- คำนำ
- เรื่องสังข์ทองในปัญญาสชาดก
- ตอนที่ ๑ กำเนิดพระสังข์
- ตอนที่ ๒ ถ่วงพระสังข์
- ตอนที่ ๓ นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์
- ตอนที่ ๔ พระสังข์หนีนางพันธุรัต
- ตอนที่ ๕ ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
- ตอนที่ ๖ พระสังข์ได้นางรจนา
- ตอนที่ ๗ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ
- ตอนที่ ๘ พระสังข์ตีคลี
- ตอนที่ ๙ ท้าวยศวิมลตามพระสังข์
ตอนที่ ๒ ถ่วงพระสังข์
พญาโศก
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลหมองศรี |
ไสยาสน์เหนืออาสน์รูจี | คิดถึงมเหสีที่จากไป |
ยกหัตถ์พาดพักตร์พูนเทวษ | น้ำเนตรอาบหมอนถอนใจใหญ่ |
โอ้เจ้างามทรามกอดยอดจิตใจ | เจ้าจะเป็นฉันใดไม่รู้เลย |
จะตกระกำลำบากยากเย็น | หรือวอดวายตายเป็นนะน้องเอ๋ย |
หลายปีมิได้ข่าวเจ้าเลย | น้องเอ๋ยจะด้นไปหนใด |
ลูกเสียเมียซ้ำไปจากร่าง | โอ้กรรมตามล้างแต่ปางไหน |
ครวญคร่ำกำสรดสลดใจ | มิได้สระสรงคงคา |
โอ้จันท์เทวีเจ้าพี่เอ๋ย | ทรามเชยเคยเคียงเรียงหน้า |
เช้าเย็นเคยเห็นกันมา | เคยร่วมนิทราทุกราตรี |
เห็นแต่ที่นอนหมอนเปล่า | ขวัญข้าวของผัวเอาตัวหนี |
เคยล้อมพร้อมหน้าทุกนารี | แก้วพี่หนีกายไปหายองค์ |
กอดเอาหมอนนางพลางพิลาป | ชลนัยน์ไหลอาบดังโสรจสรง |
เจ้าจะเป็นฉันใดที่ในดง | กอดหมอนแนบองค์เข้าร่ำไร |
ฯ ๑๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้น | จันทาตัวเข็ญจะเป็นใหญ่ |
ยังไม่เหมือนจิตที่คิดไว้ | มุ่งมาดหมายใจอยู่ไปมา |
จึงเรียกสาวใช้เข้าในห้อง | ปรองดองตรองตรึกปรึกษา |
จะคิดฉันใดไฉนนา | ให้ข้าสมจิตที่คิดปอง |
ลอยเมฆเป็นเอกมเหสี | อย่าให้ใครมีเสมอสอง |
พระฤาสายไม่วายตรึกตรอง | เศร้าหมองคะนึงคิดถึงเมีย |
นางจันท์เทวียังมิตาย | ดีร้ายเสนาไม่ฆ่าเสีย |
แม้นว่าพระจะกลับไปรับเมีย | จะเสียการเราเจ้าคิดดู |
หรือว่าหอยกลายไปเป็นคน | เหตุผลอย่างนี้ก็มีอยู่ |
อย่าได้ไว้ใจแก้ไขดู | ให้สิ้นรู้เราอย่าเบาความ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวใช้ใจเพชรไม่เข็ดขาม |
จึงทูลแถลงให้แจ้งความ | จะครั่นคร้ามขามใจไปไยมี |
แม่เรียกธิดามาสอนสั่ง | ความหลังทั้งมวลให้ถ้วนถี่ |
เฝ้าองค์ทรงศักดิ์พระจักรี | ทูลพ่อขอที่มารดร |
ด้วยพระสัญญาว่าไว้ | แก้ไขโดยดีกระนี้ก่อน |
ซึ่งพระโศกาอาวรณ์ | แม่ผันผ่อนแนมเหน็บให้เจ็บใจ |
แม้นมิสมคะเนเล่ห์กล | เอาด้วยเวทมนตร์ให้หลงใหล |
คนดีมีถมอย่าตรมใจ | ข้าได้ข่าวอยู่สุเมธา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ ได้เอยได้ฟัง | สมดังใจจิตอิจฉา |
ร้องเรียกบุตรีจันทีมา | เสี้ยมสอนให้ว่าสารพัน |
แล้วให้สระสรงทรงเครื่อง | รุ่งเรืองเพราเพริศเฉิดฉัน |
พี่เลี้ยงนางนมระดมกัน | ผัดพักตร์ดังจันทร์เมื่อวันเพ็ง |
แต่งลูกแล้วแต่งตัวนาง | ชำระสระสางให้ปลั่งเปล่ง |
แสนสาวชาวแม่แซ่เซ็ง | รีบเร่งอุ้มพาธิดาตาม |
มาถึงซึ่งที่พระบรรทม | ชื่นชมในจิตไม่คิดขาม |
แหวกม่านเห็นองค์พระทรงนาม | ก้มเกล้ากราบงามสามลา |
ทั้งพระบุตรีพี่เลี้ยง | นบนอบหมอบเคียงเรียงหน้า |
แล้วจึงสะกิดพระธิดา | พยักหน้าเข้าไปให้ใกล้องค์ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระทรงธรรม์รัญจวนครวญหลง |
เห็นลูกโฉมฉายก็อายองค์ | ผันพักตร์สบตรงนางจันทา |
ขวยเขินเมินเช็ดชลนัยน์ | เคืองใจมิใคร่จะดูหน้า |
บ่ายเบือนเยื้อนทักพระธิดา | รับมาวางตักพระพักตร์เชย |
จูบพลางทางคิดถึงหอยสังข์ | กรรมตามแต่หลังนะลูกเอ๋ย |
เป็นคนจะได้ไว้ชมเชย | ลูกเอ๋ยพี่น้องจะครองกัน |
มิให้พ่อแม่ได้ลำบาก | พลัดพรากวิโยคโศกศัลย์ |
จึงถามธิดาวิลาวัณย์ | แม่ขวัญเมืองมาจะว่าไร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทีศรีใส |
จำคำมารดรที่สอนไว้ | ถือใจไม่รู้ว่าขุ่นเคือง |
ทูลว่าประสาทารก | หยิบยกข้อความตามเรื่อง |
บิดาว่าไว้จะให้เมือง | ราวเรื่องระบือลือชา |
ลูกเกิดเพริศพลัดเป็นสตรี | ไม่ควรที่สมบัติวัตถา |
จะขอที่ประทานให้มารดา | ให้เลื่องชื่อลือชาสถาวร |
แทนที่แม่หนีไปจากวัง | แต่งตั้งแทนตนแม่คนก่อน |
ยกหน้าข้าบาทประสาทพร | แม่ก่อนบิดาอย่าอาลัย |
เมื่อโหรเขาว่าเป็นกาลี | ชั่วดีอื่นพอจะเลี้ยงได้ |
เลือดก้อนออกแล้วก็แล้วไป | ร้องไห้ใครรู้จะดูแคลน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฟังลูก | เจ็บปวดดังถูกหลาวแหลน |
ใครสอนให้ว่าเจรจาแทน | มั่นแม่นตัวกูพอรู้ทัน |
ยิ่งกว่าลูกเล็กเด็กน้อย | ตะบอยสาระวอนทุกสิ่งสรรพ์ |
เหน็บแนมแกมกลปนกัน | เด็กนั้นว่าได้เมื่อไรมี |
ความหลังแต่ยังไม่เกิดมา | มันว่าทั้งมวลเป็นถ้วนถี่ |
สอนบ้างหรือไม่เล่าอีเหล่านี้ | กาลีกาลำมารำพัน |
หรือหนึ่งแม่แสนงอนเจ้าสอนลูก | เรียนผูกเรียนแก้ช่างแปรผัน |
เป็นกรรมจึงจำจากกัน | ทุกวันเหมือนเงาอยู่วาวแวว |
เว้นแต่จะจับไม่ถูกต้อง | คนมันคอยปองพระน้องแก้ว |
ได้ทีที่ทางว่างอยู่แล้ว | สอนลูกแก้วมาให้พาที |
น้อยหรือน้ำใจใหญ่หลวง | โจมจ้วงเอาดวงพระสุริย์ศรี |
กูไม่ให้ปันอีจันที | เจ้าของเขามียังมิตาย |
สิ้นเคราะห์จะรับเจ้ากลับมา | แม่นางจันทาเจ้าอย่าหมาย |
จงพากันไปให้สบาย | ลูกเต้าบ่าวนายบรรดามา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันทาเสียวไส้อยู่ในหน้า |
เสียใจทูลไปด้วยปัญญา | อนิจจาเคราะห์ร้ายให้อายคน |
นั่งอยู่ดีดีก็มีโทษ | ได้โปรดซักไซ้ให้เห็นหน |
วอนมาเฝ้าองค์ทรงสกล | ให้คนพลอยผิดนางคิดดี |
ลูกเต้าน่าแค้นมันแสนงอน | ใครสอนอย่าบอกออกมานี่ |
บนบานเจ้าไว้เมื่อไรมี | หยิกตีเท่าไรก็ไม่จำ |
เก็บเอาเขาพูดที่ไหนไหน | ทูลให้ติดต่อเป็นข้อขำ |
นี่ใครสั่งสอนฉะอ้อนคำ | เที่ยวจำเค้ามูลมาทูลเอง |
ไม่จ้วงไม่เจิ้นให้เกินหน้า | มันว่าออเซาะไม่เหมาะเหมง |
เมื่อพระสัญญาว่าไว้เอง | จึงครื้นเครงไปเขาได้ยิน |
ใครมองปองล้างมเหสี | เฆี่ยนตีซักไซ้เอาให้สิ้น |
แล่เนื้อเกลือทาให้กากิน | มันเป็นเสี้ยนแผ่นดินจะไว้ไย |
ใครได้ชิงชังนางยอดสร้อย | เมื่อไปก็พลอยน้ำตาไหล |
อาภัพกลับกลายหายไป | จัดแจงแต่งให้ทุกสิ่งอัน |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ ฟังคำ | ชอกช้ำหมกมุ่นหุนหัน |
เห็นจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน | แดกดันเล่นได้เป็นไรมี |
กระนั้นนานไปจะใช้ทุน | เจ้าทำบุญคุณมเหสี |
รักใคร่ตกใจไปไยมี | ตัวดีอยู่แล้วก็แล้วไป |
อีจันทีไม่มีใครสอนสั่ง | มันชั่งต่อติดประดิษฐ์ได้ |
จริงอยู่สัญญาว่าไว้ | ลูกใครเป็นชายจะให้วัง |
นางแม่จะแร่เอายศถา | ใครได้สัญญามาแต่หลัง |
ไม่รับกลับเถียงเสียงดัง | แฝงหลังบังเงากูเข้าใจ |
ยังไม่ทันได้ยศศักดิ์ | ฮึกฮักลิ้นลมคารมใหญ่ |
ดูเหมือนเพื่อนกันหรือฉันใด | ไสหัวลงไปอีใจพาล |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฟังตรัส | สะบัดพักตร์ควักค้อนแล้วตอบสาร |
ผิดแผกเปล่าเปล่าไม่เข้าการ | แกล้งพาลพาโลโกรธา |
เพราะคิดถึงเมียจึงเสียใจ | มิรับมาไยใครเขาว่า |
แม้นเกิดกลีมีมา | ยากเย็นเป็นข้าคนอื่นไป |
ต้องขับต้องไล่ไสหัว | ไม่รู้ตัวว่าโกรธข้าโทษใหญ่ |
ยั่งยืนว่ากลืนแก้วไว้ | ขับไล่ยิ่งกว่าเป็นกาลี |
แค้นด้วยลูกเต้ามาเข้าท้อง | จองหองแอบพักตร์ศักดิ์ศรี |
ต่อเป็นผู้ชายจะได้ดี | เสียทีเลี้ยงเปล่าไม่เข้ายา |
จะใคร่หักคอใส่หม้อฝัง | แต่ยังแดงแดงไม่แข็งกล้า |
ยังชั่วตัวตีนมันมีมา | คิดว่าหอยสังข์สิจังไร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ได้ฟัง | มืดกลุ้มคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้ |
เหม่อีจันทาชะล่าใจ | จะเกรงกลัวใครก็ไม่มี |
จองหองพองขนเป็นพ้นนัก | เยื้องยักแยบคายใส่สี |
เพราะเกิดลูกเต้าด้วยเท่านี้ | พาทีเกินตัวไม่กลัวตาย |
เหมือนหนึ่งกิ้งก่าได้ทาทอง | ยกย่องหัวหูดูเฉิดฉาย |
มึงประจานใครให้ได้อาย | แยบคายทบเทียบเปรียบมา |
หัวจะปลิวไปไม่ทันรู้ | มึงดูถูกเล่นเป็นหนักหนา |
ฉวยพระแสงพลันมิทันช้า | จันทาลุกวิ่งเป็นสิงคลี |
พระฟาดฟันผิดติดทวาร | บ้างล้มลุกคลุกคลานทะยานหนี |
มึงอย่าเข้ามาพันอีจันที | พระบุตรีฉวยฉุดยุดกร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | จันทาหนีองค์พระทรงศร |
เข้าห้องโศกาอาวรณ์ | ทุกข์ร้อนอดสูแก่หมู่นาง |
จึงเรียกสาวศรีที่สนิท | เจ้าคิดไว้เหมาะช่วยเสาะสาง |
คนดีที่เจ้าว่าอย่าพราง | สู้เสียสินจ้างให้ล้างอาย |
ไปหาพามาเวลาเย็น | อย่าให้ใครเห็นเงื่อนสาย |
หยูกยาเสร็จสรรพสำหรับกาย | เบี่ยงบ่ายเล็ดลอดดอดมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สาวใช้ว่องไวใจกล้า |
กำชับรับคำแล้วอำลา | เที่ยวเสาะสืบมาก็พบพาน |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ถึงเรือนยายเฒ่าก็เข้าไป | พูดจาปราศรัยด้วยอ่อนหวาน |
เที่ยวเสาะสืบมาช้านาน | บุญหลานจึงพบประสบยาย |
เอาลาภมาให้ใหญ่หลวง | จะล่อลวงว่านั้นอย่าหมาย |
แล้วค่อยงุบงิบกระซิบยาย | แต่ต้นจนปลายทุกสิ่งอัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ฝ่ายว่ายายเฒ่าสุเมธา | ฟังสาวศรีว่าเกษมสันต์ |
เต็มใจเห็นจะได้รางวัล | จึงว่าไปพลันทันใด |
เจ้าหวังตั้งใจออกมาหา | จะหาญหักผลักหน้ากะไรได้ |
ตามรู้ตามเห็นจะเป็นไร | พอแก้ไขได้อย่าปรารมภ์ |
ว่าพลางทางผลัดผ้านุ่ง | หยิบถุงย่ามยากับผ้าห่ม |
ออกจากประตูแล้วดูลม | เห็นสมดังใจแล้วไคลคลา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงซึ่งราชวังใน | สาวใช้พายายเข้ามาหา |
โปร่งปลอดกำนัลกัลยา | ก้มเกล้าวันทาเทวี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทามเหสี |
ปราศรัยด้วยยายยินดี | มานั่งถึงนี่อย่าก้มคลาน |
ข้าเห็นหน้ายายค่อยหายไข้ | ยินดีมีใจเกษมศานต์ |
จงช่วยให้เสร็จสำเร็จการ | ยายเมตตาหลานจะแทนคุณ |
เงินทองจะกองให้ยายเฒ่า | ขวัญข้าวค่ายามิให้สูญ |
หยูกยาหามาพร้อมมูล | จะพูนราคาค่ายายาย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สุเมธาแย้มยิ้มกระหยิ่มหมาย |
เรียนตอบนอบนบอภิปราย | ตกพนักงานยายอย่าปรารมภ์ |
จะให้สมดั่งจิตคิดปอง | ให้พระทองมาอยู่สู่สม |
ด้วยฤทธิ์วิทยาอาคม | เอาให้หลงงมซมไป |
เห็นชั่วดีกันในวันนี้ | แม้นมิลงมาสัญญาได้ |
ขวัญข้าวค่ายาจะว่าไป | ทิ้งลูกเสียได้เมื่อไรมี |
เวลาก็ควรจวนเย็น | จะทำให้แม่เห็นเป็นถ้วนถี่ |
แก้ย่ามยาพลันทันที | หัวผีโหงพรายที่เอามา |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
เชิญ
๏ ว่าแล้วจุดเทียนเข้าติดพาน | โหงพรายลนลานหาญกล้า |
ปลุกเสกด้วยฤทธิ์วิทยา | มิช้าลุกขึ้นทั้งโหงพราย |
ยายเฒ่าจึงลนเอาน้ำมัน | ต่อหน้านางจันท์น่าขวัญหาย |
ขี้ผึ้งปิดปากผีพราย | ปั้นเป็นรูปกายพระภูมี |
กับนางจันทาให้กอดกัน | แล้วผูกพันไปด้วยด้ายผี |
เอาใส่ใต้ที่นอนนางเทวี | น้ำมันผีเสกใส่ในเครื่องทา |
ลงชื่อใส่ไส้เทียนตาม | สองยามให้หลงลงมาหา |
เสกหมากพลูไว้ให้มิได้ช้า | มิมาอย่านับข้าสืบไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ แล้วบอกมนตรามหาละลวย | เป่าให้งวยงงหลงใหล |
เพ็ดทูลเชื่อฟังดังใจ | ว่าไรเห็นจริงทุกสิ่งอัน |
เชิญแม่สระสรงทรงทา | ตัวข้าจะลาผายผัน |
เก็บหัวโหงพรายใส่ย่ามพลัน | ลานางจอมขวัญไปทันที |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทามารศรี |
สุริยนสนธยาราตรี | เข้าที่สระสางสำอางองค์ |
ตบแต่งทาแป้งน้ำมันยาย | เฉิดฉายผิวผ่องละอองผง |
หอมฟุ้งรุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง | ผุดผาดประหลาดองค์แต่ก่อนมา |
แล้วจุดเทียนชัยเข้าในที่ | ชุลีกรวอนไหว้ทั้งซ้ายขวา |
ทรามวัยมิได้นิทรา | วิญญาณ์ผูกพันมั่นใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ เมื่อนั้น | ภูวดลหม่นหมองไม่ผ่องใส |
คุณยาอาคมระดมใจ | ร้อนรนพระทัยดังไฟลาม |
อยู่ในไสยาสน์อาสน์อ่อน | ดังนอนที่ฟากขวากหนาม |
ลุกขึ้นนั่งฟังฆ้องได้สองยาม | ลมชวยรวยตามพระบัญชร |
หอมแป้งน้ำมันของจันทา | ยิ่งกว่ากลิ่นทิพเกสร |
อบอาบซาบใจขจายจร | อาวรณ์ใฝ่ฝันถึงจันทา |
ขับไล่ด่าทอไม่พอที่ | กูนี้ได้คิดผิดหนักหนา |
เสงี่ยมหงิมจิ้มลิ้มทั้งกายา | จะหาเปรียบแก้วตาไม่มีเลย |
อีจันท์เทวีนี้ชั่วชาติ | หลงคิดพิศวาสนะอกเอ๋ย |
จันทาหน้านวลเจ้าควรเชย | ควรร่วมเขนยเสวยวัง |
ทั้งจริตกิริยามารยาท | สมชาตินางในข้างฝ่ายหลัง |
งามปลอดยอดฟ้าสง่าวัง | ควรกูจะตั้งแต่งนาง |
พุ่มพวงดวงเนตรจะน้อยใจ | มิไปง้อน้องจะหมองหมาง |
เสน่หาประหวัดกำหนัดนาง | เงียบปรางค์ย่างย่องมองมา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงแลเห็นแสงไฟ | แอบแฝงองค์ไว้ไม่กังขา |
เกาะเกาะค่อยเคาะทวารา | แก้วตาเปิดรับพี่ฉับไว |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางจันทาอัชฌาสัย |
ฟังดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ | เชื่อในคุณฤทธิ์วิทยา |
ดับเทียนเสียพลันมิทันนาน | ชื่นบานสมมาดปรารถนา |
ทำแกล้งแต่งกลมารยา | ย่องมาค่อยชักสลักกลอน |
แล้วกลับเข้าไปในแท่นที่ | ข้างพระบุตรีศรีสมร |
ค่อยค่อยวางองค์ลงนอน | นิ่งซ่อนกายอยู่จะดูที |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ น้องเอยน้องแก้ว | หลับแล้วหรือโกรธโทษพี่ |
งามพริ้งนิ่งได้ไม่พาที | เมื่อกี้แจ่มแจ้งเห็นแสงไฟ |
ว่าพลางทางผลักทวารา | เปิดเปล่าเข้ามาหาช้าไม่ |
เยื้องย่องจรลีด้วยดีใจ | ห้องในมืดล้นพ้นประมาณ |
ถึงเตียงค่อยนั่งลงข้างองค์ | พบลูกโฉมยงยอดสงสาร |
แล้วคว้าคลำซ้ำปะเยาวมาลย์ | สั่นองค์นงคราญไม่ฟื้นกาย |
ค่อยค่อยกระซิบเจรจา | ลุกขึ้นเถิดพี่มาหาโฉมฉาย |
จงดับความโศกสร้อยค่อยคลาย | นางแกล้งแฝงกายไม่ฟื้นองค์ |
ค่อยยกลูกแยกเข้าแทรกกลาง | พระพลางป่วนจิตพิศวง |
ไล้ลูบจูบน้องประคององค์ | โฉมยงของพี่อย่าขี้เซา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระบุตรีภูมีโฉมเฉลา |
ผวาตื่นฟื้นองค์นงเยาว์ | คว้าเอาบิดาว่ามารดร |
คลำหาพระเต้าเจ้าจะกิน | ผิดกลิ่นตกใจร้องไห้อ้อน |
ใครนี่แม่ขาเข้ามานอน | แทรกซ้อนซ่อนแม่ข้าไว้ไย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายนางจันทาอายจิต | เปลื้องปลิดกรทิ้งไม่นิ่งได้ |
ค่อยลัดหลีกองค์พระทรงชัย | กอดลูกปลอบให้เสวยนม |
อดสูสาวสรรค์กัลยา | กล่าวแกล้งแสร้งว่าไม่เห็นสม |
ขวัญอ่อนนอนเถิดอย่าเตรียมตรม | เจ้าปรารมภ์ด้วยแม่เมื่อกลางวัน |
ท่านจะสังหารผลาญชีวิต | หวาดจิตละเมอเพ้อฝัน |
แมวคราวไต่ราวมาเป็นพัน | กลัวมันกินตับจงหลับไป |
หลอนพลางทางยกเอาลูกน้อย | ถดถอยออกมาหาช้าไม่ |
เรียกสั่งสาวศรีที่ร่วมใจ | เอาไปแกว่งไกวให้หลับนอน |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ภูวไนยมีใจสโมสร |
ด้วยคุณฤทธิ์วิทยาให้อาวรณ์ | ง้องอนเดินตามนางงามมา |
คว้าไปไม่พบประสบน้อง | ร่วมห้องเจ้าแกล้งแฝงฝา |
โลมลูบรับขวัญกัลยา | แก้วตาอย่าละห้อยน้อยใจ |
ผัวผิดจึงตามมาง้องอน | จะตัดรอนโกรธขึ้งไปถึงไหน |
รู้ตัวชั่วแล้วแก้วกลอยใจ | โมโหมืดไปไม่ทันคิด |
จึงบุกลงมาสารภาพ | ให้หายบาปหายกรรมที่ทำผิด |
มาไปบรรทมชมชิด | จะม้วนมิดซ่อนพี่อยู่นี่ไย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ผ่านเอยผ่านเกล้า | จะมาเฝ้าเย้ายวนหาควรไม่ |
ทรพลคนชั่วกลัวภัย | จึงไม่อาจใจอยู่ใกล้องค์ |
ศักดิ์ต่ำแล้วซ้ำเป็นคนโทษ | มิโปรดโกรธกริ้วจะผุยผง |
หนีทันชีวันจึงคืนคง | หาไม่กลิ้งลงกับกลางดิน |
ลูกน้อยจะพลอยเป็นกำพร้า | น้ำตาก็จะไหลเป็นสายสินธุ์ |
หากปลอดลอดอยู่จึงภูมินทร์ | ดัดแปลงแต่งลิ้นมาเจรจา |
ถึงว่าจะตายก็ไม่คิด | เจ็บช้ำน้ำจิตที่ร่ำด่า |
อายคนเป็นพ้นคณนา | เสด็จมาพระเดชพระคุณนัก |
จนใจจะให้ไปร่วมเรียง | นั่งเตียงเคียงชมไม่สมศักดิ์ |
จะอยู่ตามอำเภอเสมอพักตร์ | พระองค์ทรงศักดิ์จงโปรดปราน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอ้โลม
๏ ดวงเอยดวงสมร | สมนามงามงอนอ่อนหวาน |
ตัดพ้อล้อเล่นเป็นประมาณ | เผ็ดร้อนอ่อนหวานระคนกัน |
จนจิตด้วยผิดเป็นล้นเหลือ | จะนอนให้เจ้าเถือจนเนื้อสั่น |
งามชื่นจะขืนมารำพัน | คุมโทษทัณฑ์อยู่ไม่รู้แล้ว |
ว่าพลางตะโบมโลมลูบ | จับจูบพุ่มพวงดวงแก้ว |
พี่จะให้ประเสริฐเพริศแพร้ว | น้องแก้วแววตาอย่าเกียจกล |
กรกอดสอดอุ้มขึ้นแท่นที่ | ฤดีเตือนเต้นไม่เห็นหน |
สมสนิทจิตปองทั้งสองคน | ที่ทุกข์ทนโพยภัยก็หายกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ โลม
๏ เมื่อนั้น | จันทาดังได้ไอศวรรย์ |
คุณยาอาคมระดมกัน | รุ่งแจ้งแสงฉันทันใด |
สระสรงสำเร็จเสร็จแล้ว | นางแก้วหยิบหมากที่ยายให้ |
ถวายแก่พระองค์ทรงชัย | ภูวไนยเสวยชมเชยนาง |
พระองค์งงงวยด้วยมารยา | จันทาแนบชิดสนิทข้าง |
ร่ายมนตร์ยายเฒ่าเป่าพลาง | ได้ทางทูลแอบด้วยแยบคาย |
ทุกวันนางจันท์เทวี | บัดนี้ลือหลากมามากหลาย |
อยู่ป่าผาสุกสนุกสบาย | ฉวยได้ลูกชายที่ไหนมา |
พันผูกว่าลูกของภูธร | ราษฎรนับถือระบือว่า |
ให้อับอายขายบาทบาทา | หอยที่ชั่วช้าว่าเป็นคน |
แม้นมิสังหารผลาญเสีย | นานไปเมียเห็นไม่เป็นผล |
มันเสี้ยนพาราจลาจล | นานไปใหญ่ตนจะปล้นเมือง |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ฟังสาร | ภูบาลผ่านกรุงฟุ้งเฟื่อง |
เศร้าหมองต้องคุณจึงขุ่นเคือง | ฟังเรื่องเห็นจริงทุกสิ่งไป |
หอยหรือจะรื้อมาเป็นคน | เล่ห์กลมันแกล้งแต่งใส่ |
พี่รู้เพราะเจ้าจึงเข้าใจ | เสียแรงรักใคร่อาลัยมัน |
ชะรอยได้ลูกชู้สู่หา | ไม่กลัวชีวาจะอาสัญ |
เอาแต่ลูกยามาฆ่าฟัน | แต่แม่มันงดไว้ให้ได้ความ |
เจ้าจงเป็นเอกมเหสี | แต่นี้สืบไปพี่ไม่ห้าม |
ให้แก่โฉมยงนงราม | ว่ากล่าวเอาตามอำเภอใจ |
จูบพลางทางลุกไคลคลา | พักตรามัวคล้ำดำไหม้ |
ออกนั่งยังท้องพระโรงชัย | พรั่งพร้อมล้อมไปด้วยเสนี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงมีโอกาสประภาษสั่ง | แก่ตำรวจวังทั้งสี่ |
จงเร่งไปป่าพนาลี | ที่จันท์เทวีมันอยู่กิน |
จับเอาลูกยาไปฆ่าฟัน | ใครอย่าเกียดกันผันผิน |
ว่าเป็นลูกกูดูหมิ่น | ผิดเภทแผ่นดินแต่ก่อนมา |
หอยกลายเป็นคนฉงนใจ | ที่ไหนมีบ้างมันช่างว่า |
แม้นมิย่อยยับอย่ากลับมา | ตามแต่จะฆ่าให้วายปราณ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | เสนาได้ฟังรับสั่งสาร |
ลูบอกตกใจลนลาน | บังคมก้มกรานคลานออกมา |
ไม่เห็นว่าจะเป็นประการใด | ตกใจชวนชักพยักหน้า |
พาบ่าวเข้าในพนาวา | เสาะหามาบ้านนางเทวี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงซึ่งบ้านตายาย | วางรายคนไว้มิให้หนี |
ซ่อนเร้นแลเห็นนางเทวี | เสนีรู้จักไม่ทักทาย |
ซูบผอมผ้าผ่อนก็ปะปุ | ขาดทะลุปรุโปร่งน่าใจหาย |
ชะแง้แลเห็นพระลูกชาย | ก็มาดหมายสำคัญสัญญา |
เพ่งพิศพินิจดูรูปทรง | เหมือนองค์ทรงศักดิ์หนักหนา |
ลูกท่านมั่นคงไม่สงกา | เราจะออกปากว่าก็จนใจ |
หยอกเย้าเคล้าอยู่กับมารดร | วิงวอนเจรจาปราศรัย |
น่ารักปากคอเป็นพ้นไป | จะคิดอย่างไรไฉนดี |
สงสารมารดาจะเกลือกกลิ้ง | เรานิ่งให้ไปเสียไพรสี |
คิดพร้อมยอมกันทันที | เสนีลัดแลงแฝงกาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | มเหสีมีกรรมระส่ำระสาย |
หาสู่ลูกเต้าทุกเพรางาย | เมื่อวันอันตรายมาถึงตัว |
จูบสั่งลูกแก้วแววไว | อยู่ดูกาไก่พ่อทูนหัว |
เสือแผ้วแมวคราวจะเอาตัว | นอกรั้วกลัวมันอย่าออกไป |
ปั้นวัวควายเล่นแต่ในร่ม | ถูกต้องแดดลมจะล้มไข้ |
ลูกเอ๋ยมีกรรมก็จำไป | เงินเฟื้องเบี้ยไพก็ไม่มี |
ว่าพลางทางจับแสรกคาน | จากบ้านเข้าสู่ไพรสี |
พุพองสองเท้าไม่มีดี | มเหสีเกียกกายซังตายไป |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มีอัชฌาสัย |
เห็นนางกัลยาเจ้าคลาไคล | ทำเดินเข้าไปแต่ผู้เดียว |
ยืนมองร้องเรียกกุมารา | ออกมาหาน้าสักประเดี๋ยว |
เจ้านั่งเล่นอยู่แต่ผู้เดียว | ปั้นวัวควายเปลี่ยวไม่แงะงาม |
น้าเอามาฝากเป็นหนักหนา | ตุ๊กตาม้าไก่อยู่ในย่าม |
แต่ล้วนดีดีงามงาม | ในย่ามดีกว่าของเจ้าทำ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้ฟัง | พระสังข์หลงกลคนขำ |
ดีใจไว้เนื้อเชื่อคำ | ผลกรรมจะจากพระมารดร |
สำคัญว่าจริงไม่กริ่งใจ | หน่อไทไม่รู้ว่าหลอกหลอน |
เสนีพยักกวักกร | บังอรมิได้กลัวเกรง |
จริงจริงหรือขาน้าจะให้ | รูปร่างอย่างไรว่าเหมาะเหมง |
ลุกวิ่งทิ้งของของเอง | เหมาะเหมงอย่างไรจะใคร่แล |
อยู่ไหนจะให้ก็ใส่มือ | น้ารู้จักหรือกับพระแม่ |
ต่อเย็นจึงมาหาแก | นี่มาแต่ตำบลหนใด |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เสนาเห็นงงงวยก็ฉวยมือ | วิ่งฮือกันมาหาช้าไป |
พระสังข์ตระหนกตกใจ | ร้องไห้เรียกหาตายาย |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ ตาร้องด่าพลันมิทันรู้ | ใครทำหลานกูอ้ายฉิบหาย |
วิ่งพันกันมาทั้งตายาย | เห็นเขาวุ่นวายก็ตกใจ |
ระรัวตัวสั่นดังตีปลา | กลับวิ่งหนีมาหาช้าไม่ |
ปากตัวกูชั่วเป็นพ้นไป | ด่าให้หากเขามิได้ยิน |
เสนาท่านมาแต่ในเมือง | ราวเรื่องเขารู้อยู่สิ้น |
เรามาเลี้ยงดูให้อยู่กิน | สืบสาวเอาสิ้นจะถึงใคร |
เข้าในใต้ร้านฟักทอง | ตาลอดสอดมองแล้วร้องไห้ |
สงสารหลานน้อยกลอยใจ | ค่อยค่อยร่ำไรมิให้ดัง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์พระกุมารน้อยหอยสังข์ |
จะร้องไห้เท่าไรเขาไม่ฟัง | อีกทั้งตายายก็หายไป |
แม่เจ้าประคุณของลูกยา | เมื่อไรจะมาแต่ป่าใหญ่ |
พวกเผ่าเหล่าโลนโจรไพร | จับลูกทำไมไม่รู้เลย |
ข้ามีแต่ผักฟักแฟง | เอาไปแกงกินบ้างเถิดน้าเอ๋ย |
เงินทองของดีไม่มีเลย | ลุงตาน้าเอ๋ยได้เอ็นดู |
แม่ข้ายากจนเป็นพ้นนัก | มีแต่ฟืนผักอักโขอยู่ |
พลัดบ้านเมืองมาน้าก็รู้ | เอ็นดูบาปกรรมอย่าทำเรา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เสนีเดินหน้าน้ำตาไหล | สุดใจปากคอแล้วพ่อเจ้า |
น้าใช่พวกไพรใจเบา | ข้าเฝ้าเจ้านายท่านใช้มา |
ให้พาตัวเจ้าเข้าไป | พ่ออย่าร้องไห้ฟังน้าว่า |
ปลอบพลางทางอุ้มกุมารา | ขึ้นใส่บนบ่าแล้วพาไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงวัดท้ายเมือง | ลือเลื่องบกเรือเหนือใต้ |
หยุดพักสำนักที่ต้นไทร | เอาใจปลอบโยนกุมารา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายฝูงหญิงชายประชาชน | เกลื่อนกล่นพรั่งพรูมาดูหน้า |
งุบงิบซุบซิบกันเจรจา | ว่าเหมือนผ่านฟ้าเป็นพ้นไป |
กำเนิดเกิดเป็นเช่นนี้ | มิควรที่พระองค์จะสงสัย |
แต่เรารู้แจ้งไม่แคลงใจ | ดูไหนไม่ผิดพระบิดา |
สงสารเวทนาน่ารัก | ยังเด็กเล็กนักหนักหนา |
บ้างให้กล้วยอ้อยน้อยหน่า | ข้าวปลาขนมนมเนย |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ฝ่ายพระกุมารชาญชัย | รับของมาไว้ไม่เสวย |
น้ำตาหลั่งไหลไม่เสบย | น้าเอ๋ยข้าคิดถึงมารดร |
ขนมท่านให้ยังไม่กิน | กลับไปบ้านถิ่นของข้าก่อน |
จะได้แบ่งปันให้มารดร | อ้อนวอนเสนาให้พาไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เสเอยเสนา | ฟังถ้อยคำว่าน้ำตาไหล |
ปลอบว่าพ่ออย่าร่ำไร | เย็นหน่อยค่อยไปพนาวา |
หาองค์สมเด็จพระมารดร | หลับนอนเสียบ้างฟังข้าว่า |
หาไม่ก็ไม่ไคลคลา | ถ้าแม้นนิทราจะพาไป |
ว่าพลางทางปูผ้าผ่อน | ขับต้อนคนผู้ไม่อยู่ใกล้ |
ล่อลวงหลอกหลอนให้นอนไป | หมายใจเสนาจะฆ่าตี |
อาเพศด้วยเดชกุมารา | เทวารักษาพระไทรศรี |
ออกช่วยป้องกันทันที | เมื่อเสนีมันทุบด้วยท่อนจันทน์ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ พระสังข์ตกใจตื่นฟื้นผวา | กึกก้องร้องจ้าไม่อาสัญ |
น้าทำไมนี่มาตีรัน | ขึ้งโกรธโทษทัณฑ์ด้วยอันใด |
แม่เจ้าประคุณของลูกยา | จะติดตามลูกมาก็หาไม่ |
ลูกรักจักม้วยบรรลัย | โจรไพรไปลวงมาฆ่าตี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาน้ำตาไหลรี่ |
เหตุไรไม่ม้วยชีวี | เสนีกลัวราชอาชญา |
บอกว่าตัวน้าไม่ชิงชัง | รับสั่งให้ลงโทษา |
เป็นผลกรรมพ่อทำมา | อย่าเป็นเวรากับข้าไป |
ว่าพลางทางถอดหอกดาบเมียง | เดินเคียงเข้ามาหาช้าไม่ |
พระสังข์ตระหนกตกใจ | ร้องไห้เกลือกกลิ้งวิงวอน |
เสนาขืนทำด้วยจำเป็น | หอกหักกระเด็นเป็นสองท่อน |
ดาบบิ่นสิ้นคมระทมบอน | มิได้ม้วยมรณ์เร่งสงกา |
เหตุไรมาเป็นเช่นนี้ | เสนีตริตรึกแล้วปรึกษา |
ของดีจะมีในกายา | ฟันฆ่าอย่างไรจึงไม่ตาย |
เห็นวิปริตผิดประหลาด | รับสั่งให้พิฆาตมาดหมาย |
ตามแต่จะฆ่าให้วอดวาย | มิตายไม่พ้นพระอาญา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เสนีคิดพร้อมยอมกัน | เบิกช้างน้ำมันตัวกล้า |
แก้ปลอกกลอกเหล้าแล้วเอามา | มิช้าก็ไสให้ทิ่มแทง |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ช้างร้องระรัวตัวสั่น | งาดันปักดินดิ้นแหยง |
ควาญไสเท่าไรก็ไม่แทง | ยิ่งคิดยิ่งแหนงแคลงใจ |
วิปริตผิดกาลกิณี | ของดีจะมีก็หาไม่ |
บุญญาธิการชาญชัย | จึงทำอย่างไรไม่ม้วยมรณ์ |
จำเราจะเข้าไปทูลแถลง | ให้แจ้งแห่งน้ำพระทัยก่อน |
เอาช้างส่งยังโรงกุญชร | ผันผ่อนเฝ้าองค์พระทรงชัย |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงจึงเห็นพระผ่านฟ้า | กับนางจันทาพิสมัย |
ออกนั่งยังหน้าบัญชรชัย | เข้าไปบังคมคัลทันที |
จึงทูลสมเด็จภูวนาถ | ขอพระบาทจงโปรดเกศี |
ซึ่งใช้ให้ไปป่าพนาลี | บัดนี้ก็จับได้ตัวมา |
ทำตามรับสั่งให้สังหาร | กุมารชาญชัยไม่สังขาร์ |
หลากจิตผิดคนทั้งโลกา | สาตราอาวุธก็หักไป |
จึงเอาช้างร้ายเข้าให้แทง | งาปักดินแหยงไม่แทงได้ |
บัดนี้ชุมนุมคุมตัวไว้ | ภูวไนยจงทราบบาทบงสุ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ ฟังเอยฟังเหตุ | บิตุเรศรำพึงตะลึงหลง |
หลากจิตผิดใจให้งวยงง | เร่งคิดพิศวงสงกา |
อัศจรรย์ต้องกันกับหอยปู | ลูกกูจริงจังกระมังหนา |
วิปริตผิดคนในโลกา | เป็นมาแต่ต้นจนปลาย |
เสนาเอ็งว่าให้มั่นคง | เราสงสัยอยู่ไม่รู้หาย |
เมื่อพบประสบลูกชาย | มีใครใกล้กรายกุมารา |
ริมเรียงเคียงบ้านมารดร | หลับนอนกินอยู่สู่หา |
รูปทรงส่งศรีกิริยา | กุมาราประมาณสักปานใคร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนาทูลแจ้งแถลงไข |
เมื่อพบโฉมงามทรามวัย | ที่ในบ้านไร่ไพรวัน |
มีเรือนตาเฒ่ายายแก่ | แคร่ริมชายคาฝากั้น |
กระท่อมของเจ้าสักเท่านั้น | เห็นแต่จอมขวัญกับลูกยา |
ไม่มีผู้ใดมาใกล้กราย | อยู่จนโฉมฉายออกไปป่า |
จึงเข้าจับกุมกุมารา | ร้องอ้อนวอนว่าน่าปรานี |
เรียกหาตาเฒ่าเจ้าเรือน | ต่างคนต่างเชือนเอาตัวหนี |
เด็กนักสักห้าหกปี | เหมือนพระภูมีดังพิมพ์เดียว |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฟังทูล | พระอาดูรในจิตคิดเฉลียว |
แน่แล้วลูกแก้วพ่อคนเดียว | จึงเหลียวถามพลันกับจันทา |
น้องรักเจ้าจะเห็นเป็นไฉน | พี่จะให้ไปรับโอรสา |
กับนางนงเยาว์เจ้าเข้ามา | สิ้นเคราะห์พาราที่กาลี |
โหราดูว่าเป็นมนุษย์ | จะสูงสุดเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี |
ลูกข้าบุญญาบารมี | ล้างผลาญชีวีจึงไม่ตาย |
แล้วตรัสสั่งเสนาพฤฒามาตย์ | เอ็งเร่งประกาศบาดหมาย |
รับนางกัลยาที่ตายาย | กับลูกชายของเราให้เข้ามา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันทาทูลทัดขัดว่า |
เป่ามนตร์จนสิ้นตำรา | ร้องห้ามเสนาอย่าเพ่อไป |
พระองค์หลงรับมันมาเถิด | จะก่อเกิดความเข็ญหาเห็นไม่ |
แต่เป็นหอยสังข์ยังจัญไร | กลับเป็นคนไปอย่าชื่นชม |
มิใช่มนุษย์แต่ผลุดมา | ว่ามีบุญญาไม่เห็นสม |
มันจะให้บ้านเมืองเคืองระทม | ด้วยผิดบูรมบูราณไป |
ฆ่าฟันมันจึงไม่ปลดปลง | จะมาล้างพระองค์ให้จงได้ |
แม้นทอดทิ้งลงคงคาลัย | มีบุญจริงไซร้คงไม่ตาย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฟังเอยฟังความ | ครั่นคร้ามขามจิตคิดหมาย |
จริงแล้วเมียแก้วเจ้าทักทาย | เสนาทั้งหลายอย่าไปเลย |
มันคือตัวการมาผลาญกู | จริงอยู่เขาว่าเสนาเอ๋ย |
เราหลงใหลไปกะไรเลย | หากนางทรามเชยเจ้าตักเตือน |
เนื้อเย็นควรเป็นมเหสี | ปัญญาพาทีไม่มีเหมือน |
เสนาดูแลอย่าแชเชือน | ตักเตือนจองจำให้มั่นคง |
พรุ่งนี้แลกูจะดูไป | บุญมันฉันใดไม่ผุยผง |
ว่าพลางทางชวนนางโฉมยง | สององค์คืนเข้าปราสาทชัย |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์มารดาอยู่ป่าใหญ่ |
เขม่นเนตรเหตุมีไม่แจ้งใจ | เก็บได้ผักฟืนก็คืนมา |
หาบเดินดำเนินมาตามทาง | นกกาลางบินลัดสกัดหน้า |
เศียรพองสยองโลมา | ตรึกตราหวาดหวั่นพรั่นใจ |
หาวนอนอ่อนเศียรให้เวียนวิง | ยืนนิ่งพิงหลับกับไม้ใหญ่ |
ฝันว่าขุนมารชาญชัย | ตัดเอาเกล้าไปไม่ปรานี |
หาบหกตกผลุงสะดุ้งตื่น | นางฝืนองค์สั่นขวัญหนี |
จิตผูกลูกแก้วแล้วโศกี | จับหาบตะลีตะลานมา |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ ถึงเรือนเรียกลูกด้วยผูกพัน | ยังมิทันปลงหาบลงจากบ่า |
เจ้าไปไหนไม่ขานพระมารดา | ส้มสูกลูกหว้าพ่อมาเอา |
ทิ้งหาบวาบใจเข้าในทับ | งามสรรพเปิดห้องมองเปล่า |
ดังใครมาแขวะแคะเอา | ล้วงดวงใจเจ้าไปจากองค์ |
ทูนหัวของแม่หายไปไหน | หลากใจให้คิดพิศวง |
ปั้นวัวควายเล่นอยู่เป็นวง | หรือพ่อลงเรือนไปแห่งไรนา |
ขวายขวนชลนัยน์เจ้าฟูมฟอง | แลเหลียวเที่ยวมองร้องหา |
เต้าเคร่งเต่งทรวงของมารดา | กินนมแม่ราพ่อยาใจ |
ใต้ต้นสะดือลมอื้อเย็น | ลูกเอ๋ยเคยเล่นหาเห็นไม่ |
ผีเสื้อเสือสางที่กลางไพร | เอาลูกข้าไปหรือไรนา |
วู่วามมาถามตายาย | หลานชายไปไหนไม่เห็นหน้า |
หาจบไม่พบพระลูกยา | อยู่ที่ยายตาหรือว่าไร |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองเฒ่าเล่าพลางทางร้องไห้ |
แม่อย่าค้นคว้าหาไป | สุดใจยายตาจะป้องกัน |
เสนาท่านมาแต่ในกรุง | แย่งยุ่งอลหม่านพระหลานขวัญ |
ใส่บ่าพาไปแต่กลางวัน | ไม่รู้ว่าโทษทัณฑ์ประการใด |
เห็นทีจะมีรับสั่ง | เมียผัวกลัวดังจะตักษัย |
มุดนอนซ่อนดูอยู่แต่ไกล | ดังจะขาดใจม้วยด้วยหลานยา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ได้ยิน | ล้มผางกลางดินไม่เงยหน้า |
สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา | กัลยากลิ้งเกลือกเสือกองค์ |
แน่ไปไม่ได้สมประดี | เกศีติดต้องละอองผง |
ตายายนวดฟื้นคืนคง | โฉมยงจับมีดจะกรีดคอ |
ตาฉวยยายชิงทิ้งขว้าง | นางง้างเถาวัลย์จะพันศอ |
สองเฒ่าเข้าปล้ำน้ำตาคลอ | แก้จากคอนางพลางร่ำไร |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้
๏ นางทุ่มทอดกายสยายเกศ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
พ่อคุณทูนหัวแม่หนักใจ | อัศจรรย์หวั่นไหวแต่ในดง |
แม่รีบมาไม่เห็นหน้าเจ้า | ดังใครตัดเกล้าให้ผุยผง |
ลูกแก้วไม่แคล้วจะปลดปลง | มั่นคงทั้งนี้อีจันทา |
แม่ไม่ขออยู่จะสู้ม้วย | จะตายตามไปด้วยพระลูกข้า |
ครวญคร่ำทางร่ำพรรณนา | โศกาแน่นิ่งไม่ติงกาย |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์กัลยาโฉมฉาย |
คิดพลางทางผลุนวุ่นวาย | ตายายห้ามไว้ก็ไม่ฟัง |
ค่ำมืดดึกดื่นก็ตามที | ตายเป็นเห็นผีพ่อหอยสังข์ |
วิ่งหนีตายายเข้าในวัง | คลุ้มคลั่งพระทัยร้องไห้มา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สิบห้าวันกันดารฝูงคน | เทพย่นหนทางที่กลางป่า |
คืนหนึ่งมาถึงพระพารา | แฝงฟังกิจจาพระลูกชาย |
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลฤาสาย |
ไสยาสน์เหนืออาสน์พรรณราย | ไม่วายคำนึงถึงลูกยา |
หรือจะเป็นหน่อเนื้อเชื้อไข | จึงล้างผลาญอย่างไรไม่สังขาร์ |
วิปริตผิดคนในโลกา | บุญญาธิการชาญชัย |
จำกูจะดูกุมารา | รูปร่างหน้าตาเป็นไฉน |
พระมิได้บรรทมภิรมย์ใน | จนรุ่งแจ้งแสงใสพรายพรรณ |
เข้าที่ชำระสระสรง | สำอางค์องค์ทรงเครื่องแล้วผายผัน |
เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล | จันทาเฉิดฉันก็ตามไป |
จึงดำรัสตรัสแก่เสนี | เรานี้ยังพะวงสงสัย |
กุมารารูปร่างนั้นอย่างไร | เสนีเร่งไปเอาตัวมา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายว่ามหาเสนี | รับสั่งวางรี่ออกไปหา |
เบิกพระกุมารพลันมิทันช้า | แล้วพามาเฝ้าองค์พระทรงชัย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลเป็นใหญ่ |
ผาดเห็นลูกยาเข้ามาใน | ท้าวไทพิศเพ่งเล็งแล |
ทรวดทรงส่งศรีนรลักษณ์ | พิศพักตร์ผ่องช่วงดังดวงแข |
แก้มเนตรเกศกรรณผันแปร | ดูละม้ายคล้ายแม่ที่ขับไป |
ทั้งจริตกิริยามารยาท | เชื้อชาติผู้ดีไม่มีไพร่ |
พระจึงดำรัสตรัสไป | เราไซร้ขอถามกุมารา |
เดิมเหตุเภทพาลประการใด | เป็นไฉนจึงได้ไปอยู่ป่า |
พ่อแม่ชื่อไรไฉนนา | ชันษาเจ้าได้สักกี่ปี |
เราเห็นใช่ทรพลเป็นพ้นนัก | เห็นสมศักดิ์พักตราเป็นราศี |
บอกพ่อเถิดราอย่าโศกี | เจ้านี้มีนามกรใด |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์ไหว้พลางทางร้องไห้ |
แม่ข้าอยู่ป่าพนาลัย | เก็บผักหักไม้ด้วยยากจน |
แม่ข้าว่าพ่อเสวยวัง | เกิดมาข้ายังไม่เห็นหน |
แม่ข้าคลอดมาประหลาดคน | หอยสังข์บังตนข้าออกมา |
คนยุบิดาให้ขับไล่ | แม่ข้าพาไปอยู่ในป่า |
อยู่หลังข้าออกจากสังข์มา | มารดาตีแตกให้แหลกไป |
แม่ข้าชื่อจันท์เทวี | ข้านี้ชื่อสังข์ตามวิสัย |
ด้วยความยากจนเป็นพ้นใจ | ข้านี้เขาไปจับเข้ามา |
ลุงหรือเขาลือว่าเป็นเจ้า | ใช้เขาไปจับเอาตัวข้า |
กริ้วโกรธโทษภัยไฉนนา | จำจองขื่อคาดังข้าไท |
ลุงโปรดปล่อยข้าไปหาแม่ | ป่านนี้ตั้งแต่จะร้องไห้ |
ใครจะช่วยหาหม้อก่อไฟ | เฝ้าทับขับไล่ไก่กา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ได้ฟัง | ชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา |
แน่แล้วลูกแก้วของพ่ออา | ให้ถอดลูกยาออกทันใด |
รับมาใส่ตักแล้วชมเชย | ลูกเอ๋ยมาเป็นเช่นนี้ได้ |
สงสารมารดามาแต่ไพร | ไม่เห็นจะไห้โศกี |
จูบพักตร์ลูบพลางทางรับขวัญ | ทรงธรรม์ไม่วายกันแสงศรี |
ลืมคำจันทาพาที | ภูมีพิศวาสเพียงขาดใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จันทาตัวเข็ญเป็นใหญ่ |
เดือดฟุ้งพลุ่งพล่านทะยานใจ | เข้าใกล้แฝงหลังบังองค์ |
ร่ายมนตร์เป่าพลางทางทูลมา | อนิจจาผ่านฟ้านี้คนหลง |
เหตุไรจึงให้งวยงง | หลงเชื่อฟังมันฉันใด |
เพลิงกาฬจะมาผลาญพระบุรี | เพราะลูกคนนี้หรือมิใช่ |
แม้นมิถ่วงลงคงคาลัย | ภูวไนยจะม้วยมรณา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฟังเมียแก้ว | จริงแล้วลืมเสียที่เจ้าว่า |
เสื่อมสร่างวางองค์พระลูกยา | เหวยเหวยเสนาเอาตัวไป |
ผูกมัดรัดถ่วงให้มรณา | จะงดไว้ช้านานไม่ได้ |
เพลิงกาฬจะมาผลาญเอาเวียงชัย | เร่งไปบัดนี้อย่าได้ช้า |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งใส่เกศา |
เคืองแค้นแสนสันนางจันทา | กระซิบด่าในใจไม่เว้นคน |
พระทรงฤทธิ์เห็นผิดกว่าแต่ก่อน | กลับกลอกยอกย้อนไม่เป็นผล |
กลัวพระกาฬจะมาผลาญอยู่ลานลน | ต่างคนต่างพาเอาตัวไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายว่าสังข์ทองเจ้าร้องจ้า | น้าขาจะพาข้าไปไหน |
ทุบตีฆ่าฟันหรือฉันใด | ข้าไหว้อย่าพาข้าไปเลย |
ลุงเจ้าขาจงมาช่วยฉันด้วย | ลูกจะม้วยจริงแล้วพ่อคุณเอ๋ย |
แม่ข้าไม่มาตามลูกเลย | ลุงตาน้าเอ๋ยไม่เห็นใคร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายว่าองค์พระบิตุเรศ | สังเวชไม่กลั้นกันแสงได้ |
ตรัสสั่งมหาเสนาใน | อย่าพาไปเลยเจ้าเอากลับมา |
จันทาทูลพลันทันที | ตรัสเล่นเช่นนี้ดีหนักหนา |
แม้นมิถ่วงมันให้มรณา | ข้าจะกินยาตายไม่อยู่เลย |
พระดำรัสตรัสสั่งเสนี | เอาไปเถิดสิเสนาเอ๋ย |
เอาไว้กูไม่สบายเลย | กรรมเอ๋ยเวรใดได้ทำมา |
ล้างผลาญอย่างไรก็ไม่ม้วย | กูจะไปดูด้วยเมื่อเข่นฆ่า |
สั่งพลางชวนนางจันทา | เสนานำไปที่หน้าแพ |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ เสนาจูงมาผูกมัด | ฝูงคนแออัดอยู่เซ็งแซ่ |
แล้วใส่นาวาไปหน้าแพ | ด้วยกระแสรับสั่งพระภูวไนย |
ฯ ๒ คำ ฯ โล้
๏ เมื่อนั้น | นางจันท์ชนนีศรีใส |
ได้ข่าวลูกแก้วแววไว | ดังจะขาดใจตายด้วยลูกยา |
สองกรข้อนทรวงเข้าผางผาง | ดังนางจะม้วยสังขาร์ |
ผลุดลุกหันหุนหมุนมา | ตรงไปยังท่าชลาลัย |
บาทาแตกคุพุพอง | หนามต้องตามติดหาปลิดไม่ |
ล้มลุกคลุกคลานทะยานไป | กลัวจะไม่เห็นองค์พระลูกยา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงเห็นองค์พระลูกแก้ว | ทอดองค์ลงแล้วก็โหยหา |
เสือกสนบนฝั่งชลธา | ไม่รู้ว่าจะทำประการใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระสังข์กุมารน้อย | ตั้งแต่ละห้อยโหยไห้ |
แลเห็นมารดามาแต่ไกล | ดีใจร้องเรียกพระมารดา |
แม่คุณจงช่วยลูกด้วยที | เขาผูกมัดรัดตีแล้วทุบด่า |
แล้วมิหนำซ้ำมัดรัดกรมา | มารดานิ่งได้ไม่ปรานี |
เขาจะโยนลูกลงในคงคา | ไม่ช้าจะม้วยไปเป็นผี |
แม่วานเขาส่งลงมาที | ชนนีนิ่งได้ไม่เอ็นดู |
ลูกอยากขนมนมแม่ | น้าแก้ปล่อยให้ไปสักครู่ |
เสนาน้ำตาลงไหลพรู | ที่พาลข่มขู่ด้วยกลัวภัย |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฟังลูกว่า | มารดาข้อนทรวงเข้าร้องไห้ |
มิได้คิดชีวิตจะขาดใจ | จะโจนน้ำลงไปมิได้นาน |
คนดูที่รู้จักองค์ | ยุดห้ามโฉมยงด้วยสงสาร |
นางเสือกเกลือกกลิ้งกับดินดาน | เยาวมาลย์ข้อนทรวงเข้าโศกี |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ แล้วแลเห็นองค์ผัวขวัญ | ยอกรอภิวันท์เหนือเกศี |
ลูกข้ากะจิริดผิดไม่มี | ขอประทานชีวีพระลูกชาย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวยศวิมลฤาสาย |
พะว้าพะวังไม่ตั้งกาย | แว่วเสียงโฉมฉายเจ้าเรียกมา |
ชะแง้แลเห็นมเหสี | เทวีบังคมเหนือเกศา |
จำได้มั่นคงไม่สงกา | พระราชาพยักกวักกร |
เร่งเรียกสำเหนียกแก่เสนา | ให้ถอยนาวาเข้ามาก่อน |
เสนากลับท้ายพายคอน | จันทาโบกกรไปทันที |
ไม่กลัวหัวจะขาดหรือไฉน | โยนมันลงไปให้เป็นผี |
ไว้ไยให้นานจนป่านนี้ | อ้ายนี่ขัดรับสั่งหรือฉันใด |
เสนาตกใจอยู่ลนลาน | อุ้มพระกุมารมาหาช้าไม่ |
ผูกหินโยนพลันทันใด | สองกษัตริย์สลบไปทั้งสองรา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิดฉิ่ง โอด
๏ เมื่อนั้น | นางจันทาดีใจเป็นหนักหนา |
เห็นพระสลบซบพักตรา | ต้องดูรู้ว่าไม่บรรลัย |
เอาน้ำสุคนธามาลูบพักตร์ | ผัวรักค่อยฟื้นคืนมาได้ |
ร่ายมนตร์เป่าพลางทางทูลไป | จะโศกาอาลัยไปไยมี |
เชื่อว่าบุญหนักศักดิ์ใหญ่ | พอโยนลงไปก็เป็นผี |
มันเสี้ยนทรชนคนไพรี | แม้นดีลูกชายจะตายไย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระภูวดลยังหม่นไหม้ |
แสนสงสารบุตรนั้นสุดใจ | น้ำพระเนตรหลั่งไหลลงนองแนว |
ขุ่นข้องต้องมนตร์ของจันทา | เสื่อมสร่างวิญญาณ์ถึงน้องแก้ว |
เจ้าว่าถูกทุกสิ่งจริงแล้ว | คลาดแคล้วคืนหลังเข้าวังใน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | ฝูงคนถ้วนหน้าน้ำตาไหล |
แลเห็นโฉมงามทรามวัย | เกลือกกลิ้งนิ่งไปไม่ไหวองค์ |
จึงวักตักเอาชลธี | ประพรมโฉมศรีไม่ผุยผง |
ครั้นเจ้าค่อยฟื้นคืนคง | ปลอบโยนโฉมยงให้ไคลคลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | โฉมศรีมีจิตคิดโหยหา |
ชะแง้แลดูพระลูกยา | นางข้อนอุราเข้าร่ำไร |
ฯ ๒ คำ ฯ โอ้ร่าย
๏ พ่อคุณทูลกระหม่อมของแม่เอ๋ย | ทรามเชยทิ้งแม่ให้โหยไห้ |
เช้าเย็นแม่จะเห็นหน้าใคร | ดังกาเหยี่ยวเฉี่ยวไปก็เหมือนกัน |
ลูกเอ๋ยเคยรับพระมารดา | เมื่อมาแต่ป่าพนาสัณฑ์ |
พูดพลอดกอดแม่ไม่วายวัน | กินนมชมกันทุกเวลา |
ตัวกรรมมันตามมาล้างผลาญ | พลัดบ้านเมืองแล้วยังมิสา |
ยังมิหน้ำซ้ำพรากจากลูกยา | อนิจจามีกรรมต้องจำไกล |
รำพันพลางนางลาคนทั้งปวง | เจ้าเหงาง่วงเดินมาน้ำตาไหล |
เปล่าจิตผิดทางซังตายไป | ดั้นด้นพงไพรร้องไห้มา |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
๏ เมื่อนั้น | พระสังข์โอดโอยโหยหา |
จมลงตรงปล่องนาคา | ฟูมฟายน้ำตาจาบัลย์ |
แม่เจ้าประคุณทูลกระหม่อมแก้ว | จะกลิ้งเกลือกอยู่แล้วเป็นแม่นมั่น |
เพราะแม่ต่อยหอยสังข์ไม่ยั้งทัน | จึงพลัดพรากจากกันกับลูกยา |
ที่นี้จะได้ผู้ใดเล่า | อยู่ด้วยช่วยผ่านเกล้าเฝ้าเคหา |
อยู่ทับขับไล่ไก่กา | แม่มาเย็นเย็นจะเห็นใคร |
ว่าพลางทางซบเกศเกล้า | คิดถึงแม่เจ้าแล้วร้องไห้ |
สลบซบซอนอ่อนใจ | อยู่ในใต้น้ำไม่ทำลาย |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด