องก์ที่ ๔

ตอนที่ ๑

สวนหลวงฃ้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.

[ฉากเปนสวนดอกไม้, มีต้นไม้ร่มรื่น, และไม้ดอกปลูกเรียงรายไว้อย่างเรียบร้อย. ด้านหลังมีศาลา, มีเตียงสำหรับนั่งเล่น. ในตอนนี้เปนเวลากลางวัน.]

(เมื่อเปิดม่านมีชาวสวนคน ๑ กวาดใบไม้อยู่. สักครู่ ๑ อราลี, นางค่อม, ถือกระเช้าออกทางซ้าย, และจะไปเก็บดอกไม้ที่ต้น ๑, แต่ชาวสวนยกมือห้ามไว้.)

ชาวสวน. ไม่ได้!
อราลี. ทำไมไม่ได้?
ชาวสวน. ไม่ได้.
อราลี. ใครห้าม?
ชาวสวน. นาย.
อราลี. นายไหน? ชื่ออะไร?
ชาวสวน. ศุภางค์.
อราลี. ห้ามทำไม?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. จะเอาไว้ให้ใครชม?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. จะเอาไว้ให้ใครเก็บ?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. ใครมอบให้ศุภางค์เปนใหญ่ในสวนนี้?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. นี่จะห้ามเสมอไป หรือห้ามจำเพาะฤดูนี้?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. (ออกเคือง, พูดเสียงแขง.) นี่แกรู้ไหมว่าฃ้าคือใคร?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. ฃ้าชื่ออราลี รู้หรือยัง?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. เปนฃ้าหลวงพระอัคคะมเหสี, รู้ไหม?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. ฃ้าเคยออกมาเก็บดอกไม้ในสวนนี้ได้เสมอ, รู้ไหม?
ชาวสวน. ไม่รู้.
อราลี. (โกรธ, พูดเสียงดัง.) แกเปนคนที่กวนโทโษที่สุด. ไม่เห็นมีอะไรพูดนอกจาก “ไม่รู้”. ฃ้าขอบอกกล่าวว่าฃ้าจะเก็บดอกไม้ไปถวายเจ้านายของฃ้า. (จะไปเก็บดอกไม้อีก.)
ชาวสวน. (ยืนขวางหน้าและห้าม.) ไม่ได้!
อราลี. ฃ้าจะเก็บ!
ชาวสวน. ไม่ได้!

(ศุภางค์ออกทางหลืบขวา.)

[ฉบงง, ๑๖]

ศุภางค์. เออแน่, นางอราลี! มาทำอวดดี ส่งเสียงแจ้วแจ้วอยู่ไย?
อราลี. ให้ไพร่ไปก่อนเปนไร.
ศุภางค์. (หันไปสั่งชาวสวน.) เอาเถิดเจ้าไป ทำงานทางอื่นสักครา.

(ชาวสวนเฃ้าโรงทางขวา.)

 

อราลี. นี่แน่ะศุภางค์เสนา, เมื่อกี้ตูฃ้า กำลังจะเก็บดอกไม้,
  แต่ชาวสวนกล่าวห้ามไว้, เฃาว่าท่านได้ สั่งเฃาให้ห้ามเช่นนั้น.
ศุภางค์. ถูกแล้ว.
อราลี. เพราะเหตุใดกัน?
ศุภางค์. เพราะว่าตัวฉัน ชอบดูดอกไม้งามๆ.
อราลี. ก็ใครสั่งให้ท่านห้าม?
ศุภางค์. ทำไมจึ่งถาม?
อราลี. ก็เพราะดิฉันอยากรู้.
ศุภางค์. อยากรู้อยากเห็นเกินอยู่ ดังนี้ก็ตู ฃ้าขอกล่าวเตือนนางว่า
  ผู้ชอบประพฤติเช่นจา- ระสัตรีฃ้า มิชอบและมักหมั่นไส้;
  อันตูฃ้าเจ้านายใช้ ให้เปนผู้ใหญ่ รักษาพระอุทยานนี้,
  จึ่งห้ามว่าดวงมาลี ของท่านดีๆ มิให้ผู้ใดเก็บไป.
อราลี. ก็ดิฉันนี้คือใคร?
ศุภางค์. อันตัวนางไซร้ พิการทั้งกายและจิต!
  หลังค่อมค้อมคู้ดูผิด มนุษย์ฃาบิด แขนเบี้ยวบ่เหมือนธรรมดา
  ตัวคดใจคดอิจฉา แยงยุมุสา ใครๆ ย่อมรู้ทั่ววัง;
  รูปชั่วตัวแสนน่าชัง แล้วนางก็ยัง ไม่รู้สำนึกตัวเลย.
อราลี. ชะๆ อุแม่เจ้าเอ๊ย! ช่างพูดเพ้ยๆ นะท่านศุภางค์เสนา;
  อวดดีนักเพราะช่างหา หญิงสรวยๆ มา บำเรอพระมิ่งโมลี!
  นี่ไปหาโสเภณี มาซ่อนไว้ที่ ตำหนักในราชอุทยาน,
  จึงต้องเกะกะระราญ เพราะว่าเกรงการณ์ จะทราบถึงพระนางเธอ!
ศุภางค์. นางอราลีนี่เออ อวดดีเผยอ หยิ่งเย่อเหมือนอย่างคางคก
  ชาตินางยางหัวไม่ตก ก็คงผงก ผงาดบังอาจเอิบใจ.
  ไปเถิด, นางค่อม, รีบไป!
อราลี. ท่านจะทำไม? กล้าดีก็เชอญหน่อยซี
ศุภางค์. ฃ้าบอกว่าไปเดี๋ยวนี้! ไปเสียดีๆ, หาไม่จะเกิดเคืองกัน
อราลี. ไม่ไป!
ศุภางค์. ต้องไปโดยพลัน!
อราลี. ไม่ไป!
ศุภางค์. อย่าดัน!
อราลี. ไม่ไป!
ศุภางค์. เมื่ออยากอยู่นี่
  ก็จะให้อยู่กับที่ เฮ้ย, ออกมานี่ ไวๆ เฃ้าหวาอย่าช้า!

(ชาวสวนออกทางหลืบขวา.)

  นี่แน่ะ, นางนี้เฃาว่า ชอบอยู่สวนนา, และฃ้าก็ยอมตามใจ.
  เจ้าจงนั่งอยู่ด้วยไซร้, ระวังอย่าให้ นางลุกไปพ้นที่นี้,
  แม้ห้ามมิฟังวาที ก็เจ้าจงตี ให้แรงด้วยด้ามไม้กวาด!
  ขึ้นเสียงเถียงคำหนึ่งฟาด, สองคำสองฉาด, จริงๆ มิต้องเกรงใจ

(ศุภางค์เดิรจะไปทางขวา ก็พอปริยัมวะทาออกมาทางนั้น.)

ปริยัมวะทา. ศุภางค์, ท่านเกรี้ยวโกรธใคร?
ศุภางค์. (ชี้อราลีพลางตอบพลาง.) โกรธคนจัญไร ที่กวนโทโษสุดทน!
ปริยัมวะทา. ฃ้าขอโทษแทนสักหน, เพราะเฃาเปนคน ที่มักมิยอมแพ้ใคร.
  อราลี, อย่ายุ่งไป, ฉันขอเถิดให้ หล่อนกลับคืนเฃ้าในวัง.
อราลี. ดิฉันมาตามรับสั่ง, เมื่อดิฉันยัง มิได้ทำตามท่านใช้
  ดิฉันจะกลับอย่างไร?
ปริยัมวะทา. เอาเถิดดอกไม้ ฉันเองจะเก็บมากมาย
  แล้วให้คนไปถวาย
อราลี. ก็เมื่อคุณนาย รับแล้วดิฉันขอลา.

(เฃ้าโรงทางหลืบซ้าย.)

[ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒.]

ปริยัมวะทา. อะราลีแหละน่ากลัว จะก่อเรื่องระคายนา;
  พระนางคงจะใช้มา และสืบเรื่องพระภูมี.
ศุภางค์. เสด็จกลับนครหลวง ก็สับดาหะแล้วนี่,
  ประทับแรมณสวนศรี บกลับคืนนิเวศน์ใน.
  จะไม่ให้มะเหษี ระแวงนั้นไฉนได้?
  พระได้นางณป่าใหญ่ และพากลับณธานี,
  จะปิดความมิวามวู่ จะอยู่ได้ไฉนมี?
ปริยัมวะทา. ดิฉันเห็นมะเหษี ธคงทราบและหึงส์หวง.
ศุภางค์. พระนางเธอก็โทษา คะติมักจะครอบดวง
  หะทัยอยู่และใครท้วง ฤทักมักจะยิ่งใหญ่.
ปริยัมวะทา. ดิฉันนึกก็สงสาร สุนงคราญพระองค์ใหม่,
  เพราะเรียบร้อยและดูไม่ พระโอษฐจัดถนัดเถียง.
  ดิฉันมาและรับใช้ สนิธแล้วก็เห็นเนียง
  ประเสริฐแท้และควรเคียง พระองค์ผู้ประเสริฐชาย!
ศุภางค์. ก็เหตุนั้นสิฉันจึ่ง คนึงอยู่มิรู้วาย,
  บุรุษควรจะมุ่งหมาย มะโนแต่ณยอดหญิง
  วิไลยโฉมและมีใจ วิสุทธิ์ใสสอาดยิ่ง,
  ฉนั้นควรจะรักจริง และชีวิตมิเปล่าเปลือง;
  ผิเลือกคู่เพราะเพ่งทาง ประโยชน์เพียงณการเมือง,
  มิช้านานก็จำเคือง ระคายจิตระคายตา!
ปริยัมวะทา. อ๊ะพี่ชายขยายเรื่อง ฉนี้เครื่องจะเลยพา
  พะหูโทษะพลันมา กระทบกายมิบังควร.
ศุภางค์. ก็ฉันพูดกะหล่อนได้ เพราะไว้ใจนะนิ่มนวล,
  และหากหล่อนมิเล่าทวน ละก็ใครจะรั่วรู้?

(ท้าวชัยเสนกับมัทนาออกทางหลืบขวา, และพานางตรงขึ้นไปนั่งเตียงบนพลับพลา. ศุภางค์กับปริยัมวะทา และชาวสวนคลานเฃ้าโรงทางหลืบขวา.)

[วสันตดิลก, ๑๔.]

ชัยเสน. ตั้งแต่ภิเษกและอภิรมย์ ระติแนบณโฉมตรู
  พี่นี้ประหนึ่งรมะณิย์อยู่ ณพิภพสุราลัย;
  แต่ไหนมิเคยจะฤดิรื่น นิระโศกนิรามัย
  เหมือนปัจจุบันเพราะอรไทย นะสิปลูกประมวญปรีย์.
มัทนา. อ้าทูลกระหม่อมปิยะมหา สุระราชะสามี,
  ฃ้าบาทบำเรอพระบทะศรี ละก็ยังมิเพียงพอ;
  อยากมีกำลังพิริยะอีก พละไซร้จะได้ก่อ
  การอื่นบำเรอพระบทะต่อ บมิให้ระคายเคือง!
ชัยเสน. อ้าน้องสิเปนสุปฺริยะหญิง ยุวะมิ่งและขวัญเมือง,
  อันพี่ก็มียะศะประเทือง เพราะว่ะคู่วะธูขวัญ.
มัทนา. อ้าองค์พระปิ่นดิลกะรัฐ ธดำรัสละยอครัน!
  ฃ้าน้อยฤเรียกสุวะธุขวัญ วรราชะธานี?
  แท้จริงนะหญิงก็สิริวัฑ- ฒะนะได้เพราะสามี,
  หญิงโสดจะเรืองยะศะและศรี ละก็แสนจะยากเย็น.
ชัยเสน. หากพร้อมสุคุณก็ศุภะลัก- ษณะนาริย่อมเปน
  ขวัญเมืองประดุจระตะนะเห็น บมิต้องประกอบทอง!
มัทนา. สามีสิเปนระตะนะเลิด และจุฑามณีของ
  นารีและอาภะระณะผอง บมิยิ่งสุภรรดา.
ชัยเสน. อันชายจะมีสุนิธิใด ก็บเปรียบกะภรรยา,
  เปนศรีและศักดิระตะนา ทิประดับประดาเรือน.
มัทนา. สุขใดจะเปรียบปะระมะสุข ปฺริยะนี้บ่มีเหมือน.
ชัยเสน. เพื่อนใดจะมีประดุจะเพื่อน ฤดิร่วมสิเนหา.

(พระนางจัณฑีออกทางหลืบซ้าย, มีฃ้าหลวงตามหลังตามสมควร. จัณฑียืนดูท้าวชัยเสนกับมัทนาอยู่ครู่ ๑ แล้วจึ่งเฃ้าไปบังคมท้าวชัยเสน.)

[อุปชาติ, ๑๑.]

จัณฑี. ประณตยุคลบาล นรนาถะราชา.
  หม่อมฉันสดับวา- ทะระบือสนั่นไป
  ถึงในนิเวศน์ว่า พระนรินทะราชไซร้
  เสด็จณถิ่นไพร พระสนุกสนานนัก;
  ก็คอยจะเฝ้าองค์ วรภูมิทรงศักดิ์,
  หลายวันพระยังพัก ณพระมาละกาคาร;
  ครั้นว่าจะรออยู่ ก็จะดูมิเฃ้าการ,
  จะเสียและสามาญ ดุจะขาดสุภักดี.
  ฉนั้นทนงอาจ ยุระยาตร์ณสวนศรี,
  ขอมิ่งมกุฎมี กรุณาและงดโทษ;
  ใช่แสร้งจะมาขัด พระหทัยฤทำโกรธ,
  เพราะถึงจะไม่โปรด ฤก็คงบฃาดไป.
  และหวังจะมาพบ อรเอกะอำไพ,
  ซึ่งองค์พระทรงชัย กรุณาและพากลับ
  จากในพนารัณ- ยะกะฃ้าก็มารับ
  และเปล่งกระแสร์ศัพท์ ประจุคมอุดมดี.
ชัยเสน. กระไรนะแดกดัน และประชดนะจัณฑี!
  นางเปนมะเหษี ละก็ควรจะอยู่วัง.
  ไม่ควรจะด่วนมา และอุวาทะเสียงดัง,
  ดุดื้อจะมีหวัง สุประโยชน์ณฐานใด?
  ก็ตามประเพณี พระบิดาประสาทให้
  มาเพื่อประพันธ์ไม- ตฺริระหว่างประเทศสอง,
  แล้วฉันก็ตั้งใจ ทนุนางและยกย่อง,
  ก็คงจะคู่ครอง บมิเริดมิร้างกัน.
จัณฑี. มิเริดมิร้างจริง ละสิจึ่งกระหม่อมฉัน
  นั่งแกร่วณวังจันทร์ บมิเห็นเสด็จไป.
ชัยเสน. ฉันพึ่งจะกลับจาก วนะเฃตตะใหม่ๆ
  จะเฃ้าณวังใน ก็จะอัดอุราแท้.
จัณฑี. จะอัดอุราจริง ละเพราะจำจะทิ้งแม่
  รูปทองจะหมองแด เพราะวิโยคก็เหลือทน!
มัทนา. อันว่าดะนูนี้ ฤจะยึดพระจุมพล?
  พระอยากเสด็จดล ก็บเคยจะขืนขัด.
จัณฑี. ดะนูก็รู้ว่า พระสิโปรดนะแน่ชัด,
  เหตุว่านะรีรัตน์ บมิมีจะขัดขืน!
  หญิงใดตระหนี่ตัว ละก็ผัวบรักยืน,
  ฉนั้นบขัดขืน และประจบสิผัวรัก;
  ดะนูสิเปนลูก วระราชะทรงศักดิ์,
  ถือยศบรู้จัก จะประจบประแจงดี,
  ที่ไหนจะสู้เยา- วสุดาพระโยคี!
ชัยเสน. อ๊ะ! อย่านะจัณฑี; วจะเธอนะเกินไป!
มัทนา. พระองค์จะตรัสห้าม วรเทวิทำไม?
  นางเปนสุดาไท้ อธิราชะราชัน,
  ถึงหากจะตรัสด่า ก็บเจ็บกระหม่อมฉัน,
  เพราะองค์พระทรงธรรม์ กรุณาก็พอใจ.
  พระนางจะกริ้วกราด ก็มิถึงกะบรรลัย,
  โดยบาระมีไท้ สิริร่มนะเกศา.
จัณฑี. ถึงฉันจะไร้ซึ่ง พระมหากะรูณา,
  ก็ยังมิชั่วช้า และบ่หมดนะยางอาย.

[สุรางคณา, ๒๘]

ชัยเสน. เหม่นางจัณฑี พูดจาครานี้ แสนจะหยาบคาย!
  เธอเปนธิดา ราชาฦๅสาย ไฉนปากร้าย ราวแม้ค้าปลา?
จัณฑี. หม่อมฉันสามาญ เพราะพระองค์ท่าน หมดพระเมตตา;
  หากฃ่าวระบือ ฦๅจากภารา ถึงพระบิดา คงเสียหทัย.
ชัยเสน. นี่จะมาโกรธ และมุ่งกล่าวโทษ ฉันผิดอันใด?
จัณฑี. พระองค์ทรงฤทธิ์ จะผิดอย่างไร? พระองค์เปนใหญ่ เหนือผู้เหนือคน
  ถึงจะรับนาง ใดๆ จากกลาง อรัญไพรสณฑ์
  มายกมาย่อง ก็ต้องจำทน เพราะฃ้าเปนคน อาภัพอัปรีย์.
ชัยเสน. เธอก็มีศักดิ์ ใยพูดหยาบนัก นะนางจัณฑี?
  ควรยังถือมั่น ฉันเปนสามี, และไม่ควรที่ กล่าวถ้อยหยาบช้า.
  ฉันขอบอกให้ เธอจงเฃ้าใจ ว่ามะทะนา,
  ก็เปนนารี ศรีสุชาดา ไม่หย่อนไปกว่า ลูกท้าวมคธ.
  หล่อนควรเปนคู่ เคียงตัวฉันอยู่ สมศักดิ์สมยศ;
  เธออย่าพูดมาก ไม่อยากฟังพจน์, ถึงท้าวมคธ จะไม่พอใจ,
  ใช่ว่าตัวฉัน จะนึกประหวั่น พรั่นจิตเมื่อไร;
  ถึงจะพิโรธ โกรธก็โกรธไป, ตัวฉันมิได้ เปนฃ้าขอบขัณฑ์.
  มคธราชา กับพระบิดา สิท่านชอบกัน,
  จึ่งได้ตกลง สององค์กล่าวหมั้น ตัวเธอกับฉัน ไว้แต่ยังเยาว์;
  ใช่ฉันตะกาย ไปรักโฉมฉาย เองเมื่อไรเล่า,
  สองบิดาท่าน จัดการให้เรา, ฝ่ายฉันนี้เล่า กอบกะตัญญู
  จึ่งยอมตามท่าน และไปทำการ แต่งกับโฉมตรู,
  แต่กระนั้นไซร้ ก็ได้เลี้ยงดู สมควรแก่ผู้ เปนมหิษี.
  ฉันจงใจรัก, และผินงลักษณ์ มีจิตไมตรี
  คงจะไม่ต้อง ขุ่นหมองครานี้; ขอจงตริดี ก็คงแลเห็น.
จัณฑี. หม่อมฉันเฃ้าใจ ว่าทรงเลี้ยงไว้ ก็เพราะจำเปน!
ชัยเสน. ตามใจเถิดหนา! ถ้าเธอนึกเช่น นั้นก็อาจเปน เช่นเธอเฃ้าใจ!
  มา, มะทะนา, เราไปดีกว่า, อยู่อีกทำไม?
  ขืนอยู่ฟังเสียง ก็เถียงกันไป ยืดยาวยิ่งใหญ่ ไม่เปนแก่นสาร!

(ท้าวชัยเสนจูงมือมัทนาพากันเฃ้าโรงไปทางหลืบขวา. พอสองคนนี้ไปพ้นอราลีก็ออกมาทางหลืบซ้าย.)

[อุเปนทะวิเชียร, ๑๑.]

จัณฑี. ชะฉาอะราลี อิอะปรีย์อิตัวการ.
  กระไรละเหิมหาญ บมิรู้สำนึกตัว;
  อิโสภิณีดี ตะประจบสำออยผัว,
  แน่ะมึงนะเงาหัว บมิมีละรู้ไหม?
  พระผัวก็มัวหลง และพะวงอิชาวไพร,
  บนึกว่ะกูไซร้ สิสุดามคธราช.
  ผิกูจะใช้คน จรยังชะนกนาถ
  และทูลคดีกาจ ฤวะไท้จะดูดาย?
อราลี. พระนางพิโรธกริ้ว นะก็ควรจะมากมาย,
  และเหตุก็แรงร้าย จะมิทรงพิโรธฤๅ?
  ก็แต่จะพาที บมิได้ถนัดฮือ!
  เพราะเกรงจะอึงอื้อ จะมิพ้นละโทษทัณฑ์.
  ฉนั้นเสด็จกลับ พระนิวาศะโดยพลัน,
  และถึงกระหม่อมฉัน ก็จะทูลอุบายดี,
  และคงจะทรงชำ- นะอมิตร์ละเทวี.
จัณฑี. ฉนั้นก็ไปที, เพราะจะอยู่ก็ป่วยการ.

(พระนางจัณฑี, อราลี, และฃ้าหลวงเฃ้าโรงทางหลืบซ้าย.)

ตอนที่ ๒

ริมรั้งค่ายหลวง, ตำบลกุรุเกษตร์.

[ใช้เปนม่านม้วนทิ้งระหว่างหลืบ, เขียนเปนภาพรั้วค่ายระเนียด.]

(ท้าวชัยเสน, แต่งเครื่องรบ, ออกพร้อมด้วยศุภางค์และนายทหารอีกสองสามคน.)

[อินทะวิเชียร, ๑๑]

ชัยเสน. การยุทธะนาใหญ่ ก็วิชัยณวันวาน.
  เห็นพวกศะตรูพาล จะระส่ำระสายนัก;
  คงยังมิอาจยก ฤระดมประหารหัก,
  หากเราจะตั้งรัก- ษะระเนียดก็คงไหว.
  บัดนี้นะกูแสน จะวิตกสทกใจ,
  ด้วยข่าวว่ะทรามวัย มะทะนาประชวรอยู่,
  จึ่งใคร่จะไปกรุง และก็มุ่งจะไปดู
  เยี่ยมแล้วฤตัวกู ก็จะกลับณค่ายพลัน.
ศุภางค์. ฃ้าภักดิจึ่งทูล วรบาทพระทรงธรรม์,
  ฃ้าคิดระแวงครัน เพราะว่ะศึกสิล่อแหลม.
  เกรงว่าจะมีผู้ ทุจริตและทำแกม
  กลกอบอุบายแต้ม วจะล่อพระภูมี,
  เพื่อให้เสด็จกลับ วระราชะธานี.
ชัยเสน. ที่เจ้าวิตกนี้ นะก็ออกจะควรอยู่,
  จัณฑีสิหมายมุ่ง มนะพาลประหารกู,
  จึ่งบอกบิดาจู่ จระพลพะหลมา.
  เออนึกอนาถจริง ละนะหญิงวิหิงสา,
  แรงฤทธิอิจฉา บมินึกละหน้าหลัง.
  โชคดีทหารเรา ฤก็พร้อมพะลังขลัง,
  อันท้าวมคธหวัง จะประยุทธะเร็วแท้
  แต่ยังมิเร็วพอ และฉนี้นะจึ่งแพ้,
  กูจึ่งมิกลัวแม้ จะประยุทธะอีกหน.
  กูคิดจะไปเยี่ยม มะทะนาและพอยล
  แล้วกลับจะนำพล รณะสู้ศะตรูพาล.
  จงสั่งยุธาชิต วระเสนิชัยชาญ
  ให้อยู่และบงการ อภิรักษะค่ายไว้;
  ส่วนเจ้าแหละจงเตรียม วรราชมะโนมัย,
  อีกตัวก็เตรียมไป วรธานิกับกู.

(ท้าวชัยเสนและบริวารเฃ้าโรงทั้งหมด.)

ตอนที่ ๓

สวนหลวงฃ้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.

[ฉากเหมือนตอนที่ ๑ แห่งองก์นี้เอง, แต่ในตอนนี้เปนเวลากลางคืน.]

(พระนางจัณฑีนั่งอยู่บนเตียงบนศาลา; อราลีนั่งที่ระเบียงศาลา, และพราหมณ์วิทูรนั่งกับพื้นตรงหน้าศาลา. ที่กลางเวทีมีฟืนจัดสุมไว้พร้อมให้จุดไฟขึ้นได้ง่าย ๆ.)

[สาลินี, ๑๑.]

อราลี. ตามฃ่าวหม่อมฉันได้ นะก็เห็นจะดีอยู่;
  เฃาว่าสมเด็จภู- ธระเตรียมเสด็จกลับ.
  หม่อมฉันจึ่งสั่งว่า ผิวะท้าวธมาถับ
  ให้รีบมาบอกฉับ ก็จะเดิรอุบายต่อ.
จัณฑี. ส่วนฃ่าวการสงคราม บมิได้ละฤๅหนอ?
อราลี. ทัพของสมเด็จพ่อ ธประจนประจัญพลัน,
  แต่ฝ่ายฃ้างทัพกรุง ฤก็รู้และรับทัน,
  ทั้งกลับเขี้ยวขับขัน พละฝ่ายมคธถอย;
  ขืนรออยู่ช้าอีก ละก็น่าจะเสียรอย.
จัณฑี. พ่อแพ้ลูกคงพลอย บมิรอดละครานี้!
  อย่างไรท่านอาจารย์? ทิชะท่านก็เปนชี
  ชาวแคว้นของฃ้านี้, ก็จะช่วยฤฉันใด.
วิทูร. ตูฃ้าเปนชาวขัณ- ฑะสิมามะคธไซร้,
  หากช่วยให้มีชัย ก็จะแสนสราญบาน;
  ส่วนที่ให้ทำกิจ กละแม้นสิเน่ห์หาญ,
  ทูลจริงแด่นงคราญ บมิใคร่จะชอบจิต,
  หากท้าวเธอกริ้วโกรธ ดนุฤๅจะพ้นผิด?
อราลี. ถึงแม้ว่าทรงฤทธิ์ จะพิโรธและลงทัณฑ์
  เท่าใดไม่ได้ว่า นิระเทศะเท่านั้น,
  อาจารย์กลับยังขัณ- ฑะมคธก็คงได้
  บำเหน็จบำนาญพอ ละนะท่านจะทุกข์ใย.
จัณฑี. จริงหนอเราขอให้ วะจิสัตย์ปะฏิญญา
  หากท่านทำการสม ดนุนี้ประสงค์นา,
  เชื่อเถิดว่าตูฃ้า จะมิลืมวิปฺราจารย์;
  โคนมนับด้วยพัน ก็จะให้บเนิ่นนาน,
  อีกทั้งให้เรือนชาน, พหุทาสะมากมี,
  เฃตบ้านที่ท่านอยู่ ก็จะเพิ่มเฉลิมศรี
  ยกขึ้นเปนเมืองมี วรเวสม์วิเศษสรรพ์,
  เปนเมืองเลื่องฦๅยศ ณมะคธประเทศขัณฑ์,
  ท่านเองเปนราชัน อุปราชะเรืองยศ.
วิทูร. ตูฃ้านี่แก่เฒ่า วยะนั้นก็จวนหมด,
  คิดหาซึ่งลาภยศ บมิควรณขวบนี้.
อราลี. ถึงเฒ่าท่านอาจารย์ ฤก็บุตร์และหลานมี,
  ยามเห็นโอกาสดี บมิควรจะทิ้งนา.
  แลขอจงจำไว้ ผิมิรับพระบัญชา,
  อาจต้องยากแค้นสา- หสะแท้นะอาจารย์.
  อาจมีผู้โจทย์ว่า มะคะธาธิราชท่าน
  ใช้ให้ท่านอาจารย์ จระสู่พระธานี,
  เพื่อให้ทำกิจจา- ระบุรุษณที่นี้;
  เช่นนั้นท่านยอดชี ก็จะยากลำบากใจ!
วิทูร. ไม่จำต้องกล่าวขู่ เพราะดนูก็แก่ไม่
  เกรงซึ่งมัจจูภัย และบห่วงณชีวี.
  หากรับทำการใด ก็เพราะใจแหละภักดี
  แด่องค์เทวีศรี และสนองพระบาทา.

(เกศินีออกทางหลืบซ้าย, ตรงไปหาอราลี.)

[ฉบงง, ๑๖]

เกศินี. บัดนี้มีผู้ชายมา บอกว่าราชา เสด็จจะถึงอุทยาน.
อราลี. ไวๆ เถิดท่านอาจารย์, ท่านจงเริ่มการ พิธีดังที่นัดไว้.
วิทูร. ตูฃ้าขอกล่าวอีกไซร้ ว่ายังมีใจ ตะขิตตะขวงมากอยู่.
อราลี. อย่ามัวร่ำไรขรัวครู เดี๋ยวท่านจะจู่ มาถึงมิทันลงมือ

(วิทูรลุกไปจัดการจุดกองไฟ, และนั่งขัดสมาธิ์ประนมมือ, เอาย่ามวางไว้ข้างตัว.)

จัณฑี. ส่วนกูจะอยู่นี่ฤๅ จะแอบเสียหือ?
อราลี. พระนางต้องแอบก่อนดี.
  ต่อเมื่อเห็นเหมาะท่วงที, เสด็จมานี่, ประหนึ่งว่าพึ่งทรงทราบ
  ว่าเฃานี้คิดการหยาบ, และเพื่อบำราบ จึ่งสู้เสด็จออกมา.
  เกศินีอยู่นี่นา, และทำเหมือนว่า เปนผู้ร่วมคิดกับพราหมณ์,
  ต่อนั้นจงได้ทำตาม ที่ฉันบอกความ ไว้แต่เมื่อบ่ายนี้ไซร้.
  เฃ้าใจดีแล้วฤๅไฉน?
เกศินี. ดิฉันเฃ้าใจ, และจะทำทุกสิ่งสรรพ์.
อราลี. ดีแล้วอย่าได้นึกพรั่น, เพราะว่าโทษทัณฑ์ อย่านึกเลยว่าจะมี,
  และหากการสำเร็จดี แล้วองค์เทวี คงจะประทานรางวัล.
จัณฑี. จริง, อย่าวิตกข้อนั้น.
เกศินี. อันตัวหม่อมฉัน ขอเพียงแต่ได้รับใช้.
จัณฑี. ดีแล้วละ, กูขอบใจ.
อราลี. เชอญเสด็จไป ไวๆ ดีกว่าเทวี.

(จัณฑีกับอราลีเฃ้าโรงไปทางขวา. ฝ่ายวิทูรคงนั่งหลับตาและเล่ามนตร์พึมพำอยู่, และเกศินีนั่งดูพราหมณ์ด้วยอาการเอาใจใส่มาก. อีกครู่ ๑ ท้าวชัยเสนออกทางซ้าย, มีศุภางค์, นันทิวรรธนะ, และบริวารอีก ๓-๔ คนตามมาด้วย. ท้าวชัยเสนเห็นวิทูรนั่งอยู่ก็ชงัก.)

[สุรางคณา, ๒๘.]

ชัยเสน. นันทิวรรธนะ! นี่ใครกันวะ มานั่งอยู่นี่?

(วิทูรกับเกศินีทำเปนตกใจ, กราบท้าวชัยเสนแล้วหมอบตัวสั่น.)

(นันทิวรรธนะค้นในย่ามของพราหมณ์, ได้รูปปั้นด้วยขี้ผึ้งสามรูป.)

นันทิวรรธนะ. แกมาจากไหน? ทำไมธชี ไม่รู้หรือนี่ เปนที่สวนหลวง?
วิทูร. โอย, เจ้าประคุณ จงโปรดการุญ ที่ฃ้าล้ำล่วง
  เฃ้ามาถึงได้ ที่ในสวนหลวง, ละลาบละล้วง ถึงระโหฐาน.
  ฃ้านี้ผิดแท้ ควรรับโทษแน่ ทุกๆ ประการ,
  เพราะเฃ้าใจผิด คิดว่านงคราญ เธอโปรดประทาน โอกาสจึ่งมา.
ชัยเสน. ออกชื่อนางใด? พราหมณ์จงบอกไป, เรายังกังฃา.
วิทูร. ขอทูลเทวะ ว่าพระชายา นามมะทะนา ตรัสเรียกมาไซร้.
ชัยเสน. อ๊ะ! พราหมณ์ขี้ตู่ เราฟังๆ ดู ยังออกแคลงใจ.
วิทูร. นางนี้ได้ออก ไปบอกฃ้าไซร้ ว่ารับสั่งใช้ ให้ตามฃ้ามา.
ชัยเสน. อย่างไรสาวน้อย, มึงรับใช้สรอย ไปจริงหรือหวา?
เกศินี. เพคะเปนจริง ทุกสิ่งเช่นว่า; พระราชอาญา ไม่พ้นเกศี.
ชัยเสน. ก็เทวีไซร้ ให้ทำอะไร หนอเฒ่าธชี?
วิทูร. ฃ้ากำลังเริ่ม ประเดิมอัคคี เพื่อทำพิธี การฝังอาถรรพ์.
ชัยเสน. เอ๊ะ! หากว่าจริง ละก็เปนสิ่ง ที่โทษฉกรรจ์!
  เร็วๆ ค้นย่าม ของพราหมณ์นี้พลัน, ดูว่าในนั้น จะมีสิ่งใด.
นันทิวรรธนะ. มีรูปขี้ผึ้ง เปนสามรูปซึ่ง พราหมณ์ปั้นเตรียมไว้;
  รูปหนึ่งหนามแหลม มีแนมเหน็บใส่ ตรงที่หทัย และตรงอุทร;
  อีกสองรูปปั้น เปนคู่ติดกัน เช่นคู่สมร,
  เพราะต่างกอดรัด ตระวัดเกี่ยวกร, ชายกับบังอร เชิงชู้คู่ใจ.
ชัยเสน. เอ๊ะพราหมณ์หมอเฒ่า นี่อย่างไรเล่า จะคิดทำใคร?
  แกจงแถลง ให้แจ้งทันใด โดยจริงหาไม่ จะต้องเคืองกัน.

[อุปัฏิตา, ๑๑.]

วิทูร. อ้าสมมะติเทพ ดนุนี้จะทูลพลัน,
  ถ้วนถี่คะติสรร- พะบปิดบบังความ:
  นางเกศินินี้ นะสิไปและกล่าวตาม,
  ว่ามีวธุงาม จะประสงค์ดะนูนี้
  ให้ช่วยและกระทำ พิธิกอบอะถรรพ์ดี;
  หนึ่งเพื่อมะละชี- วิตะแห่งสุภรรดา,
  สองเพื่อจะประพันธ์ ฤดิชู้สิเนหา;
  นางพาดะนุมา บมินานณสวนขวัญ.
  พอถึงดะนุเริ่ม วิธิการบนานครัน,
  แล้วองค์วรธรร- มิกะราชเสด็จมา.
  อันว่าคุรุทัณฑ์ วรราชะอาญา
  ไม่พ้นศิระฃ้า เพราะว่ะผิดละจริงไซร้.

[ฉบงง, ๑๖.]

ชัยเสน. เหวยอีทาสีอย่างไร? ที่พราหมณ์เฃาให้ การนี้ถูกต้องหรือหวา?
เกศินี. เพคะ, ถูกตามเฃาว่า; ปฺริยัมวะทา ใช้ฃ้าไปตามพราหมณ์นี้.
ศุภางค์. อันว่านางเกศินี เปนฃ้าเทวี องค์ผู้ประทับวังใน,
  และเมื่อก่อนๆ นี้ไม่ เคยเห็นรับใช้ ที่ในพระแม่มัทนา,
  ก็ฉันใดเล่าจึ่งมา เปนตัวการฃ้า ยังนึกระแวงแคลงใจ!
เกศินี. ดิฉันมาจากวังใน เพื่ออยู่รับใช้ ที่คุณปฺริยัมวะทา,
  และเหตุนี้เองสิฃ้า จึ่งได้เลยมา เกี่ยวในคดีเรื่องนี้.
นันทิวรรธนะ. อันรูปบุรุษที่มี หนามเหน็บอยู่นี้ มุ่งหมายเปนรูปผู้ใด?
เกศินี. หมายเปนพระองค์ทรงชัย และฃ้างในใส่ เส้นพระเกศาทรงศักดิ์.
นันทิวรรธนะ. ก็รูปหญิงชายร่วมรัก กันนี้เล่าจัก มุ่งเอาเปนรูปผู้ใด?
เกศินี. อันรูปนารีนั้นไซร้ คือองค์ทรามวัย ผู้เนาณราชอุทยาน,
  ส่วนรูปบุรุษคือท่าน ผู้นายทหาร มีนามศุภางค์เสนี.
ศุภางค์. ฉันใดมุสาพาที ใส่ความเช่นนี้, ใครสั่งใครสอนเจ้ามา?
ชัยเสน. เฮ้ยคนหนึ่งไปอย่าช้า, เชอญพระชายา กับนางกำนัลมานี่.

(มหาดเล็กคน ๑ เฃ้าโรงไปทางขวา. ท้าวชัยเสนขึ้นนั่งบนเตียงบนศาลา.)

[อินทะวิเชียร, ๑๑.]

ศุภางค์. อ้าเทวะฃ้านบ ณพระบาทยุคลศรี,
  ขอจงพระภูมี กรุณาณฃ้าไท;
  ในงานพระสงคราม ฤก็ตามเสด็จไป,
  เหตุนั้นละฉันใด ดนุนี้จะคิดร้าย?
  หากคิดมิดีแล้ว ก็จะทูลพระฦๅสาย
  โดยถ้อยทุโรบาย และสมัคพิทักษ์นาง;
  โดยเหตุพระองค์ทรง พระประสงคะมีอย่าง
  นั้นอยู่ก็เปนทาง ดนุควรจะฉวยพลัน;
  แต่ฃ้าสินึกเกรง ผิจะอยู่ณสวนขวัญ
  อาจดูมิดีครัน, เพราะว่ะคนจะนินทา.
  นี่ตามเสด็จจาก วรราชะภารา
  ยังมีอมิตร์หา คติโจทย์ณครานี้.
  ในวาทะกล่าวโทษ ผิวะข้อพิรุธมี,
  ขอจงประหารชี- วิตะฃ้าและวงศ์วาร.
  แต่ว่าผิฝ่ายโจทย์ นะมุสาและแกล้งพาล,
  ฃ้าขอพระภูบาล กรุณาณฃ้าไท.

(มหาดเล็กกลับออกมาทางขวา, และปริยัมวะทามาด้วย.)

[ฉบงง, ๑๖.]

ชัยเสน. ปฺริยัมวะทาอย่างไร มะทะนาไม่ มาด้วยกับเจ้าฤๅหวา?
ปริยัมวะทา. เทวีให้หม่อมฉันมา บังคมทูลว่า กำลังเวียนพระเศียรนัก,
  อีกสักครู่หนึ่งจึ่งจัก มาเฝ้าทรงศักดิ์ และกราบพระบาทภูมี.
ชัยเสน. นันทิวรรธนะบัดนี้ จงถามคดี ที่นางปฺริยัมวะทา.
นันทิวรรธนะ. บัดนี้มีผู้กล่าวหา ตัวคุณนี้ว่า ใช้นางฃ้าหลวงไปตาม
  หมอเฒ่าชื่อวิทูรพราหมณ์, ฃ้าจึ่งขอถาม ข้อนี้ให้การฉันใด?
ปริยัมวะทา. เอ๊ะ! นางฃ้าหลวงคนไหน?
นันทิวรรธนะ. (ชี้เกศินี.) นางคนนี้ไซร้.
ปริยัมวะทา. เอ๊ะ! ดูน่าสงสัยนัก!
  นางไม่เคยอยู่ตำหนัก ขององค์นงลักษณ์ และมิได้เคยเปนฃ้า.
นันทิวรรธนะ. นางโน่นจงให้การมา.
เกศินี. คำให้การฃ้า ก็ยืนอยู่อย่างเดิมไซร้.
  คุณปฺริยัมวะทาใช้ ให้ฃ้านี้ไป ตามพราหมณ์มาทำพิธี.
ปริยัมวะทา. เอ๊ะ! กล่าวอะไรเช่นนี้? จะทำพิธี ทำไมเพื่อเหตุดังฤๅ
เกศินี. คุณไม่ต้องทำใขสือ ดิฉันสิถือ ว่าคุณเปนมุลเปนนาย,
  ถึงคราอับจนก็หมาย จะพึ่งคุณนาย, กลับปฏิเสธเช่นนี้.
ปริยัมวะทา. นางนี่มุสาสิ้นดี!
นันทิวรรธนะ. ฃ้าต้องขอที อย่ากล่าวผะรุสวาจา.
  นางทาสีให้การว่า กำลังทำอา- ถรรพ์เพื่อประทุษภูบาล,
  อีกเพื่อให้เยาวะมาลย์ กับขุนทหาร ได้ร่วมสิเน่ห์สมใจ.
ปริยัมวะทา. หากพราหมณ์ทำเช่นนั่นไซร้ ละก็มิใช่ เพราะว่าดิฉันสั่งแท้.
นันทิวรรธนะ. เฃากล่าวโทษคุณเพียงแต่ ว่าสาระแน สั่งแทนผู้อื่นอีกต่อ
ปริยัมวะทา. จะแทนใครได้อีกหนอ?
นันทิวรรธนะ. นั่นสิเปนข้อ ที่อยากจะถามต่อไป.
ปริยัมวะทา. ดิฉันมิได้รับใช้ ผู้หนึ่งผู้ใด ให้คิดซึ่งกิจเลวทราม,
  มิได้ใช้ใครไปตาม ตามหมอเฒ่าพราหมณ์, ไม่เคยรู้จักขรัวครู.
  ดิฉันเปนฃ้าพระภู- มินาถก็อยู่ เปนสุขทุกเมื่อเกษมศานติ์.
ชัยเสน. มัวซักเช่นนี้ป่วยการ, ต่างคนดื้อด้าน มิยอมจะถอนวาจา.
  ศุภางค์, เจ้าได้กล่าวว่า มิได้เสนหา กับมัทนาอย่างใด
  กูเห็นว่านางนั้นไซร้ มีโทษผิดใหญ่ สมควรประหารชีวี;
  จงชักดาบออกบัดนี้ แล้วรีบเร็วรี่ ไปตัดเอาหัวนางมา!
ศุภางค์. เทวะ!
ชัยเสน. ว่ากระไรหวา?
ศุภางค์. เทวะ-
ชัยเสน. เออน่า! จะพูดก็อย่าร่ำไร

[อินทะวิเชียร, ๑๑]

ศุภางค์. ฃ้าเคยฉลองบาท ธุลิองค์พระทรงชัย,
  แต่เล็กประจวบใหญ่ บมิเคยจะขัดคำ;
  เมื่อมีพระบัญชา ละก็รับและรีบทำ,
  ถึงหากจะชอกช้ำ ฤจะเจ็บวรินทรีย์
  แทบตายบวายเพียร และผิยังบเสร็จดี
  เพียรจนประจวบที่ นรนาถะบัญชา
  อังคาพะยพของ ดนุเปนพยานว่า
  เคยทนและเคยฝ่า พหุอันตะรายแท้,
  ทั่วกายะฃ้านี้ ฤก็มีนะบาดแผล
  เพื่อได้แสดงแก่ นระชนผิอยากดู;
  ทุกแผลก็สักขี จะแสดงกะตัญญู,
  บาดเจ็บก็โดยภู- ธระใช้ประจนศึก.
  ในงานพระผ่านเผ้า บมิเคยจะหยุดนึก,
  ใช้ไหนก็ใจฮึก บมิเคยจะกลัวใคร.
  แต่ว่าณครานี้ นรนาถะทรงใช้
  ให้ฃ้าพระบาทไป และประหารพระชายา
  ผู้ปราศะจากมล- ทินะโทษฉนี้นา,
  ขอรับพระอาญา เพราะมิอาจะรับใช้.
  อันชีวิของฃ้า จะพะวงก็หาไม่,
  ขอมอบถวายไว้ ณธุลีลอองบาท.
  ไหนๆ จะตายแล้ว ละก็ขอทำนูลนาถ,
  ผู้คิดอุบายกาจ นะมิใช่พระเทวี
  ซึ่งตามเสด็จจาก หิมะวันอรัญศรี;
  ต่อไปอะมรมี วระทิพฺยะเนตร์คง
  เผยผายขยายลัก- ษะณะผู้ขบถบ่ง
  ชัดเจนจะเห็นตรง ฤวะคดนะคือใคร!

[สุรางคณา, ๒๘]

ชัยเสน. อุเหม่ศุภางค์ ตัวมึงนี่ช่าง เจรจาสาไถย,
  ยิ่งพูดยิ่งนัว เฃ้าตัวร่ำไป มึงจะอยู่ใย หนักปัฐพี.
  เหวยนันทิวรรธน์ จับศุภางค์มัด เอาไปทันที,
  แล้วฆ่ามันให้ บรรลัยคืนนี้ คนคดอัปรีย์ มิควรอยู่นาน.
  ส่วนมะทะนา ก็อหังการ์ ริเริ่มเหิมหาญ,
  ขืนจะเอาไว้ ต่อไปไม่นาน ก็คงคิดการ ประหารกูตาย.
  จงเอาโฉมตรู ไปพร้อมกับชู้ ของนางโฉมฉาย,
  ฆ่าเสียด้วยไซร้ จะได้สมหมาย พร้อมๆ กันตาย ไปคู่เคียงกัน
  ปฺริยัมวะทา ก็ชั่วหนักหนา ไม่ควรเลี้ยงมัน,
  จงขับนางออก นอกเมืองกูพลัน และอย่าให้มัน นั้นกลับคืนมา
  ฝ่ายนางทาสี โทษก็ควรมี จงลงอาญา,
  ส่งมันจำไว้ ในตรุจนกว่า จะครบเวลา รวมได้สามปี.
  ตาพราหมณ์หมอเฒ่า วุ่นวายนักเล่า ผิดมากครานี้,
  จงตระเวนรอบ ขอบเฃตธานี แล้วขับธชี พ้นเฃตภารา!

(นันทิวรรธนะถวายบังคม, แล้วพาตัวศุภางค์, ปริยัมวะทา, วิทูรและเกศินีเฃ้าโรงไปทางหลืบขวา. ท้าวชัยเสนนั่งตลึงอยู่บนเตียงครู่ ๑, แล้วซบหน้าลงกับหมอนร้องไห้, พระนางจัณฑีออกทางหลืบขวา, ตรงไปกราบท้าวชัยเสน, และสำออย. อราลีแอบมองจากหลืบขวา.)

[อุปชาติ, ๑๑.]

จัณฑี. พระทูลกระหม่อมแก้ว ดนุนี้ทนงนา
  โดยฝืนพระบัญชา ก็เพราะรู้ว่าเกิดความ
  ชั่วช้าและสามาญ คติแสนจะเลวทราม,
  มิหนำณสงคราม พระก็ต้องพะวงนัก.
  คดีก็จบแล้ว ภยะแคล้วพระทรงศักดิ์,
  ผู้คิดขบถจัก บมิหาญละต่อไป;
  แต่ราชะสงคราม นะสิยังบหยุดได้
  ดนูจะขอไป ณ สนามประยุทธา;
  เพราะอาจจะห้ามทัพ วรราชบิดาฃ้า,
  ผู้ทรงพระโกรธา เพราะว่ะเฃ้าพระทัยผิด,
  คิดว่าพระองค์กับ ดนุนี้นะหมางจิต;
  ผิทราบพระทรงฤทธิ์ และดนูบหมางกัน;
  พระจอมมะคธราษฎร์ จะระงับพิโรธพลัน,
  แล้วมิตระสัมพันธ์ ก็จะมีประดุจเคย.
  โอกาสวิเศษนี้ บมิควรจะทิ้งเลย,
  ผิฝ่าพระบาทเฉย ละก็คงบตัดรบ.
ชัยเสน. ชะเก่งละจัณฑี ชะชะมีอุบายครบ,
  เตรียมเพื่อจะตัดรบ รณะด้วยจะห้ามทัพ!
  การศึกก็เธอก่อ ขณะนี้จะขอดับ,
  ผิฉันจะยอมรับ ก็จะอวดว่ะยอมแพ้.
  ฉนั้นสิฉันมุ่ง รณะยุทธะอีกแท้.
  คอยดูเถิดหนอแน่ ละจะฝากกำนลมา;
  ฉันคิดจะส่งเศียร มะคะธาธิราชา
  แหละให้กะโฉมนา- ริขบถณสามี!

(ท้าวชัยเสนลุกขึ้นกระทืบตีนแล้วเดิรดุ่มเฃ้าโรงทางซ้าย, พร้อมด้วยบริวาร. ฝ่ายพระนางจัณฑีนั่งตลึงอยู่. อราลีก็เชง้อมองอยู่ด้วยความตกใจ.)

(ปิดม่าน)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ