เดือน ๑๑ จ.ศ. ๑๒๓๗ (แผ่นที่ ๘ - ๖๐)

แผ่นที่ ๘ ออกวันพฤหัสบดี ขึ้นค่ำ ๑ เดือน ๑๑

ตั้งการพระราชพิธีสารท

ณวันจันทร เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ เวลาเย็นเจ้าพนักงานได้เตรียมการตั้งพระแท่นมณฑลที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขตวันออก แล้วได้เชิญพระไชยสำหรับแผ่นดินทั้ง ๕ พระองค์ แลพระไชยเนาวโลหะองค์ ๑ พระแก้วเขียวเรือนทององค์ ๑ กับพระไตรปิฎกสังเขปคัมภีร์ ๑ พระภิกขุปาฏิโมกข์แลภิกขุนีปาฏิโมกข์คัมภีร์ ๑ แลได้เชิญพระเจ้าศิลาลงพระอักษร ๒ องค์ขึ้นประดิษฐานไว้บนม้าหมู่ซึ่งตั้งไว้บนพระแท่นมณฑล พระเจ้าเทวบิดองค์ ๑ พระเต้าเนาวเคราะห์องค์ ๑ พระเจ้า ๕ กระษัตริย์ คือ พระเต้าทององค์ ๑ พระเต้านากองค์ ๑ พระเต้าเงินองค์ ๑ พระเจ้าสำริดองค์ ๑ พระเจ้าศิลาองค์ ๑ กับพระถ้วย ๕ กระษัตริย์สำหรับกับพระเต้าทั้ง ๕ องค์ พระขรรค์หยกองค์ ๑ ตั้งบนพระแท่นมณฑลตรงหน้าม้าหมู่ลงมา แลเชิญรูปเทวดาเชิญหีบพระราชลัญจกรตั้งเบื้องขวา เทวดาเชิญพระแสง ๓ องค์ คือ พระขรรคจีนองค์ ๑ ธารพระกรเทวรูปองค์ ๑ ธารพระกรศักดิสิทธิองค์ ๑ ตั้งเบื้องซ้ายที่บนพระแท่นมณฑลนั้น แลเชิญพระแสงปืนนากใหญ่องค์ ๑ พระแสงปืนคาบชุดองค์ ๑ พระแสงปืนนพรัตนองค์ ๑ พระแสงพรหมาสตร์องค์ ๑ พระแสงอัคนิวาตองค์ ๑ พระแสงประไลยวาตองค์ ๑ พระแสงขรรค์ไชยศรีองค์ ๑ พระแสงขรรค์เทวโลหะองค์ ๑ พระแสงจักรองค์ ๑ พระแสงดาบคาบค่ายองค์ ๑ พระแสงดาบเวียดองค์ ๑ พระแสงดาบประดับพลอยองค์ ๑ พระแสงฝักทองเกลี้ยงประดับเพ็ชรองค์ ๑ พระแซ่หางช้างองค์ ๑ เชิญตั้งบนบันไดแก้วทั้งสองข้าง โต๊ะด้านเหนือนั้นเชิญพระนิรันตรายทั้งองค์ ๑ โต๊ะด้านใต้นั้นเชิญพระสยามเทวรูปองค์ ๑ พระนารายณ์องค์ ๑ พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏองค์ ๑ พระเต้าทององค์ ๑ ตั้งบนโต๊ะนั้น ฝ่ายมุขตวันตกทั้งเตียงมณฑลแลตั้งเครื่องซึ่งจะกวนเข้าทิพปายาส คือ ขวด ๔ ขวดใส่ลูกอินตผาลำ ๑ ลูกพลับแห้ง ๑ ลูกชิด ๑ เข้าฟ่างกวน ๑ กับถุงใส่ถั่วเขียว ๑ ถั่วระสง ๑ ถั่วทอง ๑ ถั่วแม่ตาย ๑ ถั่วดำ ๑ ถั่วราชมาส ๑ งา ๑ เข้าเม่า ๑ เข้าตอก ๑ เมล็ดมะกล่ำตาช้าง ๑ เมล็ดไม้แดง ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๙ ออกวันพฤหัสบดี ขึ้นค่ำ ๑ เดือน ๑๐

เข้าฟ่าง ๑ ลูกเดือย ๑ สาคู ๑ เผือก ๑ มัน ๑ แห้ว ๑ กระจับ ๑ เข้าโภชน์ ๑ เมล็ดแตงอุลิต ๑ ชเอมสด ๑ รวม ๒๑ อย่าง ๆ ละ ๔ ถังใส่ถุงผ้าขาวตั้งบนเตียงมณฑล

ครั้นเวลาย่ำค่ำแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยานเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วเสด็จพระราชดำเนิรทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระธรรมไตรโลกก็ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้วพระศรีสุนทรโวหารก็อ่านคำประกาศเทวดา ครั้นจบแล้วพระสงฆ์ ๓๓ รูป มีพระพิมลธรรมเปนประธาน ก็สวดพระพุทธมนต์สัตตปริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับ ตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าซึ่งยังทรงพระเยาว์ ไปถวายเทียนพระสงฆ์ ๆ ก็ถวายอติเรกถวายพระพรลา แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับเกย ทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับเกยหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น ในการพระราชพิธีสารทวันต้นนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศทรงติดตรามงกุฎสยาม พระบรมวงศานุวงศนั้น ทรงเสื้ออิวนิงเดรศ ไม่ได้ติดตราบ้าง ติดตราบ้าง.

โดย เกษมสันตโสภาคย์

การพระราชพิธีสารท

ณวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ขาวพระภูษาแดง เสด็จออกทรงพระราชยานแต่หน้าพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ไปประทับที่เกยพระมหาปราสาท แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงนมัสการ แลสมเด็จพระวันรัตนถวายศีล ตามธรรมเนียม ครั้นแล้วจึงทรงประเคนจังหัน พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทอดพระเนตรโถเข้ายาคู แล้วจึงรับสั่งว่าโถเข้ายาคูของสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี ฯ นั้นเปนดีทีเดียว แต่เสียอยู่สักน่อยหนึ่งไม่มีโถฟักทอง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้รับสั่งไว้ว่าธรรมเนียมโถเข้ายาคูต้องเปนโถฟักทอง อนึ่งข้าพเจ้าคิดเห็นว่าโถของสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีเปนรูปหอนาฬิกางามดีเปนที่ ๑ แลของกรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิเปนรูปตราของพระองค์ท่านเองเปนที่ ๒ ได้ ของกรมพระเทเวศรวัชรินทรรูปคล้ายกันกับโคมอยู่กลางแลมีศีร์ษะช้างม้าวัวแลอยู่บนโต๊ะเปนที่ ๓ ได้ ครั้นทรงทอดพระเนตรโถเข้ายาคูเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่พระเก้าอี้ ทรงปิดทองหนังสือวิมักติวิโนทนี ๗ ผูก (ซึ่งทรงสร้างไว้สำหรับวัดราชบพิธ)

แจ้งความให้ทราบ

ข้าพเจ้าขอแจ้งความให้ทราบว่า การพระราชพิธีสารทซึ่งพระองค์เจ้าเทวัญ ฯ ได้แต่งนั้นจะมีต่อไปในวันพรุ่งนี้อิก

โดย ผู้บังคับการพิมพ์

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐ ออกวันศุกร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๑

กับทรงปิดทองพระพุทธรูปด้วย แลได้ทรงร้อยหูหนังสือปฐมสมโพธิแลมีพระบรมราชโองการรับสั่งว่า ถ้าปีหน้าต่อไปควรจะต้องเกณฑ์โถเข้ายาคูที่พระองค์เจ้าวังหน้าบ้าง แลให้ไปรับข้าราชการที่ได้ถูกเกณฑ์โถในวันแรม ๑๔ ค่ำไม่ได้มาทำนั้น ให้ปรับอิก ๒ โถ ครั้นทรงร้อยหูหนังสือแล้ว จึงทอดพระเนตรแผ่นศิลาซึ่งจารึกเปนอักษรสยามจะไปไว้ที่วัดประพาสประจิมเขตร ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพัชนี ซึ่งปักเปนพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับเชิงบาตรประดับมุก ๑ ฝาบาตรมุก ๑ กับย่ามแพร ๑ แก่พระปิฎกโกศล ครั้นพระสงฆ์ถวายพระพรลากลับแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระเก้าอี้ตรงหน้าพระที่นั่งเสวตฉัตรขอนข้างซ้าย พระบรมวงศานุวงศ์กับขุนนางเฝ้าที่นั้น แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินตรา ๓ ชั่งเปนรางวัลแก่พวกช่าง ๑๐ หมู่ ซึ่งได้ทำตัวอย่างเรือพระที่นั่งบุษบกแลศรีแสเรือขบวรต่าง ๆ ซึ่งจะส่งออกไปเอกซะฮิบิชั่น (คือสำแดงวิชาต่าง ๆ) ที่เมืองอเมริกา รับสั่งว่าฝีมือที่ทำนั้นดีนัก พระราชทานเงินนั้นให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการไปแจก ประทับอยู่ที่นั้นสักครู่หนึ่ง เวลาเที่ยงเศษเสด็จขึ้นทรงพระราชยานกลับทางเดิม เจ้านายทรงผ้าแดงฉลององค์ชาวฤๅฟรอกโก๊ต ข้าราชการสวมเสื้อฟรอกโก๊ต บาญชีผู้ซึ่งต้องถูกเกณฑ์ได้ทำโถเข้ายาคูมา คือ ๑ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๒ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๓ สมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์ ๕ ใบ ๔ กรมหมื่นอมเรศรัศมี ๕ กรมหมื่นอนันตการฤทธิ ๑ กรมหมื่นสิทธิสุขุมการ ๒ พระองค์เจ้าทัดทรง ๘ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร ๙ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑๐ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑๑ กรมหมื่นเจริญผลภูลสวัสดิ ๑๒ สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี ๑๓ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑๔ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ ๑๕ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ ๑๖ พระองค์เจ้ากมลาศเลอสรรค์ ๑๗ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑๘ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑๙ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๒๐ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๒๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๒๒ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๒๓ พระองค์เจ้าหัสดินทร ๒๔ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๒๕ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑ ออกวันศุกร์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๑

๒๖ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๒๗ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๒๗ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ ๒๙ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ค้างวานนี้) ขาดใบหนึ่งไม่ได้มา

เมื่อเวลาบ่ายนั้น พระญวนชื่อองค์กล่ำเข้าเฝ้าที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทูล ฯ ลาไปเมืองญวน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินชั่ง ๑ ครั้นเวลาเย็นย่ำค่ำเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศไม่ได้ทรงเครื่องราชอิศริยยศ เสด็จทรงพระราชยาน (เหมือนเมื่อเวลาเช้านี้) ไปประทับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงนมัสการแล้ว กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล แล้วขุนสุวรรณอักษรจึงอ่านประกาศเรื่องพิธีนี้เปนภาษาสยาม ครั้นจบแล้วพระสงฆ์ ๓๕ รูป พระมหาดเล็ก ๓ รูปด้วย (แลในวันแรม ๑๓ ค่ำนั้นมีพระมหาดเล็ก ๒ รูป ในวันแรม ๑๔ ค่ำ ๒ รูป) ได้สวดพระพุทธมนต์เปนคาถาต่าง ๆ ก่อน แล้วพระครูพุทธมนต์ปรีชาจึงขัดตำนาน (ในวันแรม ๑๓ ค่ำนั้นพระสุธรรมธีระคุณเปนผู้ขัด ในวันแรม ๑๔ ค่ำนั้นพระโพธิวงศ์เปนผู้ขัด) ครั้นพระครูพุทธมนต์ขัดตำนานแล้ว พระสงฆ์ ๓๕ รูปจึงสวดพระธรรมจักกัปปวัตนสูตร แล้วจึงสวดพระมหาสมัยสูตรแลคาถามงคลต่าง ๆ อิก ๖ บทก็จบ พระสงฆ์กลับแล้วจึงเสด็จขึ้นทรงเจิมหม่อมเจ้าแลหม่อมราชวงศ์ซึ่งจะได้กวนเข้าทิพย์คือ ๑ หม่อมเจ้าผะอบ ในกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๒ หม่อมเจ้าสังวาล ในกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา ๓ หม่อมเจ้าสบาย ในกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา ๔ หม่อมเจ้าขาว ในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ๕ หม่อมเจ้าสมัย ในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ๖ หม่อมเจ้าพิน ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ๗ หม่อมเจ้าเป้า ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ๘ หม่อมเจ้าวิไลยวร ในพระองค์เจ้าชายเปียก (ฤๅจำรัส) ๙ หม่อมเจ้ารื่น ในกรมหมื่นอดูลย์ลักษณสมบัติ ๑๐ หม่อมเจ้าถนอม ในกรมหมื่นอดูลย์ลักษณสมบัติ ๑๑ หม่อมเจ้าจริตอักษร ในกรมหมื่นอุดมรัตนราชราษี ๑๒ หม่อมเจ้าเผือก ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ ๑๓ หม่อมเจ้าใหม่ ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ๑๔ หม่อมเจ้าพวงผกา ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ๑๕ หม่อมเจ้าวงแข ในกรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร ๑๖ หม่อมราชวงศ์สว่าง ในพระองค์เจ้ามงคล ครั้นทรงเจิมเสร็จแล้ว ท้าววรจันทรจึงนำหม่อมเจ้า ๑๕ องค์ หม่อมราชวงศ์ ๑ ซึ่งถวายเข้าทิพย์นั้นไปที่โรงพิธี โรงพิธีนั้นปลูกด้วยไม้ไผ่มุงจาก

แจ้งความ

ข้าพเจ้าขอแจ้งความมาให้ท่านทั้งหลายทราบ ด้วยเวลาวันนี้จะลงข่าวของพระองค์เจ้ามนุษย์ ฯ นั้น ข่าวของพระองค์เจ้าเทวัญ ฯ ก็ยังหาหมดไม่ จะต้องงดไว้ก่อน อนึ่งเวลาวานนี้ ได้ลงว่าถึงเรื่องโถกรมพระเทเวศ ฯ นั้น ยังขาดหัวราชสีห์อยู่หัว ๑ จึงจะครบ ข้าพเจ้าหาได้ตรวจแน่ดีไม่ ข้าพเจ้าขอโทษท่านเถิด

ผู้จัดการพิมพ์

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒ ออกวันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

ในประทาน ๓ ห้องมีเฉลียงรอบตัว ในโรงนั้นดาดขาวแลมีม่านลายอยู่รอบ แต่เอาลายเข้าข้างในขาวออกข้างนอก หลังคาข้างนอกนั้นไม่ได้ดาดผ้า โรงนั้นปลูกอยู่ที่ริมกาแพงวังข้างในนอกกำแพงแก้วพระมหาปราสาท ข้างขวาประตูศรีสุนทร (ที่เรียกกันชุมว่าประตูต้นสน) ในโรงพิธีนั้นมีเครื่องเข้าทิพย์ซึ่งนอกจากของที่ตั้งบนเตียงมณฑล (ที่ตั้งอยู่ที่มุขตวันตกบนพระมหาปราสาท) นั้น คือของเหล่านี้ น้ำตาลหม้อ มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก่ เข้าสุก น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนมวัว น้ำทับทิม น้ำส้ม เนยใส เนยข้น กับพื้นไม้ราชพฤกษ์เจือในฟืนแสม ซึ่งติดไฟพอเปนเชื้อ ไฟซึ่งติดนั้นเปนไฟฟ้าแลเครื่องต่าง ๆ ซึ่งตั้งบนเตียงมณฑลที่ได้ว่ามาแล้ว (ที่ได้มีรายชัดชื่อสิ่งของในวันแรม ๑๓ ค่ำเวลาเย็นแล้ว) นั้นก็ได้ขนลงมาทุกสิ่งในโรงนั้น เฉลียงด้านหลังโรงนั้นยกพื้นเปนที่นั่ง มีกะทะตั้งบนเตาไฟอยู่ ๘ กะทะ สำหรับกวนเข้าทิพย์ เปนกะทะเอก ๒ กะทะ แลที่เฉลียงด้านหน้าข้อนข้างขวามีอีก ๒ กะทะ ๆ นั้นกวนกระยาสารท คนที่กวนนั้นเปนพวกห้องเครื่อง แลแขวนรูปท้าววิรุฬหกกับท้าวกุเวรุราชแลเทวดาบริวารอิก ๑๖ รูป ครั้นท้าววรจันทรนำหม่อมเจ้า ๑๕ องค์ หม่อมราชวงศ ๑ มาถึงที่โรงพิธีเช้านั่งที่กะทะละ ๒ องค์ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยที่เสด็จขึ้นนั้น ไปประทับที่โรงพิธี จึงทรงรดน้ำสังข์ในกะทะ แลเจิมพายทั้ง ๘ กะทะ แล้วจึงพระราชทานน้ำส้มน้ำทับทิมแลอื่น ๆ ให้พระเจ้าน้องยาเธอเล็ก ๆ เทลงในกะทะทุกใบ แลเจ้าพนักงานวิเสทกลางวิเสทนอก จึงเข้าเทเข้าต่าง ๆ ลงในกะทะของตัวตามพนักงานของตน แลเจ้าพนักงานก็ประโคมดนตรีปี่พาทย์ตามธรรมเนียม ครั้นกวนอยู่ได้สักครู่หนึ่ง จึงเสด็จขึ้นทรงพระราชยานเสด็จกลับขึ้นทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติเมื่อเวลา ๒ ทุ่มเศษ ในเวลาค่ำวันนี้นั้นเจ้านายนั้นสวมฉลององค์ขาว ทรงแดงก็มี อิวนิงเดรศก็มี ฟรอกโก๊ดก็มี แลไม่ได้ติดตรา ข้าราชการนั้นสวมเสื้อฟรอกโก๊ดก็มี อิวนิงเดรศก็มี แลไม่ได้ติดตรา แต่ถ้าจะให้สมควรแล้วเจ้านายจะทรงผ้าทรงแดง ฉลององค์ขาว ฤๅอิวนิงเดรศก็ได้ ถ้าข้าราชการแล้วควรจะสวมอิวนิงเดรศ แต่ถ้าจะได้ให้ถูกแท้ต้องอิวนิงเดรศทั้งสิ้น ครั้นเสด็จขึ้นแล้ว ท้าววรจันทรจึงพา

แผ่นที่ ๑๓ ออกวันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

หม่อมเจ้า ๑๕ องค์ หม่อมราชวงศ์ ๑ กลับเข้าในพระบรมมหาราชวังทางปราสาท ในเวลานั้นพวกวิเสทพนักงานจึงเข้าตรวจที่ของตน คือกะทะที่ ๑ ตำแหน่ง ท้าวมังศรี (แสง) ๒ ท้าวเทพภักดี ปลัดแพง (ทำแทน) ๓ ท้าวยศมณเฑียร (เขม) ๔ ท้าวทองกีบม้าเทียบดำ (ทำแทน) ๕ ท้าวทองพยศ (นาก) ๖ ท้าวอินทรกัลยา เพื่อน (ทำแทน) ๗ ปลัดวิเสทนอก ๒ คือสายกับภู กะทะที่ ๘ ตำแหน่งปลัดวิเสทนอก ๒ คนคืออินกับจีด ทั้ง ๘ กะทะที่ว่ามานี้ฝีพายเข้ากวน แลกระยาสารทอิก ๒ กะทะนั้น พวกห้องเครื่องเปนคนกวน

อนึ่งเรื่องราวที่ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงมานี้ ถ้าผิดพลั้งตกหล่นเหลือในแห่งหนึ่งแห่งใดก็ดี ขอท่านทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเห็นรู้แจ้งช่วยโปรดแก้ไขเพิ่มเติมให้สมควรแก่การทุกประการเทอญ ฯ

อนึ่งที่แผ่นที่ ๑๐ บันทัดที่ ๗ ลงมา ที่เรียกว่าพัชนีนั้นมิใช่ เปนตาลิปัตรรอง

โดย เทวัญอุไทยวงศ

พระราชพิธีสารท

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้นค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้าเจ้าพนักงานเชิญพระพุทธรูปประจำวันของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ๑ รวม ๔ พระองค์ ขึ้นตั้งบนโต๊ะจีนข้างขวาเตียงมณฑลซึ่งตั้งพระนิรันตรายอยู่นั้น แล้วจึงเชิญพระนิรันตรายขึ้นตั้งบนเตียงมณฑล แลเจ้าพนักงานได้จัดการเกณฑ์โถเข้ายาคูตามพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน แลข้าราชการฝ่ายนอกซึ่งถูกปรับมาถวายพระสงฆ์ที่ฉันบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รวมโถเข้ายาคู ๔๐ โถ ครั้นเวลา ๕ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยานมาประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว ก็เสด็จมาทอดพระเนตรโถเข้ายาคูซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน แลข้าราชการฝ่ายนอกทำมาตั้งไว้นั้น จึงรับสั่งให้เอาไปถวายพระองค์เจ้าพระ แลพระองค์เจ้าเณร ซึ่งทรงผนวชอยู่นั้นองค์ละโถรวม ๖ องค์ เปนโถ ๖ โถ เวลานั้นพระสงฆ์สวดถวายพรพระ ครั้นสวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงประเคนเครื่องเสวยแต่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วเสด็จทรงจุดเทียนที่โต๊ะพระพุทธรูปประจำวัน แต่ที่โต๊ะพระสยาม เสร็จแล้วเสด็จประทับที่พระเก้าอี้เหลือง จึงรับสั่งให้จมื่นจงซ้ายเอาโถสำริดที่ใส่เข้าทิพย์ซึ่งตั้งอยู่บนเตียงมณฑลนั้นมาถวายพระสงฆ์ที่ฉันอยู่ พระมหาราชครูพิธีจึงถวายน้ำสังข์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เวลา ๕ โมงเศษ เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาได้เชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑

แผ่นที่ ๑๔ ออกวันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ๑ สมเด็จพระปฐมบรมมหาไปยกาธิบดี ๑ กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ๑ กรมสมเด็จพระรูปสิริโสภาคย์มหานาคนารี ๑ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ สมเด็จพระเจ้าปฐมบรมวงศไอยิกาเธอ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศไอยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศไอยิกาเธอ กรมหลวงเทพยวดี ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล ๑ รวม ๑๖ พระองค์ ขึ้นตั้งบนพระที่นั่งเสวตฉัตร แล้วจึงเชิญพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยยิกา ๑ พระนางโสมนัส ๑ พระชนกสมเด็จพระศรีสุลาลัย ๑ พระชนกสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๑ พระชนนี สมเด็จพระศรีสุลาลัย ๑ พระชนนสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ รวม ๖ พระองค์ ขึ้นตั้งบนโต๊ะจีนข้างซ้ายพระที่นั่งเสวตฉัตร ครั้นพระสงฆ์นั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระองค์เจ้าที่ยังทรงพระเยาว์ ถวายผ้าวัสสิกะสาฎกแด่พระสงฆ์ ครั้นแล้วจึงทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาสัพพถวายอติเรกถวายพระพรลา พระวุฒิการบดีจึงนิมนต์พระสงฆ์ ๒๒ รูป ซึ่งจะสดัปกรณ์เท่าพระบรมอัฐินั้นเข้ามา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จทรงทอดผ้าสบง แลผ้าขาวซึ่งจารึกพระนาม ครั้นพระสงฆ์สดัปกรณ์เสร็จแล้วจึงทรงถวายเครื่องไทยธรรม แล้วทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาสัพพี อทาสิเม ถวายอติเรกถวายพระพรลา ทรงพระกรุณาโปรด ฯ พระราชทานผ้าสบงผ้าขาวจารึกพระนามแลของไทยธรรมขึ้นไปสดัปกรณ์พระอัฐิกรมพระราชวังทั้ง ๔ พระองค์ที่วังหน้า แล้วจึงเสด็จประทับตรัสอยู่ด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ จนเวลาเที่ยงเศษเสด็จขึ้น พระวุฒิการบดีจึงนิมนต์พระสงฆ์ ๕๐๐ เข้ามาสวดสัตตปกรณาภิธรรมแลสดัปกรณ์ ครั้นเสร็จแล้วเวลาบ่ายโมงเศษเจ้าพนักงานภูษามาลาจึงเชิญพระบรมอัฐิกลับ อนึ่งการพระราชพิธีสารทเวลาเช้าวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟรอกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการก็สวมฟรอกโก๊ตเหมือนกัน

บาญชีโถเข้ายาคูพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน

๑ พระองค์เจ้าแม้นเขียน ๒ พระองค์เจ้าพันธุ์

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕ ออกวันอาทิตย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

๓ พระองค์เจ้าประทุเมศ ๔ พระองค์เจ้าเงินยวง ๕ พระองค์เจ้าเสงี่ยม ๖ พระองค์เจ้าแสงจันทร ๗ พระองค์เจ้านิเวศ ๘ พระองค์เจ้าสุบงกช ๙ พระองค์เจ้ากินรี ๑๐ พระองค์เจ้าฉวีวรรณ ๑๑ พระองค์เจ้าจามรี ๑๒ พระองค์เจ้าบุตรี ๑๓ พระองค์เจ้านุ่ม ๑๔ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ ๑๕ พระองค์เจ้าทักษิณชา ๑๖ พระองค์เจ้าโสมาวดี ๑๗ พระองค์เจ้าประภัศร ๑๘ พระองค์เจ้าพักตรพิมลพรรณ ๑๙ พระองค์เจ้ามันยาภาธร ๒๐ พระองค์เจ้าศรีนาคสวาดิ ๒๑ พระองค์เจ้ากรรณิกาแก้ว ๒๒ พระองค์เจ้าอนงค์นพคุณ ๒๓ พระองค์เจ้ากนกวรรณเลขา ๒๔ พระองค์ เจ้าอรุณวดี ๒๕ พระองค์เจ้าวาณีรัตนกัลยา ๒๖ พระองค์เจ้าอรทัยเทพกัญญา ๒๗ พระองค์เจ้าบุษบงเบิกบาน ๒๘ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน ๒๙ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี ๓๐ พระองค์เจ้านารีรัตนา ๓๑ พระองค์เจ้าบรรจบเบญจมา ๓๒ พระองค์เจ้านงคราญอุดมี ๓๓ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ๓๕ พระองค์เจ้ากาญจนากร ๓๕ พระองค์เจ้าพื้นพงศ ๓๖ หม่อมเจ้าพรรณราย

รายโถเข้ายาคูข้าราชการฝ่ายนอกซึ่งถูกปรับซึ่งได้มา

๑ พระองค์เจ้ามหาหงส ๒ พระยาอนุชิตชาญไชย ๓ พระพหลพลพยุหเสนา ๔ พระหฤทัย

รายพระสงฆ์สดัปกรณ์เท่าพระบรมอัฐิ ๒๒ รูป

ที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระมงคลเทพมุนี วัดพระเชตุพน

ที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระวินัยธรดี วัดอรุณ

ที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปลัดจีน วัดสุทัศน์

ที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเปีย วัดราชประดิษฐ

ที่ ๕ สมเด็จพระปฐมบรมมหาไปยกาธิบดี พระปลัดแก้ว วัดสุวรรณ

ที่ ๖ กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี พระปลัดเริด วัดระฆัง

ที่ ๗ กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ พระครูวัดศรีสุดาราม

ที่ ๘ กรมสมเด็จพระรูปสิริโสภาคย์มหานาคนารี พระครูวัดกาญจนสิงหาสน์

ที่ ๙ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระปลัดสุด วัดรัชฎาธิฐาน

ที่ ๑๐ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระปลัดวัดเขมา

ที่ ๑๑ กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระปลัดวัดหนัง

ที่ ๑๒ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระปลัดตาบ วัดราชบพิธ

ที่ ๑๓ สมเด็จพระเจ้าปฐมบรมวงศ์ไอยิกาเธอ พระครูวัดอภัย

ที่ ๑๕ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ไอยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ พระครูวัดดุสิต

ที่ ๑๕ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ไอยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพยวดี พระปลัดเปี่ยม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖ ออกวันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑

ที่ ๑๖ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล พระวินัยธรรมวัดราชบพิธ

ที่ ๑๗ สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยยิกาเธอ พระราชกระวี วัดหนัง

ที่ ๑๘ พระนางโสมนัส พระปลัดแก้ว วัดโสมนัส

ที่ ๑๙ พระชนกกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระปลัดนา วัดนางนอง

ที่ ๒๐ พระชนกกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ เจ้าอธิการวัดหิรัญรูจี

ที่ ๒๑ พระชนนีกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระสมุห์วัดนางนอง

ที่ ๒๒ พระชนนีกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระวินัยธร วัดราชบพิธ

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรี ๑ พระยาศรีสรราช ๑ เข้าไปเฝ้าอยู่ประมาณครู่หนึ่ง เจ้าพระยาสุรวงศไวยวัฒน์ก็เข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษจึงออก

โดย มนุษย์นาคมานพ

ณวันศุกร เดือน ๑๑ ขึ้น ๒ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระยาเจริญราชไมตรีเข้าเฝ้าตรัสอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าพระยาภูธราภัยเข้าไปเฝ้า แล้วพระบรมวงศานุวงศ์แลขุนนางจึงได้เข้าไปเฝ้าต่อภายหลัง ประทับตรัสอยู่กับเจ้าพระยาภูธราภัย จนเวลา ๕ โมงครึ่งจึงเสด็จขึ้น ครั้นเวลาใกล้ค่ำ เสด็จออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติประทับสนามหญ้าครู่หนึ่ง แล้วเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่สวนสราญรมย์ ทอดพระเนตรต้นไทรอัชบาลนิโครธ ทรงพระราชดำเนิรทอดพระเนตรต้นไม้แล้วเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งสำหรับทรงบิลเลียด เวลาประมาณย่ำค่ำเศษเสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวังเสด็จขึ้น.

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ มีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์ก็เข้าประตูดุษดีศาสดา (ซึ่งเรียกกันว่าประตูฉนวนใน) เข้ารับบิณฑบาตที่ที่ทรงบาตรในพระบรมมหาราชวังแลไปออกทางประตูอนงคลีลา (ที่เรียกกันว่าประตูดิน) แลจำนวนพระสงฆ์ที่เข้ารับบิณฑบาตนั้นในเวลาวันนี้ ๘๓ รูป เปนพระสงฆ์วัดอรุณราชวรารามเปนต้น กับวัดอื่น ๆ อิก แลพระสงฆ์ก็ได้ฉันที่พระที่นั่งดุษฎาภิรมย์ ๑๐ รูป เปนเวรวัดมหรรณพาราม มีพระธรรมฐิติยาเปนประธานในที่นั้น แต่การที่พระสงฆ์ฉันนี้ไม่ใช่จะมีการ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗ ออกวันจันทร ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

อะไร เปนการฉันเสมอเปนเวรตามธรรมเนียม ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาเที่ยงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ขุนหลวงพระไกรสีเข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลาบ่ายโมงก็ออกมา แล้วพระยามหามนตรีก็เข้าไปเฝ้าแลอยู่จนเวลาบ่าย ๒ โมงเศษจึงได้กลับออกมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากที่นั้น

เวลาบ่าย ๔ โมงนาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกณพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน พระยาภาสกรวงศ์ พระยาเจริญราชไมตรี พระยาธรรมจรรยานุกุลมนตรี พระยาราชรองเมือง พระยาเวียงนัย เปนต้น แลพระยาพระหลวงอื่น ๆ อิกเปนอันมากประมาณกว่า ๒๐ คน ก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในที่อันสมควร เวลา ๕ โมงเศษก็กลับออกมาหมด แต่ยังตรัสอยู่อิกบ้าง จนเวลา ๒ ทุ่มเศษจึงได้กลับออกมา

โดย ภาณุรังษี

แจ้งความ

ข่าวในหนังสือที่ท่านทั้งหลายได้รับเปนผู้แต่งข่าวเปลี่ยนกันเสมอทุก ๆ วันนั้น คนเรียงคนที่พิมพ์ก็ยังไม่ว่องไว ท่านก็ได้ส่งข่าวมาสายนัก เต็มอย่างมากถึง ๓ โมง ๔ โมงบ่ายก็ยังส่งไม่หมด กว่า หนังสือพิมพ์นี้จะได้ออกกถึง ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม แต่เวลานี้ไม่สู้จะเปนไรด้วยเปนเวลาการมาก ขาวนั้นเหลือถึงจะส่งสายหน่อยก็ไม่เปนไร แต่ถ้าต่อไปทีหลังขอให้ท่านส่งมาในเวลาก่อน ๒ โมงเช้า ฤๅต้องคอยข่าวอย่าให้คนเรียงพิมพ์ขาดได้ แต่ถ้ามีความเพิ่มเติมควรจะส่งมา ส่งก่อนวันหนึ่งสองวันได้ก็ให้ส่งมาก่อน ขอท่านทั้งหลายจงประพฤติตามคำข้าพเจ้านี้ ข้าพเจ้าจะมีความขอบใจท่านเปนอันมาก แต่ ถ้าท่านไม่ส่งข่าวให้ทันตามเวลาที่กำหนดนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะต้องขอปรับในการสัปสครีบชั่น (การเรี่ยไร) ให้มากขึ้นตามสมควรสุดแล้วแต่จะตกลงกัน ขอท่านจงได้ทราบแลระวังการของท่านอย่าให้เสียไปได้ แต่ซึ่งท่านทั้งหลายที่ได้รับหนังสือ COURT นี้ ถ้าจะมีประสงค์ที่จะตีพิมพ์ ฤๅลอกออกจากแผ่นหนังสือนี้เพื่อจะได้ขายให้มีประโยชน์แก่ตนนั้น ข้าพเจ้าจะต้องขอห้ามไม่ให้คัดเอาข่าวที่พวกเราทั้งหลายได้แต่งลงในหนังสือพิมพ์ COURT จะขอห้ามเสียทีเดียว เหมือนหนึ่งคำอังกฤษได้เรียกว่า (คอปีไรต์) ถ้าท่านผู้ที่จะต้องประสงค์ทำหนังสือพิมพ์ข่าวที่จำเพาะดังนี้ก็ขอให้แต่งเอาเอง อย่าให้สำนวนเหมือน ฤๅอย่างไร อย่างหนึ่งซึ่งจะให้จับได้แล้ว ข้าพเจ้าจะต้องขอปรับไม่ให้ๆ หนังสือพิมพ์ COURT แด่ท่านต่อไปอิกเปนขาดจากผู้รับ เหมือนหนึ่งหนังสือราชกิจจาวิกนี้ข้าพเจ้าก็ได้เห็นความออกจากหนังสือนี้มาก ที่จะจับได้นั้น คือจำนวนโถฟักทอง ในหนังสือราชกิจจาก็ได้เอาลงแต่ ๒ วัน แต่วันหลังก็หาได้เอาลงไม่ เหตุฉนี้ก็เห็นได้ว่าจำนวนโถเข้าวันหลังหนังสือ COURT ยังไม่ได้ ออกแต่ราชกิจจาจะต้องออกเสียก่อนการจึงเปนเช่นนี้ ก็เปนข้ออันจะต้องปรับได้

แจ้งความนี้ยังไม่หมด

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘ ออกวันอังคาร ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๑

อนึ่งถ้ามีผู้มาว่า จะขอทำหนังสือเหมือนอย่างหนังสือนี้ออกทุก ๆ วัน ท่านผู้ทำหนังสือก็จะต้องเก็บหาเอาเอง อย่าให้ซ้ำสำนวนอย่างเดียวกับหนังสือนี้ แต่ไม่เปนไร ถ้าออกทุกวัน เปนข่าวทีหลังหนังสือ COURT การก็ต้องเอาอย่างกันตรงตัว ก็คงจะต้องปรับได้ แต่ที่ข้าพเจ้าว่ามานึกเพราะมีผู้มาว่าขึ้น ข้าพเจ้าจึงได้บอกไว้เสียให้ทราบ แต่การที่ว่ามานี้ ผู้แต่งหนังสือ COURT ได้ปฤกษาพร้อมกันให้เอาลงบอกให้ทราบ ข้าพเจ้าจึงได้เอาคำนี้ลงตั้งแต่นี้ต่อไปขอท่านจึงได้ทราบ แลประพฤติตามที่ว่ามานี้ อย่าให้ต้องแตกสามัคคีจากหมู่นี้ ถ้าท่านอยากจะมีหนังสืออย่างนี้ ขอให้ท่านหาความหาข่าวเอาเองเถิด อย่าให้ต้องวุ่นวายอย่างไรอย่างหนึ่งเลย

โดย ผู้จัดการพิมพ์

อนึ่งเมื่อณวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๑๔ ค่ำ ๑๒๓๗ ข้าพเจ้าได้รับพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเราทั้งหลายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือนี้ แลทรงตอบขอบพระไทย เห็นว่าเปนการดีแล้ว จึงได้พระราชทานข่าวซึ่งจะยกทัพออกจากกรุง ฯ นั้น แต่ข้าพเจ้าหาได้เอาสำนวนความในพระราชหัดถเลขา ลงบอกให้ท่านทราบทั่วกันไม่ ด้วยข่าวราชการยังติด ๆ กันมาไม่มีว่าง บัดนี้ข่าวก็ว่างแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้คัดเอาพระราชหัดถเลขาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาลงให้ท่านทราบ ขอท่านจงตั้งใจฟังความดีความชอบ ซึ่งเปนที่จะให้เราทั้งหลายมีความยินดีเจริญเทอญ ฯ

โดย ผู้จัดการพิมพ์

สำนวนความในพระราชหัดถเลขา

ถึง เอดิเตอหนังสือ COURT วันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๑๔ ค่ำ

ด้วยฉันได้รับหนังสือนี้ ๓ วันมาแล้ว ก็มีความยินดีขอบใจ แลเห็นว่าเปนการดีอยู่ ถ้าทำตลอดไปได้ก็จะดี ฉันได้ตั้งใจจะหาการเล็กๆ น้อยๆ ช่วยในหนังสือนี้ด้วยตามแต่จะได้ แต่เห็นว่าจะมีประโยชน์ที่เปนการล่วงหน้าได้มาก เหมือนหนึ่งการแต่งตัวควรจะใช้ตราอย่างไร แลแต่งในการศพเปนต้น แต่จะเอาเปนเสมอไม่ได้ต้องตามแต่เวลาจะมี บัดนี้ฉันเห็นว่าควรจะต้องบอกการสิ่งนี้ที่เปนการน่าจะจดลงในสมุดสำหรับกระเป๋าเสื้อ คือกำหนดยกทัพ กองเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ซึ่งยกไปแล้วในวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๘ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาฤกษ์บ่าย ๓ โมง ๓๐ นาที แต่ที่ยกมาแต่บ้านนั้นสมเด็จเจ้าพระยาท่านให้มาเสียแต่บ่าย ๓ โมง ๑๕ นาที ออกจากตำหนักแพ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙ ออกวันอังคาร ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๑๑

ประมาณ ๓๘ นาทีฤๅกว่าหน่อยหนึ่ง กองเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายกวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๔๘ นาที กองสมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์ณวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๕ โมง ๓๐ นาที ยกจากกรุงเทพ ฯ วันเดือนอ้ายขึ้น ๖ ค่ำ จะยกจากสระบุรี แต่ยังไม่มีเวลาเปนแน่ ฉันบอกมาแต่เท่านี้ก่อน วันอื่นจึงจะบอกการอื่น ๆ มาอีก ขอให้เธอลงพิมพ์ให้ทราบทั่วกันด้วย

C.R.

เสด็จออกตามธรรมเนียม

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปเฝ้า ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

การสวดมนต์พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ นั้น ได้ตั้งการที่พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท แลของที่ตั้งในการพระราชพิธีนั้น เจ้าพนักงานก็ได้จัดมาตั้งตามธรรมเนียมทุกพนักงาน คือให้ตั้งม้าใหญ่ลายจำหลักปิดทอง ๓ ม้า ๆ หนึ่งรองพระที่นั่งหลังคาทอง ม้าหนึ่งรองพระคชาธาร รวม ๒ ม้านี้ตั้งบนพื้นชั้นบนตรงหน้าบุษบกออกมา แลพระที่นั่งหลังคาทองตั้งเบื้องขวา พระคชาธารตั้งเบื้องซ้าย อิกม้าหนึ่งนั้นรองเครื่องม้าพระที่นั่งตั้งตรงหน้าม้าทั้งสองออกมา แต่อยู่ที่พื้นชั้นกลาง แลบนพระที่นั่งหลังคาทองนั้นมีม้าเล็กลายจำหลักปิดทองม้าหนึ่ง ตั้งพระไชยเงินเล็กในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์ ๑ พระไชยเนาวโลหะองค์ ๑ รวม ๒ องค์ ข้างขวาข้างซ้ายตั้งหีบเครื่องพระมหาพิไชยสงครามข้างละหีบ ข้างหน้าตั้งหม้อน้ำสำริดมีเทียนทองปักอยู่เล่ม ๑ ข้างหลังมีบันไดแก้วรองพระแสงขอต่าง ๆ เรียงกันเปนลำดับลงไป คือชั้นที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ พาดพระแสงขอไม้ท้าว ๓ องค์ ชั้นที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ พาดพระแสงขอเกราะ ๔ องค์ ชั้นที่ ๘ พาดพระแสงขอพลพ่าย ชั้นที่ ๙ ที่ ๑๐ พาดพระแสงของ้าว ๒ องค์ ชั้นที่ ๑๑ พาดพระแสงขอหยก ๑ องค์ รวม ๑๑ องค์ แลบนพระคชาธารนั้นที่ตรงกลางปักเสวตฉัตร แลมีพระแสงผูกไว้กับกันเสวตฉัตรด้วย ๒ องค์ คือธารพระกรเทวรูปองค์ ๑ ธารพระกรศักดิ์สิทธิ์องค์ ๑ แลหน้าเศวตฉัตรตั้งพานทองสองชั้น รองพระแสงขรรค์ไชยศรีองค์ ๑ พระแสงขรรค์เนาวโลหะองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นฟันปลาองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นแฝดองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นทรงเดิมองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นฝักทองเกลี้ยงประดับเพ็ชรองค์ ๑ พระแซ่หางช้างเผือก องค์ ๑ รวม ๗ องค์ แลมุมพระคชาธารด้านหน้าข้างขวาข้างซ้ายแลข้างหลังที่ตรงกลางนั้น ปักธงแพรแดงมียันต์รูปพระนารายณ์ ๓ คันแลข้างขวาข้างซ้ายบนพระคชาธาร มีบันไดแก้วพาดพระแสงทั้งสองข้าง ข้างซ้ายชั้นที่ ๑ พาดพระแสงทวนด้ามเงิน ๑ องค์ ชั้นที่ ๒

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐ ออกวันพุธ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๑

พาดพระแสงง้าว ๑ องค์ ชั้นที่ ๓ พาดพระแสงตรี ๑ องค์ ชั้นที่ ๔ พาดหางนกยูงมีลูกศร ๒ หอกซัด ๑ ปักอยู่ในนั้น ข้างขวาชั้นที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ก็มีพระแสงเหมือนอย่างที่ว่ามาแล้ว แต่ชั้นที่ ๔ ตรงหางนกยูงนั้นมลูกศร ๑ หยกซัด ๒ ปักอยู่ในนั้น แลที่พื้นพระคชาธารข้างซ้ายตั้งหีบพระแสงปืน ข้างขวาตั้งหีบพระแสงจีบ (คือเปนเครื่องสำหรับจะได้แก้ช้างอาละวาด) แลที่ใต้พระคชาธารมีถุงชนักเครื่องต้น ที่ใต้พระที่นั่งหลังคาทองมีเครื่องช้างถุง ๑ แลเครื่องม้าพระที่นั่งซึ่งตั้งอยู่บนม้านั้น คือเครื่องที่นั่งเทพนม ๑ ที่นั่งครุธ ๒ ที่นั่งกุดั่น ๑ รวม ๔ เครื่องนี้เปนอานอย่างไทย กับมีเครื่องม้าอานฝรั่งอิกเครื่องหนึ่ง รวมเปน ๕ เครื่อง แล้วมีพระแซ่สำหรับตีม้า ๑ องค์ พระแซ่สำหรับปัดม้า ๑ องค์ รวม ๒ องค์ ที่มุมม้ารองเครื่องม้านั้นมีหม้อน้ำทองขาว ๔ หม้อตั้งอยู่ทุกด้าน แล้วมีสายสิญจน์วงรอบ แลข้างพระที่นั่งหลังคาทองด้านขวา มีบาตรน้ำ ๑ บาตรทราย ๑ รวม ๒ ใบ มีสายสิญจนวงรอบเหมือนกัน ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตร เจริญไปทรงจุดเทียน แล้วอาลักษณได้อ่านประกาศ ครั้นจบแล้ว พระสงฆ์ไทยคือพระมงคลเทพมุนี ๑ พระครูอุดมสังวร ๑ พระครูอมรวิชัย ๑ พระครูปริตโกศล ๑ พระครูพุทธมนต์ปรีชา ๑ รวม ๕ รูปได้เจริญพระพุทธมนต์ภาษาไทย พระสงฆ์รามัญคือ พระอุดมญาณ ๑ พระครูราชสังวรนั้นถึงอนิจกรรมเสียยังไม่มีตัว พระสมุห์มาแทน ๑ พระครูสุนทรวิลาส ๑ พระครูราชปริต ๑ พระครูสิทธิเดช ๑ รวม ๕ รูปได้เจริญพระพุทธมนต์ภาษารามัญ รวมเปนพระสงฆ์ ๑๐ รูป ตามธรรมเนียมซึ่งได้เคยมีมาทุกครั้ง แลพระครูไทย ๔ พระครูรามัญ ๔ นี้ เปนพระครูสำหรับพระราชพิธีต้องมาสวดพระพุทธมนต์ทุกครั้ง ครั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว ก็เปนเสร็จการพระราชพิธีซึ่งได้มีในเวลาค่ำ ครั้งนี้ก็มีพระมากเหมือนกับครั้งก่อนอิกเหมือนกัน ด้วยการพิธีมีพระแสงมาก จะตัดให้น้อยลงก็ไม่ได้ แต่น้อยกับครั้นก่อน ๑๔ พระ แลที่มีชื่อพระสงฆ์ที่สวดมนต์ทั้ง ๑๐ องค์ด้วยนั้น หม่อมฉันเห็นว่าเปลืองพระมาก แต่เปนพระสงฆ์ประจำสำหรับพระราชพิธี

----------------------------

แผ่นที่ ๒๑ ออกวันพุธ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๑

แล้วเปนไทยครึ่งมอญครึ่ง แล้วสวดก็ไม่เหมือนกัน เห็นว่าสำคัญอยู่ จึงได้ว่าไปให้ชัดแต่มากไปหน่อย เมื่อทรงเห็นว่าไม่ควรจะใส่ก็ทรงตัดเสียเทอญ

โดย ก. ม. นเรศร์วรฤทธิ

การพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน

ณวันจันทร เดือน ๑๑ ขึ้น ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญออก ไปปฏิบัติพระสงฆ์ ๑๐ รูป ซึ่งจะได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งสุทไธศวริย ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงถวายเครื่องไทยธรรมพอสมควร แล้วพระสิทธิไชยจึงอ่านคำดุษดีสังเวย ครั้นอ่านจบแล้วจึงเชิญพระแสงลงชุบในหม้อสำริด เวลาเช้านี้มีพวกจัตุรงค์ ๔ เหล่า คือพลเดิรเท้า ๑ พลรถ ๑ พลอัศดร ๑ พลกุญชร ๑ ยืนณท้องสนามไชยหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย ครั้นชุบพระแสงเสร็จสิ้นแล้วก็เปนสิ้นการในเวลาเช้า ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเจ้าพนักงานได้จัดขบวรแห่ เตรียมการไว้พร้อมเสร็จตามเคย ครั้นเวลาย่ำค่ำแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงทอดพระเนตรให้เดิรขบวนแห่ เจ้าพนักงานทั้งปวงก็ได้เดิรกระบวรแห่ไปตามทางถนนใหญ่หน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย พราหมณ์ก็เอาน้ำมนต์ประพรมช้างเผือกแลช้างที่นั่งม้าที่นั่งบรรดาที่มีระวาง ตามเยี่ยงอย่างธรรมเนียมซึ่งเคยมีมาทุกปี การซึ่งแห่คเชนทรัศวสนานนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เสด็จออก ด้วยเปนเวลาฝนตกมาก.

โดย เกษมสันตโสภาคย์

ณวันอังคาร เดือน ๑๑ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ ปี   เวลาเช้า ๓ โมงเศษพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังข้างใน วัดระฆังโฆสิตารามกับวัดอื่น ๆ แลพระสงฆ์วัดเทพธิดารามก็ได้นั้นเวร ๑๐ รูป มีพระสุธรรมธีรคุณเปนประธานาธิบดีเวลาเช้า ๕ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระบำราบ ปรปักษ์เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่เวลาบ่าย ๓ โมงเศษก็เสด็จกลับออกมา ในทันใดนั้นประมาณครู่หนึ่ง เจ้าพระยาภูธราภัย ๑ แลพระยาราชวรานุกูล ๑ พระยาธรรมจรรยา ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ แลพระองค์เจ้าข้าราชการเข้าไปเฝ้าอีก ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมง เจ้าพระยาภูธราภัย แลพระยาราชวรานุกูล พระยาศรีสิงหเทพก็กลับออกมา ประมาณครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น มีพระบรมราชโองการให้พระบรมวงศานุวงศแลข้าราชการคอยอยู่ พอเวลาใกล้ย่ำค่ำ เสด็จออกมาประทับที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติดังเก่า มีเจ้านายแลข้าราชการเข้าไปเฝ้าคราวหลังอิกมากเหลือที่จะบอกพระนามแลชื่อข้าราชการต่อไป ครั้นเวลาค่ำเสด็จขึ้น และเจ้านายข้าราชการที่เข้าไปเฝ้านั้นก็กลับออกมาพร้อมกันหมด ในทันใดนั้น เจ้าพระยาภาณุวงศมหาโกษาธิบดี เข้าไปเฝ้าเวลาทุ่ม ๑ กับ ๒๖ มินิต จึงได้กลับออกมา

----------------------------

แผ่นที่ ๒๒ ออกวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑

แจ้งความให้ทราบทั่วกัน ด้วยเวรข้าพเจ้าที่ได้บอกไว้ครั้งก่อนในแผ่นที่ ๗ ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตราเครื่องราชอิศริยยศมงกุฎสยามนั้น หาได้บอกให้แจ้งว่าทรงแต่ที่เรียกว่าสตาเปนตราสำหรับติดพระทรวง ไม่ได้ทรงสายตะพาย หาได้บอกให้แจ้งไม่ แลของไทยธรรมที่ถวายพระสงฆ์นั้นในเวลาเช้าหาได้บอกไม่ผิดไป.

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

ณวันพุธ เดือน ๑๑ ขึ้น ๗ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์ได้รับพระราชทานฉันเวรณพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ๑๐ รูป กับพระสงฆ์วัดพระเชตุพนได้เข้ารับบิณฑบาตเวรในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องครึ่งยศอย่างทหาร เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายกได้กราบถวายบังคมลาซึ่งจะยกทัพตามกำหนด ในวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือนนี้นั้น แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องยศ (แต่ในวันนี้นั้นข้าพเจ้ายังไม่ทราบแน่ว่าจะเปนสิ่งไรบ้าง ต่อพรุ่งนี้จึงจะได้ลงบอกสิ่งของให้ชัดเจน) แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้น

แจ้งความ

ข้าพเจ้าผู้มีชื่อในท้ายหนังสือน ขอแจ้งความมาให้ท่านทั้งหลายทราบ ด้วยข้าพเจ้าได้พบแบบหนังสืออย่างใหม่อย่างหนึ่ง ที่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศได้คิดไว้แต่ปีระกาเบญจศก ศักราช ๑๒๓๕ ปี แลข้าพเจ้าได้จัดตีพิมพ์ขึ้น ๒๐ ฉบับไว้สำหรับแจกเพื่อนฝูงอันสนิทเปนแผ่นเล็ก ๆ ได้ตีพิมพ์เมื่อณวันเสาร์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีระกา เบญจศก ศักราช ๑๒๓๕ ปี ได้แจกมาจนเกือบหมด ครั้นข้าพเจ้าเห็นจวนหมดแล้ว ด้วยหนังสือนี้เปนของมีประโยชน์อยู่ หลายอย่างเกือบจะสูญเสียแล้ว ถึงผู้ที่ได้ไปก็เห็นจะไม่เก็บไว้มาก ข้าพเจ้าจึงได้คิดที่เพิ่มเติมขึ้นอีก ๕๐ ฉบับ เมียณวันอาทิตย์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอฉศก จุลศักราช ๑๒๓๖ ไว้เกื้อกูลของเก่า ๆ ต่อไป บัดนี้ข้าพเจ้าได้เห็นยังเหลืออยู่มากสมควรที่ท่านทั้งหลายผู้แต่งหนังสือพิมพ์จะทราบไว้ เพื่อจะลงเปนความลับไม่ให้คนอื่น ๆ ได้พบอ่านทราบได้ ท่านที่ได้แล้วก็มี ที่แบบหนังสือพิมพ์นี้หายแล้ว แลท่านที่ยังไม่ได้เลยทีเดียว ก็ขอให้เชิญมา ฤๅให้บ่าวมารับเอาแบบหนังสือ ข้าพเจ้าจะมอบให้ไปโดยความยินดีเต็มใจทีเดียว.

ผู้จัดการพิมพ์

แผ่นที่ ๒๓ ออกวันศุกร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๑

เมื่อเวลาเสด็จออกประทับบนพระที่นั่งโทรนนั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานน้ำสังข์แลเจิมแล้ว จึงพระราชทานกระบี่เล่ม ๑ กับแหวน ๑ วงแก่เจ้าพระยาภูธราภัย แล้วจึงถอยมายืนอยู่ตามที่ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานนำเสื้อยศมาพระราชทานเจ้าพระยาภูธราภัยกับข้าราชการซึ่งจะไปด้วยในคราวนี้ แลพระราชทานโต๊ะทองกาทองกับลูกประคำทองแก่พระสุริยภักดี กับอิกสำรับหนึ่งนั้นโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานไปพระราชทานพระศรีเสนาซึ่งขึ้นไปราชการแล้ว แล้วจึงทรงรับสั่งให้เอาแผนที่มา แลพระราชทานแก่เจ้าพระยาภูธราภัยต่อพระหัดถ์ แล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานแจกเบี้ยหวัดข้าราชการซึ่งไปราชการคราวนี้ ครั้นแจกแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้น.

โดย เทวัญอุไทยวงศ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมง พระสงฆ์เข้าบิณฑบาตตามธรรมเนียมในพระบรมมหาราชวัง แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ เสด็จมาทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ แลพระสงฆ์ได้สวดถวายพรพระ ครั้นสวดแล้วก็ฉัน ๆ เสร็จแล้วยถาสัพพีภวตุสัพแล้วก็กลับวัด แลเวลาเย็นมสวดมนต์ด้วยตามอย่างตามธรรมเนียมวันพระ พระสงฆ์ที่บิณฑบาตเวรนั้น เปนเวรพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกายรับบิณฑบาต พระฉันเวรนั้น ๑๐ รูป พระวัดบุรณะสิริมีพระวินัยรักขิตเปนประธาน พระพิธีธรรมวัดบวรนิเวศ ๔ รูป รวม ๑๔ รูป แต่พระพิธีธรรมวัดบวรนิเวศนั้น เวลาค่ำสวดปัจเวกขณ์ที่หอพระข้างหน้า เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระยาศรีสิงหเทพเข้าเฝ้าอยู่ประมาณครู่หนึ่ง พระบรมวงศานุวงศ์แต่ข้าราชการก็เข้าเฝ้าอยู่จนเวลา ๕ โมง ขุนนางจึงเข้าเฝ้าอยู่จนเวลา ๕ โมงเศษจึงออก แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับอยู่ที่สนามหญ้าครู่หนึ่ง จึงเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งไปประทับสวนสราญรมย์ ทรงรถทอดพระเนตร์รอบสวนรอบหนึ่ง แล้วจึงเสด็จลงจากรถพระที่นั่ง ทรงพระราชดำเนิรทอดพระเนตร์ต้นไม้ต่าง ๆ แล้วจึงเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งที่ทำไว้พักที่สวนนั้น อยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวัง แล้วประทับอยู่ที่สนามหญ้าครู่หนึ่งจึงเสด็จขึ้น

การชักพระศพ

แผ่นที่ ๒๔ ออกวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๑

ณวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุนสัปตศก จุลศัก ๑๒๓๗ เวลาเชา ๔ โมง เจ้าพนักงานเชิญพระศพพระองค์เจ้าปรีชา ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระบำราบปรปักษ์ ขึ้นตั้งบนยานุมาศสามคาน แล้วแห่มายังพระเมรุณวัดสระเกศ แล้วจึงเชิญพระศพพระองค์เจ้าหญิงอิกองค์หนึ่ง เข้าแห่เวียนเมรุรอบหนึ่งแล้ว จึงเชิญพระศพขึ้นตั้งบนแว่นฟ้าสองชั้นทั้งสองพระศพ ในการชักพระศพนี้พระศพพระองค์เจ้าปรีชานั้นแห่บก หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาแสดงพระอภิธรรมแลมีชักโยงแลโปรยเข้าตอกนำหน้าพระศพ ด้วยพระศพพระองค์เจ้าหญิงอิกองค์หนึ่งนั้นแห่เรือมาคอยอยู่ที่ท่าทางที่จะไปเมรุแล้ว จึงเชิญพระศพเข้าเวียนเมรุพร้อมด้วยกันทั้งสองพระศพ

โดย มนุษย์นาคมานพ

แผ่นที่ ๒๕ ออกวันเสาร์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑

วันศุกร เดือน ๑๑ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาบ่ายโมงเศษ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ๑ เจ้าพระยาภูธราภัย ๑ เข้าไปเฝ้าที่พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ แต่มิได้เข้าไปเฝ้าพร้อมกัน ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทรงรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิรไปพระราชทานเพลิงพระศพซึ่งชักเมื่อเวลาวานนี้ เสด็จเข้าไปประทับในเมรุทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร พระสงฆ์ ๒๐ รูปมีหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาเปนอธิบดีสดัปกรณ์ แล้วถวายยถาสัพพีอทาสิเม อดิเรกแล้วถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนพระราชทานเพลิงพระศพทั้งสองศพ เสร็จแล้วเสด็จขึ้นประทับบนพลับพลาทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์ พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรกลับยังพระบรมมหาราชวัง ประทับที่สนามหญ้าจนเวลา ๒ ทุ่มเศษจึงเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

แจ้งความ

ด้วยข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าฦๅกันว่า ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จพระราชดำเนิรไปประพาสณบางปอิน แลบางทีจะทรงทอดพระกฐินกรุงเก่าบ้าง แลกำหนดจะประทับอยู่จนวันพุธ เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ จึงจะได้กลับกรุงเทพ ฯ แต่การที่บอกมานี้ยังไม่แน่ ด้วยเปนแก่ข่าวฦๅกัน แต่เห็นว่าควรจะบอกให้ท่านทั้งหลายทราบ เพื่อผู้ที่ไปตามเสด็จพระราชดำเนิรจะได้คิดอ่านจัดเข้าของไว้ที่จะตามเสด็จไปนั้น แต่เห็นว่ายังอิกหลายวัน ถ้าข่าวแน่ประการใดฤๅจะผันแปรไป ข้าพเจ้าจึงจะบอกมาทีหลัง

โดย ผู้จัดการพิมพ์

----------------------------

แผ่นที่ ๒๖ ออกวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑

ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้าเปนวันเก็บพระอัฐิพระองค์เจ้าปรีชา แลพระองค์เจ้าหญิง ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ แลแห่กลับจากวัดสระเกศ เวลา ๓ โมงเศษพระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม แลวัดอื่น ๆ อิก ๕๗ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธานในหมู่นั้น เข้าทางประตูดุษฎีศาสดา แลเข้ารับบิณฑบาตที่ ๆ ทรงบาตร แล้วจึงกลับออกทางประตูอนงคลีลา แลพระสงฆ์วัดบุรณะ ๑๐ รูป มีพระอมรโมลีเปนประธานได้ฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาบ่าย ๒ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกณพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เจ้าพระยาภาณุวงศมหาโกษาธิบดีเข้าไปเฝ้า เวลา ๓ โมงนานจึงได้ออกจากเฝ้า แล้วพระยาศรีสิงหเทพเข้าไปเฝ้าแลกลับออกมาเสียทีหนึ่ง แล้วจึงกลับเข้าไปอิก อยู่จนเวลา ๕ โมงก็ออกมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น เวลา ๕ โมงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติอิก พระบรมวงศานุวงศขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทเปนอันมากประมาณ ๓๐ คน คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี ๑ พระองค์เจ้ากมลาส ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าทองแถม ๑ พระองค์เจ้ามนุษย์ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาพิพัฒ ๑ พระยาศรีเสาวราช ๑ พระยาพิทักษภูบาล ๑ พระอินทรเทพ ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ พระศรีกาฬสมุด ๑ พระนรินทรราชเสนี ๑ พระเทพผลู ๑ พระอมรวิสัยสรเดช ๑ หลวงพินิจ ๑ มิสเตอรอาลบาศเตอ ๑ นี้เปนต้น ยังหลวงขุนอิก แล้วจึงพระราชทานเงินตรา ๕ ตำลึงกับผ้า ๒ สำรับแด่พระยาศรีสิงหเทพให้ไปพระราชทานหลวงบำรุงบุรีกรมการเมืองพิไชย แถมีพระบรมราชโองการให้พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ไปทรงจุดเทียนที่โขลนทวารที่กองทัพเจ้าพระยาภูธราภัยจะยก ที่โขลนทวารนั้นมีเรือกันยาดาดผ้าขาวบนหลังคา ๒ ลำ แลมีประตูป่าข้ามทั้งสองลำ ข้างขวานั้นตั้งพระพุทธรูปไชยเงินห้ามสมุทองค์ ๑ ตั้งบนม้าเท้าคู่มีบาตรน้ำมนต์ ๕ บาตร แลมีเครื่องนมัสการมุก มีแตรสังข์ฆ้องไชยกลองแขกอยู่ข้างท้ายเรือ ในกันยามีพระสงฆ์ไทย ๕ รูป คือพระธรรมทานาจารย์ ๑ พระครูพรหมสร ๑ พระครูวิจิตรโกษา ๑ พระครูอมรศัพท์ ๑ พระวินัยธรรมอิน ๑ แลเรือข้าง

----------------------------

แผ่นที่ ๒๗ ออกวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑

ซ้ายนั้นตั้งพระพุทธรูปมารวิชัยเงินสมาธิ ๑ ตั้งบนม้าเท้าคู่ตั้งเครื่องนมัสการมุก มีบาตรน้ำมนต์ ๕ บาตร แลมีเครื่องพิณพาทย์วง ๑ ข้างท้ายเรือในกันยามีพระสงฆ์รามัญ ๕ รูป คือ พระธรรมวิสารทะ ๑ พระครูสุนทรวิลาส ๑ พระครูราชปริต ๑ พระครูสิทธิเดช ๑ พระครูราชสังวรมรณะภาพเสีย พระสมุห์มาแทน ๑ แล้วพระสวดพระพุทธมนต์กันลำละภาษา แลเมื่อเวลา ๔ โมง กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จลงมาเฝ้าพักอยู่ที่เก๋งกรงนก เวลาย่ำค่ำขุนนางออก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า กรมพระราชวังบวรเฝ้าอยู่จนเวลาทุ่ม ๑ จึงเสด็จกลับ แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่จนเวลาเกือบยาม ๑ จึงได้เสด็จขึ้นจากสนามหญ้า.

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ

เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง ยกทัพ

กองทัพเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง ยกออกจากกรุงเทพมหานคร วันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๘ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๓ โมง เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง รับประทานอาหารอิ่มแล้วจึงสวมเสื้อชั้นในขาว นุ่งผ้าสีน้ำเงิน แล้วก็ขึ้นบนเบญจานั่งลง ที่นั่งมีใบบัวรอง เท้าเหยียบใบบัวผินหน้าไปข้างทิศเหนือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศจึงรดน้ำพระพุทธมนต์รดน้ำสังข์ ให้ใบละหุ่งกับใบไทรทัดหู ครั้นเสร็จแล้วขึ้นไปแต่งตัวที่ที่อันสมควร จึงนุ่งผ้าม่วงริ้วมะปรางสีเขียวสวมเสื้อสักหลาดดำอย่างแม่ทัพ ติดเครื่องราชอิศริยยศสพายผ้าสีชมพู ติดตราจุลจอมเกล้าแลตราจุลสุราภรณ์ มงกุฎสยามแลอื่น ๆ สวมประคำทองลงยาข้างขอบฝังเพ็ชร ๑ สาย ตะกรุดทองสามสาย ลูกดิ่งทองคำ ๕ เมล็ดมีสาย ๑ สายรอบคอ แลมีสายสร้อยทองคำร้อยตลับพระบรมทนต์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย แลใส่แหวนนพเก้า ๑ คาดประคดสายดำห้อยกระบี่อย่างทหาร ใส่หมวกฮาลเม็ดพันแพรสีเหลืองมีภู่ผมม้าเปนยอด มือถือดาบสำหรับยศเจ้าพระยาเสร็จแล้วลงมานั่งที่เตียงหน้าหอนั่ง ถือดาบพาดตักบ่ายหน้าไปทางทิศเหนือ พร้อมด้วยนายทัพนายกองทั้งหลายเปนอันมาก คอยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ กับหลวงโลกทีปดูฤกษ์บนอยู่ พอเวลา ๓ โมงกับ ๑๕ นาทีได้ฤกษ์ พระอาทิตย์ปราศจากเมฆ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศให้ลั่นฆ้องไชยเป่าสังข์กางสัปทนเปนฤกษ์ เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงค์ก็ชักดาบสำหรับยศเจ้าพระยาออกจากฝัก แล้วจึงแกว่งดาบย่างขึ้นไปข้างทิศเหนือเจ็ดเก้า กลับหน้าแกว่งดาบกั้นสัปทนเดินไปที่ท่าแล้วก็ลงเรือ แลในเวลานั้นมีพระสงฆ์พระราชาคณะแลถานานุกรมไปส่งด้วยเปนอันมาก พอลงเรือเสร็จแล้วก็สั่งให้โห่ขึ้นสามลา ลั่นฆ้องไชยเลื่อนเรือออกจากท่า พระยาพระหลวงขุนหมื่นนายทัพนายกองก็ลงเรือตามไปจนสิ้น คือ พระยามหานุภาพ ๑ พระยาพิไชยชาญฤทธิ ๑ พระยาวิชิตณรงค์ ๑ พระยาอภัยสงคราม ๑ พระชาติสุเรนทร ๑ พระพิบูลย์มไหศวรรย์ ๑ พระอภัยพลรบ ๑ พระไตรภพรณฤทธิ ๑ พระมนตรีบวร ๑ หลวงอาสาสำแดง ๑ หลวงภักดีชุมพล ๑ หลวงจัตุรงคโยธา ๑

----------------------------

การเพิ่มเติมหนังสือ COURT ต่อไป

แผ่นที่ ๒๘ ออกวันจันทร ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑

หลวงทรงศักดา ๑ หลวงกิจจานุกิจ ๑ หลวงสุรินทรฤทธิ ๑ ขุนวิสูตรเสนี ๑ ขุนนราฤทธิไกร ๑ ขุนศรีกระดานพล ๑ ขุนพิไชยชาญยุทธ ๑ ขุนสกลสรบาล ๑ ขุนสิทธิสรเดช ๑ นายถมกอปราล ๑ นายกลึง ๑ นายนิน ๑ นายพลอย ๑ นายขาว ๑ นายทิม ๑ นายบุตร ๑ นายโต ๑ นายบัวกอปราล ๑ นายยาทหาร ๑ นายพึ่งกำนันซายัน ๑ นายเกตกอปราล ๑ นายแสงกอปราล ๑ แลกรมทหารหน้าที่ไม่ได้รับเครื่องยศในกองทัพอิกหลายคน เรือเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงนั้นเปนเรือยาวมีกันยาตามธรรมเนียม แต่มีธงยันต์ใหญ่ชื่อกระบี่วายุบุตร มีเครื่องศัสตราวุธหอกดาบง้าวทวนประมาณ ๒๐ เล่มผูกหน้ากันยา ที่ข้างพนักมีเครื่องยศสำหรับเจ้าพระยาตั้งทั้งสองข้าง แลของต่างๆ ที่ดีๆ พอเปนที่ใช้สอย ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยได้ให้ในการที่ความยินดีนั้น แลของที่สำคัญๆ ซึ่งจะเอาไปใช้สอยในกลางทางบ้าง และทหารคู่ชีวิตสองคนแต่งตัวเต็มยศอย่างทหารที่จะไปรบ คือใส่เสื้อสักหลาดสีแดงคาคราดตะคด ตะพายดาบตะพายกล้องหมวกเต็มยศพันแพรแดงมีภู่ผมม้าแดงครึ่ง ขาวครึ่ง ทหารคู่ชีวิตนั้น คือหลวงพิชัยเสนา เปลี่ยน บุตรพระยาฤทธิไกรเกรียงหาญ เสือ คน ๑ นายบุตร ๆ ของเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง คน ๑ แลมีฝีพายทนายพร้อมรวม ๓๐ คนล้วนแต่งตัวใส่เสื้อสีดำ ข้อมือเหลืองใส่หมวกแก๊ป มีเครื่องอาวุธพร้อม แลพระยาพระหลวงนายทัพนายกองที่ได้รับพระราชทานเสื้อยศอย่างที่ไปทัพนั้นก็เหมือนกับเจ้าพระยามหินทรศักดิธารง แต่ไม่มีภู่หางม้ายอดแลลดลายแลอื่น ๆ เปนชั้น ๆ กันลงมาตามยศของตนนั้น แต่มีเรือกันยาผูกธงยันต์เล็ก ๆ ประจำทุก ๆ ลำ ขุนหมื่นทนายนั้นมีเสื้อสัปดูแดงหมวกสัปตูกลีบลำดวน แต่พวกฝีพายพลทหารเลวนั้นเสื้อผ้าเขียว หมวกผ้าเขียวกลีบลำดวน พร้อมด้วยเรือกันยาเรือเก๋งเรือแหวดเรือญวนประมาณ ๖๐ ลำเศษ เปนคน ๑๑๐๑ คน ครั้นเวลา ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงณพระตำหนักแพท่าราชวรดิษฐ ประทับในเรือพระที่นั่งใหญ่สองชั้นสำหรับประพาสเล่นนั้น แล้วเรือเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง

----------------------------

แผ่นที่ ๒๙ ออกวันจันทร ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑

ก็มาจอดเทียบณที่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานพรว่าให้มีความชนะแก่ข้าศึก แลอย่าให้มีโรคภัยอันตรายดังนี้เปนต้น แต่ยังต่อยืดยาวไป ครั้นรับสั่งเสร็จแล้วก็พระราชทานนาฬิกาพกทองคำแลสายด้วย แลรับสั่งว่าให้เอานาฬิกานี้เปนที่รฤกในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเถิด ดังนี้ เปนต้น ครั้นได้เวลาบ่าย ๓ โมง ๓๘ นาที ฤๅกว่าหน่อยหนึ่งก็เคลื่อนเรือจากที่นั้น แลขึ้นไปลอดโขลนทวารที่ตรงหน้าท่าขุนนาง โขลนทวารนั้นมีประตูป่าสานด้วยไม้ แลมีเรือกันยา ๒ ลำทอดสมอสองข้าง มีพระราชาคณะฝ่ายวิปัสนารามัญ ๕ องค์ ไทย ๕ องค์คอยประน้ำพระพุทธมนต์อยู่จนหมดกองทัพ ฝ่ายเรือพระยาพระหลวงขุนหมื่นนายทัพนายกองก็พายตามขึ้นมา ถวายทอดพระเนตรตามลำดับยศจนหมดกระบวรกองทัพ เลยขึ้นไปลอดโขลนทวารทุกลำแล้ว ครั้นเวลา ๔ โมงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น กองทัพก็ขึ้นไปตามลำน้ำจนถึงวัดเขมาภิรตาราม ซึ่งได้เปนวัดของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทรงปฏิสังขรณ์ไว้ แลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงเกื้อกูลจนสำเร็จ เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง เห็นเปนวัดอันสมควรที่กองทัพจะพักได้ แล้วจึงได้พักกองทัพแรมอยู่ที่วัดนั้น ในเวลาที่ยกทัพนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยได้มาประชุมส่งกองทัพพร้อมกันเปนอันมาก บ้างก็ตามขึ้นไปส่งณวัดเขมาภิรตารามจนเวลาอันสมควรจึงได้กลับมาจากที่นั้น ขอให้กองทัพที่ยกไปจงมีความสุขสวัสดิปราศจากภัยอันตรายทุกผู้ทุกนาย เทอญ ฯ

โดย ภาณุรังษี

แจ้งความ

ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ ข้าพเจ้าได้รับลายพระราชหัดถเลขาฉบับ ๑ ว่าด้วยการที่จะเสด็จพระราชดำเนิรไปบางปอินนั้นเปนแน่เหมือนที่ได้บอกไว้ในแผ่นที่ ๒๕ คือ ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้าโมง ๑ หรือ ๒ โมงตามเคย จะได้เสด็จลงเรือพระที่นั่งใหญ่สองชั้นสำหรับประพาสเล่น ออกจากท่าราชวรดิษฐ ล่วงขึ้นไปตามลำน้ำจนถึงเตร็จ บางที่จะประทับณวัดปากอ่าวบ้าง แต่ยังไม่ทรงทอดพระกฐินก่อน เพราะทรงพระราชดำริห์เห็นว่าวันเสด็จพระราชดำเนิรจะต้องทวนน้ำขึ้นไปกว่าจะไปถึงเกาะบางปอินก็จะค่ำนัก จึงทรงเปลี่ยนเสียเปนวันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ จะทรงทอดพระกฐินวัดชุมพลนิกายารามณเกาะบางปอิน แลประทับแรมอยู่ที่พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพอาสน์ ครั้นณวันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ จะได้เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปณกรุงเก่า ทอดพระกฐินวัดเสนาสนาราม ที่ ๑ วัดวรนายกรังสรรค์ที่ ๒ แล้วเสด็จกลับมาทางเดิม ทรงทอดพระกฐินวัดพนัญเชิงที่ ๓ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรล่องกลับลงมาแรมพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพอาสน์เกาะบางปอิน

----------------------------

แผ่นที่ ๓๐ ออกวันอังคาร ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑

ณวันจันทร์ แรม ๔ ค่ำ จะได้เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปณกรุงเก่าอิก ทอดพระกฐินวัดสุวรรณดารารามที่ ๑ แล้วเสด็จไปทางคูเมืองเปนประทักษิณเข้าคลองเมือง ประทับทอดพระกฐินวัดขุนญวนที่ ๒ วัดศาลาปูนที่ ๓ แล้วเสด็จกลับมาทางหน้าวังจันทรเกษม มาประทับแรมณเกาะบางปอิน ณวันอังคาร แรม ๕ ค่ำ เสด็จพระราชดำเนิรกลับล่องลงมาตามลำน้ำ ประทับแวะทรงทอดพระกฐินวัดบางพังที่ ๑ วัดสนามที่ ๒ วัดรามัญราชธารามที่ ๓ วัดปากอ่าวที่ ๔ แล้วก็ต้องกลับลงมากรุงเทพมหานคร ประทับท่าราชวรดิษฐ์ เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระบรมมหาราชวัง ณวันพุธ แรม ๖ ค่ำ ก็จะได้เสด็จพระราชดำเนิรทอดพระกฐินบก แต่การที่จะเสด็จพระราชดำเนิรทอดพระกฐินบกนี้ ข้าพเจ้าจึงจะบอกกำหนดมาให้ทราบต่อภายหลัง อนึ่งการที่จะเสด็จทอดพระกฐินกรุงเก่านั้นก็เปนกระบวรเรือกลไฟอย่างเช่นปีกลายนี้เหมือนกัน แลแต่งตัวนั้นตามธรรมเนียม ฤๅฟรอกโก๊ตเปนต้น ขอท่านทั้งหลายจงได้ทราบเทอญ

ผู้จัดการพิมพ์

เจ้าพระยาภูธราภัยยกทัพ

วันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้าโมงเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไปทรงจุดเทียนแลปฏิบัติ พระสงฆ์ที่รับพระราชทานฉันในการพิธีโขลนทวาร ซึ่งเจ้าพระยาภูธราภัยแม่ทัพจะได้ยกทัพไปนั้น ครั้นเวลาเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ขึ้นทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยที่ท่าราชวรดิษฐ์ แล้วเสด็จลงประทับในเรือพระที่นั่งปิกนิก พอกองทัพเจ้าพระยาภูธราภัยซึ่งได้ยกออกจากท่าบ้านล่องลงไปนั้นกลับขึ้นมา เรือเจ้าพระยาภูธราภัยแม่ทัพก็เข้าเทียบที่เรือพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานน้ำสังข์แลทรงเจิม แลพระราชทานซองทองคำประดับเพ็ชร์ซองหนึ่ง แล้วจึงพระราชทานพรแก่เจ้าพระยาภูธราภัยเสร็จแล้ว ก็ถอยเรือออกจากเรือพระที่นั่ง ลั่นฆ้องไชยแลโห่แล้ว ก็ยกไปออกประตูที่พิธีโขลนทวาร เรือนายทัพนายกองทั้งหลายนั้นก็ยกตามเปนลำดับไปประมาณสัก

แผ่นที่ ๓๑ ออกวันอังคาร ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑

๘๐ ลำเศษ ครั้นสิ้นกองทัพแล้วเวลาบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระบรมมหาราชวัง แลการยกกองทัพครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟรอกโก๊ตอย่างทหาร แลทรงสายสพายอย่างทหารด้วย แต่ตราเครื่องราชอิศริยยศนั้น ทรงติดพระทรวงมิได้ทรงสายสพาย มีตรานพรัตนราชวราภรณ์ดวงใหญ่ดวง ๑ กับตราดวงเล็ก ๆ ห้อยกับแพรทั้งฝ่ายสยามต่างประเทศก็ทรงทั้งสิ้น พระบรมวงศานุวงศแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยนั้นสวมเสื้อฟรอกโก๊ต แลติดตราดวงเล็ก ๆ บ้าง ไม่ได้ติดบ้าง (แลการซึ่งเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายกยกทัพครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะแจ้งความให้ละเอียดต่อภายหลัง) แลในเวลาเช้า ๓ โมงเศษวันนี้นั้น พระสงฆ์ก็เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ๑๑ รูป ตามธรรมเนียมซึ่งมีทุก ๆ วัน แลในเวลา ๔ โมงเศษนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศข้าราชการเข้าไปเฝ้าตามธรรมเนียม ประทับอยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

โดย ก. ม. นเรศร์วรฤทธิ์

แจ้งความ

ด้วยในหนังสือแผ่นที่ ๘ ว่าด้วยการตั้งพระราชพิธีสารทนั้นว่า (พระขรรค์หยกองค์ ๑) นั้น คนทำพิมพ์ผิดเปนอาวุธไป ที่จริงนั้นเปน (พระขันหยก) คือขันใส่น้ำตามธรรมเนียมจึงถูก ขอท่านจงได้ทราบเทอญ

ผู้จัดการพิมพ์

ข้าพเจ้าผู้มีชื่อในท้ายหนังสือนี้ขอแจ้งความให้ทราบ ด้วยเมื่อแผ่นที่ ๒๙ ข้าพเจ้าได้ลงถึงเรือเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงยกออกจากกรุงเทพ ฯ แลเมื่อเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงมาจอดเทียบณเรือพระที่นั่งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานน้ำพระมหาสังข์อุตราวัฏแลทรงเจิมหน้าแลมือเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงก่อนแล้วจึงได้พระราชทานพรต่อไป ข้าพเจ้าลืมไปมิได้ตรวจให้แน่นอนไม่ ข้าพเจ้าขอโทษท่านเสียเถิด

โดย ภาณุรังษี

ณวันจันทร เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดราชบูรณะ ๖๖ รูป มีพระปิฎกโกศลเปนต้น เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลพระสงฆ์ ๑๐ รูปวัดพระเชตุพนมีพระมงคลเทพเปนต้น รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ตามธรรมเนียม ครั้นเวลาบ่ายโมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์เสด็จเข้าไปเฝ้าอยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จกลับออกมา ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง ข้าราชการเข้าไปเฝ้า

----------------------------

แผ่นที่ ๓๒ ออกวันพุธ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑

ทูลลอองธุลีพระบาท คนที่ได้เข้าไปเฝ้านั้นคือ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ๑ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยามหามนตรี ๑ พระยาอภัยรณฤทธิ ๑ พระยาพิพัฒโกษา ๑ พระยาอินทราธิบดีสหราชรองเมือง ๑ พระยาสมุทบุรานุรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพ็ชภักดี ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ พระไพรัชพากยภักดี ๑ พระอมรวิไสยสรเดช ๑ พระเทพผลู ๑ พระนรินทรราชเสนี ๑ พระศรีกาฬสมุด ๑ พระสามภพพ่าย ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ กับหลวงขุนข้าราชการอิกหลายนายเข้าไปเฝ้าอยู่ณที่นั้น พระยาศรีสิงหเทพได้กราบทูลนำข้าราชการหัวเมืองทูลเกล้า ฯ ถวายของแต่ต้นไม้ ทรงตรัสประภาษกับด้วยขุนนางข้าราชการอยู่จนเวลาย่ำค่ำแล้วนาน พวกขุนนางถวายบังคมลากลับ แต่พวกเจ้าแลขุนนางซึ่งเคยเฝ้าไปรเวตนั้นยังเฝ้าอยู่ที่นั้น ครั้นขุนนางกลับออกมาแล้วประมาณ ๑๕ มินิต สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ ประทับทรงตรัสประภาษอยู่ที่นั้นจนเวลาทุ่มนานจึงเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการถวายบังคมลากลับออกมา

แจ้งความ

ด้วยข้าพเจ้าได้ว่าไปด้วยการถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา ในหนังสือพิมพ์ซึ่งลง ณวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๑๔ ค่ำ นั้น ยังมีข้อความซึ่งผิดอยู่หลายอย่าง คือแผ่นที่ ๔ ที่ข้าพเจ้าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการนั้น หาได้ทรงจุดไม่ ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญทรงจุด ประการหนึ่งข้าพเจ้าได้ว่าไปว่าพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงถวายศีลนั้น หาได้ทรงศีลไม่ ด้วยธรรมเนียมซึ่งมีมาแต่ก่อนนั้น การถือน้ำพระพิพัฒนสัตยาไม่ได้ทรงศีลก่อนพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหาได้ทรงศีลไม่ ที่ข้าพเจ้าว่าทรงศีลนั้นก็เปนการผิดไป อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าได้ว่าไปในหนังสือพิมพ์ COURT ซึ่งลงณวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่ำ แผ่นที่ ๖ นั้นว่าด้วยการแต่งพระองค์ ในการที่ถือน้ำ

----------------------------

แผ่นที่ ๓๓ ออกวันพุธ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑

พระพิพัฒนสัตยานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาเยียระบับขาวนั้นผิดไป วันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาพื้นขาวเขียนทอง ขอท่านทั้งปวงจงทราบเทอญ

โดย เกษมสันตโสภาคย์

ณวันอังคาร เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลได้รับพระราชทานฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นรับพระราชทานฉันแล้วก็กลับไปวัด ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกณพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ มิสเตออาลบาศเตอ แลกัปตันลอฟตัสแลมิสเตอเดวิดซัน กับข้าราชการ คือ พระยารามคำแหงกับหลวงสโมสรเปนต้น เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่ง เข้าทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ แล้วกลับออกมาประมาณสักสองสามมินิต พระยาไชยสุรินทรก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วก็กลับออกมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับณพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบท เจ้าพระยาสุรวงศไวยวัฒน จึงเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ประมาณสัก ๒๐ มินิต ก็กลับออกมา แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ดำรัสสั่งให้มหาดเล็กเชิญพระบรมวงศานุวงศ์กับข้าราชการที่เคยเฝ้า ก็เข้าไปพร้อมกันในทันใดนั้นมีพระยาจ่าแสนย ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาพิพัฒ ๑ พระยาโชฎึก ๑ พระยามหามนตรี ๑ กับข้าราชการอิกมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสประภาษกับข้าราชการอยู่จนย่ำค่ำ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการกลับออกมา พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการที่ยังเหลืออยู่นั้น มีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสุทธิธงไชย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพ็ชภักดี พระอมรวิสัยสรเดช ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ ๑ แล้วพระราชทานสัญญาบัตรให้กับนายจำเริญ บุตรพระยาอัคนีสราภัยให้เปนที่ขุนอินทรักษาปลัดกรมช่างทหารใน ๑ กับอีกคนหนึ่งโปรดพระราชทานให้เปนขุนเทพพยากรณในกรมโหร จนเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้น ข้าราชการก็กลับออกมา

โดย ทองแถมถวัลยวงศ

แจ้งความ

ด้วยได้บอกเมื่อแผ่นที่ ๓๐ ว่าด้วยเสด็จพระราชทานพระกฐินนั้น ที่ว่าจะเสด็จวัดสนามนั้นผิดไป ด้วยวัดสนามนั้นอยู่ในคลองลำบากนัก เสด็จไม่ได้ ขอท่านได้ทราบเทอญ

ผู้จัดการพิมพ์

----------------------------

แผ่นที่ ๓๔ ออกวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

ณวันพุธ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธสุวรรณสิหิงค์ ขึ้นตั้งบนพระที่นั่งเสวตฉัตรในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แลเชิญพระบรมอัฐิกับพระบรมทนต์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นสถิตย์บนบุษบกทองคำจำหลักลาย ซึ่งตั้งอยู่ข้างซ้ายพระที่นั่งเสวตฉัตร ที่รอบบุษบกนั้นมีเครื่องสูงตั้งรอบแลมีพระเครื่องตั้งด้วย ครั้นเวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากร แลทรงจุดเทียน นมัสการพระบรมอัฐิ แล้วพระสงฆ์วัดบวรนิเวศ วัดบรมนิวาส วัดโสมนัส วัดราชบพิธ วัดประทุมวัน วัดสัมพันธวงศ วัดสิริอำมาตย วัดเครือวัลย์ วัดพิไชยญาติ วัดบุบผาราม รวม ๑๐ วัด เปนพระสงฆ์ ๒๐ รูป มีพระอริยมุนีเปนประธาน ครั้นทรงศีลแล้วจึงทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ก็ได้สดัปกรณ์ ครั้นแล้วจึงได้ถวายพรพระ เสร็จแล้วทรงประเคนสำรับพระสงฆ์ รับพระราชทานฉันแล้วจึงถวายพระพรลากลับ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินแก่พระบรมวงศานุวงศตามเคย แลขุนนางได้เฝ้าในที่นั้นด้วยเสร็จ แล้วจึงเสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกประทับที่พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทเข้าเฝ้าตามธรรมเนียม เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น เมื่อเวลายามเศษเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศอย่างพลเรือน แต่มิได้ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศองค์หนึ่งองค์ใด เสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการเหมือนเมื่อเวลาเช้า แลพระสงฆ์ ๒๐ รูปที่ฉันเมื่อเวลาเช้านั้น จึงเจริญพระธรรมจักกัปปวัตนสูตรแลคาถาอื่นตามธรรมเนียม ครั้นจบแล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าเล็ก ๆ ถวายของ แล้วพระญาณสมโพธิจึงถวายพระธรรมเทศนาว่าด้วยทานมัย เมื่อจบแล้วจึงทรงทอดผ้าสดัปกรณ์แลถวายของกับมูลกัปปิยเปนราคา ๑๐ ตำลึง ครั้นแล้วพระสงฆ์ ที่ถวายธรรมเทศนาแลที่สวดมนต์จึงถวายพระพรลากลับ เมื่อเวลา ๕ ทุ่มเศษ จึงเสด็จออกทรงราชยานไปประทับที่ท่าราชวรดิษฐ ประทับในเรือบัลลังก์ ลอยพระประทีปตามธรรมเนียมโบราณราชประเพณีสืบต่อมา ครั้นเสร็จแล้วจึงเสด็จขึ้นทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เมื่อเวลาประมาณ ๒ ยามเศษ การ

----------------------------

แผ่นที่ ๓๕ ออกวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑

ซึ่งมีการสดัปกรณ์พระบรมอัฐิในวันนั้น เพราะเปนวันคล้ายกันกับวันประสูติ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามวิถีจันทรโคจร ในเวลาเช้าควรข้าราชการจะสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต ในเวลาเย็นควรจะเปนอิวนิงเดรศ

โดย เทวัญอุไทยวงศ

แจ้งความ

ด้วยเมื่อแผ่นที่ ๒๙ ข้าพเจ้าได้บอกถึงเรื่องการที่จะเสด็จพระราชดำเนิรบางปอิน แลทรงทอดพระกฐินนั้นผิดไป บัดนี้ทรงพระราชดำริห์ว่า จะทรงเลี้ยงยาคูพระสงฆ์ที่วัดเสนาสน์ ในการฉลองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปนวันประสูติตามโคจรอาทิตย์อย่างยุโรป คือ วันที่ ๑๘ เดือนออกตูเบอ คฤศตศักราช ๑๘๗๕ ตรงกับณวันจันทรเดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ๑๒๓๗ เพราะฉนี้ วันก็จะไม่พอ กระชั้นกันนัก จึงทรงเปลี่ยนเสียใหม่ คือ ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ จะเสด็จพระราชดำเนิรออกจากกรุงเทพ ฯ ขึ้นไปประทับแรมอยู่ณบางปอินคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นณวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ เวลาเช้าจะเสด็จพระราชดำเนิรทอดพระกฐินวัดสุวรรณดารารามที่ ๑ วัดพนัญเชิงที่ ๒ แลแวะวังจันทรเกษม ครั้นเวลาเย็นจะได้เสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐิน วัดวรนายกรังสรรค์เปนที่ ๓ แล้วก็เลยทรงประพาสที่ทุ่งพะเนียดด้วย เวลาค่ำเสด็จกลับมาแรมวังจันทรเกษม ณวันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ เวลาเช้าจะ ได้เลี้ยงพระที่วัดเสนาสนาราม แลทรงทอดพระกฐินด้วยเปนวัดที่ ๑ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินวัดศาลาปูนที่ ๒ วัดขุนญวนที่ ๓ แล้วเลยไปที่ทุ่งภูเขาหลวง ทรงประพาสอยู่จนเวลาเย็น เสด็จพระราชดำเนิรกลับมาแรมวังจันทร์เกษมอิกคืนหนึ่ง ครั้นณวันพุธ เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ เวลาเช้าจะได้เสด็จพระราชดำเนิรกลับมา ประทับเกาะบางปอิน ทรงทอดพระกฐินวัดชุมพลนิกายาราม แลแรมอยู่ณเกาะบางปอิน ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ แรม ๖ ค่ำ หยุดประทับอยู่ณเกาะบางปอิน รุ่งขึ้นณวันศุกร์เดือน ๑๑ แรม ๗ ค่ำ เวลาเช้าเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาทอดพระกฐินที่เตร็จ วัดบางพังที่ ๑ วัดรามัญราชธารามที่ ๒ วัดปากอ่าวที่ ๓ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับมายังกรุงเทพ ฯ ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ กฐินบกเปนกระบวรราบ ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๙ ค่ำ กระบวรราบ ณ วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่ำ กระบวรรถ ณวันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ เสด็จพระราชดำเนิรกฐินอื่น ๆ อิกต่อไป แลการแต่งตัวอื่น ๆ อิกเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น ก็ให้ดูเขาในแผ่นที่ ๒๙ หรือ ๓๐ นั้นเทอญ

ผู้จัดการพิมพ์

----------------------------

แผ่นที่ ๓๖ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑

การทำบุญวันสวรรคตในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ เสด็จไปทรงประเคนสำรับพระสงฆ์ ๒๐ รูป (วัดราชประดิษฐ) มีพระธรรมวโรดมเปนประธาน ซึ่งฉันในวันสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งนับตามจันทรคติ ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ครั้นเวลาเที่ยงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร พระสงฆ์ ๒๐ รูปก็สดัปกรณ์ แล้วพระธรรมวโรดมถวายยถา พระสงฆ์สวดสัพพีอทาสิเมแล้วพระธรรมวโรดมก็ถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภะวะตุสัพถวายพระพรลา แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานแจกเงินแด่พระบรมวงศานุวงศ์ เจ้าพนักงานจึงนิมนต์พระสงฆ์ร้อยหนึ่ง เข้าไปสวดสัตตะปกรณาภิธรรมแลสดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงปิดทองพระคัมภีร์อังคุตรนิกายทสนิบาต ๑๔ ผูก (ซึ่งทรงสร้างไว้สำหรับวัดราชบพิธ) กับทรงปิดทองพระพุทธรูปด้วย แล้วจึงทรงร้อยหูหนังสือสารัตถสมุจจัยจตุภาณวารัฏฐกถา ๙ ผูกเสร็จแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรประทับช้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยด้านบูรพา ทอดพระเนตรลิงเผือก ซึ่งพระเมืองเทพกับขุนมหาดไทยเมืองพระพิษณุโลกทูลเกล้า ฯ ถวาย แล้วจึงเสด็จประทับพระเก้าอี้ ขุนนาง ข้าราชการเฝ้าประมาณครู่หนึ่ง เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้น ในเวลาเช้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาแดงฉลองพระองค์ขาวตามธรรมเนียมวันพระ พระบรมวงศานุวงศ์นั้น บ้างก็ทรงแดง ฉลองพระองค์ขาว บ้างก็ทรงฟรอกโก๊ตตามธรรมเนียม ข้าราชการสวมเสื้อฟรอกโก๊ต เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ สวดอนัตตลักขณสูตรเปนต้น ครั้นสวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าซึ่งจะสดัปกรณ์ พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดให้ พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ไปถวายธูปเทียนหมากพลูแด่พระสงฆ์ แล้วจึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการที่ทรงธรรม พระสุคุณคณาภรณ์ก็ถวาย

----------------------------

แผ่นที่ ๓๗ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑

ศีล แล้วถวายเทศนาศีลมัย ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงถวายผ้าไตรแลถวายของไทยธรรมต่าง ๆ แล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดให้ไปรับผ้าที่พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในถวาย แล้วพระสงฆ์ถวายอติเรกภะวะตุสัพแลถวายพระพรลา เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระทวารเทเวศร์ประทับเกย ทรงพระที่นั่งราชยาน เสด็จไปประทับพระที่นั่งบัลลังก์ที่ท่าราชวรดิษฐ ทรงลอยประทีปอยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้นทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ในเวลาค่ำนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาแดงฉลองพระองค์ขาว พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการสวมเสื้ออิวนิงเดรศ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการซึ่งเข้าไปเฝ้านั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ พระอมรวิสัยสรเดช ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ เฝ้าอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แจ้งความ

หนังสือพิมพ์ซึ่งออกณวันเสาร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๓ ค่ำ ว่าด้วยเจ้าพนักงานเชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาวัน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ ซึ่งตั้งพระนิรันตรายอยู่นั้น ข้าพเจ้าได้ว่าแต่ ๔ พระองค์ ยังขาดอยู่ ๓ พระองค์ คือ ของกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ ขึ้นตั้งบนโต๊ะเดียวกัน ขอท่านทั้งหลายจงได้ทราบเทอญ

สมเด็จพระรูปสิริโสภาคย์มหานาคนารีนั้น ข้าพเจ้าใส่เปนกรมสมเด็จนั้นผิดไป กับสมเด็จพระเจ้าบรมไอยิกาเธอนั้น ข้าพเจ้าใส่เปนสมเด็จพระเจ้าบรมวงศไอยิกาเธอนั้นผิดไป สมเด็จพระนางโสมนัส วัฒนาวดีนั้น ข้าพเจ้าใส่แต่พระนางโสมนัสนั้นผิดไป กับที่ข้าพเจ้าใส่ว่ากรมพระราชวังทั้ง ๔ พระองค์นั้น เปนการไม่ถูก ควรต้องว่าในพระราชวังบวร ๔ พระองค์ ขอท่านทั้งหลายจงได้ทราบเปนแนเทอญ

โดย มนุษยนาคมานพ

แจ้งความ

แผ่นที่ ๓๘ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑

ด้วยเมื่อแผ่นที่ ๓๕ ได้ว่าถึงเรื่องเสด็จพระราชดำเนิรบางปอินแลกรุงเก่านั้น ที่วันที่ ๑๘ เดือน ออกตูเบอ ๑๘๗๕ แรมค่ำ ๑ ตรงกับวันจันทร เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำนั้นผิดไป คนเรียงหาเข้าใจไม่ ผิดนั้นที่ตรงแรม ๒ ค่ำ แต่ควรจะเปน ๔ ค่ำเท่านั้นจึงจะถูกต้อง อนึ่งวันในที่กำหนดอิกต่อไป ที่จะได้เสด็จทอดพระกฐินณที่ต่าง ๆ นั้น ผิดหมดคลาดเคลื่อนไป ขอท่านจงเชื่อใจ หมายเอาแต่ค่ำเถิดจึงถูกกัน แลที่ข้าพเจ้าได้แต่งสำนวนว่า (เลย) หลาย ๆ คำ นั้นไม่ดี ด้วยในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ได้ทรงว่าเลยนั้น ดูเปนคนไม่มีสติ ไปไหนก็เดินเลยไปตามที่ใช้ไม่ได้ เพราะฉนี้ข้าพเจ้าผิดอยู่ ข้าพเจ้าขอโทษท่านเสีย อนึ่งในเวลาพรุ่งนี้ (คือวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ๑๒๓๗) พวกแต่งหนังสือพิมพ์ จะต้องไปตามเสด็จพระราชดำเนิรบางปอินแลกรุงเก่าเสียหมด ข่าวราชการจะต้องค้างอยู่มาก เมื่อเวลาเสด็จกลับจึงจะลงต่อทอยไปให้ท่านทราบ แต่หนังสือพิมพ์นี้คงจะไม่หยุด ด้วยจะลงจำนวนที่จะเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินณกรุงเทพ ฯ แลจำนวนพระสงฆ์นอกกรุงแลในกรุง แลรายงานที่พระยามหามนตรีได้จัดการที่จะเสด็จพระราชดำเนิรในคราวนี้ด้วย ข่าวราชการจะต้องหยุดหลายวันก่อน แลพวกแต่งหนังสือนี้จะต้องขอลาท่านผู้ที่ได้รับหนังสือที่ยังอยู่ในกรุงเทพ ฯ นี้

โดย ผู้จัดการพิมพ์

ประกาศแผ่ส่วนพระราชกุศล

คัดจากโรงพิมพ์หลวง

ด้วยพระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ รับพระราชโองการใส่เกล้า ฯ ให้แผ่พระราชกุศลมายังพระเจ้าพี่นางเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ ซึ่งจะได้ไปตามเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินกรุงเก่าครั้งนี้ ด้วยณวันจันทร เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ เปนวันออกตูเบอที่ ๑๘ ซึ่งเปนวันประสูติของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตามสุริยคติกาล อนึ่งวัดเสนาสนาราม วัดชุมพลนิกายาราม ๒ พระอารามนี้ เปนของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างไว้ ก็ในครั้งนี้ วันจันทร เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำจะได้พระราชทานพระกฐินณวัดเสนาสน แลจะได้เลี้ยงพระสงฆ์ สดัปกรณ์ ทำบุญถวายในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์เห็นว่า พระสงฆ์ทั้ง ๒ พระอารามนี้ขัดสนอยู่หาใคร่จะได้ไทยธรรมสิ่งใดไม่ จึงให้ขอแรงพระเจ้าพี่นางเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ ช่วยหาของถวายพระสงฆ์วัดเสนาสนาราม ๑๒ รูป เทศนากฐินรูปหนึ่ง รวม ๓๓ รูปนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

แผ่นที่ ๓๙ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑

เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์เทศนากัณฑ์ ๑ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ พระองค์เจ้าบัญจบเบญจมา ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้ากรรณิกาแก้ว ๓ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ฯ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าบุษบงเบิกบาน ๑ พระองค์เจ้าสุขุมาลย์มารศรี ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ๑ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าอรทัยเทพกัญญา ๑ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้านารีรัตนา ๑ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระองค์เจ้านภาภรณ์ ประภา ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ ๑ พระองค์เจ้าสุวพักตรวิลัยวรรณ ๑ รวม ๒ องค์ของถวายพระรูปหนึ่ง รวมพระเจ้าพี่นางเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ รวม ๒๕ พระองค์ กัณฑ์เทศน์ ๑ ไทยธรรมรวมกันพระองค์เจ้า ๒ พระองค์ถวายพระสงฆ์รูปหนึ่ง ตามแต่จะหาของสิ่งใดได้ให้หลายๆ สิ่ง ถึงจะมีผ้าสดัปกรณ์บ้างก็ได้ตามควร วันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ จะได้พระราชทานพระกฐินวัดชุมพลนิกายารามนั้น พระสงฆ์ ๑๙ รูปพระราชาคณะนำ ๑ รูป รวม ๒๐ รูป ให้หาสิ่งของไทยธรรมพระองค์ละ ๔ สิ่ง ถวายพระสงฆ์ได้รูปละ ๔ สิ่ง แต่สิ่งของนั้นจะเหมือนกันทั้ง ๔ สิ่งฤๅจะแปลกกันบ้างก็ได้ แต่ไม่เอาของมีราคามากเปนแต่พอใช้ เหมือนโคมน้ำมันปริกโตรเลี่ยมอย่างเลวเปนต้น แต่ต้องหาเรียง ๆ พระองค์กันองค์ละ ๔ สิ่ง ถ้าพระเจ้าพี่นางเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ ได้ทราบความตามหมายนี้แล้ว ให้จัดของขนไปให้พร้อมกันตามรับสั่ง หมายมาณวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗

โดยพระบรมราชโองการ

มนุษยนาคมานพ

แผ่นที่ ๔๐ ออกวันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑

วันศุกร์ เดือน ๑๑ แรมค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุด เทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระธรรมเจดีย์ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว ก็ทรงประเคนพระสงฆ์ ๒๐ รูปกรับพระราชทานฉัน เจ้าพนักงานภูษามาลาจึงเชิญพระบรมอัฐิแลพระอัฐิขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งเสวต/*72*ฉัตรรวม ๑๖ พระโกษฐ แลพระอัฐตั้งบนโต๊ะจีนข้างพระที่นั่งเสวตฉัตร์ด้านตวันตกอิก ๖ พระโกษฐ ครั้นพระสงฆ์นั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จมาทอดผ้าสบงแลผ้าฉลากพระสงฆ์ ๑๖ รูป สดัปกรณ์พระบรมอัฐิแลพระอัฐิซึ่งประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งเสวตฉัตร์นั้น เสร็จแล้วก็กลับไปยังที่เดิม แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดผ้าสบงแลผ้าฉลากอีกครั้งหนึ่ง พระสงฆ์ ๖ รูปสดัปกรณ์พระอัฐิ ซึ่งตั้งไว้บนโต๊ะจีนข้างพระที่นั่งเสวตฉัตรด้านตวันตกนั้น แล้วถวายยถาสัพพีอทาลิเมอติเรกแล้วถวายพระพรลา เจ้าพนักงานกรมสังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ ๕๐๐ รูป เข้ามาสวดสัตตปกรณาภิธรรมสดัปกรณ์ แล้วถวายยถาสัพพีแลถวายพระพรลา ขุนนางก็เข้าไปเฝ้าณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานสัญญาบัตรให้หลวงวิสูตรโกษาเปนพระดิฐการภักดี แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคนางคยุคลเข้ามาเฝ้าถวายบังคมลาผนวชแล้วก็เสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าไปเฝ้าตามธรรมเนียม จนเวลา ๕ โมงเศษจึงเสด็จขึ้น เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระโพธิวงศ์ถวายพระธรรมเทศนาภาวนามัยกุศลกถา ครั้นเทศน์จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายของไทยธรรม แลพระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่เข้าไปถวายบังคมลาผนวช แล้วเสด็จลงลอยพระประทีปแล้วเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

----------------------------

แผ่นที่ ๔๑ ออกวันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑

ด้วยเมื่อแผ่นที่ ๓๗ นั้น ได้ว่าถึงเรื่องข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง ที่พระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัตินั้น คนเรียงตกเสียยังขาดพระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ สององค์เท่านั้น ขอท่านจงได้ทราบเทอญ

โดย ผู้จัดการพิมพ์

รายงานซึ่งพระยามหามนตรีจัดการที่จะเสด็จพระราชดำเนิรทรงทอดพระกฐินณบางปอินแลกรุงเก่า จะเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินเกาะบางปอินกรุงเก่า ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ปีกุนสัปตศกนั้น ได้จัดกรมตรวจในขวา ๒๕ ใหญ่ชวา ๒๕ สนมซ้าย ๒๐ พลพันซ้าย ๑๐ รวม ๘๐ ทหารทองปลาย ๑๐๐ ปลายหอก ๕๐ แตรวงใหญ่ ๓๕ รวม ๑๘๕ รับเสด็จที่เกาะบางปอิน ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ วัดสุวรรณที่ ๑ กรมพระตำรวจในซ้าย ๒๕ ใหญ่ซ้าย ๒๕ พลพันขวา ๑๐ รวม ๖๐ กรมทหารทองปลาย ๑๐๐ แตรวง ๓๐ รวม ๑๓๐ รวม ๑๙๐ ได้จัดเรือพระที่นั่งทองทั้งแท่งทรง เรือเก๋งกุดั่นรอง แซงทหารมหาดเล็ก ๒ เรือม่วง ๒ เรือทหารกรมทองปลายนำ ๒ เรือตำรวจลำหนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรทางคลองริมต้นโพธิ์ป้อมเพ็ชร ประทับวัดสุวรรณที่ ๑ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับทางเดิม เลี้ยวขึ้นไปประทับวัดพนัญเชิงที่ ๒ ให้กรมตำรวจหน้าหลังทหารที่รับวัดสุวรรณ รีบขึ้นไปคอยรับเสด็จที่วังจันทรเกษม แล้วให้กรมทหารปืนปลายหอก ๕๐ แตร ๑ กลอง ๑ รวม ๕๒ กับกรมพระตำรวจนอกขวา ๒๐ สนมขวา ๒๐ ทนายเลือกซ้าย ๑๐ รวม ๕๐ รับวัดพนัญเชิงที่ ๒ แล้วให้รีบไปล้อมวงที่ทุ่งพะเนียดด้วย วัดวรนายกที่ ๓ เกณฑ์ทหารข้าหลวงเดิม ๕๐ แตร ๑ กลอง ๑ รวม ๕๒ กรมพระตำรวจนอกซ้าย ๒๐ ทนายเลือกขวา ๓๐ รวม ๓๐ รวม ๘๒ เรือพระที่นั่งเอกาทัศพยามรับวัดที่ ๓ เสด็จพระราชดำเนิรกลับ แล้วให้รีบขึ้นไปรับเสด็จล้อมวงทุ่งพะเนียด เสด็จพระราชดำเนิรกลับจากทุ่งพะเนียดประทับวังจันทรเกษม ให้กรมพระตำรวจหน้าหลังทหาร มาล้อมวงรับเสด็จประทับที่วังจันทรเกษมให้พร้อมกัน ครั้นรุ่งขึ้นณวันจันทร เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ เวลาเช้าเสด็จพระราชดำเนิรโดยทางสถลมารค วัดเสนาสน์ที่ ๑ เกณฑ์กรมทหารทองปลายแห่เสด็จ ๑๐๐ แตรวง ๓๐ รวม ๑๓๐ พระตำรวจนอกขวา ๒๐ สนมขวา ๒๐ รวม ๔๐ ทนายเลือกซ้าย ๑๐ ขวา ๑๐ รวม ๒๐ รวม ๖๐ รวม ๑๙๐ แล้วก็ให้กรมพระตำรวจทหารคอยแห่รับ คอยแห่ส่งเสด็จที่วังจันทรเกษมด้วย วัดศาลาปูนที่ ๒ ให้ทหารปืนปลายหอก ๕๐ แตร ๑ กลอง ๑ รวม ๒ รวม ๕๒ กรมพระตำรวจนอกซ้าย ๒๐ พลพันขวา ๑๐ รวม ๓๐

----------------------------

แผ่นที่ ๔๒ ออกวันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

รับเสด็จ วัดศาลาปูนที่ ๒ วัดขุนญวนที่ ๓ เกณฑ์กรมทหารข้าหลวงเดิม ๕๐ ทหารแตร ๑ ทหารกลอง ๑ รวม ๕๒ พระตำรวจในซ้าย ๒๕ ตำรวจใหญ่ซ้าย ๒๕ ทนายเลือกซ้าย ๑๐ รวม ๖๐ รวม ๑๑๒ รับวัดขุนญวน ที่ ๓ แล้วเสด็จลงเรือกลไฟเปนพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรออกทางคลองหัวแหลมท้ายเมือง ขึ้นไปตามลำน้ำถึงปากคลองวัดภูเขาทอง ถวายเรือ (พระที่นั่งเก๋ง) ทองทั้งแท่งเปนลำทรง เก๋งกุดั่นรองทรง เกณฑ์ทหารกรมทองปลายนำเรือสำปั้นพาย ๒ ลำ เรือตำรวจหน้านำลำ ๑ เรือสำปั้นทหารมหาดเล็กแซง ๒ ลำ นำเสด็จประพาสทุ่งภูเขาทองแล้วให้กรมพระตำหรวจหน้า ตำรวจหลัง ทหาร ที่รับวัดศาลาปูน วัดขุนญวน รีบขึ้นไปล้อมวงรับเสด็จที่ทุ่งภูเขาทองด้วย แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับแรมที่วังจันทรเกษม ครั้นรุ่งขึ้นณวันเดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ เวลาเช้า เสด็จพระราชดำเนิรกลับจากวังจันทรเกษม ประทับวัดชุมพลนิกายารามพระราชทานพระกฐิน ให้กรมทหารกับกรมพระตำรวจในขวา ตำรวจใหญ่ขวา ตำรวจสนมซ้าย ตำรวจพลพันซ้ายที่รับอยู่เกาะบางปอินนั้น ให้คอยรับเสด็จอยู่ที่วัดชุมพลนิกายารามให้พร้อมกัน แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับแรมที่เกาะบางปอิน ณวันแรม ๕ ค่ำ แรม ๖ ค่ำ ๒ ราตรี ให้พระตำรวจหน้า ตำรวจหลัง ทหารล้อมวง ครั้นณวันเดือน ๑๑ แรม ๗ ค่ำ เสด็จพระราชดำเนิรกลับจากเกาะบางปอิน พระราชทานพระกฐินวัดบางพังที่ ๑ วัดบางพูดที่ ๒ วัดปากอ่าวที่ ๓ นั้น ให้เกณฑ์กรมทหารข้าหลวงเดิมซ้าย พระตำรวจในซ้าย ตำรวจพลพันขวาที่รับอยู่กรุงเก่า นั้น ลงมารับเสด็จณวัดบางพังที่ ๑ ให้เกณฑ์กรมทหารปืนปลายหอก ทหารแตร ทหารกลอง พระตำรวจใหญ่ซ้าย ตำรวจทนายเลือกขวา รับเสด็จวัดบางพูดที่ ๒ เกณฑ์กรมทหารปืนทองปลาย ทหารแตร พระตำรวจนอกขวา ตำรวจสนมขวา ตำรวจทนายเลือกซ้ายรับเสด็จ วัดปากอ่าวที่ ๓ แต่เรือพระที่นั่งทองทั้งแท่ง พระที่นั่งเอกาทศพยาม พระที่นั่งแหวดพระประเทียบประพาสทุ่งใหญ่ ๒ เล็ก ๑๒ เรือพระที่นั่งสุนทรทิพอาสน์ เรือพระที่นั่งดรุณราชภักดี เรือแซงทหารมหาดเล็ก ๒ ลำให้ไปรับกรุงเก่า

แผ่นที่ ๔๓ ออกวันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑

เรือพระที่นั่งจรเข้เผือก ๑ เรือพระที่นั่งกลอนโก ๑ เรือพระที่นั่งพายกลางข้างใน ๑ รวม ๓ อยู่ที่เกาะบางปอิน แต่เรือทองทั้งแท่ง ๑ เรือเก๋งกุดั่น ๑ เรือแซง ๒ รวม ๔ ลำกับเรือประพาสทุ่ง ณวันเดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ เวลากลางคืนให้รีบล่องลงมารับวัดชุมพลนิกายารามเกาะบางปอิน ครั้นณวันเดือน ๑๑ แรม ๖ ค่ำเวลากลางคืน ให้เรือทองทั้งแท่ง เรือเก๋งกุดั่น เรือเอกาทัศพยามล่องลงมา เรือเอการับวัดบางพังที่ ๑ เรือเก๋งกุดั่นรับวัดบางพูดที่ ๒ เรือทองทั้งแท่งรับวัดปากอ่าวที่ ๓ เรือโสรวารวรเดชจูงเรือปิกนิกลำกลาง พระอินทรเทพได้กำกับไปในเรือลำนี้ด้วย

พระยามหามนตรี ปรีวีเคาน์ซิลลอร์

จำนวนพระสงฆ์จำพรรษา

ข้าพระพุทธเจ้า พระวุฒิการบดี ขอพระราชทานน้อมเกล้า ฯ ถวายคำนับบังคมทูลพระกรุณา ได้ทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท พระสงฆ์จำพรรษาในกรุงหัวเมือง ปีกุนสัปตศก ขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย คือ ที่ได้รับพระราชทานนิตยภัตรในกรุง หัวเมืองรวม ๔ คณะ ๑๐๗ อาราม นิตยภัตรใหญ่ในกรุง ๑๒๒ หัวเมือง ๒๘ รวม ๑๕๐ นิตยภัตรเล็ก ในกรุง ๔๘๘๙ หัวเมือง ๓๘๑ รวม ๕๒๗๐ พระสงฆ์ ๕๔๒๐ ในกรุงที่ไม่ได้รับพระราชทานนิตยภัตร ๑๗๘ อาราม วัดบวรนิเวศพระสงฆ์ ๓๗ กลาง พระสงฆ์ ๑๓๑๗ รวม ๑๓๕๔ เหนือ พระสงฆ์ ๒๒๐ ใต้ พระสงฆ์ ๖๔๕ รวม ๘๖๕ รวม ๒๒๑๙ อาราม ๒๘๕ พระสงฆ์ ๗๖๓๙ นครเขื่อนขันธ์ อาราม ๕๓ พระสงฆ์ ๕๓๕ นนท์ ไทย อาราม ๑๓๔ พระสงฆ์ ๑๑๘๔ รามัญ อาราม ๕๗ พระสงฆ์ ๓๓๕ ประทุมธานี อาราม ๕๐ พระสงฆ์ ๓๖๐ กรุงเก่า ๓๒๕ พระสงฆ์ ๒๙๙๘ สระบุรี อาราม ๙๙ พระสงฆ์ ๓๘๙ ปรันตะปะ อาราม ๒๖ พระสงฆ์ ๑๖๙ ลพบุรี อาราม ๕๗ พระสงฆ์ ๔๖๐ อ่างทอง อาราม ๘๖ พระสงฆ์ ๑๐๓๙ อิน อาราม ๒๕ พระสงฆ์ ๒๒๒ ไชยนาท อาราม ๓๙ พระสงฆ์ ๔๔๘ สุพรรณ อาราม ๙๘ พระสงฆ์ ๕๓๒ สมุทปราการ อาราม ๑๘ พระสงฆ์ ๒๕๔ สาครบุรี อาราม ๓๘ พระสงฆ์ ๒๕๘ นครไชยศรี อาราม ๕๕ พระสงฆ์ ๙๒๙ สมุทสงคราม อาราม ๖๓ พระสงฆ์ ๘๓๙ ราชบุรี อาราม ๑๒๔ พระสงฆ์ ๑๖๐๑ กาญจนบุรี อาราม ๒๐ พระสงฆ์ ๒๐๒ ศรีสวัสดิ อาราม ๑๓ พระสงฆ์ ๘๕ เพ็ชรบุรี อาราม ๗๙ พระสงฆ์ ๑๕๘๗ ชุมพร อาราม ๓๙ พระสงฆ์ ๒๗๓ สวี อาราม ๒๘ พระสงฆ์ ๑๖๓ ท่าแซะ อาราม ๑๘ พระสงฆ์ ๑๔๓ ปทิว อาราม ๙ พระสงฆ์ ๗๒ หลังสวน อาราม ๔๑ พระสงฆ์ ๔๐๕ ไชยา ยาราม ๘๙ พระสงฆ์ ๖๖๑

----------------------------

แผ่นที่ ๔๔ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ

พัทลุง อาราม ๙๘ พระสงฆ์ ๓๒๐ นครนายก อาราม ๕๒ พระสงฆ์ ๔๕๕ ฉะเชิงเทรา อาราม ๒๘ พระสงฆ์ ๓๕๓ พนมสารคาม อาราม ๒๒ พระสงฆ์ ๑๕๒ พนัศนิคม อาราม ๑๙ พระสงฆ์ ๒๑๔ ชลบุรี อาราม ๒๑ พระสงฆ์ ๓๔๑ บางละมุง อาราม ๒๔ พระสงฆ์ ๑๔๓ ระยอง อาราม ๒๐ พระสงฆ์ ๒๔๔ จันทบุรี อาราม ๘๑ พระสงฆ์ ๖๑๙ ขลุง อาราม ๒๘ พระสงฆ์ ๒๒๔ แกลง อาราม ๑๘ พระสงฆ์ ๑๗๐ ตราด อาราม ๓๖ พระสงฆ์ ๓๙๕ รวมอาราม ๒๑๒๐ พระสงฆ์ ๑๙๗๘๓ สิริอาราม ๒๓๓๑ พระสงฆ์ ๒๓๔๒๒ ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ขอเดชะ

จำนวนพระกฐิน

วันศุกร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ วัดพระเชตุพนที่ ๑ วัดราชบูรณะที่ ๒ วัดราชบพิธที่ ๓ วัดมหาธาตุที่ ๔ เสด็จทรงพระราชยาน

วันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๙ ค่ำ วัดมหรรณพารามที่ ๑ วัดบวรนิเวศที่ ๒ วัดเทพธิดาที่ ๓ วัดสุทัศน์เทพวรารามที่ ๔ เสด็จกระบวรรถ

วันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่ำ วัดราชประดิษฐที่ ๑ วัดจักรวรรดิ์ราชาวาสที่ ๒ วัดสัมพันธวงศารามที่ ๓ วัดประทุมคงคาที่ ๔ เสด็จทรงพระราชยาน แต่นี้ไปเสด็จทางชลมารค

วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่ำ วัดอรุณราชวรารามที่ ๑ วัดกัลยาณมิตรที่ ๒ วัดโมลีโลกยารามที่ ๓ วัดราชสิทธารามที่ ๔

วันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๑๒ ค่ำ วัดประยุรวงศ์ที่ ๑ แต่วัดที่ ๑ ถึงวัดที่ ๓ เสด็จทางสถลมารค วัดบุบผารามวิหารที่ ๒ วัดพิไชยญาติการามที่ ๓ วัดอนงคารามที่ ๔

วันพุธ เดือน ๑ แรม ๑๓ ค่ำ วัดโสมนัสวิหารที่ ๑ วัดบรมนิวาสที่ ๒ วัดสระเกศที่ ๓ วัดสังเวชวิษยารามที่ ๔

วันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ แรม ๑๔ ค่ำ วัดสามพระยาที่ ๑ วัดนรนาถสุนทริการามที่ ๒ วัดเทวราชกุญชรที่ ๓ วัดราชาธิวาสที่ ๔

วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้นค่ำ ๑ วัดระฆังโฆสิตารามที่ ๑ วัดคฤหบดีที่ ๒ วัดบวรมงคลที่ ๓ วัดเฉลิมพระเกียรติที่ ๔

วันเสาร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๒ ค่ำ วัดนางชีที่ ๑ วัดหนังที่ ๒ วัดนางนองที่ ๓

----------------------------

แผ่นที่ ๔๕ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ

วัดราชโอรสที่ ๔

วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๓ ค่ำ วัดเครือวัลย์ที่ ๑ วัดนาคกลางที่ ๒ วัดพระยาทำที่ ๓ วัดชิโนรสารามที่ ๔

ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลเจ้าพนักงานทุกตำแหน่งเตรียมตามเสด็จ นำเสด็จแลแต่งที่คอยรับวัดทุกพระอารามอย่าให้ขาดได้ หมายมาณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ ปีกุน สัปตศก ๑๒๓๗

กฐินพระราชทาน กรมพระราชวังบวร ฯ

เดือน ๑๒ วันที่ ๑ วัดชนะสงครามที่ ๑ วัดราชนัดดาที่ ๒ วัดรังษีสุทธาวาสที่ ๓ วัดบุญศรีมาตยารามที่ ๔

เดือน ๑๒ วันที่ ๒ วัดหงส์รัตนารามที่ ๑ วัดสังข์กระจายที่ ๒ วัดอินทารามที่ ๓ วัดหิรัญรูจี พระราชทาน ๑ รวม ๔

เดือน ๑๒ วันที่ ๓ วัดศรีสุดารามที่ ๑ วัดดุสิดารามที่ ๒ วัดภคินีนาถที่ ๓ วัดส้มเกลี้ยงที่ ๔

เดือน ๑๒ วันที่ ๔ วัดบพิตรพิมุขที่ ๑ วัดทองธรรมชาติที่ ๒ วัดนพคุณที่ ๓ วัดโชตนารามที่ ๔

กฐินพระราชทานข้างใน

วัดนามบัญญัติ พระราชทาน พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ วัดไชยพฤกษมาลา พระราชทานพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร วัดเขมาภิรตาราม พระราชทานพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้านารีรัตนา วัดปากน้ำ พระราชทานพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอรุณวดี วัดราชคฤห์ พระราชทานพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอนงค์นพคุณ วัดจันทาราม พระราชทานเจ้าจอมมารดาสุด วัดอับสรสวรรค์ พระราชทานเจ้าจอมมารดาอ่วม วัดประทุมวนาราม พระราชทานเจ้าจอมมารดาตลับ

กฐินพระราชทานฝ่ายหน้า

วัดรัชฎาธิฐาน ๑ วัดกาญจนสิงหาสน์ ๑ พระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี วัดอมรินทาราม ๑ วัดสุวรรณาราม ๑ พระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ วัดตรีทศเทพ พระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ วัดมหาพฤฒาราม พระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช วัดเวฬุราชินพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค วัดดาวดึงส์พระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ วัดอภัยทามริการามพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ วัดยานนาวาราม พระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต วัดเสวตฉัตร พระราชทานหม่อมเจ้าจินดา วัดราชกุฏียาราม ๑ วัดคูหาสวรรค์ ๑ พระราชทานนักองค์วัดถา วัดนวลนรดิศพระราชทานเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒ

----------------------------

แผ่นที่ ๔๖ ออกวันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ

กฐินหัวเมือง

วันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ วัดสุวรรณารามที่ ๑ วัดพนัญเชิงที่ ๒ วัดวรนายกรังสรรค์ที่ ๓ เสด็จพระราชดำเนิร

วันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ วัดเสนาสนารามที่ ๑ วัดศาลาปูนที่ ๑ วัดขุนญวนที่ ๓ เสด็จพระราชดำเนิร

วันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ วัดชุมพลนิกายาราม เสด็จพระราชดำเนิร

วันพุธ เดือน ๑๑ แรม ๖ ค่ำ วัดบางพังที่ ๑ วัดรามัญที่ ๒ วัดปากอ่าวที่ ๓ เสด็จพระราชดำเนิร

วัดสนามนนทรามัญ พระราชทานในกระบวร วัดตูม ๑ วัดศาสดา ๑ กรุงเก่าพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ วัดเมตารัง ๑ วัดสวนมะม่วง ๑ วัดสะแก ๑ วัดอัมพวา ๑ เมืองประทุมธานีพระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์พระเจ้าสุขสวัสดิ์ วัดโปรดเกศ ๑ วัดทรงธรรม ๑ เมืองนครเขื่อนขันธ์พระราชทานพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล วัดไพรชนพลเสพ เมืองนครเขื่อนขันธ์ พระราชทานพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสังวาลย์ วัดคงคาราม ๑ วัดมหาสมณาราม ๑ เมืองเพ็ชร์บุรี พระราชทานพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเณรดิศวรกุมาร ๑ พระราชทานพระองค์เจ้าเณรศรีเสาวภางค์ วัดอัมพวันเจติยารามเมืองสมุทสงคราม ๑ วัดกล้วย ๑ วัดใหม่ ๑ เมืองราชบุรี ๒ พระราชทานสมเด็จเจ้าพระยา วัดปฐมเจดีย์ เมืองนครไชยศรี ๑ วัดกลาง เมืองสมุทปราการ ๑ วัดบางพระ เมืองบางละมุง ๑ วัดเกาะสีชง ๑ พระราชทานเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี วัดป่าโมกข์ เมืองอ่างทอง ๑ วัดธรรมามูล เมืองไชยนาท ๑ พระราชทานเจ้าพระยาภูธราภัย วัดพระพุทธบาท กรมราชบัณฑิต วัดสมุหประดิษฐ ๑ วัดเขาแก้ว ๑ เมืองสระบุรี พระราชทานเจ้าพระยาศรีพิพัฒน วัดกระวิศราราม ๑ วัดเสาธงทอง ๑ เมืองลพบุรี พระราชทานพระยาสุจริตรักษา

----------------------------

แผ่นที่ ๔๗ ออกวันศุกร์ เดือน ๑๑ แรม ๘ ค่ำ

ณวันเสาร์ เดือน ๑๑ แรม ๒ ค่ำ ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๒ โมงนาน พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทางพระทวารพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทรงพระราชยานพร้อมด้วยกระบวรเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตุศรีสุนทร ประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย แลเสด็จประทับทรงตรัสอยู่กับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒ แต่มีขุนนางอิกบ้าง คือ พระนรินทรเสนี ๑ หลวงวุธ อัคนี ๑ หลวงราชเศรษฐี ๑ มิสเตอร์อาลบาสเตอ ๑ มาส่งเสด็จประมาณสักครู่หนึ่งก็เสด็จลงเรือพระที่นั่งสำหรับประพาสเล่นเปนสองชั้นนั้น แลเรือกลไฟภิรมย์เร็วจร เจ้าหมื่นไวยวรนาเปนนายเรือไปจูงเรือพระที่นั่งออกจากท่าราชวรดิษฐ ขึ้นไปตามลำน้ำเจ้าพระยา พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการทั้งหลายที่เคยตามเสด็จพระราชดำเนิรในเรือพระที่นั่ง และผู้ไปนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑ กับพระเจ้าน้องนางเธอที่ยังทรงพระเยาว์อิก ๔ องค์ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ หม่อมราชวงศ์พินในพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เจ้าหมื่นสรรเพ็ธภักดี ๑ พระมหาเทพ ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ พระอมรวิสัยสรเดช ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ แลทหารหลวงผู้ช่วยในค่ายอิก ๔ คือ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ จมื่นสราภัยสฤษดิการ ๑ แลผู้แทนทหารหลวงผู้ช่วยในค่ายอิก ๒ คน คือ จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ ๑ หลวงศัลยุทธวิธีกรรม์ ๑ กับทหารรักษาพระองค์อิกที่ตัวนาย ๆ นั้น ๙ นาย แลพวกมหาดเล็กแลคนรักษาอีกรวมหมดด้วยกัน คนที่ไปในเรือพระที่นั่งเปนคน ๖๔ คน

----------------------------

แผ่นที่ ๔๘ ออกวันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑

เรือกลไฟที่ตามเสด็จพระราชดำเนิร ก็ตามเปนขบวรลำดับมา คือ เรือไรซิงซอน ๑ ลำ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรแลพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายในลงเรือนั้น เรือสำหรับประพาสเล่นอิกลำ ๑ เรือโสรวารวรเดชจูง ๑ ลำ เรือบางปอินอุดมทวีป ๑ เรือประทีปทัศนาการ แลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์เปนแหวด ๑ แลเรือนกอินทรีจูง เรือเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ ลำ แลเรือกลไฟเล็ก ๆ ๒ ลำ ของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ ของเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ๑ ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษ เรือพระที่นั่งถึงบางอ้อ จึงโปรดพระราชทานดินสอทองสำหรับแขวนกับสายนาฬิกา แด่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ อัน พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ ๑ อัน พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๑ อัน พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ อัน เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ผู้สั่งเข้ามา ๑ อัน รวมเปน ๕ อัน กับได้รับพระราชทานแล้วแต่ที่ในกรุง ฯ แลจะพระราชทานอิก คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ๑ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ๑ รวม ๓ อัน แลทรงเอาไว้สำหรับพระองค์อิก ๑ อัน รวมหมดเปน ๙ อัน ได้ทรงสั่งมาจากเมืองปารีสประเทศฝรั่งเศส ที่ห้างแมแลดบิเวต ซึ่งเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ได้สั่งณห้างมาลเฮบ ๕ ยุเลียนที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพ ฯ นี้ เพื่อจะสำหรับพระราชทานข้าราชการที่ดี ๆ เมื่อเฉลิมพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร แลสั่งมานั้นพร้อมกับดุมแลกลับแขวนคอด้วย ดุมนั้นในกลางมีอักษรผูกกันเปน (จ.ป.ร.) เปน ๓ ชั้น ชั้นที่ ๑ เปนดุมทองตัวอักษรลงยาราชาวดีสีชมพูสำรับหนึ่ง ๖ เมล็ด ชั้นที่ ๒ เปนทองแต่ตัวอักษรสลักสำรับ ๖ เมล็ด ชั้นที่ ๓ เปนก้าไหล่ทองตัวอักษรสลักสำรับ ๖ เมล็ด ตลับแขวนคอนั้นมี ๓ ชั้นแลมีตัวอักษร (จ.ป.ร.) ชั้นที่ ๑ เหมือนกัน เปนทองตัวอักษรอยู่ในใบไม้ประดับเพ็ชร์ซีก ตัวตลับนั้นลงยาราชาวดีสีชมพู ข้างหลังมีพระรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ติดได้ แขวนทาบอกได้ มีผ้าสีชมพูแขวน ชั้นที่ ๒ ก็เหมือนกันแต่ไม่ได้ประดับเพ็ชร์ ชั้นที่ ๓ ก็เหมือนกันแต่ที่ตัวหาได้ลงยาไม่ แลมีอิกอัน ๑ เปนของสำคัญคือประดับเพชรทั้งเมล็ดแลงามด้วย นอกนั้นก็เหมือนกับชั้นที่ ๑ ของเหล่านี้สำหรับพระราชทานฝ่ายใน แต่ยังหาได้พระราชทานไม่ พระราชทานแต่ดินสอทองเท่านั้น แลทรงพระกรุณาโปรดให้นายวรกิจบรรหารล่องลงไปณกรุงเทพ ฯ ไปเอาพองลมสำหรับช่วยตกน้ำ นายวรกิจกลงเรือประทีปไป

----------------------------

แผ่นที่ ๔๙ ออกวันเสาร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๑

ครั้นเวลาเช้า ๕ โมง ๒๐ นาที ถึงวัดเฉลิมพระเกียรติ เวลาเช้า ๕ โมง ๒๐ นาทีเข้าเตร็จ ครั้นถึงวัดปากอ่าวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์ เพื่อสำหรับในกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรนั้น จึงมีพระบรมราชโองการ ให้เจ้าพนักงานเรือกลไฟประทับท่า แล้วก็เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปบนโบสถ์ทอดพระเนตรการวัด แลเสด็จพระราชดำเนิรไปที่กุฏี แลประมาณการหน้าที่แล้วก็เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่ง รับสั่งด้วยเจ้าเมืองกรมการเมืองนนทบุรีแลพระยาอัคนีสราภัย ซึ่งได้เปนนายงานทำวัดนั้นประมาณครู่หนึ่ง เรือพระที่นั่งก็ออกจากที่นั้นแล่นขึ้นไป แลพระสงฆ์วัดนั้น ๑๖ รูปก็ถวายไชยมงคลคาถา แล้วเสด็จประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เมื่อเวลาเที่ยงกับ ๑๓ นาที เวลาบ่ายโมง ๑ ถึงบางหลวงเชียงราก เวลาบ่าย ๒ โมง ๔๐ นาทีถึงสามโคก เวลาบ่าย ๓ โมง ๓๐ นาทีถึงเกาะใหญ่ เวลาบ่าย ๔ โมง ๒๙ นาที ถึงลานเท เวลาบ่าย ๕ โมงถึงบางไซตรงสามแยก เวลาบ่าย ๕ โมง ๔๐ นาทีถึงเกาะเกิด เวลาย่ำค่ำ ๑๑ นาทีถึงเกาะบางปอินเรือประทับท่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ประทับตรัสด้วยพระยาราชวรานุกูล แลพระยาอ่างทองซึ่งได้มาถวายพระราชกุศล แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์๑๐ แลเสด็จทอดพระเนตรพระที่นั่งแลที่ต่าง ๆ ที่พระยาราชวรานุกูลทำเพิ่มเติมแปลกขึ้นกว่าแต่ก่อน ครั้นเวลาเกือบ ๑ ทุ่มก็เสด็จขึ้นข้างใน แลพวกพระบรมวงศานุวงศ์ขุนนางทั้งปวงที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรมานั้น ก็มาพักอยู่ที่ตึกซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ท่านไว้สำหรับผู้ที่จะได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรมาอยู่ที่ข้างท้ายต้นมะม่วงนั้น๑๑ เวลา ๑ ทุ่มพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกประทับข้างล่างที่มุขตวันออก ประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอ ครั้นเสวยแล้วพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนก็ถวายรูปหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ทำกรอบนั้น แล้วทอดพระเนตรอสักครู่หนึ่ง ก็เสด็จ

----------------------------

แผ่นที่ ๕๐ ออกวันเสาร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๑

พระราชดำเนิรไปประทับที่เรือพระที่นั่งแหวดที่ทอดอยู่ในสระ แล้วจึงทรงเรือพระที่นั่งบตสามพายชื่อสุวรรณมัจฉาด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษี ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ ๑ ทรงพระประพาสในสระนั้นจนเวลายามเศษ ก็เสด็จมาประทับณพระที่นั่งแหวด แลครั้งนี้ทรงพระราชดำริห์เห็นว่าน้ำนั้นท่วมมากจนถึงต้นมะม่วงหน้าพระที่นั่ง คล้ายกับเมื่อครั้งปีมะแมตรีศก ๑๒๓๓ เห็นว่าน้ำในสระจะลึกมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กรมฝีพายหยั่งน้ำในสระนั้นลึกได้ ๒ วาศอก ๕ นิ้ว แล้วก็เสด็จขึ้นบนพระที่นั่ง ไปทอดพระเนตร์รูปที่พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนติดถวายตัว ครั้นถึงเวลายามนานจวนจะ ๔ ทุ่ม ก็เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ข้างใน แล้วเสด็จออกอิกทีหนึ่ง แลทรงประทับอยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้นข้างใน ประทับแรมค้างอยู่ที่เกาะบางปอินนี้

โดย ภาณุรังษี

การเสด็จพระราชดำเนิรออกจากบางปอินไปพระราชทานพระกฐินณกรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ

ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๒ โมงครึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกเสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอ ที่มุขพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ชั้นล่างด้านบูรพา ครั้นเสวยแล้วก็เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งชั้นบนประมาณครู่หนึ่ง เสด็จออกลงเรือพระที่นั่งลำใหญ่ ๒ ชั้น ซึ่งสำหรับประพาสที่ต่าง ๆ นั้น เรือภิรมย์เร็วจรเปนเรือจูงเรือพระที่นั่งออกจากฉนวนเกาะบางปอินในเวลาเช้า ๓ โมง ๑๕ มินิตขึ้นไปตามลำน้ำ ครั้นเวลาเช้า ๓ โมง ๔๐ มินิตเรือพระที่นั่งแล่นขึ้นไปถึงเกาะพระ คิดเวลาแต่เกาะบางปอินมาถึงเกาะพระเปนเวลา ๒๕ มินิต ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๑๕ มินิตถึงวัดโปรดสัตว์ ซึ่งราษฎรนับถือว่าวัดนั้นเปนวัดศักดิ์สิทธิ์ขลัง ถ้าตักน้ำแม่น้ำตรงหน้าพระอุโบสถแล้ว น้ำนั้นเปนน้ำมนต์ คิดเวลาแต่เกาะพระถึงวัดโปรดสัตว์เปนเวลาได้ ๓๕ มินิต ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๒๐ มินิตถึงเกาะเรียน คิดเวลาแต่วัดโปรดสัตว์ถึงเกาะเรียนได้ ๕ มินิต ครั้นเวลาเช้า ๔ โมง ๕๕ มินิต เรือพระที่นั่งแล่นขึ้นไปถึงป้อมเพ็ชร์ ก็ทอดเรือพระที่นั่งเข้าที่ฝั่งข้างวัดพนัญเชิงตรงหน้าป้อมเพ็ชร์ออกมา คิดเวลาแต่เกาะเรียนถึงป้อมเพ็ชร์เปนเวลาได้ ๓๕ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่งเก๋งทองทั้งแท่ง

----------------------------

แผ่นที่ ๕๑ ออกวันอาทิตย์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑

เสด็จพระราชดำเนิรเปนกระบวรขึ้นไปตามลำน้ำคูเมือง แล้วเลี้ยวเข้าคลองหลังป้อมเพ็ชร์ เรือพระที่นั่งเข้าประทับฉนวนวัดสุวรรณดาราราม เสด็จขึ้นทรงรับผ้าไตรกฐินเข้าในพระอุโบสถทรงนมัสการแล้ว นายสนิทก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ตามธรรมเนียม แลพระสงฆ์จำพรรษานั้น มีพระราชาคณะ ๑ พระครู ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๖ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๗ อันดับเล่าสวดมนต ๑๐ รวมพระสงฆ์ ๒๘ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูปแก่เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาไว้ห่มพระ แลพระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถให้พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงถวายกฐิน ครั้นจบแล้วพระสุวรรณวิมลศีลซึ่งเปนประธานในพระอารามนั้น ก็ประกาศสงฆ์พระปลัดเปนผู้กล่าว ว่าเห็นสมควรกับพระสุวรรณวิมลศีล พระสงฆ์ทั้งหลายกสาธุพร้อมกัน พระปลัดกับสมุห์จึงได้สวดญัติจตุตถกรรม๑๒ ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายไตรปีแก่พระสงฆ์รวม ๔ ไตร พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานไตรปี ก็ไปครองผ้าพร้อมกับพระสงฆ์ที่ครองกฐิน แลในขณะนั้น ก็เสด็จไปทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธรูป แล้วกลับมาประทับยังราชอาสน์ พระราชทานดอกไม้จุดเทียนแก่วงศานุวงศ์ได้ไปบูชาพระพุทธรูป เพราะวัดสุวรรณดารารามนี้ เปนวัดเดิมของสมเด็จพระปฐมบรมมหาไปยกาธิบดีทรงสร้างไว้ แต่ครั้งยังประทับอยู่ที่กรุงทวาราวดีศรีอยุธยาซึ่งตั้งอยู่หลังป้อมเพ็ชร์นั้น ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว ก็อธิษฐานกรานกฐินเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์ ถวายบริขารแก่พระสงฆ์ที่ครองกฐิน ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ก็ยถาสัพพีแลสวดกาเลแลถวายอติเรกแลสวดภะวะตุสัพจบแล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถไปทรง

----------------------------

แผ่นที่ ๕๒ ออกวันอาทิตย์ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๑

จุดธูปเทียนนมัสการพระเจดีย์ แล้วก็เสด็จลงเรือพระที่นั่งกลับออกทางคลองเดิม ล่องน้ำลงมาถึงป้อมเพ็ชร์ ก็เลี้ยวขึ้นไปตามลำแม่น้ำ ผ่านหน้าป้อมเพชรขึ้นไปประทับฉนวนวัดพนัญเชิง เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในวิหารนมัสการพระเจ้าพนัญเชิง แล้วก็พระราชทานดอกไม้ธูปเทียนแก่พระวงศานุวงศ์ ที่ยังไม่ได้พระราชทานที่วัดสุวรรณดารารามนั้น พระราชทานให้บูชาพระเจ้าพนัญเชิง ครั้นทรงนมัสการเสร็จแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนิรออกจากวิหาร ทรงผ้าไตรกฐินเข้าในอุโบสถทรงนมัสการแล้ว นายไชยขรรค์ก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ตามธรรมเนียม แลพระสงฆ์จำพรรษานั้นมีพระสมุห์ ๑ พระใบฎีกา ๑ อันดับเรียนคันถธุระ ๓ อันดับเรียนวิปัสนา ๗ อันดับเล่าสวดมนต์ ๒๔ รวมพระสงฆ์ ๓๖ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูป แก่เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาไว้ห่มพระ แลพระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตถวายพระสงฆ์ แล้วทรงถวายกฐิน ครั้นจบแล้วพระสมุหสังฆบัญญัติซึ่งเปนประธานในพระอารามนั้นก็ประกาศสงฆ์ พระใบฎีกาเปนผู้กล่าวว่าเห็นสมควรกับพระสมุห์สังฆบัญญัติ พระสงฆ์ทั้งปวงก็สาธุพร้อมกัน พระใบฎีกากับพระอันดับรูปหนึ่งนั้นก็สวดญัติ ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายไตรมีพระสงฆ์ไตร ๑ พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานผ้าไตรนั้นก็ไปครองพร้อมกับพระสงฆ์ที่ครองกฐิน แล้วก็เสด็จพระราชดำเนิรไปพระราชทานดินสอทองอย่างที่พระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ แลพระเจ้าน้องยาเธอในวันเสาร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ นั้น พระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์อันหนึ่ง ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว ก็อธิษฐานกรานกฐินเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์ ถวายบริขารแก่พระสงฆ์ที่ครองกฐิน ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ก็ยถาสัพพีแลสวดกาเล แล้วพระพรหมเทพาจาริย์ราชาคณะวัดเสนาสนาราม ซึ่งมานำนั้นก็ถวายอติเรก พระสงฆ์ก็รับภะวะตุสัพจบแล้ว ก็เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งลำใหญ่ ๒ ชั้น ซึ่งสำหรับประพาสที่ต่าง ๆ นั้น ออกจากฉนวนวัดพนัญเชิงเวลาเที่ยง แล่นขึ้นไปตามลำน้ำจนถึงเวลาบ่ายโมง ๒๐ มินิต ก็ถึงฉนวนพระราชวังจันทรเกษม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ประทับเกยทรงพระราชยานเข้าในพระราชวังเสด็จขึ้น คิดเวลาแต่วัดพนัญเชิงถึงพระราชวังจันทรเกษมเปนเวลาโมง ๑ กับ ๒๐ มินิต

----------------------------

แผ่นที่ ๕๓ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ

ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกเสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอแลพระเจ้าลูกเธอข้างมุขที่นั่งด้านประจิมทิศ เสวยอยู่จนเวลาบ่าย ๓ โมงเสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมง ๕๓ มินิต เสด็จออกประทับเกยหน้าพระที่นั่ง ทรงพระราชยานไปประทับเกยที่ฉนวนน้ำ เสด็จลงเรือกลไฟเล็กของพระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เปนเรือพระที่นั่ง แล่นขึ้นไปตามลำนาจนถึงเวลาบ่าย ๕ โมง ๑๐ มินิต เรือพระที่นั่งประทับฉนวนวัดวรนายกรังสรรค์ คิดเวลาแต่พระราชวังจันทรเกษมขึ้นไปวัดวรนายกรังสรรค์ เปนเวลา ๑ โมงกับ ๑๗ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นรับผ้าไตรกฐินเข้าไปในพระอุโบสถทรงนมัสการ แล้วนายพลพ่ายก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ตามธรรมเนียม แลพระสงฆ์จำพรรษานั้น มีพระครู ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๒ อันดับเล่าสวดมนต์ ๘ รวมพระสงฆ์ ๑๓ รูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูป แก่เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาไว้ห่มพระ แลพระราชทานเทียนสำหรับพระอุโบสถ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายพระสงฆ์ แล้วก็ทรงถวายกฐิน ครั้นจบพระครูวรนายกวิมลกิจ ซึ่งเปนประธานในพระอารามนั้นก็ประกาศสงฆ์ พระสมุห์เปนผู้กล่าวว่าเห็นสมควรกับพระครูวิมลกิจ พระสงฆ์ทั้งหลายก็สาธุพร้อมกัน พระสมุหแลพระใบฎีกาจึงได้สวดญัติจตุตถกรรม ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ถวายไตรปีรวม ๒ ไตร พระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานไตรปีนั้น ก็ไปครองผ้าพร้อมกันกับพระสงฆ์ซึ่งครองกฐิน ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้วก็อธิษฐานกรานกฐินเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ถวายปริขารแก่พระสงฆ์ซึ่งครองกฐินนั้น ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้า

แผ่นที่ ๕๔ ออกวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๑ ค่ำ

สิโนทก พระสงฆ์ก็ยถาสัพพีแลสวดกาเล พระธรรมราชา ราชาคณะวัดศาลาปูนซึ่งมานานั้นก็ถวายอติเรก พระสงฆ์ก็รับภะวะตุสัพจบแล้ว ก็เสด็จออกจากพระอุโบสถไปทอดพระเนตรพระเจดีย์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สร้างช่วยในวัดของเจ้าพระยาภูธราภัยนั้น ครั้นถึงเวลาบ่าย ๕ โมงกับ ๕๓ มินิต ก็เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งล่องลงมาตามลำน้ำ จนเวลาย่ำค่ำ ๓๕ มินิตถึงพระราชวังจันทรเกษม คิดเวลาแต่วัดวรนายกรังสรรค์กลับลงมาถึงพระราชวังจันทรเกษมเปนเวลา ๓๒ มินิต ครั้นเรือพระที่นั่งประทับฉนวนแล้ว ก็เสด็จขึ้นทรงพระราชยานเข้าไปประทับเกยในพระราชวังเสด็จขึ้น แลการซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรพระราชทานพระกฐินครั้งนี้นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์คัตเดเว พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต แต่ตำรวจแลทหารนั้นแต่งเต็มยศ ครั้นเวลา ๒ ทุ่ม ๑๔ มินิตเสด็จออกเสวยจนถึงเวลายามครึ่งก็เสวยเสร็จ แล้วก็เสด็จไปประทับที่เกยทอดพระเนตร์ปรบไก่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินให้พระยาเพ็ชร์ชฎาไปพระราชทานพวกเพลงเปนเงิน ๑๒ บาท ครั้นภายหลังที่พระราชทานรางวัลกับพวกเพลงที่ว่าดี ๆ บ้างเปนคน ๆ ตามสมควร ประทับทอดพระเนตร์อยู่จนเวลา ๕ ทุ่มครึ่ง เสด็จขึ้นประทับแรมในพระราชวังจันทรเกษม

โดย ก. ม. นเรศร์วรฤทธิ์

ณวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษเสด็จออกณท้องพระโรง เสด็จพระกับณที่เสวยพร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้นหลายพระองค์ด้วยกันเสวยณที่นั้น ครั้นเสวยแล้วก็เสด็จขึ้นประมาณครู่หนึ่ง แล้วเสด็จออก จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์วัดเสนาสนาราม ๑๒ รูปซึ่งจะได้รับพระราชทานฉันนั้น มานั่งยังที่อาสนสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์นั่งที่เรียบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระพรหมเทพาจารย์ก็ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระ ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าห่มสักหลาดกับผ้าขาวเช็ดหน้าเขียนเลขฉลาก พระสงฆ์ ๑๒ รูปก็สดัปกรณ์พระบรมทนต์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระทนต์สมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ซึ่งเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ในร่มพระมหาเสวตฉัตร์ ครั้นสดัปกรณ์เสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงประเคนพระพรหมเทพาจารย์เปนต้น พระบรมวงศานุวงศ์ก็ไปประเคนพระปฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร

----------------------------

แผ่นที่ ๕๕ ออกวันอังคาร แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑

ตั้งธรรมาสน์ซึ่งพระสงฆ์จะได้ถวายเทศน์ ครั้นตั้งแล้วเจ้าพนักงานกรมสังฆการีก็นิมนต์พระธรรมราชานุวัติเข้าไปนั่งยังอาสน์สงฆ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณไปทรงจุดเทียนนมัสการที่พระบรมทนต์ พระธรรมราชานุวัตก็ขึ้นธรรมาสน์ ถวายศีลแล้วถวายเทศน์ ว่าด้วยอานิสงส์กฐินโดยย่อพอเปนสังเขป แล้วถวายเทศน์แก้ด้วยสติปัฎฐาน ๔ ประการ ครั้นถวายเทศน์จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าไตร สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมีทรงทอดผ้าไตร ๑ รวม ๒ ไตรเปนของไทยธรรมกัณฑ์เทศน์พระธรรมราชานุวัติ แล้วโปรด ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ทรงทอดผ้าไตรตามพระสงฆ์ซึ่งจับฉลากได้นั้น พระบรมวงศานุวงศ์ ๒ พระองค์เปนฉลากพระสงฆ์องค์ ๑ พระสงฆ์องค์หนึ่งนั้นได้ไตร ๑ บ้าง ๒ ไตรบ้าง ตามแต่ที่ได้จัดไป แต่พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพนั้น รวมฉลากเดียวกันหาได้จัดผ้าไตรไปไม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงทอดผ้าไตรหลวงไตร ๑ พระสงฆ์ ๑๓ รูป ก็สดัปกรณ์ ครั้นสดัปกรณ์แล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์จึงทรงทอดผ้าไตร ๆ ๑ พระปลัดหลงวัดเสนาสนารามสดัปกรณ์ ด้วยพระปลัดหลงจะได้เทศนาในพระอุโบสถในเมื่อการกฐินณเวลาค่ำ ครั้นสดัปกรณ์แล้ว จึงทรงประเคนเครื่องไทยธรรมของหลวงณพระธรรมราชานุวัติ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ก็ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมกัณฑ์เทศน์กับพระธรรมราชานุวัติ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ก็ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมพระปลัดหลง แต่เครื่องไทยธรรมฉลากนั้นยังหาได้ถวายไม่ ด้วยจะได้เอาไปถวายที่วัดเสนาสนารามทีเดียว ครั้นทรงถวายแล้ว พระธรรมราชาก็ถวายอติเรก พระสงฆ์ถวายพระพรลากลับแล้ว จึงโปรด ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ ๑๐๐ รูป มีพระ

----------------------------

แผ่นที่ ๕๖ ออกวันอังคาร แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑

สุวรรณวิมลศีลเปนประธานซึ่งจะได้สดัปกรณ์นั้น ครั้นพระสงฆ์มานั่งที่แล้ว พระสงฆ์สวดสัตตปกรณาภิธรรม แล้วพระราชทานเงินตรา ๑๐๐ บาทให้พระวุฒิการบดี เอาไปมอบให้กับปิยการกพระสงฆ์ซึ่งสดัปกรณ์นั้นองค์ละบาท แล้วพระราชทานเงินตรา ๑๐ ตำลึงให้พระพิทักษ์เทพธานีไปรางวัลผู้ซึ่งทำสำรับคาวหวานเลี้ยงพระสงฆ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรด ฯ พระราชทานเงินแจกพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในองค์ละสองสลึง แล้วพระราชทานแจกขุนนางข้าราชการนอกจากพระบรมวงศานุวงศ์ทั่วไปคนละสลึง ด้วยเปนการตามเสด็จพระราชดำเนิรทางไกลจึงได้พระราชทาน เวลานั้นขุนบำราบคดีจีนได้จัดของเครื่องสดต่าง ๆ มาทูลเกล้า ฯ ถวาย ครั้นพระสงฆ์สวดสัตตปกรณาภิธรรมจบแล้ว จึงโปรด ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้า แล้วรับสั่งเรียกผ้าไตร ๔ ไตรทรงทอดให้พระสุวรรณวิมลศีล ๓ พระครูปลัดมหาเถรานุวัติ ๑ พระครูโยคานุกูล ๑ พระครูนายกพิบูลยกิจ ๑ สดัปกรณ์กับผ้าขาวเช็ดหน้าด้วย ครั้นสดัปกรณ์แล้ว พระสุวรรณวิมลศีลก็ถวายยถาพระสงฆ์สัพพี แล้วถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกย ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูหลังวังไปตามถนนหลวง ไปประทับเกยวัดเสนาสนาราม แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปถึงเชิงบันไดพระอุโบสถ เจ้าพนักงานกรมพระศุภรัตนก็ทูลเกล้า ฯ ถวายผ้าไตรกฐินกับผ้าขาวมหากฐินกับผ้าห่มพระพุทธรูป ครั้นทรงรับแล้วเสด็จพระราชดำเนิรเช้าในพระอุโบสถ ทรงวางผ้าบนพานแว่นฟ้าสองชั้น แล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการเสร็จแล้ว นายสนิทจึงอ่านรายงานพระสงฆ์ทูลเกล้า ฯ ถวายจำนวนพระสงฆ์จำพรรษานพระอารามนั้น พระพรหมเทพาจารย์เปนพระราชาคณะเปนอธิบดี ๑ พระถานานุกรม ๓ อันดับเรียนคันถธุระ ๕ อันดับเล่าสวดมนต์ ๓ รวมพระสงฆ์ ๑๒ รูป แล้วพระราชทานผ้าห่มพระพุทธรูปให้เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาไปทรงพระพุทธรูป พระราชทานเทียนอุโบสถ ๒๔ เล่ม ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายพระสงฆ์ แล้วทรงถวายกฐิน ครั้นทรงจบพระสงฆ์ก็รับสาธุพร้อมกัน จึงทรงยกผ้านั้นตั้งริมอาสนพระสงฆ์ พระพรหมเทพาจารย์จึงนั่งหย่องขึ้น ประกาศถามสงฆ์เปนต้นว่า สงฆ์ทั้งปวงจะมีความปราถนาจะกรานกฐินหรือไม่ปราถนาจะกราน พระสงฆ์ก็รับว่าปราถนาจะกราน สมุห์จึงว่าเปนต้นว่า ถ้าสงฆ์ทั้งปวงปราถนาจะกรานแล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๕๗ ออกวันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑

สงฆ์ทั้งปวงจะเห็นพร้อมกันให้กับภิกษุองค์ใด พระปลัดจึงถามสงฆ์เปนต้นว่า เห็นสมควรจะให้กับพระพรหมเทพาจารย์ซึ่งเปนผู้ฉลาด แลเปนอุปัชฌาย์แลอาจารย์ของเราทั้งหลาย สงฆ์ทั้งปวงจักชอบใจหรือไม่ชอบใจ พระสงฆ์รับว่าชอบใจแล้ว พระใบฎีกาจึงว่า ถ้าสงฆ์ทั้งปวงพร้อมกันให้กับพระพรหมเทพาจารย์แล้ว ควรจะให้ด้วยญัติจึงจะชอบ พระสงฆ์ก็รับว่าดีแล้ว การที่พระสงฆ์ว่าประกาศแลรับนี้ว่าด้วยภาษามคธทั้งสิ้น พระปลัดกับพระสมุห์ก็สวดญัติ ครั้นจบแล้วจึงยกผ้านั้นถวายพระพรหมเทพาจารย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนไตรปีพระถานานุกรม ๓ รูป พระสงฆ์ก็ไปครองผ้า ครั้นครองแล้ว พระเจ้ามหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรก็ทรงถวายของเครื่องปริขารกฐิน แล้วโปรด ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ถวายของเครื่องไทยธรรมต่าง ๆ ตามฉลากซึ่งพระสงฆ์จับได้นั้น พระพรหมเทพาจารย์ก็ถวายยถาพระสงฆ์สัพพีแล้ว สวดกาเลอนุโมทนาทานแล้วถวายอดิเรก ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้ว ทรงถวายเทียน ๑๐๐ ธูป ๑๐๐ ดอกไม้กับพระพรหมเทพาจารย์ แล้วพระราชทานเทียนนมัสการให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต (ต่อความตอนนี้ มีแจ้งความแลเรื่องต่อ อยู่ในตอนท้ายแผ่นที่ ๖๐)

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

การที่เสด็จพระราชดำเนิรมาแต่วังจันทรเกษม

ณวันจันทร์ เดือน ๑๑ แรม ๔ ค่ำ ปีกุนสัปตศก มาประทับอยู่ที่พระที่นั่งบางปอิน ณวันอังคารเดือน ๑๑ แรม ๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงประทับณพระที่นั่งปิกนิกซึ่งได้จอดที่ท่าในสระข้างใน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาต มีเรือพระยามหามนตรี พระอินทรเทพกับพระวุฒิการนำพระสงฆ์พายไปรับบิณฑบาต ณเรือพระที่

แผ่นที่ ๕๘ ออกวันพุธ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑

นั่ง รวมพระสงฆ์ ๑๙ รูป พระครูธรรมทิวากร วัดชุมพลนิกายารามเปนผู้นำ ครั้นเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง เสด็จออกประทับที่โต๊ะเสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอแลพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกเธอด้วยพร้อมกันเสวยจนเวลาเช้า ๔ โมง เสวยแล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งข้างใน พอเวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงพระราชดำเนิรลงมาที่ท่าฉนวนหน้าพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เสด็จลงประทับณเรือพระที่นั่งเก๋งทองทั้งแท่ง มีเรือทหารแลเรือกลองนำเสด็จไปประทับณวัดชุมพลนิกายารามเสด็จขึ้นฉนวนหน้าวัด ทรงพระราชดำเนิรขึ้นไปรับไตรที่พระศุภรัตน ซึ่งคอยทูลเกล้า ฯ ถวายที่ประตูพระอุโบสถ ทรงถือไตรเข้าไปวางที่พานแว่นฟ้า ที่เจ้าพนักงานได้ตั้งไว้ในพระอุโบสถ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงถวายผ้าไตรพระกฐิน ๓ หนแล้ว โปรด ฯ พระราชทานให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ถวายเทียนประจำพรรษา ครั้นแล้วเสด็จมาประทับณที่พระที่นั่งโทรน ในเวลาควรที่ทรงถวายพระกฐินนั้น แล้วนายพลพ่ายก็ทูลจำนวนพระสงฆ์ตามธรรมเนียม แลพระสงฆ์จำพรรษานั้น มีพระครู ๑ สมุห์ ๑ อันดับเรียนวิปัสนาธุระ ๑๐ รูป อันดับเล่าสวดมนต์ ๗ รูป รวมพระสงฆ์ ๑๙ รูป ทรงถวายกฐินแล้ว พระครูธรรมทิวากรซึ่งเปนประธานในพระอารามนั้น ก็ประกาศกับพระสงฆ์ทั้งปวงที่อยู่ในที่นั้น ครั้นแล้วพระสมุห์จึงกล่าวว่า เห็นสมควรกับพระครูธรรมทิวากร พระสงฆ์ทั้งหลายก็พร้อมกันสาธุทุกองค์ พระสมุห์กับพระสงฆ์รูป ๑ จึงได้สวดญัตทุติยกรรมครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายไตรปีแก่พระสมุห์ ๑ ไตร พระสมุห์กับพระครูธรรมทิวากร ก็ไปครองผ้าไตรที่พระราชทานพร้อมกัน เจ้าพนักงานก็ตีดนตรีประโคม ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว พิณพาทย์ที่ประโคมนั้นก็หยุด แล้วพระครูธรรมทิวากรก็ได้อธิษฐานกรานกฐินเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีถวายเครื่องบริขารแก่พระสงฆ์ซึ่งครองพระกฐินนั้น ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีพระบรมราชโองการให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมถวายผ้าที่เขียนฉลากของที่เกณฑ์พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ถวายแก่พระสงฆ์พระอันดับทั้งหลาย ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ก็ถวายยถาสัพพีแลสวดกาเล พระพิมลธรรมวัดโสมนัสวิหารซึ่งมานำนั้นก็ถวายอติเรกพระสงฆ์ก็รับภะวะตุสัพจบแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ ไปประทับทรงบูชาพระพุทธรูปที่หน้าพระอุโบสถ

----------------------------

แผ่นที่ ๕๙ ออกวันพฤหัสบดี แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑

แล้วทรงพระราชดำเนิรไปทางหลังพระอุโบสถ ทรงบูชาดอกประทุมทอง ซึ่งปั้นด้วยปูนที่บรรจุกระดูกพระสงฆ์ที่เปนใหญ่ในวัดนั้น แต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วทรงพระราชดำเนิรกลับไปลงเรือพระที่นั่ง ล่องลงมาประทับยังพระที่นั่งปิกนิกลำใหญ่ที่จอดอยู่ที่สพานหน้าพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ จึงเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ทรงพระราชดำเนิรขึ้นมาประทับที่เรือพระที่นั่งปิกนิกลำเล็ก ทรงตรัสกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอแลข้าราชการ ประมาณบ่าย ๒ โมงเศษ มีพระบรมราชโองการรับสั่งกับมหาดเล็ก ให้เอาเครื่องเสวยมาตั้งที่ในเรือพระที่นั่งปิกนิกลำเดิมนั้น ครั้นเสวยเสร็จแล้ว เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จขึ้นทรงเครื่องใหม่เสด็จออกทรงเรือพระที่นั่งสุนทรทิพอาสน์ที่ตีกรรเชียง เรือนั้นจอดอยู่ในสระ เสด็จออกไปทางศีร์ษะเกาะด้านตวันตก แล้วเสด็จขึ้นมาทางหน้าพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เลี้ยวลงตามน้ำทางศีร์ษะเกาะทางข้างโน้น ในขณะนั้นมีเรือผ้าป่าแห่ตามเสด็จไปด้วย มีเรือกรรเชียงทหารแลพลเรือนตามเสด็จไปในที่นั้น ๓ ลำด้วยกัน มีพระบรมราชโองการให้เรือข้าราชการทหารพลเรือน แข่งกันอยู่ประมาณ ๒ ครั้ง เรือฝ่ายทหารแพ้ทั้ง ๒ ครั้ง เพราะเรือฝ่ายทหารลำใหญ่เปนเรือทำที่เมืองฮ่องกงจึงได้หนัก เรือข้างพลเรือนนั้นเปนเรือทำมาแต่ยุโรป จึงได้สู้กันไม่ได้ แล้วเสด็จกลับมาประทับณเรือพระที่นั่งปิกนิกลำเล็ก เสด็จขึ้นเวลาย่ำค่ำเศษ พอเวลาทุ่ม ๑ เสด็จออกทรงเรือพระที่นั่งลำนั้น เสด็จข้ามไปฝั่งสระตรงหน้าพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ ทอดพระเนตร์ลครแลการเล่นต่าง ๆ ที่ฉลองผ้าป่าในสระนั้น ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษจึงเสด็จกลับมาประทับยังที่โต๊ะเสวยพร้อมด้วยกันทั้งสิ้นที่เคยเสวยที่นั้น เสวยเสร็จแล้วเวลายามเศษ เสด็จลงเรือพระที่นั่งสำปั้น พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการพร้อมกันลงในเรือพระที่นั่ง แล้วมีพระบรมราชโองการ

----------------------------

แผ่นที่ ๖๐ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ แรม ๑๔ ค่ำ

ให้กระบวรแห่ผ้าป่าแห่ไป ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จตามกระบวรแห่ไปทางในทุ่งหลังโรงลครตรงฝั่งสระข้าม ไปออกทางข้างเกาะ ไปประทับอยู่ที่วัดชุมพลนิกายาราม จึงทรงจุดประทัดสัญญา พระสงฆ์จึงได้ลงมาชักสบงที่เครื่องผ้าป่าที่ทรงแห่ไป ครั้นเสร็จแล้วพระสงฆ์ถวายยถาสัพพี แล้วเสด็จกลับลงมาทางหน้าวัดนั้นตามในเกาะทางหน้าวัง เสด็จเข้าทางศีรษะเกาะเข้าคลองคู่เล็กที่จะเข้าในสระนั้น ประทับณเรือพระที่นั่งปิกนิกลำเล็ก เสด็จขึ้นเวลา ๔ ทุ่มเศษ

แจ้งความ

ในหนังสือพิมพ์ที่ได้ออกณวันอังคาร เดือน ๑๑ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก ว่ามิสเตอร์อาลบาสเตอร์กับมิสเตอร์เดวิดซันแลกัปตันลอฟตัสกับข้าราชการเข้าไปเฝ้าในเวลาเช้า ๔ โมงนั้นผิดไป กับพระยาไชยสุรินทรเข้าไปเฝ้านั้นหาถูกไม่ การทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ได้มาจดเอง ด้วยข้าพเจ้ามีธุระทำบุญที่บ้านหาได้เข้ามาไม่ ให้แต่เสมียนเข้ามาจดแทน ถ้าแม้นข้าพเจ้าเข้ามาเองแล้ว คงจะไม่ให้ผิดได้เปนแน่ ในเวลาที่ข้าราชการเข้าไปนั้น เปนเวลาเที่ยงแล้ว อีกข้อหนึ่งข้าพเจ้าบอกว่าพระราชทานสัญญาบัตร์ให้แก่ขุนอินทรกับข้าราชการอิกคนหนึ่งนั้นผิดไป ข้าพเจ้าหาได้บอกเลอียดไม่ เวลานั้นข้าพเจ้าได้กลับออกจากในพระบรมมหาราชวังจนเวลา ๕ ทุ่มเศษ หาได้ทันสืบให้เลอียดลออไม่ ครั้นจะรอคอยสืบหนังสือพิมพ์จะขาดมือ จะไม่มีความจะเรียง ข้าพเจ้าจึงคิดว่าบอกแต่พอให้ทราบก่อน คิดว่าวันหลังถึงจะแจ้งความให้เลอียดดังนี้ คือดังนี้เปนแน่ นายเจริญนั้นเปนบุตร์พระยาอัคนีสราภัย โปรด ฯ พระราชทานให้เปนขุนอินทรรักษาถือศักดินา ๘๐๐ ทำราชการในกรมช่างทหารในซ้าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้ขุนทิพจักษ์เจ้าหมู่ปฏิทินเปนขุนเทพพยากรณ์ถือศักดินา ๖๐๐ ทำราชการในกรมโหราขอท่านจงทราบเทอญ

โดย ทองแถมถวัลย์วงศ์

แจ้งความ

ข่าวของพระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์นี้ ส่งมายังหาหมดไม่ ไม่ทันที่จะออกต่อในข่าวก่อนได้ จึงได้เอาของพระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์ลงก่อน แต่ข่าวพระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ยังค้างอยู่การนี้ไม่ดีเลยควรจะส่งให้หมดจึงจะถูก เจ้าของที่ทำผิดจะต้องขอโทษท่านทั้งหลายให้มาก

ไปทรงจุดเทียนนมัสการพระเจดีย์ที่วิหารพระอินทรแปลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับเกยทรงพระราชยาน เสด็จโดยทางถนนหลวงเข้าประตูหลังวัง แล้วออกประตูหน้าวังมาประทับเกยณท่าฉนวนวังจันทรเกษม เสด็จพระราชดำเนิร

----------------------------

  1. ๑. คำว่า “พัชนี” ผิด บอกแก้ไว้ในแผ่นที่ ๑๓

  2. ๒. ชาวต่างประเทศกับข้าราชการที่เข้าเฝ้าตอนกล่าวมานี้ ในการที่สร้างสายโทรเลข

  3. ๓. ความตอนนี้เคลื่อนคลาด มีแจ้งความบอกแก้อยู่ในแผ่นที่ ๖๐

  4. ๔. ความตรงนี้ไม่ชัด มีบอกแก้อยู่ในแผ่นที่ ๖๖

  5. ๕. เรียกนามผิด มีบอกแก้อยู่ในแผ่นที่ ๖๖

  6. ๖. ความขาด มีบอกแก้อยู่ในแผ่นที่ ๖๖

  7. ๗. ความตรงนี้ผิด มีบอกแก้อยู่ในแผ่นที่ ๖๖

  8. ๘. นิตยภัตรใหญ่ คือนิตยภัตรบันดาศักดิ์ พระราชาคณะ พระครู เปรียญ ราคาเดือนหนึ่งแต่รูปละ ๖ บาทขึ้นไป นิตยภัตรเล็ก คือ นิตยภัตรพระสงฆ์ซึ่งอยู่พระอารามหลวง ราคาเดือนหนึ่งรูปละ ๒ สลึง

  9. ๙. บาญชีนี้หัวเมืองปักษ์ใต้ขาดเมืองนครศรีธรรมราชเลเมืองสงขลา หัวเมืองฝ่ายตวันตก ตวันออก แลฝ่ายเหนือขาดทั้งหมด

  10. ๑๐. พระที่นั่งไอศวรรยทิพอาสน์องค์เก่า อยู่ตรงพระที่นั่งวโรภาสพิมานเดี๋ยวนี้

  11. ๑๑. ตึกนี้เข้าใจว่าที่เปนโรงทหารมหาดเล็กต่อมา แต่เดี๋ยวนี้รื้อเสียแล้ว

  12. ๑๒. ที่ว่าญัติจตุตถกรรมในที่นี้แห่งหนึ่ง ต่อไปในแผ่นที่ ๕๒ แห่ง ๑ ในแผ่นที่ ๕๓ แห่ง ๑ ผิด ที่ถูกเปนญัติทุติยกรรม มีแจ้งความบอกแก้ไว้ในแผ่นที่ ๗๘

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ