- คำนำ
- เรื่องสังข์ทองในปัญญาสชาดก
- ตอนที่ ๑ กำเนิดพระสังข์
- ตอนที่ ๒ ถ่วงพระสังข์
- ตอนที่ ๓ นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์
- ตอนที่ ๔ พระสังข์หนีนางพันธุรัต
- ตอนที่ ๕ ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
- ตอนที่ ๖ พระสังข์ได้นางรจนา
- ตอนที่ ๗ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ
- ตอนที่ ๘ พระสังข์ตีคลี
- ตอนที่ ๙ ท้าวยศวิมลตามพระสังข์
ตอนที่ ๕ ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวสามนต์เรืองศรี |
เสวยราชสมบัติสวัสดี | ในบุรีสามนต์พระนคร |
อันองค์เอกอัครชายา | ชื่อมณฑาเทวีศรีสมร |
มีธิดานารีร่วมอุทร | ทั้งเจ็ดนามกรต่างกัน |
น้องนุชสุดท้องชื่อรจนา | โสภาเพียงนางในสวรรค์ |
พรั่งพร้อมพระสนมกำนัล | เป็นสุขทุกนิรันดร์วันคืน |
ท้าวคิดรำพึงถึงเวียงชัย | นานไปจะเป็นของเขาอื่น |
เห็นจะไม่จิรังยั่งยืน | ด้วยลูกเต้าแต่พื้นเป็นธิดา |
จำจะคิดปลูกฝังเสียยังแล้ว | ให้ลูกแก้วมีคู่เสนหา |
ถ้าเขยคนใดดีมีบุญญา | จะยกพารามอบให้ครอบครอง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดพลางทางเรียกมเหสี | มาพาทีปรึกษาสองต่อสอง |
เจ้าจงดำริตริตรอง | แต่เราครองราชฐานมานานช้า |
ทุกวันนี้ดูพี่กับตัวเจ้า | ไม่เที่ยงแท้แก่เฒ่าลงนักหนา |
เจ็บปวดครุ่นไปไข้ชรา | ถอยกำลังวังชาลงทุกปี |
ยิ่งคิดคิดไปให้ใจสั้น | จะตายวันตายพรุ่งมิรู้ที่ |
พี่ปรารมภ์สมบัติของเรานี้ | ถ้าแม้นหาบุญพี่ไม่จีรัง |
จงช่วยกันดำริตริตรองดู | จะหาคู่ให้ลูกปลูกฝัง |
จะแบ่งปันข้าวของในท้องคลัง | ให้ครอบครองเวียงวังเห็นทันตา |
จะจัดแจงแต่งตามอารมณ์เรา | เหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า |
กลัวเกลือกทั้งเจ็ดธิดา | มันจะไม่เสนหาก็มิรู้ |
ลางเนื้อชอบลางยาไม่ว่าได้ | ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ |
คำบุราณท่านว่าไว้เป็นครู | พิเคราะห์ดูให้ต้องทำนองใน |
พี่คิดดูจะประชุมให้พร้อมพรั่ง | กษัตริย์ทั้งร้อยเอ็ดหัวเมืองใหญ่ |
ให้บุตรีเราเลือกตามชอบใจ | เจ้าจะเห็นกะไรจงว่ามา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางมณฑาเสนหา |
จึงทูลสนองพระบัญชา | ซึ่งตรัสมานี้ต้องประเพณี |
จะให้เป็นแก่นสารแก่บ้านเมือง | ได้ฦๅเลื่องไปทั่วทุกกรุงศรี |
ตามแต่ภูวไนยจะเห็นดี | อันน้องนี้ไม่ขัดทัดทาน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ |
เสด็จจากแท่นที่มิทันนาน | ออกพระโรงชัชวาลทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
สามไม้
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนือเก้าอี้ | ตรัสสั่งเสนีผู้ใหญ่ |
แต่บรรดาเมืองขึ้นของเราไซร้ | ทั้งร้อยเอ็ดเวียงชัยเคยไปมา |
ผู้ใดมีโอรสรูปงาม | แต่ในสามสิบเศษชันษา |
ที่ยังไม่มีภริยา | ให้จัดแจงแต่งมาทุกธานี |
เราจะให้ธิดาทั้งเจ็ดองค์ | เลือกดูรูปทรงส่งศรี |
ถ้าลูกเราชอบใจจะได้ดี | จะเษกกับบุตรีให้ครองกัน |
จงแต่งตราว่าตามความใน | ให้คนเร็วรีบไปทุกเขตขัณฑ์ |
กำหนดไว้โดยช้าสิบห้าวัน | ให้มาถึงพร้อมกันยังธานี |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้น | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี |
ถวายบังคมคัลอัญชลี | มาแต่งตราตามมีพระบัญชา |
แล้วจัดเสนากว่าร้อย | เคยใช้สอยคล่องแคล่วแกล้วกล้า |
สั่งความตามมีในท้องตรา | จงรีบไปรีบมาอย่านอนใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนหมื่นพันทนายน้อยใหญ่ |
ต่างรีบผายผันแยกกันไป | เวียงชัยทั้งร้อยเอ็ดพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปวันทา | กราบทูลกษัตราทุกเขตขัณฑ์ |
แจ้งตามบัญชาสารพัน | ถวายหนังสือนั้นทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายพระยาร้อยเอ็ดบุรีศรี |
คลี่สาส์นอ่านดูรู้คดี | เปรมปรีดิ์เป็นพ้นคณนา |
ต่างเรียกโอรสมาบอกเล่า | เป็นลาภเราแล้วลูกเสนหา |
จงตรวจตราบ่าวไพร่เร่งไคลคลา | ไปพาราสามนต์ให้ทันการ |
บ้างคิดมุยุลูกให้หย่าเมีย | จำจะทิ้งเปรี้ยวเสียไปกินหวาน |
ที่บุตรหามีไม่ใจทะยาน | คิดจัดแจงแต่งหลานเปลี่ยนไป |
แล้วเลือกของอย่างยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ | สำหรับบรรณาการประทานให้ |
ต่างองค์อำนวยอวยชัย | เจ้าไปให้ได้ครองพระธิดา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์สรวลสันต์หรรษา |
นบนิ้วประนมบังคมลา | แล้วมาแต่งองค์อร่ามเรือง |
บ้างขึ้นทรงรถคชสาร | ขี่ม้าผ่านขาวเขียวกะเลียวเหลือง |
ต่างยกโยธานองเนือง | ออกจากเมืองรีบร้อนสัญจรไพร |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพาราสามนต์ | จึงพักพลไว้นอกกรุงใหญ่ |
ชวนกันลีลาคลาไคล | เข้าหาเสนาในทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | อำมาตย์ผู้ใหญ่ในกรุงศรี |
พูดจาปราศรัยโดยไมตรี | เอาบาญชีท้าวพระยาที่มานั้น |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นได้นามทุกหน่อกษัตรา | เสนาสี่นายก็ผายผัน |
เข้าไปในท้องพระโรงคัล | อภิวันท์ทูลแถลงให้แจ้งใจ |
บัดนี้หน่อกษัตริย์ทุกพารา | ทั้งร้อยเอ็ดนั้นมาถึงกรุงใหญ่ |
แล้วอ่านรายชื่อเสียงเรียงลงไป | ตามในหางว่าวท้าวพระยา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านเขตขัณฑ์หรรษา |
จึงสั่งทั้งสี่เสนา | เร่งแต่งที่ข้างหน้าให้พร้อมไว้ |
จงนำกษัตราทุกธานี | มาประชุมในที่พระโรงใหญ่ |
เราจะให้ทั้งเจ็ดอรทัย | มาเลือกตามชอบใจในพรุ่งนี้ |
เร่งจัดวังให้เสร็จทั้งเจ็ดแห่ง | จะได้แต่งตั้งการภิเษกศรี |
สั่งเสร็จพระเสด็จจรลี | ขึ้นสู่ที่ข้างในมิได้ช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | จึงเจ้าพนักงานถ้วนหน้า |
เร่งจัดแจงแต่งที่ดังบัญชา | บ้างไปบอกกษัตราให้เตรียมกาย |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พวกเหล่าท้าวพระยาทั้งหลาย |
ต่างองค์กระหยิ่มพริ้มพราย | ให้กระสันมั่นหมายวุ่นวายใจ |
บ้างหยิบผ้ายกทองนุ่งลองดู | ใครใครเห็นไม่สู้รูปกูได้ |
พรุ่งนี้มิคนหนึ่งก็คนไร | จะจงจิตพิสมัยเป็นมั่นคง |
บ้างนั่งนึกตรึกหาอุปเท่ห์ | จะทำด้วยเสน่ห์ให้ลุ่มหลง |
เห็นจะรุมรักเราทั้งเจ็ดองค์ | คิดทะนงเปรมปริ่มกระหยิ่มใจ |
ลางองค์ถือมั่นโดยปัญญา | วาสนาหลังส่งแล้วคงได้ |
สุดแท้แต่กุศลสร้างไว้ | จะเดือดเนื้อร้อนใจไปไยมี |
บ้างเรียกหาหมอดูมาจับยาม | ให้ทายตามชะตาราศี |
จะสมคะเนหรือไม่ในพรุ่งนี้ | แต่เซ้าซี้ซักไซ้ไม่นิทรา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
โทน
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริย์ใสไตรตรัส | ทั้งร้อยเอ็ดกษัตริย์ทรงภูษา |
สอดเครื่องประดับระยับตา | แต่งกายาโอ่อวดประกวดกัน |
บ้างถือห่อบุหงาทัดยาดม | ผ้าห่มชุบน้ำกุหลาบกลั่น |
ต่างองค์กรายกรจรจรัล | พากันเข้าไปในวัง |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
ร่าย
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงข้างหน้า | อำมาตย์มาจัดแจงให้ลุกนั่ง |
ต่างชิงขึ้นหน้าว่าไม่ฟัง | บ้างถุ้งเถียงเสียงดังอึงไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ยิ้มแย้มเจ่มใส |
จึงชวนเมียรักร่วมใจ | ออกไปแย้มแกลแลดู |
เห็นหน่อกษัตราที่มานั้น | หน้าตาคมสันขยันอยู่ |
คนข้างหลังลาดเลาเป็นเจ้าชู้ | ตาหูชอบกลเจ้ามณฑา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ คนโน้นรูปร่างกระจ้อยร่อย | หนุ่มน้อยน่ารักหนักหนา |
คนนี้ที่ถัดกันลงมา | หน้าตาเป็นประมาณพานพอดี |
โน่นแน่คนนั้นอยู่ชั้นล่าง | รูปร่างจ้ำม่ำดำมิดหมี |
เห็นหรือไม่คนนั้นขันสิ้นที | หน้างอกออกฝีประปราย |
ดูพลางทางสั่งเมียรัก | อย่าช้านักเลยเจ้าจะจวนสาย |
จงเร่งรัดจัดแจงแต่งกาย | บุตรีโฉมฉายขึ้นมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางมณฑาเสนหา |
จึงพาทั้งเจ็ดธิดา | ไปสระสรงคงคาวารี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด
๏ แต่งตัวตั้งใจจะให้งาม | ขมิ้นใส่ส้มมะขามขัดสี |
แล้วอาบน้ำชำระอินทรีย์ | ทาแป้งสารภีรื่นรวย |
กระจกตั้งคันฉ่องส่องเงา | ผิวพรรณผมเผ้างามฉลวย |
ใส่น้ำมันกันกวดกระหมวดมวย | ผัดหน้าด้วยแป้งญวนเป็นนวลแดง |
นุ่งผ้ายกอย่างต่างกัน | ช่อชั้นเชิงชายลายก้านแย่ง |
สไบหน้าเจียระบาดตาดทองแตง | เข็มขัดสายลายแทงประจำยาม |
สร้อยนวมสวมสอดสังวาลวรรณ | ตาบกุดั่นเรืองรองทองอร่าม |
กำไลสวมเก้าคู่ดูงาม | ใส่แหวนเพชรแวววามครามสอดซับ |
ทรงกรอบพักตร์พรรณรายพรายแพรว | กรรเจียกแก้วมณีสีสลับ |
ใส่ตุ้มหูห้อยพลอยระยับ | ครั้นเสร็จสรรพขึ้นเฝ้าท้าวไท |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงช้า
มูโล่ง
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ยิ้มย่องผ่องใส |
จึงตรัสแก่ธิดายาใจ | พ่อให้ประชุมกษัตรา |
นงเยาว์เจ้าจงไปเลือกดู | ที่สมควรเป็นคู่เสนหา |
ถ้าแม้นประกอบชอบวิญญาณ์ | จงทิ้งมาลัยไปให้สวมมือ |
พ่อจะแต่งตั้งการสยุมพร | ให้บังอรออกหน้าค่าชื่อ |
แต่เฝ้าปลอบสองรื้อสามรื้อ | ดูดู๋ดื้อหนักหนาน่าขัดใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | ทั้งเจ็ดบุตรีศรีใส |
ผูกคิ้วนิ่วหน้าไม่คลาไคล | ก้มแกะเสื่อลันไตไปมา |
ให้นึกอัปยศอดอาย | จะไปเลือกผู้ชายน่าขายหน้า |
ยิ่งคิดยิ่งเขินเมินพักตรา | กัลยามิได้จรลี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระบิตุเรศเรืองศรี |
กล่าวเกลี้ยงเลี่ยงปลอบให้ชอบที | วันดีแล้วแม่อย่าแชเชือน |
อุตส่าห์แข็งวิญญาณ์คลาไคล | พ่อจะให้พี่เลี้ยงไปเป็นเพื่อน |
อะไรเฝ้าม้วนมิดบิดเบือน | ไม่เขยื้อนจากที่น่าตีรัน |
นวลนางมณฑาช่วยว่ากล่าว | ลูบหลังลูกสาวแล้วรับขวัญ |
ไปเถิดแม่ไปอย่าใจรั้น | ส่งมาลัยให้พลันทั้งเจ็ดองค์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีแน่งน้อยนวลหง |
กลัวจะเคืองจิตบิตุรงค์ | โฉมองค์ขยับกายแล้วอายใจ |
แต่ทำม่อยม้วนกระบวนกระบิด | แก้เก้อสะกิดพี่ผู้ใหญ่ |
ต่อบิดรเตือนซ้ำจึงจำไป | กำนัลในพี่เลี้ยงเคียงมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงกินนรรำ
๏ ถึงท้องพระโรงธารม่านกั้น | เจ็ดนางนึกพรั่นเป็นหนักหนา |
ให้อดสูผู้ชายอายวิญญาณ์ | หน่วงหนักชักช้าไม่คลาไคล |
พี่เลี้ยงทูลเตือนให้จรลี | นางหยิกตีค้อนควักผลักไส |
เข้าแอบแฝงม่านกั้นชั้นใน | ขวยเขินสะเทินใจไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์นั่งคอยอยู่ข้างหน้า |
บ้างสะกิดเพื่อนกันจำนรรจา | เมื่อไรจะออกมารำคาญใจ |
ต่างคนกระหยิ่มยิ้มย่อง | ชะเง้อคอคอยมองหาเมินไม่ |
แลตามตีนม่านเห็นไวไว | เอ๊ะแล้วมิใช่ดอกกระมัง |
ลางคนคะนองทำร้องบอก | หลอนหลอกลวงเพื่อนอยู่ข้างหลัง |
ไม่เคยเห็นรูปร่างนางชาววัง | นิ่งนั่งตั้งสติอย่าเมินไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงกัลยาอัชฌาสัย |
จึงปลอบพระธิดายาใจ | เอออะไรมาเป็นเช่นนี้ |
พระบิดาสั่งให้ไปเลือกคู่ | จะอดสูใครเล่านะเจ้าพี่ |
เราเป็นใจไปเองเมื่อไรมี | ไม่พอที่จะขืนขัดบัญชา |
แม้นพระบิตุเรศรู้เหตุผล | เห็นพี่จะไม่พ้นโทษา |
ว่าพลางผลักไสให้ไคลคลา | รบเร้าเฝ้าว่าวิงวอน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งเจ็ดพระธิดาดวงสมร |
จำเป็นจำใจบทจร | บังอรอดสูดูร้าย |
ทำลับลับล่อล่อรอรั้ง | เบียดบังพี่เลี้ยงเมียงม่าย |
ผันแปรแลหลบตาชาย | ทั้งอายทั้งสะเทินเดินเลือกไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์นับร้อยน้อยใหญ่ |
เห็นเจ็ดพระธิดายาใจ | ให้คิดพิสมัยในรูปทรง |
ตั้งใจดูนางไม่วางตา | เสนหารุมรึงตะลึงหลง |
งามโฉมชะอ้อนอ่อนเอวองค์ | งามขนงวงพักตร์โสภา |
บ้างพูดกับเพื่อนสนิทไม่คิดอาย | อันน้องนุชสุดท้ายคงตายข้า |
เดี๋ยวนี้และมาลัยจะลอยมา | เจ้าคนนั้นกั้นหน้าข้าไว้ไย |
บ้างนั่งหยัดดัดทรงดูนงลักษณ์ | เหลือบมาสบพักตร์ยักคิ้วให้ |
ครั้นนางสะเทินเมินหน้าไป | แกล้งทำกระแอมไอเป็นแยบคาย |
บ้างพาลโกรธขึ้งหึงเพื่อนกัน | นางคนนั้นของข้าใครอย่าหมาย |
ต่างทะเลาะเกาะแกะกันวุ่นวาย | ถุ้งเถียงท้าทายมากมายไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งเจ็ดบุตรีศรีใส |
แต่เก้อเก้ออายอายวุ่นวายใจ | เลือกกษัตริย์น้อยใหญ่ทุกหน้ามา |
อันทั้งหกเทวีพี่นาง | เลือกได้รูปร่างงามหนักหนา |
เมียงม่ายหมายทิ้งพวงมาลา | สวมหัตถ์กษัตราทั้งหกองค์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ฝ่ายโฉมรจนาทรามวัย | นางไม่ต้องจิตคิดประสงค์ |
กลับมาเฝ้าบาทบิตุรงค์ | โฉมยงบังคมก้มพักตรา |
จึงทูลว่ากษัตริย์ทั้งนั้นไซร้ | ลูกมิได้มุ่งมาดปรารถนา |
จะขออยู่สนองรองบาทา | ไปกว่าชีวันจะบรรลัย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์บ่นออดทอดใจใหญ่ |
ลูกเอ๋ยพ่อนี้หวังตั้งใจ | จะจัดแจงแต่งให้เห็นทันตา |
จึงประชุมพร้อมพรั่งครั้งนี้ | แต่ล้วนลูกผู้ดีมียศถา |
ทั้งรูปทรงส่งศรีโสภา | ยังไม่เสนหาอาลัย |
แม่มณฑาจะคิดกะไรเล่า | ยังคนเดียวดอกเจ้าทำกรรมให้ |
มันไม่สิ้นห่วงบ่วงใย | ฉวยชั่วไปก็รำคาญขี้คร้านตี |
พี่คิดว่าสุดแท้แต่เราเถิด | ไม่พักประดักประเดิดจู้จี้ |
แต่งพร้อมกับพี่สาวเสียคราวนี้ | หรือไม่เห็นด้วยพี่จงท้วงติง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมณฑาหวั่นจิตคิดกริ่ง |
จึงแถลงแจ้งในใจจริง | อันเป็นหญิงพงศ์เผ่าเหล่ากอ |
ถ้าใจไม่สมัครรักผัว | มักทำชั่วให้อายขายหน้าพ่อ |
พระองค์จงได้รั้งรอ | น้องจะขอให้ป่าวชาวพารา |
ครั้งนี้อย่าเลือกว่าแก่หนุ่ม | หามาประชุมจงพร้อมหน้า |
ให้เลือกตามใจรักอีกสักครา | สุดแต่วาสนาธิดาเรา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ตอบชอบแล้วเจ้า |
ที่ความวิตกนั้นค่อยบรรเทา | น้อยหรือนั่นขวัญข้าวเจ้าช่างคิด |
ว่าพลางทางมีบัญชา | ตรัสเรียกเสนาคนสนิท |
จงเข้ามาข้างในให้ใกล้ชิด | ประกาศิตสั่งไปมิได้ช้า |
อันหน่อกษัตริย์ทั้งหกองค์ | ซึ่งลูกรักเราจงเสนหา |
ให้อยู่วังยั้งท่ารจนา | จะแต่งการวิวาห์ให้พร้อมกัน |
แต่พวกเมืองออกนอกนั้นไซร้ | ให้กลับไปนิเวศน์เขตขัณฑ์ |
เร่งร้องป่าวชาวเมืองทั้งปวงนั้น | จนชั้นทรพลคนเข็ญใจ |
ให้มันแต่งตัวตามทำนอง | มาประชุมหน้าท้องพระโรงใหญ่ |
จะให้ลูกรักร่วมฤทัย | เลือกคู่ดูใหม่ในพรุ่งนี้ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศี |
มาบอกกษัตราทุกธานี | ตามมีพระราชบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | หน่อกษัตริย์ทั้งหกเร่งหรรษา |
นั่งสบายอารมณ์ดมมาลา | หัวเราะร่าขาแข้งกระดิกเพลา |
บ้างพูดจาเปรียบเปรยเย้ยเพื่อนกัน | อย่างไรนั่นลงนั่งกอดเข่า |
วาสนาหาไม่แล้วชาวเรา | แต่ได้เข้ามาเห็นก็เป็นดี |
หกองค์กระหยิ่มยิ้มย่อง | ผุดผ่องพักตราราศี |
ต่างต่างย่างเยื้องจรลี | เสนีนำหน้าพาไปวัง |
พวกที่ไม่สมปรารถนา | ดังจะเสียวิญญาณ์เป็นบ้าหลัง |
น้อยใจด้วยผู้หญิงชิงชัง | วาสนาหนหลังช่างอาภัพ |
ต่างแกล้งทำชื่นฝืนอารมณ์ | บ้างเดินหกล้มบ้างลมจับ |
เหงื่อไหลอาบหน้าเอาผ้าซับ | ขึ้นม้าช้างต่างกลับไปเวียงชัย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | เสนานายอำเภอน้อยใหญ่ |
ทั้งรั้วแขวงตีฆ้องร้องป่าวไป | ทั่วในจังหวัดนัครา |
พรุ่งนี้แต่มืดขมุกขมัว | จงจัดแจงแต่งตัวให้โอ่อ่า |
เข้าไปหน้าพระลานชานชาลา | พระธิดาจะเลือกเป็นคู่ครอง |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | ประชาชายรู้ทั่วทุกบ้านช่อง |
บ้างเต้นบ้างรำทำคะนอง | กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ทุกคน |
พวกนักเลงเล่นเบี้ยเสียถั่ว | ครอบครัวอัตคัดขัดสน |
ไม่มีผ้าเสื้อแสงจะแต่งตน | เที่ยวซุกซนยืมหยิบเพื่อนกัน |
เหล่าพวกอุตริริร่าง | ตัดผมยักอย่างให้ส้อยสั้น |
หวีกระจายรายเส้นเป็นแปรงชัน | เช็ดน้ำมันกันหน้าด้วยมีดน้อย |
บ้างติดตำรับใหญ่เอาไฟอัง | กระจกตั้งนั่งหย่งก่งคอสอย |
แค้นใจไม่ใคร่จะเรียบร้อย | เฝ้าตะบอยหวีหัวมัวเมา |
พวกเหล่าเจ้าชู้หัวอกกรม | เผ้าผมตกแสกทำหน้าเศร้า |
เชิงจะพูดจะจาคิ้วตาเพรา | นั่งไหนกอดเข่าเฝ้าทำทุกข์ |
พวกขุนนางต่างแต่งตัวลอง | นุ่งยกทองเกี้ยวส่านสีหมากสุก |
บ้างนุ่งลายพื้นตองลองนั่งลุก | ดูกะปุกกะปุยกรุยกราย |
ที่ป่วยไข้ได้ข่าวเขาป่าวร้อง | ลุกขึ้นเดินได้คล่องเหมือนหนึ่งหาย |
พาลโกรธภรรยาด่าแม่ยาย | เคืองขุ่นวุ่นวายเพราะรายนึก |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นไก่ขันแซ่เสียงเที่ยงคืน | ต่างคนต่างตื่นขึ้นแต่ดึก |
ตกแต่งกายาโอฬารึก | อื้ออึงอึกทึกไปทุกคน |
บ้างทาแป้งแต่งตัวฉุยฉาย | นุ่งลายนอกอย่างหางปัดส้น |
บ้างนุ่งห่มสมตัวตามจน | สับสนอลหม่านไม่หลับนอน |
พอท้องฟ้าขาวเช้าตรู่ | ที่ใครอยู่บ้านใกล้ก็ไปก่อน |
เนื่องแน่นถนนในนคร | ค่อยผ่อนเข้าไปในวัง |
ลางคนแก่เฒ่าเกือบเข้าโลง | ก็เดินหอบหิ้วโครงมาข้างหลัง |
ถือไม้เท้าโซเซเก้กัง | เข้ามาด้วยเขามั่งไม่เจียมตน |
ที่เป็นง่อยเพลียเสียแข้งขา | ก็นั่งถดถัดมาตามถนน |
เจ็บปวดไม่ว่าอุตส่าห์ทน | เสลือกสลนกล่นเกลื่อนกันมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ คับคั่งทั้งท้องพระโรงชัย | ผู้ดีปนเข็ญใจก็ไม่ว่า |
อยากจะใคร่ได้องค์พระธิดา | ต่างคิดสมบัติบ้าอยู่ทุกคน |
บ้างชิงที่ตีต่อยปะเตะปะตะ | เอะอะอึงคะนึงสับสน |
ตำรวจวังถือหวายวิ่งวน | ไล่ขู่ผู้คนอยู่เป็นควัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ท้าวสามนต์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จึงตรัสแก่ธิดาดวงจันทร์ | จอมขวัญของพ่อผู้ยอดรัก |
บัดนี้ชาวเมืองมาพร้อมหน้า | จงไปทัศนาให้ประจักษ์ |
เลือกคู่ดูให้งามพักตร์ | ตามแต่ใจรักเถิดลูกอา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางรจนาเสนหา |
ก้มเกล้าดุษฎีแล้วลีลา | สองพี่เลี้ยงกัลยาก็ตามไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ เดินดูเสนาข้าเฝ้า | ทั้งเหล่าเศรษฐีผู้ดีไพร่ |
ให้เคืองคายนัยเนตรนางทรามวัย | มิได้ประกอบชอบวิญญาณ์ |
นางจึงเสด็จกลับมาฉับพลัน | อภิวันท์บิตุเรศนาถา |
ทูลว่าชาวเมืองที่ป่าวมา | ลูกไม่เสนหาอาลัย |
ขออยู่ด้วยชนกชนนี | ที่จะมีภัสดานั้นหาไม่ |
เบื้องหน้าถ้าตัวลูกชั่วไป | จงฆ่าเสียอย่าไว้ชีวิต |
ฯ ๖ คำ ฯ