- คำนำ
- เรื่องสังข์ทองในปัญญาสชาดก
- ตอนที่ ๑ กำเนิดพระสังข์
- ตอนที่ ๒ ถ่วงพระสังข์
- ตอนที่ ๓ นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์
- ตอนที่ ๔ พระสังข์หนีนางพันธุรัต
- ตอนที่ ๕ ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
- ตอนที่ ๖ พระสังข์ได้นางรจนา
- ตอนที่ ๗ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ
- ตอนที่ ๘ พระสังข์ตีคลี
- ตอนที่ ๙ ท้าวยศวิมลตามพระสังข์
ตอนที่ ๑ กำเนิดพระสังข์
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวยศวิมลไอศวรรย์ |
ไร้บุตรสุดวงศ์พงศ์พันธุ์ | วันหนึ่งนั้นไปเลียบพระนคร |
ราษฎรร้องว่าให้หาบุตร | พระทรงภุชร้อนจิตดังพิษศร |
มิได้เสวยสรงสาคร | นั่งนอนร้อนใจใช่พอดี |
ประชาชนจนจิตไม่คิดหวัง | ยิ่งประดังพลุกพล่านทั้งกรุงศรี |
เวทนาเป็นพระยาสมบัติมี | มาไร้ที่โอรสยศไกร |
จึงดำรัสตรัสเล่ามเหสี | ถ้วนถี่ชี้แจงแถลงไข |
เจ้ามาช่วยพี่คิดนะดวงใจ | ค้นคว้าหาไปดูตามบุญ |
บวงสรวงซ่องเซทุกเวลา | รักษาศีลด้วยช่วยอุดหนุน |
ถ้วนทุกนางในให้พร้อมมุล | เกลือกบุญของใครได้สร้างมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มเหสีมิได้คิดอิจฉา |
คำนับรับราชบัญชา | พระอย่าระคางหมางใจ |
จะพึ่งพ่อขอฝากดวงชีวัน | หาคิดเกียดกันฉันทาไม่ |
ตามแต่กุศลของใคร | ให้สิ้นสงสัยพระทัยปอง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฟังนาฏ | พิศวาสในน้ำคำสนอง |
สั่งท้าวนางในดังใจปอง | ให้แต่งของบูชาบรรณาการ |
พลบค่ำย่ำแสงสุริยา | ยกมาเตรียมไว้ในสถาน |
บอกเหล่าสาวศรีบริวาร | สั่งการให้ทั่วทุกตัวนาง |
จัดแจงแต่งเครื่องบูชา | ธูปเทียนชวาลาต่างต่าง |
ทุกวันทุกเวรอย่าเว้นว่าง | นอนปรางค์ข้างที่เราทุกคน |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ภูวไนยมีพระทัยขวายขวน |
เห็นนางในนอนทั่วทุกตัวคน | ตรัสบอกยุบลสนทนา |
ดูก่อนเหล่านางทั้งหลาย | เราหมายมุ่งมาดปรารถนา |
จำนงจะประสงค์ลูกยา | ไม่เห็นแก่หน้าฉันทาใคร |
ชวนกันตั้งจิตพิษฐาน | บนบานตามชอบอัชฌาสัย |
ใครเกิดบุตรายาใจ | เวียงชัยจะให้แก่ลูกรัก |
ตรัสพลางทางเข้าแท่นที่ | ชวนพระมเหสีมีศักดิ์ |
บวงสรวงเทวาสุรารักษ์ | ในห้องทองสุรศักดิ์ตำหนักชัย |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
สระบุหรง
๏ จึงจุดธูปเทียนประทีปแล้ว | เพริศแพรวพร้อมที่ศรีใส |
ทั้งสองพระองค์จำนงใน | ตั้งใจบริสุทธิ์ดุษฎี |
นอบน้อมพร้อมจิตพิษฐาน | เดชะสมภารข้าสองศรี |
ปกป้องไพร่ฟ้าประชาชี | โดยดีเป็นธรรม์นิรันดร์มา |
ข้าไซร้ไร้บุตรสุดสวาท | จะบำรุงราษฎร์ไปภายหน้า |
พระเสื้อเมืองเรืองชัยได้เมตตา | ขอให้เกิดบุตรายาใจ |
เสร็จแล้วพระแก้วก็ไสยา | ทรงศีลห้าทุกวันหาขาดไม่ |
ทศธรรมไม่ลำเอียงใคร | ภูวไนยเข้าที่บรรทมพลัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | สุราลัยในดาวดึงส์สวรรค์ |
เมื่อผลจะสิ้นพระชนม์นั้น | อัศจรรย์ร้อนรนเป็นพ้นไป |
รัศมีศรีตนก็หม่นหมอง | สิ่งของของตัวก็มัวไหม้ |
เทวาตระหนกตกใจ | แจ้งในพระทัยจะวายชนม์ |
แล้วจึงตรึกตรองส่องเนตร | แจ้งใจในเหตุเภทผล |
พระเจ้าท้าวยศวิมล | เสสรวงบวงบนแก่เทวัญ |
เทวาจะมานิมนต์เรา | ให้พรากจากดาวดึงส์สวรรค์ |
อย่าเลยจะจุติพลัน | อย่าให้เทวัญทันนิมนต์ |
ลงไปเกิดในมนุสสา | แสวงหาศีลทานการกุศล |
คิดแล้วกลั้นใจให้วายชนม์ | ปฏิสนธิ์ยังครรภ์กัลยา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพาทย์
ช้า
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลฝันว่า |
วันเมื่อจะได้พระลูกยา | เข้าที่นิทราในราตรี |
ฝันเห็นเป็นเทพสังหรณ์ | ทินกรจะใกล้ไขศรี |
สะดุ้งตื่นฟื้นพลันทันที | จำได้ถ้วนถี่ในนิมิต |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ พอรุ่งสางสว่างสุริยง | สระสรงทรงเครื่องไพจิตร |
ออกท้องพระโรงชัยอำไพพิศ | สถิตบัลลังก์กระจังทอง |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เสนาข้าเฝ้าก็กราบกราน | จึงมีโองการสารสนอง |
กับโหรผู้ใหญ่ดังใจปอง | ท่านจงตรึกตรองดูในสุบิน |
ฝันว่าอาทิตย์ฤทธิรงค์ | ตกลงตรงพักตร์ข้างทักษิณ |
ดาวน้อยพลอยค้างอยู่กลางดิน | เราผินพักตร์ฉวยเอาด้วยพลัน |
มือซ้ายได้ดวงดารา | มือขวาคว้าได้สุริย์ฉัน |
แล้วหายไปแต่พระสุริยัน | ต่อโศกศัลย์ร่ำไรจึงได้คืน |
สักสามยามหย่อนค่อนรุ่ง | เราสะดุ้งคว้าหาผวาตื่น |
ดีร้ายทายตามอย่ากล้ำกลืน | ตาหมื่นโหราจงว่าไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยอดโหราหามีเสมอไม่ |
คิดคูณหารดูรู้แจ้งใจ | ภูวไนยจะเกิดบุตรา |
จึงทูลทายทำนายตามสุบิน | ว่าพระปิ่นนางในฝ่ายขวา |
จะทรงครรภ์พระราชบุตรา | บุญญาธิการมากมี |
แต่จะพลัดพรากไปจากวัง | ภายหลังจึงจะคืนกรุงศรี |
ดาราคือพระบุตรี | จะเกิดที่สนมอันควร |
ฝันว่าพระทรงโศกา | จะได้ชมลูกยาเกษมสรวล |
ทายตามสุบินสิ้นกระบวน | ถี่ถ้วนจงทราบพระบาทา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ ฟังทูล | พระไพบูลย์ภิรมย์หรรษา |
แย้มโอษฐ์โปรดตรัสแก่โหรา | แม้นเหมือนท่านว่าจะรางวัล |
ราษฎร์ฟ้องร้องว่าให้หาบุตร | สุดคิดที่เราจะผ่อนผัน |
บัดสีกับใจใครจะทัน | ว่าแล้วผายผันเข้าวังใน |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงแจ้งกับองค์มเหสี | ถ้วนถี่ชี้แจงแถลงไข |
พระค่อยเป็นสุขสนุกใจ | ทรามวัยงามขึ้นทุกคืนวัน |
เปล่งปลั่งมังสาดังทาทอง | พระเต้าคล้ำมัวหมองทั้งสองถัน |
เส้นพาดพานทรวงดวงจันทร์ | แจ้งว่าทรงครรภ์มั่นคง |
ผิวพรรณผุดผ่องละอองพักตร์ | พระแสนสุดที่รักนวลหง |
จัดเลือกแสนสาวที่รูปทรง | มาห้อมล้อมโฉมยงอนงค์นวล |
แล้วหยอกถามว่าใครอย่างไรบ้าง | ได้การแล้วหรือยังพระแย้มสรวล |
อุตส่าห์ทาแป้งแต่งนวล | สำรวลสรวลสันต์บันเทิงใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ จึงเห็นจันท์เทวีพระสนม | เนื้อนมครัดเคร่งเร่งสงสัย |
แจ้งว่ามีครรภ์มั่นแม่นใจ | จัดแจงแต่งให้นางเทวี |
นางใดที่ไม่มีครรภ์ | แก้ฝันเห็นของก็หมองศรี |
ก้มเกล้ากราบลาพระจักรี | จันทาเทวีก็ลีลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ ฝ่ายนางจันทามาถึงห้อง | เศร้าหมองตรองจิตคอยอิจฉา |
อาบเอิบกำเริบด้วยโภคา | ผ่านฟ้าว่าใครมีครรภ์ |
สมบัติจะยกให้ลูกครอง | มีสองต้องคิดบิดผัน |
ท่านมียศศักดิ์จะรักกัน | ลูกเต้าเรานั้นจะหมองมัว |
ที่ไหนจะได้พระบุรี | สาวศรีจะชวนกันยิ้มหัว |
ยิ่งตรึกยิ่งตรองยิ่งหมองมัว | จึงเรียกนางแม่ครัวเข้าห้องใน |
สาวศรีเจ้าจงเอ็นดูเรา | เบี้ยข้าวเงินทองจะกองให้ |
จงช่วยปิดงำอำไว้ | เอาทองไปให้แก่โหรา |
เขียนหนังสือลับกำชับสั่ง | เราหวังไว้ใจเจ้าหนักหนา |
ถอดแหวนส่งให้มิได้ช้า | นี่ข้าถึงใจให้พลาง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวใช้ได้กินสินจ้าง |
เคารพนบนอบแล้วตอบพลาง | ลูกแล้วอย่าหมางระคางใจ |
สู้ตายจะตายด้วยแม่เจ้า | ลูกเล่าหาพึ่งผู้ใดไม่ |
แม่ได้ดีลูกนี้จะดีใจ | ลากห่อทองได้ใส่แหวนมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ มาถึงซึ่งบ้านโหรเฒ่า | จู่เข้าไปได้ในเคหา |
ไหว้แล้วแก้ทองของจันทา | คุณแม่ให้มาแต่ในวัง |
ว่าคุณตายาใจปรานีด้วย | จงช่วยให้สมอารมณ์หวัง |
จงเห็นไมตรีให้จีรัง | แล้วยื่นหนังสือให้มิได้ช้า |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | โหรใหญ่สงสัยเป็นหนักหนา |
รับเอาหนังสือที่มือมา | ใส่แว่นตาดูก็รู้ความ |
นิ่งนึกตรึกตรองอยู่ในใจ | โลภเห็นแต่จะได้ไม่เกรงขาม |
แม้นกูมิรับกลับความ | ทองคำสามชั่งจะคืนไป |
ถ้ากูแก้ไขนางจันทา | เงินตราห้าชั่งนั้นจะได้ |
จึงว่ากับสาวศรีด้วยดีใจ | พอแก้ไขได้เป็นไรมี |
แลเหลียวเปลี่ยวคนที่บนเรือน | อิดเอื้อนจะใคร่ประสมศรี |
สาวใช้เจ้าเข้าไปในที่ | วานหยิบบุหรี่ที่ริมเตียง |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ สาวใช้อดสูก็รู้เท่า | ไฮ้คุณตาเจ้าช่างกล่าวเกลี้ยง |
ใครจะเข้าไปถึงในเตียง | ข้าวของรายเรียงจะหายไป |
สะบัดมือได้แล้วไหว้ลา | อย่านะฉันหาอะไรไม่ |
จึงวิ่งผลุนหนีพลันทันใด | มายังวังในไปแจ้งความ |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | มเหสีโฉมฉินปิ่นห้าม |
ค่อยเพียรรักษาพยายาม | พระครรภ์โฉมงามได้สิบเดือน |
จวนใกล้ฤกษ์พานาที | นาภีใหญ่น้อยก็คล้อยเคลื่อน |
ระดมลมเส้นก็เต้นเตือน | ลูกน้อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนลง |
เจ็บครรภ์กระสันขึ้นทุกที | พ่างเพียงชีวีจะผุยผง |
ร้องเรียกแสนสาวเหล่าอนงค์ | มาพร้อมล้อมองค์นางเทวี |
เรียกพลางทางป่วนครวญครรภ์ | ช่วยกันเร็วเร็วนางสาวศรี |
องค์สั่นยันยุดทรุดอินทรีย์ | มเหสีโอดโอยโรยแรง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงนางผู้รักษากล้าแข็ง |
ฝืนท้องต้องนางยังคลางแคลง | เห็นแข็งไปสิ้นไม่ดิ้นรน |
กลมกลมกลิ้งกลิ้งยิ่งสงสัย | หลากใจไม่เห็นตัวทั่วค้น |
บ้างไปทูลองค์ทรงสกล | ให้ทราบยุบลกิจจา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงกราบทูลพระภูมินทร์ | ว่าพระปิ่นนางในฝ่ายขวา |
จะคลอดสมเด็จพระลูกยา | ขอเชิญผ่านฟ้าเสด็จไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลเร่งผ่องใส |
จะได้เห็นลูกน้อยกลอยใจ | ในวันนี้แล้วแก้วตา |
รีบไปด้วยไร้โอรส | พระทรงยศแสนโสมนัสสา |
นางในใครรู้ก็ตรูมา | โฉมนางจันทาก็ตามไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ จึงกล่าวเอาใจมเหสี | เจ้าพี่อย่าพรั่นหวั่นไหว |
ลูกของเทวัญท่านให้ไว้ | แข็งใจขบฟันกลั้นทน |
นักเทศจงไปสั่งการ | พนักงานของใครให้ขวายขวน |
เตรียมไว้ในพระราชมณฑล | ขนมาประโคมพระลูกเรา |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | มเหสีป่วนปั่นพระครรภ์เจ้า |
มิได้วายว่างบางเบา | เจ็บราวกับเขาผูกคร่าร้า |
เป็นกรรมตามทันมเหสี | จะจากที่สมบัติวัตถา |
ยามปลอดก็คลอดพระลูกยา | กุมารากำบังเป็นสังข์ทอง |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา มโหรี
๏ มเหสีตระหนกอกสั่น | สาวสรรค์หวั่นไหวทั้งในห้อง |
ผ่านฟ้าดังเลือดตานอง | แตรสังข์แซ่ซ้องประโคมพลัน |
พระทัยวาบสำเนียงเสียงศรี | ภูมีขับเหล่านางสาวสรรค์ |
ภูมินทร์เพียงจะสิ้นชีวัน | อับอายสาวสรรค์กำนัลใน |
จึงตรัสกับองค์มเหสี | เจ้าพี่เราจะคิดเป็นไฉน |
ไม่พอที่จะเป็นก็เป็นไป | เมื่อหาลูกไม่ก็ทุกข์ทน |
อุตส่าห์บนบานศาลกล่าว | ครั้นมีมาเล่าไม่เป็นผล |
อับอายไพร่ฟ้าข้าคน | พี่จะใคร่กลั้นชนม์ให้พ้นอาย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฟังตรัส | ดังใครตัดเศียรเด็ดกระเด็นหาย |
สองกรข้อนทรวงเข้าฟูมฟาย | นางถวายบังคมก้มโศกา |
พ่อเจ้าพระคุณของเมียเอ๋ย | กรรมสิ่งไรเลยเป็นหนักหนา |
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา | ดีใจหมายว่างามหน้าเมีย |
มิรู้ว่ามาได้อัปยศ | พลอยยศพระคุณให้สูญเสีย |
พระองค์ทรงพระขรรค์ฟาดฟันเมีย | ตายเสียอยู่ขายบาทบงสุ์ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันทาได้ช่องต้องประสงค์ |
กับโหรดูรู้กันไว้มั่นคง | ครั้นเข้าเฝ้าองค์พระทรงชัย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ทูลว่าอนาถประหลาดจิต | ข้าคิดพิศวงสงสัย |
ลูกคนเป็นหอยน่าน้อยใจ | หาเยี่ยงอย่างไม่แต่ก่อนมา |
มีครรภ์เหมือนกันก็พรั่นตัว | ดีชั่วก็ยังกังขา |
เดิมว่าโหรทายทำนายมา | แต่แรกชายาจะทรงครรภ์ |
ว่าโอรสนั้นจะมีบุญ | ได้เพ็ดทูลไว้ตามทำนายฝัน |
เข้าไฟให้หายโรคัน | แล้วทรงธรรม์ตรัสถามเนื้อความดู |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังคำ | ผลกรรมจะพรากจากคู่ |
แยบคายภายในมิได้รู้ | จริงอยู่โหรทายทำนายมา |
ว่าจะมีท้องทั้งสองนั้น | แม่นมั่นจริงจังดังปากว่า |
เคยได้นับถือลือชา | ลูกยามาเป็นเช่นนี้ไป |
จริงแล้วจะถามความก่อน | ให้แน่นอนว่าเห็นเป็นไฉน |
จึงให้ทรามชมบรรทมไฟ | คลาไคลออกท้องพระโรงพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ให้หาโหราเข้ามาเฝ้า | พระเจ้าตรัสถามเนื้อความฝัน |
เดิมทายโฉมยงว่าทรงครรภ์ | ก็แม่นมั่นเหมือนคำจำนรรจา |
เหตุไรลูกน้อยเป็นหอยสังข์ | พลาดพลั้งบิดเบือนไม่เหมือนว่า |
จะเป็นชายทายทูลว่าบุญญา | ถ้อยคำท่านว่านั้นผิดไป |
ให้ดูแลหมายว่าจริงจัง | เลือดตากูดังจะย้อยไหล |
เป็นเหตุเภทพาลประการใด | โหราว่าไปอย่าอำพราง |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | โหรใหญ่ได้กินสินจ้าง |
สมจิตคิดไว้จะให้นาง | พลัดพรากจากปรางค์ไปทางไกล |
ทำค้นตำรามาดูแล | บิดเบือนเชือนแชแก้ไข |
แล้วทูลพระองค์ผู้ทรงชัย | ทายไว้มิใคร่จะคลาดคลา |
เพราะบ้านเมืองร้ายต้องกลายกลับ | พระองค์ว่ากับโอรสา |
เป็นกรรมตามทันกัลยา | แม้นพระบุตราเป็นมนุษย์ |
จะเลิศเรืองเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงไกร | เคราะห์ร้ายกลายไปเสียสิ้นสุด |
บ้านเมืองก็จะล่มโทรมทรุด | ม้วยมุดฉิบหายวายปราณ |
แม้นขับไล่ไปไกลบุรี | ธานีจะเย็นเกษมศานต์ |
อย่าไว้พระทัยให้เนิ่นนาน | เพลิงกาฬจะเผาเอาพารา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ ฟังโหรทาย | ดังจะวายชีวังสังขาร์ |
กระนั้นจริงเจียวหรือโหรา | อนิจจาหลัดหลัดมาพลัดกัน |
ว่าพลางสะท้อนถอนใจ | กลั้นน้ำพระเนตรไว้แล้วผายผัน |
คืนเข้าห้องแก้วแพรวพรรณ | หามิ่งเมียขวัญทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงทิ้งพระองค์ลง | บอกพลางทางทรงกันแสงไห้ |
โอ้กรรมเราทำไว้ปางใด | จะไกลกันไปแล้วนะแก้วตา |
มิพอที่จะเป็นก็มาเป็น | เกิดเข็ญเพราะลูกเสนหา |
โหรทายร้ายนักเจ้าพี่อา | ว่าแก้วกัลยาเป็นกาลี |
อยู่ไปจะได้แค้นเคือง | บ้านเมืองจะยับต้องขับหนี |
พี่จะขาดใจม้วยด้วยเทวี | ไม่มีความผิดสักนิดเลย |
แสนสงสารนักด้วยรักใคร่ | จะจากกันฉันใดได้เฉยเฉย |
อยู่อยู่ดีดีเจ้าพี่เอย | ไม่รู้ตัวเลยจะจากกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังสาร | ดังคนผลาญชีวาให้อาสัญ |
นางตระหนกตกใจดังไฟกัลป์ | อกสั่นขวัญหนีไม่มีใจ |
ส้วมสอดกอดบาทของผัวแก้ว | ข้อนทรวงเข้าแล้วก็ร้องไห้ |
เมียให้ฆ่าฟันให้บรรลัย | รักใคร่เมตตาไม่ฆ่าตี |
โหรามันว่าเป็นคำสอง | พ่อตรองให้ควรถ้วนถี่ |
ขับไล่ไม่มาฆ่าตี | เหมือนม้วยชีวีไปจากกัน |
ร่ำพลางนางเกลือกเสือกกาย | ดังจะวายชีวาด้วยโศกศัลย์ |
ซบพักตร์กับตักพระทรงธรรม์ | หวาดหวั่นนิ่งไปไม่พาที |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เอะเอยเอะน้องแก้ว | ผิดแล้วองค์เย็นดังเป็นผี |
ร้องไห้นิ่งไปไม่พาที | อยู่บนตักพี่ไม่หายใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ โอ้จันท์เทวีเจ้าพี่เอ๋ย | ทรามเชยเงยหน้าอย่าร้องไห้ |
อกของผัวรักจักหักไป | ลุกขึ้นดูใจปราศรัยกัน |
พี่พูดด้วยเป็นไรไม่เจรจา | แน่แล้วแก้วตาพี่อาสัญ |
เจ้าอ้อนวอนพี่ให้ฆ่าฟัน | จะทำกันฉันใดไฉนนา |
ถึงจะพลัดพรากลำบากกาย | มิตายได้เห็นกันวันหน้า |
ไม่เงยพักตร์ขึ้นบ้างสั่งพี่ยา | แก้วตามาตีตัวตาย |
ตัดช่องน้อยไปแต่ตัว | ทิ้งผัวเสียได้น่าใจหาย |
ร่ำพลางกอดพลางฟูมฟาย | ระทวยกายกอดซบสลบพลัน |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | จันทาแสนกลคนขยัน |
เห็นสองสลบทบทับกัน | ผันผินรินน้ำกุหลาบมา |
ชโลมองค์ทรงทาทั้งสองศรี | ค่อยได้สมประดีที่โหยหา |
แล้วโลมเล้ากล่าวคำด้วยหยาบช้า | เคราะห์กรรมทำมาจะโทษใคร |
โหรเล่าใช่เขาจะชั่วช้า | เคยนับถือมาแต่ไหนไหน |
จำไปให้สิ้นเคราะห์ภัย | เกลือกไปเคราะห์นั้นจะบรรเทา |
ไม่ม้วยดับชีพสูญหาย | มิใช่ล้มตายอะไรเล่า |
แต่พอเคราะห์นั้นค่อยบรรเทา | แล้วเราจึงรับกันกลับมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระฤาสายค่อยคลายที่โหยหา |
ได้ฟังถ้อยคำนางจันทา | ตรึกตราสะท้อนถอนใจ |
เห็นจริงไม่กริ่งถ้อยคำ | ด้วยเวรากรรมมาทำให้ |
จึงมีวาจาว่าไป | เจ้าเอาใจด้วยช่วยจัดแจง |
ให้องค์นงเยาว์เจ้าไปกิน | ทรัพย์สินเงินทองของแห้ง |
สั่งเสนาในให้จัดแจง | เรือแผงม่านวงให้จงดี |
ส่งไปให้พ้นขอบเขต | จะเนรเทศยอดรักมเหสี |
ตรัสพลางดูนางแล้วโศกี | ภูมีเมินอายนางจันทา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางจันทาตัวคิดริษยา |
ดีใจรับสั่งบังคมลา | ทำเช็ดน้ำตาแล้วคลาไคล |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ มิได้จัดแจงแต่งของ | เงินทองข้าวปลาไม่หาให้ |
กระซิบสั่งสาวศรีที่ร่วมใจ | เอาเงินไปให้แก่เสนา |
ว่าเอ็นดูด้วยช่วยเรา | พาเอานางไปอย่าไว้หน้า |
ไกลคนพ้นแดนพารา | เสนาฆ่าเสียให้วอดวาย |
สุดแต่อย่าให้มันครองวัง | ปิดความกำบังให้สูญหาย |
จะทดแทนคุณให้มากมาย | เจ้าอย่าแพร่งพรายให้ใครฟัง |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เสร็จสรรพกลับเข้าปราสาทศรี | ทูลความตามที่รับสั่ง |
เงินทองของกินสิ้นยัง | เตรียมแล้วพร้อมพรั่งทั้งนาวา |
บัดนี้ไพร่ฟ้าข้าเมือง | ลือเลื่องฮึกฮักหนักหนา |
มันจะกลุ้มรุมกันทั้งพารา | โกรธว่าจะพาให้ยากเย็น |
ว่าช้าไปมิใคร่จะจากวัง | มันจะพังบ้านเมืองเคืองเข็ญ |
น้ำตาข้าน้อยพลอยกระเด็น | กรรมเวรเป็นไปทุกสิ่งอัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังข่าว | พระร้อนเร่าฤทัยไหวหวั่น |
หลงกลด้วยกรรมมาตามทัน | สำคัญว่าจริงทุกสิ่งไป |
พินิจพิศพักตร์อัครเรศ | คลอเนตรสะท้อนถอนใจใหญ่ |
จะออกปากก็คับอับใจ | ด้วยความรักใคร่ชายา |
ครั้นจะมิให้เจ้าไปเล่า | ร้อนเร่าด้วยคำจันทาว่า |
บ่ายเบือนเยื้อนออกวาจา | เจ้าแก้วตาของพี่ผู้มีกรรม |
เจ้าเคยพรากสัตว์ให้พลัดคู่ | เวรมาชูชุบอุปถัมภ์ |
แม้นมีกรรมไม่ไปใช้กรรม | ไพร่ฟ้ามันจะทำย่ำยี |
มิใช่พี่ไม่รักน้อง | ร่วมห้องอกสั่นกันแสงศรี |
ไม่ยับดับสูญบุญมี | เคราะห์ดีสิ้นกรรมจะเห็นกัน |
ตรัสพลางดูนางมิใคร่ได้ | ชลนัยน์ไหลรินแล้วผินผัน |
เดินเข้าห้องแก้วแพรวพรรณ | รูดพันม่านทองเข้าโศกา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เสมอ โอด
๏ เมื่อนั้น | มเหสีตีทรวงไห้โหยหา |
พ่างเพียงจะสิ้นชีวา | โศกาไม่เป็นสมประดี |
ครั้นจะอ้อนวอนผ่อนผัน | ทรงธรรม์ก็เมินดำเนินหนี |
ทุกข์แค้นแสนโศกโศกี | พระพันปีหนีเมียเสียว่าไร |
มีกรรมจำจากพระบาทแล้ว | น้องแก้วหาขัดขืนไม่ |
จะขอผัดผ่อนต่อนอนไฟ | มิให้ช้านักสักเจ็ดวัน |
แต่พอให้แห้งเหือดเลือดลม | จะซุกซมซ่อนไปในไพรสัณฑ์ |
พ่อไม่ขึ้งโกรธโทษทัณฑ์ | เหตุไรไม่ทันบัญชา |
ว่าพลางนางข้อนทรวงไห้ | เพียงขาดใจม้วยด้วยโหยหา |
เหล่ากำนัลไม่กลั้นน้ำตา | ชวนกันโศการิมแท่นทอง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | จันทาตัวดีไม่มีสอง |
สมจิตคิดไว้ดังใจปอง | ได้ช่องให้หน้าแล้วว่าไป |
กับนางสาวศรีที่ร่วมคิด | ว่ารับสั่งทรงฤทธิ์เป็นใหญ่ |
ให้พาโฉมยงเจ้าลงไป | มอบองค์ส่งให้แก่เสนี |
ช้าไปไพร่ฟ้าจะขึ้งโกรธ | จะคุมโทษโลภแย่งเอากรุงศรี |
ตามบุญตามกรรมของเทวี | ช้าไปบูรีจะมีภัย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวใช้ผู้ร่วมอัชฌาสัย |
รู้กันในกลยลใน | ลอบเข้าไปใกล้นางชายา |
ทูลว่าภูมินทร์ปิ่นเกล้า | อาวรณ์ร้อนเร่านักหนา |
ด้วยกลัวไพรีจะบีฑา | เตือนมาให้พาแม่คลาไคล |
จะมีโทษาแต่ข้าน้อย | ดับความโศกสร้อยละห้อยไห้ |
มีกรรมจำเป็นเข็ญใจ | อย่าให้ข้าไทต้องภัยโพย |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฟังคำ | นางโศกซ้ำรัญจวนหวนโหย |
อนิจจังทั้งสิ้นมาดิ้นโดย | โพยภัยมิให้แก่ใครมี |
คิดว่าพอผัดผ่อนได้ | เมื่อไม่โปรดเกล้าเกศี |
ตามแต่เวราของข้านี้ | สาวศรีอย่าได้ทุกข์ทน |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ ว่าพลางยกเอาลูกน้อย | น้ำเนตรหยดย้อยดังฝอยฝน |
ร้องทูลพระองค์ทรงสกล | น้องคนมีกรรมจะขอลา |
ดูรูปจำร่างเสียยังแล้ว | พระแก้วจะไม่ได้เห็นหน้า |
จะไม่คืนคงอย่าสงกา | มิได้รองฝ่าพระบาทไป |
สิ่งใดเมียได้พลาดพลั้ง | แต่หลังให้ขัดอัชฌาสัย |
เมียขอสมาอาภัย | อย่าได้เป็นเวราเลย |
ให้พ่ออยู่ยืนได้หมื่นปี | โรคาอย่ามีพ่อคุณเอ๋ย |
ไม่เยี่ยมม่านทองดูน้องเลย | ทำเฉยเสียได้ไม่นำพา |
นิ่งได้ให้เขามาสั่งเสีย | ตัดเมียเสียได้ไม่ดูหน้า |
ว่าแล้วนางแก้วบังคมลา | สาวใช้ซ้ายขวาก็ตามไป |
ค่อยอยู่เถิดเจ้านางสาวศรี | บุญน้อยแล้วมิอยู่ด้วยได้ |
ข้าได้เรียกขานวานใช้ | อภัยอย่าได้เป็นกรรมกัน |
ว่าพลางนางอุ้มลูกยา | จันทาพยักหน้านางสาวสรรค์ |
เดินทรงโศกามาพลัน | กำนัลจันทาก็พาไป |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลง เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนีที่ร่วมอัชฌาสัย |
รับเอาโฉมงามทรามวัย | สาวใช้ขึ้นไปยังในวัง |
กินเหล้าเมาโป้งโฉงเฉง | ไม่เกรงไม่ขวยด้วยโอหัง |
เชิญแม่มาไปให้พ้นวัง | รับสั่งจะช้าอยู่ว่าไร |
ทำให้คนยากลำบากด้วย | คราวรวยหาทักรู้จักไม่ |
ที่มีปัญญาก็ว่าไป | นี่พูดอะไรไม่ต้องการ |
ว่าพลางเชิญนางลงนาวา | มิช้าบ่ายบากจากสถาน |
ทางสิบห้าวันกันดาร | พ้นบ้านไกลที่ไม่มีคน |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงส่งนางเทวี | ดูน่าปรานีระเหระหน |
เสนีที่ได้กินสินบน | ขัดสนด้วยคนเขามากมาย |
จะฆ่าเทวีก็มิได้ | มารยาว่าไปดังใจหมาย |
ไหนไหนไม่พ้นเป็นคนตาย | จะลองดาบกรายเล่มนี้ดู |
เพื่อนกันช่วยฉุดยุดไว้ | ผิดไปไม่ได้อย่าจู่ลู่ |
ตามกรรมตามเวรนางโฉมตรู | จู่ลู่จะพากันวุ่นวาย |
ไม่คิดถึงตัวกลัวกรรม | เวรามาทำเอาง่ายง่าย |
ถึงชั่วดีเล่าเป็นเจ้านาย | จะทำผิดคิดร้ายก็ไม่ดี |
กลับไปบ้านเราจะดีกว่า | ว่าพลางทางลานางโฉมศรี |
ที่ใจเมตตาปรานี | บ้างข้าวของมีก็ให้ทาน |
แล้วออกนาวาคลาไคล | ดูไปใจหายน่าสงสาร |
ฝ่ายว่าเสนีที่เป็นพาล | งุ่นง่านไม่ไหว้ไม่ลาใคร |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | มเหสีโศกาอยู่ป่าใหญ่ |
ขึ้นมาจากท่าชลาลัย | ไม่รู้ที่จะไปแห่งใดเลย |
ฯ ๒ คำ ฯ โอ้ ชาตุม
๏ เดินพลางทางอุ้มลูกพลาง | เห็นทุกข์แม่บ้างพ่อสังข์เอ๋ย |
บุกป่าฝ่าไพรแม่ไม่เคย | เพราะกรรมทรามเชยเจ้าเกิดมา |
เป็นคนหรือจะได้มาเป็นเพื่อน | มีเหมือนไม่มีโอรสา |
ทั้งนี้เพราะอีจันทา | กับอ้ายโหรามันรู้กัน |
ทั้งอีสาวศรีมันร่วมใจ | มันเร่งรัดให้แม่ผายผัน |
ทั้งอ้ายเสนาจะฆ่าฟัน | อัศจรรย์ใจแม่นี้แน่แล้ว |
พระร่วมห้องของน้องยังอาลัย | เหตุไรไม่เกรงทูลกระหม่อมแก้ว |
พ่อหลงกลมนตร์มันแน่แล้ว | เดินพลางนางแก้วก็โศกี |
เสียงเสือแรดช้างกวางทราย | ใจหายอกสั่นขวัญหนี |
เล็ดลอดกอดลูกเข้าโศกี | เทวีอุ้มสังข์ดำเนินไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลง
๏ เดินมา | สุริยาร้อนแรงแสงใส |
แลเห็นบ้านป่าพนาลัย | โฉมยงดีใจเข้าไปพลัน |
พบสองเฒ่าปลูกถั่วงา | นางนั่งวันทาขมีขมัน |
ฝ่ายว่าสองราดูหน้ากัน | ยายถามตานั้นทันใด |
ตานี่ดีร้ายจะไม่ตรง | มั่นคงกูคิดหาผิดไม่ |
นัดแนะกันมาหรือว่าไร | ตาเอาใจออกนอกกัน |
น้อยหรือนั่นรูปร่างอย่างกินนร | ยายค้อนตาผัวจนตัวสั่น |
ฝ่ายตาโกรธยายเอาไม้รัน | มึงเห็นสำคัญด้วยอันใด |
คราวลูกคราวหลานก็ไม่ว่า | มันบ้าอย่าถือแม่ข้าไหว้ |
มาแต่ตำบลหนใด | บอกให้แจ้งใจยายตา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ นางเล่าแต่ต้นจนปลาย | ตายายพาไปยังเคหา |
จัดเหย้าเรือนให้มิได้ช้า | ด้วยความเมตตาปรานี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | โฉมจันท์กัลยามารศรี |
อยู่ด้วยยายตาได้ห้าปี | ยากแค้นแสนทวีทุกเวลา |
ครั้นค่ำตักน้ำตำข้าว | ครั้นรุ่งเช้าเจ้าเข้าป่า |
เก็บผักเที่ยวหักฟืนมา | กัลยาค้าขายได้เลี้ยงตัว |
อุ้มเอาลูกน้อยหอยสังข์ | สุดกำลังแม่แล้วพ่อทูนหัว |
เลี้ยงไว้ว่าจะได้เป็นเพื่อนตัว | ทูนหัวไม่ช่วยแม่ด้วยเลย |
เนื้อเย็นเป็นคนนะลูกแก้ว | ห้าหกขวบแล้วนะลูกเอ๋ย |
กำดัดจะภิรมย์ชมเชย | ลูกเอ๋ยจะเบาทุเลาแรง |
นางมิได้เอนองค์ลงนิทรา | สุริยารุ่งรางสว่างแสง |
วางลูกลงไว้ไปจัดแจง | ลากแผงออกวางที่กลางดิน |
เอาข้าวออกตากแล้วฝากยาย | จับหาบผันผายเข้าไพรสิณฑ์ |
เที่ยวเก็บผักหญ้าเป็นอาจิณ | โฉมฉินซอนซนด้นมา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไป | เทพไทสิงสู่อยู่พฤกษา |
สงสารนางจันท์กัลยา | เจ้ามาเหนี่อยยากลำบากกาย |
เทพบุตรจุติมาบังเกิด | กำเนิดผิดพ้นคนทั้งหลาย |
บุญญาธิการนั้นมากมาย | จะล้ำเลิศเพริศพรายเมื่อปลายมือ |
ถึงจะตกน้ำก็ไม่ไหล | ตกในกองกูณฑ์ไม่สูญชื่อ |
จะได้ผ่านบ้านเมืองเลื่องลือ | อึงอื้อดินฟ้าบาดาล |
คู่สร้างกับนางรจนา | มารดาจะสุขเกษมศานต์ |
นิ่งไว้จะยากลำบากนาน | กุมารซ่อนตนจะดลใจ |
จึงบันดาลให้เป็นไก่ป่า | กินข้าวมารดาหาช้าไม่ |
ขันก้องร้องตีกันมี่ไป | คุ้ยเขี่ยข้าวให้กระจายดิน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ซ่อนอยู่ก็รู้สิ้น |
พระแม่ไปป่าเป็นอาจิณ | ในจิตคิดถวิลทุกเวลา |
จะใคร่ออกช่วยพระแม่เจ้า | สงสารผ่านเกล้าเป็นหนักหนา |
เหนื่อยยากลำบากกายา | กลับมาจนค่ำแล้วร่ำไร |
ไม่ว่าลูกน้อยเป็นหอยปู | อุ้มชูชมชิดพิสมัย |
พระคุณล้ำลบภพไตร | จะออกให้เห็นตัวก็กลัวการ |
ไก่ป่าพาฝูงมากินข้าว | ของพระแม่เจ้าอยู่ฉาวฉาน |
คุ้ยเขี่ยเรี่ยรายทั้นดินดาน | พระมารดามาเห็นจะร่ำไร |
เยี่ยมลอดสอดดูทั้งซ้ายขวา | จะเห็นใครไปมาก็หาไม่ |
ออกจากสังข์พลันทันใด | ฉวยจับไม้ได้ไล่ตี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
๏ กอบเก็บข้าวหกที่ตกดิน | ผันผินลอยลับขยับหนี |
เหลียวดูผู้คนชนนี | จะหนีเข้าสังข์กำบังตน |
หุงข้าวหาปลาไว้ท่าแม่ | ดูแลจัดแจงทุกแห่งหน |
ช่วยขับไก่ป่าประสาจน | สาละวนเล่นพลางไม่ห่างดู |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เจรจา
๏ เมื่อนั้น | พระมารดานึกในพระทัยอยู่ |
คิดถึงลูกน้อยหอยปู | เดินไปสักครู่แล้วจู่มา |
เก็บได้ฟืนผักเผือกมัน | สารพันกินได้ที่ในป่า |
ใส่หาบหาบเดินดำเนินมา | ไม่ช้าครู่หนึ่งก็ถึงเรือน |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ จึงเห็นลูกแก้วแววไว | ลูกใครคนนี้ไม่มีเหมือน |
มานั่งเล่นอยู่ประตูเรือน | พักตร์ดังดวงเดือนเลื่อนลอย |
พระสังข์แลเห็นชนนี | แล่นหนีตกใจเข้าในหอย |
ประหวั่นพรั่นใจมิใช่น้อย | เศร้าสร้อยคอยฟังพระมารดา |
มารดรวางหาบตามติด | เห็นผิดเปิดห้องมองหา |
รีบร้นค้นดูกุมารา | กัลยาไม่เห็นประหลาดใจ |
หรือว่าผีเรือนเป็นเพื่อนร้อน | แกล้งหลอกหลอนเล่นเป็นไฉน |
จึงสาบสูญกายหายไป | คิดวนเวียนในพระทัยนาง |
ข้าวปลาสุกสรรพเก็บปิด | เห็นผิดเร่งคิดอางขนาง |
โฉมตรูมาดูข้าวพลาง | แล้วนางมาถามตายาย |
ไม่กินข้าวปลาอาหาร | เยาวมาลย์รำพึงคะนึงหมาย |
จะคอยดูให้รู้แยบคาย | อุ้มเอาลูกชายไม่สงกา |
พินิจพิศดูแล้วทูนเกศ | น้ำเนตรหลั่งไหลทั้งซ้ายขวา |
จวนรุ่งพุ่งแสงพระสุริยา | ทำเป็นไปหาสาแหรกคาน |
ลงจากกระท่อมแล้วด้อมมอง | ค่อยย่องแอบไม้ไม่ไกลบ้าน |
แอบช่องมองดูอยู่ช้านาน | นงคราญกลั้นไว้ไม่พูดจา |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระกุมารเยี่ยมหอยแลหา |
ไม่แจ้งว่าองค์พระมารดา | แฝงฝาคอยอยู่ไม่รู้กาย |
สงัดเงียบผู้คนไม่พูดจา | เล็ดลอดออกมาแล้วผันผาย |
นั่งที่นอกชานสำราญกาย | เก็บกรวดทรายเล่นไม่รู้ตัว |
มารดาซ่อนเร้นเห็นพร้อมมูล | อุแม่เอ๋ยพ่อคุณทูนหัว |
ซ่อนอยู่ในสังข์กำบังตัว | พ่อทูนหัวของแม่ประหลาดคน |
ย่างเข้าในห้องทับจับได้ไม้ | ก็ต่อยสังข์ให้แหลกแตกป่น |
พระสังข์ตกใจดังไฟลน | จะหนีเข้าหอยตนก็จนใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอ้
๏ ส้วมสอดกอดบาทพระมารดา | ซบเกศาพลางทางร้องไห้ |
แม่ต่อยสังข์แตกแหลกไป | ร่ำไรเสียดายไม่วายคิด |
เหมือนแม่ฆ่าลูกให้ม้วยมรณ์ | มารดรไม่รักแต่สักนิด |
พระแม่ต่อยสังข์ดังชีวิต | จะชมชิดลูกนี้สักกี่วัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังลูกว่า | พระมารดาเสียวใจไหวหวั่น |
กอดจูบลูบเนตรเกศกรรณ | ร่วมวันขวัญตาพ่อว่าไย |
สิ้นเคราะห์สิ้นกรรมทำมา | ลูกยาอย่าว่าแม่เสียวไส้ |
ตกทุกข์ได้ยากลำบากใจ | เพราะอ้ายหอยสังข์มันจังฑาล |
มันมาหุ้มห่อเอาพ่อไว้ | ทำให้โหรามันว่าขาน |
บิตุรงค์หลงกลอีคนพาล | ไม่ช้าไม่นานจะคืนวัง |
ยากเย็นเห็นหน้ากันแม่ลูก | อย่าพันผูกโศกสร้อยถึงหอยสังข์ |
รักใคร่มันไยไม่จีรัง | หอยสังข์เช่นนี้มีถมไป |
ว่าพลางนางเรียกยายตา | เล่ากิจจาแจ้งแถลงไข |
ตั้งแต่เบื้องต้นจนปลายไป | ทั้งสองสงสัยไม่เชื่อนาง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตายายให้คิดอางขนาง |
พากันเข้าไปในทับนาง | แลเห็นรูปร่างกุมารา |
ตะลึงขึงแข็งไปทั้งตัว | ทูนหัวน่ารักเป็นนักหนา |
พ่อคุณเป็นบุญของยายตา | เกิดมายังไม่ได้ยินเลย |
พึ่งพบพึ่งเห็นเป็นเที่ยงแท้ | ลูกของเจ้าแน่หรือแม่เอ๋ย |
บุญหนักศักดิ์ใหญ่กะไรเลย | พ่อเอ๋ยรูปร่างช่างสร้างมา |
ชั่วปู่ชั่วย่าชั่วตายาย | ล้มตายไม่เห็นเป็นหนักหนา |
กอดจูบลูบไล้ทั้งยายตา | สองราเกษมเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ