ตอนที่ ๗ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวสามนต์เป็นใหญ่
ตั้งแต่เงาะพาธิดาไป ให้แค้นขัดฤทัยทุกเวลา
รจนาเจ้ากรรมมันทำชั่ว มีผัวเงาะร้ายให้ขายหน้า
จำจะคิดอ่านด้วยมารยา พาลฆ่าเสียให้ได้ไม่ไว้เลย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย

๏ คิดพลางทางสั่งเสนาใน จงรีบไปบอกบรรดาลูกเขย
กูจะให้แต่งตั้งสังเวย ตามเคยบวงสรวงเทวัญ
พรุ่งนี้หาปลามาคนละร้อย ใครได้น้อยจะฆ่าให้อาสัญ
ทั้งอ้ายเงาะขี้ครอกจงบอกมัน มิได้ปลามาทันจะบรรลัย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งบังคมไหว้
วิ่งวางออกจากวังใน มายังบ้านเขยใหญ่ทั้งหกองค์

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงแถลงแจ้งคดี บัดนี้รับสั่งต้องประสงค์
เร่งหาปลามาให้ได้ดังใจจง เอาไปส่งให้ทันพระบัญชา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยเกษมสันต์หรรษา
ยิ้มพลางทางตอบเสนา ผักปลาหน้านี้มีถมไป
อย่าว่าแต่เท่านั้นท่านจะเอา ถึงจะลงสำเภาก็รับได้
อาสาพ่อตาแล้วเต็มใจ จะหาให้สุดฤทธิ์ไม่บิดพลิ้ว
สงสารแต่เงาะป่าประดาเสีย จะพาเมียสุ่มช้อนจนอ่อนหิว
เต็มทีจะได้มาแต่ปลาซิว ท้าวจะกริ้วโกรธาให้ฆ่าฟัน
ว่าพลางทางสั่งบ่าวไพร่ พรุ่งนี้กูจะไปแต่ไก่ขัน
เรือแพแหอวนทุกสิ่งอัน เร่งรัดจัดกันให้พร้อมไว้

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น เสนาลาหกเขยใหญ่
ชวนกันรีบออกนอกเวียงชัย ตรงไปยังบ้านปลายนา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงยืนอยู่นอกรั้ว ระวังตัวกลัวสุนัขหนักหนา
ร้องเรียกเข้าไปมิได้ช้า หม่อมแม่รจนาอยู่แห่งใด

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น รจนาสาละวนลนควันไต้
จับกระเหม่าใส่น้ำมันกันไร ถึงยากเย็นเข็ญใจมิให้รก
ทาแป้งแต่งตัวไม่มัวหมอง ผัดหน้านั่งมองส่องกระจก
นุ่งผ้าจัดกลีบจีบชายพก แล้วยกของมาให้ผัวกิน
จีบพลูใส่ซองรองลำดับ เอามีดพับผ่าหมากจนปากบิ่น
เจ้าเงาะนอนถอนหนวดสวดสุบิน เล่นลิ้นละลักยักลำนำ

ฯ ๖ คำ ฯ

กาพย์เรื่องสุบิน เจ้าเงาะสวด(ความเก่า)

๏ จะกล่าวตำนาน สุบินกุมาร
อันสร้างสมมา ร่ำเรียนเขียนธรรม
ปรากฏนักหนา บวชในศาสนา
ลุถึงอรหันต์  
๏ โปรดแม่พ้นทุกข์ โปรดพ่อเสวยสุข
ไปยังเมืองสวรรค์ นางฟ้าแห่ห้อม
แวดล้อมนับพัน เครื่องทิพย์อนันต์
อเนกนานา  
๏ แต่ก่อนยังมี เมืองสาวัตถี
นครพารา ท่านท้าวเจ้าเมือง
ฦาเลื่องนักหนา รี้พลช้างม้า
ข้าคนบริวาร  
๏ นอกเมืองออกไป มิใกล้มิไกล
มีบ้านนายพราน เป็นส่วยมังสัง
เนื้อหนังตระการ แต่ล้วนหมู่พราน
ย่อมเอามาถวาย  
๏ นายพรานผู้ใหญ่ ชอบอัชฌาสัย
ตั้งให้เป็นนาย คุมไพร่พรานป่า
ล่าเนื้อกวางทราย พรานผู้เป็นนาย
ตักเตือนบ่คลา  

______________

๏ รจนานิ่งฟังนั่งหัวเราะ น้อยหรือเพราะแจ้วเจื่อยเฉื่อยฉ่ำ
ไม่ทันถึงใบสมุดหยุดกินน้ำ สวดซ้ำอีกสักนิดยังติดใจ

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ พอได้ยินแว่วเสียงเสนี มาร้องเรียกอยู่ที่ริมไร่
นางจึงลุกเดินออกไป ยืนเยี่ยมกระไดมองดู

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาหยุดยั้งนั่งคอยอยู่
เรียกพลางทางมองที่ช่องประตู เห็นโฉมตรูเดินออกมานอกชาน
จึงเข้าไปบังคมก้มหน้า น้ำตาไหลลงด้วยสงสาร
แล้วทูลแถลงเล่าเยาวมาลย์ ตามบัญชาการพระทรงยศ
บัดนี้มีรับสั่งใช้มา ให้เจ้าเงาะเสาะหาปลาสด
ทั้งหกเขยใหญ่ก็ไม่ลด กำหนดให้ทันวันพรุ่งนี้
ใครได้ไม่ครบร้อยน้อยไป พระจะให้ฆ่าฟันบั่นเกศี
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี อัญชลีแล้วกลับไปฉับไว

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น รจนาอกสั่นหวั่นไหว
เข้าไปในกระท่อมทันใด กอดตีนผัวไว้แล้วโศกา

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่

๏ อกเอ๋ยโอ้ว่าครานี้ น่าที่จะม้วยสังขาร์
สมเด็จบิตุเรศไม่เวทนา จะคิดอ่านพาลฆ่าชีวาลัย
ให้หาปลาเป็นร้อยน้อยหรือนั่น ประกวดกันกับเขาเหล่าเขยใหญ่
มั่งมีศรีสุขทุกข์อะไร ประเดี๋ยวเดียวก็จะได้ง่ายดาย
วิตกแต่ส่วนตัวผัวรัก ยากนักจะซุกซนขวนขวาย
ผัวเมียสองคนจนจะตาย จะหาปลาไปถวายที่ไหนทัน
ถ้าพระรูปทองน้องบรรลัย เมียจะตามเข้าไปมิได้พรั่น
จะให้เขาพิฆาตฟาดฟัน สู้ตายตามกันไปไม่คิดกลัว
ไม่ขออยู่ดูหน้าคนทั้งหลาย มิให้ชายอื่นต้องเป็นสองผัว
ว่าพลางนางทุ่มทอดตัว ตีอกชกหัวเข้าร่ำไป

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะยิ่งคิดพิสมัย
ปลอบนางพลางเช็ดชลนัยน์ โลมเล้าเอาใจให้เคลื่อนคลาย

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้โลมใน

๏ น้องเอยน้องรัก งามพักตร์ผ่องเหมือนดังเดือนหงาย
อย่าครวญคร่ำน้ำเนตรฟูมฟาย แสนเสียดายนวลน้องจะหมองมัว
ทั้งในใต้ฟ้าไม่หาได้ พี่ขอบใจเจ้านักที่รักผัว
ทำไมกับมัจฉาเจ้าอย่ากลัว สักแสนตัวก็จะได้ไม่ยากนัก
ไปนอนเสียให้สบายหายเจ็บหลัง จะมานั่งโศกาด้วยปลาผัก
แย้มสรวลชวนชิดจุมพิตพักตร์ น้องรักเจ้าอย่าปรารมภ์เลย
ถึงยากจนคนเดียวก็หาได้ พี่หาพรั่นไม่อ้ายหกเขย
ว่าพลางทางภิรมย์ชมเชย หลับนอนตามเคยสบายใจ

ฯ ๘ คำ ฯ กล่อม

ร่าย

๏ ครั้นอุทัยไขแสงขึ้นสางสาง พระโลมนางพลางลูบหลังไหล่
สั่งเสียรจนาด้วยอาลัย พี่จะไปสักประเดี๋ยวเที่ยวหาปลา
ว่าพลางทางจับไม้เท้าทรง ใส่เกือกแก้วแล้วลงจากเคหา
แผลงฤทธิ์เหาะเหินเดินฟ้า ตรงมายังฝั่งชลธาร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงลงหยุดนั่ง ที่ร่มไทรใบบังสุริย์ฉาน
ถอดเงาะซ่อนเสียมิทันนาน แล้วโอมอ่านมหาจินดามนตร์

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

ล่องเรือ

๏ เดชะเวทวิเศษของมารดา ฝูงปลามาสิ้นทุกแห่งหน
เป็นหมู่หมู่มากมายในสายชล บ้างว่ายวนพ่นน้ำคล้ำไป

ฯ ๒ คำ ฯ โล้

ร่าย

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายเจ้าเหล่าหกเขยใหญ่
ครั้นรุ่งเรียกหาข้าไท บ่าวไพร่นับร้อยไม่น้อยเลย
แต่งองค์ทรงเสื้อลงเรือญวน แหอวนของใครเอาไปเหวย
ภรรยาหาขนมนมเนย ตามเคยขนส่งลงมาพลัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นจัดแจงพร้อมมูลไม่ขาดเหลือ ให้ออกเรือจากที่ขมีขมัน
เรืออวนเรือแหแจจัน เร่งกันตามนายพายมา

ฯ ๒ คำ ฯ โล้

๏ พ้นด่านบ้านช่องล่องเลย ถึงท้องคุ้งที่เคยมีมัจฉา
หกองค์ทรงแหทอดปลา ลอยมาสองฟากลากเบ็ดราว
บ้างเอาลอบลงดักตักสวิง ริมตลิ่งลากอวนอื้อฉาว
ติดแต่จระเข้อยู่เกรียวกราว นายบ่าวต่างโกรธโทษกัน
แล้วพายเลียบริมฝั่งมาทั้งพวก ถือฉมวกยืนคอยแทงหวั่น
บ้างลงเฝือกปิดคลองไว้สองชั้น แล้วช่วยกันตีน้ำร่ำมา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ปลาผักสักตัวก็ไม่ได้ คิดอัศจรรย์ใจเป็นนักหนา
รีบพายมาจนถึงบึงปลายนา พบมัจฉานับแสนแน่นไป
เห็นพระสังข์นั่งอยู่ที่ฝั่งชล ต่างคนพิศวงสงสัย
จะเป็นเทพารักษ์หรืออะไร เถียงกันวุ่นไปทั้งไพร่นาย
จึงวาดแวะนาวาเข้ามาพลัน ทั้งหกอกสั่นขวัญหาย
ต่างก้มกรานหมอบยอบกาย บ่าวนายนึกคะเนว่าเทวา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์นั่งยิ้มอยู่ในหน้า
เห็นหกเขยเคอะเซอะมา สมดังจินดาก็ยินดี
จึงเสแสร้งแกล้งทำไม่รู้จัก ถามทักซักไซ้ไปไหนนี่
เอะแล้วออเจ้าเหล่านี้ หน่วยก้านพานจะดีมีฝีมือ
เรือแพแหอวนก็เอามา จะลอบลักดักปลาของข้าหรือ
เราเป็นเทพเจ้าเล่าฦๅ นับถือทุกแห่งแพร่งพราย
แต่หักคอคนตายเสียหลายพัน อย่าดุดันดูหมิ่นมักง่าย
มาหาเรานี้ดีหรือร้าย บอกยุบลต้นปลายให้แจ้งใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งหกอกสั่นหวั่นไหว
สำคัญจิตคิดว่าพระไพร กราบไหว้ท่วมหัวกลัวฤทธา
ใจคอทึกทึกนึกพรั่น ปากสั่นเสียงสั่นซังตายว่า
ท่านท้าวสามนต์ผู้พ่อตา ให้หาปลาประกวดกับอ้ายเงาะ
ข้าทอดแหแปรช้อนแต่เช้าตรู่ ออกอ่อนหูหิวหอบเที่ยวรอบเกาะ
ไม่ได้ปลาสักหน่อยชะรอยเคราะห์ ฉวยแพ้อ้ายเงาะสิน่าอาย
กลัวท้าวพ่อตาจะฆ่าเสีย สงสารแต่เมียจะเป็นหม้าย
เทวดาเลี้ยงปลาไว้มากมาย ข้าขอไปถวายพอรอดตัว

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์ได้ฟังก็ยิ้มหัว
จึงว่าหกเจ้านี้เมามัว ไม่กลัวบาปกรรมทำประมง
แต่ได้มาขอแล้วก็จำให้ เราไซร้จะขอมั่งดังประสงค์
จะให้หรือมิให้ทั้งหกองค์ ท่านจงปรึกษาหารือกัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยรับคำขมีขมัน
พระองค์จะประสงค์สิ่งไรนั้น สารพันมีแล้วไม่ขัดเลย
สุดแท้แต่ตามจะเลือกเอา เป็ดไก่เหล้าข้าวของเสวย
ทั้งกล้วยอ้อยขนมนมเนย จะแต่งตั้งสังเวยเซ่นวัก

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระสังข์กล่าวแกล้งแจ้งประจักษ์
เราเป็นเทวาสุรารักษ์ จะเซ่นวักสิ่งของไม่ต้องใจ
จะขอปลายจมูกหม่อมลูกเขย ตามเคยคนละน้อยหามากไม่
แม้นให้เราเราจะให้ปลาไป จะให้หรือมิให้ให้ว่ามา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยได้ฟังนั่งปรึกษา
ชิชะเจ้าเล่ห์เทวดา จะเอาปลาแลกปลายจมูกคน
แม้นเชือดเสียเมียเห็นจมูกด้วน จะทำกระบวนผินหลังนั่งบ่น
ของสำคัญหนักหนาเข้าตาจน จะผ่อนปรนแก้ไขอย่างไรดี
บ้างว่าอย่าพักประดักประเดิด ทนเจ็บเอาเถิดไม่จู้จี้
หาปลาที่ไหนก็ไม่มี อ้ายเงาะดีหาได้สิอายมัน
หกเขยรีรอท้อจิต สุดคิดสุดที่จะผ่อนผัน
นั่งนิ่งก้มหน้าดูตากัน เชือดเสียเห็นวันจะได้ไป
ต่างยอมพร้อมใจไม่กลัวเจ็บ ฉวยได้มีดเหน็บของบ่าวไพร่
ยื่นให้เทวัญทันใด ทอดถอนใจใหญ่ย่อท้อ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์สรวลสันต์กลั้นหัวร่อ
ยิ้มพลางทางตรัสตัดพ้อ เอออะไรใจคอเหมือนปลาซิว
แล้วเอามีดกรีดลับกับศิลา ทั้งหกตกประหม่าหน้านิ่ว
มือบีบหนีบจมูกไว้สองนิ้ว อย่าบิดพริ้วดุกดิกพลิกแพลง
ทำเงื้อมีดกระหยับจับจ้อง ที่ใจชั่วกลัวร้องจนเสียงแห้ง
เอาแล้วนะฉะเชือดเลือดแดง จมูกแหว่งโหว่วิ่นสิ้นทุกคน

ฯ ๖ คำ ฯ ปี่กลอง

๏ เมื่อนั้น ทั้งหกลูบแผลพลางครางร่น
เจ็บแสบแทบตายเต็มทน ต่างคนต่างแลดูแผลกัน
เขยใหญ่ใจแข็งทำแกล้งว่า จมูกด้วนดูหน้าเห็นขบขัน
สะกิดเพื่อนเตือนทวงเทวัญ แลกกันเมื่อไรจะให้ปลา

ฯ ๔ คำ ฯ

ล่องเรือ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์ได้สมปรารถนา
จึงตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยวาจา มัจฉาตัวใดถึงที่ตาย
จงกระโดดโลดขึ้นมาริมฝั่ง ให้สมหวังดังจิตที่คิดหมาย
พอสิ้นคำประกาศไม่คลาดคลาย ปลาตายบนตลิ่งกลิ้งเกลื่อนไป
แล้วแกล้งแบ่งมัจฉาที่ชั่วชั่ว ให้คนละสองตัวหามากไม่
หกองค์จึงชวนกันคลาไคล เอาปลาไปให้สมอารมณ์คิด

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ เมื่อนั้น หกเขยค่อยคลายสบายจิต
ต่างองค์อำลาสุราฤทธิ์ บ่าวตะบิดเชือกน้อยร้อยปลา
หัวท้ายพายวาดนาวาออก บ้างบอกโยนยาวฉาวฉ่า
รีบเร่งโดยด่วนจวนเวลา กลับมาจะให้ทันเตือนกันพาย

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระสังข์สมจิตที่คิดหมาย
จึงหยิบรูปเงาะมาสวมกาย แล้วตัดหวายต่อติดบิดพลิ้ว
ร้อยปลามากมายเหลือประมาณ เอาไม้เท้าทำคานหาบหิ้ว
แผลงฤทธิ์รูปเงาะพาเหาะปลิว ลอยลิ่วมาในเมฆา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงริมไร่ใกล้เรือน ก็คล้อยเคลื่อนเลื่อนลงจากเวหา
เดินด่วนขึ้นกระไดมิได้ช้า เอาหาบปลาเหวี่ยงวางกลางนอกชาน
ภรรยาพาไปให้ลูบตัว แล้วเชิญผัวรูปทองกินของหวาน
เจ้าเงาะแถลงเล่าเยาวมาลย์ วันนี้ขันจ้านไปหาปลา
พี่ถอดรูปเงาะออกซ่อนไว้ ทำเป็นพระไพรพฤกษา
ร่ายมนตร์มหาจินดา เรียกมัจฉามาสิ้นทุกตำบล
อ้ายหกเขยเซอะกระเจอะกระเจิง เที่ยวเซอะเซิงหาปลาก็ขัดสน
ไปประสบพบพี่ที่ฝั่งชล ทั้งหกคนกราบกรานขอทานปลา
พี่แลกเปลี่ยนเจียนปลายจมูกมัน แหว่งวิ่นสิ้นทั้งนั้นขันนักหนา
ว่าพลางเสสรวลชวนรจนา ไปดูหน้ามันเล่นก็เป็นไร

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น รจนากลั้นยิ้มมิใคร่ได้
สรวลพลางทางว่าข้าชอบใจ เมียมันจะได้ดูหน้ากัน
ช่างแก้แค้นแทนทำพอสาสม ที่เมียมาค้าคารมเย้ยหยัน
วันนี้น้องจะตามจรจรัล ไปดูจมูกมันให้เต็มตา
ว่าแล้วทาแป้งแต่งตัว ตามผัวออกจากเคหา
ปิดประตูเข็นกระไดแล้วไคลคลา เจ้าเงาะหาบปลานำหน้าไป

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงพระโรงรัตน์รูจี อัญชลีสองกษัตริย์เป็นใหญ่
เจ้าเงาะยืนยิ้มหัวไม่กลัวใคร ทิ้งปลาลงไว้ให้พ่อตา
รจนาจึงทูลบิตุรงค์ นี่ปลาส่งส่วนตัวผัวข้า
อุตส่าห์เสาะเพราะเกรงพระอาญา ได้มาน้อยนักสักสองร้อย
ตามประสายากเย็นเข็ญใจ ไม่มีบ่าวมีไพร่ใช้สอย
ผัวเมียสองคนจนกรองกรอย ไม่เลิศลอยเหมือนลูกสาวของท้าวไท
หกเขยเขาดีมียศศักดิ์ ท่านพ่อตาโปรดนักรักใคร่
ไปหาปลามาแล้วหรืออย่างไร เห็นจะได้มากมายหลายกระบุง

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์เคืองขัดฟัดหมอนผลุง
คันมือคันไม้หมั่นไส้พุง ไม่สมที่หมายมุ่งจะฆ่าฟัน
อีรจนาพาผัวมาเย้ยได้ แค้นใจเหลือที่จะอดกลั้น
เพราะอ้ายเขยขี้เค้าเหล่านั้น พากันเซอะซะไปกะไร
จึงชี้หน้าด่าลูกทั้งหกนาง มึงช่างหากำชับผัวไม่
ปานนี้มิมาน่าแค้นใจ กูจะใคร่ฆ่าเสียให้ม้วยมุด

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น หกเขยร้อนใจดังไฟจุด
เร่งฝีพายเต็มที่ตีรุด ครั้นถึงหยุดจอดเรือเข้าเหนือแพ
หิ้วปลาพากันมาโดยด่วน บ่าวตามเป็นพรวนแบกอวนแห
ตรงมาวังพลันไม่ผันแปร หญิงชายร้องแซ่ว่าแพ้เงาะ
ทั้งหกอกสั่นขวัญหนี ครั้งนี้ตายจริงวิ่งออกเหยาะ
คลานเข้าไปเฝ้าเขาหัวเราะ เห็นปลาอ้ายเงาะยิ่งเสียใจ
คิดอายด้วยปลายจมูกวิ่น ก้มหน้าดูดินหาเงยไม่
พรั่นตัวกลัวตายเป็นพ้นไป ภาวนาหายใจมิใคร่ทัน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์เคืองขุ่นหุนหัน
จึงว่าไปแก่หกเขยนั้น กูจะใคร่ฆ่าฟันบั่นรอน
แต่อ้ายเงาะทรพลคนอัปรีย์ มันยังดีกว่ามึงมาถึงก่อน
เออนี่มิไปเที่ยวจอดนอน ไม่รู้เร็วรู้ร้อนเจ้าคนดี
บ่าวไพร่ไปด้วยก็หนักหนา ได้ปลามาไม่พอจะเซ่นผี
กูคิดนิดเดียวดอกครั้งนี้ หาไม่ชีวีจะบรรลัย
เออจมูกนั่นถูกอะไรนั่น เหมือนกันกับเขาเชือดเลือดไหล
จงบอกให้แจ้งกูแคลงใจ อย่าได้เอาเท็จมาเจรจา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เขยใหญ่ทั้งหกตกประหม่า
แกล้งทูลเลี้ยวลดปดพ่อตา แต่เช้าข้าก็ไปไม่เชือนแช
ลงตีอวนฉุดลากที่ปากลัด ปากเป้ากัดจมูกลูกเป็นแผล
ในแม่น้ำลำคลองทั้งสองแคว ไม่มีปลาเลยแต่สักตัวเดียว
สู้ทนแดดแผดร้อนไปยังค่ำ จนตัวลอกออกดำเหมือนม่าเหมี่ยว
อุตส่าห์บุกขึ้นบกรกเรี้ยว ไปได้ปลาหน่อยเดียวที่ในบึง
ไม่เคยพบเคยเห็นเลยเช่นนี้ ชะรอยผีโขมดมันโกรธขึ้ง
ให้ปวดหัวมัวตาหน้าตึง แทบจะไม่มาถึงท้าวไท

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทั้งหกบุตรีพี่ผู้ใหญ่
เห็นผัวแพ้เงาะป่าน่าขัดใจ ผักปลาหาได้มานิดเดียว
มิหนำซ้ำจมูกแหว่งหวะ แล้วพระบิดาก็โกรธเกรี้ยว
ขายหน้าทุกสิ่งจริงเจียว นางเหลียวชำเลืองเคืองค้อน
หกนางต่างคนบ่นบ้า มันไม่น่าร่วมเรียงเคียงหมอน
บ้างกอดเข่าเจ่าจุกทุกข์ร้อน มืออ่อนตีนอ่อนเสียน้ำใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น รจนาสรวลสันต์ไม่กลั้นได้
เจ้าเงาะหัวร่ององอไป ทำบุ้ยปากบอกใบ้ให้เมียดู
เห็นจมูกเขยใหญ่เลือดไหลหยด แหว่งวิ่นสิ้นทั้งหมดน่าอดสู
สาแก่ใจมันสิติผัวกู นางยิ้มอยู่ในหน้าไม่พาที
แล้วแลดูพี่สาวทั้งหกคน เห็นหน้าหม่นหมองคล้ำดำหมิดหมี
ทำแยบคายชายตาดูสามี เทวียิ้มแย้มกระแอมไอ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกนางเคืองขัดอัชฌาสัย
ต่างคนชี้หน้าแล้วว่าไป หัวเราะเยาะใครอีรจนา
เหตุว่าผัวมึงมาถึงก่อน ทำแสนงอนเจ๋อเจ๊อะสะเออะหน้า
ผัวกูไม่รู้จักจับผักปลา จึงได้มาไม่มากเหมือนหม่อมเงาะ
ดูเยี่ยงผัวเจ้ามันเคล่าคล่อง ห้วยหนองเหนือใต้เข้าใจเสาะ
นางเมียขึ้นหน้ามาหัวเราะ เปรียบเปรยเย้ยเยาะไม่เจียมตัว
เขาขับไล่ไปอยู่เสียปลายนา ยังดื้อด้านเข้ามาว่าแทนผัว
ไม่มีความยำเยงเกรงกลัว ไสหัวออกไปเสียจากวัง

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น รจนาตอบไปดังใจหวัง
ชิชะหม่อมพี่ที่ขึ้นซัง ออกประดังด่าทอเล่นพอแรง
เฝ้ามาขับไล่ไสหัวหู โกรธหรือว่าดูจมูกแหว่ง
แต่เห็นเขาหัวร่อก็ระแวง ออกสกัดสแกงแกล้งพาโล
ผัวพี่ไปหาปลากับบ่าวไพร่ น้อยฤๅช่างได้มาอักโข
ผัวข้าหาปลาประสาโซ แต่จมูกไม่โหว่เหมือนผู้ดี
พอรู้เช่นเห็นอยู่ว่าเท็จจริง สู้ปิดปากหากนิ่งเสียดอกพี่
จะให้ว่าหรือจะว่าออกเดี๋ยวนี้ แล้วเหลียวดูสามีเห็นขึงตา
แค้นใจคิดจะใคร่อยู่ทะเลาะ แต่เจ้าเงาะชี้ชวนไปเคหา
ถ่มน้ำลายรดให้แล้วไคลคลา ตามผัวออกมาไม่พรั่นพรึง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกนางต่างพิโรธโกรธขึ้ง
ลุกขึ้นเดินตามมาด่าอึง ทำไมมึงจึงหัวเราะเยาะกู
เท็จจริงอย่างไรนั่นขันจ้าน ใครปิดปากไว้วานอย่านิ่งอยู่
จองหองพองขนเป็นพ้นรู้ ลบหลู่ดูหมิ่นถิ่นแคลน
ผัวหาปลาผักได้หนักหนา หม่อมเมียได้หน้าขึ้นกว่าแขน
ค้าคารมเปรี้ยงเปรี้ยงออกเถียงแทน ขืนแค่นเปรียบเปรยเย้ยเย้า
อย่าดูถูกผัวกันกระนั้นนะ ช่างเถิดคะค่อยยังชั่วกว่าผัวเจ้า
ถึงจมูกโหว่แหว่งก็ทำเนา แต่หน้าตาของเขายังเพราพริ้ม
ไม่เหมือนเงาะอุบาทว์ชาติชั่ว น่ากลัวหัวหูกระปุ่มกระปิ่ม
กลับจะมาหัวเราะเยาะยิ้ม เปรมปริ่มในใจมิใช่น้อย
ชะช่างได้ผัวเงาะเหมาะสม ปากกล้าค้าคารมดังต่อยหอย
ขึ้นเสียงเถียงคนบ่นตะบอย มันน่าต่อยให้ยับลงกับมือ
แต่ปากเป้ากัดเขาก็เฝ้าถาก นี่เป็นเบี้ยพอปากของเจ้าหรือ
ว่าพลางต่างเข้ายุดยื้อ กล้าปากกล้ามืออย่าหนีกัน

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะเห็นวุ่นวางเข้ากางกั้น
ทำบอกใบ้ให้รู้สำคัญ แกล้งกระชั้นกระโชกโบกมือ
ก้มลงหลอนหลอกกลอกคอ หกนางด่าทอก็ไม่ถือ
ทำเหมือนบ้าใบ้ได้แต่อือ ตบมือหัวร่อล้อเลียนนาง
เห็นพี่เมียชำเลืองเคืองค้อน ก็ฉุดเมียมาสอนให้ค้อนบ้าง
ถือไม้เท้าก้าวเดินเป็นท่าทาง ทีเสือลากหางให้นางกลัว
แล้วเด็ดใบไม้ปิดจมูกเล่น ทำเป็นปัดแมลงวันสั่นหัว
ชี้มือให้เห็นแล้วเล่นตัว เย้ายั่วพี่เมียไปมา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยขัดใจเป็นหนักหนา
เห็นเงาะเยาะหยอกภรรยา โกรธาตาเขียวเหลียวดูกัน
โมโหฮึดฮัดขัดเขมร โจงกระเบนคาดกระเบนเสียให้มั่น
หมายเขม้นกำหมัดกัดฟัน มุทะลุดุดันไม่พรั่นพรึง
ลางคนบ่นด่าเงาะอุบาทว์ จะใคร่เอาเท้าคาดเข้าสักผึง
บ้างว่าจะถองสักสองตึง ทำไมมึงมาหยอกหลอกเมียกู
ดูเถิดเกิดมาไม่เคยพบ บ้าใบ้บัดซบทำลบหลู่
จองหองถองเสียให้เมียดู ด่าพลางทางกรูกันเข้าไป
เห็นเงาะเงื้อไม้ไล่กวัดแกว่ง ระรันสันหน้าแข้งไม่เข้าใกล้
บ้างนั่งลงลูบล่อยที่รอยไม้ น้ำตาไหลครางออดกอดมือ
บ้างหลับตาหน้าเมินซ้อมหมัด เงาะวัดล้มกลิ้งลุกวิ่งตื๋อ
ทรุดนั่งลงนวดปวดสะดือ ครางฮือไปทีเดียวไม่เหลียวแล
เขยใหญ่ย่างเท้าก้าวถลำ เงาะตำต่อยจมูกถูกแผล
ล้มลงกลอกคอทำท้อแท้ เมียมาช่วยแก้ทุบต้นคอ
ลางคนถอยหลังเข้าบังเสา ร้องว่าพวกเราอย่ากลัวพ่อ
บ้างกำหมัดขัดเขมรไม่ย่อท้อ ใจคอเหี้ยมฮึกบึกบึน
เข้าชกเงาะเดาะเอาด้วยเข่าลา ล้มผวาเจ็บจุกลุกไม่ขึ้น
พูดไม่ออกกลอกหัวมัวมึน เพื่อนกันวิ่งครึนกระจายไป

ฯ ๑๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะทำเงื้อศอกบอกใบ้
เหลียวหลังเหลียวหน้าคว้าไม้ กวัดแกว่งแกล้งไล่กระชั้นชิด
เห็นเขยทั้งหกตกประหม่า ก็หวดไปหวดมาให้ผิดผิด
ควงตระบองลองแรงแผลงฤทธิ์ ไล่ติดตามตีหนีกระจุย
ดูเห็นเต็มกลัวก็หัวเราะ ยิ้มเยาะยกมือขึ้นกุ๋ยกุ๋ย
ตั้งท่าทีทำเป็นรำซุย เบี้ยวบุ้ยปากหลอกกลอกหน้าตา
เห็นหกเขยคอยจะถอยหลัง ก็หยุดยั้งยืนมองป้องหน้า
แล้วย่างเท้าสาวหมัดเข้ามา ถลึงตาขู่เข็ญเขม้นดู

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยเข็ดขยาดไม่อาจสู้
เหลียวซ้ายแลขวาหาประตู เอ๊ะอยู่แล้วกระมังครั้งนี้
บ้างเข้าแอบหลังภรรยา รุนเมียออกหน้าเจ้าอย่าหนี
ความกลัวตัวสั่นไม่สมประดี เต็มทีลงนั่งภาวนา
บ้างกำหมัดขัดเขมรหมายเขม้น ทำเป็นว่าพี่นี้คนกล้า
ครั้นเห็นเงาะถือไม้ใกล้เข้ามา ก็วิ่งล้มถลาขาแข้งเพลีย
ลางคนยืนนิ่งไม่วิ่งหนี อุตส่าห์ทำใจดีแก้เบี้ย
พูดจาอวดฮึกศึกหน้าเมีย สู้เสียชีวิตไม่คิดกลัว
ทำเหน็บรั้งตั้งมวยอยู่แต่นอก เห็นเจ้าเงาะเงื้อศอกก็กลอกหัว
ย่อท้อถอยหลังระวังตัว ต่างกลัวเงาะป่าทุกคนไป

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งหกบุตรีพี่ผู้ใหญ่
เห็นผัวกลัวเงาะก็ขัดใจ จึงว่าเอออะไรช่างไม่อาย
แต่เงาะป่าบ้าใบ้บัดสี ช่างชวนกันวิ่งหนีมันง่ายง่าย
เสียแรงกำเนิดเกิดเป็นชาย ไม่อดสูดูร้ายเขามั่งเลย
โมโหหันมาด่าน้องสาว ไม่ว่ากล่าวผัวมั่งทำนั่งเฉย
นิ่งให้ไอ้เงาะมาเยาะเย้ย ต่อยตีพี่เขยของตัวเอง
ขึ้นเสียงเถียงพี่แล้วมิหนำ ยังซ้ำให้ผัวตัวข่มเหง
ดูถูกผู้ใหญ่ช่างไม่เกรง มันเหมาะเหมงแล้วหรือนางรจนา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น รจนายิ้มพลางทางว่า
เออพี่นี้อะไรช่างพูดจา กลับมาว่ากระนั้นขันจริง
เดิมใครด่าทอก่อก่อน ควักค้อนเคืองขัดสะบัดสะบิ้ง
ครั้นเขาว่ามั่งก็ชังชิง ชวนกันวิ่งมาตามจะต่อยตี
หกเขยเข้ากลุ้มรุมกันชก ให้เอามือใส่พกเสียหรือพี่
สาแก่ใจเจ็บปวดอวดกล้าดี เออเดี๋ยวนี้จะให้ใครห้ามปราม
เมื่อเป็นผู้ใหญ่ไม่ไว้ตัว ยังจะมาว่าผัวข้าหยาบหยาม
ชะพี่เขยข้าหน้างามงาม บุ่มบ่ามบ้าเลือดไม่เหือดเลย
นั่นแน่แผลเก่าปากเป้ากัด ซ้ำมาถูกหมัดนิจจาเอ๋ย
ว่าพลางทางหัวเราะเยาะเย้ย พี่เขยพี่สาวฉาวไป

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมณฑาหนวกหูอยู่ไม่ได้
ลุกเดินออกมาว่าอะไร ไม่เกรงเนื้อเกรงใจผู้ใหญ่เลย
ล้วนแต่พี่น้องท้องเดียวกัน จะฆ่าฟันกันได้แล้วหรือเหวย
ลูกเต้าเช่นนี้กูมิเคย อกเอ๋ยแต่ละคนพ้นกำลัง
รจนาพาผัวออกไปเสีย เจ้าเหล่านี้ห้ามเมียเสียมั่ง
เอออะไรอื้ออึงตึงตัง หน้าที่ลุกที่นั่งชั่งไม่เกรง

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์ว่าเหม่มันข่มเหง
อ้ายเงาะป่ากล้าทำไม่ยำเยง กูออกสู้ดูเองลองสักยก
ทำไมกับใบ้บ้าตาขาว อีสาวสาวเหล่านี้อย่าวิตก
ลุกขึ้นขบฟันงันงก เห็นทั้งหกตาลายหมายว่าเงาะ
กระหยับย่างสามขุมสุ่มตะรัง ไม่ทันตั้งต่อยตำซ้ำศอกเดาะ
ถองลงตรงจมูกถูกจำเพาะ เขยใหญ่ใจเสาะร้องออกโอย
มองเขม้นเป็นครู่ก็รู้จัก ลงนั่งเหนื่อยหอบฮักหิวโหย
แล้วร้องด่าเงาะมี่น่าตีโบย มานี่โวยเล่นกับกูดูสักครั้ง
เห็นฮึกคึกคักขึ้นหนักหนา ไล่ล่วงเข้ามาหน้าที่นั่ง
แต่แค้นอ้ายหกคนพ้นกำลัง มันเฝ้าถอยหลังไปอย่างเดียว
ยังว่าตัวต่อตัวช่างชั่วชาติ น้อยหรือนี่ขี้ขลาดตาเหมี่ยว
เป็นฝูงเป็นคณาทำหน้าเซียว แต่อ้ายเงาะคนเดียวก็กลัวมัน
แล้วเรียกนางมณฑามาเสียนี่ ไม่พอที่พอทางออกกางกั้น
อย่าห้ามปรามเลยปล่อยให้ต่อยกัน ช่างมันเป็นไรจะได้ดู
น้อยหรือสนุกนักไม่พักหา ยังว่าจะให้มีมวยหมู่
ลูกเขยยายแต่ละคนพ้นรู้ ชะต้าน่าเอ็นดูเหมือนลูกเล็ก
ทุดอ้ายหกเขยใหญ่ช่างใจเสาะ ราวกับอ้ายเงาะมันกินเหล็ก
ถูกเจ็บเข้าไม่ได้ดังใจเจ๊ก แต่เด็กเด็กมันก็ดีกว่ามึง
อีเมียก็สุดใจมิใช่ชั่ว ดูหรือน้องของตัวก็โกรธขึ้ง
อีรจนาด่าพี่มี่อึง กระทืบตีนตึงตึงไม่เกรงกลัว
กูยังแค้นมึงอยู่ไม่รู้หาย หน้าไม่อายเอาอ้ายเงาะเป็นผัว
นี่หากหาปลาได้จึงรอดตัว หาไม่ก็หัวจะปลิวไป

ฯ ๒๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น รจนาหุนหันหมั่นไส้
เห็นบิดาเคืองขุ่นฟุนไฟ เข้าข้างเขยใหญ่ก็เดือดดาล
จึงชวนผัวไปลาพ่อตาเสีย อย่าอยู่ช้าพาเมียออกไปบ้าน
นางสอนให้นั่งลุกคุกคลาน กราบกรานท่านเสียหน่อยหนึ่งตามจน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะก้มกราบยิบสักสิบหน
แกล้งเลียนล้อต่อหน้าท้าวสามนต์ เฝ้าก่นหัวเราะริกกระดิกเท้า
เห็นพ่อตาทำไมก็ทำมั่ง เหมือนบ้าหลังจริงจริงยิงฟันขาว
ทำโจงกระเบนใหม่ไว้หางยาว แกล้วปัดหัวผัวพี่สาวของเมียไป
แล้วยืนมองป้องหน้าดูจมูก เห็นรอยถูกมีดเชือดเลือดยังไหล
ตบมือหัวเราะเยาะไยไพ บอกใบ้บุ้ยปากให้เมียดู
เห็นทั้งหกตกประหม่าก้มหน้านิ่ง ไม่ไหวติงเต็มกลัวตัวเป็นหนู
จึงชวนรจนาโฉมตรู ออกประตูรีบกลับไปฉับพลัน

ฯ ๘ คำ ฯ เพลงเร็ว

ช้า

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์เคืองขัดอัดอั้น
แกล้งให้หาปลาจะฆ่าฟัน อ้ายเงาะมันกลับได้มามากมาย
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแน่นใจ แม้นมิฆ่ามันได้ก็ไม่หาย
จึงตรัสแสร้งเสเพทุบาย จะต้องการเนื้อทรายมาเลี้ยงกัน
ทั้งหกหามาแก้ตัวใหม่ แม้นมิได้ชีวาจะอาสัญ
เสนาในไปบอกอ้ายเงาะนั้น หาเนื้อมาให้ทันวันพรุ่งนี้

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย

๏ บัดนั้น อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
ออกจากวังวิ่งเป็นสิงคลี ตรงไปยังที่บ้านปลายนา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงกระท่อมก็ด้อมดู เอ๊ะแล้วหลับอยู่กระมังหนา
ประหลาดใจมิได้ยินพูดจา เสนานั่งมองร้องเรียกอึง

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น รจนาคลี่ผ้าตาชุนขึง
ที่ไหนหย่อนผ่อนผูกเสียให้ตึง นั่งปักสะดึงกรึงกรอง
ตั้งเนื้อตั้งใจจะให้ผัว แต่งตัวไปกฐินเดือนสิบสอง
เจ้าเงาะแสนกลคนคะนอง หัดร้องนางนาคปากร่ายซอ
เอากระทายตีแทนรำมะนา ทำให้ภรรยาน่าหัวร่อ
รจนานิ่งฟังนั่งเอียงคอ เพราะหนักหนาหนอเจียวพ่อคุณ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ พอได้ยินเสนามาร้องเรียก ตื่นตะเกียกตะกายวายวุ่น
โดนสะดุดสะดึงผ้าตาชุน กระทายหกตกใต้ถุนลงไป
รจนาเดินออกมานอกชาน อำมาตย์เห็นหมอบกรานกราบไหว้
นางจึงถามทักซักไซ้ ธุระอะไรนะเสนา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาบังคมก้มหน้า
ทูลว่าสมเด็จพระบิดา ให้ข้ามาบอกนางโฉมยง
บัดนี้มีรับสั่งจำเพาะ ให้เจ้าเงาะหาเนื้อเข้าไปส่ง
พรุ่งนี้มิได้ดังใจจง จะให้ลงอาญาฆ่าฟัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น รจนาตระหนกอกสั่น
เข้าไปในทับฉับพลัน รำพันบอกผัวแล้วโศกา

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่

๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดช บิตุเรศพาลผิดจะคิดฆ่า
เมื่อวันวานท่านใช้ให้หาปลา ก็นึกว่าไม่รอดจะวอดวาย
นี่หากมีมนตร์ดลจึงพ้นภัย หาปลามาได้เอาไปถวาย
วันนี้มิหนำซ้ำอุบาย แกล้งย้ายสั่งมาให้หาเนื้อ
เป็นเหตุเพราะเงาะร้ายให้ถอดเสีย พ่อรูปทองของเมียมิได้เชื่อ
อ้อนวอนเท่าไรไม่เอื้อเฟื้อ นี่เนื้อแท้ว่าเวรากรรม
ว่าพลางทางทรงโศกา ชลนาฟูมฟองร้องร่ำ
สองกรข้อนอกจนฟกช้ำ ครวญคร่ำกำสรดโศกี

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

โอ้โลมใน

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะเยาะหยอกนางโฉมศรี
ซึ่งสั่งให้หาเนื้อคราวนี้ เห็นพี่จะอับจนไม่พ้นตาย
ถึงตัวจะบรรลัยก็ไม่ว่า วิตกแต่รจนาจะเป็นหม้าย
ว่าพลางแย้มยิ้มพริ้มพราย โอบอุ้มโฉมฉายขึ้นบนเพลา
สวมสอดกอดรัดสัมผัสต้อง นี่แน่น้องจะให้ตายเสียไยเปล่า
เชยแก้มแนมปรางทางโลมเล้า พี่ว่าเล่นดอกเจ้าอย่าตกใจ
ทำไมกับเนื้อถึกอย่านึกพรั่น สักพันหนึ่งสองพันก็หาได้
ไม่เคยเห็นฝีมือพี่หรือไร ร้องไห้ไยให้เสียน้ำตา
แต่เพียงนี้มิพอจะยากเย็น ร้องละครนอนเล่นเสียดีกว่า
เหมือนกันนั่นและกับหาปลา อะไรกับน้ำหน้าอ้ายหกคน
พรุ่งนี้มิปากก็ใบหู จะเชือดเสียให้ดูอีกสักหน
เสสรวลชวนนางนฤมล ขึ้นบนเตียงนอนสำราญใจ

ฯ ๑๒ คำ ฯ กล่อม

ร่าย

๏ ครั้นดาวเดือนเลื่อนลับเมฆา สุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
พระชมโฉมโลมนางทรามวัย ดวงใจเจ้าค่อยอยู่จงดี
ตะวันชายบ่ายหน่อยจะกลับมา แก้วตาอย่าหม่นหมองศรี
สั่งเสียเมียแล้วจรลี มาทรงเกือกแก้วมณีทันใด
จับไม้เท้าก้าวลงจากเคหา สำแดงอานุภาพแผ่นดินไหว
เหาะทะยานผ่านเมฆมาไรไร ตรงไปไพรวันอรัญวา

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงลงหยุดยั้ง ที่ร่มรังสูงใหญ่ใบหนา
พระถอดเงาะซ่อนไว้ให้ลับตา แล้วร่ายมนตร์มหาจินดาพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ ตระ

๏ ฝูงเนื้อในป่ามามากมาย ทั้งละมั่งกวางทรายและฉมัน
ดูดาษแดงไปทั้งไพรวัน เป็นฝูงฝูงวิ่งพันกันมา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น หกเขยคิดวิตกหนักหนา
ครั้นรุ่งรีบแต่งตัวกลัวจะช้า เรียกหาบ่าวไพร่พร้อมพรัก
บ้างหาแร้วบ่วงหวายหลายอย่าง ไปถึงกลางพงไพรจะได้ดัก
บ้างเอาผ้าพันพุงจูงสุนัข คึกคักขนข่ายขึ้นหลังช้าง
แล้วผูกม้าเคยขับสำหรับขา บังเหียนอานพานหน้าซองหาง
ม้าหลังเปล่าบ้างผูกเบาะบาง ต่างต่างแต่งอวดประกวดกัน
เกณฑ์กองกระบือบ่าวชาวบ้านนอก ล้วนถือหอกเสวียนแทงแข็งขัน
พรานปืนพื้นแม่นหมายสำคัญ โผงไรโผงนั้นไม่ผิดเลย
บ่าวผู้ชายตะพายย่ามถือกล่อง หิ้วปิ่นโตลายทองของเสวย
บ้างแบกเสบียงหาบหามตามเคย อย่าช้าเลยจวนสายจะเสียการ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นพร้อมเสร็จทุกสิ่งไม่นิ่งช้า หกองค์ทรงม้าออกจากบ้าน
รีบขับพาชีตะลีตะลาน พวกพรานนำหน้าพาไป

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ลุล่วงมรคามาถึง ป่าซึ่งมฤคาเคยอาศัย
สั่งให้ขึงข่ายไว้ชายไพร บ้างดักแร้วแล้วใส่บ่วงราว
ลางคนปักขวากที่ปากทาง หาช่างสันทัดขัดจั่นห้าว
ขี่กระบือเข้าค้นอยู่เกรียวกราว โห่ฉาวอึงไปทั้งไพรวัน

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ พรานปืนซุ่มรกขึ้นนกง่า สวนมาตามรอยจะคอยลั่น
หมายตรงหลงยิงเพื่อนกัน ล้มดิ้นยันยันอยู่แทบตาย
เนื้อถึกที่ไหนก็ไม่มี พบแต่เสือหมีหมูกระต่าย
ลงนั่งนึกปรึกษากับบ่าวนาย ดีร้ายจะเป็นเช่นหาปลา
ลางคนบ่นว่าข้าได้ทัก ไม่เซ่นวักพระไพรเจ้าป่า
จึงให้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา สังเวยเทวดาทันใด

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ แล้วขึ้นม้าพากันเที่ยวค้น พบรอยเกลื่อนกล่นมาใหม่ใหม่
ตาสอดลอดแลเห็นแต่ไกล โน่นมิใช่เนื้อหรือร้องอื้ออึง
หกเขยยินดีปรีดา วางม้าขับใหญ่เข้าไปถึง
เห็นพระสังข์นั่งอยู่ดูตะลึง งามละม้ายคล้ายคลึงเจ้าของปลา
เอ๊ะจะเป็นเช่นนั้นอีกกระมัง จมูกยังไม่หายขายหน้า
ว่าพลางทางลงจากม้า เข้าไปวันทาสุรารักษ์

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์แสร้งทำไม่รู้จัก
ลุกขึ้นขู่เข็ญเต้นคึกคัก ถามทักซักไซ้ไปไหนมา
เที่ยวซุกซี้ซุกซนเจ้าคนเอก โหยกเหยกยุ่งหยาบบาปหนา
มาลอบลักไล่เนื้อเบื่อปลา ข่มเหงเราเจ้าป่าพนาลี
ทำจู่ลู่ดูหมิ่นถิ่นแคลน ล่วงลัดตัดแดนมาถึงนี่
จะยำเยงเกรงใครก็ไม่มี เจ้าเหล่านี้คอจะหักสักคราว

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งหกตกประหม่าตาขาว
แข็งใจแจ้งความตามเรื่องราว ข้าเป็นลูกเขยท้าวสามนต์
พ่อตาให้หาเนื้อกับอ้ายเงาะ ทูลเดาะข้อความมาแต่ต้น
เอ็นดูด้วยช่วยชีวิตทั้งหกคน พอพ้นโพยภัยบรรลัยลาญ
ข้าหาเนื้อที่ไหนก็ไม่มี มฤคีหนีมาอยู่หน้าฉาน
เทพเจ้าจงได้โปรดปราน ขอประทานเนื้อไปให้พ่อตา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์ยิ้มพลางทางว่า
อันหมู่มฤคีนี้นา มันหนีมนุษย์มาพึ่งเรา
ข้างท่านก็ร้อนตัวกลัวภัย มาขอแล้วมิให้อย่างไรเล่า
เถิดซิบาปกรรมก็ทำเนา แต่จะให้เปล่าเปล่านั้นไม่เคย
ถ้ารักชีวิตจงคิดดู เนื้อจะแลกใบหูหกเขย
แม้มิยอมให้ไม่ได้เลย ผิดวิสัยสังเวยเทวา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น หกเขยได้ฟังนั่งก้มหน้า
เสียใจทุกคนบ่นนินทา เทวดาเดนแช่งมันแกล้งจริง
จมูกแล้วหูเล่าเจ้าเล่ห์ สมคะเนคงยักเอาสักสิ่ง
ขี้คร้านง้องอนวอนวิง ผิดก็เพียงผู้หญิงมันไม่รัก
ว่าพลางทางหยิบเอาดาบมา ส่งให้เทวดาทั้งฝัก
แล้วเอียงหูเข้าไปใจทึกทัก อย่าเชือดให้หนักนักเลยพ่อคุณ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์ฉุดหูกระชากลากหลุน
จะเชือดแต่เบาเบาเอาบุญ แล้วชักดาบญี่ปุ่นออกเงือดเงื้อ
เขยใหญ่ขยั้นพรั่นพรึง ร้องอึงอุยหน่าน่าเจ็บเหลือ
อย่างนี้ที่ไหนจะได้เนื้อ ทำทีจะเชือดเถือแล้วรั้งรอ
แกล้งขยับจับจ้องลองใจ เลือกเอาข้างไหนจะดีหนอ
เหนี่ยวหูขวาลงให้ก่งคอ แข็งข้อเชือดขาดเลือดสาดไป

ฯ ๖ คำ ฯ ปี่กลอง

๏ เมื่อนั้น หกเขยนิ่วหน้าน้ำตาไหล
จมูกแล้วหูเล่าเศร้าเสียใจ นี่เนื้อกรรมอะไรของเรา
เจ็บปวดนักหนาอุตส่าห์ทน ต่างคนบ่นออดนั่งกอดเข่า
เร่งอารักษ์ตักเตือนรบเร้า เนื้อจะให้ไหนเล่าอย่านิ่งนาน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสังข์ตั้งสัตย์อธิษฐาน
เนื้อถึงที่ตายก็วายปราณ มากประมาณสมหวังดังใจ
แล้วว่าอย่าพักประดักประเดิด เอาไปเถิดคนละตัวตามได้
ถ้าจะต้องการเนื้ออีกเมื่อไร อย่าเกรงใจจงออกมาบอกเรา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยละห้อยสร้อยเศร้า
คำนับรับสั่งแต่เบาเบา แล้วบังคมก้มเกล้าลามา
ทั้งบ่าวไพร่นายมุลวุ่นวาย ผูกมัดเนื้อทรายขึ้นใส่บ่า
หกองค์ทรงม้าแล้วไคลคลา ดั้นดัดลัดป่าไปธานี

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระสังข์สวมรูปเงาะของยักษี
ใส่เกือกแก้วแล้วมัดมฤคี ครบยี่สิบถ้วนล้วนมรณา
เอาไม้เท้าทำคานหาบห้อย ยกลอยขึ้นวางเหนืออังสา
สำแดงแผลงอิทธิ์ฤทธา เหาะทะยานผ่านฟ้ามาไรไร

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงลงหยุดอยู่ นอกประตูบ้านตัวริมรั้วไร่
นึกจะชวนรจนาคลาไคล กลัวจะไปทะเลาะเกาะแกะกัน
ไปแต่กูผู้เดียวดีกว่า จะได้ล้อพ่อตาเล่นขันขัน
ถึงทั้งหกจะชกต่อยตีรัน ได้สู้กันแต่ลำพังไม่กังวล
คิดแล้วเดินเดาะเหยาะย่าง หาบเนื้อมากลางท้องถนน
แกล้งทำเกะกะปะผู้คน เอาหาบชนล้มคว่ำคะมำไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หญิงชายชาวเมืองน้อยใหญ่
ต่างคนร้องว่าช่างกะไร เรี่ยวแรงสุดใจเจียวเจ้าเงาะ
หาบเนื้อที่ไหนมานักหนาหนอ ไม่หนักเลยหรือพ่อพาวิ่งเหยาะ
ลางคนบ้างกลัวบ้างหัวเราะ บ้างร้องเยาะงามเหวยลูกเขยพระยา
เด็กเด็กเซ็งแซ่เข้าแห่ห้อม พรั่งพร้อมล้อมหลังล้อมหน้า
บ้างร้องว่าเออเกลอกูมา เฮฮาโห่ฉาวกราวเกรียว
บ้างชวนว่าอย่าเพ่อไปก่อน อยู่รำละครสักประเดี๋ยว
เจ้าเงาะไม่หยุดฉุดเป็นเกลียว หน่วงเหนี่ยวห้ามปรามมาตามทาง

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะเห็นเด็กพร้อมล้อมรอบข้าง
พอถึงที่ราบราบเอาหาบวาง เข้ายืนกลางแล้วเล่นเต้นรำไป
ใครตบมือผิดพลั้งจังหวะ ปะเตะปะตะต่อยถองจนร้องไห้
แกล้งทำฮึดฮัดขัดใจ ยกหาบขึ้นได้เดินดุ่มมา
ใครจะห้ามอย่างไรไม่ฟังเจ้า ตรงเข้าท้องพระโรงข้างหน้า
ทิ้งเนื้อลงไว้ให้พ่อตา แล้วเดินไปเดินมาไม่เกรงกลัว

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์เห็นมันให้คันหัว
เรี่ยวแรงกะไรเหมือนควายวัว เนื้อยี่สิบตัวช่างหาบมา
ไม่สมหวังดังจิตที่คิดไว้ หุนหันหมั่นไส้จะใคร่ฆ่า
เห็นมันแล้วหรือเจ้ามณฑา หยาบช้าทะนงตัวไม่กลัวใคร
แค้นใจอ้ายเขยทั้งหกคน มันไปเที่ยวซุกซนอยู่ข้างไหน
ทำให้อายขายหน้าทุกคราไป อีเมียก็ไม่กำชับกัน

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น หกเขยไม่สบายรีบผายผัน
ครั้นถึงจึงขึ้นพระโรงคัล บ่าวแบกเนื้อรันขึ้นไปตาม
เห็นเนื้อเงาะนักหนาช่างหาได้ หลากใจใครช่วยมันหาบหาม
คิดกลัวตัวสั่นครั่นคร้าม กราบสามทีแล้วลงก้มพักตร์

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์ผุดลุกขึ้นกุกกัก
ชะลูกเขยข้ามันน่ารัก ช่างได้เนื้อขาหักที่ไหนมา
ยิ่งให้แก้ตัวยิ่งชั่วซ้ำ จะใคร่ทำโทษทัณฑ์ฟันฆ่า
นี่หากคิดนิดเดียวด้วยธิดา จะเป็นหม้ายอายหน้าประชาชน
บ่าวไพร่ไปด้วยก็พร้อมเพรียง ชอบแต่สับเสี่ยงเสียให้ป่น
ก้มหน้าอยู่ไยไอ้หกคน ดีแต่จะบ่นนินทากัน
เออหูถูกอะไรเลือดไหลหยด ช่างเป็นเหมือนกันหมดอย่างไรนั่น
ไปเรือจมูกวิ่นสิ้นทั้งนั้น เข้าไพรวันหูแหว่งกูแคลงใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกเขยก้มหน้าน้ำตาไหล
กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ ผันแปรแก้ไขไปตามจน
ข้าไปหาเนื้อวันนี้ ช่างกระไรไม่มีทุกแห่งหน
ให้บ่าวไพร่ไล่บุกซุกซน ลดเลี้ยวเที่ยวด้นค้นคว้า
ชะรอยฝีปีศาจประหลาดเหลือ ซ่อนเนื้อเสียสิ้นทั้งป่า
แล้วดูเหมือนมีดน้อยลอยลงมา ถูกหูข้าแหว่งวิ่นสิ้นทุกคน
ทั้งนี้ก็เพราะเคราะห์ของลูก มาซ้ำถูกผีสางที่กลางหน
ต้องปลูกศาลเซ่นสรวงบวงบน จึงได้เนื้อแต่คนละตัวเดียว
บ่ายคล้อยหน่อยหนึ่งก็กลับมา ผีพาหลงไปในไพรเขียว
ลำบากบุกชัฏลัดเลี้ยว จนหน้าเซียวแสบท้องเต็มที
รีบเดินแทบตายถึงชายทุ่ง ก็ขับม้าหมายมุ่งมากรุงศรี
เป็นความสัตย์ทุกสิ่งจริงอย่างนี้ ภูมีจงทรงพระเมตตา

ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์สำรวลสรวลร่า
ตบพระหัตถ์ตรัสแก่นางมณฑา มันงามหน้าแล้วเหวยลูกเขยยาย
จมูกแหว่งหูวิ่นสิ้นทุกคน สมประกอบชอบกลใจหาย
ทั้งสองหนก่นแต่เคราะห์ร้าย ช่างไม่อายอดสูเลยดูเอา
ยังว่าจะหาญฮึกทำศึกเสือ แต่หาปลาหาเนื้อก็แพ้เขา
คิดจะใคร่ฆ่าตีอ้ายขี้เค้า มันจะตายเสียเปล่าไม่เข้ายา
แล้วเหลียวมาว่ากับลูกสาวใหญ่ มึงเห็นผัวหรือไม่น่าขายหน้า
จมูกแหว่งหูวิ่นเวทนา อนิจจานิจจาเป็นน่ากลัว

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น หกนางต่างพิศดูผัว
สารพัดวิปริตผิดตัว มันช่างชั่วจริงจริงทุกสิ่งไป
จมูกโหว่แล้วมิหนำซ้ำหูแหว่ง เหมือนใครแกล้งเอามีดเชือดเลือดไหล
ลางคนบ่นว่าไม่น่าอะไร จมูกใบหูวิ่นสิ้นงาม
บ้างว่าน่าอายกับอ้ายเงาะ มันยิงฟันหัวเราะเยาะเย้ยหยาม
ดูดู๋หน้าดำเป็นน้ำคราม ไม่หมดจดงดงามเหมือนเก่าเลย
ลางคนเคืองค้อนแล้วข้อนว่า สมเพชเวทนานิจจาเอ๋ย
ไม่น่าสมาคมชมเชย แต่นี้ไปไม่เลยแล้วพ่อคุณ
บ้างบ่นออดกอดเข่าเกาหัว โกรธผัวตัวสั่นหันหุน
ทุกข์ทนพ้นกำลังนั่งง่วงงุน ต่างคนเคืองขุ่นวุ่นวายใจ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะย่างย่องมองมาใกล้
เห็นพ่อตาอาธรรม์เข้ากันไป ไม่เอาโทษเขยใหญ่ดังสัญญา
ทำนับเนื้อที่กองลองเล่น จะให้เห็นว่าใครได้มากกว่า
ชี้ไปตรงพระแสงแกล้งกลอกตา เงื้อง่าท่าทีเหมือนฟาดฟัน
แล้วชี้เข้าที่คอเขยใหญ่ บอกใบ้ให้รู้ดูขันขัน
ตบมือหัวร่ออยู่งองัน เย้ยหยันหลอกล้อท่านพ่อตา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์ว่าเหม่อ้ายเงาะป่า
จองหองพองขนพ้นปัญญา ใบ้บ้าไม่เสงี่ยมเจียมตัวเลย
กลับจะมาชี้มือทำซื้อรู้ สอนกูให้ฆ่าอ้ายหกเขย
มิหนำซ้ำหัวเราะเยาะเย้ย เกินเลยนักหนาน่าขัดใจ
รู้แล้วคะชะเจ้ามันดีเหลือ หาเนื้อได้มากกว่าเขยใหญ่
ขึ้นหน้ามาอวดข้าหรือไร กูฝากมึงไว้ด้วยเถิดวะ
คิดคิดขึ้นมาน่าต่อยตบ บ้าใบ้บัดซบพึ่งพบปะ
เถิดจะงดอดโมโหถวายพระ ถ้าทีหลังแล้วนะไม่ละมึง
ดูดู๋ยังทะนงองอาจ หัวจะขาดแม่นมั่นสักวันหนึ่ง
พระกริ้วโกรธโกรธาด่าอึง แล้วผินหลังนั่งบึ้งอยู่บนเตียง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เขยใหญ่ทูลขยายบ่ายเบี่ยง
อ้ายเงาะนี้หยาบช้าไม่น่าเลี้ยง คนผู้จะดูเยี่ยงทั้งเวียงชัย
ไม่เกรงไม่ยำทำเกะกะ จะกลัวพระบิดาก็หาไม่
ชะรอยเป็นปีศาจประหลาดใจ ดูตามันมิใคร่จะกะพริบ
วิปริตผิดมนุษย์นักหนา ข้าเห็นว่าอ้ายนี่เป็นผีดิบ
มีกำลังพลังดังกินทิพ เนื้อยี่สิบหาบมาถึงธานี
สารพัดผักปลาหาได้คล่อง เพราะมันเป็นพวกพ้องกันกับผี
เงาะเงยไม่เคยเห็นเช่นนี้ ภูมีอย่าไว้วางพระทัย
ขอให้ไสหัวเสียจากวัง น่าชังชั่วชาติอุบาทว์ใหญ่
จะละให้บ้าหลังเข้าวังใน นานไปจะเคืองเบื้องบทมาลย์

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์ร้อนใจดังไฟผลาญ
พิเคราะห์ดูเห็นจริงยิ่งรำคาญ ให้หนาวสั่นสะท้านไปทั้งตัว
โบกพระหัตถ์ตรัสสั่งเสนา อ้ายเงาะป่าปีศาจชาติชั่ว
ทั้งหกมันว่ากูน่ากลัว ไสหัวออกไปเสียจากวัง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนาคำนับรับสั่ง
ลุกขึ้นขัดเขมรเหน็บรั้ง พร้อมพรั่งนายไพร่ไม่ย่อท้อ
บ้างขู่ขับจับไม้เงื้อง่า เงาะป่าไม่กลัวทำหัวร่อ
ลางคนเข้าไปจะไสคอ เจ้าเงาะงอหมัดชกก็ตกใจ
บ้างยุคนข้างหน้าว่าอย่ากลัว ปลิ้นปลอกออกตัวไม่เข้าใกล้
หกเขยร้องว่าช้าอยู่ไย เข้าผลักไสเสนาให้คร่ายื้อ
ผู้คนเข้าพร้อมล้อมหน้าหลัง ลากลู่ถูกังออกอึงอื้อ
เจ้าเงาะเหวี่ยงวัดสะบัดมือ บ้างล้มกลิ้งวิ่งฮือกระจายไป

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะทำโกรธาคว้าไขว่
ปะเตะต่อยทุบถองว่องไว เลี้ยวไล่ประชิดติดพัน
มือจับอำมาตย์ข้างละคน เอาหัวชนกันเล่นให้เห็นขัน
ทั้งสองร้องดิ้นอยู่ยันยัน เจ้าเงาะหัวเราะงันชอบใจ
เห็นเขยทั้งหกทำงกเงิ่น แกว่งไม้เท้าก้าวเดินเข้ามาใกล้
ยิ่งถอยยิ่งประชิดติดไป ยิ่งวิ่งยิ่งไล่กระโชกมา
เห็นท้าวสามนต์อยู่บนเตียง ก็ยืนเมียงเขม้นมองป้องหน้า
ขู่ตะคอกหลอกล้อพ่อตา เงื้อง่าทำทีจะตีรัน

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวสามนต์ตื่นกลัวตัวสั่น
ไม่สู้ไม่รบหลบเป็นควัน งันงันงกงกพลัดตกเตียง
สำคัญว่าเงาะตีถูกศีรษะ สิ้นสติมานะร้องเต็มเสียง
นี่แน่ยายดูทีหรือที่เพรียง หัวข้าแตกกี่เสี่ยงไม่รู้เลย
นางมณฑาว่าไฮ้ที่ไหนนั่น เมื่อดีอยู่ทั้งนั้นนี่พ่อเอ๋ย
ตื่นเต้นเช่นนี้ข้ามิเคย ลูกเขยของตัวกลัวมันไย
ท้าวสามนต์ว่ากล้าก็อย่าหนี เหลือกำลังแล้วพี่ไม่อยู่ได้
ว่าพลางเหวี่ยงวัดสะบัดไป เมียยุดฉุดไว้พัลวัน
หกนางต่างชิงกันวิ่งหนี สิ้นสติสมประดีไม่มีขวัญ
นักสนมกรมในทั้งนั้น วิ่งปะทะปะกันล้มลุก
หกเขยผลุนโจนโดนพ่อตา คิดว่าอ้ายเงาะซ้ำปล้ำปลุก
บ้างวิ่งไปซุ่มซ่อนซอนซุก หมู่มุขมนตรีหนีพล่านไป

ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น นางมณฑาเห็นผัวกลัวเงาะใบ้
วิ่งหนีเหนื่อยบอบหอบหายใจ จึงว่าไฮ้อะไรนี่น่าชัง
พ่อเจ้าเถิดพ่อคุณอย่าวุ่นวาย ไม่อดสูดูร้ายเขามั่ง
ว่าแล้วลากลู่ถูกัง ผลักให้นั่งบนเตียงเสียงตึง
เห็นผัวตัวสั่นขวัญแขวน คอยจะแล่นลุกยืนตื่นทะลึ่ง
นางฉวยฉุดยุดมืออย่าดื้อดึง หยิกทึ้งทุบหลังให้นั่งลง
ท้าวสามนต์ได้คิดผิดแล้วแม่ คนแก่คนเฒ่าเฝ้าลืมหลง
พี่ไม่ขี้ขลาดดอกบอกตรงตรง ทีนี้คงค่อยยังชั่วไม่กลัวมัน
แต่เหน็ดเหนื่อยนักหนายังว้าวุ่น แม่คุณเถิดขอน้ำกินสักขัน
หยิบจอกพลัดตกงกงัน เห็นเงาะยังอยู่นั่นพรั่นพรั่นใจ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าเงาะทำเป็นหาเห็นไม่
มองมองแล้วเมินเดินถือไม้ เข้ามาข้างเขยใหญ่ทั้งหกคน
เห็นเหงื่อไหลไคลย้อยอยู่โซมหน้า ก็หยิบกามาก้มอมน้ำพ่น
หัวหูเปียกปอนหายร้อนรน ทำปากบ่นเสกน้ำซ้ำสาดรด
เห็นหกเขยเสยผมก้มหน้าอยู่ ก็ฉุดหูออกไปเลือดไหลหยด
แกล้งจูงพาเที่ยวเลี้ยวลด ถือไม้เท้าแทนตะพดเหมือนวิ่งวัว
เห็นพี่เมียเมียงมองอยู่ช่องฉาก ก็บุ้ยปากให้ดูใบหูผัว
เอามือคลำทำเจ็บหูตัว ปัดแมงวันสั่นหัวยั่วเย้า
เห็นพ่อตาหน้าบึ้งขึ้งโกรธ ทำขอโทษนั่งลุกคุกเข่า
ก้มกรานคลานหมอบพินอบพิเทา กราบแล้วกราบเล่าเฝ้าหลอกล้อ
ฉวยได้ฝาชีที่ขันน้ำ แกล้งทำปะเตะเล่นเช่นตะกร้อ
ท้าวสามนต์โกรธาด่าทอ เจ้าเงาะหัวร่ององอไป
แล้วคุกเข่าเข้ามาลาแม่ยาย ทำอุบายชี้มือบอกใบ้
ลุกขึ้นเดินลอยชายสบายใจ กลับไปกระท่อมทับฉับพลัน

ฯ ๑๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา นั่งใกล้รจนาเมียขวัญ
แล้วแถลงแจ้งความทุกสิ่งอัน สรวลสันต์สำราญทั้งสองรา

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ