- คำนำ
- เรื่องสังข์ทองในปัญญาสชาดก
- ตอนที่ ๑ กำเนิดพระสังข์
- ตอนที่ ๒ ถ่วงพระสังข์
- ตอนที่ ๓ นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์
- ตอนที่ ๔ พระสังข์หนีนางพันธุรัต
- ตอนที่ ๕ ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
- ตอนที่ ๖ พระสังข์ได้นางรจนา
- ตอนที่ ๗ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ
- ตอนที่ ๘ พระสังข์ตีคลี
- ตอนที่ ๙ ท้าวยศวิมลตามพระสังข์
ตอนที่ ๗ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวสามนต์เป็นใหญ่ |
ตั้งแต่เงาะพาธิดาไป | ให้แค้นขัดฤทัยทุกเวลา |
รจนาเจ้ากรรมมันทำชั่ว | มีผัวเงาะร้ายให้ขายหน้า |
จำจะคิดอ่านด้วยมารยา | พาลฆ่าเสียให้ได้ไม่ไว้เลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางสั่งเสนาใน | จงรีบไปบอกบรรดาลูกเขย |
กูจะให้แต่งตั้งสังเวย | ตามเคยบวงสรวงเทวัญ |
พรุ่งนี้หาปลามาคนละร้อย | ใครได้น้อยจะฆ่าให้อาสัญ |
ทั้งอ้ายเงาะขี้ครอกจงบอกมัน | มิได้ปลามาทันจะบรรลัย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ |
วิ่งวางออกจากวังใน | มายังบ้านเขยใหญ่ทั้งหกองค์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงแถลงแจ้งคดี | บัดนี้รับสั่งต้องประสงค์ |
เร่งหาปลามาให้ได้ดังใจจง | เอาไปส่งให้ทันพระบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยเกษมสันต์หรรษา |
ยิ้มพลางทางตอบเสนา | ผักปลาหน้านี้มีถมไป |
อย่าว่าแต่เท่านั้นท่านจะเอา | ถึงจะลงสำเภาก็รับได้ |
อาสาพ่อตาแล้วเต็มใจ | จะหาให้สุดฤทธิ์ไม่บิดพลิ้ว |
สงสารแต่เงาะป่าประดาเสีย | จะพาเมียสุ่มช้อนจนอ่อนหิว |
เต็มทีจะได้มาแต่ปลาซิว | ท้าวจะกริ้วโกรธาให้ฆ่าฟัน |
ว่าพลางทางสั่งบ่าวไพร่ | พรุ่งนี้กูจะไปแต่ไก่ขัน |
เรือแพแหอวนทุกสิ่งอัน | เร่งรัดจัดกันให้พร้อมไว้ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนาลาหกเขยใหญ่ |
ชวนกันรีบออกนอกเวียงชัย | ตรงไปยังบ้านปลายนา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงยืนอยู่นอกรั้ว | ระวังตัวกลัวสุนัขหนักหนา |
ร้องเรียกเข้าไปมิได้ช้า | หม่อมแม่รจนาอยู่แห่งใด |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | รจนาสาละวนลนควันไต้ |
จับกระเหม่าใส่น้ำมันกันไร | ถึงยากเย็นเข็ญใจมิให้รก |
ทาแป้งแต่งตัวไม่มัวหมอง | ผัดหน้านั่งมองส่องกระจก |
นุ่งผ้าจัดกลีบจีบชายพก | แล้วยกของมาให้ผัวกิน |
จีบพลูใส่ซองรองลำดับ | เอามีดพับผ่าหมากจนปากบิ่น |
เจ้าเงาะนอนถอนหนวดสวดสุบิน | เล่นลิ้นละลักยักลำนำ |
ฯ ๖ คำ ฯ
กาพย์เรื่องสุบิน เจ้าเงาะสวด(ความเก่า)
๏ จะกล่าวตำนาน | สุบินกุมาร |
อันสร้างสมมา | ร่ำเรียนเขียนธรรม |
ปรากฏนักหนา | บวชในศาสนา |
ลุถึงอรหันต์ |
๏ โปรดแม่พ้นทุกข์ | โปรดพ่อเสวยสุข |
ไปยังเมืองสวรรค์ | นางฟ้าแห่ห้อม |
แวดล้อมนับพัน | เครื่องทิพย์อนันต์ |
อเนกนานา |
๏ แต่ก่อนยังมี | เมืองสาวัตถี |
นครพารา | ท่านท้าวเจ้าเมือง |
ฦาเลื่องนักหนา | รี้พลช้างม้า |
ข้าคนบริวาร |
๏ นอกเมืองออกไป | มิใกล้มิไกล |
มีบ้านนายพราน | เป็นส่วยมังสัง |
เนื้อหนังตระการ | แต่ล้วนหมู่พราน |
ย่อมเอามาถวาย |
๏ นายพรานผู้ใหญ่ | ชอบอัชฌาสัย |
ตั้งให้เป็นนาย | คุมไพร่พรานป่า |
ล่าเนื้อกวางทราย | พรานผู้เป็นนาย |
ตักเตือนบ่คลา |
______________
๏ รจนานิ่งฟังนั่งหัวเราะ | น้อยหรือเพราะแจ้วเจื่อยเฉื่อยฉ่ำ |
ไม่ทันถึงใบสมุดหยุดกินน้ำ | สวดซ้ำอีกสักนิดยังติดใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ พอได้ยินแว่วเสียงเสนี | มาร้องเรียกอยู่ที่ริมไร่ |
นางจึงลุกเดินออกไป | ยืนเยี่ยมกระไดมองดู |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาหยุดยั้งนั่งคอยอยู่ |
เรียกพลางทางมองที่ช่องประตู | เห็นโฉมตรูเดินออกมานอกชาน |
จึงเข้าไปบังคมก้มหน้า | น้ำตาไหลลงด้วยสงสาร |
แล้วทูลแถลงเล่าเยาวมาลย์ | ตามบัญชาการพระทรงยศ |
บัดนี้มีรับสั่งใช้มา | ให้เจ้าเงาะเสาะหาปลาสด |
ทั้งหกเขยใหญ่ก็ไม่ลด | กำหนดให้ทันวันพรุ่งนี้ |
ใครได้ไม่ครบร้อยน้อยไป | พระจะให้ฆ่าฟันบั่นเกศี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | อัญชลีแล้วกลับไปฉับไว |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | รจนาอกสั่นหวั่นไหว |
เข้าไปในกระท่อมทันใด | กอดตีนผัวไว้แล้วโศกา |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ อกเอ๋ยโอ้ว่าครานี้ | น่าที่จะม้วยสังขาร์ |
สมเด็จบิตุเรศไม่เวทนา | จะคิดอ่านพาลฆ่าชีวาลัย |
ให้หาปลาเป็นร้อยน้อยหรือนั่น | ประกวดกันกับเขาเหล่าเขยใหญ่ |
มั่งมีศรีสุขทุกข์อะไร | ประเดี๋ยวเดียวก็จะได้ง่ายดาย |
วิตกแต่ส่วนตัวผัวรัก | ยากนักจะซุกซนขวนขวาย |
ผัวเมียสองคนจนจะตาย | จะหาปลาไปถวายที่ไหนทัน |
ถ้าพระรูปทองน้องบรรลัย | เมียจะตามเข้าไปมิได้พรั่น |
จะให้เขาพิฆาตฟาดฟัน | สู้ตายตามกันไปไม่คิดกลัว |
ไม่ขออยู่ดูหน้าคนทั้งหลาย | มิให้ชายอื่นต้องเป็นสองผัว |
ว่าพลางนางทุ่มทอดตัว | ตีอกชกหัวเข้าร่ำไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะยิ่งคิดพิสมัย |
ปลอบนางพลางเช็ดชลนัยน์ | โลมเล้าเอาใจให้เคลื่อนคลาย |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลมใน
๏ น้องเอยน้องรัก | งามพักตร์ผ่องเหมือนดังเดือนหงาย |
อย่าครวญคร่ำน้ำเนตรฟูมฟาย | แสนเสียดายนวลน้องจะหมองมัว |
ทั้งในใต้ฟ้าไม่หาได้ | พี่ขอบใจเจ้านักที่รักผัว |
ทำไมกับมัจฉาเจ้าอย่ากลัว | สักแสนตัวก็จะได้ไม่ยากนัก |
ไปนอนเสียให้สบายหายเจ็บหลัง | จะมานั่งโศกาด้วยปลาผัก |
แย้มสรวลชวนชิดจุมพิตพักตร์ | น้องรักเจ้าอย่าปรารมภ์เลย |
ถึงยากจนคนเดียวก็หาได้ | พี่หาพรั่นไม่อ้ายหกเขย |
ว่าพลางทางภิรมย์ชมเชย | หลับนอนตามเคยสบายใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ กล่อม
ร่าย
๏ ครั้นอุทัยไขแสงขึ้นสางสาง | พระโลมนางพลางลูบหลังไหล่ |
สั่งเสียรจนาด้วยอาลัย | พี่จะไปสักประเดี๋ยวเที่ยวหาปลา |
ว่าพลางทางจับไม้เท้าทรง | ใส่เกือกแก้วแล้วลงจากเคหา |
แผลงฤทธิ์เหาะเหินเดินฟ้า | ตรงมายังฝั่งชลธาร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงหยุดนั่ง | ที่ร่มไทรใบบังสุริย์ฉาน |
ถอดเงาะซ่อนเสียมิทันนาน | แล้วโอมอ่านมหาจินดามนตร์ |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
ล่องเรือ
๏ เดชะเวทวิเศษของมารดา | ฝูงปลามาสิ้นทุกแห่งหน |
เป็นหมู่หมู่มากมายในสายชล | บ้างว่ายวนพ่นน้ำคล้ำไป |
ฯ ๒ คำ ฯ โล้
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายเจ้าเหล่าหกเขยใหญ่ |
ครั้นรุ่งเรียกหาข้าไท | บ่าวไพร่นับร้อยไม่น้อยเลย |
แต่งองค์ทรงเสื้อลงเรือญวน | แหอวนของใครเอาไปเหวย |
ภรรยาหาขนมนมเนย | ตามเคยขนส่งลงมาพลัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นจัดแจงพร้อมมูลไม่ขาดเหลือ | ให้ออกเรือจากที่ขมีขมัน |
เรืออวนเรือแหแจจัน | เร่งกันตามนายพายมา |
ฯ ๒ คำ ฯ โล้
๏ พ้นด่านบ้านช่องล่องเลย | ถึงท้องคุ้งที่เคยมีมัจฉา |
หกองค์ทรงแหทอดปลา | ลอยมาสองฟากลากเบ็ดราว |
บ้างเอาลอบลงดักตักสวิง | ริมตลิ่งลากอวนอื้อฉาว |
ติดแต่จระเข้อยู่เกรียวกราว | นายบ่าวต่างโกรธโทษกัน |
แล้วพายเลียบริมฝั่งมาทั้งพวก | ถือฉมวกยืนคอยแทงหวั่น |
บ้างลงเฝือกปิดคลองไว้สองชั้น | แล้วช่วยกันตีน้ำร่ำมา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ปลาผักสักตัวก็ไม่ได้ | คิดอัศจรรย์ใจเป็นนักหนา |
รีบพายมาจนถึงบึงปลายนา | พบมัจฉานับแสนแน่นไป |
เห็นพระสังข์นั่งอยู่ที่ฝั่งชล | ต่างคนพิศวงสงสัย |
จะเป็นเทพารักษ์หรืออะไร | เถียงกันวุ่นไปทั้งไพร่นาย |
จึงวาดแวะนาวาเข้ามาพลัน | ทั้งหกอกสั่นขวัญหาย |
ต่างก้มกรานหมอบยอบกาย | บ่าวนายนึกคะเนว่าเทวา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์นั่งยิ้มอยู่ในหน้า |
เห็นหกเขยเคอะเซอะมา | สมดังจินดาก็ยินดี |
จึงเสแสร้งแกล้งทำไม่รู้จัก | ถามทักซักไซ้ไปไหนนี่ |
เอะแล้วออเจ้าเหล่านี้ | หน่วยก้านพานจะดีมีฝีมือ |
เรือแพแหอวนก็เอามา | จะลอบลักดักปลาของข้าหรือ |
เราเป็นเทพเจ้าเล่าฦๅ | นับถือทุกแห่งแพร่งพราย |
แต่หักคอคนตายเสียหลายพัน | อย่าดุดันดูหมิ่นมักง่าย |
มาหาเรานี้ดีหรือร้าย | บอกยุบลต้นปลายให้แจ้งใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกอกสั่นหวั่นไหว |
สำคัญจิตคิดว่าพระไพร | กราบไหว้ท่วมหัวกลัวฤทธา |
ใจคอทึกทึกนึกพรั่น | ปากสั่นเสียงสั่นซังตายว่า |
ท่านท้าวสามนต์ผู้พ่อตา | ให้หาปลาประกวดกับอ้ายเงาะ |
ข้าทอดแหแปรช้อนแต่เช้าตรู่ | ออกอ่อนหูหิวหอบเที่ยวรอบเกาะ |
ไม่ได้ปลาสักหน่อยชะรอยเคราะห์ | ฉวยแพ้อ้ายเงาะสิน่าอาย |
กลัวท้าวพ่อตาจะฆ่าเสีย | สงสารแต่เมียจะเป็นหม้าย |
เทวดาเลี้ยงปลาไว้มากมาย | ข้าขอไปถวายพอรอดตัว |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ได้ฟังก็ยิ้มหัว |
จึงว่าหกเจ้านี้เมามัว | ไม่กลัวบาปกรรมทำประมง |
แต่ได้มาขอแล้วก็จำให้ | เราไซร้จะขอมั่งดังประสงค์ |
จะให้หรือมิให้ทั้งหกองค์ | ท่านจงปรึกษาหารือกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยรับคำขมีขมัน |
พระองค์จะประสงค์สิ่งไรนั้น | สารพันมีแล้วไม่ขัดเลย |
สุดแท้แต่ตามจะเลือกเอา | เป็ดไก่เหล้าข้าวของเสวย |
ทั้งกล้วยอ้อยขนมนมเนย | จะแต่งตั้งสังเวยเซ่นวัก |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์กล่าวแกล้งแจ้งประจักษ์ |
เราเป็นเทวาสุรารักษ์ | จะเซ่นวักสิ่งของไม่ต้องใจ |
จะขอปลายจมูกหม่อมลูกเขย | ตามเคยคนละน้อยหามากไม่ |
แม้นให้เราเราจะให้ปลาไป | จะให้หรือมิให้ให้ว่ามา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยได้ฟังนั่งปรึกษา |
ชิชะเจ้าเล่ห์เทวดา | จะเอาปลาแลกปลายจมูกคน |
แม้นเชือดเสียเมียเห็นจมูกด้วน | จะทำกระบวนผินหลังนั่งบ่น |
ของสำคัญหนักหนาเข้าตาจน | จะผ่อนปรนแก้ไขอย่างไรดี |
บ้างว่าอย่าพักประดักประเดิด | ทนเจ็บเอาเถิดไม่จู้จี้ |
หาปลาที่ไหนก็ไม่มี | อ้ายเงาะดีหาได้สิอายมัน |
หกเขยรีรอท้อจิต | สุดคิดสุดที่จะผ่อนผัน |
นั่งนิ่งก้มหน้าดูตากัน | เชือดเสียเห็นวันจะได้ไป |
ต่างยอมพร้อมใจไม่กลัวเจ็บ | ฉวยได้มีดเหน็บของบ่าวไพร่ |
ยื่นให้เทวัญทันใด | ทอดถอนใจใหญ่ย่อท้อ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์สรวลสันต์กลั้นหัวร่อ |
ยิ้มพลางทางตรัสตัดพ้อ | เอออะไรใจคอเหมือนปลาซิว |
แล้วเอามีดกรีดลับกับศิลา | ทั้งหกตกประหม่าหน้านิ่ว |
มือบีบหนีบจมูกไว้สองนิ้ว | อย่าบิดพริ้วดุกดิกพลิกแพลง |
ทำเงื้อมีดกระหยับจับจ้อง | ที่ใจชั่วกลัวร้องจนเสียงแห้ง |
เอาแล้วนะฉะเชือดเลือดแดง | จมูกแหว่งโหว่วิ่นสิ้นทุกคน |
ฯ ๖ คำ ฯ ปี่กลอง
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกลูบแผลพลางครางร่น |
เจ็บแสบแทบตายเต็มทน | ต่างคนต่างแลดูแผลกัน |
เขยใหญ่ใจแข็งทำแกล้งว่า | จมูกด้วนดูหน้าเห็นขบขัน |
สะกิดเพื่อนเตือนทวงเทวัญ | แลกกันเมื่อไรจะให้ปลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ล่องเรือ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ได้สมปรารถนา |
จึงตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยวาจา | มัจฉาตัวใดถึงที่ตาย |
จงกระโดดโลดขึ้นมาริมฝั่ง | ให้สมหวังดังจิตที่คิดหมาย |
พอสิ้นคำประกาศไม่คลาดคลาย | ปลาตายบนตลิ่งกลิ้งเกลื่อนไป |
แล้วแกล้งแบ่งมัจฉาที่ชั่วชั่ว | ให้คนละสองตัวหามากไม่ |
หกองค์จึงชวนกันคลาไคล | เอาปลาไปให้สมอารมณ์คิด |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | หกเขยค่อยคลายสบายจิต |
ต่างองค์อำลาสุราฤทธิ์ | บ่าวตะบิดเชือกน้อยร้อยปลา |
หัวท้ายพายวาดนาวาออก | บ้างบอกโยนยาวฉาวฉ่า |
รีบเร่งโดยด่วนจวนเวลา | กลับมาจะให้ทันเตือนกันพาย |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์สมจิตที่คิดหมาย |
จึงหยิบรูปเงาะมาสวมกาย | แล้วตัดหวายต่อติดบิดพลิ้ว |
ร้อยปลามากมายเหลือประมาณ | เอาไม้เท้าทำคานหาบหิ้ว |
แผลงฤทธิ์รูปเงาะพาเหาะปลิว | ลอยลิ่วมาในเมฆา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงริมไร่ใกล้เรือน | ก็คล้อยเคลื่อนเลื่อนลงจากเวหา |
เดินด่วนขึ้นกระไดมิได้ช้า | เอาหาบปลาเหวี่ยงวางกลางนอกชาน |
ภรรยาพาไปให้ลูบตัว | แล้วเชิญผัวรูปทองกินของหวาน |
เจ้าเงาะแถลงเล่าเยาวมาลย์ | วันนี้ขันจ้านไปหาปลา |
พี่ถอดรูปเงาะออกซ่อนไว้ | ทำเป็นพระไพรพฤกษา |
ร่ายมนตร์มหาจินดา | เรียกมัจฉามาสิ้นทุกตำบล |
อ้ายหกเขยเซอะกระเจอะกระเจิง | เที่ยวเซอะเซิงหาปลาก็ขัดสน |
ไปประสบพบพี่ที่ฝั่งชล | ทั้งหกคนกราบกรานขอทานปลา |
พี่แลกเปลี่ยนเจียนปลายจมูกมัน | แหว่งวิ่นสิ้นทั้งนั้นขันนักหนา |
ว่าพลางเสสรวลชวนรจนา | ไปดูหน้ามันเล่นก็เป็นไร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รจนากลั้นยิ้มมิใคร่ได้ |
สรวลพลางทางว่าข้าชอบใจ | เมียมันจะได้ดูหน้ากัน |
ช่างแก้แค้นแทนทำพอสาสม | ที่เมียมาค้าคารมเย้ยหยัน |
วันนี้น้องจะตามจรจรัล | ไปดูจมูกมันให้เต็มตา |
ว่าแล้วทาแป้งแต่งตัว | ตามผัวออกจากเคหา |
ปิดประตูเข็นกระไดแล้วไคลคลา | เจ้าเงาะหาบปลานำหน้าไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระโรงรัตน์รูจี | อัญชลีสองกษัตริย์เป็นใหญ่ |
เจ้าเงาะยืนยิ้มหัวไม่กลัวใคร | ทิ้งปลาลงไว้ให้พ่อตา |
รจนาจึงทูลบิตุรงค์ | นี่ปลาส่งส่วนตัวผัวข้า |
อุตส่าห์เสาะเพราะเกรงพระอาญา | ได้มาน้อยนักสักสองร้อย |
ตามประสายากเย็นเข็ญใจ | ไม่มีบ่าวมีไพร่ใช้สอย |
ผัวเมียสองคนจนกรองกรอย | ไม่เลิศลอยเหมือนลูกสาวของท้าวไท |
หกเขยเขาดีมียศศักดิ์ | ท่านพ่อตาโปรดนักรักใคร่ |
ไปหาปลามาแล้วหรืออย่างไร | เห็นจะได้มากมายหลายกระบุง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์เคืองขัดฟัดหมอนผลุง |
คันมือคันไม้หมั่นไส้พุง | ไม่สมที่หมายมุ่งจะฆ่าฟัน |
อีรจนาพาผัวมาเย้ยได้ | แค้นใจเหลือที่จะอดกลั้น |
เพราะอ้ายเขยขี้เค้าเหล่านั้น | พากันเซอะซะไปกะไร |
จึงชี้หน้าด่าลูกทั้งหกนาง | มึงช่างหากำชับผัวไม่ |
ปานนี้มิมาน่าแค้นใจ | กูจะใคร่ฆ่าเสียให้ม้วยมุด |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | หกเขยร้อนใจดังไฟจุด |
เร่งฝีพายเต็มที่ตีรุด | ครั้นถึงหยุดจอดเรือเข้าเหนือแพ |
หิ้วปลาพากันมาโดยด่วน | บ่าวตามเป็นพรวนแบกอวนแห |
ตรงมาวังพลันไม่ผันแปร | หญิงชายร้องแซ่ว่าแพ้เงาะ |
ทั้งหกอกสั่นขวัญหนี | ครั้งนี้ตายจริงวิ่งออกเหยาะ |
คลานเข้าไปเฝ้าเขาหัวเราะ | เห็นปลาอ้ายเงาะยิ่งเสียใจ |
คิดอายด้วยปลายจมูกวิ่น | ก้มหน้าดูดินหาเงยไม่ |
พรั่นตัวกลัวตายเป็นพ้นไป | ภาวนาหายใจมิใคร่ทัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์เคืองขุ่นหุนหัน |
จึงว่าไปแก่หกเขยนั้น | กูจะใคร่ฆ่าฟันบั่นรอน |
แต่อ้ายเงาะทรพลคนอัปรีย์ | มันยังดีกว่ามึงมาถึงก่อน |
เออนี่มิไปเที่ยวจอดนอน | ไม่รู้เร็วรู้ร้อนเจ้าคนดี |
บ่าวไพร่ไปด้วยก็หนักหนา | ได้ปลามาไม่พอจะเซ่นผี |
กูคิดนิดเดียวดอกครั้งนี้ | หาไม่ชีวีจะบรรลัย |
เออจมูกนั่นถูกอะไรนั่น | เหมือนกันกับเขาเชือดเลือดไหล |
จงบอกให้แจ้งกูแคลงใจ | อย่าได้เอาเท็จมาเจรจา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เขยใหญ่ทั้งหกตกประหม่า |
แกล้งทูลเลี้ยวลดปดพ่อตา | แต่เช้าข้าก็ไปไม่เชือนแช |
ลงตีอวนฉุดลากที่ปากลัด | ปากเป้ากัดจมูกลูกเป็นแผล |
ในแม่น้ำลำคลองทั้งสองแคว | ไม่มีปลาเลยแต่สักตัวเดียว |
สู้ทนแดดแผดร้อนไปยังค่ำ | จนตัวลอกออกดำเหมือนม่าเหมี่ยว |
อุตส่าห์บุกขึ้นบกรกเรี้ยว | ไปได้ปลาหน่อยเดียวที่ในบึง |
ไม่เคยพบเคยเห็นเลยเช่นนี้ | ชะรอยผีโขมดมันโกรธขึ้ง |
ให้ปวดหัวมัวตาหน้าตึง | แทบจะไม่มาถึงท้าวไท |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกบุตรีพี่ผู้ใหญ่ |
เห็นผัวแพ้เงาะป่าน่าขัดใจ | ผักปลาหาได้มานิดเดียว |
มิหนำซ้ำจมูกแหว่งหวะ | แล้วพระบิดาก็โกรธเกรี้ยว |
ขายหน้าทุกสิ่งจริงเจียว | นางเหลียวชำเลืองเคืองค้อน |
หกนางต่างคนบ่นบ้า | มันไม่น่าร่วมเรียงเคียงหมอน |
บ้างกอดเข่าเจ่าจุกทุกข์ร้อน | มืออ่อนตีนอ่อนเสียน้ำใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รจนาสรวลสันต์ไม่กลั้นได้ |
เจ้าเงาะหัวร่ององอไป | ทำบุ้ยปากบอกใบ้ให้เมียดู |
เห็นจมูกเขยใหญ่เลือดไหลหยด | แหว่งวิ่นสิ้นทั้งหมดน่าอดสู |
สาแก่ใจมันสิติผัวกู | นางยิ้มอยู่ในหน้าไม่พาที |
แล้วแลดูพี่สาวทั้งหกคน | เห็นหน้าหม่นหมองคล้ำดำหมิดหมี |
ทำแยบคายชายตาดูสามี | เทวียิ้มแย้มกระแอมไอ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกนางเคืองขัดอัชฌาสัย |
ต่างคนชี้หน้าแล้วว่าไป | หัวเราะเยาะใครอีรจนา |
เหตุว่าผัวมึงมาถึงก่อน | ทำแสนงอนเจ๋อเจ๊อะสะเออะหน้า |
ผัวกูไม่รู้จักจับผักปลา | จึงได้มาไม่มากเหมือนหม่อมเงาะ |
ดูเยี่ยงผัวเจ้ามันเคล่าคล่อง | ห้วยหนองเหนือใต้เข้าใจเสาะ |
นางเมียขึ้นหน้ามาหัวเราะ | เปรียบเปรยเย้ยเยาะไม่เจียมตัว |
เขาขับไล่ไปอยู่เสียปลายนา | ยังดื้อด้านเข้ามาว่าแทนผัว |
ไม่มีความยำเยงเกรงกลัว | ไสหัวออกไปเสียจากวัง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รจนาตอบไปดังใจหวัง |
ชิชะหม่อมพี่ที่ขึ้นซัง | ออกประดังด่าทอเล่นพอแรง |
เฝ้ามาขับไล่ไสหัวหู | โกรธหรือว่าดูจมูกแหว่ง |
แต่เห็นเขาหัวร่อก็ระแวง | ออกสกัดสแกงแกล้งพาโล |
ผัวพี่ไปหาปลากับบ่าวไพร่ | น้อยฤๅช่างได้มาอักโข |
ผัวข้าหาปลาประสาโซ | แต่จมูกไม่โหว่เหมือนผู้ดี |
พอรู้เช่นเห็นอยู่ว่าเท็จจริง | สู้ปิดปากหากนิ่งเสียดอกพี่ |
จะให้ว่าหรือจะว่าออกเดี๋ยวนี้ | แล้วเหลียวดูสามีเห็นขึงตา |
แค้นใจคิดจะใคร่อยู่ทะเลาะ | แต่เจ้าเงาะชี้ชวนไปเคหา |
ถ่มน้ำลายรดให้แล้วไคลคลา | ตามผัวออกมาไม่พรั่นพรึง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกนางต่างพิโรธโกรธขึ้ง |
ลุกขึ้นเดินตามมาด่าอึง | ทำไมมึงจึงหัวเราะเยาะกู |
เท็จจริงอย่างไรนั่นขันจ้าน | ใครปิดปากไว้วานอย่านิ่งอยู่ |
จองหองพองขนเป็นพ้นรู้ | ลบหลู่ดูหมิ่นถิ่นแคลน |
ผัวหาปลาผักได้หนักหนา | หม่อมเมียได้หน้าขึ้นกว่าแขน |
ค้าคารมเปรี้ยงเปรี้ยงออกเถียงแทน | ขืนแค่นเปรียบเปรยเย้ยเย้า |
อย่าดูถูกผัวกันกระนั้นนะ | ช่างเถิดคะค่อยยังชั่วกว่าผัวเจ้า |
ถึงจมูกโหว่แหว่งก็ทำเนา | แต่หน้าตาของเขายังเพราพริ้ม |
ไม่เหมือนเงาะอุบาทว์ชาติชั่ว | น่ากลัวหัวหูกระปุ่มกระปิ่ม |
กลับจะมาหัวเราะเยาะยิ้ม | เปรมปริ่มในใจมิใช่น้อย |
ชะช่างได้ผัวเงาะเหมาะสม | ปากกล้าค้าคารมดังต่อยหอย |
ขึ้นเสียงเถียงคนบ่นตะบอย | มันน่าต่อยให้ยับลงกับมือ |
แต่ปากเป้ากัดเขาก็เฝ้าถาก | นี่เป็นเบี้ยพอปากของเจ้าหรือ |
ว่าพลางต่างเข้ายุดยื้อ | กล้าปากกล้ามืออย่าหนีกัน |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะเห็นวุ่นวางเข้ากางกั้น |
ทำบอกใบ้ให้รู้สำคัญ | แกล้งกระชั้นกระโชกโบกมือ |
ก้มลงหลอนหลอกกลอกคอ | หกนางด่าทอก็ไม่ถือ |
ทำเหมือนบ้าใบ้ได้แต่อือ | ตบมือหัวร่อล้อเลียนนาง |
เห็นพี่เมียชำเลืองเคืองค้อน | ก็ฉุดเมียมาสอนให้ค้อนบ้าง |
ถือไม้เท้าก้าวเดินเป็นท่าทาง | ทีเสือลากหางให้นางกลัว |
แล้วเด็ดใบไม้ปิดจมูกเล่น | ทำเป็นปัดแมลงวันสั่นหัว |
ชี้มือให้เห็นแล้วเล่นตัว | เย้ายั่วพี่เมียไปมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยขัดใจเป็นหนักหนา |
เห็นเงาะเยาะหยอกภรรยา | โกรธาตาเขียวเหลียวดูกัน |
โมโหฮึดฮัดขัดเขมร | โจงกระเบนคาดกระเบนเสียให้มั่น |
หมายเขม้นกำหมัดกัดฟัน | มุทะลุดุดันไม่พรั่นพรึง |
ลางคนบ่นด่าเงาะอุบาทว์ | จะใคร่เอาเท้าคาดเข้าสักผึง |
บ้างว่าจะถองสักสองตึง | ทำไมมึงมาหยอกหลอกเมียกู |
ดูเถิดเกิดมาไม่เคยพบ | บ้าใบ้บัดซบทำลบหลู่ |
จองหองถองเสียให้เมียดู | ด่าพลางทางกรูกันเข้าไป |
เห็นเงาะเงื้อไม้ไล่กวัดแกว่ง | ระรันสันหน้าแข้งไม่เข้าใกล้ |
บ้างนั่งลงลูบล่อยที่รอยไม้ | น้ำตาไหลครางออดกอดมือ |
บ้างหลับตาหน้าเมินซ้อมหมัด | เงาะวัดล้มกลิ้งลุกวิ่งตื๋อ |
ทรุดนั่งลงนวดปวดสะดือ | ครางฮือไปทีเดียวไม่เหลียวแล |
เขยใหญ่ย่างเท้าก้าวถลำ | เงาะตำต่อยจมูกถูกแผล |
ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้ | เมียมาช่วยแก้ทุบต้นคอ |
ลางคนถอยหลังเข้าบังเสา | ร้องว่าพวกเราอย่ากลัวพ่อ |
บ้างกำหมัดขัดเขมรไม่ย่อท้อ | ใจคอเหี้ยมฮึกบึกบึน |
เข้าชกเงาะเดาะเอาด้วยเข่าลา | ล้มผวาเจ็บจุกลุกไม่ขึ้น |
พูดไม่ออกกลอกหัวมัวมึน | เพื่อนกันวิ่งครึนกระจายไป |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะทำเงื้อศอกบอกใบ้ |
เหลียวหลังเหลียวหน้าคว้าไม้ | กวัดแกว่งแกล้งไล่กระชั้นชิด |
เห็นเขยทั้งหกตกประหม่า | ก็หวดไปหวดมาให้ผิดผิด |
ควงตระบองลองแรงแผลงฤทธิ์ | ไล่ติดตามตีหนีกระจุย |
ดูเห็นเต็มกลัวก็หัวเราะ | ยิ้มเยาะยกมือขึ้นกุ๋ยกุ๋ย |
ตั้งท่าทีทำเป็นรำซุย | เบี้ยวบุ้ยปากหลอกกลอกหน้าตา |
เห็นหกเขยคอยจะถอยหลัง | ก็หยุดยั้งยืนมองป้องหน้า |
แล้วย่างเท้าสาวหมัดเข้ามา | ถลึงตาขู่เข็ญเขม้นดู |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยเข็ดขยาดไม่อาจสู้ |
เหลียวซ้ายแลขวาหาประตู | เอ๊ะอยู่แล้วกระมังครั้งนี้ |
บ้างเข้าแอบหลังภรรยา | รุนเมียออกหน้าเจ้าอย่าหนี |
ความกลัวตัวสั่นไม่สมประดี | เต็มทีลงนั่งภาวนา |
บ้างกำหมัดขัดเขมรหมายเขม้น | ทำเป็นว่าพี่นี้คนกล้า |
ครั้นเห็นเงาะถือไม้ใกล้เข้ามา | ก็วิ่งล้มถลาขาแข้งเพลีย |
ลางคนยืนนิ่งไม่วิ่งหนี | อุตส่าห์ทำใจดีแก้เบี้ย |
พูดจาอวดฮึกศึกหน้าเมีย | สู้เสียชีวิตไม่คิดกลัว |
ทำเหน็บรั้งตั้งมวยอยู่แต่นอก | เห็นเจ้าเงาะเงื้อศอกก็กลอกหัว |
ย่อท้อถอยหลังระวังตัว | ต่างกลัวเงาะป่าทุกคนไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกบุตรีพี่ผู้ใหญ่ |
เห็นผัวกลัวเงาะก็ขัดใจ | จึงว่าเอออะไรช่างไม่อาย |
แต่เงาะป่าบ้าใบ้บัดสี | ช่างชวนกันวิ่งหนีมันง่ายง่าย |
เสียแรงกำเนิดเกิดเป็นชาย | ไม่อดสูดูร้ายเขามั่งเลย |
โมโหหันมาด่าน้องสาว | ไม่ว่ากล่าวผัวมั่งทำนั่งเฉย |
นิ่งให้ไอ้เงาะมาเยาะเย้ย | ต่อยตีพี่เขยของตัวเอง |
ขึ้นเสียงเถียงพี่แล้วมิหนำ | ยังซ้ำให้ผัวตัวข่มเหง |
ดูถูกผู้ใหญ่ช่างไม่เกรง | มันเหมาะเหมงแล้วหรือนางรจนา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รจนายิ้มพลางทางว่า |
เออพี่นี้อะไรช่างพูดจา | กลับมาว่ากระนั้นขันจริง |
เดิมใครด่าทอก่อก่อน | ควักค้อนเคืองขัดสะบัดสะบิ้ง |
ครั้นเขาว่ามั่งก็ชังชิง | ชวนกันวิ่งมาตามจะต่อยตี |
หกเขยเข้ากลุ้มรุมกันชก | ให้เอามือใส่พกเสียหรือพี่ |
สาแก่ใจเจ็บปวดอวดกล้าดี | เออเดี๋ยวนี้จะให้ใครห้ามปราม |
เมื่อเป็นผู้ใหญ่ไม่ไว้ตัว | ยังจะมาว่าผัวข้าหยาบหยาม |
ชะพี่เขยข้าหน้างามงาม | บุ่มบ่ามบ้าเลือดไม่เหือดเลย |
นั่นแน่แผลเก่าปากเป้ากัด | ซ้ำมาถูกหมัดนิจจาเอ๋ย |
ว่าพลางทางหัวเราะเยาะเย้ย | พี่เขยพี่สาวฉาวไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมณฑาหนวกหูอยู่ไม่ได้ |
ลุกเดินออกมาว่าอะไร | ไม่เกรงเนื้อเกรงใจผู้ใหญ่เลย |
ล้วนแต่พี่น้องท้องเดียวกัน | จะฆ่าฟันกันได้แล้วหรือเหวย |
ลูกเต้าเช่นนี้กูมิเคย | อกเอ๋ยแต่ละคนพ้นกำลัง |
รจนาพาผัวออกไปเสีย | เจ้าเหล่านี้ห้ามเมียเสียมั่ง |
เอออะไรอื้ออึงตึงตัง | หน้าที่ลุกที่นั่งชั่งไม่เกรง |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ว่าเหม่มันข่มเหง |
อ้ายเงาะป่ากล้าทำไม่ยำเยง | กูออกสู้ดูเองลองสักยก |
ทำไมกับใบ้บ้าตาขาว | อีสาวสาวเหล่านี้อย่าวิตก |
ลุกขึ้นขบฟันงันงก | เห็นทั้งหกตาลายหมายว่าเงาะ |
กระหยับย่างสามขุมสุ่มตะรัง | ไม่ทันตั้งต่อยตำซ้ำศอกเดาะ |
ถองลงตรงจมูกถูกจำเพาะ | เขยใหญ่ใจเสาะร้องออกโอย |
มองเขม้นเป็นครู่ก็รู้จัก | ลงนั่งเหนื่อยหอบฮักหิวโหย |
แล้วร้องด่าเงาะมี่น่าตีโบย | มานี่โวยเล่นกับกูดูสักครั้ง |
เห็นฮึกคึกคักขึ้นหนักหนา | ไล่ล่วงเข้ามาหน้าที่นั่ง |
แต่แค้นอ้ายหกคนพ้นกำลัง | มันเฝ้าถอยหลังไปอย่างเดียว |
ยังว่าตัวต่อตัวช่างชั่วชาติ | น้อยหรือนี่ขี้ขลาดตาเหมี่ยว |
เป็นฝูงเป็นคณาทำหน้าเซียว | แต่อ้ายเงาะคนเดียวก็กลัวมัน |
แล้วเรียกนางมณฑามาเสียนี่ | ไม่พอที่พอทางออกกางกั้น |
อย่าห้ามปรามเลยปล่อยให้ต่อยกัน | ช่างมันเป็นไรจะได้ดู |
น้อยหรือสนุกนักไม่พักหา | ยังว่าจะให้มีมวยหมู่ |
ลูกเขยยายแต่ละคนพ้นรู้ | ชะต้าน่าเอ็นดูเหมือนลูกเล็ก |
ทุดอ้ายหกเขยใหญ่ช่างใจเสาะ | ราวกับอ้ายเงาะมันกินเหล็ก |
ถูกเจ็บเข้าไม่ได้ดังใจเจ๊ก | แต่เด็กเด็กมันก็ดีกว่ามึง |
อีเมียก็สุดใจมิใช่ชั่ว | ดูหรือน้องของตัวก็โกรธขึ้ง |
อีรจนาด่าพี่มี่อึง | กระทืบตีนตึงตึงไม่เกรงกลัว |
กูยังแค้นมึงอยู่ไม่รู้หาย | หน้าไม่อายเอาอ้ายเงาะเป็นผัว |
นี่หากหาปลาได้จึงรอดตัว | หาไม่ก็หัวจะปลิวไป |
ฯ ๒๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รจนาหุนหันหมั่นไส้ |
เห็นบิดาเคืองขุ่นฟุนไฟ | เข้าข้างเขยใหญ่ก็เดือดดาล |
จึงชวนผัวไปลาพ่อตาเสีย | อย่าอยู่ช้าพาเมียออกไปบ้าน |
นางสอนให้นั่งลุกคุกคลาน | กราบกรานท่านเสียหน่อยหนึ่งตามจน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะก้มกราบยิบสักสิบหน |
แกล้งเลียนล้อต่อหน้าท้าวสามนต์ | เฝ้าก่นหัวเราะริกกระดิกเท้า |
เห็นพ่อตาทำไมก็ทำมั่ง | เหมือนบ้าหลังจริงจริงยิงฟันขาว |
ทำโจงกระเบนใหม่ไว้หางยาว | แกล้วปัดหัวผัวพี่สาวของเมียไป |
แล้วยืนมองป้องหน้าดูจมูก | เห็นรอยถูกมีดเชือดเลือดยังไหล |
ตบมือหัวเราะเยาะไยไพ | บอกใบ้บุ้ยปากให้เมียดู |
เห็นทั้งหกตกประหม่าก้มหน้านิ่ง | ไม่ไหวติงเต็มกลัวตัวเป็นหนู |
จึงชวนรจนาโฉมตรู | ออกประตูรีบกลับไปฉับพลัน |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงเร็ว
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์เคืองขัดอัดอั้น |
แกล้งให้หาปลาจะฆ่าฟัน | อ้ายเงาะมันกลับได้มามากมาย |
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นใจ | แม้นมิฆ่ามันได้ก็ไม่หาย |
จึงตรัสแสร้งเสเพทุบาย | จะต้องการเนื้อทรายมาเลี้ยงกัน |
ทั้งหกหามาแก้ตัวใหม่ | แม้นมิได้ชีวาจะอาสัญ |
เสนาในไปบอกอ้ายเงาะนั้น | หาเนื้อมาให้ทันวันพรุ่งนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี |
ออกจากวังวิ่งเป็นสิงคลี | ตรงไปยังที่บ้านปลายนา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงกระท่อมก็ด้อมดู | เอ๊ะแล้วหลับอยู่กระมังหนา |
ประหลาดใจมิได้ยินพูดจา | เสนานั่งมองร้องเรียกอึง |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | รจนาคลี่ผ้าตาชุนขึง |
ที่ไหนหย่อนผ่อนผูกเสียให้ตึง | นั่งปักสะดึงกรึงกรอง |
ตั้งเนื้อตั้งใจจะให้ผัว | แต่งตัวไปกฐินเดือนสิบสอง |
เจ้าเงาะแสนกลคนคะนอง | หัดร้องนางนาคปากร่ายซอ |
เอากระทายตีแทนรำมะนา | ทำให้ภรรยาน่าหัวร่อ |
รจนานิ่งฟังนั่งเอียงคอ | เพราะหนักหนาหนอเจียวพ่อคุณ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ พอได้ยินเสนามาร้องเรียก | ตื่นตะเกียกตะกายวายวุ่น |
โดนสะดุดสะดึงผ้าตาชุน | กระทายหกตกใต้ถุนลงไป |
รจนาเดินออกมานอกชาน | อำมาตย์เห็นหมอบกรานกราบไหว้ |
นางจึงถามทักซักไซ้ | ธุระอะไรนะเสนา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาบังคมก้มหน้า |
ทูลว่าสมเด็จพระบิดา | ให้ข้ามาบอกนางโฉมยง |
บัดนี้มีรับสั่งจำเพาะ | ให้เจ้าเงาะหาเนื้อเข้าไปส่ง |
พรุ่งนี้มิได้ดังใจจง | จะให้ลงอาญาฆ่าฟัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | รจนาตระหนกอกสั่น |
เข้าไปในทับฉับพลัน | รำพันบอกผัวแล้วโศกา |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดช | บิตุเรศพาลผิดจะคิดฆ่า |
เมื่อวันวานท่านใช้ให้หาปลา | ก็นึกว่าไม่รอดจะวอดวาย |
นี่หากมีมนตร์ดลจึงพ้นภัย | หาปลามาได้เอาไปถวาย |
วันนี้มิหนำซ้ำอุบาย | แกล้งย้ายสั่งมาให้หาเนื้อ |
เป็นเหตุเพราะเงาะร้ายให้ถอดเสีย | พ่อรูปทองของเมียมิได้เชื่อ |
อ้อนวอนเท่าไรไม่เอื้อเฟื้อ | นี่เนื้อแท้ว่าเวรากรรม |
ว่าพลางทางทรงโศกา | ชลนาฟูมฟองร้องร่ำ |
สองกรข้อนอกจนฟกช้ำ | ครวญคร่ำกำสรดโศกี |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
โอ้โลมใน
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะเยาะหยอกนางโฉมศรี |
ซึ่งสั่งให้หาเนื้อคราวนี้ | เห็นพี่จะอับจนไม่พ้นตาย |
ถึงตัวจะบรรลัยก็ไม่ว่า | วิตกแต่รจนาจะเป็นหม้าย |
ว่าพลางแย้มยิ้มพริ้มพราย | โอบอุ้มโฉมฉายขึ้นบนเพลา |
สวมสอดกอดรัดสัมผัสต้อง | นี่แน่น้องจะให้ตายเสียไยเปล่า |
เชยแก้มแนมปรางทางโลมเล้า | พี่ว่าเล่นดอกเจ้าอย่าตกใจ |
ทำไมกับเนื้อถึกอย่านึกพรั่น | สักพันหนึ่งสองพันก็หาได้ |
ไม่เคยเห็นฝีมือพี่หรือไร | ร้องไห้ไยให้เสียน้ำตา |
แต่เพียงนี้มิพอจะยากเย็น | ร้องละครนอนเล่นเสียดีกว่า |
เหมือนกันนั่นและกับหาปลา | อะไรกับน้ำหน้าอ้ายหกคน |
พรุ่งนี้มิปากก็ใบหู | จะเชือดเสียให้ดูอีกสักหน |
เสสรวลชวนนางนฤมล | ขึ้นบนเตียงนอนสำราญใจ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ กล่อม
ร่าย
๏ ครั้นดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา | สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล |
พระชมโฉมโลมนางทรามวัย | ดวงใจเจ้าค่อยอยู่จงดี |
ตะวันชายบ่ายหน่อยจะกลับมา | แก้วตาอย่าหม่นหมองศรี |
สั่งเสียเมียแล้วจรลี | มาทรงเกือกแก้วมณีทันใด |
จับไม้เท้าก้าวลงจากเคหา | สำแดงอานุภาพแผ่นดินไหว |
เหาะทะยานผ่านเมฆมาไรไร | ตรงไปไพรวันอรัญวา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงหยุดยั้ง | ที่ร่มรังสูงใหญ่ใบหนา |
พระถอดเงาะซ่อนไว้ให้ลับตา | แล้วร่ายมนตร์มหาจินดาพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ ฝูงเนื้อในป่ามามากมาย | ทั้งละมั่งกวางทรายและฉมัน |
ดูดาษแดงไปทั้งไพรวัน | เป็นฝูงฝูงวิ่งพันกันมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | หกเขยคิดวิตกหนักหนา |
ครั้นรุ่งรีบแต่งตัวกลัวจะช้า | เรียกหาบ่าวไพร่พร้อมพรัก |
บ้างหาแร้วบ่วงหวายหลายอย่าง | ไปถึงกลางพงไพรจะได้ดัก |
บ้างเอาผ้าพันพุงจูงสุนัข | คึกคักขนข่ายขึ้นหลังช้าง |
แล้วผูกม้าเคยขับสำหรับขา | บังเหียนอานพานหน้าซองหาง |
ม้าหลังเปล่าบ้างผูกเบาะบาง | ต่างต่างแต่งอวดประกวดกัน |
เกณฑ์กองกระบือบ่าวชาวบ้านนอก | ล้วนถือหอกเสวียนแทงแข็งขัน |
พรานปืนพื้นแม่นหมายสำคัญ | โผงไรโผงนั้นไม่ผิดเลย |
บ่าวผู้ชายตะพายย่ามถือกล่อง | หิ้วปิ่นโตลายทองของเสวย |
บ้างแบกเสบียงหาบหามตามเคย | อย่าช้าเลยจวนสายจะเสียการ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นพร้อมเสร็จทุกสิ่งไม่นิ่งช้า | หกองค์ทรงม้าออกจากบ้าน |
รีบขับพาชีตะลีตะลาน | พวกพรานนำหน้าพาไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลุล่วงมรคามาถึง | ป่าซึ่งมฤคาเคยอาศัย |
สั่งให้ขึงข่ายไว้ชายไพร | บ้างดักแร้วแล้วใส่บ่วงราว |
ลางคนปักขวากที่ปากทาง | หาช่างสันทัดขัดจั่นห้าว |
ขี่กระบือเข้าค้นอยู่เกรียวกราว | โห่ฉาวอึงไปทั้งไพรวัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ พรานปืนซุ่มรกขึ้นนกง่า | สวนมาตามรอยจะคอยลั่น |
หมายตรงหลงยิงเพื่อนกัน | ล้มดิ้นยันยันอยู่แทบตาย |
เนื้อถึกที่ไหนก็ไม่มี | พบแต่เสือหมีหมูกระต่าย |
ลงนั่งนึกปรึกษากับบ่าวนาย | ดีร้ายจะเป็นเช่นหาปลา |
ลางคนบ่นว่าข้าได้ทัก | ไม่เซ่นวักพระไพรเจ้าป่า |
จึงให้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา | สังเวยเทวดาทันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ แล้วขึ้นม้าพากันเที่ยวค้น | พบรอยเกลื่อนกล่นมาใหม่ใหม่ |
ตาสอดลอดแลเห็นแต่ไกล | โน่นมิใช่เนื้อหรือร้องอื้ออึง |
หกเขยยินดีปรีดา | วางม้าขับใหญ่เข้าไปถึง |
เห็นพระสังข์นั่งอยู่ดูตะลึง | งามละม้ายคล้ายคลึงเจ้าของปลา |
เอ๊ะจะเป็นเช่นนั้นอีกกระมัง | จมูกยังไม่หายขายหน้า |
ว่าพลางทางลงจากม้า | เข้าไปวันทาสุรารักษ์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์แสร้งทำไม่รู้จัก |
ลุกขึ้นขู่เข็ญเต้นคึกคัก | ถามทักซักไซ้ไปไหนมา |
เที่ยวซุกซี้ซุกซนเจ้าคนเอก | โหยกเหยกยุ่งหยาบบาปหนา |
มาลอบลักไล่เนื้อเบื่อปลา | ข่มเหงเราเจ้าป่าพนาลี |
ทำจู่ลู่ดูหมิ่นถิ่นแคลน | ล่วงลัดตัดแดนมาถึงนี่ |
จะยำเยงเกรงใครก็ไม่มี | เจ้าเหล่านี้คอจะหักสักคราว |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งหกตกประหม่าตาขาว |
แข็งใจแจ้งความตามเรื่องราว | ข้าเป็นลูกเขยท้าวสามนต์ |
พ่อตาให้หาเนื้อกับอ้ายเงาะ | ทูลเดาะข้อความมาแต่ต้น |
เอ็นดูด้วยช่วยชีวิตทั้งหกคน | พอพ้นโพยภัยบรรลัยลาญ |
ข้าหาเนื้อที่ไหนก็ไม่มี | มฤคีหนีมาอยู่หน้าฉาน |
เทพเจ้าจงได้โปรดปราน | ขอประทานเนื้อไปให้พ่อตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ยิ้มพลางทางว่า |
อันหมู่มฤคีนี้นา | มันหนีมนุษย์มาพึ่งเรา |
ข้างท่านก็ร้อนตัวกลัวภัย | มาขอแล้วมิให้อย่างไรเล่า |
เถิดซิบาปกรรมก็ทำเนา | แต่จะให้เปล่าเปล่านั้นไม่เคย |
ถ้ารักชีวิตจงคิดดู | เนื้อจะแลกใบหูหกเขย |
แม้มิยอมให้ไม่ได้เลย | ผิดวิสัยสังเวยเทวา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | หกเขยได้ฟังนั่งก้มหน้า |
เสียใจทุกคนบ่นนินทา | เทวดาเดนแช่งมันแกล้งจริง |
จมูกแล้วหูเล่าเจ้าเล่ห์ | สมคะเนคงยักเอาสักสิ่ง |
ขี้คร้านง้องอนวอนวิง | ผิดก็เพียงผู้หญิงมันไม่รัก |
ว่าพลางทางหยิบเอาดาบมา | ส่งให้เทวดาทั้งฝัก |
แล้วเอียงหูเข้าไปใจทึกทัก | อย่าเชือดให้หนักนักเลยพ่อคุณ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ฉุดหูกระชากลากหลุน |
จะเชือดแต่เบาเบาเอาบุญ | แล้วชักดาบญี่ปุ่นออกเงือดเงื้อ |
เขยใหญ่ขยั้นพรั่นพรึง | ร้องอึงอุยหน่าน่าเจ็บเหลือ |
อย่างนี้ที่ไหนจะได้เนื้อ | ทำทีจะเชือดเถือแล้วรั้งรอ |
แกล้งขยับจับจ้องลองใจ | เลือกเอาข้างไหนจะดีหนอ |
เหนี่ยวหูขวาลงให้ก่งคอ | แข็งข้อเชือดขาดเลือดสาดไป |
ฯ ๖ คำ ฯ ปี่กลอง
๏ เมื่อนั้น | หกเขยนิ่วหน้าน้ำตาไหล |
จมูกแล้วหูเล่าเศร้าเสียใจ | นี่เนื้อกรรมอะไรของเรา |
เจ็บปวดนักหนาอุตส่าห์ทน | ต่างคนบ่นออดนั่งกอดเข่า |
เร่งอารักษ์ตักเตือนรบเร้า | เนื้อจะให้ไหนเล่าอย่านิ่งนาน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ตั้งสัตย์อธิษฐาน |
เนื้อถึงที่ตายก็วายปราณ | มากประมาณสมหวังดังใจ |
แล้วว่าอย่าพักประดักประเดิด | เอาไปเถิดคนละตัวตามได้ |
ถ้าจะต้องการเนื้ออีกเมื่อไร | อย่าเกรงใจจงออกมาบอกเรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยละห้อยสร้อยเศร้า |
คำนับรับสั่งแต่เบาเบา | แล้วบังคมก้มเกล้าลามา |
ทั้งบ่าวไพร่นายมุลวุ่นวาย | ผูกมัดเนื้อทรายขึ้นใส่บ่า |
หกองค์ทรงม้าแล้วไคลคลา | ดั้นดัดลัดป่าไปธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์สวมรูปเงาะของยักษี |
ใส่เกือกแก้วแล้วมัดมฤคี | ครบยี่สิบถ้วนล้วนมรณา |
เอาไม้เท้าทำคานหาบห้อย | ยกลอยขึ้นวางเหนืออังสา |
สำแดงแผลงอิทธิ์ฤทธา | เหาะทะยานผ่านฟ้ามาไรไร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงหยุดอยู่ | นอกประตูบ้านตัวริมรั้วไร่ |
นึกจะชวนรจนาคลาไคล | กลัวจะไปทะเลาะเกาะแกะกัน |
ไปแต่กูผู้เดียวดีกว่า | จะได้ล้อพ่อตาเล่นขันขัน |
ถึงทั้งหกจะชกต่อยตีรัน | ได้สู้กันแต่ลำพังไม่กังวล |
คิดแล้วเดินเดาะเหยาะย่าง | หาบเนื้อมากลางท้องถนน |
แกล้งทำเกะกะปะผู้คน | เอาหาบชนล้มคว่ำคะมำไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หญิงชายชาวเมืองน้อยใหญ่ |
ต่างคนร้องว่าช่างกะไร | เรี่ยวแรงสุดใจเจียวเจ้าเงาะ |
หาบเนื้อที่ไหนมานักหนาหนอ | ไม่หนักเลยหรือพ่อพาวิ่งเหยาะ |
ลางคนบ้างกลัวบ้างหัวเราะ | บ้างร้องเยาะงามเหวยลูกเขยพระยา |
เด็กเด็กเซ็งแซ่เข้าแห่ห้อม | พรั่งพร้อมล้อมหลังล้อมหน้า |
บ้างร้องว่าเออเกลอกูมา | เฮฮาโห่ฉาวกราวเกรียว |
บ้างชวนว่าอย่าเพ่อไปก่อน | อยู่รำละครสักประเดี๋ยว |
เจ้าเงาะไม่หยุดฉุดเป็นเกลียว | หน่วงเหนี่ยวห้ามปรามมาตามทาง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะเห็นเด็กพร้อมล้อมรอบข้าง |
พอถึงที่ราบราบเอาหาบวาง | เข้ายืนกลางแล้วเล่นเต้นรำไป |
ใครตบมือผิดพลั้งจังหวะ | ปะเตะปะตะต่อยถองจนร้องไห้ |
แกล้งทำฮึดฮัดขัดใจ | ยกหาบขึ้นได้เดินดุ่มมา |
ใครจะห้ามอย่างไรไม่ฟังเจ้า | ตรงเข้าท้องพระโรงข้างหน้า |
ทิ้งเนื้อลงไว้ให้พ่อตา | แล้วเดินไปเดินมาไม่เกรงกลัว |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์เห็นมันให้คันหัว |
เรี่ยวแรงกะไรเหมือนควายวัว | เนื้อยี่สิบตัวช่างหาบมา |
ไม่สมหวังดังจิตที่คิดไว้ | หุนหันหมั่นไส้จะใคร่ฆ่า |
เห็นมันแล้วหรือเจ้ามณฑา | หยาบช้าทะนงตัวไม่กลัวใคร |
แค้นใจอ้ายเขยทั้งหกคน | มันไปเที่ยวซุกซนอยู่ข้างไหน |
ทำให้อายขายหน้าทุกคราไป | อีเมียก็ไม่กำชับกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | หกเขยไม่สบายรีบผายผัน |
ครั้นถึงจึงขึ้นพระโรงคัล | บ่าวแบกเนื้อรันขึ้นไปตาม |
เห็นเนื้อเงาะนักหนาช่างหาได้ | หลากใจใครช่วยมันหาบหาม |
คิดกลัวตัวสั่นครั่นคร้าม | กราบสามทีแล้วลงก้มพักตร์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ผุดลุกขึ้นกุกกัก |
ชะลูกเขยข้ามันน่ารัก | ช่างได้เนื้อขาหักที่ไหนมา |
ยิ่งให้แก้ตัวยิ่งชั่วซ้ำ | จะใคร่ทำโทษทัณฑ์ฟันฆ่า |
นี่หากคิดนิดเดียวด้วยธิดา | จะเป็นหม้ายอายหน้าประชาชน |
บ่าวไพร่ไปด้วยก็พร้อมเพรียง | ชอบแต่สับเสี่ยงเสียให้ป่น |
ก้มหน้าอยู่ไยไอ้หกคน | ดีแต่จะบ่นนินทากัน |
เออหูถูกอะไรเลือดไหลหยด | ช่างเป็นเหมือนกันหมดอย่างไรนั่น |
ไปเรือจมูกวิ่นสิ้นทั้งนั้น | เข้าไพรวันหูแหว่งกูแคลงใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกเขยก้มหน้าน้ำตาไหล |
กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ | ผันแปรแก้ไขไปตามจน |
ข้าไปหาเนื้อวันนี้ | ช่างกระไรไม่มีทุกแห่งหน |
ให้บ่าวไพร่ไล่บุกซุกซน | ลดเลี้ยวเที่ยวด้นค้นคว้า |
ชะรอยฝีปีศาจประหลาดเหลือ | ซ่อนเนื้อเสียสิ้นทั้งป่า |
แล้วดูเหมือนมีดน้อยลอยลงมา | ถูกหูข้าแหว่งวิ่นสิ้นทุกคน |
ทั้งนี้ก็เพราะเคราะห์ของลูก | มาซ้ำถูกผีสางที่กลางหน |
ต้องปลูกศาลเซ่นสรวงบวงบน | จึงได้เนื้อแต่คนละตัวเดียว |
บ่ายคล้อยหน่อยหนึ่งก็กลับมา | ผีพาหลงไปในไพรเขียว |
ลำบากบุกชัฏลัดเลี้ยว | จนหน้าเซียวแสบท้องเต็มที |
รีบเดินแทบตายถึงชายทุ่ง | ก็ขับม้าหมายมุ่งมากรุงศรี |
เป็นความสัตย์ทุกสิ่งจริงอย่างนี้ | ภูมีจงทรงพระเมตตา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์สำรวลสรวลร่า |
ตบพระหัตถ์ตรัสแก่นางมณฑา | มันงามหน้าแล้วเหวยลูกเขยยาย |
จมูกแหว่งหูวิ่นสิ้นทุกคน | สมประกอบชอบกลใจหาย |
ทั้งสองหนก่นแต่เคราะห์ร้าย | ช่างไม่อายอดสูเลยดูเอา |
ยังว่าจะหาญฮึกทำศึกเสือ | แต่หาปลาหาเนื้อก็แพ้เขา |
คิดจะใคร่ฆ่าตีอ้ายขี้เค้า | มันจะตายเสียเปล่าไม่เข้ายา |
แล้วเหลียวมาว่ากับลูกสาวใหญ่ | มึงเห็นผัวหรือไม่น่าขายหน้า |
จมูกแหว่งหูวิ่นเวทนา | อนิจจานิจจาเป็นน่ากลัว |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หกนางต่างพิศดูผัว |
สารพัดวิปริตผิดตัว | มันช่างชั่วจริงจริงทุกสิ่งไป |
จมูกโหว่แล้วมิหนำซ้ำหูแหว่ง | เหมือนใครแกล้งเอามีดเชือดเลือดไหล |
ลางคนบ่นว่าไม่น่าอะไร | จมูกใบหูวิ่นสิ้นงาม |
บ้างว่าน่าอายกับอ้ายเงาะ | มันยิงฟันหัวเราะเยาะเย้ยหยาม |
ดูดู๋หน้าดำเป็นน้ำคราม | ไม่หมดจดงดงามเหมือนเก่าเลย |
ลางคนเคืองค้อนแล้วข้อนว่า | สมเพชเวทนานิจจาเอ๋ย |
ไม่น่าสมาคมชมเชย | แต่นี้ไปไม่เลยแล้วพ่อคุณ |
บ้างบ่นออดกอดเข่าเกาหัว | โกรธผัวตัวสั่นหันหุน |
ทุกข์ทนพ้นกำลังนั่งง่วงงุน | ต่างคนเคืองขุ่นวุ่นวายใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะย่างย่องมองมาใกล้ |
เห็นพ่อตาอาธรรม์เข้ากันไป | ไม่เอาโทษเขยใหญ่ดังสัญญา |
ทำนับเนื้อที่กองลองเล่น | จะให้เห็นว่าใครได้มากกว่า |
ชี้ไปตรงพระแสงแกล้งกลอกตา | เงื้อง่าท่าทีเหมือนฟาดฟัน |
แล้วชี้เข้าที่คอเขยใหญ่ | บอกใบ้ให้รู้ดูขันขัน |
ตบมือหัวร่ออยู่งองัน | เย้ยหยันหลอกล้อท่านพ่อตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ว่าเหม่อ้ายเงาะป่า |
จองหองพองขนพ้นปัญญา | ใบ้บ้าไม่เสงี่ยมเจียมตัวเลย |
กลับจะมาชี้มือทำซื้อรู้ | สอนกูให้ฆ่าอ้ายหกเขย |
มิหนำซ้ำหัวเราะเยาะเย้ย | เกินเลยนักหนาน่าขัดใจ |
รู้แล้วคะชะเจ้ามันดีเหลือ | หาเนื้อได้มากกว่าเขยใหญ่ |
ขึ้นหน้ามาอวดข้าหรือไร | กูฝากมึงไว้ด้วยเถิดวะ |
คิดคิดขึ้นมาน่าต่อยตบ | บ้าใบ้บัดซบพึ่งพบปะ |
เถิดจะงดอดโมโหถวายพระ | ถ้าทีหลังแล้วนะไม่ละมึง |
ดูดู๋ยังทะนงองอาจ | หัวจะขาดแม่นมั่นสักวันหนึ่ง |
พระกริ้วโกรธโกรธาด่าอึง | แล้วผินหลังนั่งบึ้งอยู่บนเตียง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เขยใหญ่ทูลขยายบ่ายเบี่ยง |
อ้ายเงาะนี้หยาบช้าไม่น่าเลี้ยง | คนผู้จะดูเยี่ยงทั้งเวียงชัย |
ไม่เกรงไม่ยำทำเกะกะ | จะกลัวพระบิดาก็หาไม่ |
ชะรอยเป็นปีศาจประหลาดใจ | ดูตามันมิใคร่จะกะพริบ |
วิปริตผิดมนุษย์นักหนา | ข้าเห็นว่าอ้ายนี่เป็นผีดิบ |
มีกำลังพลังดังกินทิพ | เนื้อยี่สิบหาบมาถึงธานี |
สารพัดผักปลาหาได้คล่อง | เพราะมันเป็นพวกพ้องกันกับผี |
เงาะเงยไม่เคยเห็นเช่นนี้ | ภูมีอย่าไว้วางพระทัย |
ขอให้ไสหัวเสียจากวัง | น่าชังชั่วชาติอุบาทว์ใหญ่ |
จะละให้บ้าหลังเข้าวังใน | นานไปจะเคืองเบื้องบทมาลย์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ร้อนใจดังไฟผลาญ |
พิเคราะห์ดูเห็นจริงยิ่งรำคาญ | ให้หนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว |
โบกพระหัตถ์ตรัสสั่งเสนา | อ้ายเงาะป่าปีศาจชาติชั่ว |
ทั้งหกมันว่ากูน่ากลัว | ไสหัวออกไปเสียจากวัง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาคำนับรับสั่ง |
ลุกขึ้นขัดเขมรเหน็บรั้ง | พร้อมพรั่งนายไพร่ไม่ย่อท้อ |
บ้างขู่ขับจับไม้เงื้อง่า | เงาะป่าไม่กลัวทำหัวร่อ |
ลางคนเข้าไปจะไสคอ | เจ้าเงาะงอหมัดชกก็ตกใจ |
บ้างยุคนข้างหน้าว่าอย่ากลัว | ปลิ้นปลอกออกตัวไม่เข้าใกล้ |
หกเขยร้องว่าช้าอยู่ไย | เข้าผลักไสเสนาให้คร่ายื้อ |
ผู้คนเข้าพร้อมล้อมหน้าหลัง | ลากลู่ถูกังออกอึงอื้อ |
เจ้าเงาะเหวี่ยงวัดสะบัดมือ | บ้างล้มกลิ้งวิ่งฮือกระจายไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะทำโกรธาคว้าไขว่ |
ปะเตะต่อยทุบถองว่องไว | เลี้ยวไล่ประชิดติดพัน |
มือจับอำมาตย์ข้างละคน | เอาหัวชนกันเล่นให้เห็นขัน |
ทั้งสองร้องดิ้นอยู่ยันยัน | เจ้าเงาะหัวเราะงันชอบใจ |
เห็นเขยทั้งหกทำงกเงิ่น | แกว่งไม้เท้าก้าวเดินเข้ามาใกล้ |
ยิ่งถอยยิ่งประชิดติดไป | ยิ่งวิ่งยิ่งไล่กระโชกมา |
เห็นท้าวสามนต์อยู่บนเตียง | ก็ยืนเมียงเขม้นมองป้องหน้า |
ขู่ตะคอกหลอกล้อพ่อตา | เงื้อง่าทำทีจะตีรัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ตื่นกลัวตัวสั่น |
ไม่สู้ไม่รบหลบเป็นควัน | งันงันงกงกพลัดตกเตียง |
สำคัญว่าเงาะตีถูกศีรษะ | สิ้นสติมานะร้องเต็มเสียง |
นี่แน่ยายดูทีหรือที่เพรียง | หัวข้าแตกกี่เสี่ยงไม่รู้เลย |
นางมณฑาว่าไฮ้ที่ไหนนั่น | เมื่อดีอยู่ทั้งนั้นนี่พ่อเอ๋ย |
ตื่นเต้นเช่นนี้ข้ามิเคย | ลูกเขยของตัวกลัวมันไย |
ท้าวสามนต์ว่ากล้าก็อย่าหนี | เหลือกำลังแล้วพี่ไม่อยู่ได้ |
ว่าพลางเหวี่ยงวัดสะบัดไป | เมียยุดฉุดไว้พัลวัน |
หกนางต่างชิงกันวิ่งหนี | สิ้นสติสมประดีไม่มีขวัญ |
นักสนมกรมในทั้งนั้น | วิ่งปะทะปะกันล้มลุก |
หกเขยผลุนโจนโดนพ่อตา | คิดว่าอ้ายเงาะซ้ำปล้ำปลุก |
บ้างวิ่งไปซุ่มซ่อนซอนซุก | หมู่มุขมนตรีหนีพล่านไป |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | นางมณฑาเห็นผัวกลัวเงาะใบ้ |
วิ่งหนีเหนื่อยบอบหอบหายใจ | จึงว่าไฮ้อะไรนี่น่าชัง |
พ่อเจ้าเถิดพ่อคุณอย่าวุ่นวาย | ไม่อดสูดูร้ายเขามั่ง |
ว่าแล้วลากลู่ถูกัง | ผลักให้นั่งบนเตียงเสียงตึง |
เห็นผัวตัวสั่นขวัญแขวน | คอยจะแล่นลุกยืนตื่นทะลึ่ง |
นางฉวยฉุดยุดมืออย่าดื้อดึง | หยิกทึ้งทุบหลังให้นั่งลง |
ท้าวสามนต์ได้คิดผิดแล้วแม่ | คนแก่คนเฒ่าเฝ้าลืมหลง |
พี่ไม่ขี้ขลาดดอกบอกตรงตรง | ทีนี้คงค่อยยังชั่วไม่กลัวมัน |
แต่เหน็ดเหนื่อยนักหนายังว้าวุ่น | แม่คุณเถิดขอน้ำกินสักขัน |
หยิบจอกพลัดตกงกงัน | เห็นเงาะยังอยู่นั่นพรั่นพรั่นใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าเงาะทำเป็นหาเห็นไม่ |
มองมองแล้วเมินเดินถือไม้ | เข้ามาข้างเขยใหญ่ทั้งหกคน |
เห็นเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่โซมหน้า | ก็หยิบกามาก้มอมน้ำพ่น |
หัวหูเปียกปอนหายร้อนรน | ทำปากบ่นเสกน้ำซ้ำสาดรด |
เห็นหกเขยเสยผมก้มหน้าอยู่ | ก็ฉุดหูออกไปเลือดไหลหยด |
แกล้งจูงพาเที่ยวเลี้ยวลด | ถือไม้เท้าแทนตะพดเหมือนวิ่งวัว |
เห็นพี่เมียเมียงมองอยู่ช่องฉาก | ก็บุ้ยปากให้ดูใบหูผัว |
เอามือคลำทำเจ็บหูตัว | ปัดแมงวันสั่นหัวยั่วเย้า |
เห็นพ่อตาหน้าบึ้งขึ้งโกรธ | ทำขอโทษนั่งลุกคุกเข่า |
ก้มกรานคลานหมอบพินอบพิเทา | กราบแล้วกราบเล่าเฝ้าหลอกล้อ |
ฉวยได้ฝาชีที่ขันน้ำ | แกล้งทำปะเตะเล่นเช่นตะกร้อ |
ท้าวสามนต์โกรธาด่าทอ | เจ้าเงาะหัวร่ององอไป |
แล้วคุกเข่าเข้ามาลาแม่ยาย | ทำอุบายชี้มือบอกใบ้ |
ลุกขึ้นเดินลอยชายสบายใจ | กลับไปกระท่อมทับฉับพลัน |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา | นั่งใกล้รจนาเมียขวัญ |
แล้วแถลงแจ้งความทุกสิ่งอัน | สรวลสันต์สำราญทั้งสองรา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา