เดือน ๑๒ จ.ศ. ๑๒๓๗

แผ่นที่ ๖๑ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้นค่ำ ๑

ลงทรงเรือกลไฟลำเล็กของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์เปนเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางชลมารคไปทางคลองคูเมือง ไปทาง ๗๔ เส้น ๙ วา ประทับท่าฉนวนวัดศาลาปูน เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว นายไชยขรรค์อ่านรายงานพระสงฆ์วัดนั้นกราบบังคมทูลจำนวนพระสงฆ์พระอารามนั้น พระธรรมราชานุวัติ เปนพระราชาคณะอธิบที่ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ เรียนวิปัสนาธุระ ๕ เล่าสวดมนต์ ๑๕ รวมพระสงฆ์พระอารามนั้นได้ ๓๒ รูป ครั้นอ่านถวายแล้ว จึงพระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูป ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเอาไปห่มพระพุทธรูป แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถ ๒๔ เล่มให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณทรงประเคนพระสงฆ์ แล้วทรงถวายกฐิน ครั้นทรงจบพระสงฆ์ก็รับสาธุ แล้วทรงยกผ้าไตรไปตั้งริมอาสน์ พระธรรมราชานุวัติก็ว่าคำปฤกษาสงฆ์ ครั้นว่าจบลง พระปลัดจึงถามพระสงฆ์เปนใจความว่า เห็นสมควรแก่พระธรรมราชานุวัติเปนต้น พระสงฆ์ก็รับสาธุพร้อมกัน พระสงฆ์ ๒ รูปจึงสวดให้ผ้ากฐินนั้นด้วยญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงถวายผ้าไตรพระสงฆ์ถานานุกรม ๓ รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้า ครั้นครองผ้าแล้ว พระธรรมราชาก็กรานกฐินด้วยผ้าสังฆาฏิ แล้วก็บอกด้วยคำมคธแก่พระสงฆ์ให้อนุโมทนา พระสงฆ์ก็อนุโมทนา ครั้นอนุโมทนาแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์ถวายของเครื่องไทยธรรม พระธรรมราชานุวัติก็ถวายยถาพระสงฆ์สัพพีแล้วสวดกาเลอนุโมทนาทาน แล้วถวายอติเรก ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ แล้วโปรด ฯ พระราชทานเทียนนมัสการให้นายเล่ห์อาวุธไปบูชาพระเจดีย์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือกลไฟพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์

----------------------------

แผ่นที่ ๖๒ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้นค่ำ ๑

ไปประทับณฉนวนวัดขุนญวน เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงรับผ้าไตรกฐินทรงอุ้มเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการเสร็จแล้ว นายสนองก็อ่านรายงานวัดกราบบังคมทูล ฯ ตามธรรมเนียม จำนวนพระสงฆ์ที่วัดนั้น พระครูปลัดมหาเถรานุวัติ ๑ พระวินัยธรรม ๑ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒ เรียนคันถธุระ ๕ เล่าสวดมนต์ ๑๐ รวม ๑๙ รูป ขณะนั้นพระราชทานผ้าห่มพระให้เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาไปห่มพระพุทธรูป แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถ ๒๔ เล่ม ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายพระสงฆ์ แล้วทรงถวายกฐิน พระสงฆ์รับสาธุแล้ว พระสงฆ์ทั้งปวงยอมให้พระครูปลัดมหาเถรานุวัติครองกฐิน พระสงฆ์สวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงประเคนไตรพระสงฆ์องค์หนึ่ง พระสังฆครองผ้าแล้วก็กรานกฐินดุจวัดศาลาปูนนั้น ครั้นแล้วเสร็จ ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ถวายเครื่องไทยธรรมปริขารกฐิน พระสงฆ์ถวายยถาสัพพีแลสวดกาเลอนุโมทนาแล้ว พระพรหมเทพาจารย์ซึ่งมานำนั้นก็ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภะวะตุสัพจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถไปประทับฉนวน เสด็จลงทรงเรือกลไฟของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เสด็จพระราชดำเนิรไปตามลำคลองคูเมือง ไปออกปากคลองศีร์ษะแหลม แล้วไปเข้าคลองวัดภูเขาทอง เสด็จประทับที่เรือพระที่นั่งแหวดพร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอที่ตามเสด็จนั้นด้วย กำหนดระยะทางตั้งแต่ฉนวนวัดศาลาปูนถึงฉนวนวัดภูเขาทองเปนทาง ๖๐ เส้น ๕ วา รวมทางตั้งแต่วังจันทรเกษมถึงฉนวนวัดภูเขาทองทาง ๑๓๔ เส้น ๑๔ วา เสด็จประทับณเรือพระที่นั่งแหวดนั้น ได้ทรงซื้อของ ๆ พระราชทานให้เลี้ยงข้าราชการซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิร แลทรงซื้อพระราชทานพวกเรือเพลงแลเรือที่ราษฎรไปเล่นนั้น ครั้นทรงซื้อพระราชทานแจกทั่วแล้ว ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งสี่กรรเชียงชื่อสุนทรทิพยอาสน์ ประพาสตามลำคลองมหานาค พระเจ้าน้องยาเธอที่ตามเสด็จในเรือพระที่นั่งนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ (ทรงถือท้าย) ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ เสด็จพระราชดำเนิรไปตามลำคลองมหานาค แล้วไปออกคูเมืองแล้วไปเข้าคลองตะเคียนมาออกแม่น้ำเจ้าพระยา เสด็จล่องลงมาประทับณบางปอิน พอเวลาค่ำ

----------------------------

แผ่นที่ ๖๓ ออกวันศุกร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒

เสด็จขึ้นพระที่นั่งไอศวริยทิพย์อาสน์ เสด็จขึ้นข้างใน ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกประทับณพระที่นั่งชั้นล่างมุขตวันออก เสด็จประทับณโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ เสวยณที่นั้น ครั้นเสวยแล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับณเรือพระที่นั่งสำหรับประพาสเล่นลำเล็กซึ่งจอดอยู่ในสระ เสด็จประทับทรงตรัสประภาษเล่นอยู่จนเวลา ๒ ยาม เสด็จขึ้นพระที่นั่งไอศวรรยทิพยอาสน์ เสด็จขึ้นข้างใน อนึ่งการทำบุญนี้ แลการที่เสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ยักเกตขาว พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการนั้นสวมเสื้อฟรอกโก๊ต ด้วยเปนการตามเสด็จพระราชดำเนิรทางไกล

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

การเสด็จพระราชดำเนิรประพาสต่าง ๆ

ณวันพุธ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาย่ำรุ่งเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องสำหรับประพาสนกสีน้ำตาล (คือชุดติงซุด) พร้อมทั้งสำรับ เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งกลไฟเล็ก (ของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์) พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทตามเสด็จสวมเสื้อต่าง ๆ ตามเสด็จในเรือพระที่นั่งบ้าง ในเรือกลไฟเล็ก (ของเจ้าหมื่นไวยวรนาถ) เปนเรือพระที่นั่งรอง แลเรือประทีปทัศนาการ เปนเรือเครื่องท้าวราชกิจวรภัตร์เปนผู้แต่ง ครั้นแล้วจึงแล่นขึ้นไปเข้าในคลองบ้านสร้างประทับที่วัดขนอน (ในคลองนั้น) เมื่อเวลาบ่ายโมงเศษ แล้วจึงเสด็จลงทรงเรือพายม้า สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี พระองค์เจ้ากาพย์ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ลงในเรือพระที่นั่งไปประพาสนก ครั้นเวลา ๓ โมงเศษจึงเสด็จกลับมาเสวยที่เรือพระที่นั่ง (กลไฟ) นั้นครู่หนึ่ง แล้วจึงออกเรือพระที่นั่งกลับจากที่นั้น เวลา ๔ โมงเศษ ถึงบางปอิน เสด็จขึ้นครู่หนึ่งแล้วจึงเสด็จออก เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีซึ่งกลับมาแต่เมืองนครไชยศรี

----------------------------

แผ่นที่ ๖๔ ออกวันเสาร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒

ขึ้นเฝ้า แล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ไปจุดเทียนที่ศาลา ซึ่งปลูกขึ้นเปนศาลา ๓ ห้องในประธาน เฉลียงรอบตัว ปลูกด้วยไม้ไผ่สำหรับจะมีเทศน์มหาชาติ การนี้พระยามหามนตรีเปนผู้จัดการ ครั้นจุดเทียนแล้วพระดิศวัดกำแพงริมวัดชุมพลนิกายาราม แขวงบางปอินขึ้นเทศน์คาถาพันธ์ในพระมหาเวสสันดรชาดก เมื่อว่าคาถาจบลงกัณฑ์ใด จึงประโคมพิณพาทย์มีเพลงตามกัณฑ์นั้น ๆ คือ ประโคมอย่างนี้

ที่ ๑ กัณฑ์ทศพร ๑๙ พระคาถา ประโคมเพลงสาธุการ

ที่ ๒ กัณฑ์หิมวันต์ ๑๓๔ พระคาถา ประโคมเพลงตวงพระธาตุ

ที่ ๓ กัณฑ์ทานกัณฑ์ ๒๐๙ พระคาถา ประโคมเพลงพระยาโศก

ที่ ๔ กัณฑ์วันประเวศ ๕๗ พระคาถา ประโคมเพลงพระยาเดิน

ที่ ๕ กัณฑ์ชูชก ๗๙ พระคาถา ประโคมเพลงเส้นเหล้า

ที่ ๖ กัณฑ์จุลวัน ๓๕ พระคาถา ประโคมเพลงเชิดกลอง

ที่ ๗ กัณฑ์มหาวัน ๘๐ พระคาถา ประโคมเพลงพิราพร่อน

ที่ ๘ กัณฑ์กุมาร ๑๐๑ พระคาถา ประโคมเพลงโอดเชิดฉิ่ง

ที่ ๙ กัณฑ์มัทรี ๙๐ พระคาถา ประโคมเพลงโอดทะยอย

ที่ ๑๐ กัณฑ์สักบัพ ๔๓ พระคาถา ประโคมเพลงกลม

ที่ ๑๑ กัณฑ์มหาราช ๖๙ พระคาถา ประโคมเพลงกราวนอก

ที่ ๑๒ กัณฑ์ฉกระษัตริย์ ๓๖ พระคาถา ประโคมเพลงตระ

ที่ ๑๓ กัณฑ์นครกัณฑ์ ๔๘ พระคาถา ประโคมเพลงกลองโยน

ครั้นเวลาเช้าประมาณ ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์แล้วจึงเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งสำปั้น ข้ามสระไปที่ศาลาที่มีเทศน์ครู่หนึ่ง ในที่นั้นเปนเวลาแดดร้อนจัดนักจึงเสด็จกลับแล้วเสด็จขึ้น พระดิศซึ่งเทศน์คาถาพันธ์ในมหาเวสสันดรชาดกนั้น เทศน์อยู่จนเวลาประมาณบ่าย ๓ โมงเศษจบแล้ว พระองค์เจ้าที่ทรงพระเยาว์จึงถวายของกับเงินเปนค่ามูลกัปปิยะราคา ๕ ตำลึง ครั้นเวลาเย็นประมาณ ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ยืดพระภูษาแดง เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งสุนทรทิพยอาสน์ พร้อมด้วยพระองค์เจ้าเทวัญกรรเชียงที่ ๑ กรมหมื่นนเรศร์กรรเชียงที่ ๒ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีกรรเชียงที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกรรเชียงที่ ๔ พระองค์เจ้ากาพย์เปนผู้ถือท้ายเรือพระที่นั่งนั้น เจ้านายที่ทรงกรรเชียงในเรือพระที่นั่งนั้นทรงเสื้อยืดผ้าทรงพื้นแดง แต่พระองค์เจ้ากาพย์นั้นทรงแต่งเปนอย่างทหาร แล้วจึงแล่นเรือพระที่นั่งออกจากข้างท้ายสระทิศตวันตก แล่นขึ้นไปอ้อมเกาะบางปอินข้างนอก แล้วกลับเข้าในสระทางเดิมเสด็จประทับเรือพระที่นั่งปิกนิกลำเล็ก ซึ่งจอดอยู่ที่บันไดตรงสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งไอศวรรยทิพยอาสน์

----------------------------

แผ่นที่ ๖๕ ออกวันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒

แลพระยาศรีสิงหเทพซึ่งขึ้นไปแต่กรุงเทพ ฯ เฝ้าณที่นั้น แล้วจึงเสด็จขึ้นครู่หนึ่ง เจ้าพนักงานจึงเลื่อนเรือพระที่นั่งปิกนิกไปประทับที่หน้าศาลาซึ่งมีเทศน์ (ที่ได้ว่ามาแต่เช้านี้แล้ว) แล้วเวลาประมาณทุ่มเศษ จึงเสด็จลงเรือพระที่นั่งสำปั้นไปประทับที่เรือพระที่นั่งปิกนิก เจ้าอธิการฉายวัดบางนางร้า แขวงกรุงเก่า จึงขึ้นถวายเทศน์ชูชกกัณฑ์ที่ ๕ ในมหาเวสสันดรชาดก แลในเวลานั้นเสวยพระกระยาหารเวลาค่ำในเรือพระที่นั่งปิกนิกนั้น แล้วนายชื่นหน้าดำซึ่งเปนหมอในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์นั้น ขึ้นเทศน์ซ้อน แลพระเทศน์จนเวลา ๔ ทุ่มเศษจึงจบ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติถวายของแลเงินเปนมูลกัปปิยะราคา ๕ ตำลึง กับเงินส่วนที่เทศน์ติดเทียนทีละน้อย ๆ อิกประมาณ ๒ ตำลึงเศษเปน ๗ ตำลึงเศษ เพราะการที่เทศน์นี้มีขอกันได้ต่าง ๆ เหมือนกันกับเทศน์นอก ๆ ครั้นเทศน์จบแล้ว พระเจิมวัดพระยาทำกรุงเทพ ฯ จึงขึ้นถวายเทศน์มหาวันกัณฑ์ที่ ๗ ในพระมหาเวสสันดรชาดก แลพระชุมวัดกุฎีทองแขวงกรุงเก่าจึงขึ้นเทศน์ซ้อน เทศน์จนเวลา ๒ ยามเศษจบลง พระองค์เจ้าเกษมสันต์ถวายของพระเจิมกับเงินคิดรวมทั้งสิ้นประมาณ ๘ ตำลึงเกือบ ๙ ตำลึง แลพระองค์เจ้าทองแถมถวายของพระชุ่มกับเงินคิดรวมประมาณ ๗ ตำลึงเศษ แล้วพระพุ่มพิธีธรรมวัดราชบุรณะกรุงเทพ ฯ จึงขึ้นถวายเทศน์มหาราชกัณฑ์ที่ ๑๑ ในมหาเวสสันดรชาดกในเวลา ๘ ทุ่มเศษจึงจบ แล้วพระองค์เจ้าเกษมสันต์ถวายของกับเงินคิดรวมทั้งในประมาณ ๘ ตำลึงเศษ แล้วจึงเสด็จทรงเรือพระที่นั่งสำปั้นเสด็จกลับ เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งไอศวรรยทิพยอาสน์

แก้ความในใบที่ ๓๔

ความที่จะแก้เหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงติว่ายังไม่ชัดเจนแลไม่เรียบดี คือ (๑) แผ่นที่ ๓๔ ด้านข้างหน้า

----------------------------

แผ่นที่ ๖๖ ออกวันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๒

บันทัดที่ ๕ ลงไปนั้นที่ว่า มีเครื่องสูงตั้งรอบแลมีพระเครื่องตั้งด้วยนั้น ความยังไม่ชัดว่าพระเครื่องอะไรตั้งด้วย ต้องแก้เติมเปนพระเครื่องราชูปโภคตั้งด้วยดังนี้ (๒) ในแผ่นที่ ๓๔ ข้างหน้าบันทัดที่ ๒ ขึ้นไปนั้น ที่วัดศิริอำมาตย์นั้นยังไม่งามดี ต้องแก้เปนวัดบุญศรีมาตยาราม (๓) ในแผ่นที่ ๓๔ ข้างด้านหลังบันทัดที่ ๑ ลงไปที่ว่าพระอริยมุนีเปนประธานนั้น ความขาดอยู่ ต้องเติมว่าพระอริยมุนเปนประธานาธิบดี (๔) ในแผ่นที่ ๓๔ ข้างด้านหลังบันทัดที่ ๗ ขึ้นไปที่ว่าจบแล้วจึงทรงทอดผ้าสดัปกรณ์นั้นผิดไป ไม่ได้ทรงทอด ทรงประเคนแต่พระญาณสมโพธิ ด้วยการซึ่งมีเทศน์นี้ เปนส่วนมีในการพระราชพิธีลอยพระประทีป มิใช่ในการสดัปกรณ์พระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะฉนั้นจึงมิได้ทรงทอดผ้าสดัปกรณ์

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

เสด็จพระราชดำเนิรจากเกาะบางปอิน

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งปิกนิก ออกจากท่าบางปอินอ้อมเกาะขึ้นไปทางวัดชุมพลนิกายาราม แล้วล่องลงมาตามทางซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไป ครั้นถึงวัดบางพัง เรือพระที่นั่งที่ประทับท่าวัด เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรบนวัดเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายเทียนซึ่งสำหรับจุดทำปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์ นายสนิทจึงทูลรายงานพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายกฐิน พระสงฆ์รับแล้ว ก็อุปโลกแลสวดญัติจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายไตรปีแก่ถานานุกรม ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้วก็อนุโมทนากฐิน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ถวายเครื่องปริขารแก่พระครูธรรมวิจารณ์ผู้ครองกฐิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระเต้าสิโนทก พระครูธรรมวิจารณ์ก็ถวายยถา พระสงฆ์สวดสัพพีกาเล แล้วพระคุณวงศ์ซึ่งมานำนั้น ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภะวะตุสัพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายเงินแก่พระครูธรรมวิจารณ์เปนมูลกัปปิยะภัณฑ์ ๕ ตำลึง เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งสองลงมาประทับวัดรามัญ จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายเทียน นายไชยขรรค์จึงทูลรายงานพระสงฆ์ ครั้นทรงถวายกฐินแล้ว พระสงฆ์ก็รับ แล้วอุปโลกแลสวดญัติเสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๖๗ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๔ ค่ำ

จึงทรงถวายไตรปีแก่ถานานุกรม ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้วก็อนุโมทนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติถวายของแก่พระครูอินทมุนีผู้ครองกฐิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ก็สวดเหมือนกันกับวัดก่อน แต่พระอุดมญาณถวายอติเรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายเงินแก่พระครูอินทมุนีเปนมูลกัปปิยะภัณฑ์ ๔ ตำลึง เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งล่องลงมาประทับวัดปากอ่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปทอดกฐินวัดสนาม เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งประทับเกย ทรง พระที่นั่งราชยานไปประทับหน้าพระอุโบสถ จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายเทียน นายสนองจึงทูลรายงานพระสงฆ์ ครั้นทรงถวายกฐินแล้วพระสงฆ์รับแล้วอุปโลกแลสวดญัติเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงถวายไตรปีแก่ถานานุกรม ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้วก็อนุโมทนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ถวายของแก่พระคุณวงศ์ผู้ครองกฐิน แล้วทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระเจ้าน้องยาเธอ ถวายไทยธรรมแก่ พระสงฆ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายเงินแก่พระคุณวงศ์ เปนมูลกัปปิยะภัณฑ์ชั่ง ๑๐ ตำลึง เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จลงเรือพระที่นั่งล่องลงมาจนเวลาทุ่ม เรือพระที่นั่งประทับท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ประทับตรัสอยู่กับขุนนางข้าราชการมีเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒเปนต้น อยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น ประทับเกยหน้าพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ จึงทรงพระกรุณาโปรต ฯ ให้หม่อมเจ้ายี่เข่งเอาเงินข้างที่ ๕ ชั่ง มาพระราชทานแก่พระองค์

----------------------------

แผ่นที่ ๖๘ ออกวันจันทร์เดือน ๑๒ ขึ้น ๔ ค่ำ

เจ้าคัคณางค์ยุคล แล้วเสด็จขึ้น ในการเสด็จทรงทอดพระกฐินครั้งนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ตามธรรมเนียม พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสวมเสื้อฟรอกโก๊ต บาญชีพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในวัดบางพัง ๑ วัดรามัญ ๑ วัดปากอ่าว ๑ วัดสนาม ๑ ที่ ๑ วัดบางพัง พระครู ๑ ถานานุกรม ๑ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒ อันดับเล่าสวดมนต์ ๔ รวมพระสงฆ์ ๘ รูป มากกว่าปีจอฉศก ๓ รูป ที่ ๒ วัดรามัญ พระครู ๑ ถานานุกรม ๑ อันดับเล่าสวดมนต์ ๕ รวมพระสงฆ์ ๗ รูป พระปลัด ๑ ไม่ได้อยู่วัดนั้น แต่ได้รับพระราชทานไตรปี ที่ ๓ วัดปากอ่าว พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๒ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๓ รวมพระสงฆ์ ๑๙ รูป วัดสนามกฐิน พระราชทาน พระครู ๑ ถานานุกรม ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๓ อันดับ เรียนวิปัสนาธุระ ๑ อันดับเล่าสวดมนต์ ๔ รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป พระสมุห์ ๑ ไม่ได้อยู่วัดนั้น แต่ได้รับพระราชทานไตรปี

โดย มนุษยนาคมานพ

เสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินกรุงเทพ ฯ ขบวรพระราชยาน

ณวันศุกร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ เวลาเช้า ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทรงพระราชยานพร้อมด้วยขบวรนำขบวรตาม เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับวัดพระเชตุพน เสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ มหาดเล็กจึงทูลรายงานพระสงฆ์จำพรรษา สมเด็จพระวันรัตน์ ๑ พระราชาคณะ ๔ พระครูถานานุกรม ๒๙ เปรียญ ๒ พระพิธีธรรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๓๐ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๓๗ อันดับเล่าสวดมนต์ ๗๑ รวมพระสงฆ์ ๒๗๗ รูป น้อยกว่าปีจอฉศก ๔๑ รูป พระสงฆ์ปีจอฉศก ๓๒๐ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายกฐิน แล้วสมเด็จพระวันรัตนก็ประกาศสงฆ์ พระญาณโพธิเปนผู้กล่าวว่า เห็นสมควรแก่สมเด็จพระวันรัตน์ พระสงฆ์ทั้งนั้นก็สาธุขึ้นพร้อมกัน แลพระสงฆ์ที่สวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดผ้าไตร ๙ ไตร สดัปกรณ์พระอัฐิกรมสมเด็จพระปรมานุชิต พระสงฆ์พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๘ รวม ๙ รูปก็สดัปกรณ์ เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงถวายไตรปีแก่ถานาเปรียญ

----------------------------

แผ่นที่ ๖๙ ออกวันอังคาร ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒

เสร็จแล้วพระสงฆ์ก็ไปครองผ้า ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว ก็มากรานกฐินเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาลถวายของเครื่องปริขารแก่พระสงฆ์ซึ่งครองกฐิน ครั้นแล้วพระสงฆ์กกระทำอนุโมทนาถวายอติเรกแล้ว เสด็จออกจากพระอุโบสถ ขึ้นทรงพระราชยานพร้อมด้วยขบวรน่าขบวรตาม เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับวัดราชบุรณะ เสด็จเข้าในพระอุโบสถ มหาดเล็กทูลรายงานพระสงฆ์จำพรรษา พระราชาคณะ ๕ หม่อมเจ้าพระ ๑ ถานานุกรม ๑๔ เปรียญ ๓ พระพิธีธรรม ๔ คิลานภัทร ๑ พระมหาดเล็ก ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๑๓ เรียนวิปัสนาธุระ ๓๖ เล่าสวดมนต์ ๑๓๙ รวมพระสงฆ์ ๒๑๗ รูป น้อยกว่าปีจอฉศก ๒๓ รูป พระสงฆ์ปีจอฉศก ๒๔๐ รูป พระโพธิวงศ์เปนผู้ครองกฐิน ครั้นสวดญัติทุติยกรรมจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายไตรปีแก่พระราชาคณะ ถานานุกรมเปรียญแล้ว พระสงฆ์ที่ไปครองผ้า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานธูปเทียนให้พระองค์เจ้าไชยานุชิตไปบูชาที่วิหารพระอสีติสาวก ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้วก็มากรานกฐินเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทรถวายของ แล้วพระสงฆ์กระทำอนุโมทนาถวายอติเรกภะวะตุสัพจบแล้ว เสด็จออกจากพระอุโบสถ ขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับวัดราชบพิธ เสด็จเข้าในพระอุโบสถ มหาดเล็กทูลรายงานพระสงฆ์จำพรรษา หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ๑ หม่อมเจ้าพระ ๓ ถานานุกรม ๖ พระหลวงประชุม ๑ พระมหาดเล็กทหาร ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ เล่าสวดมนต์ ๑๐ รวมพระสงฆ์ ๓๓ รูป น้อยกว่าปีจอฉศก ๒ รูป พระสงฆ์ปีจอฉศก ๑๕ รูป ครั้นสวดญัติทุติยกรรมจบแล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๗๐ ออกวันอังคาร เดือน ๑๒ ขึ้น ๕ ค่ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงถวายไตรปีแก่หม่อมเจ้าพระซึ่งค้างพรรษา แลถานานุกรม แลได้พระราชทานไตรปีแก่ หม่อมเจ้าเณรภุชงค์ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิ์ด้วย ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ถวายของ แล้วพระสงฆ์ที่กระทำอนุโมทนาถวายอติเรกภะวะตุสัพจบแล้ว เสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จขึ้นพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับวัดมหาธาตุ เสด็จเข้าในพระวิหารทรงจุดเทียนแต่เครื่องทองน้อยนมัสการพระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระอัฐิ กรมพระราชวังบวรในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แล้วเสด็จเข้าในพระอุโบสถ มหาดเล็กทูลรายงานพระสงฆ์จำพรรษา พระราชาคณะ ๒ พระครูถานานุกรม ๑๓ เปรียญ ๓ พระพิธีธรรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๕๒ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๘๘ เล่าสวดมนต์ ๙๖ รวมพระสงฆ์ ๒๕๘ รูป น้อยกว่าปีจอฉศก ๕ รูป พระสงฆ์ปีจอฉศก ๒๖๓ รูป ครั้นจบญัติทุติยกรรมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงถวายไตรปีแก่พระราชาคณะถานานุกรมเปรียญแล้วก็ไปครองผ้าพร้อมกันกับพระคุณาจาริยวัตร์ผู้ครองกฐิน ครั้นครองผ้าแล้วก็กระทำกรานกฐินเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาลถวายของ แล้วพระสงฆ์ก็ถวายสัพพีกาเลอติเรกภะวะตุสัพจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จขึ้นทรงราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรกลับยังพระบรมมหาราชวังเวลาบ่าย ๓ โมงเสด็จขึ้น แลในเวลาวันนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียระบับขาว ทรงตรานพรัตนสายสพาย ทรงภูษาเดง พระบรมวงศานุวงศ์ทรงเสื้อเยียระบับขาวทรงผ้าทรงแดง ข้าราชการก็สวมเสื้อเต็มยศทั้งสิ้น

โดย สวัสดิประวัติ

การเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินขบวรรถ

ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๙ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๕ โมง ๒๕ นาที เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งองค์เหลืองใหญ่เทียมม้าเทศ ๔ ม้า นายจ่ายงกับนายชื่นมหาดเล็กเปนสารถี แต่งตัวนุ่งผ้าม่วงสีชมพู สวมเสื้อปีกสีขาบปักทองใส่หมวกขลิบทอง แต่มีคนยืนท้ายอิก ๒ คน คือ หลวงวิสูตรอัศดร ๑ ขุนราชอาชาไนย ๑ แต่งตัวสวมเสื้อสั้นปักทองนุ่งสีแดง

----------------------------

แผ่นที่ ๗๑ ออกวันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ

ใส่หมวกกลมขลิบทอง แลถือกระบองเงินคนละเล่ม รถพระที่นั่งก็เลื่อนจากที่ ออกประตูวิมานไชยศรีแลวิเศษไชยศรีเลี้ยวไปถนนป้อมเผด็จดัสกร ลงถนนบำรุงเมืองเลี้ยวสี่แยกไปข้างซ้ายมือ เวลา ๕ โมง ๓๕ นาที ประทับวัดมหรรณพาราม เสด็จทรงรับผ้าไตรเข้าพระอุโบสถ ทรงเครื่องนมัสการ แล้วพระราชทานเทียนมัดสำหรับสงพระอุโบสถแก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายพระสงฆ์ แลพระราชทานผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลา นายบำเรอมหาดเล็กจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ วัดนี้มี คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ เปรียญ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๓ อันดับเล่าสวดมนต์ ๙ รวมพระสงฆ์ ๒๕ รูป แล้วจึงทรงพระราชทานกฐิน ครั้นเสร็จแล้วพระสงฆ์จึงสาธุการขึ้นพร้อมกัน พระธรรมฐิติญาณซึ่งเปนประธานแก่หมู่สงฆ์ในพระอารามนี้ จึงว่าอุปโลกขึ้น แลพระปลัดเดชจึงกล่าวเห็นว่า พระธรรมฐิติญาณควรจะรับพระกฐินได้ แล้วพระสงฆ์ก็สาธุการขึ้นพร้อมกัน พระสงฆ์จึงได้สวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปพระราชทานไตรปีถานานุกรม แล้วพระสงฆ์นั้นจึงไปครองผ้าแลกลับมานั่งยังเดิม ในเวลานั้นพระราชทานเทียน ๔ เล่ม ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปจุดที่พระเจดีย์ ๒ เล่ม พระวิหาร ๒ เล่ม แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงจุดเทียนที่พระพุทธรูปด้วย (การที่มีพานเทียนนี้ต้องเปนลางวัดที่สำคัญจึงจะมีได้ ถ้าบางที่เอาไปผิด ๆ ถูก ๆ ต้องถึงลงพระราชอาญาทีเดียว) พระสงฆ์ก็กระทำอธิษฐานกรานกฐิน ครั้นแล้วจึงมีพระบรมราชโองการ ให้หม่อมเจ้าเกียรติคุณในกรมหมื่นอุดมรัตนราษี ซึ่งได้ทรงสร้างในพระอารามนี้ ไปถวายของบริขารแก่พระสงฆ์ผู้ที่ได้ครองกฐินนั้น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ก็เข้ามาเฝ้าถวายพระราชกุศล ด้วยท่านไปทอดกฐินที่พระราชทานไปนั้น แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๗๒ ออกวันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ

ทรงพระเต้าสิโนทก พระธรรมฐิติญาณจึงถวายยถา พระสงฆ์อนุโมทนาทานแล้ว ครั้นเวลาเที่ยง ๑๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับขึ้นทรงรถพระที่นั่งตรงไปตามถนนนั้น เวลาเที่ยง ๓๐ นาทีถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ก็เสด็จพระราชดำเนิรทรงอุ้มผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วจึงพระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถแด่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายแก่พระสงฆ์ แลผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลา แล้วนายเล่ห์อาวุธจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ที่มีในพระอารามนี้ คือ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ๑ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดา ๑ พระองค์เจ้าพระ ๑ หม่อมเจ้าพระ ๑ พระครูถานานุกรม ๑๒ เปรียญ ๑ พระพิธีธรรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๙ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๐ รวมพระสงฆ์ ๔๐ รูป (ที่มีพระองค์เจ้าพระ ๑ นั้น คือ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ที่ได้ทรงผนวชอยู่มานาน จนถึงได้รับกฐินคราวนี้ ตั้งแต่พระเจ้าลูกเธอ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เปนคราวแรกที่จะ ได้รับกฐินอยู่ เปนการดีนักหนา ควรจะสรรเสริญชมท่านเปนอันมาก) แล้วก็ทรงพระราชทานพระกฐินเปนภาษามคธอย่างธรรมยุติกา ครั้นจบกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ จึงอุปโลกสงฆ์ขึ้น (คือ ถามพระสงฆ์ว่าจะกรานกฐินหรือไม่) ครั้นจบแล้ว พระสงฆ์ทั้งปวงก็รับว่า อากังขามะภันเต (คือ รับว่าจะกรานกฐิน) แล้วหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสชาดากว่าขึ้นในท่ามกลางพระสงฆอิก (คือ อธิบายด้วยพระผู้มีพระภาคย์ได้ตรัสไว้อย่างนี้ว่า กฐินเปนอันกรานแลพระสงฆ์จะยอมให้ภิกษุรูปใด) จบแล้ว พระครูพุทธมนต์ปรีชาก็ลุกขึ้นว่าในท่ามกลางพระสงฆ์อิก (คือ กล่าวยกถวายกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์) จบแล้ว พระสงฆ์จึงรับว่า รุจะติภันเต (คือ เห็นดีด้วยแล้ว) พระครูปริตโกศลจึงลุกขึ้นว่าอิก (คือ ให้ถือผ้าไตรจีวรเปนกฐิน แล้วจึงให้ผ้าไตรกฐินด้วยญัติทุติยกรรมบัดนี้) จบแล้ว พระสงฆ์ก็รับว่า สาธุภันเต (คือ ดีแล้ว) ล้วนภาษามคธอย่างธรรมยุตนิกายทั้งนั้น แลพระสงฆ์สวดญัติทุติยกรรม ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปพระราชทานไตรแด่พระองค์เจ้าพระ หม่อมเจ้าพระ พระถานานุกรมทั้งปวง กรมสังฆการีได้นิมนต์พระองค์เจ้าเณรจันทรทัตจุธาธาร พระองค์เจ้าเณรวรวรรณากร หม่อมเจ้าเณรชายดำ เข้ามาในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระราชทานไตรปี (ท่านเหล่านี้ยังจะทรงผนวชต่อไปอิก) แลเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงจุดเทียน

----------------------------

แผ่นที่ ๗๓ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๗ ค่ำ

นมัสการพระชินศรี แลพระราชทานเทียน ๒ เล่มแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์ ไปจุดที่พระเจดีย์แลวิหารพระศาสดา ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าเสร็จแล้วก็กลับมานั่งอย่างเดิม จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ถวายของปริขาร ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์สวดอนุโมทนาทานเสร็จแล้ว เวลาเที่ยง ๕๓ นาที ก็เสด็จพระราชดำเนิรกลับออกจากพระอุโบสถตรัสด้วยข้าราชการ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นรถพระที่นั่ง สารถีขับมาตามถนน เวลาบ่ายโมงประทับวัดเทพธิดา เสด็จทรงรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการ พระราชทานเทียนสำหรับลงพระอุโบสถแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายพระสงฆ์ แลผ้าทรงพระพุทธรูปแก่ภูษามาลา นายพลพันจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๙ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๔๐ รวมพระสงฆ์ ๖๓ รูป แล้วก็ทรงพระราชทานพระกฐิน พระสุธรรมธีรคุณจึงอุปโลก แลพระปลัดคำจึงยกให้แก่พระสุธรรมธีรคุณผู้เปนอธิบดีสงฆ์ในอารามนี้ แลนอกนั้นก็ทำตามธรรมเนียมเหมือนวัดมหรรณพาราม แลกรมหมื่นอักษรสาสนโสภณเปนผู้ถวายของปริขาร เวลาบ่ายโมง ๔๐ นาที เสด็จพระราชดำเนิรกลับขึ้นรถพระที่นั่งมาเลี้ยวถนนบำรุงเมือง เวลาบ่ายโมง ๔๖ นาทีประทับวัดสุทัศน์เทพวรารามเข้าพระอาราม จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นพระวิหารพระศรีศากยมุนี (ที่ราษฎรได้เรียกกันชุมว่า พระโต เปนพระหล่อได้มาจากเมืองเหนือ) ทรงนมัสการแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรลงทางหลังพระวิหารทรงรับผ้าไตรเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระราชทานเทียนอุโบสถแก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายพระสงฆ์

----------------------------

แผ่นที่ ๗๔ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๗ ค่ำ

แลผ้าทรงพระพุทธรูปแด่ภูษามาลา ในเวลานั้นนายพิจิตร์ก็ได้ทูลจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนี้ คือ พระราชาคณะ ๒ ถานานุกรม ๙ เปรียญ ๓ พระพิธีธรรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๑๒ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๓๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๙๖ รวมพระสงฆ์ ๑๕๑ รูป แล้วทรงพระราชทานพระกฐิน พระธรรมไตรโลกจึงอุปโลกสงฆ์ แลพระเทพกระวีกล่าวยกให้แก่พระธรรมไตรโลก แล้วต่อไปก็ทำตามธรรมเนียม ทรงทอดพระกฐินอย่างมหานิกาย แลกรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิถวายของปริขาร แลพระราชทานเทียนกับพระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ให้ไปจุดที่พระพุทธรูปเมื่อประชุมพร้อมด้วยพระอสีติมหาสาวกนั้น เวลาบ่าย ๒ โมง ๑๗ นาที เสด็จพระราชดำเนิรกลับทางข้างพระวิหาร ขึ้นทรงรถพระที่นั่งกลับมายังพระบรมมหาราชวัง เสด็จเข้าทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติเมื่อเวลา ๒ โมง ๓๐ นาที

อนึ่งผู้ที่ได้ตามเสด็จในรถพระที่นั่งนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ ๑ แลมีรถพระที่นั่งรองอิกรถ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ ที่ทรงพระเยาว์ได้เสด็จไปในนั้น แลรถพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยอิก ๑๒ รถ ตามลำดับกันลงมา ตั้งแต่แรกขบวรนั้น มี ทหารเป่าแตรเดี่ยว ๒ แลทหารม้าถือหอกใส่หมวกเงิน ถัดมาตัวนาย ๆ ทหารหน้าแลตำรวจ แล้วจึงได้ถึงรถพระที่นั่ง ข้าง ๆ นั้นมีทหารหลวงผู้ช่วยในค่ายอิก ๒ นาย คือ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ จมื่นสราภัยสฤษดิการ ๑ ต่อมามีทหารราชวัลลภขี่ม้าเทศเปนอันมาก ใส่เสื้อแดงทั้งนั้น แลรถต่าง ๆ ก็เดิรเปนลำดับกันมา กับมีทหารราชวัลลภเดินเท้า ทหารหน้าเดิรเท้า แลกรมพระตำรวจ กรมทหารแตร กรมทหารกลองอีกพวกหนึ่ง คอยรับเสด็จอยู่ทุก ๆ พระอาราม แต่ในพระอุโบสถเจ้าพนักงานก็ได้รับวัดตามเคยทั้งสิ้น พระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ปีกยาว อย่างทหารราชวัลลภ พร้อมทั้งสายสพายทองสายสพายพระแสง พระมาลาด้วย ทรงเครื่องราชอิศริยยศ ดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์แลตราเล็ก ๆ ประดับเพชรห้อยด้วยผ้าสีต่างๆ ทั้งในกรุง ฯ แลต่างประเทศประมาณสิบเอ็ดสิบสองดวง พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายพลเรือนสวมเสื้อเวลาเย็น ฝ่ายทหารแต่งตามยศตามตำแหน่งของตน ล้วนติดตราต่าง ๆ

แผ่นที่ ๗๕ ออกวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๒

ที่ได้พระราชทานทั้งสิ้น คอยรับเสด็จอยู่ตามวัดบ้าง เข้าในขบวรเสด็จพระราชดำเนิรบ้าง รวมหมดด้วยกันเปนอันมาก เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ กรมภูษามาลาแลพราหมณ์ได้เข้าไปข้างใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติทรงเครื่องใหญ่ หลวงเทพาภรณ์เปนผู้ทรง ครั้นทรงเครื่องเสร็จแล้ว เสด็จเข้าสู่ที่สรง เจ้าพนักงานได้ถวายน้ำพระพุทธมนต์ ที่พอพราหมณ์ถวายน้ำสังข์ ครั้นเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากที่นั้น เวลา ๕ โมงเศษเจ้าพนักงานก็กลับออกมา เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกที่เกยหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระมหาสงครามนอกราชการได้นำนายท้วมจางวางในพระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าโสมาวดีเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ประทับทรงตรัสอยู่จนเวลายามนานจึงเสด็จขึ้น

โดย ภาณุรังษี

การเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐิน แลการตามธรรมเนียม

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้าพระสงฆ์บิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลพระสงฆ์ฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์นั้น ก็มาตามธรรมเนียม ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงกับ ๕๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับเกยหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ขึ้นทรงพระราชยานลงยาราชาวดี เสด็จพระราชดำเนิรเปนขบวรไปประทับเกยวัดราชประดิษฐ ทรงรับผ้าไตรพระกฐินเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว นายบำเรอก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น คือ มีพระราชาคณะ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าพระ ๒ คือ พระองค์เจ้าพระทวีถวัลยลาภพระองค์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่พระองค์ ๑ แลมีถานานุกรม

----------------------------

แผ่นที่ ๗๖ ออกวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๒

๕ เปรียญ ๑ พระหม่อมราชวงศ์ ๑ พระมหาดเล็กทหาร ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๔ เล่าสวดมนต์ ๑๖ รวมพระสงฆ์ ๓๑ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ห่มพระ พระราชทานเทียนสำหรับอุโบสถให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงถวายกฐิน แลพระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินถารกิจตามธรรมยุติกนิกาย แลไตรปีนั้นมี ๖ ไตร ได้ถวายแต่ ๕ ไตร พระปลัดเพ็งนั้นจะสึกหาได้รับไตรปีไม่ ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ถวายเครื่องปริขารกฐินแก่พระธรรมวโรดม ซึ่งได้เปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาแลอติเรกแล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถ ขึ้นประทับเกยทรงพระราชยานออกจากวัดราชประดิษฐ ไปประทับเกยวัดจักรวรรดิราชาวาส ทรงรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ นมัสการแล้ว นายเล่ห์อาวุธจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น คือ มีพระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๔ เปรียญ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๔๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๕๙ อันดับเก่าสวดมนต์ ๑๑๐ รวมพระสงฆ์ ๒๒๓ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็พระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ทรงพระ พระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงถวายกฐิน แลพระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินถารกิจตามธรรมเนียม ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชยถวายเครื่องปริขารแก่พระวรญาณมุนี ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาแลถวายอติเรกเล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถ ขึ้นประทับเกยทรงพระราชยานออกจากวัดจักรวรรดิราชาวาสไปประทับเกยวัดสัมพันธวงศาราม เสด็จรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว นายพลพันก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษานั้น คือ มีพระครู ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเล่าสวดมนต์ ๒๓ รวมพระสงฆ์ ๓๔ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ทรงพระ พระราชทานเทียนสำหรับอุโบสถให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงถวายกฐิน แลพระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็กรานกฐินถารกิจ ตามธรรมเนียมธรรมยุติกนิกาย

----------------------------

แผ่นที่ ๗๗ ออกวันเสาร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๒

ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยคถวายเครื่องปริขาร แก่พระครูธรรมาภินันท์ ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาสัพพีแลสวดกาเลแล้ว พระอริยมุนีราชาคณะวัดบรมนิวาสซึ่งมานำนั้นก็ถวายอติเรก พระสงฆ์รับภะวะตุสัพจบแล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถ ขึ้นประทับเกยทรงพระราชยานออกจากวัดสัมพันธวงศารามไปประทับเกยวัดประทุมคงคา ทรงนมัสการแล้ว นายพิจิตร์ก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๕ อันดับเรียนคันถธุระ ๒ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๒๙ รวมพระสงฆ์ ๔๒ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ ทรงพระพระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงถวายกฐิน แลพระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินถารกิจตามธรรมเนียม ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ถวายเครื่องปริขารกฐินแก่พระพรหมมุนี ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาอติเรกแล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถ ขึ้นประทับเกยทรงพระราชยานออกจากวัดประทุมคงคา เสด็จพระราชดำเนิรกลับทางเดิม เข้าในพระบรมมหาราชวัง ประทับเกยหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นในเวลาบ่าย ๓ โมงครึ่ง ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมง พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ แลหลวงบริคุตวรภัณฑ์เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ

แผ่นที่ ๗๘ ออกวันเสาร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๒

จึงได้ออกจากเฝ้า ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับที่สนามหญ้า พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าพระสุขสวัสดิ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเณรดิศวรกุมารมาเฝ้าทูลลาผนวช ประทับอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น อนึ่งการเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินในเวลาวันนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เต็มยศอย่างทหารหน้า ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศมหาสุราภรณ์กับตรานพรัตนราชวราภรณ์ดวงใหญ่ดวงหนึ่ง พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการนั้น แต่งสวมเสื้ออิวนิงเดรศแลติดตราต่าง ๆ ตามที่ตนได้รับพระราชทาน แต่ตำรวจแลทหารนั้นแต่งเต็มยศ

แจ้งความ

ด้วยเมื่อณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่ำ ปีกุนสัปตศก แผ่นที่ ๕๑ หน้าข้างหลัง บันทัดที่ ๗ หลงไปแห่งหนึ่ง แผ่นที่ ๕๒ หน้าข้างหลัง บันทัดที่ ๑ หลงไปแห่งหนึ่ง แลวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก แผ่นที่ ๕๓ หน้าข้างหลัง บันทัดที่ ๗ ขึ้นมาแห่งหนึ่งรวม ๓ แห่ง ที่ข้าพเจ้าแจ้งความมานี้ มีความว่าพระสงฆ์สวดญัติจตุตถกรรมนั้นผิดไปหาใช่ไม่ ด้วยพระสงฆ์นั้นสวดญัติทุติยกรรม ขอท่านทั้งหลายได้ทราบเทอญ

ก. ม. นเรศร์วรฤทธิ

การเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานกฐินทางชลมารควันที่ ๑

ณวันจันทร เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เวลาเที่ยง ๒๐ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยาน เสด็จไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จทรงเรือพระที่นั่ง พร้อมด้วยกระบวรนำตามเสด็จ เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางชลมารคไปประทับฉนวนวัดอรุณราชวราราม เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยาน ไปประทับเกยหน้าประตูระเบียงพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนิรไปถึงเชิงบันไดพระอุโบสถ ทรงรับผ้าไตรกฐินซึ่งเจ้าพนักงานกรมศุภรัตนทูลเกล้า ฯ ถวายนั้น แล้วเสด็จขึ้นพระอุโบสถ ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้า ๒ ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ริมพระราชอาสน์นั้น แล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ นายสนิทจึงทูลรายงานพระสงฆ์ตามธรรมเนียม จำนวนพระสงฆ์จำพรรษานั้น พระราชาคณะ ๑ หม่อมเจ้าพระ ๑ พระเปรียญ ๑ พระถานานุกรม ๖ พระพิธีธรรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๒๐

----------------------------

แผ่นที่ ๗๙ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๓๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๕๑ รวมพระสงฆ์ ๑๑๙ รูป จำนวนพระสงฆ์ปีจอฉศกนั้น ๑๔๒ รูป ขณะนั้นพระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูป ให้เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาเอาไปทรงพระพุทธรูป แลพระราชทานเทียนอุโบสถ ๒๔ เล่ม ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายพระสงฆ์ แล้วทรงถวายกฐิน พระสงฆ์ก็รับสาธุ แล้วพระธรรมเจดีย์ก็ประกาศสงฆ์ พระสงฆ์อิกองค์หนึ่ง ก็ว่าเห็นสมควรกับพระธรรมเจดีย์ผู้เปนอธิบดีในพระอาราม พระสงฆ์ก็รับสาธุพร้อมกัน แล้วพระสงฆ์ ๒ รูปกสวดญัติทุติยกรรม ครั้นสวดจบแล้วจึงยกผ้านั้นถวายกับพระธรรมเจดีย์ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิร ไปทรงประเคนไตรปีพระสงฆ์ หม่อมเจ้าพระ ๑ เปรียญ ๑ ถานาในตำแหน่ง ๔ ถานาเก่า ๑ รวม ๘ ไตร พระสงฆ์ก็ไปครองแล้วก็กลับมากรานกฐินแลอนุโมทนากฐิน ครั้นเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ทรงถวายของเครื่องปริขารกฐิน ครั้นถวายแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระธรรมเจดีย์ถวายยถา พระสงฆ์สัพพีแล้วสวดกาเลอนุโมทนาแล้วถวายอติเรก ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเทียนนมัสการ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมีไปบูชาพระปรางค์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ เสด็จมาประทับฉนวน เสด็จลงเรือพระที่นั่งเวลาบ่าย ๑ โมงกับ ๑๕ นาที เสด็จโดยทางชลมารคไปประทับฉนวนวัดกัลยาณมิตรเปนที่ ๒ พระราชทานกฐินตามธรรมเนียม วัดนี้พระราชทานเทียนอุโบสถ ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แลนายไชยขรรค์ก็ได้ทูลรายงาน จำนวนพระสงฆ์นั้น พระเทพโมลี ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๘๐ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

พระปริยัติบัณฑิต ๑ พระถานานุกรม ๗ พระเปรียญ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๓๙ รวมพระสงฆ์ ๗๗ รูป จำนวนพระสงฆ์ปีจอฉศกนั้น ๖๖ รูป แลผ้าองค์กฐินนั้นพระเทพโมลีเปนผู้ครอง แล้วทรงประเคนไตรปีพระสงฆ์ พระราชาคณะ ๑ พระถานานุกรมในตำแหน่ง ๖ ถานาสมเด็จพระวันรัตน์ ๑ รวม ๘ ไตร แล้วโปรด ฯ ให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณทรงถวายเครื่องปริขาร แลขณะเมื่อพระสงฆ์ทำสังฆกรรมนั้น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เข้าไปเฝ้าในพระอุโบสถ ครั้นเสด็จพระกฐินแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ เสด็จไปประทับที่วิหารพระพุทธไตรรัตนนายก ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองน้อย แล้วทรงจุดเทียนนมัสการซึ่งตามเสด็จอิก ๖ เล่ม ครั้นทรงบูชาแล้วเสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่ง พอเวลาบ่าย ๒ โมง ๑๐ นาทีออกเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางชลมารคไปประทับฉนวนวัดโมลีโลกยารามเปนที่ ๓ เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับในพระอุโบสถ ทรงพระราชทานกฐินตามธรรมเนียม แลวัดนี้นายสนองทูลรายงานพระสงฆ์ จำนวนพระสงฆ์นั้น พระราชาคณะ ๑ พระถานานุกรม ๖ พระเปรียญ ๑ พระหม่อมราชวงศ์ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๑๒ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๖ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๕ รวม ๕๒ รูป จำนวนพระสงฆ์ปีจอฉศกนั้น ๘๐ รูป เทียนอุโบสถนั้นพระราชทานให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แลผ้ากฐินนั้นพระอมรเมธาจารย์ผู้เปนพระราชาคณะประธานาธิบดีครอง พระสงฆ์ซึ่งรับพระราชทานไตรปีนั้น คือ พระถานานุกรมในตำแหน่ง ๓ พระถานานุกรมเก่า ๓ พระเปรียญ ๑ รวม ๗ ไตร แลขณะพระสงฆ์ทำสังฆกรรมนั้น ทรงพระกรุณาโปรด ฯ พระราชทานเทียนนมัสการ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพไปบูชาที่วิหาร แลที่รูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารยญาณอุดมสุนทรนายก (ซึ่งคนทั้งปวงเรียกกันโดยมากว่าพระพุทธขุน) ณหอที่ไว้รูป แลโปรด ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมีทรงถวายเครื่องปริขาร ครั้นเสร็จแล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่ง พอเวลาบ่าย ๒ โมง ๕๐ นาที่เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางชลมารค ไปประทับฉนวนวัดราชสิทธารามเปนที่ ๔ เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง

----------------------------

แผ่นที่ ๘๑ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ พระราชทานกฐินตามธรรมเนียม วัดนี้นายจ่ายงยศสถิตย์ทูลรายงานพระสงฆ์ จำนวนพระสงฆ์จำพรรษานั้น พระราชาคณะ ๒ คือ พระสังวรานุวงศ์ ๑ พระสุธรรมสังวรเถร ๑ พระถานานุกรม ๕ พระมหาดเล็ก ๗ พระพิธีธรรม ๔ พระอันดับที่ได้รับพระราชทานไตรปี ๒ คือ พระสา ๑ พระขุนทอง ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๒ อันดับเล่าสวดมนต์ ๕๔ รวมพระสงฆ์ ๑๐๔ รูป จำนวนพระสงฆ์ปีจอฉศกนั้น ๑๐๑ รูป เทียนอุโบสถนั้น พระราชทานให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แลผ้ากฐินนั้นพระสังวรานุวงศผู้เปนอธิบดีสงฆ์ครอง แลพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานไตรปีนั้น พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๕ พระอันดับ ๒ รวม ๘ ไตร แลของเครื่องปริขารนั้น โปรด ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ทรงถวาย ครั้นเสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ เสด็จไปประทับณหอรูป สมเด็จพระอริยวงศ์ญาณปริยัติ (ซึ่งคนทั้งหลายเรียกกันโดยมากว่า สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน) ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองน้อย แล้วทรงจุดเทียนนมัสการซึ่งตามเสด็จ บูชารูปสมเด็จพระสังฆราชนั้น ครั้นทรงบูชาแล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระศรีจุมภฎเจดีย์ ทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วเสด็จมาประทับที่พระศิราสนเจดีย์ทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับท่าราชวรดิษฐ พอเวลาบ่าย ๔ โมง ๒๕ นาที เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่งทรงพระราชยาน เสด็จกลับเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง

การในพระบรมมหาราชวัง

ครั้นย่ำค่ำแล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี เสด็จ

----------------------------

แผ่นที่ ๘๒ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

ไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบรมวงศานุวงศ์แลขุนนางซึ่งเคยเฝ้าไปรเวตนั้นก็เข้าไปเฝ้า พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภลาผนวชแล้วเสด็จเข้าไปเฝ้า กราบทูลถวายพระราชกุศล ครั้นเวลา ๑ ทุ่มเศษพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการก็ถวายบังคมลากลับออกมา ประมาณครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งใหม่ ทรงบรรจุพระบรมธาตุในพระเจดีย์ศิลา ซึ่งจะเอาไปบรรจุพระเจดีย์วัดโสมนัสวิหารนั้น แล้วเสด็จประทับอยู่ที่สนามหญ้าจนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

ว่าด้วยกระบวรเสด็จแลแต่งตัว

อนึ่งการซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐิน วันจันทร เดือน ๑๒ แรม ๑๑ ค่ำนี้ ได้เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางชลมารคเปนวันที่ ๑ เจ้าพนักงานได้จัดเรือกระบวรนำแลตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้น คู่ที่ ๑ เรือแซงหน้า คู่ที่ ๒ เรือกระโห้ คู่ที่ ๓ เรือญวนแจว คู่ที่ ๔ เรือกระโห้ คู่ที่ ๕ เรือประตูกองตระเวนขวา ๑ ซ้าย ๑ คู่ที่ ๖ เรือกลองแขก คู่ที่ ๗ เรือประตูฝ่ายขวากลาโหม ฝ่ายซ้ายมหาดไทย คู่ที่ ๘ เรื่องกรมอาสาใหญ่ซ้าย ๑ ขวา ๑ คู่ที่ ๙ เรื่องกรมอาสายี่ปุ่นขวา ๑ ซ้าย ๑ คู่ที่ ๑๐ เรือดั้งกรมอาสาวิเศษซ้าย ๑ ขวา ๑ คู่ที่ ๑๑ เรื่อดั้งกรมล้อมพระราชวังซ้าย ๑ ขวา ๑ แต่คู่ที่ ๑๒ ถึงคู่ที่ ๑๙ เรือดั้งกรมพระตำรวจทั้ง ๘ กรม ๆ ละคู่ คู่ที่ ๒๐ เรือดั้งทหารในซ้าย ๑ ขวา ๑ คู่ที่ ๒๑ เรือตำรวจนำริ้ว ถัดมานั้นเรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์เปนเรือไชยผ้าไตรกฐิน แล้วเรือกลองแขกสายในลำหนึ่ง เรือคู่ชัก ๒ ลำ แล้วถึงเรือพระที่นั่งทรง แล้วเรือพระที่นั่งรอง วันนี้เรือพระที่นั่งเทวาธิวัติเปนเรือพระที่นั่งทรง เรือพระที่นั่งเพ็ชร์รัตนดารารายเปนเรือพระที่นั่งรอง แล้วเรือแซงทหารมหาดเล็ก   ลำ แล้วเรือแซงฝีพาย ๒ ลำ เรือจัดกระบวรลำ ๑ แล้วเรือตำรวจเรือทหารข้าราชการซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิร แล้วเรือประตูกลาโหมลำ ๑ มหาดไทยลำ ๑ แล้วเรือพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จ แล้วเรือข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย แล้วเรือแซงหลัง ๒ ลำ เปนสิ้นขบวร

อนึ่งการซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานกฐินวันนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียระบับทรงพระภูษาสีกรมท่า ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศจุลจอมเกล้า ทรงเครื่องราชอิศริยยศติด ๔ องค์ คือ นพรัตน์ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๘๓ ออกวันอังคาร ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒

จุลจอมเกล้า ๑ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการนั้น สวมเสื้อเยียระบับเข้มขาบอัตลัดแลเสื้อทหารตำรวจ ติดตราเครื่องราชอิศริยยศต่าง ๆ ตามซึ่งพระราชทาน แต่งตัวเต็มยศตามตำแหน่งทุกท่านทุกนาย

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

ณวันอังคาร แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นเกยทรงพระราชยาน เสด็จออกทางประตูศรีสุนทร ไปประทับเกยพระที่นั่งราชวรดิษฐวินิจฉัย เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลกพร้อมด้วยข้าราชการแห่ล่องลงไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ไปประทับฉนวนหน้าวัดประยุรวงศ์ เสด็จขึ้นเกยทรงพระราชยานไปหน้าพระอุโบสถ เสด็จลงจากเกยทรงพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเทียนซึ่งสำหรับทำปาติโมกข์แก่พระสงฆ์ในขณะนั้น นายสนิทกราบบังคมทูลจำนวนพระสงฆ์ พระราชาคณะ ๒ ถานานุกรม ๑๐ เปรียญ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๑๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๙๙ รวมพระสงฆ์ ๑๕๐ รูป จำนวนจำพรรษาในวัดประยุรวงศ์นั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานกฐิน พระสงฆ์ก็รับสาธุขึ้นพร้อมกัน พระสงฆ์ก็อุปโลกตามธรรมเนียมพร้อมกัน ยอมให้พระสาสนุเทศาจารย์ครองไตรกฐิน ครั้นแล้วพระสงฆ์ก็สวดญัติทุติยกรรมจบสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานไตรปีแก่พระสงฆ์ทุก ๆ รูป แต่มหาจ่างหารับพระราชทานผ้าไตรปีไม่ (เพราะว่าจะลาสิกขา) รวมผ้าไตรปีที่ได้รับพระราชทานเดิม ๑๒ ไตร ไม่ได้รับไตร ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๘๔ ออกวันอังคาร ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒

ยังคงเหลืออยู่ ๑๑ ไตร พระสงฆ์ก็ครองผ้า มานั่งตามที่ พระสาสนเทศาจารย์จึงได้กรานพระกฐินจนเสร็จ จึงโปรด ฯ พระราชทานให้เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒถวายเครื่องไทยธรรมจนหมดที่เจ้าพนักงานได้จัดไว้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสาสนเทศาจารย์ก็ถวายยถาสัพพีพร้อมด้วยพระสงฆ์ทั้งหลายถวายกาเลอติเรกจนจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับ ขึ้นทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรไปทางสถลมารคพร้อมด้วยข้าราชการแห่ตามไปประทับเกยวัดบุบผาราม ทรงพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ จึงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเทียนปาติโมกข์กับพระสงฆ์ แล้วนายไชยขรรค์จึงกราบบังคมทูลรายงานพระสงฆ์จำพรรษานั้น พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ พระจมื่นสุรเดช (ทุ้ย) ๑ พระสัปเลบเตอแนน (อ๊อด) ๑ พระอันดับเรียนคันถธุระ ๖ พระอันดับเล่าสวดมนต์ ๓๙ รวมพระสงฆ์ ๕๑ รูป จำนวนจำพรรษาตามลำดับจบสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานผ้าไตรพระกฐินที่ว่ามาแล้ว พระสงฆ์ก็ปฤกษากันยอมให้พระวิเชียรมุนีครองไตรพระกฐิน พระสงฆ์ก็สวดญัติทุติยกรรมจนจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานผ้าไตรปีกับถานาทุก ๆ รูป ไตรปีที่พระราชทานนั้น ๓ ไตร แล้วมีพระบรมราชโองการให้เรียกผ้าไตรที่เจ้าพนักงานมาไตร ๑ ถวายแก่พระปลัดตาบเก่าที่ออกเสียจากที่รวมไตรปี ๔ ไตร ครั้นพระสงฆ์ครองเสร็จแล้วมานั่งตามที่ มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ถวายเครื่องไทยธรรม แล้วพระสงฆ์กวายยถาสัพพี พระวิเชียรมุนีว่าถวายคาถาอย่างธรรมยุติกาจนจบ พระสงฆ์ก็รับกาเลตามธรรมเนียม พระวิเชียรมุนีก็ถวายอติเรกจนจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับ ขึ้นทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรไปตามสถลมารค ไปประทับเกยวัดพิไชยญาติ ทรงพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเทียนปาติโมกข์กับพระสงฆ์ นายสนองก็กราบบังคมทูลจำนวนพระสงฆ์ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๕ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๓๖ รวมพระสงฆ์ ๔๗ รูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายผ้าไตรปีกับถานา ๗ ไตร พระสงฆ์ก็ครองผ้าเสร็จแล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๘๕ ออกวันพุธ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒

โปรด ฯ พระราชทานให้พระยาไพบูลยสมบัติถวายเครื่องไทยธรรม พระราชาคณะที่ได้ครองไตรนั้น ชื่อพุทธวิริยา เดือน ๑๒ กร ถวายยถาสัพพแลคาถาอย่างธรรมยุติกา พระสงฆ์ ก็รับกาเล พระพุทธวิริยากรถวายอติเรกจนจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับ ขึ้นทรงพระราชยานไปประทับเกยท่าวัดอนงคาราม ทรงพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ โปรด ฯ พระราชทานให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเทียนปาติโมกขกับพระสงฆ์ นายจ่ายงก็กราบบังคมทูลจำนวนพระสงฆ์ที่จำพรรษาในพระอารามนั้น พระราชาคณะ ๑ พระถานานุกรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๒๐ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๓๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๔๖ รวมพระสงฆ์ ๑๐๑ รูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานผ้าไตรกฐิน พระสงฆ์ก็ปฤกษากันตามธรรมเนียม ยอมให้พระวิสุทธิสาระเถรครองไตรพระกฐิน พระสงฆ์สวดญัติทุติยกรรมจนจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายไตรปี ๔ ไตร พระสงฆ์ก็ครองผ้ามานั่งตามที่ ก็กรานพระกฐินจนจบ โปรด ฯ พระราชทานให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเครื่องไทยธรรมจนสิ้น พระวิสุทธิสาระเถรก็ถวายยถาพระสงฆ์ก็รับสัพพัแลสวดกาเลจนจบ พระวิสุทธิสาระเถรก็ (ถวาย) อติเรก เสด็จกลับทรงพระราชยานมาประทับฉนวนหน้าวัดพิไชยญาติ เสด็จลงเรือพระที่นั่งออกปากคลองกลับขึ้นไปประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งทรงพระราชยาน ประทับเกย หน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติเสด็จขึ้น การที่เสด็จพระราชดำเนิรนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เต็มยศอย่างทหารราชวัลลภ ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ ๔ ดวง ทรงสายสพายมหา วราภรณ์ ดวงตรานั้น นพรัตนราชวราภรณ์ ๑ จุลจอมเกล้า ๑ มหาวราภรณ์ มหาสุราภรณ์ ๑ รวม ๔ ดวง เจ้านายแลข้าราชการ

----------------------------

แผ่นที่ ๘๖ ออกวันพุธ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๒

สวมเสื้ออิวนิงเดรศบ้างอย่างอื่น ๆ บ้าง ติดตราเครื่องราชอิศริยยศจุลจอมเกล้าแลอื่น ๆ

เวลาทุ่มเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับณสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าอยู่ที่นั้น ตรัสอยู่ประมาณ ๒ ทุ่ม เศษเสด็จขึ้น

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

เสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินกรุงเทพ ฯ

ณวันพุธ เดือน ๑๑ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาเที่ยงกับ ๒๐ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศอย่างตำรวจ (สีน้ำเงิน) ทรงเครื่องราชอิศริยยศอย่างสูงทั้ง ๔ องค์ แต่สายสพายนั้น เปนสายสำหรับนพรัตนราชวราภรณ์ (เหลือง) เสด็จออกทรงพระราชยานแต่พระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ไปประทับที่เกยท่าราชวรดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งทวยเทพถวายกร พร้อมด้วยเจ้าพนักงานตามเสด็จในเรือพระที่นั่ง คือ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนเอดเดอกง ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ เจ้าพนักงานกรมภูษามาลา ๒ กรมมหาดเล็ก ๑ กรมอาลักษณ์ ๑ กรมหมอ ๒ กรมแสง ๔ กรมฝีพาย ๒ รวม ๑๗ ฝีพาย ๕๑ รวม ๖๘ เรือวิมานเมืองอินทร์เปนเรือพระที่นั่งรอง เรือไตรสรมาศมีเรือขบวรแห่ตามเคยเหมือนแต่ก่อน ระยะทางแต่ท่าราชวรดิษฐถึงฉนวนวัดโสมนัสวิหารที่ ๑ เปน ๑๑๓ เส้น เวลาบ่ายโมงครึ่งจึงประทับเรือพระที่นั่งที่ฉนวนหน้าวัด แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงพระราชยานไปประทับที่ประตูกำแพงแก้วหน้าพระอุโบสถ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่พระเจดีย์ ขึ้นบนเกยซึ่งปลูกติดกับพระเจดีย์ เวลาบ่ายโมงกับ ๔๓ มินิตทรงบรรจุพระบรมธาตุ บรรจุในกล่องเหล็กแลมีแผ่นศิลาข้างด้านหน้าจาฤกพระไตรลักษณ์ แลด้านหลังจำหลักเปนดวงชะตาวันประสูติ คือ วันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ลงในแผ่นที่ ๑ แผ่นที่ ๒ นั้นด้านหน้าเปนอริยสัจ ด้านหลังเปนดวงชะตา วันได้ตรัสรู้ คือ วันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีระกา ในแผ่นที่ ๓ นั้นด้านหน้าเปนปฏิจจสมุบาท ด้านหลังเปนดวงชะตาวันปรินิพพาน คือ วันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีกุน ศิลาทั้ง ๓ แผ่นนี้ปิดทองล้วน ถุงผ้าขาวห่อแล้ว เจ้าพนักงานราชบัณฑิต ได้เชิญทูลเกล้า ฯ ถวาย

----------------------------

แผ่นที่ ๘๗ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

ครั้นทรงบรรจุในพระเจดีย์เสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับเข้าประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรแล้ว นายบำเรอจึงทูลรายงานพระสงฆ์ คือ มีจำนวนพระสงฆ์จำพรรษาในพระอารามนั้น พระราชาคณะ ๑ หม่อมเจ้าพระในกรมหลวงสรรพศิลปปรีชา ๑ หม่อมราชวงศ์ในหม่อมเจ้าเนตรในกรมหมื่นสุนทรธิบดี ๒ ถานานุกรม ๘ เปรียญ ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๒๐ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๖ รวมพระสงฆ์ ๖๑ รูป แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถแก่พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศไปถวายพระ แลผ้าห่มพระพุทธรูปแก่ภูษามาลาแล้ว จึงพระราชทานกฐินตามธรรมเนียมธรรมยุติกา พระพิมลธรรมเปนผู้ครองกฐิน แลทรงประเคนผ้าไตรปี ๑๔ ไตร แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานไตรมีแก่พระวุฒิการบดี ให้นำไปพระราชทานแก่พระวินัยธร (ด้วง) ที่กุฏิซึ่งอาพาธอยู่ ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์ถวายเครื่องปริขาร แลพระสงฆ์อนุโมทนาทานแลยถาสัพพีแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับลงทรงเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๒ โมงกับ ๑๙ มินิต ออกเรือพระที่นั่งแต่ฉนวนหน้าวัดโสมนัสวิหารไปเปนทาง ๓๕ เส้น ๗ วา เวลาบ่าย ๒ โมง กับ ๓๒ มินิต ถึงฉนวนหน้าวัดบรมนิวาสที่ ๒ เสด็จขึ้นเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแลพระราชทานเทียนอุโบสถให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระ แลผ้าห่มพระแก่ภูษามาลา แล้วนายเล่ห์อาวุธจึงทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนั้น คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ เปรียญ ๑ พระมหาดเล็ก ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๙ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๕ รวมพระสงฆ์ ๓๐ รูป แล้วจึงพระราชทานกฐินตามอย่างธรรมยุติกา พระอริยมุนีเปนผู้ครองกฐิน แล้วจึงทรงประเคนไตรปี ๔ ไตร ครั้นพระครองผ้าแล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๘๘ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีถวายเครื่องปริขาร ครั้นพระสงฆ์อนุโมทนาแล้ว จึงเสด็จออกจากพระอุโบสถไปประทับบูชาพระเจดีย์ อนึ่งเมื่อประทับอยู่ในพระอุโบสถนั้น ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีซ่อมแซมพระอุโบสถแลพระระเบียงที่ชำรุดซุดโซมปรักหักพังให้งามดีเหมือนแต่ก่อน ครั้นทรงบูชาแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๓ โมงออกจากฉนวนวัดบรมนิวาสเปนทาง ๓๐ เส้น เวลาบ่าย ๓ โมงกับ ๑๗ มินิตถึงฉนวนหน้าวัดสระเกศ จึงเสด็จขึ้นเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว พระราชทานเทียนอุโบสถแก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต แลผ้าห่มพระพุทธรูปแก่ภูษามาลา แล้วนายพลพันจึงทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนั้น คือ พระราชาคณะ ๓ พระครู ๑ ถานานุกรม ๑๑ พระเปรียญ ๑ พระพิธีธรรม ๔ หม่อมราชวงศ์ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๕๕ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๗๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๘๘ รวมพระสงฆ์ ๒๔๐ รูป แล้วจึงทรงพระราชทานกฐินตามอย่างมหานิกาย พระวินยานุกูลเถรครองกฐิน แล้วจึงทรงประเคนไตรปี ๑๕ ไตร แล้วพระสงฆ์อนุโมทนากฐิน แล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศถวายเครื่องปริขาร ครั้นพระสงฆ์อนุโมทนาทานแล้ว จึงเสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๓ โมง ๕๕ มินิตออกจากท่าหน้าวัดสระเกศเปนทาง ๓๘ เส้น ๑๒ วา เวลาบ่าย ๔ โมง ๑๗ มินิตถึงฉนวนท่าหน้าวัดสังเวชวิสยาราม แล้วเสด็จขึ้นเข้าในพระอุโบสถทรงนมัสการ แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถแก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระ แลผ้าห่มพระแก่ภูษามาลา แล้วนายพิจิตรจึงทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนั้น คือ หม่อมราชวงศพระครู ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับเรียนคันถธุระ ๙ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๖ อันดับเล่าสวดมนต์ ๕๒ รวมพระสงฆ์ ๘๐ รูป ครั้นแล้วจึงทรงพระราชทานกฐินตามธรรมเนียมมหานิกาย แลพระครูราชพันธุประพัทธครองกฐินเสร็จแล้ว จึงทรงประเคนไตรปี ๒ ไตร แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่ประตูหน้าพระอุโบสถ ทอดพระเนตร์พระวิหารซึ่งไฟไหม้เมื่อปีมะเสงเอกศก ๑๒๓๑ นั้น แล้วจึงทรงพระราชศรัทธาโปรดเกล้า ฯ

----------------------------

แผ่นที่ ๘๙ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

ให้กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล คิดการซึ่งจะปฏิสังขรณ์ซ่อมแซม แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่เก้าอี้ตามเดิม ครั้นพระสงฆ์อนุโมทนากฐินแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้ากมลลาสเลอสรรค์ถวายเครื่องปริขารพระสงฆ์อนุโมทนาทานแล้ว พระสาธุศีลสังวรวัดพระเชตุพนถวายอติเรก แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๒ โมง ๕๐ มินิตออกจากฉนวนท่าหน้าวัดนั้นระยะทาง ๕๔ เส้น ๑๓ วา เวลาบ่าย ๕ โมงกับ ๑๐ มินิต ถึงท่าราชวรดิษฐ เสด็จขึ้นทรงพระราชยานประทับที่เกยหน้าพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินนั้น ที่ได้ทรงว่าการในกรมทหารใด บางองค์ก็ทรงเต็มยศอย่างกรมทหารนั้น แต่ที่ยังอยู่ในพลเรือนนั้นก็ทรงเสื้ออิวนิงเดรศ สวมเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยนั้น ที่มีเสื้อยศในกรมทหารใดก็สวมเสื้อเต็มยศในตำแหน่งนั้น แต่สวมเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน แต่ที่มียศอยู่ในพลเรือนนั้นผิดกันแต่สวมเสื้ออิวนิงเดรศ

เวลาค่ำทุ่มเศษเสด็จออกประทับที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ จนเวลา ๔ ทุ่มเศษจึงเสด็จขึ้น

อนึ่งในแผ่นที่ ๘๖ ด้านหลังบันทัดที่ ๔ ลงมาที่ว่าเรือไตรสรมาศนั้นหาได้บอกแจ้งว่าเปนเรือสำหรับอะไร คือเรือไตรสรมาศนั้น เปนเรือผ้าไตรองค์กฐิน

ข้าพเจ้าขอบพระทัยพระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ แลขอบใจเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ด้วยได้ช่วยเปนธุระจัดการซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานกฐินนี้ เพราะข้าพเจ้ามีราชการอยู่ที่ออฟฟิศ หาได้ตาม เสด็จพระราชดำเนิรด้วยไม่ ท่านได้ช่วยข้าพเจ้าได้เหมือนตามความประสงค์ทุกประการ ข้าพเจ้ามีความยินดีขอบใจเปนที่ยิ่ง

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๙๐ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

ณวันพฤหัสบดี แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับเกยทรงพระราชยานไปประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ เรือพระที่นั่งสุวรรณเหราเปนพระที่นั่งรอง เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เปนเรือไชย เดิรกระบวรไปเข้าคลองบางหลวงแล้วออกจากด่านไปประทับวัดนางชี ซึ่งจะเสด็จพระราชทานพระกฐินเปนที่ ๑ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จมื่นประธานมณเฑียร ๑ จ่าชำนาญ ๑ ไปเกาะตัวพระยารามคำแหง ซึ่งขาดเรือกลองแขกนำเสด็จนั้นมาลงพระราชอาญา ๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว นายบำเรออ่านจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาอยู่ในพระอารามนั้นทูลเกล้า ฯ ถวาย จำนวนพระสงฆ์พระอารามนั้น พระครู ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับเรียนคันถธุระ ๑๐ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๐ อับดับเล่าสวดมนต์ ๘ รวมพระสงฆ์ ๓๑ รูป มากกว่าปีจอฉศก ๖ รูป พระสงฆ์จำพรรษาปีจอฉศก ๒๕ รูป ครั้นอ่านถวายแล้ว จึงพระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูป ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเอาไปห่มพระพุทธรูป แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถ ๒๔ เล่ม ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตทรงประเคนพระสงฆ์ แล้วทรงถวายกฐิน ครั้นทรงจบพระสงฆ์ก็รับสาธุ แล้วทรงยกผ้าไตรไปตั้งริมอาสน พระครูวิสุทธิศีลาจารย์ก็ว่าคำปฤกษาพระสงฆ์ ครั้นจบลงพระสมุห์ก็ว่า เห็นสมควรแก่พระครูวิสุทธิศีลาจารย์ พระสงฆ์ก็รับสาธุพร้อมกัน พระสงฆ์ ๒ รูปจึงสวดให้ผ้ากฐินด้วยญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชทานไตรปีแก่ถานานุกรม ๒ รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้าเสร็จแล้ว พระครูวิสุทธิศีลาจารย์ก็กรานกฐินด้วยผ้าสังฆาฏิ แล้วพระสงฆ์อนุโมทนากฐิน ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาลถวายเครื่องปริขาร พระสงฆ์สวดอนุโมทนาทานเสร็จแล้ว พระพินิตพินัยวัดราชบุรณะก็ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภะวะตุสัพจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงทรงเรือพระที่นั่ง ไปประทับฉนวนวัดหนังซึ่งจะเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินวัดหนังเปนที่ ๒ เสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วพระราชทานเทียนอุโบสถ ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตประเคนพระสงฆ์ นายเล่ห์อาวุธจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น

----------------------------

แผ่นที่ ๙๑ ออกวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑

พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๕ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๙ อันดับเล่าสวดมนต์ ๘ รวมพระสงฆ์ ๒๕ รูป มากกว่าปีจอฉศก ๓ รูป จำนวนพระสงฆ์ปีจอฉศก ๒๒ รูป (ในการกฐินนี้ก็ทำคล้ายกันกับวัดนางชี) พระราชกระวีเปนผู้ครองกฐิน ครั้นสวดญัติจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานผ้าไตรปีแก่ถานานุกรม ๓ รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้า ครั้นเสร็จแล้วก็กรานกฐินแลอนุโมทนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายเครื่องปริขาร พระสงฆ์ก็อนุโมทนาทานแลถวายอติเรกจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่ง ไปประทับฉนวนวัดนางนอง ซึ่งจะเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินเปนที่ ๓ จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระราชทานเทียนอุโบสถ ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตประเคนพระสงฆ์ นายพลพันก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๖ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๖ อันดับเล่าสวดมนต์ ๘ รวมพระสงฆ์ ๒๒ รูป น้อยกว่าปีจอฉศก ๙ รูป พระสงฆ์จำนวนปีจอฉศก ๓๒ รูป (การกฐินนี้ก็ทำคล้ายกันกับวัดก่อน) พระวิสุทธิโสภณเปนผู้ครองกฐิน ครั้นสวดญัติเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานผ้าไตรปีแก่ถานานุกรม ๓ รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้า ครั้นแล้วก็กรานกฐินแลอนุโมทนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณถวายเครื่องปริขาร พระสงฆ์ก็อนุโมทนาทานแลถวายอติเรกจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งไปประทับฉนวนวัดราชโอรส ซึ่งจะเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐิน

----------------------------

แผ่นที่ ๙๒ ออกวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑

เปนที่ ๔ จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระราชทานเทียนอุโบสถให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตประเคนพระสงฆ์ นายพิจิตรจึงทูลรายงานพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาอยู่ในพระอารามนั้น พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๖ อันดับเรียนคันถธุระ ๕ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๔๒ รวมพระสงฆ์ ๕๙ รูป น้อยกว่าปีจอฉศก ๑๐ รูป พระสงฆปีจอฉศก ๖๙ รูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธปฏิมากรในพระอุโบสถ แลเครื่องนมัสการทองน้อยบูชาพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งบรรจุอยู่ที่ฐานพระพุทธปฏิมากรนั้น แล้วเสด็จมาประทับที่พระเก้าอี้ ทรงทอดพระเนตรเห็นผ้าม่านที่ผูกอยู่ในพระอุโบสถนั้นเก่าเต็มที ทรงพระราชศรัทธารับสั่งโปรด ฯ ให้กรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิทำเปลี่ยนใหม่ (ในการกฐินนี้ก็ทำเหมือนกันกับวัดก่อน) พระสังวรพิมลเปนผู้ครองกฐิน ครั้นสวดญัติทุติยกรรมจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานผ้าไตรปีแก่ถานานุกรม ๖ รูป พระสงฆ์ไปครองผ้า เสร็จแล้วก็กรานกฐินอนุโมทนา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิถวายเครื่องปริขาร พระสงฆ์ก็สวดอนุโมทนาทานถวายอติเรกสวดภะวะตุสัพจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปประทับวิหารพระพุทธไสยาสน์ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ พระราชทานธูปเทียนให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กับพระองค์เจ้าจิตรเจริญ จุดบูชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงจุดธูปเทียนบูชา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิ ตรวจดูที่พระวิหารนั้นจะชำรุดลงเท่าใด จะทรงพระราชศรัทธาปฏิสังขรณ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่ศาลเทพารักษ์ใต้ต้นพิกุล ซึ่งอยู่ริมพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนบูชาแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่ง เรือขบวรก็เดิรกลับลงมาทางเก่า เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เรือพระที่นั่งประทับท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งทรงพระราชยาน มาประทับเกยพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ แล้วเสด็จขึ้น ในการกฐินวันนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศมหาสุราภรณ์มงกุฎสยามแลสายสพายด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการสวมเสื้ออิวนิงเดรศ

----------------------------

แผ่นที่ ๙๓ ออกวันอาทิตย์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒

ติดตราเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน ตำรวจแลทหารนั้นสวมเสื้อเต็มยศ

โดย มนุษยนาคมานพ

วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้นค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก เวลาเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน พร้อมด้วยขบวรนำขบวรตามเสด็จพระราชดำเนิร ไปประทับเกยพระที่นั่งราชวรดิษฐวินิจฉัย ตรัสกับพระยามหามนตรีครู่หนึ่ง จึงเสด็จลงเรือพระที่นั่งประจำทวีป เรือพระที่นั่งรองชื่อกลีบสมุท เรือบุษบกผ้าไตรชัยศรีสุนทรไชย ข้ามฟากไปประทับที่ฉนวนวัดระฆังโฆสิตาราม เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่นั่งหน้าพระอุโบสถ ทรงรับผ้าไตรเสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้าสองชั้น แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว นายสนิททูลจำนวนพระสงฆ์ คือ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน ๑ พระราชาคณะ ๑ หม่อมเจ้าพระ ๑ ถานานุกรม ๗ เปรียญ ๒ พระพิธีธรรม ๔ อันดับเรียนคันถธุระ ๓๐ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๘๙ รวมพระสงฆ์ ๑๕๕ รูป มากกว่าปีจอฉศก ๓ รูป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเทียนพระอุโบสถ แล้วพระราชทานผ้าให้เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาไปห่มพระพุทธรูป แล้วจึงพระราชทานพระกฐิน พระสงฆ์ทั้งปวงก็รับสาธุแล้วก็กระทำอุปโลก พระสงฆ์ทั้งปวงพร้อมกันเห็นสมควรแก่หม่อมเจ้าพระพุทธบาท ถานานุกรม ๒ องค์จึงยืนขึ้นสวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานไตรปีแก่พระครูถานานุกรมแลเปรียญ ๑๑ รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้า พระวุฒิการบดีจึงนำหม่อมเจ้าเณรราเชนทร

----------------------------

แผ่นที่ ๙๔ ออกวันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๒

ในพระเจ้าวรวงศ์เธอชั้น ๓ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ๑ หม่อมราชวงศ์เจริญเณรเปรียญ ๓ ประโยค ๑ เข้ามารับพระราชทานไตรปี แล้วกลับออกมาจากพระอุโบสถ ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้วก็มาทำกรานกฐินเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคลถวายเครื่องปริขารแก่หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทนผู้ครองกฐิน ครั้นแล้วหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทนถวายยถา พระสงฆ์ก็รับสัพพีกาเล แลถวายอติเรกแล้ว ถวายไชยมงคลแล้ว แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากพระอุโบสถ ตรัสกับข้าราชการ แล้วขึ้นทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่ฉนวนน้ำ เสด็จลงเรือพระที่นั่งเคลื่อนขบวรจากวัดระฆังโฆสิตาราม ขึ้นไปตามลำน้ำ เข้าในคลองบางขุนพรหมประทับฉนวนวัดสามพระยา เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ นายไชยขรรค์ทูลจำนวนพระสงฆ์ คือ พระครู ๑ ถานานุกรม ๒ เปรียญ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๑๐ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๒๑ รวมพระสงฆ์ ๕๕ รูป (น้อยกว่าปีจอฉศก ๑ รูป) แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานพระกฐิน พระสงฆ์ก็รับทำอาการคล้ายกับวัดระฆังโฆสิตาราม แล้วก็นั่งสวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบญัติทุติยกรรมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายไตรปีแก่ถานานุกรมเปรียญรวม ๓ ไตร พระสงฆ์ก็ไปครองผ้า ครั้นครองผ้าแล้วออกมากรานกฐิน แล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายเครื่องปริขารแก่พระครูธรรมรังษีผู้ครองกฐิน แล้วพระสงฆ์ทอนุโมทนาทาน พระมงคลเทพก็ถวายอติเรกถวายไชยมงคลจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ ตรงกับข้าราชการ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรมาลงเรือพระที่นั่ง ออกจากคลองบางขุนพรหมขึ้นไปตามลำน้ำ เข้าในคลองผดุงกรุงเกษม ประทับฉนวนวัดนรนาถสุนทริการาม เสด็จเข้าในพระอุโบสถ นายสนองทูลจำนวนพระสงฆ์ คือ เจ้าอธิการ (สด) อันดับเรียนคันถธุระ ๕ อันดับเถาสวดมนต์ ๗ รวมพระสงฆ์ ๑๓ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระกฐิน พระสงฆ์ก็รับแลอุปโลกกันอย่างธรรมยุติกา แล้วก็สวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วเจ้าอธิการก็ไปครองผ้า ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยานรนาถภักดีถวายของ แล้วเจ้าอธิการก็ทำอนุโมทนาทาน พระจันทโคจรคุณก็ถวายอติเรก

----------------------------

แผ่นที่ ๙๕ ออกวันจันทร แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๒

ครั้นแล้วจึงเสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จลงเรือพระที่นั่งออกจากวัดนรนาถสุนทริการาม มาประทับฉนวนวัดเทวราชกุญชร เสด็จเข้าในพระอุโบสถ นายสนิทจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๙ อับดับเล่าสวดมนต์ ๑๕ รวมพระสงฆ์ ๓๖ รูป มากกว่าปีจอฉศก ๘ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระกฐิน พระสงฆ์ก็รับทำเหมือนกับวัดสามพระยา แลพระธรรมเทศาจารย์เปนผู้ครองกฐิน แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานไตรปีแก่ถานานุกรม รวม ๓ ไตร ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทตุรงค์ฤทธิถวายของ ครั้นเสร็จแล้ว พระสงฆ์ก็อนุโมทนาทาน แลถวายไชยมงคล เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพระอุโบสถ ตรัสกับข้าราชการ แล้วจึงเสด็จลงเรือพระที่นั่งล่องลงมาตามลำน้ำ ประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรกลับยังพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นเมื่อเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ แลในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตรามหาวราภรณ์ช้างเผือก ข้าราชการก็แต่งตัวตามธรรมเนียมกฐินอย่างทุกวัน

โดย สวัสดิประวัติ

การเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินกระบวรเรือในคลองมอญ

ณวันเสาร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาบ่ายโมงกับ ๑๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จทรงพระราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ออกทางประตูศรีสุนทร ประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เสด็จลงเรือพระบุษบกพิศาล ข้ามฟากไปเข้าคลองมอญ เวลา

แผ่นที่ ๙๖ ออกวันจันทร แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๒

บ่ายโมง ๒๕ นาที ประทับฉนวนวัดเครือวัลย์ เสด็จขึ้นทรงพระราชยานถึงแล้ว ทรงรับผ้าไตรพระกฐินเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แลพระราชทานเทียนอุโบสถแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปถวายพระสงฆ์ แลผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลา นายสนิทจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนี้ คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๔ อันดับเล่าสวดมนต์ ๒๐ รวมพระสงฆ์ ๒๘ รูป แล้วก็ทรงพระราชทานพระกฐิน ครั้นจบพระคุณคุณาภรณ์จึงกล่าวที่ ๑ แลพระปลัดเผือกกล่าวที่ ๒ พระสงฆ์ก็รับอากังขามะภันเต พระสมุห์ปาจึงกล่าวที่ ๓ พระสงฆ์ก็รับว่ารุจติภันเต แลพระใบฎีการื่นได้กล่าวที่ ๔ พระสงฆ์จึงรับสาธุภันเต (จงดูเอาแผ่นที่ ๗๒ ว่าด้วยเสด็จพระราชทานกฐินวัดบวรนิเวศเมื่อพระสงฆ์อุปโลกนั้นเถิด) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงจุดเทียนนมัสการ พระพุทธรูป แลพระราชทานเทียน ๘ เล่มแก่พระองค์เจ้า (ในต้นฉบับไม่ได้ลงพระนาม) ไปจุดที่พระเจดีย์ แลพระสงฆ์สวดญัติทุติยกรรม ครั้นจบแล้วก็เสด็จพระราชดำเนิรไปพระราชทานไตรปีแก่พระถานานุกรม แล้วพระสงฆ์ครองผ้าเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนไปถวายของปริขารแก่พระสงฆ์ผู้ครองกฐิน แล้วจึงทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์สวดอนุโมทนาทานแล้ว พระราชทานเทียน ๑๐๐ ธูป ๑๐๐ สำหรับบูชาพระเจดียให้นายอิ่มมหาดเล็กไปถวายพระสงฆ์ เวลาบ่ายโมง ๕๒ นาที เสด็จทรงพระราชยานกลับลงเรือพระที่นั่ง ตรงไปตามคลองนั้น เวลาบ่าย ๒ โมง ประทับฉนวนวัดนาคกลาง เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน ครั้นถึงแล้ว ทรงอุ้มผ้าไตรเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดเครื่องนมัสการ แลพระราชทานเทียนแก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต แลผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรม ภูษามาลา นายไชยขรรค์จึงทูลจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนั้น คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๐ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๓ รวมพระสงฆ์ ๓๕ รูป แล้วก็พระราชทานกฐิน พระศรีสมโพธิซึ่งได้เปนประธานในพระอารามนี้จึงอุปโลก แลพระปลัดจุ่นเปนผู้ยกยอมให้ แล้วพระสงฆ์ก็ทำตามธรรมเนียม อย่างทอดกฐินมหานิกาย แต่ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศถวายของเท่านั้น

----------------------------

แผ่นที่ ๙๗ ออกวันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ

แลเสด็จออกมาประทับตรัสอยู่กับข้าราชการประมาณครู่หนึ่ง เวลาบ่าย ๒ โมง ๓๗ นาที เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งไปประทับฉนวนวัดพระยาทำ เวลาบ่าย ๒ โมง ๔๑ นาทีเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน ประทับเกยทรงรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระราชทานเทียนถวายพระสงฆ์แก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต แลผ้าทรงพระพุทธรูปแก่ภูษามาลาเสร็จแล้ว นายสนองจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนี้ คือ พระครูสมณคณาจารย์ ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับเรียนคันถธุระ ๗ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๙ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๕ รวมพระสงฆ์ ๔๔ รูป แล้วก็พระราชทานพระกฐิน พระครูสมณคณาจารย์เปนผู้อุปโลก แลพระสมุห์ตาดเปนผู้กล่าวยกให้ แลทำตามธรรมเนียมทอดกฐินอย่างมหานิกาย กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาลถวายของปริกขาร แลพระสงฆ์สวดอนุโมทนาทานเสร็จแล้ว พระอมรเมธาจารย์ซึ่งได้อยู่ณวัดโมลีโลกเปนผู้นำนั้นก็ถวายอติเรก ครั้นเสร็จแล้ว เวลาบ่าย ๓ โมง ๒๒ นาที เสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ ประทับตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ แลข้าราชการอยู่ประมาณครู่หนึ่ง ก็เสด็จขึ้นทรงพระราชยานกลับลงเรือพระที่นั่ง ไปตามคลองประทับฉนวนวัดชิโนรสาราม เวลาบ่าย ๓ โมง ๓๕ นาที เสด็จพระราชดำเนิรในจากเรือพระที่นั่ง ทรงรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระราชทานเทียนแก่พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต แลผ้าทรงพระพุทธรูปแก่ภูษามาลา แลในเวลานั้นนายจ่ายงจึงทูลจำนวนพระสงฆ์ในพระอารามนี้ คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๕ อันดับเรียนคันถธุระ ๑ อันดับเล่าสวดมนต์ ๒๐ รวมพระสงฆ์ ๓๐ รูป แล้วก็พระราช

----------------------------

แผ่นที่ ๙๘ ออกวันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ

ทานกฐิน พระเนกขัมมุนีซึ่งได้เปนประธานในพระอารามนั้นจึงอุปโลก แลพระปลัดสุดเปนผู้ยกยอมให้ แลทำตามธรรมเนียมทอดพระกฐินอย่างมหานิกาย พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์เปนผู้ถวายของปริขาร กับได้ทรงเรียกพานเทียนเพื่อจะทรงนมัสการพระพุทธรูป แต่มหาดเล็กหาได้เอามาไม่ พระอารามนี้ควรจะมีจึงจะถูก ด้วยเปนวัดสำคัญของกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสทรงสร้างไว้ เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จพระราชดำเนิร กลับลงเรือพระที่นั่งมาทางเดิมเปนกระบวรมา เวลาบ่าย ๔ โมง ๒๑ นาทีถึงท่าราชวรดิษฐ เสด็จขึ้นทรงพระราชยานกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ อนึ่งในเรือพระที่นั่งบุษบกพิศาล เมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนิรนั้น ในบัลลังก์พระที่นั่งพระยาภาสกรวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพ็ธภักดี ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ แลพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนทหารหลวงผู้ช่วยในค่าย ๑ แต่ข้างพระยี่ภู่ทอดพระแสงปืนโกสั้น ๑ พระแสงปืนหันยาว ๑ ประจุทั้ง ๒ กระบอก ข้างหน้าเรือพระที่นั่งนั้น มีกรมแต่งปืน ๔ คน คือ หลวงเสน่ห์ ๑ ขุนรามสรชิต ๑ ขุนนฤชาติสรไกร ๑ หมื่นจำนง ๑ พวกที่ได้เชิญพระแสงปืนหันยาวประจุ ๒ องค์ แลกำกับพระแสงปืนศิลป์นารายณหน้าโยงสำหรับเรือพระที่นั่ง แลสารวัดพึ่งมหาดเล็กกำกับเครื่องคน ๑ หลวงอุดมภักดีกำกับฝีพาย ข้างหลังพระที่นั่งนั้น มีพานพระภูษา ๒ องค์ กรมภูษามาลากำกับไป คือ พระยาราชโกษา ๑ หลวงเทพาภรณ์ ๑ กรมแสงหอกดาบ หลวงสรรพาวุธ ๑ กรมมหาดเล็กนายพลพัน ๑ นายกล่อม ๑ กรมหมอหลวงราชรักษา ๑ ขุนประเสริฐ ๑ กรมพระยาลักษณ์ หลวงสารประเสริฐ ๑ หลวงสุนทรภิรมย์กำกับฝีพาย ๑ รวมฝีพายทั้งหน้าทั้งหลังในเรือพระที่นั่ง ๔๗ คน เรือพระที่นั่งรองพิมานอมรินทร์ แลมีเรือกันยาพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ผู้น้อยที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรไปนั้น ประมาณ ๓๐ ลำ ๔๐ ลำ แต่เปนเรือสำปั้นเก๋งเสียมาก ด้วยในวันนี้เสด็จพระราชทานพระกฐินในคลองมอญ คลองมอญนั้นเปนคลองเล็ก วัดก็ใกล้กันนัก เรือกันยานั้นยาวเกะกะมาก แต่ที่จริงควรจะต้องไปเรือกันยาจึงจะถูก แล้วมีเจ้าพนักงานรับวัดทุก ๆ วัด ผลัดกันเสมอ กระบวรเสด็จพระราชดำเนิรนั้นมีต่อ ๆ กันมา คือ เรือกันยาประตู ๒ ลำ เรือเหรา ๔ ลำ เรือกลองแขกนอก ๑ ลำ เรือดั้ง ๒ ลำ เรือญวนแจว ๔ ลำ เรือดั้ง ๑๘ ลำ

----------------------------

แผ่นที่ ๙๙ ออกวันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๕ ค่ำ

เรือกลองแขกใน ๑ ลำ เรือคู่ชัก ๑ ลำ เรือพระที่นั่งไตรสรมาศใส่ผ้าไตร ๑ ลำ แล้วจึงถึงเรือพระที่นั่ง แลเรือพระที่นั่งรอง เรือตำรวจ ทหารแซง เรือเหรา ๒ ลำ เรือกันยาประตู ๒ ลำ แลเรือพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ต่อ ๆ กันมาจนหมดกระบวรเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานกฐิน อนึ่งในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สำหรับเวลาเย็น ทรงสายสพายสีชมพู เครื่องราชอิศริยยศตราจุลจอมเกล้า พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสวมเสื้อสำหรับเวลาเย็น ติดตราต่าง ๆ ที่ได้รับพระราชทาน ส่วนที่เปนทหารนั้นสวมเสื้อเต็มยศของตนทุก ๆ คน

เวลาย่ำค่ำพระยาอภัยรณฤทธิ ๑ พระยามหามนตรี ๑ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ พระมหาเทพ ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ กับกรมพระตำรวจ กรมตำรวจวังอิกบ้างเข้าไปข้างใน เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้าตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิจึงทูลถวายพระราชกุศล ที่ท่านได้ทรงผนวช แลลาออก เมื่อณวันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้นค่ำ ๑ เวลา ๔ ทุ่มนั้น และเมื่อพระองค์เจ้าคัคณางคยุคล พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่นั้น ท่านผู้แต่งหนังสือพิมพ์ วันของตัวยังหาลงไม่ ข้าพเจ้าเห็นพ้นมาแล้วจึงได้บอกให้ท่านทราบได้ คือ วันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่ำ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ได้ทูลถวายพระราชกุศล ด้วยได้ลาผนวชวันพุธ เดือน ๑๑ แรม ๖ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งแล้ว พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภได้ทูลถวายพระราชกุศล เมื่อณวันจันทร เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๐ ออกวันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๕ ค่ำ

พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ เมื่อณวันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ท่านทั้ง ๒ นี้ได้ลาผนวชพร้อมกัน ณวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ

ครั้นเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้นจากสนามหญ้า เวลา ๗ ทุ่มพวกตำรวจก็ได้ออกจากข้างในนั้น

โดย ภาณุรังษี

การเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินกระบวรเรือกลไฟแลการตามธรรมเนียม

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ในเวลาเช้านั้น พระสงฆ์บิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลรับพระราชทานฉันในพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ก็มีตามธรรมเนียม ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงกับ ๓๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกขึ้นทรงพระราชยาน ที่หน้าพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เสด็จลงเรือพระที่นั่งพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการซึ่งตามเสด็จในเรือพระที่นั่งนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนเอดเดอแกมป ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ ๑ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าหญิงอิก ๔ พระองค์ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ ๑ รวม ๑๑ พระองค์ กรมมหาดเล็ก พระยาภาสกรวงศ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ นายสนิท ๑ นายวรกิจบรรหาร ๑ มหาดเล็ก ๕ รวม ๑๑ กรมวัง พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ จมื่นจงขวา ๑ รวม ๒ กรมพระตำรวจ พระอินทรเทพ ๑ พระราชวรินทร ๑ รวม ๒ กรมช่างทหารใน พระวิสูตร์โยธามาตย์ ๑ หลวงราชโยธาเทพ ๑ รวม ๒ กรมทหารมหาดเล็กแลรักษาพระองค์ จมื่นสราภัยสฤษดิการ เอดเดอแกมป ๑ จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ ๑ หลวงสาตราธิกรณ์ฤทธิ ๑ หลวงศิลปสารสาตราวุธ ๑ หลวงศัลยุทธวิธีกรรม์ ๑ รวม ๔ กรมภูษามาลา หลวงเทพาภรณ์ ๑ กรมแสงปืน หลวงเสน่ห์ ๑ หมื่นจำนง ๑ รวม ๒ กรมแสงหอกดาบ ๑ หลวงสรรพาวุธ ๑ กรมพระอาลักษณ์ หลวงสารประเสริฐ ๑ กรมหมอ หลวงราชรักษา ๑ ขุนประเสริฐ ๑ รวม ๒

แผ่นที่ ๑๐๑ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ

รวมข้าราชการ ๒๙ รวมพระวงศานุวงศ์แลข้าราชการ เปน ๔๐ เรือพระที่นั่งออกจากท่าราชวรดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรเปนขบวรเรือกลไฟขึ้นไปตามลำแม่น้ำ ไปประทับฉนวนวัดคฤหบดีเวลาเที่ยง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ทรงรับผ้าไตรกฐินเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการ แล้วนายบำเรอมหาดเล็กก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาในพระอารามนั้น คือ มีพระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๔ เปรียญ ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๔ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๓ รวมพระสงฆ์ ๓๓ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็พระราชทานผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ พระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วทรงพระราชทานพระกฐิน แลพระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินัตถารกิจตามธรรมเนียม ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิถวายเครื่องปริขารแก่พระกระวีวงศ์ ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาแลอติเรกแล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถลงเรือพระที่นั่ง ออกจากฉนวนวัดคฤหบดี เวลาเที่ยง ๓๕ นาที แลเรือพระที่นั่งไปประทับฉนวนวัดราชาธิวาสเวลาบ่ายโมง ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จขึ้นรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว นายเล่ห์อาวุธมหาดเล็กก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาในพระอาราม คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒๐ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๑ รวมพระสงฆ์ ๓๕ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๒ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ

เจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ทรงพระ พระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วทรงพระราชทานกฐิน พระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินัตถารกิจตามธรรมเนียม ครั้นแล้วก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ถวายเครื่องปริขารแก่พระภาวนาภิรามเถร ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาแลอติเรกแล้ว พระราชทานดอกไม้ธูปเทียนให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ไปบูชาพระเจดีย์ แลที่พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ซึ่งได้เปนพระตำหนักประทับอยู่ เมื่อครั้งทรงผนวชเสด็จมาประทับพระอารามนี้นั้น) ครั้นเสร็จก็เสด็จออกจากพระอุโบสถ ลงเรือพระที่นั่งออกจากฉนวนวัดราชาธิวาสเวลาบ่ายโมง ๔๐ นาที เรือพระที่นั่งขึ้นไปตามลำน้ำจนถึงเวลาบ่าย ๓ โมง เรือพระที่นั่งก็เข้าประทับฉนวนวัดเฉลิมพระเกียรติ เสด็จขึ้นทรงรับผ้าไตรเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว นายพลพันมหาดเล็กก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาในพระอาราม คือ พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับเรียนคันถธุระ ๘ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๙ อันดับเล่าสวดมนต์ ๑๔ รวมพระสงฆ์ ๓๔ รูป กับพระปลัดมารับผ้าไตรปีอิก ๑ รูป แต่มิได้อยู่ในพระอารามนี้ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ทรงพระ พระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถให้ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วก็พระราชทานพระกฐิน พระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินัตถารกิจตามธรรมเนียม ครั้นแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณถวายเครื่องปริขารแก่พระปรีชาเฉลิม ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาแลอติเรกแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เพิ่มนิตยภัตรพระปรีชาเฉลิมอิกเดือนละบาท รวมกับนิตยภัตรเดิมเปนเดือนละ ๑๗ บาท ด้วยทรงพระราชดำริห์ว่า พระปรีชาเฉลิมนั้น เปนผู้เอาใจใส่ดูแลในพระอารามให้สะอาดหมดจดดี ไม่เปนที่เปื้อนเปรอะให้พระอารามนั้นเก่าไปได้ ครั้นแล้วก็เสด็จลงเรือพระที่นั่งออกจากฉนวนวัดเฉลิมพระเกียรติเวลาบ่าย ๓ โมง ๔๐ นาที

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๓ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๗ ค่ำ

ขึ้นไปเข้าคลองอ้อม ล่องน้ำลงมาตามลำคลองไปประทับฉนวนวัดไชยพฤกษ์มาลาเวลาบ่าย ๕ โมง ๒๓ นาที ก็เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งทรงรับผ้าไตร เข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้ว นายพิจิตรมหาดเล็กก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาในพระอาราม คือมี พระราชาคณะ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๑ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๖ อันดับเล่าสวดมนต์ ๔ รวมพระสงฆ์ ๑๕ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าทรงพระพุทธรูปแก่กรมภูษามาลาไว้ทรงพระ พระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงพระราชทานกฐิน พระสงฆ์ที่รับกฐินนั้น ก็ทำการกฐินัตถารกิจตามธรรมเนียม แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระพุทธรูปในพระอุโบสถ แลข้าราชการที่มิได้มีเรือกลไฟ ที่จะตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้น ก็ลงเรือพายล่วงหน้าไปรับเสด็จที่วัด แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีถวายเครื่องปริขารแก่พระกุศลธรรมธาดา ซึ่งเปนผู้ครองกฐินนั้น ครั้นเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาแลอติเรกแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เพิ่มเงินนิตยภัตรพระราชทานแก่พระกุศลธรรมธาดาอิกเดือนละ ๒ บาท รวมกับนิตยภัตรเดิมเปนเงินเดือนละ ๑๔ บาท ด้วยทรงพระราชดำริห์เห็นว่า พระกุศลธรรมธาดานี้ เปนผู้เอาใจใส่ซ่อมแซมพระอารามมิให้ชำรุดร่วงโรยไปได้ ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จไปทรงจุดเทียนนมัสการพระเจดีย์ แลพระราชทานดอกไม้ธูปเทียนให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ไปบูชาที่พระวิหาร แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่ง ออกจากฉนวนวัดไชยพฤกษ์มาลา เวลาย่ำค่ำล่องลงมาตามลำคลองบางกอก

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๗ ค่ำ

น้อย มาประทับท่าราชวรดิษฐ เวลาทุ่ม ๑ กับ ๑๕ นาที จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าหมื่นไวยวรนาถแจกเงินในเรือไฟที่เข้าขบวรตามเสด็จคนละสลึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงพระราชยานเข้าในพระบรมมหาราชวัง

ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ก็เข้าไปเฝ้า จนเวลา ๔ ทุ่มก็ออกจากเฝ้า

อนึ่งเสด็จพระราชดำเนิร พระราชทานพระกฐิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศอย่างสูง คือ ตราปฐมจุลจอมเกล้า พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการนั้นสวมเสื้ออิวนิงเดรศแลติดตราต่าง ๆ แต่ตำรวจแลทหารนั้นแต่งเต็มยศ อนึ่งขบวรเรือกลไฟเล็กซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินนั้น เรือประทีปทัศนาการ ๑ กับเรือพระราชวังบวรลำ ๑ (คล้ายกับเรือประทีปทัศนาการ) แล่นเปนคู่กันออกหน้าเปนที่ ๑ เรือกลไฟลำใหญ่ในพระราชวังบวร บรรจุออฟฟิศเซอแลทหารแตรกรมทหารหน้าแล่นไปลำเดียวเปนที่ ๒ เรือพระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ เรือเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ บรรจุออฟฟิศเซอทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ๒ ลำคู่กันเปนที่ ๓ ต่อมาก็ถึงเรือพระที่นั่งคือเรือศีร์ษะเปนรูปนกอินทรีนั้น เปนเรือพระที่นั่งทรง เรือเมรีเบตแมน๑๐ เปนเรือพระที่นั่งรอง ๑ เรือโสรวารวรเดชเปนเรือตำรวจ ๑ เรือที่ตามเสด็จนั้นเรือประเวศชลสินธุ ๑ เรือบางปอินอุดมทวีป ๑ เรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ เรือภิรมย์เร็วจรของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒ ๑ เรือพระยาราชวรานุกูล ๑ เรือพระยาเวียงนัยนฤบาล ๑ เรือพระยาโชฎึกราชเศรษฐี ๑ เรือหลวงสรวิเศษ ๑ เรือขุนสุนทร ๑ เรือนายชิด ๑ รวมเปน ๑๘ ลำทั้งเรือพระที่นั่ง อนึ่งระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินนั้น ตั้งแต่ท่าราชวรดิษฐถึงฉนวนวัดคฤหบดีทาง ๖๗ เส้น แต่ฉนวนวัดคฤหบดีถึงวัดราชาธิวาส ๑๖ เส้น ๑๑ วา แต่ฉนวนวัดราชาธิวาสถึงวัดเฉลิมพระเกียรติ ๒๓๑ เส้น แต่วัดเฉลิมพระเกียรติถึงปากคลองอ้อม ๑๙ เส้น ๑๕ วา แต่ปากคลองอ้อมถึงวัดไชยพฤกษมาลา ๒๕๕ เส้น แต่วัดไชยพฤกษมาลาถึงปากคลองบางกอกน้อย ๑๑๗ เส้น แต่ปากคลองบางกอกน้อยถึงท่าราชวรดิษฐ ๑๘ เส้น รวมระยะทางทั้งสิ้น ๗๓๔ เส้น ๖ วา

โดย ก.ม. นเรศร์วรฤทธิ์

แผ่นที่ ๑๐๕ ออกวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๘ ค่ำ

การในพระบรมมหาราชวัง

ณวันจันทร เดือน ๑๒ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เปนวันสิ้นการเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินทางชลมารค เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติอยู่จนเวลา ๕ โมงเศษจึงกลับออกมา แล้วจึงพระบรมวงศานวงศ์แลขุนนางข้าราชการซึ่งเข้าไปเฝ้า ในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัตินั้น จนเวลาย่ำค่ำเศษจึงถวายบังคมลาออกมา ครั้นพระบรมวงศานุวงศ์แลขุนนางข้าราชการออกมาแล้วประมาณ ๒๐ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งใหม่ พระบรมวงศานุวงศ์แลขุนนางข้าราชการเฝ้าอยู่ณที่นั้นจนเวลา ๒ ทุ่มเศษจึงเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์แลขุนนางข้าราชการก็ถวายบังคมลากลับ

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

ณวันอังคาร เดือน ๑๒ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ มีพระยาศรีสิงหเทพได้เข้าไปเฝ้าในที่นั้น ประมาณครู่หนึ่งกลับออกมา ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒเข้าไปเฝ้า จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษกลับออกมา ในทันใดนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ แลข้าราชการ คือ พระยาราชวรานุกูล ๑ พระยาธรรมจรรยา ๑ พระยาพิพัฒโกษา ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระยารามคำแหง ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ พระนรินทรเสนี ๑ พระนราธิราชภักดี ๑ พระสามภพพ่าย ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ เข้าเฝ้าอยู่ที่นั้น จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น แล้วเสด็จออกสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ มีพระบรมวงศานุวงศ์แลข้า

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๖ ออกวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๘ ค่ำ

ราชการเฝ้าอยู่ในที่นั้น จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น มีพระบรมราชโองการรับสั่งให้หาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กับกรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิเข้าไปเฝ้า จนเวลา ๒ ยามเศษจึงได้กลับออกมา

ขอแจ้งความให้ทราบทั่วกัน ในแผ่นที่ ๘๓ ลงณวันอังคาร เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๒ ค่ำ กับแผ่นที่ ๘๕ ลงณวันพุธในหนังสือนั้นว่า เสด็จไปประทับเกยที่พระที่นั่งราชวรดิษฐวินิจฉัยนั้น ผิดไป คือ พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยจึงจะถูก แลที่บอกในหนังสือนั้นว่ามหาจ่างนั้นผิดไป ด้วยเขียนตกหลายแห่ง คือ มหากระจ่าง แล้วกับที่ว่าพระปลัดต่ายนั้นผิดไป คือ พระปลัดอ่อน แล้วกับที่ว่าเสด็จทรงราชยานไปประทับฉนวนวัดพิไชยญาตินั้นผิดไป คือ เสด็จลงที่ฉนวนหน้าวัดอนงคารามจึงจะถูก ขอท่านทั้งหลายจงทราบเทอญ

หนังสือนี้ข้าพเจ้าได้จดบ้าง แล้วข้าพเจ้ามีธุระ ได้วานพระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพบ้าง ขอท่านจงทราบเทอญ

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

ณวันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลา ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน แลจมื่นสราภัยสฤษดิการ ที่เอดเดอกง แลพระศรีธรรมสาสน ๑ พระดิษฐการภักดี ๑ พระศิริสมบัติ ๑ หลวงมนตรีนิกรโกษา ๑ หลวงรัตนายัติ ๑ รวมเจ้าพนักงานกรมท่า ๕ นาย พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร เจ้าพนักงานกรมวัง ๑ รวม ๘ นาย นำมองซิเออคารเนียที่กงสุลฝรั่งเศส ๑ บาดหลวงล่ามฝรั่งเศส ๑ กอมมานโด (คือผู้บังคับการ) เรือรบ (กันโบต) ชื่อแอนติลบ ๑ กับออฟฟิศเซอเรือรบอิก ๘ นาย รวมแขกเมืองฝรั่งเศส ๑๑ นาย พวกแขกเมืองมาเรือขึ้นที่ท่าขุนนาง เข้าทางประตุศรีสุนทร มาพักที่เก๋งวรราชสภาภิรมย์ แล้วเจ้าพนักงานฝ่ายไทย ซึ่งได้ว่าออกชื่อมาแต่ข้างต้นแล้วนั้น จึงนำแขกเมืองฝรั่งเศสเข้าเฝ้าทูลลองธุลีพระบาทในพระที่นั่ง (มูลสถานบรมอาสน์) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟรอกโก๊ตตามธรรมเนียมออกรับ ทรงพระราชปฏิสัณฐารทักทายปราศัยตามธรรมเนียม พอสมควรแก่เวลาจึงเสด็จขึ้น แขกเมืองก็คำนับถวายบังคมลากลับไป ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ จึงเสด็จออกที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยในที่นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งให้หลวงศรีสังกรเปนพระพิพากษา มีความในสัญญาบัตรดังนี้ ให้หลวงศรีสังกรอธิบดีโหรดาจารย์เปนพระพิพากษานานาประเทศกิจ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๗ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำ

พนักงานสำหรับพิพากษาคดีชาวต่างประเทศ อยู่ในกรมท่ากลาง ให้คงถือศักดินา ๓๐๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง จงมีความสุขสวัสดิเจริญเทอญ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เปนวันที่ ๒๕๔๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (พระราชหัดถเลขาเปนพระนาม) สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ครั้นขุนนางออกแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรออกประทับที่สนามหญ้าจนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการเข้าไปเฝ้า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ หม่อมเจ้าถนอม ๑ พระยาภาสกรวงศ ๑ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาพิพัฒโกษา ๑ พระยาราชบังสัน ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ พระศรีกาฬสมุด ๑ พระนรินทรราชเสนี ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ หมอเกาแวน ๑ กับขุนนางพระหลวงขุนยังอิกหลายคน บางท่านก็เฝ้าอยู่จนเสด็จขึ้น บางท่านก็กลับออกมาก่อน เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์จึงนำเอาดอกไม้ธูปเทียนของนายสอนบุตรหม่อมยัง ซึ่งเปนพี่เลี้ยงพระองค์เจ้านุชในพระราชวังบวรทูลเกล้าฯ ถวายตัวอยู่ในกรมมหาดเล็ก เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๘ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำ

พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการซึ่งเฝ้าอยู่นั้น ก็กลับออกมาทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ

โดย มนุษยนาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๘ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระนานาพิธภาษี ๑ เข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลา ๔ โมง แล้วจึงออกจากเฝ้า ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าไปเฝ้า ที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงปิดทองหนังสือพระพุทธานุปริวัติ ซึ่งสร้างไว้สำหรับวัดราชบพิธ แลทรงร้อยหนังสือพระอรรถกถาวิมานวัตถุ เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสกับข้าราชการจนเวลาใกล้ค่ำ ข้าราชการจึงได้ออกจากเฝ้า แล้วทรงพระกรุณาโปรด เกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญไปจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ ๒๐ รูป มีพระวินยานุกูลเถรเปนประธาน ก็เจริญพระปริตตามธรรมเนียมอย่างทุกวันพระ ครั้นเวลา ๒ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์จนเวลายามเศษจึงเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๒๕ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน เข้าบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลพระสงฆ์วัดชิโนรสาราม ๑๐ รูป พระเนกขัมมุนีนำ ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลาเย็น ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท คือ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ พระองค์เจ้าไชยานุชิต พระยารามกำแหง ๑ พระยาราชวังสัน ๑ นักองค์วัตถา ๑ พระยาสุจริตรักษา ๑ พระยาวิเศษฦๅไชย ๑ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาโชฎึก ๑ พระยานครศรีธรรมราช ๑ พระนรินทรราชเสนี ๑ พระเทพผลู ๑ พระศรีกาฬสมุด ๑ พระปรีชากลการ ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ หลวงราชเศรษฐี ๑ พระนรินทรราชเสนีจึงนำแขกเมืองไทรบุรี ชื่อดองกูสะมะแอ ถวายบังคมลากลับไปเมืองไทรบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสด้วยข้าราชการอยู่ประมาณ ๒๐ นาที ขุนนางกลับออกมา

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๙ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๐ ค่ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับสนามหญ้า แล้วขึ้นทรงรถพระที่นั่งตามธรรมเนียม ซึ่งสำหรับประพาสที่ต่าง ๆ นั้น พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ ได้ตามเสด็จในรถพระที่นั่งด้วย ออกทางประตูวิมานไชยศรี ประตูวิเศษไชยศรี ไปประทับสวนวังสราญรมย์ เสด็จลงพระราชดำเนิรประพาสรอบในสวนนั้น แลเสด็จประทับที่พระที่นั่งหลังใหญ่ที่มีบิลเลียด (มิสเตอรแกรซีทำ) แลประทับอยู่ที่นั้นจนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้นทรงรถกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้าประมาณ ๕ นาที เสด็จขึ้นข้างใน เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระยามหามนตรี ๑ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ เข้าไปข้างใน เวลา ๗ ทุ่มจึงได้ออกมาจากในนั้น

โดย ภาณุรังษี

การตามธรรมเนียม

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ ใน เวลาเช้าพระสงฆ์รับบิณฑบาตแลฉันตามธรรมเนียม ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับพระที่นั่ง สมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทดลอองธุลีพระบาท ผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปเฝ้า จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ เข้าไปเฝ้า จนเวลา ๔ ทุ่มเศษ จึงได้ออกจากเฝ้า

โดย ก. ม. นเรศร์วรฤทธิ์

ณวันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์ แลขุนนางข้าราชการเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทเปนอันมากด้วยกัน พระบาทสมเด็จ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๐ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๐ ค่ำ

พระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับตรัสด้วยราชการแผ่นดินกับพระบรมวงศานุวงศ์ แถขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยณที่นั้น จนเวลาย่ำค่ำแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ แลขุนนางข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ถวายบังคมลากลับออกมา ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งใหม่ เสด็จทรงประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ แลขุนนางข้าราชการอยู่ณที่นั้น จนเวลา ๒ ทุ่มนานจึงเสด็จขึ้น

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอังคาร เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการเฝ้า กรม หมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระองค์เจ้ายุคนธร ๑ พระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรี ๑ พระยาอภัยรณฤทธิ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาพิพัฒโกษา ๑ พระยาเพ็ชร์ชฎา ๑ พระยารามกำแหง ๑ พระยาราชวังสัน ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ พระรัตนโกษา ๑ พระวิสูตรสาครดิฐ ๑ พระเทพผลู ๑ พระวิสูตรโยธามาตย์ ๓ พระศรีกาฬสมุด ๑ พระนรินทรราชเสนี ๑ หลวงราชเศรษฐี ๑ พระอิศราธิไชย ๑ จมื่นทิพเสนา ๑ พระหลวงขุนยังอิกหลายคน บางท่านก็กลับออกมาก่อน บางท่านก็เฝ้าอยู่ เวลาย่ำค่ำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จเข้าเฝ้าถวายพระราชกุศล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระกฐินให้ท่านทรงทอดนั้น เฝ้าอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จกลับ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับตรัสอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งเฝ้าอยู่สนามหญ้านั้น จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น ขณะเมื่อเสด็จออกสนามหญ้านั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ไปทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมขปราสาท ด้วยวันนั้นเปนวันสวดมนต์ตั้งพระราชพิธีจองเปรียง ครั้นทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว ขุนสุวรรณอักษรก็อ่านคำประกาศด้วยเรื่องพระราชพิธีจองเปรียงนั้นจบแล้ว พระสงฆ์ไทย ๔ รูป รามัญ ๔ รูป ก็เจริญพระพุทธมนต์จนเวลาทุ่มเศษจบ ในเวลาวันนี้ จมื่นทิพเสนาคุมฮ่อ ๒ คนลงมาถึงกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงิน ๒ ชั่ง

โดย มนุษยนาคมานพ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๑ ออกวันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๑๑ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

วันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ มงกับ ๒๕ มินิตได้ฤกษ์ เจ้าพนักงานจึงยกเสาโคมไชยทั้ง ๖ เสาตามอย่างโบราณราชประเพณีแต่ก่อน เสาโคมไชยทั้ง ๖ เสานั้น ปักเปนแถวริมสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งอาภรณพิโมขปราสาท ครั้นเวลา ๔ โมงเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญออกมาจุดเทียน แลประเคนสำรับพระสงฆ์ ๘ รูป ซึ่งได้สวดมนต์เมื่อเวลาวานนี้นั้น จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระสงฆ์กลับจากพระบรมมหาราชวัง เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดโคมไชยเสาที่ ๑ แลพระราชทานเทียนอิก ๕ เล่มนั้น แก่พระองค์เจ้าที่ทรงพระเยาว์ ครั้นทรงจุดโคมไชยแล้ว จึงเสด็จไปประทับตรัสกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒที่เสาธงในสนามหญ้า๑๑ กับข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยด้วย เพราะเวลานั้นเปนเวลาฝนตกหยิม ๆ อยู่ด้วย จึงได้ประทับที่เสาธง ครั้นแล้วเสด็จขึ้น

การฉลองไตรปี

เสด็จพระราชดำเนิรออกพระที่นั่งอนันตสมาคม จึงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากร (พระไชย) ซึ่งประดิษฐานอยู่บนพระที่นั่งเสวตฉัตร ครั้นทรงนมัสการเสร็จแล้ว กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์จึงถวายศีลแล้วพระสงฆ์จึงสวดพระพุทธมนต์ทวาทสปริตตามธรรมเนียมการฉลองไตรปี จำนวนพระราชาคณะ เปรียญ ถานานุกรม (ที่ได้รับพระราชทานไตรปี) นั้น ส่วนในพระบรมมหาราชวังมาได้ ๔๖๒ อาพาธมาไม่ได้ ๒๙ รวม ๔๙๑ ส่วนในพระราชวังบวร ๖๐ รวม ๕๕๑ แลพระสงฆ์ซึ่งได้มาสวดมนต์นั้น พระธรรมยุติกา ๘๙ พระมหานิกาย ๓๓๒ พระรามัญ ๔๑ รวม ๔๖๒ แลแบ่งสวดในพระที่นั่งอนันตสมาคม ๔๒๑ มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธานาธิบดี สวดบนพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ พระรามัญ ๔๑ มีพระธรรมวิสารทเปนประธาน ครั้นสวดมนต์จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าที่ทรงพระเยาว์ถวายเทียนสำหรับส่องไปวัด แล้วพระสงฆ์ถวายอติเรกแลถวายพระพรลากลับ เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น เวลาค่ำ

แผ่นที่ ๑๑๒ ออกวันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๑๑ ค่ำ

วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงสายสพายมหาสุราภรณ์แลดวงตราด้วย แลพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทนั้น สวมเสื้ออิวนิงเดรศ หาได้สวมเครื่องราชอิศริยยศไม่ แต่ที่จริงนั้น ควรจะต้องสวมเครื่องราชอิศริยยศจึงสมควร

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงบาตร ณที่ทรงบาตรในพระบรมมหาราชวัง๑๒ เจ้าพนักงานกรมสังฆการี จึงนิมนต์พระสงฆ์เข้ารับบัณฑบาต พระสงฆ์ที่รับบิณฑบาตนั้น พระราชาคณะ หม่อมเจ้าพระ หม่อมเจ้าเณร ถานานุกรม เปรียญ ตามที่ได้รับพระราชทานไตรปีนั้น รวมพระสงฆ์วันหนึ่ง ๓๑๑ วันนี้มีพระพิมลธรรมเปนประธานาธิบดี เข้าทางประตูดุษดีศาสดา ออกทางประตูอนงคลีลา แต่หม่อมเจ้าพระ หม่อมเจ้าเณรนั้น ออกทางประตูยาตราสตรี๑๓ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีลเสร็จแล้ว พระสงฆ์ ๑๔๐ รูป ก็สวดถวายพรพระ พระมหาราชครูพิธีจึงถวายน้ำสังข์ แล้วเสด็จมาประทับตรัสอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ไปจุดเทียนเครื่องนมัสการที่พระที่นั่งสุทไธศวรรย์ แลประเคนสำรับพระด้วย พระสงฆ์ที่ฉันในพระที่นั่งอนันตสมาคม ๑๔๐ รูป พระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ๑๒ รูป รวมพระสงฆ์ ๑๕๒ รูป ครั้นพระสงฆ์สวดถวายพรพระจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงประเคนเครื่องเสวย แก่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วเสด็จมาประทับตรัสอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์ดังเก่า ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้วประมาณครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระเต้าสิโนทก กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ก็ยถา พระสงฆ์ก็สวดสัพพีกาเลเสร็จแล้ว หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาก็ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภะวะตุสัพ แล้วหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรว่าถวายพระพรลา เวลาบ่ายโมง ๑ เสด็จขึ้น ในเวลาเช้าวันนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๓ ออกวันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ๑ เจ้าพระยาสุรวงศไวยวัฒ ๑ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ๑ เข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษจึงออก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แขกเมืองเยอรมันเข้าเฝ้า ที่พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร คือ กงสุลเยอรมัน ๑ เลบเตอร์แนนวอนเลิบเบกเกเปนทหารม้า ๑ หมอเกอนิคเปนหมอกฎหมาย ๑ มิสเตอร์แชนเดอร์เลล่าม ๑ มิสเตอร์เฮนดิรกล่าม ๑ กับคนที่พาแขกเมืองเข้ามาเฝ้านั้น คือ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนเอดเดอกง ๑ จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ ๑ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ พระศรีธรรมสาสน ๑ พระดิษฐการ ๑ รวม ๑๐ นายทั้งแขกเมืองแลล่ามแลคนที่พาเข้าเฝ้า เฝ้าอยู่ประมาณครู่หนึ่งจึงออก เวลา ๕ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ซึ่งจะถวายเทศนานั้นเข้าไป จึงทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรม แลเทียนดูหนังสือแล้ว พระราชมุนีวัดราชบุรณะก็ขึ้นธรรมาสน์ถวายศีลแล้ว ก็ถวายเทศนากฐินทานกถา (เปนการแสดงอานิสงส์กฐิน) จนเวลา ๒ ยามจึงจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับทรงประเคนเครื่องไทยธรรมแก่พระราชมุนีผู้ถวายเทศนานั้น พระราชทานเงินเปนมูลกัปปิยภัณฑ์ ๑๐ ตำลึง พระราชมุนีก็ถวายอติเรกถวายพระพรลา แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารเทเวศรักษา ทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เสด็จพระราชดำเนิรลงในเรือพระที่นั่งบัลลังก์ ทรงลอยพระประทีปอยู่จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น ในเวลาค่ำวันนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ แต่มิได้ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการสวมเสื้ออิวนิงเดรศบ้าง เสื้อ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๔ ออกวันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ

ฟรอกโก๊ตบ้าง แต่ควรจะต้องสวมเสื้ออิวนิงเดรศทั้งหมด แลการมีเทศนาในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยนี้ เจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาวัน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นตั้งบนที่นั่งเสวตฉัตร แลเครื่องตั้งต่างๆ นั้น ก็เหมือนกับอย่างเครื่องตั้งที่จะมีเทศน์มหาชาติ ด้วยณวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำจะมีเทศน์มหาชาติต่อไป เมื่อเวลาย่ำค่ำทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์มาชักโคมไชย

โดย มนุษยนาคมานพ

การฉลองไตรปี

วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก๑๔ พระวุฒิการบดีนิมนต์พระสงฆ์มาฉันฉลองไตรปีในพระที่นั่งอนันตสมาคม ๑๓๐ รูป ที่พระที่นั่งสุทไธศวรรย์ปราสาท ๒๒ รูป รวมพระสงฆ์ ๑๕๒ รูป ครั้น เวลา ๕ โมงกับ ๑๕ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว สมเด็จพระวันรัตนก็ถวายศีล แล้วถวายพรพระ ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงประเคน แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์จนพระสงฆ์ฉันแล้ว ก็ถวายะถาสัพพีแลอติเรกเสร็จ ก็ถวายพระพรลา เวลาย่ำเที่ยงเสด็จขึ้น แลในเวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขาวทรงพระภูษาแดง

มีมหาชาติ

วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เจ้าพนักงานเชิญพระพุทธรูปพระชนมพรรษาวัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัตยุบันนี้ ขึ้นประดิษฐานบนม้าหมู่ ตั้งบนพระที่นั่งเสวตฉัตร ตั้งพานทองคำใหญ่ประดับพุ่มดอกไม้สด ๒ คู่ พานทองคำเล็กประดับพุ่มดอกไม้สด ๒ คู่ เชิงเทียนทองปักเทียน ๓ คู่ ขวดทองคำปักดอกไม้สดคู่ ๑ บนพระแท่นถมตั้งพานทองคำ ๒ ชั้นประดับพุ่มดอกไม้สด /*๑๙๒*/๕ พาน พานทองคำสองชั้นประดับพุ่มเข้าตอก ๕ พาน พานทองคำเล็กรองหญ้าแพรกพาน ๑ เมล็ดพรรณผักกาดพาน ๑ เข้าตอกพาน ๑ เข้าสารพาน ๓ ดอกมะลิพาน ๑ ตั้งเชิงเทียนเงินใหญ่ปักเทียน ๕ เชิง ปักธูป ๕ เชิง ตั้งเครื่องนมัสการน้อย เปนเครื่องแก้วเจียระไน ๕ คู่ เครื่องตั้งตะเกียงแก้วเจียระไน ๔ คู่ ชั้นล่างตั้งเครื่องแก้วต่าง ๆ แลโคมรอบพระที่นั่งเสวตฉัตร หน้าพระแท่นถมตั้งเครื่องนมัสการใหญ่ลงยาราชาวดี ที่หว่างกลางพระที่นั่งตั้งม้าหมู่ใหญ่ ตั้งเครื่องแก้วอันงามวิจิตรต่าง ๆ พานทองพระกฐินรองหมากพนมตั้งบนโต๊ะ ๑ โคมเวียนคู่ ๑ ตั้งต้นไม้ทองเงิน ๔ คู่

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๕ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๑๓ ค่ำ

แลฉัตรแก้ว ๓ คู่คั่นกัน ๒ แถว แลมีกะถางต้นไม้รายสองข้าง ถัดโต๊ะหมู่มามีมาตั้งเครื่องไทยธรรม มีโต๊ะตั้งขันน้ำมนต์คาถาพันธ์ รูปกระจกเขียนเรื่องชาดกพระเวสสันดร มีทั้ง ๑๓ กัณฑ์ กรอบทำด้วยลูกปัดห้อยตามเสาทุกเสา ที่ธรรมาสนตั้งโคมกิ่งดอกลำโพง แลพานแก้วประดับดอกไม้สดรอบตั้งต้นไม้เงินทองคู่ ๑ หลังธรรมาสนมีต้นไม้ใหญ่ต้น ๑ ประดับด้วยเครื่องสดห้อยพวงดอกไม้ต่าง ๆ แลมีครอบกระจกใหญ่ปั้นรูปมหาชาติทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาลทำมาตั้ง ที่หน้าลับแลพระทวารด้านเหนือตั้งโต๊ะเครื่องแกะด้วยงาดูงามนัก ที่หน้าเสาตั้งขวดใหญ่ปักดอกบัวเสาละคู่ โคมกิ่งลำโพงเสาละกิ่งทุกเสา

ครั้นเวลาเช้าโมง ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญมาจุดเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ก็ขึ้นถวายเทศน์ทศพร เวลาโมงเศษก็จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายของไทยธรรม แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตจุดเทียนประจำกณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าพระชื่นก็ขึ้น ถวายเทศน์หิมพานต์ เวลา ๒ โมง ๔๕ มินิตก็จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายเครื่องไทยธรรม แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์จุดเทียน ประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา พระธรรมเจดีย์ก็ขึ้นถวายเทศน์ทานกัณฑ์ ครั้นเวลา ๔ โมง ๑๕ มินิตก็จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายเครื่องไทยธรรม แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญจุดเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเณรวรวรรณากรก็ขึ้นถวายเทศน์วนประเวศ ครั้นเวลา ๕ โมงกับ ๕๐ มินิตก็จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายเครื่องไทยธรรมเสร็จแล้ว เวลาย่ำเที่ยงกับ ๑๕ มินิต พระ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๖ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๑๓ ค่ำ

บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแลเทียนประจำกัณฑ์เทียนคาถาเสร็จแล้ว พระครูพจนกิจโกศลก็ขึ้นถวายเทศน์ชูชก แลในเวลานั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปทอดพระเนตร์ครอบกระจก ซึ่งมีรูปเรื่องพระเวสสันดรชาดก จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ พระราชทานเงินตราแก่พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๔๐ บาท เปนรางวัลซึ่งทำครอบกระจกมาตั้งนั้น แล้วเสด็จออกพระที่นั่งราชฤดี แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเณรวรวรรณากรถวายเทศน์วนประเวศ แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมารถวายเทศน์จุลพน พระราชทานรางวัลองค์ละ ๘ บาท แล้วเสด็จมาประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ จนเวลาบ่ายโมง ๑ กับ ๑๐ มินิต พระครูพจนกิจโกศลถวายเทศน์ชูชกจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาพระราชทานของไทยธรรมเสร็จแล้ว ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการกับเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าเณรภุชงค์ก็ขึ้นถวายเทศนจุลพน ครั้นเวลา ๒ โมงก็จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาพระราชทานของไทยธรรม แล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ กับเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเณรจันทรทัตจุธาธารก็ขึ้นถวายเทศน์มหาพน เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเทศน์จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายของไทยธรรม แลจุดเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าเณรทั่งก็ขึ้นถวายเทศน์กุมาร จนเวลาบ่าย ๔ โมงกับ ๑๕ มินิตจึงจบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายของไทยธรรม แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตจุดเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าพระชวลิตก็ขึ้นถวายเทศน์มัทรี ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงกับ ๓๐ มินิตก็จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายของไทยธรรม แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์จุดเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าพระศักดิศรีก็ขึ้นถวายเทศน์สักบัพ เวลาทุ่ม ๑ กับ ๑๕ มินิตก็จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายของเครื่องไทยธรรมเสร็จแล้ว เวลาทุ่ม ๑ กับ ๓๕ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการกับเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา หม่อมเจ้าพระเล็กก็ขึ้นถวายเทศน์มหาราช ครั้นเวลายาม ๑ กับ ๒๐ มินิตก็จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๗ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๔ ค่ำ

ก็เสด็จพระราชดำเนิรมาพระราชทานของไทยธรรม แลทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ กับเทียนประจำกัณฑ์แลเทียนคาถา พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเณรศรีเสาวภางค์ ขึ้นถวายเทศน์ฉกระษัตริย์ ในเวลานั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับในพระฉาก ครั้นเวลา ๔ ทุ่มเทศน์จบ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณมาถวายของไทยธรรมแลจุดเทียนประจำกัณฑ์กับเทียนคาถา พระครูพุทธรักขิตก็ขึ้นถวายเทศน์นครกัณฑ์ ในเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก ครั้นเวลา ๕ ทุ่มกับ ๕๐ มินิตก็จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จพระราชดำเนิรมาพระราชทานของไทยธรรม แล้วทรงพระกรุณาโปรด ฯ พระราชทานรางวัล ๖ บาท ครั้นเสร็จแล้วพระมงคลเทพ ก็ถวายอติเรกแลถวายพระพรลา เวลา ๒ ยามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปลอยพระประทีปที่ท่าราชวรดิษฐแล้วเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์ ๑๓๐ รูป มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน เข้าบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังแล้วออกตามเคย แลการที่มีพระรับบิณฑบาตมากนั้น ก็เพราะเปนวันฉลองกฐินที่ ๓ ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรทางใน ออกพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการแล้ว พระพิมลธรรมถวายศีล แลทรงประเคนทีเดียว ด้วยเปนเวลาจวนเที่ยงเสียแล้ว ทรงพระราชดำริห์เห็นว่าพระสงฆ์จะฉันไม่ทัน จึงหาได้ถวายพรพระไม่ พระสงฆ์ ๑๕๒ รูปก็ได้ฉัน แลรับสั่งให้พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศไปประเคนพระสงฆ์ ที่พระที่นั่งสุทไธศวรรย์มหาปราสาท ๑๒ รูป

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๘ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๔ ค่ำ

ครั้นฉันเสร็จแล้ว ในเวลานั้นพราหมณ์เป่าสังข์ พระมหาราชครูพิธีได้ถวายน้ำสังข์ใบมะตูม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระพิมลธรรมถวายยถา พระสงฆ์สวดสัพพีแลอนุโมทนาทาน พระธรรมเจดีย์ถวายอติเรก พระสงฆ์ถวายภะวะตุสัพ พระธรรมไตรโลกถวายพระพรลา พระสงฆ์กลับแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยทางข้างพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานเสด็จเปนกระบวรไปประทับเกยวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้านตวันออก เสด็จประทับเฉลียงหน้าพระอุโบสถ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการถวายตัวอย่างท้องพระโรงเจ้าต่างกรมเปนตัวอย่างเล็ก ๆ แตแบบพระราชลัญจกรด้วย ของนี้ที่จะส่งไปสำแดงวิชาการช่างต่าง ๆ ในเมืองอเมริกา แลเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ เสด็จขึ้นบนบุษบกพระพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกฎด้านหลัง ทรงสรงน้ำชำระพระพุทธรัตนปฏิมากร เจ้าพนักงานประโคมแตรสังขพิณพาทย์มโหระทึกขึ้นพร้อมกัน ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระรัศมีที่ได้เคยทรงมาแต่ก่อน แล้วเสด็จกลับลงมาจากบนนั้น ประทับที่ข้างล่างในฉากข้างใน ทรงเจือน้ำหอมในหม้อที่สรงพระพุทธรัตนปฏิมากรนั้น ครั้นเสร็จแล้วเสด็จออกมาจากที่นั้น ประทับข้างนอก พระราชทานน้ำสรงพระแก้ว แก่พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลาย แลทรงรดที่ศิลาบดพระสุคนธ์ด้วยพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ แลกรอกน้ำนั้นใส่ในพระสุหร่าย ทรงพรมพระราชทานข้าราชการทั้งหลายทั่วกัน อนึ่งชีพ่อพราหมณ์ได้ให้แว่นเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ พร้อมด้วยขุนนางผู้น้อยเปนอันมาก แลเจ้าพนักงานพระคลังทอง มีพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์เปนอธิบดี ได้แต่งให้เจ้าพนักงานขึ้นไปทรงเครื่องพระพุทธรัตนปฏิมากรอย่างเหมันตระดู คือ ทรงผ้าอย่างที่เรียกว่า (ครองดอง) แลทรงผ้าคลุมนอกอิกชั้นหนึ่ง ล้วนทองประดับพลอยทั้งสิ้น แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงเปลี่ยนพระรัศมีทองที่พระสัมพุทธพรรณี ด้วยเมื่อแต่วสันตฤดูนั้น พระรัศมีเปนแก้วน้ำเงิน ถึงเหมันตระดู จึงได้เปลี่ยนเปนพระรัศมีทอง กับได้ทรงนมัสการพระนั้น แลพระพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกฎ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระคันธารราฐ เวลาบ่ายโมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับจากพระอุโบสถ ประทับเกยด้านตวันตก เสด็จขึ้นทรงพระราชยานมาประทับเกยพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แต่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น พอเวลาบ่าย ๓ โมงครึ่ง ได้พระฤกษเจ้าพนักงานกรมภูษามาลาได้บดแป้งพระสุคนธ์ พระยาราชโกษาจึงเชิญแป้งพระมหาโองการ ๓ องค์ มาวางที่แผ่นศิลาบดบนเตียง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๙ ออกวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๕ ค่ำ

หลวงเทพาภรณ์แต่งขาวทั้งสำรับเปนผู้บด เมื่อบดนั้นเจ้าพนักงานได้ประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ พระสงฆ์ ๕ รูปสวดมงคลคาถาจนบดแป้งพระสุคนธ์นั้นแล้ว พระสาธุสังวรศีลก็เขียนยันต์ลงในแผ่นศิลาบดด้วย ส่วนในท้องพระโรงอมรินทรวินิจฉัยนั้น มีเทศนาอริยสัจ ๔ กัณฑ์ กรมสังฆการนิมนต์พระพรหมมุนีกับพระสงฆ์ ๔ รูปเข้ามาในท้องพระโรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องนมัสการแล้ว พระพรหมมุนีขึ้นถวายเทศนาทุกขสัจ ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงถวายเครื่องปริขาร พร้อมทั้งมูลกับปิยภัณฑ์ ๑๐ ตำลึง พระธรรมไตรโลกจึงถวายพระธรรมเทศนาสมุทัยสัจ ครั้นจบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จพระราชดำเนิรถวายเครื่องไทยธรรมเหมือนดังองค์ก่อน ครั้นจบพระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพเข้าไปเฝ้า แลพระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรีด้วย เวลาบ่าย ๕ โมงเศษจึงได้กลับออกมา เวลาย่ำค่ำแล้วเจ้าพนักงานได้เอาเทียนแลโคมไฟพิธีเข้าไปข้างใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทาไขเนื้อจุดประทีปพิธี ๖ เล่ม แล้วพระราชทานพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ออกมาจุดโคมไชยฉัตร์เก้าชั้น ๓ ต้น ฉัตร์เจ็ดชั้น ๓ ต้น แลเทียนมัดสำหรับเปลี่ยนทุก ๆ ยามด้วย เมื่อเวลาโคมไชยขึ้นนั้น เจ้าพนักงานได้ลั่นฆ้องไชยประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ แลกรมตรวจได้จุดโคมบริวาร ๑๐๐ ต้น รอบกำแพงแก้วพระมหาปราสาทด้วย เวลา ๕ ทุ่มเศษ มีพระบรมราชโองการ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญออกจุดเทียนพระธรรมเทศนา พระเทพกระวีถวายในนิโรธสัจ เวลาประมาณครู่ ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ครั้นเวลา ๒ ยามเศษ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๐ ออกวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๕ ค่ำ

เทศนานิโรธสัจจบ ก็เสด็จพระราชดำเนิรทรงถวายเครื่องไทยธรรมเสร็จแล้ว พระอริยมุนีขึ้นถวายในมัคสัจ ครั้นเวลา ๒ ยามครึ่ง ก็เสด็จพระราชดำเนิรประทับเกยพระทวารเทเวศร์รักษา เสด็จทรงพระราชยานประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ลงเรือพระที่นั่งบัลลังก์ทรงลอยพระประทีป พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายในเปนอันมาก ครั้นเวลา ๗ ทุ่มเสด็จขึ้น

ถ้าจะมีผู้ถามว่า เทศน์ยังไม่จบทำไมจึงเสด็จลงลอยพระประทีปเสียก่อน แก้ว่าเปนเวลา ๒ ยามพระจันทรตรงในท้องฟ้า เปนธรรมเนียมแต่ก่อนต้องตักน้ำเพ็ญในกลางแม่น้ำ การเช่นนี้จึงเสด็จลงเสีย ก่อนให้ทันเวลา ส่วนที่พระเทศน์นั้น พอเวลาเสด็จลงพระตำหนักแพเทศนาก็จบลง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ถวายเครื่องไทยธรรม ครั้นพระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้วการเทศนาอริยสัจ ๔ ก็ยุติในเวลานั้น

อนึ่งเมื่อเวลาเช้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ปีกยาวดำ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย สวมเสื้อปีกยาวไม่ได้ติดตรา เวลาเย็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ พระบรมวงศานุวงศ์สวมเสื้อสำรับเวลาเย็น ติดตราบ้าง ไม่ได้ติดตราบ้าง

โดย ภาณุรังษี

การในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตกศก ๑๒๓๗ ใน เวลาเช้านั้น เจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาวัน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ รวม ๗ องค์ ขึ้นประดิษฐานบนม้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจีนข้างขวาบุษบก ในพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ไปทรงประเคนปฏิบัติพระสงฆ์ที่จะสดัปกรณ์พระบรมอัฐิ แลได้มารับพระราชทานฉัน พระสงฆ์ ๒๖ รูป เปนพระราชาคณะถานานุกรมหัวเมืองทั้งสิ้น แลมีหม่อมเจ้าเณร ๔ หม่อมราชวงศ์เปรียญเณร ๑ รวม ๕ องค์ มารับพระราชทานฉันฉลองไตรปีในที่นั้นด้วย ขณะเมื่อพระสงฆ์รับพระราชทานฉันนั้น เจ้าพนักงานกรมภูษามาลา ได้เชิญพระบรมอัฐิ แลพระอัฐิขึ้นประดิษฐานบนบุษบกรวม ๑๖ พระโกษฐ แลพระอัฐิตั้งบนโต๊ะจีนข้างซ้ายบุษบกอีก ๖ พระโกษฐ ครั้นเวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

  1. ๑. พระเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุพระธรรมราชา คุ้ม ครั้งรัชกาลที่ ๓ เปนผู้ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคารพนับถือมาแต่ครั้งยังทรงผนวช

  2. ๒. พระครูปลัดกับพระวินัยธรรมเปนถานานุกรมของพระธรรมราชานุวัติ

  3. ๓. ที่เรียกว่าพระที่นั่งใหม่นั้น คือหมู่พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระที่นั่งธำรงสวัสดิอนัญวงศ์ ซึ่งอยู่หลังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทบัดนี้ สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งใหม่ก็คือ สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรี ฯ นั้นเอง

  4. ๔. ตรงนี้ผิด มีแจ้งความอยู่ในฉบับ ๑๐๖

  5. ๕. ตรงนี้ผิด มีแจ้งความอยู่ในฉบับ ๑๐๖

  6. ๖. ตรงนี้ผิด มีแจ้งความอยู่ในฉบับ ๑๐๖

  7. ๗. ตรงนี้ผิด มีแจ้งความอยู่ในฉบับ ๑๐๖

  8. ๘. มีอธิบายอยู่ตอนท้ายแผ่นที่ ๘๙

  9. ๙. เรือลำนี้ต่อมาได้ชื่อว่า “นกอินทรี” เปนเรือจักรอยู่ใต้ท้องเรือกลางลำ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงสั่งมาแต่เมืองฝรั่งเศส แล้วรับโอนเปนของหลวง

  10. ๑๐. เรือของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ให้เรียกชื่อตามภรรยาเลขานุการฝรั่งของท่าน

  11. ๑๑. เดิมมีเสาสำหรับชักธงสะแตนดาดอยู่ในบริเวณเก๋งกรงนก (อยู่ตรงสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีบัดนี้ทางข้างตวันออก) ครั้นเมื่อสร้างพระที่นั่งใหม่ที่ในสนามหญ้าตรงหน้าพระที่นั่ง เสาธงใหม่สูงกว่าเก่า แลมีหลังคาต่อรอบเสาธง เปนศาลาโถงที่พักที่เสาธงนั่น

  12. ๑๒. ที่ทรงบาต อยู่ต่อบริเวณพระมหามณเฑียรทางด้านตวันออก (เดี๋ยวนี้อยู่ในบริเวณสวนศิวาลัย)

  13. ๑๓. ถ้าเปนพระองค์เจ้าพระออกประตูสนามราชกิจ

  14. ๑๔. ตรงนี้ความขาดมีแจ้งความอยู่ในแผ่นที่ ๑๒๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ