องก์ที่ ๕

ตอนที่ ๑

พลับพลาในค่ายหลวงที่ตำบลกุรุเกษตร์.

[ฉากเปนห้องประทับที่ฃ้างในพลับพลา, ซึ่งมีม่านทองกั้นแทนฝาทั้งด้านขวาและด้านซ้าย; ด้านหลังมีม่านรวบผูกให้แหวกตรงกลางเปนช่องเฃ้าออก, มีลับแลตั้งบังช่องนี้. ทางด้านซ้ายมือมีเตียงตั้งอยู่ชิดม่าน มีราชอาสน์และหมอนทอด, และเครื่องราโชปโภคตั้งพอสมควร.]

(เมื่อเปิดม่าน, ท้าวชัยเสนเอกเขนกอยู่บนเตียง; มีมหาดเล็กอยู่งานพัดคน ๑, หมอบอยู่ทางด้านขวาอีก ๒ คน. สักครู่ ๑ นันทิวรรธนะแหวกม่านด้านขวาแล้วคลานออกมาถวายบังคม.)

[ยานี, ๑๑.]

นันทิวรรธนะ. ขอเดชะพระบาท นรนาถเหนือเกศี,
  บัดนี้เฒ่าธชี ผู้มีชื่อวิทูรไซร้,
  ซึ่งมีพระบัญชา ให้ตระเวนแล้วขับไล่,
  โอหังบังอาจใจ เฃ้ามาถึงณค่ายนี้.
  ฃ้าบาทได้ซักถาม พราหมณ์ว่ามาก็เพราะมี
  เรื่องทูลพระทรงศรี เปนข้อความสำคัญนัก;
  ยืนยันสำคัญแท้, ว่าถึงแม้แกเองจัก
  ต้องรับอาญาหนัก ก็ขอทูลซึ่งกิจจา.
ชัยเสน. แกคงต้องมีสิ่ง จำเปนจริงแกจึงกล้า;
  เอาเถิดเรียกเฃ้ามา, จะฟังเรื่องของแกดู.

(นันทิวรรธนะถวายบังคมแล้วคลานไปที่ม่านด้านขวา, แหวกม่านหน่อยหนึ่งและกวักเรียกเฃ้าไปในโรง; พราหมณ์วิทูรออก, จึ่งพากันคลานเฃ้าไปเฝ้า.)

[อุปัฏิตา, ๑๑.]

ชัยเสน. นี่แน่ตาพราหมณ์เฒ่า แกขอเฝ้าและบอกกู,
  มีข่าวสิ่งใดอยู่ จงรีบแจ้งแถลงมา.
วิทูร. ขอเดชะพระสม มติเทวะราชา,
  โปรดทรงกรุณา ดนุสารภาพผิด;
  โอตตัปปะกระตุ้น ฤดิฃ้าก็หวลคิด
  ได้ว่าผิวะปิด คติไว้จะบาปครัน.
  เมื่อคืนพระเสด็จ จรเฃ้าณสวนขวัญ,
  ฃ้าทูลคติอัน ทุจริตมุสาวาท.
  ความจริงมะทะนา ศุภะลักษะณานาฎ
  ไม่เคยริพิฆาต ฤขบถณภูมี.
  แท้จริงณพระนาง วรเทวิจัณฑี
  ตรัสใช้ดนุนี้ และกระทำอุบายทราม.
  นางนามะอะรา- ลิวิการะไปตาม,
  บอกเค้าคติความ พระดำริพระนางว่า
  ทรงน้อยพระหทัย เพราะวะองค์พระภรรดา
  โปรดนางมะทะนา และมิโปรดพระจัณฑี,
  ความทราบณพระองค์ บิตุรงค์ธจึ่งกรี-
  ธาแสนยะจะตี บุระหัสฺตินาพลัน;
  บัดนั้นก็ประยุท- ธะและยังบแพ้กัน,
  จึ่งองค์วรจัณ- ฑิวิตกจะเสียการ,
  ขอให้ดนุแสร้ง และกระทำพิธีปาน
  หนึ่งว่ายุวะมาลย์ มะทะนาดำรัสใช้
  ให้ฝังวรรูป นรนาถะฦๅชัย,
  อีกทำวิธิให้ ฤดิแห่งศุภางค์รัก.
  ฃ้าเห็นคติทราม และอุวาทะท้วงทัก,
  นางค่อมอะประลักษณ์ ก็ตะคอกและขู่เข็ญ
  ว่าแม้ดนุนี้ บมิยอมก็คงเปน
  โทษใหญ่และจะเห็น ทุขะอันมหันต์สุด,
  เหตุเฃาแหละจะกล่าว พะจิฟ้องดะนูดุจ
  เปนจาระบุรุษ ณพระราชะธานี;
  ฃ้าเห็นวรจัณ- ฑิก็เปนสุดาศรี
  แห่งนายดนุนี้, ดนุจึ่งประนอมใจ
  ทำตามอภิปราย, และอุบายก็เปนไป
  สมคิดและกะไว้ บมิขาดละสักอัน.
  ครั้นเมื่อดนุฟัง พระดำรัสประสาธทัณฑ์,
  ใจฃ้าขณนั้น หิริเตือนว่าตนโหด,
  ฃ้าเองสิเพาะให้ นรนาถะกริ้วโกรธ,
  คนผู้นิระโทษ สิจะถูกประหารชนม์;
  แต่ว่าขณะนั้น ดนุกลัวนะเต็มทน,
  เกรงผิดจะพะตน บมิอาจจะพูดจา.
  ครั้นราชะบุรุษ นิระเทศะตูฃ้า
  ออกจากวรธา- นิดะนูคเณจร;
  ไปไหนฤก็ฃ้า บมิอาจจะหลับนอน,
  เหมือนเพลิงพิษะร้อน ระอุรุมณกลางทรวง.
  ดังนี้แหละทนง จรตรงณค่ายหลวง,
  เพื่อทูลคดิปวง และประณตณบาทา.
  ฃ้าเปนทุรชน และละเมิดพระอาญา,
  แล้วแต่นรนา- ถะจะลงเถอะโทษแรง.

[สัทธรา, ๒๑]

ชัยเสน. ฟังคำหมอเฒ่าวิทูรแจ้ง วะจะนะประดุจจะแทง
  ที่อุราแยง กระทั่งใจ!  
  โอ้แพ้รู้นาริจัญไร, ทุษะประทะณหะทัย
  โดยมิทันได้ คะนึงว่า  
  จัณฑีผู้เปนธิดารา- ชะมะคะธะแหละจะกล้า
  ออกอุบายพา- ละเช่นนั้น;  
  โดยความหึงส์หนักเพราะรักครั้น คะดิประทะทุษะพลัน
  พลุ่งประหนึ่งควัน กระทบตา,  
  สุดแสนคั่งแค้นฤดีว่า ปิยะวะธุมะทะนา  
  นอกฤดีฃ้า ก็ผิดใหญ่  
  บัดนี้ปรากฎบผิดใด สุปิยะชิวะประลัย  
  ฃ้าจะอยู่ใย ณโลกนี้!  

(ท้าวชัยเสนชักดาพออกและทำท่าจะแทงตัว, แต่นันทิวรรธนะรีบไปจับมือไว้ได้ทัน, และในขณะนั้นเองพูดต่อไปนี้.)

[อินทะวิเชียร, ๑๑]

นันทิวรรธนะ. อ้าเทวะโปรดเกล้า กรุณากะฃ้าที,
  ขอองค์พระเจ้าชี- วิตะรั้งพระทัยไว้;
  เหตุด้วยอะรียก พละแสนยะเกรียงไกร
  เกือบถึงพระเวียงชัย, และตลอดวิถีมา
  ได้ทำระส่ำปวง นรหวั่นณวิญญาณ์,
  ดังนี้แหละทวยนา- คะระยังระริกรัว.
  หากรู้ว่ะเสียองค์ ปิยะราชะทูลหัว
  คงยิ่งจะเพิ่มกลัว ภยะพาลพิบัติเบียฬ
  ตราบใดพระเดชแผ่ วรฉายะเหนือเศียร
  ย่อมศานติจำเนียร เพราะพระบาระมีร่ม;
  ชีพตนและชีพญาติ์ บมิห่วงณอารมณ์,
  ขอให้นโรดม วรชนฺมะยืนยัง.
  ไร้ปิ่นดิลกราชย์ ละก็ชาติ์จะภินพัง,
  ไหนเลยจะคงตั้ง อิศะรานุภาพครอง.
  โลกเราสง่างาม ก็เพราะแสงตวันส่อง,
  สิ้นแสงระวีต้อง มละทั่วนะฉันใด;
  อันปวงประชาเปรม ฤดิพึ่งพระเดชไท้,
  เดชดับก็มืดใน ฤดิหม่นละแน่นอน.
  ราตรีสว่างแจ้ง ก็เพราะแสงนิศากร,
  โกฏิ์ดาวณอัมพร ก็บเท่าพระจันทร์เดียว;
  อันว่าพระคุณเปรียบ วรโสมะนั่นเทียว,
  ไร้นาถะฃ้าเหลียว จะประสพพระเจ้าไหน?

[อุเปนทะวิเชียร, ๑๑]

ชัยเสน. สดับวะจีเจ้า ฤก็เราสิเห็นไพ-
  เราะแท้และจับใจ เพราะว่ะเตือนฤดีจัง.
  เพราะเราคะนึงเห็น ดนุผิดสิจึ่งคลั่ง,
  และแค้นหะทัยตั้ง จะประหารดนูเอง.
  บเคยจะมีผิด นิติธรรมณเมื่อเพรง,
  บเคยจะข่มเหง นระผู้บมีโทษ;
  ก็หลงอุบายเฃา ดนุเห็นว่ะตนโฉด,
  เพราะเชื่อณชนโหด ก็ประหาระคนดี.
  อนงค์สุปฺรียา มะทะนาสิเปรียบชี-
  วะแห่งดนูนี้ ฤก็สิ้นชิวาลัย;
  มะโนดนูเปรียบ ดุจะเรือนและนางไซร้
  ประดุจประทีบใช้ ชวลิตณเคหา,
  และกูสิตกล่อง ละก็ซัดชวาลา,
  พิโรธและจับปา บมิทันจะใคร่ครวญ,
  ตะเกียงวินาศแล้ว คะหะมืดสิจึ่งหวล
  คะนึงว่ะไม่ควร จะทลายประทีปนั้น.
  ศุภางคะเสนี ฤก็เคยสนิธกัน,
  ดนูก็ควรมั่น ฤดิว่าสุภักดี;
  เพราะโกรธะครองใจ ดนุให้ประหารชี-
  วะเพื่อนก็บัดนี้ นะสิรู้ว่ะไร้ผิด.
  ศุภางคะเหมือนพา- หะวิเศษะแรงฤทธิ์,
  ดนูสิปลดปลิด วรพาหะแห่งตน.
  อะโหจะหาเมีย ฤสุมิตระอีกหน
  จะเหมือนณสองคน ฤจะได้ณโลกา?
  จะหามณีรัตน์ รุจิเลิดก็อาจหา,
  เพราะมีวะณิชค้า และดนูก็มั่งมี;
  ก็แต่จะหาซึ่ง ภริยาและมิตร์ดี,
  ผิทรัพฺยะมากมี ก็บได้ประดุจใจ,
  แสวงเถอะจนสุด พะสุธาสุราลัย
  เมียใดและเพื่อนใด บมิเปรียบละของกู!
  ฉะนี้สิจึ่งแสน ทุขะมากบอยากอยู่,
  และนึกก็ชังตู เพราะว่ะโง่นะเหลือทน.
  สดับพะจีเจ้า นะสิเราสำนึกตน,
  และจำจะต้องทน ทุขะเพื่อประโยชน์ราษฎร์,
  เพราะถึงจะโศกศัลย์ กะระณีย์บควรฃาด,
  เพราะขัตติโยชาติ์ ทุมะนัสก็กัดฟัน!

[สาลินี, ๑๑]

นันทิวรรธนะ. ฃ้าขอบังคมบาท สุรนาถะราชัน,
  จิตฃ้านี้โล่งพลัน เพราะสดับพระวาจา.
  บัดนี้กราบทูลขอ พระประทานอภัยฃ้า,
  ด้วยมีซึ่งกิจจา ดนุสาระภาพผิด.
  เมื่อคืนที่ตรัสสั่ง ดนุปลงพระชีวิต
  เทวีผู้มิ่งมิตร์ มะทะนากะชู้ไซร้,
  ฃ้าพาทั้งสองถึง ณประตูพระเวียงชัย
  พบพราหมณ์มาแต่ไพร, ทิชะถามคดีพลัน,
  ฃ้าเล่าถี่ถ้วนจึ่ง ทิชะทูลกะแจ่มจันทร์
  ขอเชอญสู่อารัณ- ยะกะพร้อมคณาชี;
  ฃ้าเห็นว่าโปรดให้ ดนุปลงพระชีวี
  นั้นคือว่าภูมี จะมิเลี้ยงพระนางไซร้,
  แม้ปล่อยให้เธอเฃ้า ณอะรัณยะสูญไป
  เหมือนสิ้นชีวาลัย เพราะก็คงบคืนมา,
  ฃ้าจึ่งได้กล่าวคำ อนุญาตทิชาพา
  เทวีเฃ้าสู่ป่า และบได้เผด็จชนม์.
ชัยเสน. อันว่าหัวหน้าพราหมณ์ คณะผู้จะเดิรด้น
  พานางสู่ไพรสณฑ์ นะแหละรู้ฤชื่อไร?
นันทิวรรธนะ. เฃานั้นปรากฎนา- มะว่ะโสมะทัตไซร้,
  แลกล่าวว่าอยู่ใน หิมะวันอรัญศรี.
ชัยเสน. ขอบใจ, เจ้านี่เปน วรเสวิยอดดี,
  เหมือนนำซึ่งวารี สิตะช่วยโชลมตู!
  ดีใจที่รู้ว่า มะทะนานะยังอยู่,
  พอมีโอกาสกู และจะขอวราภัย.
  เมียรอดยังห่วงมิตร์, ก็ศุภางคะนั้นไซร้
  ได้ปลงชีวาลัย ฤว่ะปล่อยประดุจกัน?
นันทิวรรธนะ. ข้อบอกแก่เสนี จะบปลงละชีวัน,
  เปนแต่ให้เฃานั้น มละเฃตประเทศนี้;
  เฃาตอบว่าเฃานั่น ฤดิมั่นณภักดี,
  ต้องห่างจากทรงศีร์ ชิวะเฃาบอยากครอง,
  ขอลาแลว่ามุ่ง จระตรงณที่กอง
  ทัพหลวงด้วยใจปอง ฤดิแฝงระหัสอยู่
  จนถึงเวลาที่ จะประยุทธะต่อสู้
  ศึกแล้วเฃาเตรียมจู่ จระรบศะตรูพาล,
  เพื่อตายในที่รบ อริอย่างทหารหาญ;
  ฃ้าฟังนึกสงสาร ก็ประสาทะตามใจ.
  ครั้นถึงเวลายุทธ์ ดนุเห็นศุภางค์ไซร้
  ออกนำหน้าพลไป และประยุทธะหน้าทัพ
  เห็นพวกฃ้าศึกห้อม ณศุภางคะเหลือนับ,
  ทั้งฟันทั้งแทงยับ และศุภางคะล้มตาย.
  สมใจที่ใฝ่มอบ ชิวะเปนพะลีภาย
  ใต้บาทแห่งฦๅสาย เพราะว่ะมั่นกะตัญญู.
ชัยเสน. เออกูค่อยคลายความ ทุขะทับหทัยอยู่,
  เมื่อทราบมิตรของกู บมิเสียชิวีทราม;
  เปนเชื้อชาติ์นักรบ สละชีพณสงคราม
  นับว่าได้ตายงาม ดุจะนายทหารกล้า.
  อีกหนึ่งนั้นคือนาง สุปฺริยัมวะทาภา,
  ได้ออกจากภารา จระสู่ประเทศไหน?
นันทิวรรธนะ. นางขอตามไปเพื่อน วรเทวิศรีใส,
  จึ่งพร้อมกันเดิรไป ณประเทศะอารัญ.

[อุปชาติ, ๑๑]

ชัยเสน. ฉนี้ก็กูพอ จะประศาสน์และสั่งสรรพ์
  ให้ถูกณทางธรร- มะและสมกะโทษกร.
  อันท้าวมคธยก พลก่อกะลีบร.
  เพราะเชื่อธิดารอน รณะปราศะธรรมา,
  และได้ปะราชิต ขณะนี้ก็ตกมา
  เปนตัวชเลยฃ้า บมิควรจะปราณี.
  ให้โหระหาฤกษ์ ดิถิงามและยามดี,
  จะทำพิธีศรี วรุดมประถมกรรม์,
  และปลงพระชนม์ท้าว มคะธาธิเบนทร์นั้น
  รองเลือดชำระสรร- พะอุบัทว์ณบาทเรา;
  เอาเศียรอะรีใส่ ณชลอมและให้เจ้า
  ธิดาและรับเอา ศิระแห่งบิดาไซร้,
  และทูลกะบาลจาก วรธานิกูไป
  สู่แดนมคธให้ นระเห็นและเปนตัว
  อย่างว่านรีคด และขบถประทุษผัว
  ก็แพ้ณภัยตัว บมิได้เจริญนาน.
  และอีอะราลี ทุรยศกะลีพาล,
  ให้เจ้าพนักงาน นคะราภิรักษ์พลัน
  เฆี่ยนเสียเถอะสามยก และก็สักนะลาศมัน,
  และตัดจมูกกรรณ์, นิระเทศะมันไป.
  วิทูรก็มีโทษ เพราะว่ะรู้และเปนใจ,
  แต่ว่าธชีได้ สติสาระภาพผิด
  จนเราตระหนักเรื่อง, ก็ฉนี้แหละเราคิด
  ธชีผิมีผิด ฤก็ชอบประกอบมี;
  จะให้อภัยพราหมณ์, และณกาละต่อนี้
  พราหมณ์จงประพฤติ์ดี สุจริตณไตรทฺวาร;
  จงมุ่งผดุงกิจ ตะบะกรรมะเผาผลาญ,
  และข่มกิเลสมาน มะนะแน่วณพรหมา.

[อุปัฏิตา, ๑๑.]

วิทูร. อ้าเทวะสุธรร- มิกะปฺรียะราชา,
  อันทรงกรุณา ดนุผู้ประพฤติผิด,
  นี่คือพระแสดง สุรธรรมะโสภิต,
  มีแต่สุรฤท- ธิจะเทียบพระภูบาล;
  นึกว่าบมิรอด คุรุทัณฑะแรงราญ,
  บัดนี้พระประทาน พระอภัยกะฃ้านี้,
  เหมือนรดศิระด้วย สุรทิพฺยะวารี
  ชุ่มชื่นณฤดี, ดนุขอปฏิญญา:
  แต่นี่สละทั้ง คะหะทรัพย์และออกป่า
  เพื่อตั้งตะบะบา- รมิบ่มกุศลไว้,
  แน่แท้จะอุทิศ ผละบุญถวายไท้
  ตอบแทนพระอภัย วรทานณกาลนี้.
  ขอให้พระเสวย สุขะเพลินเจริญศรี,
  สมดังพระฤดี ภยะแผ้วพระภูบาล;
  กิจใดพระประสง- คะก็จงประสิทธิ์ท่าน,
  การปวงประลุปาน วรราชประสงค์สรรพ์,
  ลาภหลั่งบมิหยุด เถอะประดุจอุทกถั่น,
  ทรงชัยชะนะสรร- พะศะตรูบรู้แพ้.
  ขอให้วรศัก- ดิและฤทธิเรืองแผ่
  ไพศาลประลุแค่ สุระภูมิภาคบน,
  เปนใหญ่ณประเท- ศะมนุษณสากล,
  ครอบครองนรชน จตุรางคะวรรณา.
  ขอทวยสุรฤท- ธิประสิทธิ์พระพรมา
  พร้อมดังพะจิฃ้า วรบาทถวายพร.

(พราหมณ์วิทูรถวายบังคมท้าวชัยเสนแล้วคลานถอยไปเฃ้าโรงทางขวา.)

ชัยเสน. แน่ะนันทิวรรธน์เตรียม พละเสนิกากร,
  จะไปพนาดร และจะรับพระนงคราญ;
  และสั่งณวังเตรียม วรศีวิกากาญจน์,
  สนมพนักงาน สะขิสรรพประดับศักดิ์.
  ดนูจะไปยัง กุฎิที่มุนีพัก,
  และรับวธูรัก จระกลับณเวียงชัย;
  ณฝ่ายนครหลวง ก็ประดับประดาไว้,
  เพราะกลับณเมื่อใด ก็จะมีพิธีการ
  ภิเษกพระนางเจ้า มะทะนาสุมนมาลย์
  วิสุทธินงคราญ อรเอกมะเหษี.
  อนึ่งศุภางค์ผู้ ศุภะมิตระยอดดี,
  ก็ควรจะเผาผี และสนองคุณานันต์;
  ผิศพศุภางค์ยัง บมิสูญก็จงพลัน
  ประดิษฐะเชิงชั้น วรจิตระกาธาร,
  และเผาสุมิตร์แล้ว ละก็แห่วะรางคาร
  ณฝั่งมหาธาร ยะมุนานทีศรี,
  ก็คงจะล้างมล ทินะโทษประดามี,
  และโทมะนัสที่ ฤดีกูจะค่อยเบา:
  สุมิตระคนนั้น นะก็ดุจอะนุชเรา,
  ฉนั้นนะตัวเจ้า แหละประจงณการศพ,
  มิให้อะไรฃาด เพราะว่ะปราศะเคารพ.
นันทิวรรธนะ. ดำรัสพระทรงภพ ดนุนี้จะทำตาม.

(ท้าวชัยเสนเฃ้าโรงทางช่องกลาง, และมหาดเล็กคลานตามเฃ้าโรงทางนั้นด้วย. ส่วนนันทิวรรธนะเฃ้าโรงทางขวา.)

(ระหว่างเปลี่ยนฉากพิณพาทย์ทำเพลงพระยาโศก.)

ตอนที่ ๒

กลางป่าหิมะวัน

[นี้คือฉากเดียวกับฉากตอนที่ ๑ องก์ที่ ๒ นั้นเอง, ผิดแต่ในตอนนี้มิได้มีต้นกุหลาบเท่านั้น.]

(มัทนานั่งอยู่บนตอไม้; ปริยัมวะทานั่งอยู่กับพื้นข้างตอไม้; มีนางสาวใช้อีก ๒ คนนั่งอยู่ห่าง ๆ ทางด้านขวาแห่งเวที; และมีพวกบริวารของพระกาละทรรศินกำลังขนฟืนมากองที่กลางเวที,. เตรียมสำหรับจุด; ศุนเปนผู้กำกับพวกบริวารให้ขนฟืนและจัดเครื่องพะลีในระหว่างเวลาที่ปริยัมวะทากับมัทนาพูดกันต่อไปนี้.)

[ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒.]

ปริยัมวะทา. พระแม่เพียรพะลีมา ก็สับดาหะล่วงสาม,
  มิเห็นว่าจะสมความ ประสงค์ดังดำรัสไว้;
  กระหม่อมฉันจะทูลสา- ระภาพตรงณจริงใจ,
  กระหม่อมฉันมิอยากให้ พะลีนี้ประสิทธิ์ผล;
  เพราะหากว่าพะลีเสร็จ เสด็จกลับณเบื้องบน,
  กระหม่อมฉันจะต้องทน ระทมทุกขะหงอยเหงา.
  เพราะทุกวารก็บานใจ และรับใช้พระแม่เจ้า,
  บำเรอบาทะค่ำเช้า บเคยคลาดและคลาไกล.
  พระแม่โปรดกระหม่อมฉัน ก็อย่าพลันเสด็จไป,
  จะทรงทิ้งสะขีให้ อนาถโอ้บสงสาร.
มัทนา. อ๊ะปฺรียัมวะทานาง จะหมองหมางมิเฃ้าการ,
  มิใช่ฉันมิสงสาร ฤชิงชังนะหล่อนเอ๋ย.
  เพราะตั้งแต่ดะนูไป ณกรุงไกรก็ทรามเชย,
  บำเรอจิตสนิธเคย ประจบดีบเว้นวัน;
  และเห็นแล้วละรักจริง ผิจำทิ้งก็ตัวฉัน
  จะเสียใจและโศกศัลย์ มิน้อยแน่ละโฉมตรู.
  ผิเทวาธเกื้อกูล จะลองทูลและถามดู,
  ผิพานางนะไปอยู่ กะฃ้าได้จะพาไป.
ปริยัมวะทา. พระแม่เจ้าเสด็จสู่ พิภพสฺวรรค์ณชั้นใด
  ก็อยากตามเสด็จไป บำเรอบาทบคลาดคลา.

(บัดนี้ศุนมารายงานกับปริยัมวะทาว่าพร้อมแล้ว, มัทนาจึ่งลุกจากตอไม้ไปนั่งที่หน้ากองฟืนและก่อไฟ. คนอื่นนั่งในที่อันควร. มัทนาจุดไฟเสร็จแล้วกล่าวคำวอนเทวดา.)

(รโธทฺธตา, ๑๑)

มัทนา. ฃ้าประณมกะระกระพุม ประชุมนะฃา
  ไหว้สุเทษณ์วระมหา มหิทธิบูรณ์,
  เชอญสดับสุวระพจน์ ประณตทำนูล
  วอนพระองคะอนุกูล และเมตตะด้วย.
  ยามดนูสิทุขะจัต ธตรัสจะช่วย
  โดยพระมุ่งกรุณะอวย พระพรประทาน;
  ฃ้าพระบาทฤทุขะมี ฤดีจะราน,
  เทวะโปรดและอุปะการ จะสิทธิผล:
  เมตตะธรรมะนะสิจุน และหนุนสกล
  ช่วยผดุงนิกะระชน ประโลมฤดี.
  เชอญเสด็จอะมะระมา ณวาระนี้,
  รับเสวยวระพลี ดนูถวาย.
  โดยดนูทุขะวิโยค และโชคก็หาย,
  อยากจะใคร่ชิวะมลาย บ่ทนและทุกข์,
  อยู่ก็โศกะจะทวี บมีสนุก,
  สามิทิ้งฤวะจะสุข ฤมีเจริญ

(ตักน้ำมันเนยหยอดที่กองไฟ, แล้วกล่าวต่อไป.)

  อ้าสุเทษณ์ผิกรุณา ก็ฃ้าสิเชอญ
  ล่องนะภาพะระและเหิร ระเห็จและมา.
  โปรดเถอะองค์อะมะระรับ สดับวะทา,
  ฃ้าพระบาทมะทะนา จะทูลอะมร!

(พิณพาทย์ทำเพลิงตระเชอญ. พอถึงรัวท้ายตระ เมฆด้านหลังเวทีแหวกออก, และสุเทษณ์ลอยอยู่ในระหว่างเมฆ, แต่สมมตว่าไม่มีใครเห็นนอกจากมัทนา.)

[สวาคตา, ๑๑]

สุเทษณ์. ฃ้าสดับสุมะทะนา วจะว่าวอน,
  ใจก็นึกกรุณะหล่อน ฤดิสงสาร;
  เล็งก็รู้ณพะหุเหตุ์ ทุขะเภทพาล
  ใคร่จะช่วยและอุปะการ ยุวะนารี.
  หากว่ะโฉมศุภะอนงค์ จะประสงค์ลี
  ลาณแดนสุระวะดี ก็จะพาไป,
  เพื่อถนอมวระวะธู ดุจะคู่ใจ
  เปนมะเหษิอรไทย ก็จะแสนสุข;
  ฃ้าจะเลี้ยงสะมระรัตน์ และขจัดทุกข์,
  ชวนภิรมย์ระติสนุก บมิเว้นวัน.
  ฃ้าจะหาสุระนะรี ยุวะดีสวรรค์.
  เปนสะขีคณะกำนัล ปฏิบัติ์นาง,
  ทุกทิวาจะบมิต้อง ฤดิหมองหมาง,
  นั่งสดับสุดุริยาง- คะประเลงนิตย์;
  ในสุราละยะวิมาน จะสราญจิต,
  แนบดะนูมะนะสนิธ และสิเนหา;
  คงบ่ทำกะมละหมอง ชละนองตา
  เช่นพระองคะนรสา- มิกระทำแล้ว!
  เชอญนะรีระตะนะมิ่ง มณิยิ่งแก้ว
  ไปกะฃ้าละก็จะแคล้ว ภยะด้วยพลัน.
  เชอญนะรีสิริสำรวย จระด้วยกัน,
  สู่พิภพอะมระสรรค์ เถอะจะว่าไร?

(มัทนาก้มหน้านิ่งนึกอยู่สักครู่ ๑ ก่อน, แล้วจึ่งคลานเฃ้าไปทางด้านหลังและยกมือไหว้, แล้วทูลตอบอย่างฉาดฉาน.)

(รโรทฺธตา, ๑๑)

มัทนา. ฟังพระวาทะวรศัพท์ ก็จับฤทัย,
  เห็นพระทรงกรุณะไซร้ บจืดบจาง;
  ฃ้าจะทูลนะฤก็ยาก บอยากจะพราง,
  แต่มิทูลอะมระทาง ก็คงมิโปรด.
  ฃ้าพระบาทะฤก็เขลา และเฉาและโฉด,
  คงมิพ้นสุระพิโรธ และโทษะกร.
  ฃ้าเฉลยพระมะธุรส สุราดิศร
  ได้ก็ดังประดุจะก่อน ณภูมิสรรค์.
  อันจะทรงพระกรุณา ณฃ้าฉนั้น,
  เปนพระคุณดะนุจะพรร- ณะนาบได้;
  หากจะมีวิถิถนัด บขัดหะทัย,
  ทั้งจะใช้ณธุระใด บมีระอา,
  แต่จะโปรดดะนุและให้ คระไลนะภา
  เปนพระบาทะบริจา- ริกาฉนี้,
  เกรงจะผิดพระนิติธรร- มะอันนะรี
  เสพย์กะสองบุรุษะมี ฤใครจะชม?
  อันพระองค์อะมระเศรษ- ฐะเดชอุดม
  จึ่งมิควรจะอภิรม- ยะนาริทราม;
  ฃ้าทำนูลวะจะนะตรง ดำรงณความ
  สัตฺยะธรรมะคะติงาม นะเทวะไท!

[สวาคตา, ๑๑]

สุเทษณ์. พูดพิกลละมะทะนา, ก็จะว่าไร?
  ชวนณสรวงก็บมิไป บมิจงจินต์,
  หล่อนจะคงกะมละแค้น และณแดนดิน
  อยู่จะแสนทุขะยุพิน ก็จะขืนอยู่;
  อันจะช่วยธุระยุพา ฤก็ฃ้าดู
  ไร้วิถีและก็ดะนู จะประสาทใด,
  จึงจะสมวรประสง- คะอะนงค์ได้?
  จงเฉลยวะจะนะให้ ดนุรู้ที.

[รโธทฺธตา, ๑๑.]

มัทนา. ใดจะพึงกะมละกว่า พระสามิที่
  เปนวราภะระณะศรี ณเกศถกล.
  ฃ้าก็ขออะมระฤทธิ์ ประสิทธิผล,
  ช่วยประสาทะสุขะดล หทัยถนัด
  แห่งพระวีระชยะเสน นเรนทะรัตน์,
  ให้พระจากนะคะรหัสฺ- ตินาและมา
  รับดนูจระณขัณฑ์, ฉนั้นแหละฃ้า
  โศกจะส่างและมะทะนา จะเปรมหทัย!

[สวาคตา, ๑๑.]

สุเทษณ์. ผัวก็ทิ้งและบมิหวง วธุห่วงได้,
  ทีดะนูวะธุไฉน บมิยอมรัก?
  ฃ้าจะวอนสุปิยะรัตน์ ก็สบัดพักตร์,
  ราวกะทรามและทุระลักษณ์ บมิมีดี.
  ฃ้าจะกล่าววะจะนะจัง ละนะครั้งนี้;
  คือผินางจะบมิมี มะนะรักไซร้,
  ฃ้าจะมีฤดิประนอม ฤจะยอมให้
  หล่อนนะรักบุรุษะใด นะฤอย่าคิด.
  เมื่อดนูจะบมิสม อภิรมจิต,
  จักมิยอมบุรุษะชิด มะทะนาแล้ว.
  จำจะลาละปิยะนาฎ เพราะจะคลาดแคล้ว,
  คงมิเห็นสุวะธุแก้ว มณิกลอยตา.
  แต่ณกาละทิวะนี้ วนิดาภา
  เปนสุกุพฺชะกะผะกา บมิเปลี่ยนเลย,
  เพื่อประกันบุรุษะอื่น บมิชื่นเชย.
  โฉมอนงค์ดรุณิเอย, วจะฃ้าขลัง,
  สาปก็จักอะจิระสิท- ธิสะมิทธิ์ดัง
  ฃ้าประกาศวะจะนะสั่ง นะสดับดี:
  กลายเถอะร่างสุมะทะนา ดุจะมาลี,
  เปนสุกุพฺชะกะฉนี้ เถอะนิรันดร!

(พิณพาทย์ทำเพลงรัวสามลา. มัทนาฟุบตัวก้มหน้าลงและนิ่งไปเหมือนตาย, แล้วค่อยๆ กลายเปนต้นกุหลาบอย่างเช่นที่เห็นในต้นองก์ที่ ๒ สุเทษณ์ดูอยู่จนนางกลายเปนกุหลาบไปแล้วก็หายไปในกลีบเมฆ. คนอื่น ๆ จ้องดูมัทนาอยู่ด้วยความประหลาดใจอย่างมิรู้ทางเหนือทางใต้, จนจบเพลงจึ่งต่างคนต่างสกิดกันและพูดกันซุบซิบ, เว้นแต่ปริยัมวะทาวิ่งเฃ้าไปที่ต้นกุหลาบและกล่าวคำครวญ.)

[ปิยํวทา, ๑๒]

(พิณพาทย์ทำเพลงโอด: ปริยัมวะทาร้องไห้สอึกสอื้น.. พอจบหน้าพาทย์ก็พอพระกาละทรรศินเดิรนำเสด็จท้าวชัยเสนออกมาทางซ้าย; นันทิวรรธนะ, โสมะทัต, และนายทหารตามออกมาด้วย. ในชั้นต้นผู้ที่มาใหม่ยังไม่มีใครเห็นต้นกุหลาบ.)

[ฉบงง, ๑๖]

ปริยัมวะทา. ทุขะอะโหพระมะทะนา พระมาตุวร,
  พระจะมะลายพระชิวะจร พระแม่ไฉน
  บมิดำรัสวะจะนะชวน, พระด่วนคระไล,
  พระมละทิ้งดะนุพิไร พิลาปอะนันต์;
  พระวรคุณอดุละครอง และป้องและกัน,
  ดนุฉนี้ฤจะมิศัล- ยะเศร้าอุรา.
  ก็ผิวะรู้ณคติฃำ ปฺริยัมวะทา
  ฤจะมิตามพระวรมา- ตุวายชิวาตม์?
  พระปิยะเทวิจระไป ก็ใจจะฃาด;
  ผิวะจะตามยุคะละบาท มิขัดและขวาง,
  จะติระตามบะทะดำเนิร บเหินบห่าง
  และประติบัติ์ประดุจะอย่าง อดีตะกาล.
  ชะชะพระมัจจุฤกระไร หทัยธพาล,
  ก็ดนุนี้สิมิประหาร, ประหารพระแม่.
  ทุขะระทมกะมละเปลี่ยว จะเหลียวจะแล
  ก็บประสพสุขะณแด, จะพึ่งณใคร?
  พระปิยะมาตุจระดั้น ณสรรคะใด
  ดนุจะขอจะริกะไป ณกาละนี้!
ชัยเสน. เอ๊ะ! พระคุณว่าเทวี เธออยู่แห่งนี้, แต่บเห็นทรามวัย.
กาละทรรศิน. เทวีตั้งแต่มาไพร, ทุกสัปดาห์ได้ เสด็จณแดนดงนี้,
  เพื่อทรงทำกิจพลี; นี่กองอัคคี ยังอยู่เพื่อเปนพยาน.
  เธอว่าจะกอบยัญญะการ วอนเทพพิศาล ขอให้อำนวยพรศรี.

(ระหว่างนี้โสมะทัตได้แลเห็นต้นกุหลาบแล้ว, จึ่งเฃ้าไปไหว้อาจารย์และพูด.)

โสมะทัต. ฃ้าขอโอกาสมุนี! โปรดดูทางนี้ (ชี้ต้นกุหลาบ.)
กาละทรรศิน. (เหลียวไป, และพูดอย่างตกใจ.) อะโห! เรามาช้าไป!
ชัยเสน. เอ๊ะก็นั่นนารีใด ซบตัวร้องไห้ อยู่ที่ฃ้างพุ่มพฤกษา?
กาละทรรศิน. นั่นคือปฺริยัมวะทา นารีที่มา พร้อมกับพระราชเทวี.
ชัยเสน. ปฺริยัมวะทานารี, ฃ้าขอโทษที; เชอญเจ้ามาหาฃ้าเถิด!
  (ปริยัมวะทาคลานมากราบท้าวชัยเสน.)
  จงเล่าให้เราว่าเถิด เหตุใดโฉมเฉิด จึ่งได้โศกาอาดูร.
ปริยัมวะทา. เรื่องที่หม่อมฉันจะทูล องค์นเรนทร์สูร คงแทบมิทรงเชื่อได้.
ชัยเสน. เอาเถิดแถลงเรื่องไป, อันเรานี้ไซร้ จะเชื่อจะฟังบังอร.

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]

ปริยัมวะทา. ตั้งแต่พระเทวี มะทะนาเสด็จจร
  มาสู่พะนาดร พระฤดีบมีสุข,
  เฝ้าแต่จะทรงศัล- ยะกำสรวลและครวญขุก
  เข็ญมีทวีทุก ทิวะราตริโศกา.
  จึ่งทรงพระปรารภ พะลิบวงสุเทวา,
  ทุกเสาร์เสด็จมา วนะถิ่นสนามนี้.
  ก่ออัคคิขึ้นแล้ว ละก็กล่าวพระวาที
  ทูลเทวะนามมี พระสุเทษณ์วิเศษฤทธิ์,
  ขอให้เสด็จมา และประทานพระพรสิทธิ์,
  ขอให้ธปลดปลิด ทุขะท่วมณวิญญาณ์.
  ได้ตั้งพะลีกรร- มะณสามสุสับดาห์,
  แต่ยังบเห็นปรา- กฏะผลณการยัญ.
  จนมาณครานี้ สิประเดิมพะลีกรรม์
  ไม่ช้าก็หม่อมฉัน นะสิเห็นพิกลนัก,
  คือเห็นพระแม่เธอ นะชะเง้อและแหงนพักตร์
  สู่ฟ้าประดุจจัก จะทำนูลกะเทพไท;
  หม่อมฉันชะเง้อบ้าง ก็บเห็นว่ะมีใคร,
  แต่องค์พระแม่ไซร้ ธประพฤติ์ประดุจเห็น,
  ทั้งเงี่ยพระโสตฟัง วะจะดังจะยินเจน
  แล้วตรัสเฉลยเปน คติถ้อยกระทงความ,
  ฃ้าจำกระแสได้ และจะขอพยายาม
  ทูลเล่าแถลงตาม วรพจน์พระแม่ว่า:

(รโธทฺธตา, ๑๑)

  “อันจะโปรดดะนุและให้ คระไลนะภา
  “เปนพระบาทะบริจา ริกาฉนี้,
  “เกรงจะผิดพระนิติธรร- มะอันนะรี
  “เสพย์กะสองบุรุษะมี ฤใครจะชม?
  “อันพระองค์อมระเศรษ- ฐะเดชอุดม
  “จึ่งมิควรจะอภิรม- ยะนาริทราม;
  “ฃ้าทำนูลวะจะนะตรง ดำรงณความ
  “สัตยะธรรมะคติงาม นะเทวะไท!”

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]

ชัยเสน. อ้อ! คือสุเทษณ์กล่าว วะทะชวนจะพาไป
  ยังฟ้าสุราลัย ผิวะยอมสิเนหา,
  แต่นางมิยินยอม จะประนอมกะเทวา!
  เรื่องเดิมนะตูฃ้า ฤก็รู้อยู่แล้วดี.
  ปฺรียัมวะทาจง อภิปรายะอีกที
  ต่อจากตะกี้นี้, เพราะว่ะยังมิจบลง.
ปริยัมวะทา. ต่อนั้นก็ได้เห็น วรเทวินั่งตรง,
  ดูท่าประหนึ่งม่ง มนะฟังพระบัญชา
  แห่งเทวะผู้เผย พะจะจากณฟากฟ้า,
  แล้วจึ่งพระมาตา ธอุวาทะดังนี้:

(รโธทฺธตา, ๑๑.)

  “ใดจะพึงกะมละกว่า พระสามิที่
  “เปนวะราภะระณะศรี ณเกศถกล.
  “ฃ้าก็ขออะมระฤทธิ์ ประสิทธิผล
  “ช่วยประสาทะสุขะดล หทัยถนัด
  “แห่งพระวีระชยะเสน นเรนทะรัตน์,
  “ให้พระจากนะคะรหัสฺ- ตินาและมา
  “รับดะนูจระณขัณฑ์, ฉนั้นแหละฃ้า
  “โศกจะสร่างและมะทะนา จะเปรมหทัย!”

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]

  พอตรัสฉะนี้แล้ว ดะนุเห็นพระแม่ไซร้
  คงตั้งพระเนตร์ไป ณนะภาและฃ้าดู
  อีกหน่อยก็สังเกต ทุรเหตุพิกลอยู่,
  โดยพักตระโฉมตรู นะสิซีดบสดแดง;
  แล้วมีสำเนียงมา ดุจะพายุพัดแรง,
  อึงอลณหนแห่ง กละเมทินีไหว.
  ครั้นเมื่อสงบพา- ยุคะนองสิมองไป
  เห็นองค์พระแม่ไซร้ ธระทมและล้มนอน,
  แล้วเห็นประหลาทมี วระบุบผะงามงอน
  แทนองค์พระมารดร ดุจะเห็นณแห่งนั้น.

[ปิยํวทา, ๑๒.]

  ดนุก็แสนกมละโศก วิโยคและศัลย์,
  เพราะบมิรู้และบมิทัน จะเตรียมหทัย;
  ผิดนุรู้ระหสะความ จะตามพระไป
  และประติบัติ์พระอรไทย บคิดระอา,
  เพราะดนุรักปิยะนะรี ฉนี้และถ้า
  ชิวะดนูจะมระณา บหวงบแหน.
  พระปิยมาตุพระเสด็จ ประเวศณแมน
  ดนุจะมีสุขะณแดน มะนุษไฉน?

(ปริยัมวะทาซบหน้าลงร้องไห้. ท้าวชัยเสนก็ร้องไห้ด้วย, และแขงใจดับโศกและพูด.)

[อินทวงส์, ๑๒.]

ชัยเสน. ฟังนางแถลงเหตุ ภยะเภทะจับหทัย,
  เห็นเปนพยานไซร้ มะทะนาวิเศษะแท้;
  ด้วยหล่อนสิจงรัก มนะภักดิสุดละแม้
  เทวันธชวนแม่ บมิยอมประนอมฤดี.
  หานาริรัตน์ไหน ณประเทศะเมทินี
  เปรียบมิ่งมะเหษี ดนุได้นะสุดจะหา!
  แม้รอประเดี๋ยวเดียว ฤก็ผัวก็คงจะมา
  ทันพบและแก้วตา นะก็คงบร้อนกะมล
  เปนกรรมกระทำไว้ ณอดีตประสิทธิผล,
  ผัวจึ่งมิทันยล วระพักตร์สุลักษะณา.
  ถึงแม่จะเปนกุพฺ- ชะกะแล้วก็ช่างเถอะฃ้า
  ขอนำสุมาลา ณนะครทนุถนอม;
  จักจัดคณานาง สะขิภักดิแวดและล้อม,
  ทั้งมีทหารพร้อม จระตั้งกระบวนคระไล.
  ถึงเวียงจะตั้งการ สุรยัญพิเศษพิสัย,
  ป่าวร้องประกาศให้ มรุอีกมนุษนิกร
  รู้เรื่องประเทืองเทอด วระเกียรติสายสมร,
  เทวานะรากร ก็จะพร้อมและโมทะนา.
  อีกเราจะรับตัว วระนาฎปฺริยัมวะทา
  กลับคืนพระภารา และจะเลี้ยงประดุจณเดิม,
  ให้สมกะที่ซื่อ สุจริตคุณาเฉลิม
  ยศศักดิส่งเสริม, และดนูจะขออะภัย
  ที่ได้กระทำโทษ วธุผิดสุธรรมะไซร้,
  คงตอบและแทนให้ สุขะศานต์สราญทวี.
ปริยัมวะทา. หม่อมฉันก็เปนฃ้า วระบาทพระภูบดี,
  แต่น้อยบเคยมี วระนาถะอื่นฤไกล.
  เมื่อทรงพระการุณ- ยะก็ฃ้าสราญหทัย,
  ชีวิตถวายไว้ ณธุลีพระบาทยุคล.

[ฉบงง, ๑๖.]

ชัยเสน. มุนีฃ้าขออีกหน จงช่วยด้วยมนตร์ ให้ฃ้าได้สมจินดา;
  ช่วยกล่าวปิยะวาจา ให้มะทะนา ยอมไปนครหัสดิน.
กาละทรรศิน. อันอาตะมะก็ยิน- ดีช่วยนรินทร์ เพื่อให้ธสมประสงค์,
  เพราะเชื่ออยู่ว่าธคง เต็มหทัยทรง บำรุงซึ่งมิ่งไม้นี้,
  และถ้าอยู่กรุงจะดี กว่าคงอยู่ที่ ณกลางอรัญกันดาร.
  โปรดสั่งให้เฃาเตรียมการ ขุดรุกขะมาลย์, เพราะเชื่อว่าคงยอมไป.

(ท้าวชัยเสนสั่งนันทิวรรธนะให้เตรียมเครื่องมือ. ฝ่ายพระกาละทรรศินไปที่ต้นกุหลาบและพูดกับต้นไม้นั้น.)

(มันทักกันตา, ๑๗.)

กาละทรรศิน. อ้าโฉมฉายสายสะมะระมะทะนา, ฟังบิดาว่า เถอะทรามวัย.
  อันองค์สมเด็จพระนรปะติไซร้ ท่านจะรับไป ณเขตขัณฑ์;
  ลูกเคยมุ่งภักดิณปะระมะธรร- มาธิราชัน- ยะสามี,
  ท่านตามมาจากวระสุระบุรี โดยกะมลที่ สิเนหา,
  หากลูกยอมไปละก็วระสุดา คงจะได้สา- ระพัตสุข,
  ไปอยู่เวียงเนียงฤก็จะบมิทุกข์ ปราศะเข็ญขุก และปลอดภัย.
  ภูมีดีกว่าอะมระเพราะหะทัย ท่านสิรักใคร่ สุนารี,
  พ่อแลเห็นปรากะฏะฤดิฉนี้ จึ่งมอบศรี สุดาอร
  แด่องค์สมเด็จปะระมะอดิศร, แล้วจะได้นอน ละตาหลับ.
  อ้าลูกน้อยกลอยฤดิบิตุระรับ เชอญเถอะงามสรรพ สุมาลี!

(พระกาละทรรศินเรียกศังข์มาหลั่งน้ำที่โคนต้นกุหลาบ, แล้วทูลเชอญท้าวชัยเสนให้ตรัสชวนเอง. ท้าวชัยเสนจึ่งไปกล่าวคำชวนดังต่อไปนี้.)

(อีทิสะ, ๒๐.)

ชัยเสน. อ้าวะธูดะนูนะทุกข์ทวี
  เพราะแสนจะโศกวิโยคสุปรี- ยะอย่าแหนง,
  พี่สิผิดเพราะจิตวิโรธะแรง,
  อุบายะชั่วบรู้บแจ้ง สิจึ่งหลง,
  ยามตระหนักสิชักจะบ้าจะปลง
  ประหารชิวีบมีประสงค์ จะคงอยู่,
  แต่พะเอินสุเสวิเตือนดะนู
  ฉนั้นสิจึ่งสำนึกนะตู บวางวาย;
  เสด็จประยุทธะสมนิยมก็หมาย
  และมุ่งฤดีจะรับพระสาย สมรพลัน,
  จากพะนาและคืนณเขตตะขัณฑ์
  และมุ่งจะเสกสุนารินัน- ทะนาภา
  เปนพระอัคคะราชินีมหา
  สุมาตุแห่งนิกรประชา ณหัสฺดิน;
  โอ้พะเอินก็มามิพบยุพิน,
  กระนั้นนะฃ้ายังถวิล จะรับไป.
  จึ่งจะเชอญสุกุพฺชะกาวิไลย
  แหละแทนอนงคะจงคระไร เถอะพฤกษา,
  ฃ้าจะรับประทับณศีวิกา,
  และพร้อมกระบวนจะแห่ณธา- นิรังสรรค์;
  ถึงบุรีจะได้เฉลิมพระขวัญ,
  จะเปรอมิให้อนาถณวัน ฤราตรี.
  เชอญเถอะแม่ดนูเชอญนะมาระศรี,
  เสด็จเถอะอย่าระคายฤดี ดนูวอน!

(ท้าวชัยเสนเรียกศังข์หลั่งน้ำที่โคนต้นกุหลาบ, แล้วให้คนขุดก็ขุดได้โดยสดวก. นันทิวรรธนะก็เรียกวอทองออกมา, และให้ยกต้นกุหลบขึ้นบนวอ.)

[ฉบงง, ๑๖.]

ชัยเสน. ก่อนที่ตูฃ้าจะจร ฃ้าขอรับพร จากองค์มุนีทรงญาณ;
  จงโปรดอำนวยเถิดท่าน, เพื่อช่วยให้การ เดิรกลับเปนไปได้ดี.
  อีกเมื่อไปถึงธานี ขอให้มาลี อยู่ดีบได้โรยรา,
  และให้ดำรงคงกว่า ชีวิตของฃ้า จะถึงณอายุขัย.

[กุสุมิตลดา, ๑๘.]

กาละทรรศิน. ฃ้าขอให้เทพองค์อะธิปะติณไตร-
  ตรึงษะโปรดให้ พระพรสิทธิ์
  แด่องค์สมเด็จราชะปะระมะบพิตร์
  เรืองมหาฤท- ธิเดชา,
  มีชัยในการยุทธะและบมิปะรา-
  ชัยณทั่วหล้า สกลขาม,
  ขอจงทรงสฺวัสดีนิจจะสุขะอภิราม
  รมยะทุกยาม บเสื่อมซา.
  หนึ่งอวยพรให้กุพฺชะกะสุระผกา
  คงดิลกหล้า บสูญพรรณ,
  เปนสิ่งชวนยวนจิตตะนระสุวะคันธ์
  ช่วยระงับสรร- พะทุกข์หนัก;
  หญิงชายยามเริ่มรู้ระสะณฤดิรัก
  ใช้กุหลาบจัก ระเริงใจ,
  อันดวงมาลีกุพฺชะกะสิผิวะให้
  พึงจะรู้ได้ ว่ารักแท้,
  และยามดมดอกกุพฺชะกะนะก็จะแก้
  เดือดณดวงแด และสุขพลัน.
  ขอมาลีศรีกุพฺชะกะสิริสุคันธ์
  จงประดิษฐ์พรรณ นิรันดร!

(ชัยเสนคุกเฃ่าลงไหว้รับพรพระฤษี, แล้วให้ตั้งกระบวนแห่วอทรงต้นกุหลาบ, องค์เองเดิรนำหน้าวอ. พิณพาทย์ทำเพลงกลอนโยน, กระบวนแห่เดิรผ่านจากหลืบขวาเลยไปเฃ้าโรงทางหลืบซ้าย.)

(ปิดม่าน)

จบเรื่องมัทนะพาธาเท่านี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ