องก์ที่ ๔
ตอนที่ ๑
สวนหลวงฃ้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.
[ฉากเปนสวนดอกไม้, มีต้นไม้ร่มรื่น, และไม้ดอกปลูกเรียงรายไว้อย่างเรียบร้อย. ด้านหลังมีศาลา, มีเตียงสำหรับนั่งเล่น. ในตอนนี้เปนเวลากลางวัน.]
(เมื่อเปิดม่านมีชาวสวนคน ๑ กวาดใบไม้อยู่. สักครู่ ๑ อราลี, นางค่อม, ถือกระเช้าออกทางซ้าย, และจะไปเก็บดอกไม้ที่ต้น ๑, แต่ชาวสวนยกมือห้ามไว้.)
ชาวสวน. | ไม่ได้! | |
อราลี. | ทำไมไม่ได้? | |
ชาวสวน. | ไม่ได้. | |
อราลี. | ใครห้าม? | |
ชาวสวน. | นาย. | |
อราลี. | นายไหน? ชื่ออะไร? | |
ชาวสวน. | ศุภางค์. | |
อราลี. | ห้ามทำไม? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | จะเอาไว้ให้ใครชม? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | จะเอาไว้ให้ใครเก็บ? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | ใครมอบให้ศุภางค์เปนใหญ่ในสวนนี้? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | นี่จะห้ามเสมอไป หรือห้ามจำเพาะฤดูนี้? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | (ออกเคือง, พูดเสียงแขง.) นี่แกรู้ไหมว่าฃ้าคือใคร? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | ฃ้าชื่ออราลี รู้หรือยัง? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | เปนฃ้าหลวงพระอัคคะมเหสี, รู้ไหม? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | ฃ้าเคยออกมาเก็บดอกไม้ในสวนนี้ได้เสมอ, รู้ไหม? | |
ชาวสวน. | ไม่รู้. | |
อราลี. | (โกรธ, พูดเสียงดัง.) แกเปนคนที่กวนโทโษที่สุด. ไม่เห็นมีอะไรพูดนอกจาก “ไม่รู้”. ฃ้าขอบอกกล่าวว่าฃ้าจะเก็บดอกไม้ไปถวายเจ้านายของฃ้า. (จะไปเก็บดอกไม้อีก.) | |
ชาวสวน. | (ยืนขวางหน้าและห้าม.) ไม่ได้! | |
อราลี. | ฃ้าจะเก็บ! | |
ชาวสวน. | ไม่ได้! |
(ศุภางค์ออกทางหลืบขวา.)
[ฉบงง, ๑๖]
ศุภางค์. | เออแน่, นางอราลี! มาทำอวดดี ส่งเสียงแจ้วแจ้วอยู่ไย? | |
อราลี. | ให้ไพร่ไปก่อนเปนไร. | |
ศุภางค์. | (หันไปสั่งชาวสวน.) เอาเถิดเจ้าไป ทำงานทางอื่นสักครา. |
(ชาวสวนเฃ้าโรงทางขวา.)
อราลี. | นี่แน่ะศุภางค์เสนา, เมื่อกี้ตูฃ้า กำลังจะเก็บดอกไม้, | |
แต่ชาวสวนกล่าวห้ามไว้, เฃาว่าท่านได้ สั่งเฃาให้ห้ามเช่นนั้น. | ||
ศุภางค์. | ถูกแล้ว. | |
อราลี. | เพราะเหตุใดกัน? | |
ศุภางค์. | เพราะว่าตัวฉัน ชอบดูดอกไม้งามๆ. | |
อราลี. | ก็ใครสั่งให้ท่านห้าม? | |
ศุภางค์. | ทำไมจึ่งถาม? | |
อราลี. | ก็เพราะดิฉันอยากรู้. | |
ศุภางค์. | อยากรู้อยากเห็นเกินอยู่ ดังนี้ก็ตู ฃ้าขอกล่าวเตือนนางว่า | |
ผู้ชอบประพฤติเช่นจา- ระสัตรีฃ้า มิชอบและมักหมั่นไส้; | ||
อันตูฃ้าเจ้านายใช้ ให้เปนผู้ใหญ่ รักษาพระอุทยานนี้, | ||
จึ่งห้ามว่าดวงมาลี ของท่านดีๆ มิให้ผู้ใดเก็บไป. | ||
อราลี. | ก็ดิฉันนี้คือใคร? | |
ศุภางค์. | อันตัวนางไซร้ พิการทั้งกายและจิต! | |
หลังค่อมค้อมคู้ดูผิด มนุษย์ฃาบิด แขนเบี้ยวบ่เหมือนธรรมดา | ||
ตัวคดใจคดอิจฉา แยงยุมุสา ใครๆ ย่อมรู้ทั่ววัง; | ||
รูปชั่วตัวแสนน่าชัง แล้วนางก็ยัง ไม่รู้สำนึกตัวเลย. | ||
อราลี. | ชะๆ อุแม่เจ้าเอ๊ย! ช่างพูดเพ้ยๆ นะท่านศุภางค์เสนา; | |
อวดดีนักเพราะช่างหา หญิงสรวยๆ มา บำเรอพระมิ่งโมลี! | ||
นี่ไปหาโสเภณี มาซ่อนไว้ที่ ตำหนักในราชอุทยาน, | ||
จึงต้องเกะกะระราญ เพราะว่าเกรงการณ์ จะทราบถึงพระนางเธอ! | ||
ศุภางค์. | นางอราลีนี่เออ อวดดีเผยอ หยิ่งเย่อเหมือนอย่างคางคก | |
ชาตินางยางหัวไม่ตก ก็คงผงก ผงาดบังอาจเอิบใจ. | ||
ไปเถิด, นางค่อม, รีบไป! | ||
อราลี. | ท่านจะทำไม? กล้าดีก็เชอญหน่อยซี | |
ศุภางค์. | ฃ้าบอกว่าไปเดี๋ยวนี้! ไปเสียดีๆ, หาไม่จะเกิดเคืองกัน | |
อราลี. | ไม่ไป! | |
ศุภางค์. | ต้องไปโดยพลัน! | |
อราลี. | ไม่ไป! | |
ศุภางค์. | อย่าดัน! | |
อราลี. | ไม่ไป! | |
ศุภางค์. | เมื่ออยากอยู่นี่ | |
ก็จะให้อยู่กับที่ เฮ้ย, ออกมานี่ ไวๆ เฃ้าหวาอย่าช้า! |
(ชาวสวนออกทางหลืบขวา.)
นี่แน่ะ, นางนี้เฃาว่า ชอบอยู่สวนนา, และฃ้าก็ยอมตามใจ. | ||
เจ้าจงนั่งอยู่ด้วยไซร้, ระวังอย่าให้ นางลุกไปพ้นที่นี้, | ||
แม้ห้ามมิฟังวาที ก็เจ้าจงตี ให้แรงด้วยด้ามไม้กวาด! | ||
ขึ้นเสียงเถียงคำหนึ่งฟาด, สองคำสองฉาด, จริงๆ มิต้องเกรงใจ |
(ศุภางค์เดิรจะไปทางขวา ก็พอปริยัมวะทาออกมาทางนั้น.)
ปริยัมวะทา. | ศุภางค์, ท่านเกรี้ยวโกรธใคร? | |
ศุภางค์. | (ชี้อราลีพลางตอบพลาง.) โกรธคนจัญไร ที่กวนโทโษสุดทน! | |
ปริยัมวะทา. | ฃ้าขอโทษแทนสักหน, เพราะเฃาเปนคน ที่มักมิยอมแพ้ใคร. | |
อราลี, อย่ายุ่งไป, ฉันขอเถิดให้ หล่อนกลับคืนเฃ้าในวัง. | ||
อราลี. | ดิฉันมาตามรับสั่ง, เมื่อดิฉันยัง มิได้ทำตามท่านใช้ | |
ดิฉันจะกลับอย่างไร? | ||
ปริยัมวะทา. | เอาเถิดดอกไม้ ฉันเองจะเก็บมากมาย | |
แล้วให้คนไปถวาย | ||
อราลี. | ก็เมื่อคุณนาย รับแล้วดิฉันขอลา. |
(เฃ้าโรงทางหลืบซ้าย.)
[ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒.]
ปริยัมวะทา. | อะราลีแหละน่ากลัว | จะก่อเรื่องระคายนา; |
พระนางคงจะใช้มา | และสืบเรื่องพระภูมี. | |
ศุภางค์. | เสด็จกลับนครหลวง | ก็สับดาหะแล้วนี่, |
ประทับแรมณสวนศรี | บกลับคืนนิเวศน์ใน. | |
จะไม่ให้มะเหษี | ระแวงนั้นไฉนได้? | |
พระได้นางณป่าใหญ่ | และพากลับณธานี, | |
จะปิดความมิวามวู่ | จะอยู่ได้ไฉนมี? | |
ปริยัมวะทา. | ดิฉันเห็นมะเหษี | ธคงทราบและหึงส์หวง. |
ศุภางค์. | พระนางเธอก็โทษา | คะติมักจะครอบดวง |
หะทัยอยู่และใครท้วง | ฤทักมักจะยิ่งใหญ่. | |
ปริยัมวะทา. | ดิฉันนึกก็สงสาร | สุนงคราญพระองค์ใหม่, |
เพราะเรียบร้อยและดูไม่ | พระโอษฐจัดถนัดเถียง. | |
ดิฉันมาและรับใช้ | สนิธแล้วก็เห็นเนียง | |
ประเสริฐแท้และควรเคียง | พระองค์ผู้ประเสริฐชาย! | |
ศุภางค์. | ก็เหตุนั้นสิฉันจึ่ง | คนึงอยู่มิรู้วาย, |
บุรุษควรจะมุ่งหมาย | มะโนแต่ณยอดหญิง | |
วิไลยโฉมและมีใจ | วิสุทธิ์ใสสอาดยิ่ง, | |
ฉนั้นควรจะรักจริง | และชีวิตมิเปล่าเปลือง; | |
ผิเลือกคู่เพราะเพ่งทาง | ประโยชน์เพียงณการเมือง, | |
มิช้านานก็จำเคือง | ระคายจิตระคายตา! | |
ปริยัมวะทา. | อ๊ะพี่ชายขยายเรื่อง | ฉนี้เครื่องจะเลยพา |
พะหูโทษะพลันมา | กระทบกายมิบังควร. | |
ศุภางค์. | ก็ฉันพูดกะหล่อนได้ | เพราะไว้ใจนะนิ่มนวล, |
และหากหล่อนมิเล่าทวน | ละก็ใครจะรั่วรู้? |
(ท้าวชัยเสนกับมัทนาออกทางหลืบขวา, และพานางตรงขึ้นไปนั่งเตียงบนพลับพลา. ศุภางค์กับปริยัมวะทา และชาวสวนคลานเฃ้าโรงทางหลืบขวา.)
[วสันตดิลก, ๑๔.]
ชัยเสน. | ตั้งแต่ภิเษกและอภิรมย์ | ระติแนบณโฉมตรู |
พี่นี้ประหนึ่งรมะณิย์อยู่ | ณพิภพสุราลัย; | |
แต่ไหนมิเคยจะฤดิรื่น | นิระโศกนิรามัย | |
เหมือนปัจจุบันเพราะอรไทย | นะสิปลูกประมวญปรีย์. | |
มัทนา. | อ้าทูลกระหม่อมปิยะมหา | สุระราชะสามี, |
ฃ้าบาทบำเรอพระบทะศรี | ละก็ยังมิเพียงพอ; | |
อยากมีกำลังพิริยะอีก | พละไซร้จะได้ก่อ | |
การอื่นบำเรอพระบทะต่อ | บมิให้ระคายเคือง! | |
ชัยเสน. | อ้าน้องสิเปนสุปฺริยะหญิง | ยุวะมิ่งและขวัญเมือง, |
อันพี่ก็มียะศะประเทือง | เพราะว่ะคู่วะธูขวัญ. | |
มัทนา. | อ้าองค์พระปิ่นดิลกะรัฐ | ธดำรัสละยอครัน! |
ฃ้าน้อยฤเรียกสุวะธุขวัญ | วรราชะธานี? | |
แท้จริงนะหญิงก็สิริวัฑ- | ฒะนะได้เพราะสามี, | |
หญิงโสดจะเรืองยะศะและศรี | ละก็แสนจะยากเย็น. | |
ชัยเสน. | หากพร้อมสุคุณก็ศุภะลัก- | ษณะนาริย่อมเปน |
ขวัญเมืองประดุจระตะนะเห็น | บมิต้องประกอบทอง! | |
มัทนา. | สามีสิเปนระตะนะเลิด | และจุฑามณีของ |
นารีและอาภะระณะผอง | บมิยิ่งสุภรรดา. | |
ชัยเสน. | อันชายจะมีสุนิธิใด | ก็บเปรียบกะภรรยา, |
เปนศรีและศักดิระตะนา | ทิประดับประดาเรือน. | |
มัทนา. | สุขใดจะเปรียบปะระมะสุข | ปฺริยะนี้บ่มีเหมือน. |
ชัยเสน. | เพื่อนใดจะมีประดุจะเพื่อน | ฤดิร่วมสิเนหา. |
(พระนางจัณฑีออกทางหลืบซ้าย, มีฃ้าหลวงตามหลังตามสมควร. จัณฑียืนดูท้าวชัยเสนกับมัทนาอยู่ครู่ ๑ แล้วจึ่งเฃ้าไปบังคมท้าวชัยเสน.)
[อุปชาติ, ๑๑.]
จัณฑี. | ประณตยุคลบาล | นรนาถะราชา. |
หม่อมฉันสดับวา- | ทะระบือสนั่นไป | |
ถึงในนิเวศน์ว่า | พระนรินทะราชไซร้ | |
เสด็จณถิ่นไพร | พระสนุกสนานนัก; | |
ก็คอยจะเฝ้าองค์ | วรภูมิทรงศักดิ์, | |
หลายวันพระยังพัก | ณพระมาละกาคาร; | |
ครั้นว่าจะรออยู่ | ก็จะดูมิเฃ้าการ, | |
จะเสียและสามาญ | ดุจะขาดสุภักดี. | |
ฉนั้นทนงอาจ | ยุระยาตร์ณสวนศรี, | |
ขอมิ่งมกุฎมี | กรุณาและงดโทษ; | |
ใช่แสร้งจะมาขัด | พระหทัยฤทำโกรธ, | |
เพราะถึงจะไม่โปรด | ฤก็คงบฃาดไป. | |
และหวังจะมาพบ | อรเอกะอำไพ, | |
ซึ่งองค์พระทรงชัย | กรุณาและพากลับ | |
จากในพนารัณ- | ยะกะฃ้าก็มารับ | |
และเปล่งกระแสร์ศัพท์ | ประจุคมอุดมดี. | |
ชัยเสน. | กระไรนะแดกดัน | และประชดนะจัณฑี! |
นางเปนมะเหษี | ละก็ควรจะอยู่วัง. | |
ไม่ควรจะด่วนมา | และอุวาทะเสียงดัง, | |
ดุดื้อจะมีหวัง | สุประโยชน์ณฐานใด? | |
ก็ตามประเพณี | พระบิดาประสาทให้ | |
มาเพื่อประพันธ์ไม- | ตฺริระหว่างประเทศสอง, | |
แล้วฉันก็ตั้งใจ | ทนุนางและยกย่อง, | |
ก็คงจะคู่ครอง | บมิเริดมิร้างกัน. | |
จัณฑี. | มิเริดมิร้างจริง | ละสิจึ่งกระหม่อมฉัน |
นั่งแกร่วณวังจันทร์ | บมิเห็นเสด็จไป. | |
ชัยเสน. | ฉันพึ่งจะกลับจาก | วนะเฃตตะใหม่ๆ |
จะเฃ้าณวังใน | ก็จะอัดอุราแท้. | |
จัณฑี. | จะอัดอุราจริง | ละเพราะจำจะทิ้งแม่ |
รูปทองจะหมองแด | เพราะวิโยคก็เหลือทน! | |
มัทนา. | อันว่าดะนูนี้ | ฤจะยึดพระจุมพล? |
พระอยากเสด็จดล | ก็บเคยจะขืนขัด. | |
จัณฑี. | ดะนูก็รู้ว่า | พระสิโปรดนะแน่ชัด, |
เหตุว่านะรีรัตน์ | บมิมีจะขัดขืน! | |
หญิงใดตระหนี่ตัว | ละก็ผัวบรักยืน, | |
ฉนั้นบขัดขืน | และประจบสิผัวรัก; | |
ดะนูสิเปนลูก | วระราชะทรงศักดิ์, | |
ถือยศบรู้จัก | จะประจบประแจงดี, | |
ที่ไหนจะสู้เยา- | วสุดาพระโยคี! | |
ชัยเสน. | อ๊ะ! อย่านะจัณฑี; | วจะเธอนะเกินไป! |
มัทนา. | พระองค์จะตรัสห้าม | วรเทวิทำไม? |
นางเปนสุดาไท้ | อธิราชะราชัน, | |
ถึงหากจะตรัสด่า | ก็บเจ็บกระหม่อมฉัน, | |
เพราะองค์พระทรงธรรม์ | กรุณาก็พอใจ. | |
พระนางจะกริ้วกราด | ก็มิถึงกะบรรลัย, | |
โดยบาระมีไท้ | สิริร่มนะเกศา. | |
จัณฑี. | ถึงฉันจะไร้ซึ่ง | พระมหากะรูณา, |
ก็ยังมิชั่วช้า | และบ่หมดนะยางอาย. |
[สุรางคณา, ๒๘]
ชัยเสน. | เหม่นางจัณฑี พูดจาครานี้ แสนจะหยาบคาย! | |
เธอเปนธิดา ราชาฦๅสาย ไฉนปากร้าย ราวแม้ค้าปลา? | ||
จัณฑี. | หม่อมฉันสามาญ เพราะพระองค์ท่าน หมดพระเมตตา; | |
หากฃ่าวระบือ ฦๅจากภารา ถึงพระบิดา คงเสียหทัย. | ||
ชัยเสน. | นี่จะมาโกรธ และมุ่งกล่าวโทษ ฉันผิดอันใด? | |
จัณฑี. | พระองค์ทรงฤทธิ์ จะผิดอย่างไร? พระองค์เปนใหญ่ เหนือผู้เหนือคน | |
ถึงจะรับนาง ใดๆ จากกลาง อรัญไพรสณฑ์ | ||
มายกมาย่อง ก็ต้องจำทน เพราะฃ้าเปนคน อาภัพอัปรีย์. | ||
ชัยเสน. | เธอก็มีศักดิ์ ใยพูดหยาบนัก นะนางจัณฑี? | |
ควรยังถือมั่น ฉันเปนสามี, และไม่ควรที่ กล่าวถ้อยหยาบช้า. | ||
ฉันขอบอกให้ เธอจงเฃ้าใจ ว่ามะทะนา, | ||
ก็เปนนารี ศรีสุชาดา ไม่หย่อนไปกว่า ลูกท้าวมคธ. | ||
หล่อนควรเปนคู่ เคียงตัวฉันอยู่ สมศักดิ์สมยศ; | ||
เธออย่าพูดมาก ไม่อยากฟังพจน์, ถึงท้าวมคธ จะไม่พอใจ, | ||
ใช่ว่าตัวฉัน จะนึกประหวั่น พรั่นจิตเมื่อไร; | ||
ถึงจะพิโรธ โกรธก็โกรธไป, ตัวฉันมิได้ เปนฃ้าขอบขัณฑ์. | ||
มคธราชา กับพระบิดา สิท่านชอบกัน, | ||
จึ่งได้ตกลง สององค์กล่าวหมั้น ตัวเธอกับฉัน ไว้แต่ยังเยาว์; | ||
ใช่ฉันตะกาย ไปรักโฉมฉาย เองเมื่อไรเล่า, | ||
สองบิดาท่าน จัดการให้เรา, ฝ่ายฉันนี้เล่า กอบกะตัญญู | ||
จึ่งยอมตามท่าน และไปทำการ แต่งกับโฉมตรู, | ||
แต่กระนั้นไซร้ ก็ได้เลี้ยงดู สมควรแก่ผู้ เปนมหิษี. | ||
ฉันจงใจรัก, และผินงลักษณ์ มีจิตไมตรี | ||
คงจะไม่ต้อง ขุ่นหมองครานี้; ขอจงตริดี ก็คงแลเห็น. | ||
จัณฑี. | หม่อมฉันเฃ้าใจ ว่าทรงเลี้ยงไว้ ก็เพราะจำเปน! | |
ชัยเสน. | ตามใจเถิดหนา! ถ้าเธอนึกเช่น นั้นก็อาจเปน เช่นเธอเฃ้าใจ! | |
มา, มะทะนา, เราไปดีกว่า, อยู่อีกทำไม? | ||
ขืนอยู่ฟังเสียง ก็เถียงกันไป ยืดยาวยิ่งใหญ่ ไม่เปนแก่นสาร! |
(ท้าวชัยเสนจูงมือมัทนาพากันเฃ้าโรงไปทางหลืบขวา. พอสองคนนี้ไปพ้นอราลีก็ออกมาทางหลืบซ้าย.)
[อุเปนทะวิเชียร, ๑๑.]
จัณฑี. | ชะฉาอะราลี | อิอะปรีย์อิตัวการ. |
กระไรละเหิมหาญ | บมิรู้สำนึกตัว; | |
อิโสภิณีดี | ตะประจบสำออยผัว, | |
แน่ะมึงนะเงาหัว | บมิมีละรู้ไหม? | |
พระผัวก็มัวหลง | และพะวงอิชาวไพร, | |
บนึกว่ะกูไซร้ | สิสุดามคธราช. | |
ผิกูจะใช้คน | จรยังชะนกนาถ | |
และทูลคดีกาจ | ฤวะไท้จะดูดาย? | |
อราลี. | พระนางพิโรธกริ้ว | นะก็ควรจะมากมาย, |
และเหตุก็แรงร้าย | จะมิทรงพิโรธฤๅ? | |
ก็แต่จะพาที | บมิได้ถนัดฮือ! | |
เพราะเกรงจะอึงอื้อ | จะมิพ้นละโทษทัณฑ์. | |
ฉนั้นเสด็จกลับ | พระนิวาศะโดยพลัน, | |
และถึงกระหม่อมฉัน | ก็จะทูลอุบายดี, | |
และคงจะทรงชำ- | นะอมิตร์ละเทวี. | |
จัณฑี. | ฉนั้นก็ไปที, | เพราะจะอยู่ก็ป่วยการ. |
(พระนางจัณฑี, อราลี, และฃ้าหลวงเฃ้าโรงทางหลืบซ้าย.)
ตอนที่ ๒
ริมรั้งค่ายหลวง, ตำบลกุรุเกษตร์.
[ใช้เปนม่านม้วนทิ้งระหว่างหลืบ, เขียนเปนภาพรั้วค่ายระเนียด.]
(ท้าวชัยเสน, แต่งเครื่องรบ, ออกพร้อมด้วยศุภางค์และนายทหารอีกสองสามคน.)
[อินทะวิเชียร, ๑๑]
ชัยเสน. | การยุทธะนาใหญ่ | ก็วิชัยณวันวาน. |
เห็นพวกศะตรูพาล | จะระส่ำระสายนัก; | |
คงยังมิอาจยก | ฤระดมประหารหัก, | |
หากเราจะตั้งรัก- | ษะระเนียดก็คงไหว. | |
บัดนี้นะกูแสน | จะวิตกสทกใจ, | |
ด้วยข่าวว่ะทรามวัย | มะทะนาประชวรอยู่, | |
จึ่งใคร่จะไปกรุง | และก็มุ่งจะไปดู | |
เยี่ยมแล้วฤตัวกู | ก็จะกลับณค่ายพลัน. | |
ศุภางค์. | ฃ้าภักดิจึ่งทูล | วรบาทพระทรงธรรม์, |
ฃ้าคิดระแวงครัน | เพราะว่ะศึกสิล่อแหลม. | |
เกรงว่าจะมีผู้ | ทุจริตและทำแกม | |
กลกอบอุบายแต้ม | วจะล่อพระภูมี, | |
เพื่อให้เสด็จกลับ | วระราชะธานี. | |
ชัยเสน. | ที่เจ้าวิตกนี้ | นะก็ออกจะควรอยู่, |
จัณฑีสิหมายมุ่ง | มนะพาลประหารกู, | |
จึ่งบอกบิดาจู่ | จระพลพะหลมา. | |
เออนึกอนาถจริง | ละนะหญิงวิหิงสา, | |
แรงฤทธิอิจฉา | บมินึกละหน้าหลัง. | |
โชคดีทหารเรา | ฤก็พร้อมพะลังขลัง, | |
อันท้าวมคธหวัง | จะประยุทธะเร็วแท้ | |
แต่ยังมิเร็วพอ | และฉนี้นะจึ่งแพ้, | |
กูจึ่งมิกลัวแม้ | จะประยุทธะอีกหน. | |
กูคิดจะไปเยี่ยม | มะทะนาและพอยล | |
แล้วกลับจะนำพล | รณะสู้ศะตรูพาล. | |
จงสั่งยุธาชิต | วระเสนิชัยชาญ | |
ให้อยู่และบงการ | อภิรักษะค่ายไว้; | |
ส่วนเจ้าแหละจงเตรียม | วรราชมะโนมัย, | |
อีกตัวก็เตรียมไป | วรธานิกับกู. |
(ท้าวชัยเสนและบริวารเฃ้าโรงทั้งหมด.)
ตอนที่ ๓
สวนหลวงฃ้างพระราชวัง, ในกรุงหัสตินาปุระ.
[ฉากเหมือนตอนที่ ๑ แห่งองก์นี้เอง, แต่ในตอนนี้เปนเวลากลางคืน.]
(พระนางจัณฑีนั่งอยู่บนเตียงบนศาลา; อราลีนั่งที่ระเบียงศาลา, และพราหมณ์วิทูรนั่งกับพื้นตรงหน้าศาลา. ที่กลางเวทีมีฟืนจัดสุมไว้พร้อมให้จุดไฟขึ้นได้ง่าย ๆ.)
[สาลินี, ๑๑.]
อราลี. | ตามฃ่าวหม่อมฉันได้ | นะก็เห็นจะดีอยู่; |
เฃาว่าสมเด็จภู- | ธระเตรียมเสด็จกลับ. | |
หม่อมฉันจึ่งสั่งว่า | ผิวะท้าวธมาถับ | |
ให้รีบมาบอกฉับ | ก็จะเดิรอุบายต่อ. | |
จัณฑี. | ส่วนฃ่าวการสงคราม | บมิได้ละฤๅหนอ? |
อราลี. | ทัพของสมเด็จพ่อ | ธประจนประจัญพลัน, |
แต่ฝ่ายฃ้างทัพกรุง | ฤก็รู้และรับทัน, | |
ทั้งกลับเขี้ยวขับขัน | พละฝ่ายมคธถอย; | |
ขืนรออยู่ช้าอีก | ละก็น่าจะเสียรอย. | |
จัณฑี. | พ่อแพ้ลูกคงพลอย | บมิรอดละครานี้! |
อย่างไรท่านอาจารย์? | ทิชะท่านก็เปนชี | |
ชาวแคว้นของฃ้านี้, | ก็จะช่วยฤฉันใด. | |
วิทูร. | ตูฃ้าเปนชาวขัณ- | ฑะสิมามะคธไซร้, |
หากช่วยให้มีชัย | ก็จะแสนสราญบาน; | |
ส่วนที่ให้ทำกิจ | กละแม้นสิเน่ห์หาญ, | |
ทูลจริงแด่นงคราญ | บมิใคร่จะชอบจิต, | |
หากท้าวเธอกริ้วโกรธ | ดนุฤๅจะพ้นผิด? | |
อราลี. | ถึงแม้ว่าทรงฤทธิ์ | จะพิโรธและลงทัณฑ์ |
เท่าใดไม่ได้ว่า | นิระเทศะเท่านั้น, | |
อาจารย์กลับยังขัณ- | ฑะมคธก็คงได้ | |
บำเหน็จบำนาญพอ | ละนะท่านจะทุกข์ใย. | |
จัณฑี. | จริงหนอเราขอให้ | วะจิสัตย์ปะฏิญญา |
หากท่านทำการสม | ดนุนี้ประสงค์นา, | |
เชื่อเถิดว่าตูฃ้า | จะมิลืมวิปฺราจารย์; | |
โคนมนับด้วยพัน | ก็จะให้บเนิ่นนาน, | |
อีกทั้งให้เรือนชาน, | พหุทาสะมากมี, | |
เฃตบ้านที่ท่านอยู่ | ก็จะเพิ่มเฉลิมศรี | |
ยกขึ้นเปนเมืองมี | วรเวสม์วิเศษสรรพ์, | |
เปนเมืองเลื่องฦๅยศ | ณมะคธประเทศขัณฑ์, | |
ท่านเองเปนราชัน | อุปราชะเรืองยศ. | |
วิทูร. | ตูฃ้านี่แก่เฒ่า | วยะนั้นก็จวนหมด, |
คิดหาซึ่งลาภยศ | บมิควรณขวบนี้. | |
อราลี. | ถึงเฒ่าท่านอาจารย์ | ฤก็บุตร์และหลานมี, |
ยามเห็นโอกาสดี | บมิควรจะทิ้งนา. | |
แลขอจงจำไว้ | ผิมิรับพระบัญชา, | |
อาจต้องยากแค้นสา- | หสะแท้นะอาจารย์. | |
อาจมีผู้โจทย์ว่า | มะคะธาธิราชท่าน | |
ใช้ให้ท่านอาจารย์ | จระสู่พระธานี, | |
เพื่อให้ทำกิจจา- | ระบุรุษณที่นี้; | |
เช่นนั้นท่านยอดชี | ก็จะยากลำบากใจ! | |
วิทูร. | ไม่จำต้องกล่าวขู่ | เพราะดนูก็แก่ไม่ |
เกรงซึ่งมัจจูภัย | และบห่วงณชีวี. | |
หากรับทำการใด | ก็เพราะใจแหละภักดี | |
แด่องค์เทวีศรี | และสนองพระบาทา. |
(เกศินีออกทางหลืบซ้าย, ตรงไปหาอราลี.)
[ฉบงง, ๑๖]
เกศินี. | บัดนี้มีผู้ชายมา บอกว่าราชา เสด็จจะถึงอุทยาน. | |
อราลี. | ไวๆ เถิดท่านอาจารย์, ท่านจงเริ่มการ พิธีดังที่นัดไว้. | |
วิทูร. | ตูฃ้าขอกล่าวอีกไซร้ ว่ายังมีใจ ตะขิตตะขวงมากอยู่. | |
อราลี. | อย่ามัวร่ำไรขรัวครู เดี๋ยวท่านจะจู่ มาถึงมิทันลงมือ |
(วิทูรลุกไปจัดการจุดกองไฟ, และนั่งขัดสมาธิ์ประนมมือ, เอาย่ามวางไว้ข้างตัว.)
จัณฑี. | ส่วนกูจะอยู่นี่ฤๅ จะแอบเสียหือ? | |
อราลี. | พระนางต้องแอบก่อนดี. | |
ต่อเมื่อเห็นเหมาะท่วงที, เสด็จมานี่, ประหนึ่งว่าพึ่งทรงทราบ | ||
ว่าเฃานี้คิดการหยาบ, และเพื่อบำราบ จึ่งสู้เสด็จออกมา. | ||
เกศินีอยู่นี่นา, และทำเหมือนว่า เปนผู้ร่วมคิดกับพราหมณ์, | ||
ต่อนั้นจงได้ทำตาม ที่ฉันบอกความ ไว้แต่เมื่อบ่ายนี้ไซร้. | ||
เฃ้าใจดีแล้วฤๅไฉน? | ||
เกศินี. | ดิฉันเฃ้าใจ, และจะทำทุกสิ่งสรรพ์. | |
อราลี. | ดีแล้วอย่าได้นึกพรั่น, เพราะว่าโทษทัณฑ์ อย่านึกเลยว่าจะมี, | |
และหากการสำเร็จดี แล้วองค์เทวี คงจะประทานรางวัล. | ||
จัณฑี. | จริง, อย่าวิตกข้อนั้น. | |
เกศินี. | อันตัวหม่อมฉัน ขอเพียงแต่ได้รับใช้. | |
จัณฑี. | ดีแล้วละ, กูขอบใจ. | |
อราลี. | เชอญเสด็จไป ไวๆ ดีกว่าเทวี. |
(จัณฑีกับอราลีเฃ้าโรงไปทางขวา. ฝ่ายวิทูรคงนั่งหลับตาและเล่ามนตร์พึมพำอยู่, และเกศินีนั่งดูพราหมณ์ด้วยอาการเอาใจใส่มาก. อีกครู่ ๑ ท้าวชัยเสนออกทางซ้าย, มีศุภางค์, นันทิวรรธนะ, และบริวารอีก ๓-๔ คนตามมาด้วย. ท้าวชัยเสนเห็นวิทูรนั่งอยู่ก็ชงัก.)
[สุรางคณา, ๒๘.]
ชัยเสน. | นันทิวรรธนะ! นี่ใครกันวะ มานั่งอยู่นี่? |
(วิทูรกับเกศินีทำเปนตกใจ, กราบท้าวชัยเสนแล้วหมอบตัวสั่น.)
(นันทิวรรธนะค้นในย่ามของพราหมณ์, ได้รูปปั้นด้วยขี้ผึ้งสามรูป.)
นันทิวรรธนะ. | แกมาจากไหน? ทำไมธชี ไม่รู้หรือนี่ เปนที่สวนหลวง? | |
วิทูร. | โอย, เจ้าประคุณ จงโปรดการุญ ที่ฃ้าล้ำล่วง | |
เฃ้ามาถึงได้ ที่ในสวนหลวง, ละลาบละล้วง ถึงระโหฐาน. | ||
ฃ้านี้ผิดแท้ ควรรับโทษแน่ ทุกๆ ประการ, | ||
เพราะเฃ้าใจผิด คิดว่านงคราญ เธอโปรดประทาน โอกาสจึ่งมา. | ||
ชัยเสน. | ออกชื่อนางใด? พราหมณ์จงบอกไป, เรายังกังฃา. | |
วิทูร. | ขอทูลเทวะ ว่าพระชายา นามมะทะนา ตรัสเรียกมาไซร้. | |
ชัยเสน. | อ๊ะ! พราหมณ์ขี้ตู่ เราฟังๆ ดู ยังออกแคลงใจ. | |
วิทูร. | นางนี้ได้ออก ไปบอกฃ้าไซร้ ว่ารับสั่งใช้ ให้ตามฃ้ามา. | |
ชัยเสน. | อย่างไรสาวน้อย, มึงรับใช้สรอย ไปจริงหรือหวา? | |
เกศินี. | เพคะเปนจริง ทุกสิ่งเช่นว่า; พระราชอาญา ไม่พ้นเกศี. | |
ชัยเสน. | ก็เทวีไซร้ ให้ทำอะไร หนอเฒ่าธชี? | |
วิทูร. | ฃ้ากำลังเริ่ม ประเดิมอัคคี เพื่อทำพิธี การฝังอาถรรพ์. | |
ชัยเสน. | เอ๊ะ! หากว่าจริง ละก็เปนสิ่ง ที่โทษฉกรรจ์! | |
เร็วๆ ค้นย่าม ของพราหมณ์นี้พลัน, ดูว่าในนั้น จะมีสิ่งใด. |
นันทิวรรธนะ. | มีรูปขี้ผึ้ง เปนสามรูปซึ่ง พราหมณ์ปั้นเตรียมไว้; | |
รูปหนึ่งหนามแหลม มีแนมเหน็บใส่ ตรงที่หทัย และตรงอุทร; | ||
อีกสองรูปปั้น เปนคู่ติดกัน เช่นคู่สมร, | ||
เพราะต่างกอดรัด ตระวัดเกี่ยวกร, ชายกับบังอร เชิงชู้คู่ใจ. | ||
ชัยเสน. | เอ๊ะพราหมณ์หมอเฒ่า นี่อย่างไรเล่า จะคิดทำใคร? | |
แกจงแถลง ให้แจ้งทันใด โดยจริงหาไม่ จะต้องเคืองกัน. |
[อุปัฏิตา, ๑๑.]
วิทูร. | อ้าสมมะติเทพ | ดนุนี้จะทูลพลัน, |
ถ้วนถี่คะติสรร- | พะบปิดบบังความ: | |
นางเกศินินี้ | นะสิไปและกล่าวตาม, | |
ว่ามีวธุงาม | จะประสงค์ดะนูนี้ | |
ให้ช่วยและกระทำ | พิธิกอบอะถรรพ์ดี; | |
หนึ่งเพื่อมะละชี- | วิตะแห่งสุภรรดา, | |
สองเพื่อจะประพันธ์ | ฤดิชู้สิเนหา; | |
นางพาดะนุมา | บมินานณสวนขวัญ. | |
พอถึงดะนุเริ่ม | วิธิการบนานครัน, | |
แล้วองค์วรธรร- | มิกะราชเสด็จมา. | |
อันว่าคุรุทัณฑ์ | วรราชะอาญา | |
ไม่พ้นศิระฃ้า | เพราะว่ะผิดละจริงไซร้. |
[ฉบงง, ๑๖.]
ชัยเสน. | เหวยอีทาสีอย่างไร? ที่พราหมณ์เฃาให้ การนี้ถูกต้องหรือหวา? | |
เกศินี. | เพคะ, ถูกตามเฃาว่า; ปฺริยัมวะทา ใช้ฃ้าไปตามพราหมณ์นี้. | |
ศุภางค์. | อันว่านางเกศินี เปนฃ้าเทวี องค์ผู้ประทับวังใน, | |
และเมื่อก่อนๆ นี้ไม่ เคยเห็นรับใช้ ที่ในพระแม่มัทนา, | ||
ก็ฉันใดเล่าจึ่งมา เปนตัวการฃ้า ยังนึกระแวงแคลงใจ! | ||
เกศินี. | ดิฉันมาจากวังใน เพื่ออยู่รับใช้ ที่คุณปฺริยัมวะทา, | |
และเหตุนี้เองสิฃ้า จึ่งได้เลยมา เกี่ยวในคดีเรื่องนี้. | ||
นันทิวรรธนะ. | อันรูปบุรุษที่มี หนามเหน็บอยู่นี้ มุ่งหมายเปนรูปผู้ใด? | |
เกศินี. | หมายเปนพระองค์ทรงชัย และฃ้างในใส่ เส้นพระเกศาทรงศักดิ์. | |
นันทิวรรธนะ. | ก็รูปหญิงชายร่วมรัก กันนี้เล่าจัก มุ่งเอาเปนรูปผู้ใด? | |
เกศินี. | อันรูปนารีนั้นไซร้ คือองค์ทรามวัย ผู้เนาณราชอุทยาน, | |
ส่วนรูปบุรุษคือท่าน ผู้นายทหาร มีนามศุภางค์เสนี. | ||
ศุภางค์. | ฉันใดมุสาพาที ใส่ความเช่นนี้, ใครสั่งใครสอนเจ้ามา? | |
ชัยเสน. | เฮ้ยคนหนึ่งไปอย่าช้า, เชอญพระชายา กับนางกำนัลมานี่. |
(มหาดเล็กคน ๑ เฃ้าโรงไปทางขวา. ท้าวชัยเสนขึ้นนั่งบนเตียงบนศาลา.)
[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
ศุภางค์. | อ้าเทวะฃ้านบ | ณพระบาทยุคลศรี, |
ขอจงพระภูมี | กรุณาณฃ้าไท; | |
ในงานพระสงคราม | ฤก็ตามเสด็จไป, | |
เหตุนั้นละฉันใด | ดนุนี้จะคิดร้าย? | |
หากคิดมิดีแล้ว | ก็จะทูลพระฦๅสาย | |
โดยถ้อยทุโรบาย | และสมัคพิทักษ์นาง; | |
โดยเหตุพระองค์ทรง | พระประสงคะมีอย่าง | |
นั้นอยู่ก็เปนทาง | ดนุควรจะฉวยพลัน; | |
แต่ฃ้าสินึกเกรง | ผิจะอยู่ณสวนขวัญ | |
อาจดูมิดีครัน, | เพราะว่ะคนจะนินทา. | |
นี่ตามเสด็จจาก | วรราชะภารา | |
ยังมีอมิตร์หา | คติโจทย์ณครานี้. | |
ในวาทะกล่าวโทษ | ผิวะข้อพิรุธมี, | |
ขอจงประหารชี- | วิตะฃ้าและวงศ์วาร. | |
แต่ว่าผิฝ่ายโจทย์ | นะมุสาและแกล้งพาล, | |
ฃ้าขอพระภูบาล | กรุณาณฃ้าไท. |
(มหาดเล็กกลับออกมาทางขวา, และปริยัมวะทามาด้วย.)
[ฉบงง, ๑๖.]
ชัยเสน. | ปฺริยัมวะทาอย่างไร มะทะนาไม่ มาด้วยกับเจ้าฤๅหวา? | |
ปริยัมวะทา. | เทวีให้หม่อมฉันมา บังคมทูลว่า กำลังเวียนพระเศียรนัก, | |
อีกสักครู่หนึ่งจึ่งจัก มาเฝ้าทรงศักดิ์ และกราบพระบาทภูมี. | ||
ชัยเสน. | นันทิวรรธนะบัดนี้ จงถามคดี ที่นางปฺริยัมวะทา. | |
นันทิวรรธนะ. | บัดนี้มีผู้กล่าวหา ตัวคุณนี้ว่า ใช้นางฃ้าหลวงไปตาม | |
หมอเฒ่าชื่อวิทูรพราหมณ์, ฃ้าจึ่งขอถาม ข้อนี้ให้การฉันใด? | ||
ปริยัมวะทา. | เอ๊ะ! นางฃ้าหลวงคนไหน? | |
นันทิวรรธนะ. | (ชี้เกศินี.) นางคนนี้ไซร้. | |
ปริยัมวะทา. | เอ๊ะ! ดูน่าสงสัยนัก! | |
นางไม่เคยอยู่ตำหนัก ขององค์นงลักษณ์ และมิได้เคยเปนฃ้า. | ||
นันทิวรรธนะ. | นางโน่นจงให้การมา. | |
เกศินี. | คำให้การฃ้า ก็ยืนอยู่อย่างเดิมไซร้. | |
คุณปฺริยัมวะทาใช้ ให้ฃ้านี้ไป ตามพราหมณ์มาทำพิธี. | ||
ปริยัมวะทา. | เอ๊ะ! กล่าวอะไรเช่นนี้? จะทำพิธี ทำไมเพื่อเหตุดังฤๅ | |
เกศินี. | คุณไม่ต้องทำใขสือ ดิฉันสิถือ ว่าคุณเปนมุลเปนนาย, | |
ถึงคราอับจนก็หมาย จะพึ่งคุณนาย, กลับปฏิเสธเช่นนี้. | ||
ปริยัมวะทา. | นางนี่มุสาสิ้นดี! | |
นันทิวรรธนะ. | ฃ้าต้องขอที อย่ากล่าวผะรุสวาจา. | |
นางทาสีให้การว่า กำลังทำอา- ถรรพ์เพื่อประทุษภูบาล, | ||
อีกเพื่อให้เยาวะมาลย์ กับขุนทหาร ได้ร่วมสิเน่ห์สมใจ. | ||
ปริยัมวะทา. | หากพราหมณ์ทำเช่นนั่นไซร้ ละก็มิใช่ เพราะว่าดิฉันสั่งแท้. | |
นันทิวรรธนะ. | เฃากล่าวโทษคุณเพียงแต่ ว่าสาระแน สั่งแทนผู้อื่นอีกต่อ | |
ปริยัมวะทา. | จะแทนใครได้อีกหนอ? | |
นันทิวรรธนะ. | นั่นสิเปนข้อ ที่อยากจะถามต่อไป. | |
ปริยัมวะทา. | ดิฉันมิได้รับใช้ ผู้หนึ่งผู้ใด ให้คิดซึ่งกิจเลวทราม, | |
มิได้ใช้ใครไปตาม ตามหมอเฒ่าพราหมณ์, ไม่เคยรู้จักขรัวครู. | ||
ดิฉันเปนฃ้าพระภู- มินาถก็อยู่ เปนสุขทุกเมื่อเกษมศานติ์. | ||
ชัยเสน. | มัวซักเช่นนี้ป่วยการ, ต่างคนดื้อด้าน มิยอมจะถอนวาจา. | |
ศุภางค์, เจ้าได้กล่าวว่า มิได้เสนหา กับมัทนาอย่างใด | ||
กูเห็นว่านางนั้นไซร้ มีโทษผิดใหญ่ สมควรประหารชีวี; | ||
จงชักดาบออกบัดนี้ แล้วรีบเร็วรี่ ไปตัดเอาหัวนางมา! | ||
ศุภางค์. | เทวะ! | |
ชัยเสน. | ว่ากระไรหวา? | |
ศุภางค์. | เทวะ- | |
ชัยเสน. | เออน่า! จะพูดก็อย่าร่ำไร |
[อินทะวิเชียร, ๑๑]
ศุภางค์. | ฃ้าเคยฉลองบาท | ธุลิองค์พระทรงชัย, |
แต่เล็กประจวบใหญ่ | บมิเคยจะขัดคำ; | |
เมื่อมีพระบัญชา | ละก็รับและรีบทำ, | |
ถึงหากจะชอกช้ำ | ฤจะเจ็บวรินทรีย์ | |
แทบตายบวายเพียร | และผิยังบเสร็จดี | |
เพียรจนประจวบที่ | นรนาถะบัญชา | |
อังคาพะยพของ | ดนุเปนพยานว่า | |
เคยทนและเคยฝ่า | พหุอันตะรายแท้, | |
ทั่วกายะฃ้านี้ | ฤก็มีนะบาดแผล | |
เพื่อได้แสดงแก่ | นระชนผิอยากดู; | |
ทุกแผลก็สักขี | จะแสดงกะตัญญู, | |
บาดเจ็บก็โดยภู- | ธระใช้ประจนศึก. | |
ในงานพระผ่านเผ้า | บมิเคยจะหยุดนึก, | |
ใช้ไหนก็ใจฮึก | บมิเคยจะกลัวใคร. | |
แต่ว่าณครานี้ | นรนาถะทรงใช้ | |
ให้ฃ้าพระบาทไป | และประหารพระชายา | |
ผู้ปราศะจากมล- | ทินะโทษฉนี้นา, | |
ขอรับพระอาญา | เพราะมิอาจะรับใช้. | |
อันชีวิของฃ้า | จะพะวงก็หาไม่, | |
ขอมอบถวายไว้ | ณธุลีลอองบาท. | |
ไหนๆ จะตายแล้ว | ละก็ขอทำนูลนาถ, | |
ผู้คิดอุบายกาจ | นะมิใช่พระเทวี | |
ซึ่งตามเสด็จจาก | หิมะวันอรัญศรี; | |
ต่อไปอะมรมี | วระทิพฺยะเนตร์คง | |
เผยผายขยายลัก- | ษะณะผู้ขบถบ่ง | |
ชัดเจนจะเห็นตรง | ฤวะคดนะคือใคร! |
[สุรางคณา, ๒๘]
ชัยเสน. | อุเหม่ศุภางค์ ตัวมึงนี่ช่าง เจรจาสาไถย, | |
ยิ่งพูดยิ่งนัว เฃ้าตัวร่ำไป มึงจะอยู่ใย หนักปัฐพี. | ||
เหวยนันทิวรรธน์ จับศุภางค์มัด เอาไปทันที, | ||
แล้วฆ่ามันให้ บรรลัยคืนนี้ คนคดอัปรีย์ มิควรอยู่นาน. | ||
ส่วนมะทะนา ก็อหังการ์ ริเริ่มเหิมหาญ, | ||
ขืนจะเอาไว้ ต่อไปไม่นาน ก็คงคิดการ ประหารกูตาย. | ||
จงเอาโฉมตรู ไปพร้อมกับชู้ ของนางโฉมฉาย, | ||
ฆ่าเสียด้วยไซร้ จะได้สมหมาย พร้อมๆ กันตาย ไปคู่เคียงกัน | ||
ปฺริยัมวะทา ก็ชั่วหนักหนา ไม่ควรเลี้ยงมัน, | ||
จงขับนางออก นอกเมืองกูพลัน และอย่าให้มัน นั้นกลับคืนมา | ||
ฝ่ายนางทาสี โทษก็ควรมี จงลงอาญา, | ||
ส่งมันจำไว้ ในตรุจนกว่า จะครบเวลา รวมได้สามปี. | ||
ตาพราหมณ์หมอเฒ่า วุ่นวายนักเล่า ผิดมากครานี้, | ||
จงตระเวนรอบ ขอบเฃตธานี แล้วขับธชี พ้นเฃตภารา! |
(นันทิวรรธนะถวายบังคม, แล้วพาตัวศุภางค์, ปริยัมวะทา, วิทูรและเกศินีเฃ้าโรงไปทางหลืบขวา. ท้าวชัยเสนนั่งตลึงอยู่บนเตียงครู่ ๑, แล้วซบหน้าลงกับหมอนร้องไห้, พระนางจัณฑีออกทางหลืบขวา, ตรงไปกราบท้าวชัยเสน, และสำออย. อราลีแอบมองจากหลืบขวา.)
[อุปชาติ, ๑๑.]
จัณฑี. | พระทูลกระหม่อมแก้ว | ดนุนี้ทนงนา |
โดยฝืนพระบัญชา | ก็เพราะรู้ว่าเกิดความ | |
ชั่วช้าและสามาญ | คติแสนจะเลวทราม, | |
มิหนำณสงคราม | พระก็ต้องพะวงนัก. | |
คดีก็จบแล้ว | ภยะแคล้วพระทรงศักดิ์, | |
ผู้คิดขบถจัก | บมิหาญละต่อไป; | |
แต่ราชะสงคราม | นะสิยังบหยุดได้ | |
ดนูจะขอไป | ณ สนามประยุทธา; | |
เพราะอาจจะห้ามทัพ | วรราชบิดาฃ้า, | |
ผู้ทรงพระโกรธา | เพราะว่ะเฃ้าพระทัยผิด, | |
คิดว่าพระองค์กับ | ดนุนี้นะหมางจิต; | |
ผิทราบพระทรงฤทธิ์ | และดนูบหมางกัน; | |
พระจอมมะคธราษฎร์ | จะระงับพิโรธพลัน, | |
แล้วมิตระสัมพันธ์ | ก็จะมีประดุจเคย. | |
โอกาสวิเศษนี้ | บมิควรจะทิ้งเลย, | |
ผิฝ่าพระบาทเฉย | ละก็คงบตัดรบ. | |
ชัยเสน. | ชะเก่งละจัณฑี | ชะชะมีอุบายครบ, |
เตรียมเพื่อจะตัดรบ | รณะด้วยจะห้ามทัพ! | |
การศึกก็เธอก่อ | ขณะนี้จะขอดับ, | |
ผิฉันจะยอมรับ | ก็จะอวดว่ะยอมแพ้. | |
ฉนั้นสิฉันมุ่ง | รณะยุทธะอีกแท้. | |
คอยดูเถิดหนอแน่ | ละจะฝากกำนลมา; | |
ฉันคิดจะส่งเศียร | มะคะธาธิราชา | |
แหละให้กะโฉมนา- | ริขบถณสามี! |
(ท้าวชัยเสนลุกขึ้นกระทืบตีนแล้วเดิรดุ่มเฃ้าโรงทางซ้าย, พร้อมด้วยบริวาร. ฝ่ายพระนางจัณฑีนั่งตลึงอยู่. อราลีก็เชง้อมองอยู่ด้วยความตกใจ.)