เดือน ๑๐ จ.ศ. ๑๒๓๗

COURT

ผ.ท. ๑. วัน ๑ แรม ๑๒ ค่ำ เดือนสิบ เล่ม ๑

๏ หนังสือพิมพ์นี้, เจ้านายซึ่งมีนามที่จะว่าต่อไป ได้ทรงคิดเหนพร้อมกันตั้งขึ้นเพื่อจะได้มีปะโยชน์ แด่ผู้ซึ่งจะได้รับราชการต่อไปในประจุบันนี้แลอนาคตกาล; ในหนังสือพิมพ์นี้จะมีความเปนข่าวราชการซึ่งมีขึ้นทุกวัน แลจะมีข่าวที่ควรจะบอกล่วงน่าได้บ้าง แลจะได้มีข้อเพิ่มเติมอีกตามแต่จะมีได้ อนึ่งการซึ่งจะตีพิมพ์หนังสือนี้นั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ได้ทรงเปนพระธุระทั้งสิ้น, แต่การซึ่งจะแต่งข่าวราชการทุกวันนั้น ได้แบ่งกันองค์ละวัน ดังนี้ :-

สมเดจเจ้าฟ้าภาณุรังษี, ทรงแต่งในวันเสาร.

กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์, ทรงแต่งในวันอาทิตย.

พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย, ทรงแต่งในวันจันทร.

พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงษ, ทรงแต่งในวันอังคาร,

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ, ทรงแต่งในวันพุฒ.

พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ, ทรงแต่งในวันพฤหัสบดี.

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ, ทรงแต่งในวันศุกร

อนึ่งที่ว่ามาแล้วข้างต้นว่าจะมีของเพิ่มเติม ที่เรียกเปนภาษาอังกฤษว่าสุปริเมนต์นั้นไม่ได้เกณฑ์เหมือนข่าวราชการ, สุดแต่ผู้หนึ่ง ผู้ใดมีน้ำใจ จะช่วยให้มากขึ้นด้วยข้อใดข้อหนึ่งแล้ว จึงจะมีชื่อของผู้นั้นอยู่ที่ท้ายข้อนั้น หนังสือนี้ได้ออกตั้งแต่วันอาทิตย เดือนสิบ แรมสิบสองค่ำ เปนวันที่หนึ่ง, แลจะได้ออกทุกวันแต่จะมีมากบ้างน้อยบ้างไม่มีกำหนด. หนังสือพิมพ์นี้ไม่เปนหนังสือพิมพ์ขาย, เปนแต่ตีแจกกันในพวกที่ได้แต่งหนังสือ, กับจะได้ทูลเกล้า ฯ ถวายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

แผ่นที่ ๒ ออกวันจันทร์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐

การทำบุญวันประสูติ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์

วันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๑๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธรูปประจำวันแลพระอัฐิกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ไปประดิษฐานที่พระพุทธมณเฑียรมุขด้านเหนือ ครั้น เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญไปทรงประเคนปฏิบัติพระสงฆ์ แลพระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉันนั้น พระสงฆ์วัดเขมาภิรตารามซึ่งเปนวัดของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ได้ทรงปฏิสังขรณ์ไว้แต่เดิม แต่พระราชาคณะที่นำนั้นมิใช่พระราชาคณะวัดเขมาภิรตาราม เปนพระราชาคณะวัดบุญศรีมาตยาราม เพราะพระราชาคณะวัดเขมาภิรตารามนั้น ถึงอนิจกรรมเสียแล้วยังหามีตัวไม่ ครั้นเวลาเที่ยงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธรูปทรงศีลแล้ว ทรงจุดเครื่องทองน้อยบูชาพระอัฐิ แล้วจึงทรงทอดผ้าไตร ๆ ๑ ผ้าขาว ๙ พับ พระราชาคณะถานานุกรม ๑๐ รูป ได้สดัปกรณ์ แล้วทรงถวายของไทยธรรมกับทั้งเงินตราเปนมูลกับปิยภัณฑ์องค์ละ ๑๖ อัฐ ๑๐ องค์เงิน ๒ บาท ๓๒ อัฐ พระสงฆ์ถวายยถาแลถวายอติเรกแลถวายพระพรลากลับ แล้วกรมสังฆการีได้นิมนต์พระสงฆ์ ๑๐๐ รูปสวดสัตตปกรณาภิธรรม ครั้นจบแล้วทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ ฯ ทอดผ้าเช็ดหน้า ๑๐๐ ผืน ถวายแก่พระสงฆ์สดัปกรณ์กับถวายเงินเปนมูลกับปิยภัณฑ์องค์ละ ๘ อัฐ พระสงฆ์ ๑๐๐ รูปเงิน ๑๒ บาท ๓๒ อัฐ แล้วพระราชทานเงินตราแก่พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการที่ได้จัดการนั้น ๆ เงิน ๒๕ บาท รวมเงินส่วนพระราชกุศลซึ่งทรงพระราชอุทิศถวายในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทั้งสิ้นเงิน ๔๐ บาท ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จขึ้น

ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เจ้าพระยาภูธราภัยเข้าไปเฝ้า จนถึงเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการจึงได้เข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น เจ้าพระยาภาณุวงศมหาโกษาธิบดีเข้าไปเฝ้าที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ จนเวลายาม ๑ จึงได้ออกจากเฝ้า

การสวดมนต์ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๑๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เจ้าพนักงานได้จัดการทุกพนักงาน คือได้เชิญพระพุทธปฏิมากรพระไชยในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์ ๑ พระไช ในแผ่นดินปัจจุบันนี้องค์ ๑ พระไชยเนาวโลหะองค์ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๓ ออกวันจันทร์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐

รวม ๓ องค์ขึ้นประดิษฐานบนม้าหมู่จำหลักลายทอง ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นศิลาขาวกลางพระอุโบสถ แลบนแท่นศิลาขาวนั้นด้านหลังพระพุทธปฏิมากรตั้งพระไตรปิฎก ๒ พระคัมภีร์ ด้านข้างเหนือตั้งเทวดาเชิญหีบพระสุพรรณบัตร ด้านข้างใต้ตั้งเทวดาเชิญพระแสงขรรค์จีน ๑ ธารพระกรเทวรูป ๑ ธารพระกรศักดิ์สิทธิ์ ๑ รวม ๓ องค์ ด้านหน้าพระพุทธปฏิมากรตั้งบันไดแก้ว พาดพระแสงพรหมาสตร์ ๑ พระแสงอัคนิวาต ๑ พระแสงศรประไลยวาต ๑ พระแสงหอกเพชรรัตน ๑ รวม ๔ องค์ ข้างหน้าบันไดแก้วตรงกลางตั้งพระขันหยกมีเทียนทองปักอยู่กลาง ข้างเหนือตั้งหีบพระมหาสังข์ ข้างใต้ตั้งเทวรูปคือพระนารายณ์ หน้าม้าหมู่นั้นตั้งหีบมุกใส่พระแสง คือพระแสงขรรค์ไชยศรี ๑ พระแสงขรรค์เนาวโลหะ ๑ พระแสงดาบคาบค่าย ๑ พระแสงดาบใจเพ็ชร ๑ พระแสงเวียด ๑ พระแสงยี่ปุ่นฟันปลา ๑ พระแสงยี่ปุ่นแฝด ๑ พระแสงยี่ปุ่นทรงเดิม ๑ พระแสงยี่ปุ่นฝักทองเกลี้ยงประดับเพ็ชร ๑ พระแสงตรีเพชร ๑ พระแสงปืนแสงนพรัตน ๑ รวม ๑๑ องค์ รวมพระแสงที่ตั้งบนบันไดแก้วแลเทวดาเชิญแลในหีบเปน ๑๘ องค์ ด้านข้างเหนือแท่นศิลาขาวนั้นตั้งม้าหม้อน้ำเงิน ๑๒ หม้อ ข้างหลังตั้งขันน้ำใหญ่ขันหนึ่ง ด้านข้างเหนือตั้งหม้อน้ำทองเหลือง ๒ หม้อ ที่ศาลาหน้าพระอุโบสถข้างเหนือตั้งขันน้ำใหญ่ขัน ๑ มีสายสิญจน์โยงออกไปนอกพระอุโบสถ ด้านหน้าแท่นศิลาตั้งเครื่องนมัสการตามธรรมเนียม พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ ๓๘ รูป พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เปนประธาน ครั้นเวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้นทรงพระราชยานไปประทับเกยวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเครื่องนมัสการทรงศีลแล้ว อาลักษณได้อ่านประกาศรัตนพิมพวงศ์คือพงศาวดารพระแก้ว ครั้นอ่านประกาศแล้ว พระสงฆ์ได้เจริญพระพุทธมนต์จนถึงเวลา ๕ ทุ่มเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกแลถวายพระพรลากลับ แล้วพราหมณ์ได้อ่านคำยอพระเกียรติพระแก้วจนถึงเวลา ๒ ยามขึ้น

อนึ่งการสวดมนต์ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลององค์อิวนิงเดรศ ทรงเครื่องราชอิสริยาภรณ์อย่างสูงคือมหาวราภรณ์ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการนั้นแต่งสวมเสื้ออิวนิงเดรศแต่มิได้ใส่ตรา แลการนี้เห็นว่าใส่ตราจึงจะสมควร

โดย ก. ม. นเรศรวรฤทธิ

----------------------------

แผ่นที่ ๔ ออกวันอังคาร แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐

การถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ออกวันอังคาร

ณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ณวันจันทร เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญออกไปปฏิบัติพระสงฆ์ซึ่งรับพระราชทานฉัน ณ พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท ๓๘ รูป ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ก็ไปณพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระอุโบสถนั้น ได้เชิญพระพุทธรูปแลเทวรูปแลพระแสงตั้งไว้ดังว่าแล้วก่อนนั้น แต่เวลาเช้านี้ได้เชิญพระเทวรูปออกตั้งอิก ๔ องค์ คือพระอิศวร ๑ พระนารายณ์ ๑ พระพรหม ๑ พระพิฆเนศวร ๑

ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จประทับเกยทรง พระที่นั่งราชยานทองลงยาราชาวดีประดับพลอย เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพิมานไชยศรี แล้วเลี้ยวไปทางถนนวัดพระศรีรัตนศาสคารามประทับเกย เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ก็ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้วทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธสัมพรรณีเนาวโลหะ แล้วทรงจุดเทียนทองเทียนเงิน ทรงนมัสการพระพุทธรูป พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วทรงจุดเทียนนมัสการพระราชทาน ให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิ์ไปบูชาณหอพระปรมานุสรเทียน ๔ เล่ม คือทรงนมัสการพระพุทธรูปจำลองพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จสวรรคาไลยล่วงลับแล้วนั้น กับหอพระราชพงศานุสรเทียน ๓๔ เล่ม คือทรงนมัสการพระพุทธรูปจำลองพระองค์ ในพระเจ้าแผ่นดินสยามซึ่งทรงประดิษฐานแลครั้งกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ๓๔ พระองค์ ครั้นทรงนมัสการแล้วพระมหาราชครูพิธีก็อ่านมนต์ พราหมณ์ ชบพระแสงศรพรหมาสตร์ลงในขันหยก แล้วอ่านมนต์ชุบพระแสงศรอัคนิวาต พระแสงศรประไลยวาตลงในพระขันหยกทั้ง ๓ องค์แล้ว ก็อ่านคำแช่งภาษาพราหมณ์ ครั้นจบแล้วพระศรีสุนทรโวหารจึงอ่านคำแช่งเปนภาษาสยาม ครั้นจบแล้วเจ้าพนักงานกรมแสงหอกดาบที่ เชิญพระลงจากที่มณฑล พระสิทธิไชยพราหมณ์จึงรับพระแสงลงชุบในเต้าน้ำเงิน ๑๒ เต้า เต้าน้ำทอง ๑๒ เต้า พระแสง ๑๕ องค์ เมื่อเวลาชุบพระแสงนั้น พระสงฆ์ ๓๘ รูปได้สวดคาถาสัจจังหเวสาธุตรังสานังเปนต้น พวกพราหมณ์เป่าสังข์ พนักงานประโคมพิณพาทย์ดุริยางค์ดนตรีพร้อมกัน

----------------------------

แผ่นที่ ๕ ออกวันอังคาร แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐

ครั้นจบแล้วก็นั่งลงโดยอันดับ ครั้นชุบพระแสงเสร็จแล้ว พระมหาราชครูพิธีก็เชิญพระขันโมราใส่น้ำซึ่งชุบพระแสงศร ๓ องค์นั้นมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระสิทธิไชยเชิญขันทองลงยาใส่น้ำพระพิพัฒน์สัตยามาถวายกรมพระราชวังบวร ฯ แล้วจึงเอาถ้วยกาไหล่ทองมีหูซึ่งจารึกคาถา ตักน้ำพระพิพัฒน์สัตยาถวายพระบรมวงศานุวงศ์ หลวงราชมุนีเอาถ้วยกาไหล่ทองแลถ้วยสำริดซึ่งจารึกคาถา ตักน้ำพระพิพัฒน์สัตยาให้ท่านเสนาบดีแลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงรับพระราชทานแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาสัพพี ถวายอติเรก ถวายพระพรลา เสด็จทรงประทับอยู่ณที่นั่นจนข้าราชการรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเกือบจะสิ้น จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในฉาก เสด็จออกทางประตูหลังพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางระเบียงวัดประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยาน พร้อมด้วยขบวรโดยเสด็จพระราชดำเนิรเข้าทางประตูพิมานไชยศรีไปประทับเกยข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทรงเปลื้องเครื่องเต็มยศ พระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดีทั้งปวงก็ห่มเสื้อครุย นำเอาดอกไม้ธูปเทียนไปจุดทำสักการบูชา ถวายบังคมพระบรมอัฐิระฤกถึงพระเดชพระคุณ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ดังที่เคยถวายบังคมมาทุกครั้งนั้น ครั้นเสร็จแล้วก็กลับออกมา เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายในถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา เวลาบ่าย ๒ โมงนานจึงเสด็จขึ้นจากที่นั้น

โดย เกษมสันตโสภาคย์

ของพระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์นี้ยังหาจบไม่ ด้วยการที่ไม่มีพระราชพิธีสารทนั้น เพราะเจ้าของพึ่งได้ส่งมาให้เมื่อเวลาบ่าย ๔ โมงเย็นนาน การจะเรียงพิมพ์จึงดึกนักไม่ทันที่จะออกได้ แลข้าพเจ้าเห็นว่าหนังสือถึง ๒ แผ่นแล้ว ต่อเวลาพรุ่งนี้ฤๅวันอื่นจึงจะต่อให้ท่านทราบทีหลัง

โดย เอดิเตอร์

----------------------------

แผ่นที่ ๖ ออกวันพุทธ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐

การแต่งตัวในการถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

อนึ่งการถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยานี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาเยียรบับขาว ทรงตราสายนพรัตน แลทรงตราติด ๔ คือตรานพรัตน ๑ ตราช้างเผือกสยาม ๑ ตรามงกุฎสยาม ๑ ตราจุลจอมเกล้า ๑ พระบรมวงศานุวงศ์นั้นทรงผ้าเยียรบับขาวทรงเสื้อเยียรบับขาว แลทรงผ้าพื้นขาวเขียนทองบ้าง ทรงผ้าลายพื้นขาวบ้าง ทรงเสื้อขาวติดตราต่าง ๆ ตามซึ่งได้พระราชทานทุกองค์ ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยนั้น นุ่งผ้าเกี้ยวพื้นขาวสวมเสื้อขาวติดตรา ข้าราชการฝ่ายทหารแลตรวจนั้น แต่งตัวเต็มยศด้วยเครื่องดำแลเครื่องเงินตามตำแหน่ง อนึ่งขบวรที่เสด็จพระราชดำเนิรนั้น มีตามเคยเหมือนที่มีมาแล้วแต่ก่อนนั้น ครั้นจะว่าไปก็ยืดยาวนัก

โดย เกษมสันตโสภาคย์

พระราชพิธีสารทณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ณวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๑๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เจ้าพนักงานได้จัดการเกณฑ์โถเข้ายาคูตามท่านเสนาบดีแลข้าราชการมาถวายพระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตามธรรมเนียมแต่ก่อนเคยมีมาแต่โบราณ รวมที่เกณฑ์นั้น ๖๐ โถ คือได้โถมาแต่ ๓๑ โถ พอเวลา ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทรงพระราชยานที่เกยมาประทับที่เกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงพระราชดำเนิรขึ้นมาจากเกยมาประทับที่พระที่นั่งโทรน แล้วเสด็จทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการประทับทรงศีล พระพิมลธรรมได้ถวายศีลเสร็จแล้ว ทรงประเคนเสร็จ แล้วเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งโทรนดังเก่า พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว พระครูพิธีทูลเกล้า ฯ ถวายน้ำสังข์ พระสงฆ์ถวายอติเรกแลถวายพระพรลากลับ

อนึ่งการพระราชพิธีนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟรอกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการสวมเสื้อฟรอกโก๊ต ครั้นเวลาเที่ยงเศษเสด็จกลับ

ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสดงออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษจึงได้ออก เวลาทุ่ม ๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงพระราชยานมาประทับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการประทับทรงศีล สมเด็จพระวันรัตนถวายศีล แล้วเสด็จมาประทับ

----------------------------

แผ่นที่ ๗ ออกวันพุทธ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐

ที่พระที่นั่งโทรน แลขุนมหาสิทธิได้อ่านคำประกาศ ครั้นเสร็จพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ทวาทัศปริต แลพระสงฆ์ที่สวดนั้น ๓๓ รูปสมเด็จพระวันรัตนเปนประธาน ครั้นจบแล้วรับสั่งให้เจ้านายเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้โสกันต์ถวายเทียนกับพระสงฆ์ ๆ ก็ถวายอติเรกถวายพระพรลา เวลาค่ำนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศมงกุฎสยาม แลพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงสวมเสื้ออิวนิงเดรศบ้าง ฟรอกโก๊ตบ้าง ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับขึ้น

บาญชีโถเข้ายาคูข้าราชการ

เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน ๑ เจ้าพระยาภูธราภัย ๒ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ๓ พระยาราชวรานุกูล ๔ พระยาพิพัฒโกษา ๕ พระยาราชภักดี ๖ พระยาราชประสิทธิ ๗ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๘ พระยาประสิทธิศุภการ ๙ พระยาเพ็ชรชฎา ๓๐ พระยาบำเรอภักดี ๑๑ พระยาประชาชีพบริบาล ๑๒ พระยาภูบาลบันเทิง ๑๓ พระยาพิพิธโภไค ๑๔ พระยาอภัยรณฤทธิ์ ๑๕ พระยาอนุชิตชาญไชย ๑๖ พระยานรนาถภักดี ๑๗ พระยามหามนตรี ๑๘ พระยาเวียงไนยนฤบาล ๑๙ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี ๒๐ พระยา นดารังสรรค์ ๒๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๒๒ พระยาพิพิธเดชะ ๒๓ พระยาหัดถการบัญชา ๒๔ พระยามนูสารสาตรบัญชา ๒๕ พระยาไชยสุรินทร ๒๖ พระมหาเทพ ๒๗ พระอินทรเทพ ๒๘ พระรัตนโกษา ๒๙ พระนานาพิธภาษี ๓๐ พระรจนารังสรรค์ ๓๑ พระรามพิไชย ๓๒

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ