเสร็จแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงประทับเกยทองฉนวนหน้าพระที่นั่งนงคราญ โปรดให้เรียกกระบวนแห่เข้าไป ตั้งกระบวนแห่เสร็จแล้วพระเจ้าอยู่หัวส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอลงทรงพระราชยาน แห่โดยกระบวนออกทางประตูราชสำราญมาโดยราชวิถี

ในเวลานี้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชาการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทูตและกงสุลผู้แทนคอเวอนเมนต์ลงไปพร้อมกัน ณ ตำหนักน้ำ พระบรมวงศานุวงศ์ประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ข้าราชการไปพักที่โรงพักหน้าพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย คนต่างประเทศพักที่ปะรำริมโรงเรือ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จส่งกระบวนแล้วเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานลงไปประทับเกยริมพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงเครื่องอย่างเช่นรับกระบวนแห่เมื่อวันสวดพระพุทธมนต์นั้น ทรงเครื่องในม่านบนพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย กั้นม่านเสีย ๒ ห้อง

ส่วนกระบวนแห่นั้น เดินโดยราชวิถีมาเข้าประตูพิมานไชยศรี มาเลี้ยวลงริมโรงนาฬิกา มาเลี้ยวหน้าอัฏฏวิจารณศาลาออกประตูศรีสุนทร ประตูเทวาภิรมย์ตรงลงไปท่าขุนนาง เลี้ยวขึ้นตามถนนทำใหม่ริมเสาธง กระบวนเลี้ยวกลับมาข้างฉนวน พอพระราชยานเทียบเกย พระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอขึ้นจากราชยาน แล้วกระบวนผู้หญิงเข้าในม่านหลังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จเข้าในม่านเปลื้องเครื่อง ทรงเครื่องถอดคือทรงผ้าขาว ฉลองพระองค์ครุยขาวขลิบทองคำใบ ทรงพระอังสาทรงเครื่องบ้างและทรงพระเกี้ยวจุฬาลงกรณด้วย เมื่อแห่มานั้นการเล่นทั้งปวงไม่ได้เล่นพิณพาทย์รายทางไม่ได้ตีรับแห่ มีแต่กลองชนะและสังข์กลองแขกแตรทหารในกระบวนเท่านั้น

พระเจ้าอยู่หัวทรงเปลื้องฉลองพระองค์ครุย พระมหามงกุฎแล้วเสด็จลงจากพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย โปรดให้กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จจากพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีโหรพราหมณ์โปรยข้าวตอกข้าวสาร ไม้บัณเฑาะว์ เป่าสังข์นำหน้าเสด็จพระราชดำเนิน แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอขึ้นพลับพลาหน้าพระที่นั่งชลังคพิมาน กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วเสด็จลงไปประทับในแพลงสรงสนาน ประทับบนพระที่นั่งโธรนพลับพลาทอง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอก็ประทับพระเก้าอี้ริมพระที่นั่งโรธรนคอยพระฤกษ์ เจ้าพนักงานในเรือทั้งปวงถวายบังคม ๓ ครั้ง ขณะพระยามหามนตรี พระยามหาเทพ พระอินทรเทพ เจ้ากรมพระตำรวจ ๓ นายลงรักษาประตูซุ้มในแพลงสรงสนานประตูละคน ครั้นเมื่อพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จลงแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศและข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยลงไปนั่งประชุมพร้อมกันที่โรงพักริมพลับพลาซึ่งขุนนางพักอยู่นั้น พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายในก็ลงไปประชุมกันในโรงพักฝ่ายในใต้พลับพลานั้นด้วย กระบวนแห่ที่สวมเสื้อครุยลำพอกขาวเปลี่ยนเป็นเครื่องสีชมพู สวมเสื้อต่างสีผ้านุ่งสี กระบวนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนสีเครื่องแต่งตัวเหมือนกัน เว้นไว้แต่พราหมณ์โหร ไม้บัณเฑาะว์ กลองชนะ แตรสังข์ ส่วนหม่อมเจ้าเชิญขนนกการเวกนุ่งสีสวมชฎาพอก เด็กคู่แห่เปลี่ยนเป็นเสื้อสีชมพู สวมลำพอกสีชมพูคอยเวลาแห่กลับ ราชยานเปลี่ยนเป็นเสื้อเข้มขาบริ้วเขียว กระบวนทั้งปวงก็เปลี่ยนไปต่าง ๆ กัน

ครั้นเวลาใกล้พระฤกษ์พระมหาราชครูพิธีรับกุ้งเงิน นาก ทอง ปลาทอง เงิน นาก แลมะพร้าวทองเงิน ผูกด้วยไหมแดงลงไว้ ๔ มุมพระกรง หลวงราชมุนีบูชาพระอิศวรทิศบูรพ หลวงศิวจาริยบูชาศาลพระเทวกรรม หลวงสุริยาเทวศบูชาศาลพระคงคาทิศประจิม ขุนหมื่นพราหมณ์ บูชาศาลนางพระธรณีทิศอุดร หลวงโลกทิพโหราจาริยลอยบัตรตามกระแสน้ำและบูชาฤกษ์ตามธรรมเนียม หมอจระเข้ที่ล้อมวงก็สักชนักตรวจตราสัตว์ร้ายมิให้พ้องพานในการพระราชพิธี เรือแหกรมฝีพายทอดแหโดยลำดับ อาสาจามลงอวนจับทุ่นถ้าได้กุ้งปลาโปรดให้ปล่อยเสีย

พอได้พระมหามงคลฤกษ์ เวลาเช้า ๕ โมง ๒๖ นาที สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จลงทางบันไดแก้ว ถึงเชิงพระกรงจึงทรงส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าภานุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช รับเสด็จลงจุ่มพระองค์ในพระกรง สรงสนานด้วยมะพร้าวปิดเงินทองถวายให้ทรงว่ายโผโดยสังเขป ขณะนั้นเจ้าพนักงานลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ตีไม้บัณเฑาะว์เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์กลองแขกพิณพาทย์พร้อมกันทั้งบกเรือพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ ๒๐ องค์บนพลับพลาถวายชัยมงคลพร้อมกัน กรมแสงปืนต้นในแพสรงยิงปืนสัญญาต้งปืนสู่อากาศกว่าจะสิ้นพระฤกษ์ เรือล้อมวงทั้งปวงยิงปืนใหญ่นั้นโดยลำดับดังนฤนาท ทหารปืนใหญ่ยิงสลุต ณ ท้องสนามชัย ๒๑ นัด ทั้งเรือรบก็ยิงสลุตลำละ ๒๑ นัด กองแก้วจินดายิงปืนมหาฤกษ์มหาชัย มหาจักรมหาปราบยุคที่ท่าขุนนาง การเล่นเล่นสมโภชพร้อมกัน ครั้นสรงสนานพอสมควรแล้ว เชิญเสด็จขึ้นประทับบนพระแท่น ๓ ชั้นริมพระกรงด้านตะวันตก พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระมหาสังข์และพระเต้าเบญจคัพย์และพระเต้าต่าง ๆ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าฝ่ายในและท่านเสนาบดีถวายน้ำพระพุทธมนต์ คือ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระวันรัตน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายพระครอบพระกริ่ง พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีถวายด้วยหม้อกะไหล่ทอง เงิน คือ สมเด็จกรมพระจักรพรรดิพงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมหลวงวรศักดาพิศาล กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการ กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ เจ้าพระยาพลเทพเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง ฝ่ายในคือ สมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระนางเจ้าแม้นเขียน พระองค์เจ้ากินรี พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ พระองค์เจ้าโสมาวดี เจ้าคุณจอมมารดา เจ้าคุณเป้าเจ้าคุณคลี่ และพราหมณ์ถวายน้ำกลศสังข์ตามธรรมเนียม เสด็จทรงผลัดพระภูษา เสด็จขึ้นมาบนพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมภาณุพันธุวงศ์เมื่อรับเสด็จลงสรงนั้นทรงฉลองพระองค์ตาดขาวรูปทูนิก ทรงภูษาม่วงขาว อนึ่งสมเด็จกรมพระจักรพรรดิพงศ์ซึ่งทรงพระประชวรเสด็จพระราชดำเนินมิได้นั้น ทรงเรือพระที่นั่งกราบมาเทียบเรือพระที่นั่งกับแพลงสรงสนาม พยุงพระองค์ขึ้นมาถวายน้ำโดยความพระอุตสาหะและซื่อสัตย์กตัญญูอย่างยิ่ง พระสงฆ์ราชาคณะ ๒๐ องค์ ซึ่งลงไปถวายมงคลนั้นกลับขึ้นมาอยู่บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทพร้อมด้วยพระราชาคณะทั้ง ๖๐ รูป การละเล่นก็กลับขึ้นมาประจำที่สนามหญ้าข้างบนพร้อมกัน สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทรงเครือทรงพระภูษาเยียรบับจีบ ทรงฉลองพระองค์ครุยเฉียงพระอังสา ทรงพระเกี้ยวจุฬาลงกรณ์เสร็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องส่งกระบวนแห่กลับทางถนนระหว่างโรงเรือกับฉนวน ไปเข้าประตูเทวาภิรมประตูศรีสุนทรไปเลี้ยวหน้าอัฏฏวิจารณศาลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทางใน เสด็จออกทางพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์รับกระบวนพอพระราชยานถึงเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ทรงรับพระกรขึ้นจากพระราชยานเสด็จขึ้นไปประทับบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจูงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จออกประทับที่โธรนน้อยเหนือหลังไลอ้อน บ่ายพระพักตร์สู่บูรพทิศพระเจ้าอยู่หัวประทับพระที่นั่งโธรนตามเคย

ขณะนั้นพระสงฆ์ราชาคณะ ๖๐ องค์ประชุมพร้อมกัน ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีมนตรีมาตย์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทในกรุงหัวเมือง เจ้าประเทศราช และผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศก็ได้ประชุมพร้อมกันในสถานที่นี้โดยลำดับผู้ใหญ่น้อย

จึงพระยาศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศกระแสพระบรนราชโองการ เริ่มพระนามแล้วพรรณนากระแสบรมราชโองการว่า ทรงพระราชดำริตามพระราชกำหนดกฎมณเฑียรบาลอันพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ อู่ทองทรงตั้งขึ้นไว้เมื่อปีชวด โทศก ๗๒๒ ในพระราชกำหนดนั้นยกพระบรมโอรสาธิราชอันเกิดด้วยพระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระหน่อพุทธเจ้า มีพระเกียรติยศยิ่งใหญ่กว่าพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวง หาได้มีตำแหน่งกรมพระราชวังมหาอุปราชฝ่ายหน้า และในครั้งนั้นต่อมาอีกหลายแผ่นดินก็หามีมหาอุปราชฝ่ายหน้าไม่ จนถึงแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถซึ่งตั้งศักดินาพลเรือนเมื่อจุลศักราช ๘๒๘ ปีจออัฐศก จึ่งปรากฏว่าประดิษฐานพระราชโอรสไว้ในที่พระมหาอุปราช บ่งตรงกับตำแหน่งพลเรือน และต่อมาก็หามีทุกแผ่นดินไม่ ครั้นกรุงเทพรัตนโกสินทร์จึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับพระราชทานความชอบพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ มาถึงในรัชกาลที่ ๔ ยกพระเกียรติยศพระมหาอุปราชมากขึ้นคล้ายพระเจ้าแผ่นดิน ครั้นมีทางพระราชไมตรีกับต่างประเทศเข้า ไม่มีที่จะแปลให้เข้าใจกันได้ ด้วยธรรมเนียมแปลกกับของเขา จึงแปลว่าพระเจ้าแผ่นดินที่ ๒ ความเข้าใจของคนต่างประเทศก็แปลกเปลี่ยนไป ครั้น ณ วัน ศุกร์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ปีระกา สัปตศก ๑๒๔๗ โปรดให้ออกประกาศเลิกตำแหน่งนั้นเสีย บัดนี้ทรงพระราชดำริตำแหน่งสมเด็จหน่อพระพุทธเจ้าควรจะใช้เป็นแบบอย่างได้ และถูกต้องกับนานาประเทศโดยชัดเจน ในบัดนี้ก็ได้ทำการเฉลิมพระปรมาภิไธยลงสรงสนานตามอย่างธรรมเนียมสมเด็จพระเจ้า ลูกยาเธอพระองค์ใหญ่แต่ก่อนมาแล้ว จึงโปรดใช้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าพระราชกุมารพระองค์ใหญ่ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณว่า (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศวรมหารุจุฬาลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร บรมมกุฎนเรนทรสูรย ขัติยราชสันติวงษ อุกฦษฐพงษวโรภโดสุชาติ ธัญญลักษณวิลาศวิบุลยสวัสดิ ศิริวัฒนวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมารมุสิกนาม ทรงศักดินา ๑๐๐,๐๐๐ ตามตำแหน่งยศสมเด็จหน่อพระพุทธเจ้าซึ่งมีมาแต่จุลศักราช ๗๒๒ นั้นและถวายพระพรตามธรรมเนียมด้วย

ครั้นอ่านประกาศยอพระเกียรติเฉลิมพระปรมาภิไธยเสร็จแล้ว พระสงฆ์ ๖๐ องค์ ถวายชัยมงคลพร้อมชาวประโคม ชาวประโคมประโคมดุริยางค์ดนตรีนฤนาท เจ้าพนักงานยิงสลุตอีกแห่งละ ๒๑ นัด

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จเข้าไปประทับหน้าพระที่นั่งโธรน พระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ ทรงเจิมสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัฏ ทองหนัก ๒ บาท ๕ สลึง ๒ กรัม มีพระกลองเป็นรูปพระกะตุดโทนประดับเพชรลงยาราชาวดี มีสายทองเป็นสังวาล และพระราชทานใบกำกับพระสุพรรณบัฏมีถุงเยียรบับหุ้มและคำประกาศ แล้วพระราชทานเครื่องราชอลังกาภรณ์ เครื่องราชอิสริยยศนพรัตนราชวราภรณ์สาย ๑ พระมาลาตาดทอง พระแสงญี่ปุ่นฝักถมลงยาราชาวดีทรงเดิม ๑ พระแสงกระบี่สั้นปรุคร่ำทองฝักศีรษะนาคลงยาราชาวดีประดับพลอยทรงเดิม ๑ พระแสงกั้นหยั่นลงยาราชวดีประดับพลอยแดงทรงเดิม ๑ พานหมากเสวยลงยาราชาวดี ๑ พระเต้าน้ำพานทองลงยาราชาวดี ๑ บ้วนพระโอษฐ์ลงยาราชวดี ๑ หีบหมากเสวยลงยาราชาวดี ๑ ที่พระสุธารสทองคำ ป้านทองคำ ถ้วยหยก ๑ กาน้ำเสวยทองคำ ๑ สายดิ่งสาย ๑ พระสังวาลนพรัตนองค์น้อย ๑ พระธำมรงค์นพเก้า ๑ พระธำมรงค์ประจำวัน ๑ พระธำมรงค์มรกตเป็นพระราชลัญจกรประทับครั่ง ๑ พระลัญจกรทับชาติ ๑ ครั้นเสร็จการพระราชทานพระสุพรรณบัฏเสร็จแล้ว โปรดให้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์รับเทียนชัย พระสงฆ์สวดคาถาดับเทียนชัยสิ้นการพระราชพิธีสงฆ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมารทรงประเคนบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลา พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน เสด็จประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ เจ้าพนักงานทรงเครื่องสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสนับเพลาเชิงงอน พระภูษาเยียรบับจีบหางหงส์ฉลองพระองค์ตาด ทองจินเอวคาดเจียระบาด ทรงพระสังวาลต่าง ๆ ทรงพระมาลาตามเกี้ยวลงยาประดับเพชรขนนกการเวกตามประเพณี ทรงเหน็บพระแสงกั้นหยั่นทรงเดิมด้วย

ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จกลับจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ไปตามระยะราชวิธี กระบวนแห่แต่งอย่างเวลาแห่ขึ้นมาแต่ท่าราชวรดิตถ์ เมื่อแห่ไปนั้นก็มีการเล่นอย่างเช่นมีทุกวัน แต่นางมยุรฉัตร นางเชิญเครื่องนั้นเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่แห่ขึ้นมา มยุรฉัตรหม่อมเจ้าอาภรพรรณีในกรมหลวงพิชิตปรีชากร นางเชิญเครื่องข้างในทั้ง ๗ คน นางมยุรฉัตรสวมชฎาสตรีทองคำ เติมเด็กศีรษะจุกเชิญพระแสงอีก ๒ เชิญเครื่องที่ได้พระราชทานอีก ๖ คน คู่เคียงวันนี้ยกเจ้านครลำพูนให้พระเจ้าเชียงใหม่เข้าเดินตามเดิม ครั้นเสด็จสิ้นกระบวนแล้ว พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งจักรีทรงรับกระบวนข้างในเป็นเลิกการพระราชพิธีลงสรง การล้อมวงที่แพสรงสนามเลิกแต่วันนี้ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทยกอาสนสงฆ์ตั้งเก้าอี้และตั้งบายศรีแก้วทองเงินที่จะได้สมโภชต่อไปพราหมณ์ที่เข้าพิธีเลิกในวันนี้เหมือนกัน เมื่อแห่กลับนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงพระที่นั่งพุดตานในพระราชวังบวร

เวลาบ่ายก็เตรียมการที่จะได้แห่สมโภชตามธรรมเนียมด้วย ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเกยท้องฉนวน โปรดให้เรียกกระบวนเข้าไป สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงเครื่องต้นอย่างขัตติยกุมาร ทรงเหน็บพระแสงตรีเพชร เสร็จแล้วทรงส่งพระกรลงทรงพระที่นั่งพุดตานในพระราชวังบวร แห่โดยกระบวนอย่างเวลาวานนี้ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี เสด็จทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ทรงเครื่องคอยรับกระบวน

ครั้นกระบวนแห่เดินมาพระราชยานเทียบเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ พระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขึ้นจากพระราชยานแล้ว เสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงจูงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ให้ประทับเหนือพระราชยานกงภายใต้สัปตปดลเศวตฉัตร มีนางถวายอยู่งานพัด ๒ คน ข้างละคน พระเจ้าอยู่หัวประทับพระที่นั่งโธรนหน้าเสาด้านตะวันออก หันพระพักตร์มาข้างตะวันตก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชหันพระพักตร์สู่ทิศเหนือ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดี มนตรีมุขมาตย์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทในกรุงหัวเมือง และเจ้าประเทศราชทั้งผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศที่มีทางพระราชไมตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพร้อมกัน จึงสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช ถวายชัยมงคลที่ได้สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร แสดงความยินดีแทนพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวง ๑ และมิสเตอร์เออเนส เมซัน ซาเตา ราชทูตอังกฤษ กราบบังคมทูลแสดงความยินดีที่ได้สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขึ้นเพื่อจะได้สืบสันตติวงศ์ และถวายชัยมงคลแทนผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศ ๑ เจ้าพระยารัตนบดินทรมหินทรมหากัลยาณมิตรกราบบังคมทูลถวายชัยมงคลแทนข้าราชการทั้งปวง ๑ แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตรัสตอบแสดงความขอบพระทัยท่านทั้งปวงโดยที่ถวายชัยมงคลแสดงความยินดีในพระราชพิธีนี้ ๑ แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชดำรัสตอบพระบรมวงศานุวงศ์ท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ผู้น้อยผู้แทนคอเวอนเมนต์ทั้งปวง ๑ แล้วผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศกลับลงไปจากพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระครูพราหมณ์ทั้งหลายเบิกแว่นแก้ว ทอง เงินเวียนเทียนสมโภช โดยทักขิณาวัฏถ้วนเบญจวารถวายเครื่องต่าง ๆ โอมอ่านอิศวรเวทวิษณุมนต์ตามไสยเวท พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช แล้วพระราชทานเงินทองสมโภชทองคำลิ่มละ ๖ ตำลึง ๑ ลิ่ม เงิน ๒๐ ชั่ง แล้วแห่กลับเวลาเกือบทุ่ม เมื่อเวลาถวายชัยมงคลนั้นเจ้าพนักงานทหารบกเรือยิงปืนสลุตแห่งละ ๒๑ นัดด้วย

เมื่อเวลาเสด็จนั้นประโคมดุริยางค์ดนตรี มีการเล่นสมโภชตามอย่างธรรมเนียมด้วย

วันเสาร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๐

เวลาเช้าวันนี้ไม่มีการอันใด เวลาเย็นเตรียมการทั้งปวงอย่างเวลาวานนี้ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ มีการแห่แต่เกยท้องฉนวนมาเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์อย่างเวลาวานนี้ แต่คู่เคียงวันเจ้านครลำพูนเข้าเดินแห่อย่างวันพฤหัสบดี แรม ๕ ค่ำ เดือน ๒ เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จประทับพระราชยานกงภายใต้สัปตปดลเศวตฉัตรอันแวดล้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อยและข้าทูลละอองธุลีพระบาทเฝ้าโดยลำดับแล้ว กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการ เสนาบดีผู้ว่าการประเทศ นำมิสเตอร์ เออเนส เมซัน ซาเตา ราชทูตอังกฤษ ๑ มิสเตอร์ อิ.บี. กูลด์ กงสุลอังกฤษ ๑ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระเจ้าอยู่หัว อ่านคำถวายชัยมงคล ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเวีย ราชินีกรุงอังกฤษมีรับสั่งให้มีโทรเลขมาถวายชัยมงคลในการพระราชพิธีมงคลสมัยนี้แล้ว มีการสมโภชตามโบราณวิธีอย่างเวลาวานนี้ และพระราชทานเงินทองสมโภชเท่ากับเวลาวานนี้ เวลาย่ำค่ำเศษแห่กลับ

อนึ่ง โปรดให้เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติตั้งที่รับของสมโภช ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการในกรุงหัวเมืองเจ้าประเทศราชจะได้สมโภช ณ โรงวริมทิมดาบพระตำรวจด้วย

วันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๑

เวลาบ่าย ๕ โมง มีการแห่และสมโภชอย่างเช่นวันก่อน แต่เมื่อเวียนเทียนและเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสร็จแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายในฝ่ายหน้าและท่านเสนาบดี เจ้าประเทศราชผู้ใหญ่ถวายทรงเจิมฝ่ายหน้า คือ กรมหลวงวรศักดาพิศาล กรมขนบดินทรไพศาลโสภณ กรมขุนเจริญผลพูนสวัสดิ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ กรมหลวงพิชิตปรีชากร กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการ กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ เจ้าพระยาพลเทพ เจ้าพระยามหินทร พระเจ้าอินทรวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ ฝ่ายในคือ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระองค์เจ้าแม้นเขียน พระองค์เจ้ากินนรี พระองค์เจ้าจามรี พระองค์เจ้าบุตรี พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ พระองค์เจ้าโสมาวดี พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ เมื่อทรงเจิมแล้วพระราชทานของสมโภชทองเงินอย่างวันก่อน เสร็จแล้วแห่กลับเวลาเกือบทุ่ม เป็นเสร็จการสมโภชเฉลิมพระปรมาภิไธยเท่านี้

จะมีการประชุมใหญ่ที่ท้องสนามชัยในวัน แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๒ ด้วย

วันจันทร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๒

เวลาเย็น เตรียมการที่จะเสด็จพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรการทำพลับพลาปะรำโรงพักหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์

โรงนั้นมีพลับพลาตรีมุขกว้างยาวเท่าฐานแท่นหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ รองงานกรมพระตำรวจเป็นผู้ทำ มีโรงใหญ่หน้าพลับพลาปลูกติดกัน ๔ หลัง มีปะรำเนื่องเข้ามาถึงหน้าพลับพลา มีปะรำใหญ่ในสนามหญ้าเหนือประตูเทวาพิทักษ์หลังหนึ่งใต้ประตูศักดิไชยสิทธิ์หลังหนึ่ง โรงทั้งปวงนี้เจ้ากรมพระตำรวจในพระบรมมหาราชวังและฝ่ายพระราชวังบวรปลูกทำโรงที่เป็นโรงนั้นมุงด้วยกระแชง ปะรำก็ดาดกระแชงเหมือนกัน โรงและปะรำเหล่านี้ดาดผ้าหลังผูกม่านประดับด้วยผ้าสีต่าง ๆ เป็นพนักงานของพระบรมวงศานุวงศ์ คือโรงใหญ่ยาวไปตามถนนหน้าพลับพลา กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการ พระองค์เจ้าไชยานุชิต พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าสุธารศ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ทรงแต่ง มีปะรำใหญ่หลังโรงยาวตามถนนนั้นกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ กรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทรงตกแต่ง มีโรงยาวด้านใต้เหนือติดกับโรงขวางตามถนน แต่โรงนี้ยืนขึ้นไปตามสนามหญ้าอีก ๒ โรง ด้านกรมหลวงพิชิตปรีชากร กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ พระองค์เจ้าจันทรทัตจุธาธาร กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ พระองค์เจ้าวิไลยวรวิลาศ ทรงแต่ง ด้านใต้กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ กรมหมื่นพรหมวรานุรักษ์ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค พระองค์เจ้าวรวรรณากร พระองค์เจ้านันทวัน ทรงแต่ง ปะรำใหญ่ในสนามหญ้าเหนือประตูเทวาพิทักษ์เป็นปะรำ ๒ ชั้น กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ พระองค์เจ้าจรูญโรจเรืองศรี พระองค์เจ้ากาญจโนภาส ทรงแต่งปะรำใหญ่ด้านใต้เป็นปะรำ ๒ ชั้นเหมือนกัน กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ พระเจ้าไชยยันตมงคล ทรงตกแต่ง ในประรำและโรงใหญ่ ๖ หลังนี้ผูกม่านสีต่าง ๆ ดาดหลังคาผ้าต่างสี และประดับตกแต่งด้วยลวดลายผ้าต่างสีแขวนผูกธงต่าง ๆ และประดับผูกใบไม้ทั้งนั้น ดูวิจิตรสะอาดอย่างยิ่ง โรงยาวตามถนนโรงสกัดเหนือใต้มีพื้นสูงจากดินคืบเศษปูกระดานลาดพรมลวด ตั้งเก้าอี้สำหรับราชการผู้ใหญ่น้อยในกรุงหัวเมือง และเจ้าประเทศราชจะได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

บนพลับพลานั้น ตกแต่งอย่างเช่นเคยมา คือหลังคาดาดสีผูกม่านทองแต่งที่มุขยื่นหน้าพลับพลานั้น ในครั้งนี้ทำเป็นอัฒจันทร์สำหรับผู้ที่จะรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศที่ที่ประทับตรงอัฒจันทร์มุขยื่นขึ้นไปนั้น ตั้งพระที่นั่งพุดตานทองคำภายใต้พระมหาเศวตฉัตร แต่วันนี้ยังไม่ได้ยกพระมหาเศวตฉัตร เบื้องซ้ายพระที่นั่งพุตตานตั้งกงสำหรับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจะได้เสด็จประทับด้วย ด้านเหนือพลับพลาริมประตูเทวาพิทักษ์มีพลับพลาเปลื้องเครื่องหลังหนึ่ง มีเกยสำหรับประทับพระที่นั่งด้วย

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากทางประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จประทับปะรำหน้าพลับพลาทอดพระเนตรงานและทรงพระกรุณาโปรดให้จัดตั้งเก้าอี้อยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้นทางเดิม

อนึ่ง ตามวิถีที่จะเสด็จพระราชดำเนินพยุหยาตรา รอบพระบรมมหาราชวัง ผู้ที่ต้องเกณฑ์ฉัตรเบญจรงค์ ราชวัติไม้ไผ่ในการเฉลิมพระปรมาภิไธยนั้น ได้ล้มฉัตรในการนั้นออกไปปักตามระยะทั่วไปทั้งนั้น อนึ่ง โปรดให้มีต้นกัลปพฤกษ์โปรยทานแก่ราษฎรในวันพรุ่งนี้ ด้วยต้นกัลปพฤกษ์ตั้งในสนามหญ้าหน้าท้องสนามชัยเหนือปะรำใหญ่ ๒ ต้น ใต้ ๒ ต้น สูงกว่าต้นกัลปพฤกษ์ทุกคราว มาประดับตกแต่งโดยสะอาด

วันอังคาร แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๓

เวลาย่ำรุ่งแล้ว เจ้าพนักงานยกพระมหาเศวตฉัตรขึ้นตั้งในพลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์

เวลาเช้าเจ้าพนักงานเตรียมกระบวนแห่ที่จะได้เสด็จพระราชดำเนินพยุหยาตราทั้งปวงพร้อมตามหมาย

ส่วนหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เกยเหนือคือเกยช้างผูกพระยาปราบไตยจักร เกยใต้ปูตั้งพระที่นั่งราเชนทรยาน ปะรำใหญ่สนามหญ้าด้านเหนือยืนพระยาช้างและช้างพระคชาธาร ช้างวอ ช้างเขน ปะรำใหญ่ด้านใต้ยืนพระยาม้าและม้าต่าง ๆ เป็นอันมาก ในที่ตั้งทั้งปวงทุกโรงมีทหารปืนยืนประจำยามเป็นระยะ

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกประทับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระราชทานพานทอง คนโททอง กระโทนทอง แด่พระยาพิษณุโลกาธิบดี ครั้นได้เวลาพระฤกษ์เช้า ๕ โมง ๑๖ นาที ได้พระฤกษ์พยุหยาตรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียรบับ ทรงพระภูษาเยียรบับ ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ เสด็จลงประทับเกยปลูกขึ้นใหม่ติดกับอัฒจันทร์พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ลงทรงพระที่นั่งพุดตานถมอันแวดล้อมด้วยอินทร์พรหมถือดอกไม้ทองเงินมีบังพระสูรย์พัดโบกเครื่องสูงและคู่เคียงคือจางวางตำรวจ มหาดเล็ก ปลัดทูลฉลอง จตุสดมภ์และจางวางเจ้ากรมคลังรวม ๑๖ คน แล้วสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช ส่งพระกรสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชลงทรงพระที่นั่งพุดตานฝ่ายพระราชวังบวรแวดล้อมด้วยคู่เคียงคือจางวางมหาดเล็ก ตำรวจ ปลัดทูลฉลอง กรมจตุสดมภ์ เจ้ากรมพระคลังใหญ่ฝ่ายพระราชวังบวรและบังสูรย์บังแทรกพระกลด พัดโบกตามธรรมเนียม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงพระมหามาลาตาดทองฉลองพระองค์ครุย กระบวนแห่ที่เดินนั้นก็คล้ายกับการพยุหยาตราใหญ่มีประตูหน้าคือพระยาจ่าแสนบดี พระยาศรีสรราช และธงนำริ้ว กระบวนทหารหน้าและอาสาต่าง ๆ เดิน ๘ สาย ตำรวจ ๒ สาย มหาดเล็ก ๒ สาย ทั้งฝ่ายพระบรมมหาราชวังและพระราชวังบวร กลองชนะ ทอง เงิน แดง ๔ สาย แตรสังข์นอกใน และมีเครื่องสูงอภิรุม ชุมสายพระกรรภิรมย์ธงกระบี่ธุชครุฑพ่าห์หามอย่างบุรพประเพณี แล้วจึงถึงพระที่นั่งพุดตานพระที่นั่งต้น มีมหาดเล็กตามเสด็จพระราชดำเนิน แล้วจึงถึงพระที่นั่งพุดตาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมีมหาดเล็กในกรมตามเสด็จ แล้วถึงเครื่องสูงหลังและพระที่นั่งลงยาราชาวดี พระที่นั่งถม พระวอ รถพระที่นั่ง ม้าพระที่นั่งและอาสาต่าง ๆ เป็นอันมากตามธรรมเนียม มีประตูหลังคือ พระยานรินทรราชเสนี พระยาศรีสิงหเทพ ขี่ม้าเหมือนประตูหน้า เมื่อเดินกระบวนแห่นั้นยิงสลุตด้วยทั้งบกทั้งเรือแห่งละ ๒๑ นัด เดินกระบวนแต่หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทไปโดยราชวิถีออกประตูพิมานชัยศรี วิเศษไชยศรี ไปเลี้ยวป้อมเผด็จดัสกร ไปตามถนนท้องสนามชัยประทับพระที่นั่งพุดตานกับพลับพลาเปลื้องเครื่อง เสด็จขึ้นประทับเปลื้องพระมหามกุฎและฉลองพระองค์ครุย แล้วเสด็จออกประทับพระที่นั่งพุดตานทองคำภายใต้พระมหาเศวตฉัตร ณ พลับพลาตรีมุขหันพระพักตร์สู่ทิศบูรพา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเปลื้องพระมาลา และฉลองพระองค์ครุยแล้วเสด็จไปประทับที่พระราชยานกงริมพระที่นั่งพุดตานพลับพลานั้น ต่อที่ประทับไปข้างใต้กั้นม่านเป็นที่ประทับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี และพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ที่หน้าพลับพลานั้นข้างใต้เป็นที่เจ้ากรม ปลัดกรมจ่าตำรวจในพระบรมมหาราชวังฝ่ายพระราชวังบวรและสนมกรมวังเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หน้าพลับพลาด้านเหนือนั้น เจ้าพนักงานกรมท่านำราชทูตและกงสุลเยเนอราลกงสุลผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศนั่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในที่นั้น ส่วนคู่เคียงและข้าราชการที่เข้ากระบวนเสด็จพระราชดำเนินก็เข้านั่งในโรงยาวหน้าพลับพลาแต่นั่งริมโรงสกัดด้านเหนือ กระบวนกลองชนะแตรสังข์เข้าไปยืนปะรำหลังโรงยามหน้าพลับพลา

ครั้นแล้วโปรดให้เดินกระบวน พระบรมวงศานุวงศ์ท่านเสนาบดี พระยา พระ หลวง ข้าราชการในกรุงหัวเมืองและเจ้าประเทศราชมาโดยลำดับยศตั้งเป็นสองกระบวนมาแต่ทางฝ่ายเหนือกระบวนหนึ่งฝ่ายใต้กระบวนหนึ่ง ฝ่ายเหนือคือ กรมหลวงวรศักดาพิศาลเป็นหัวหน้า ถึงกรมขุนกรมหมื่น พระองค์เจ้าในพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวร พระองค์ทั้งเจ้าหม่อมเจ้า ต่างกรมทรงพระวอ พระองค์เจ้าทรงเฉลี่ยงทรงมาลาเส้า แต่ทรงบ้างไม่ทรงบ้าง หม่อมเจ้าทรงเฉลี่ยงบ่าทรงหมวกฮาลเม็กยอดเกี้ยว มีตำรวจมหาดเล็กพระแสงตามพระเกียรติยศ และถึงเจ้าพระยารัตนบดินทร์ขี่เสลี่ยง มีบโทนนำหน้าใส่มาลาแล้วถึงพระยาพระหลวงในกรมมหาดไทย แล้วถึงพระยาพลเทพขี่แคร่ มีบโทนนำตามเกียรติยศ ขุนนางในกรมนาเดินตามยศ แล้วถึงเจ้าพระยามหินทรขี่แคร่ มีบโทนนำตามยศ ขุนนางฝ่ายพลเรือนที่ได้รับพระราชทานพานทองขึ้นแคร่มาตามลำดับ ที่ยศไม่ถึงพานทองก็เดินมาตามลำดับ แล้วถึงพระยาพระหลวงหัวเมืองชั้นในชั้นนอกเดินมาโดยลำดับแล้วถึงพระเจ้านครเชียงใหม่ขี่เสลี่ยง ใส่มาลา มีตำรวจคนตาม ตามเกียรติยศ แล้วถึงเจ้านครลำพูนขี่แคร่สวมมาลามีคนนำตามเหมือนกัน แล้วถึงเจ้านายท้าวพระยาลาวเดินมาโดยลำดับ ข้างฝ่ายใต้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอกรมพระภาณุพันธุวงศ์ เป็นประธาน แล้วถึงกรมหลวง กรมหมื่น พระองค์เจ้า หม่อมเจ้าอย่างเช่นว่ามาแล้ว แล้วถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ขี่เสลี่ยงสวมมาลาเหมือนเจ้าพระยารัตนบดินทร์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีขี่เสลี่ยงสวมมาลาเหมือนกัน สิ้นขุนนางในกรุงแล้วถึงพระยา พระ หลวงหัวเมืองฝ่ายใต้แล้วถึงแล้วถึงเจ้าประเทศราชเมืองมลายูเดินมาโดยลำดับเข้ามาถวายคำนับต่อหน้าพระที่นั่งฝ่ายละคน แล้วไปนั่งที่ตามตำแหน่งในที่ทั้งปวง พระองค์เจ้าต่างกรมยังไม่ได้ตั้งกรมนั่งบนพลับพลา หม่อมเจ้านั่งโรงยามสกัดด้านเหนือ เจ้าพระยาพระหลวงฝ่ายพลเรือนนั่งโรงยาวหน้าพลับพลาแต่นั่งตอนข้างเหนือ กลาโหมฝ่ายทหารนั่งตอนข้างใต้แต่หลังเดียวกัน เจ้าประเทศราชและข้าราชการหัวเมืองนั่งโรงยาวสกัดด้านใต้

อนึ่ง เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดี พระยา พระ หลวงข้าราชการในกรุงหัวเมือง เจ้าประเทศราชเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายคำนับหน้าพระที่นั่งนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานแจกเหรียญที่ระลึกในการพระราชพิธีมงคลนี้ทั่วกัน คือพระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์แจกเหรียญสายข้างเหนือคือฝ่ายพลเรือน พระองค์เจ้าโสนบัณฑิตย์แจกสายข้างใต้คือฝ่ายทหาร เหรียญที่แจกคราวนี้เป็นเหรียญทอง กะไหล่ เงิน บรอนซ์ โตกว่าเงินบาทหน่อยหนึ่งหนากว่าสัก ๒ เท่า เหรียญนั้นด้านหนึ่งเป็นพระรูปสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงเครื่องอย่างวันฟังสวด ทรงเกี้ยวจุฬาลงกรณ์ มีหนังสือรอบว่า “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศวรมหาจุฬาลงกรณ์ เติมสร้อยวิบูลยสวัสดิศิริวัฒนวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร” อีกด้านหนึ่งเป็นรูปแพสรงสนาน มีหนังสือว่า “ที่ระลึกการพระราชพิธีลงสรงเฉลิมพระปรมาภิไธย ปีจอ อัฐศกศักราช ๑๒๔๘” มีจำนวนที่ได้พระราชทานในเวลาวันนี้ประมาณ ๑,๐๐๐ เศษหลายร้อย

ครั้นพระราชทานเหรียญที่ระลึกเสร็จแล้ว ข้าราชการเข้านั่งที่โดยลำดับ จึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยยศต่าง ๆ แก่ผู้ที่มีความชอบความดีในราชการ ทั้งผู้ที่รับราชการมาช้านานไม่มีความผิดร้ายสิ่งใดเป็นอันมาก แต่แบ่งพระราชทานเองเพียงตราชั้นที่ ๑ ชั้นที่ ๒ โปรดเกล้า ฯ ให้ผู้ที่ได้รับพระราชทานตราชั้นที่ ๑ ที่ ๒ ขึ้นไปรับต่อพระหัตถ์หน้าพระที่นั่งโธรนมีจำนวนดังนี้

เครื่องราชอิสริยยศนพรัตนราชวราภรณ์ ๒ คือ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรประการ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม

เครื่องราชอิสริยยศช้างเผือกสยามชั้นที่ ๑ มหาวราภรณ์ ๒ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ สมุหนายก เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี

เครื่องราชอิสริยยศปฐมจุลจอมเกล้า ๑ พระเจ้าอินทรวิไชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่

เครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๑ มหาสุราภรณ์ ๑๑ คือ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ เจ้าพระองค์สวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าสายสนิวงศ์ พระยาธรรมสารนิติ (ตาด) พระยามนตรี สุริยวงศ์ (ชื่น) พระไทรบุรี (ตนกูฮามิต) พระยาคธาธรธรณินทร์ (เยีย) เมืองพระตะบอง

เครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๒ จุลสุราภรณ์ ๑๒ คือ กรมหมื่นพรหมวรานุรักษ์ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ กรมหมื่นสรรพสิทธิ์ประสงค์ พระองค์เจ้าวรวรรณากร พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ พระองค์เจ้าโสนบัณฑิตย์ พระองค์เจ้าปรีดา พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (เถียน) พระยาสุจริตรักษา (อ่วม) พระยานุภาพไตรภพ (แย้ม) พระอภัยนุราชชาติรายาภักดิ เมืองสตูล (ตนกูอิศมาแอ)

เครื่องราชอิสริยยศทุติยจุลจอมเกล้า ๕ คือ พระยาอภัยพิพิธ (หนูกลาง) พระยาอิศรานุภาพ พระยาพิชัยบุรินทรา (ฉ่ำ) พระยามณเฑียรบาล (คง) พระยาพิษณุโลกาธิบดี (บัว) เมืองพิษณุโลก

โปรดให้กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์แจกตราช้างเผือกสยามชั้นที่ ๓ มงกุฎสยามชั้น ๓ ต่อไป

เครื่องราชอิสริยยศช้างเผือกสยามชั้นที่ ๓ นิภาภรณ์ ๙ คน พระยานรรัตนราชมานิต (โต) พระยาศรีสิงหเทพ (อ่วม) พระยามหามนตรี (เวก) พระยาชัยยศสมบัติ (ฉ่ำ) พระยาราชสัมภารากร (เลื่อน) พระยาแพทยธรรมธาดา (รอด) พระยามหาราชครูพิธี (อาจ) พระยาสุรินทฦๅชัย (เทศ) เมืองเพชรบุรี พระยาวิชยาธิบดี (หวาด) เมืองจันทบุรี

เครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๓ มัณฑนาภรณ์ ๖๖ คน คือ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค พระองค์เจ้าจันทรทัตจุธาธาร พระองค์เจ้าไชยานุชิต พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล กรมหมื่นพิศาลบวรศักดิ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ พระองค์เจ้าเฉลิมลักษณาวงศ์ พระองค์เจ้านันทวัน พระองค์เจ้าจรูญโรจเรืองศรี หม่อมเจ้าสวนในกรมหมื่นอินทรพิพิธ หม่อมเจ้าขาวในกรมเทเวศร หม่อมเจ้าอลังการในกรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์ หม่อมเจ้าประวิชในกรมหมื่นอดุลย หม่อมเจ้าวัฒนาในกรมหมื่นสิทธิ มองซิเออร์อันตอนี โคลบุโคสตีคนฝรั่งเศสที่มาในการนี้ พระยาอภัยรณฤทธิ์ (แย้ม) พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (เผือก) พระยาพิพิธโภไคยสวรรย์ (โค) พระยาจ่าแสนบดี (ชา) พระยาพิพัฒโกษา (สิงโต) พระยาราชสงคราม (ทัด) พระยาราชวังสัน (บัว) พระยาอมรสาตรประสิทธิศิลป์ (นาก) พระยาสัมภาหบดี (แก้ว) พระยาวุธภัณฑ์เผด็จ พระยาราชวังเมือง พระราชครูพิเชต พระยาเกษตรรักษา พระยาไกรโกษา (เทศ) พระยานรานุกิจมนตรี พระยาณรงค์วิชัย (ทัด) พระยาบริรักษ์ราชา เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ (กระจ่าง) พระวุฒิการบดี (คลี่) พระอินทรเทพ (ทับ) พระสิทธิชัยบดี พระสุวรรณภักดี (คล้อย) หมื่นจงรักษาองค์ (ซ้าย) หลวงสิทธินายเวร (บุตร) หลวงโลกทีป (เถื่อน) พระยาพิษณุโลกาธิบดี (บัว) เมืองพิษณุโลก พระยารามรณรงค์ เมืองกำแพงเพชร พระยาเทพาธิบดี (แจ่ม) เมืองทิจิตร พระยาพิสุทธิธรรมธาดา เมืองลพบุรี พระยาวิเศษชาญชัย (เถียน) เมืองอ่างทอง พระยาพิชัยรณรงค์ (ถี) เมืองสระบุรี พระโบราณบุรานุรักษ์ กรุงเก่า พระศรีธรรมราช เมืองนครศรีธรรมราช พระยาสมบัติภิรมย์ เมืองสงขลา พระยาอมรินทรฦๅชัย (นิ่ม) เมืองราชบุรี พระยาประสิทธิสงคราม เมืองกาญจนบุรี พระยาพิทักษ์ทวยหาญ เมืองปทุมธานี พระยาวิชิตภักดี เมืองไชยา พระยาราชพงษานุรักษ์ (ชม) เมืองสมุทรสงคราม พระยานนทบุรี (ทัด) เมืองนนทบุรี พระยาพิพิธพิสัย เมืองตราด เจ้าศรีสุพรรณ เมืองหลวงพระบาง พระชลสินธุ์สงครามชัย เมืองไทรบุรี พระยาพิพิธเสนา (นิเมาะ) เมืองยิริง พระยาเพชราภิบาล (มิ่ง) เมืองหนองจิก

เครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทราภรณ์ ๒ คือ มองซิเออร์ ชาล ดอลอม ๑ มองซิเออ ปอลลุศ ๑

รวมที่พระราชทานต่อพระหัตถ์ ๓๓ โปรดให้รับหน้าพระที่นั่ง ๗๗ รวมได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศวันนี้ ๑๑๐ เสด็จขึ้นพระราชทานเหรียญที่ระลึกฝ่ายใน โปรดให้พระหลวงข้าราชการ ๑๖ นายขึ้นทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์ ๔ พุ่ม ๆ ละ ๓ ชั่งผลเฟื้องพระ พระราชทานราษฎร

ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมง เสด็จประทับพลับพลาเปลื้องเครื่อง ทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระมหากฐิน เสด็จออกที่เกยพลับพลาเปลื้องเครื่อง ทรงพระที่นั่งพุดตาน เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราเสด็จไปเข้าประตูพิทักษ์บวร ออกประตูสุนทรทิศามาเข้าประตูวิเศษไชยศรี เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

วันนี้สมเด็จพระนางเจ้าเสด็จออกทอดพระเนตรแห่ที่โรงทานด้วย

วันนี้พระบรมวงศานุวงศ์แต่งพระองค์เหมือนวันงาน

วันพุธ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๔

วันนี้ไม่มีอะไรหยุดการเจ้าพนักงานได้จัดเรือที่จะเดินกระบวนชลมารคพยุหยาตราและถอยแพลงสรงไปจากท่าพระตำหนักน้ำ และรื้อพลับพลาหน้าพระที่นั่งชลังคพิมานด้วยนอกนั้นก็ตามเดิม

วันพฤหัสบดี แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๒ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ วันที่รัชกาล ๖๖๔๕

เวลาเช้า เจ้าพนักงานได้เตรียมการที่จะเสด็จลงทอดพระเนตรกระบวนพยุหยาตราเรือได้ผูกเรือพระที่นั่งต่าง ๆ เรือกระบวนต่างเป็นอันมาก และกรมเรือ พระบรมวงศานุวงศ์ที่ตั้งกรมแล้วและเจ้าพระยา พระยา พระ หลวงที่มีเรือตามเสด็จพระราชดำเนินนั้นมาตั้งกระบวนอยู่เหนือน้ำ คอยเวลาเสด็จพระราชดำเนินเป็นอันมาก ครั้นเวลาบ่ายพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดี พระยาพระหลวง ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนมาประชุมพร้อมกันที่พระตำหนักน้ำพร้อมกัน

ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี ทรงพระราชยานเสด็จออกพระราชดำเนินไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งชลังคพิมาน พระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าหน้าพระที่นั่ง ท่านเสนาบดี พระยา พระ หลวง ข้าราชการ เจ้าประเทศราชและผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศเฝ้าที่ปะรำหน้าพระที่นั่งชลังคพิมาน ข้าราชการเฝ้าที่โรงพักและหน้าโรงพัก

โปรดให้เรียกกระบวนพยุหยาตราเรือเดินล่วงหน้ามาแต่เหนือน้ำล่องไปท้ายน้ำ มีเรือประตู เรือดั้งกันแทรกแซง และเรือรูปสัตว์ ๆ เป็นอันมากและมีเรือพระชัยต่าง ๆ เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์ทรงพระพุทธบุษยรัตน มีเครื่องสูงพระกรรมาภิรมย์ ธงกระบี่ธุช ครุฑพ่าห์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชทรงพระชัยในรัชกาลปัจจุบัน มีเครื่องสูงจามร เมื่อเรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์และเรืออนันตนาคราชล่วงลงมาถึงหน้าพระตำหนักน้ำจอดเทียบท่าหน้าพระตำหนักน้ำ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วเสด็จขึ้น เรือทั้งปวงก็ล่องลงไปท้ายน้ำ แล้วมีเรือพระที่นั่งศรีต่าง ๆ พายล่องลงมาเป็นคู่ ๆ และเรือพระที่นั่งกราบผูกม่านทองพระที่นั่งโถงและเรือแซง เรือกัน เรือตำรวจ ครั้นสิ้นเรือกระบวนพระราชดำเนินแล้ว ถึงเรือเจ้าต่างกรมและเรือเจ้าพระยาพระยาพระหลวงซึ่งเคยตามเสด็จพระราชดำเนินล่องลงมาโดยลำดับ

เมื่อกำลังเดินกระบวนพยุหยาตรานั้น โปรดให้กรมหมื่นสมมตแจกเครื่องราชอิสริยยศข้าราชการซึ่งเหลือจากวันพยุหยาตราบก คือ

เครื่องราชอิสริยยศช้างเผือกสยามชั้นที่ ๔ ภูษณาภรณ์ ๒๑ นาย พระครูอัษฎาจาริย์ พระพรหมบริรักษ์ พระอินทราธิบาล พระพรหมาภิบาล พระวรรณการโกศล พระมหาแพทยพิทยากรณ์ หม่อมเทวาธิราช หลวงนริศราชกิจ หลวงญาณประกาศ พระสรรค์บุรานรักษ์ พระพยุหาธิบาล เมืองพยุหคีรี พระพิศาลสงคราม เมืองสรรค์ พระพรหมประสาทศิลป์ เมืองพรหม พระจรูญราชโภคากร เมืองหลังสวน พระอัษฎงคตทิศรักษา เมืองกระบุรี พระพิชัยชลสินธุ์ เมืองปราณ พระพิชัยชนะสงคราม เมืองศรีสวัสดิ พระยาชลบุรานุรักษ์ เมืองชล พระยาสาครสงคราม เมืองบางลมุง พระยาชัยสงคราม เมืองแพร่

เครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทราภรณ์ ๕๖ นาย หม่อมเจ้าร้ายในกรมหมื่นอินทรพิพิธ หม่อมเจ้าจันกรมหมื่นศรีสุเทพ หม่อมเจ้าสุบรรณกรมหมื่นณรงค์ หม่อมเจ้าสวัสดิกรมสมเด็จพระเดชา หม่อมเจ้าวัชรินทร์กรมขุนบดินทร์ หม่อมเจ้าเจ๊กกรมหมื่นมเหศวร หม่อมเจ้าอุไทยกรมหมื่นอนันต์ พระยาเพชรปาณี พระยาเพชรดา พระยาประชาชีพบริบาล พระยาประสิทธิศุภการ พระยาวิเศษสงคราม พระยาอัคนีศราภัย พระบาทหัตถการบัญชา พระยาจินดารังสรร พระยาเสนาภูเบศร พระยาบำเรอบริรักษ์ พระยาภักดีภูธร พระยาภักดีภูบาล พระทิพมณเฑียร พระอินทรเดช พระมนตรีพจนกิจ พระจินดาจักรรัตน พระศรีกาฬสมุด พระอัพภันตริกามาตย์ พระนนทเสนเสนาบดี พระหฤทัย พระอภัยสุรินทร์ พระศุภรัตกาสายานุกิจ พระรัตนโกษา หลวงราโชวาท หลวงกุมารแพทย์ หลวงราชายสาธก หลวงสำเร็จพระขรรค์ พระศรีสุนทรเทพ ปลัดเมืองอุทัย พระยอดเมืองขวาง ปลัดเมืองนครสวรรค์ พระไชยราชรักษา ปลัดเมืองสุพรรณ พระวิชิตรักษา ปลัดเมืองตาก พระเกรียงไกรกระบวนยุทธ ปลัดเมืองฉะเชิงเทรา พระไชยบริรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองชัยนาท พระสยามสิมานุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองนครเสียมราฐ พระพล เมืองสวรรคโลก หลวงศรีสงคราม ปลัดเมืองพิจิตร หลวงวิเศษภักดี เมืองพนมศก หลวงกรุงศรีบริรักษ์ กรุงเก่า พระบริสุทธิ์โลหภูมินทราธิบดี เมืองตะกั่วทุ่ง พระรามฤทธิรงค์ เมืองชุมพร พระศรีสุพรรณดิษฐ์ เมืองกาญจนดิษฐ์ พระพิชัยชลธี เมืองประจันตคีรีเขตร เจ้าสุริย เมืองเชียงใหม่ เจ้าชัยสงคราม เมืองเชียงใหม่ เจ้าราชบุตร เมืองอุบล พระบุรีรัตน เมืองเถิน พระสุรินทรวงษา ผู้ช่วยเมืองปลิด พระไพรีพ่ายฤทธิ เมืองยะลา

เครื่องราชอิสริยยศช้างเผือกสยามชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณ์ ๑๗ คน พระอินทราทิตย์ พระภิรมยราชา จมื่นสราภัยสฤดิการ หลวงราชดรุณรักษา หลวงสโมสรพลการ หลวงอัคนิศรพลารักษ์ หลวงโกษากรวิจารณ์ หลวงคชสิทธิ หลวงนายเดช นายเสถียรรักษา นายประภาสมณเฑียร พระสยามลาววดี ปลัดเมืองสระบุรี หลวงกำแหงพลล้าน ปลัดเมืองชัยนาท หลวงประชากรบริรักษ์ ปลัดเมืองอินทร หลวงสุนทรภักดี ผู้ช่วยกรุงเก่า พระเสนามนตรี เมืองนครศรีธรรมราช พระเสนานุวงศ์ภักดี เมืองคีรีรัฐนิคม

เครื่องราชอิสริยยศมงกุฎสยามชั้นที่ ๕ วิจิตราภรณ์....คน หม่อมเจ้าน้อยกรมหมื่นศรีสุเทพ หม่อมเจ้าน้อยพระองค์เรณู หม่อมเจ้าภาณุมาศกรมพระพิทักษ์เทเวศร หม่อมเจ้าปานกรมหมื่นภูมินทร์ หม่อมเจ้าชายเล็กกรมหมื่นมเหศวร หม่อมเจ้าปรดากรมขุนธิเบศร หม่อมเจ้ากระจ่างกรมหมื่นกระษัตริยศรี หม่อมเจ้าเขมเจ้าฟ้าอิศราพงษ์ หม่อมราชวงศ์โต หม่อมราชวงศ์สอาด พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ พระยาประเสริฐสาตร์ดำรง พระยาสุรินทรราชเสนี พระยาราชานุประดิษฐ์ พระยาไพบูลยสมบัติ พระวิสูตรโยธามาตย์ พระรักษาเทพ พระศิริสมบัติ พระประดิษฐนิเวศ พระโทรเลขธุรานุรักษ์ พระพิเดชสงคราม พระจำนงภูสิต หม่อมเจ้าทศทิศฦๅเดช หม่อมราไชไทย จมื่นทิพเสนา จมื่นราชานุบาล จมื่นประธานมณเฑียร จมื่นสุรเดชรณชิต จมื่นวิชิตชัยศักดาวุธ หลวงสุริยามาตย์ หลวงคเชนทรามาตย์ หลวงราชฤทธานนท์ หลวงสุนทรพิมล หลวงพิพิธภูษา หลวงเทพาภรณ์ หลวงสรรพาวุธ หลวงศรีทิพภักดี หลวงรักษานารถ หลวงราชบำเรอ หลวงฤทธิ์นายเวร นายจ่าเรศ นายจ่ารง นายราชภัณฑ์ภักดี นายจำนงราชกิจ ขุนวรการโกศล ขุนราชวโรสถ ขุนราชพรหมา ขุนกุมารประเสริฐ ขุนกุมารประสิทธิ์ ขุนรัตนแพทย์ ขุนราชแพทย์ พระไกรสิงหนาท เมืองภูเขียว พระอนันตภักดี เมืองสังขะ พระพิชัยนคร เมืองสุรินทร พระบริรักษ์นรากร เมืองพระตะบอง หลวงนา ว่าที่พระยากงไกรลาศ หลวงวิชิตสงคราม เมืองสระบุรี หลวงพล เมืองสระบุรี หลวงมหาดไทย เมืองศรีโสภณ หลวงบริหารอัสสกิจ กรุงเก่า นายรุ่งมหาดเล็ก ว่าที่พระสุรินทรภักดี หลวงเทพภักดี เมืองพัทลุง หลวงมนตรีบริรักษ์ เมืองพัทลุง หลวงภรหมภักดี เมืองปราณ นายพัน มหาดเล็ก หลวงบันเทา เมืองระยอง ขุนรักษาราชการ เมืองพนัสนิคม เจ้าชัยสงคราม เมืองลำพูน เจ้ามหาวงศ์ เจ้าหนานมหายศ เมืองเชียงใหม่ เจ้าพรหมปัน เจ้าหนานหมื่นแก้ว เจ้าหนานกด เมืองลำพูน เจ้าพรหมา เมืองหลวงพระบาง หนานจิตรวงศ์ หนานอินท เมืองน่าน พระอุตรการ เมืองเถิน ราชวงศ์ เมืองกมลาสัย ตนกูจิ เมืองตานี เหรียญดุษฎีมาลา เหรียญกะไหล่ทอง เข็มศิลปวิทยา พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ๑ เหรียญเงินเข็มศิลปวิทยา หม่อมดำรงรามฤทธิ (ฉาย) ๑ พระยาภักดีรจนา (นิ่ม) ช่างแหวน ๑ พระผดุงศุลากฤตย์ (หนู) จินตกระวี ๑ พระยารจนารังสรร (จีน) ช่างแกะ ๑ พระวิเศษสุวรรณกิจ (โต) ช่างแหวน ๑ พระชำนิรจนา (เนตร) ช่างสลัก ๑ หลวงบรรจงสุวรรณกิจ (บุตร) ช่างแหวน ๑ หลวงลัญจการโลหกิจ (สด) ช่างแกะ ๑ หลวงสุวรรณสิทธิ (สาย) ช่างเขียน ๑ หลวงพิษณุกรรม (เล็ก) ช่างเขียน ๑ หลวงวิจิตรนฤมล (พึ่ง) ช่างแกะ ๑ หลวงวิจิตรรจนา (เปีย) ช่างรูป ๑ นายรองไชยขรรค์ (ปาน) ช่างปั้น ๑ นายเทศ ช่างแช่ ๑ นายขำ ช่างเขียน ๑ นายเหมือน ช่างเขียน ๑ นายอิ้ม ช่างเขียน ๑

เวลาเกือบย่ำค่ำเสด็จขึ้น วันนี้สวมเสื้อเยียรบับนุ่งผ้าสีน้ำเงินแก่

  1. ๑. ต้นฉบับเป็นสะอาด

  2. ๒. ต้นฉบับเป็นสะอาด

  3. ๓. เอี่ยม บุนนาค

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ