องก์ที่ ๑
ฉาก: ลานหน้ามุขเด็จแห่งวิมานของสุเทษณะเทพบุตร์, บนสวรรค์.
[ก่อนเปิดม่าน, ตัวละคอนเหล่านี้ต้องพร้อมอยู่บนเวที, คือ: สุเทษณะเทพบุตร์, เอกเขนกอยู่บนเตียงที่บนมุขเด็จ, มีนางอับสรอยู่งานพัดคน ๑; จิตระเสนนั่งอยู่หน้ามุขเด็จ, และมีบริวารของสุเทษณ์นั่งรายเปนแถวทั้ง ๒ ข้างเวที; กลางเวทีมีพวกคนธรรพสำรับ ๑, ถือช่อดอกไม้ทั้ง ๒ มือทุกคน. พิณพาทย์ทำเพลงโหมโรงจนถึงเวลาควรจะเปิดม่าน, จึ่งทำเพลงเหาะ. พอเปิดม่าน, พวกคนธรรพก็เริ่มร้องและรำอย่างแบบรำโคม, ดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.]
บทร้องของคนธรรพ์
(ลำเหาะ)
[ยานี, ๑๑.]
๏ ฃ้าบาทผู้ภักดี | ต่อธุลีพระบาทา |
พร้อมกันถวายอา- | เศียระพาทแด่เทวัน |
๏ ขอจงเสวยสุข | นิราศทุกข์ไร้โรคัน– |
ตะรายแลภยัน- | ตะรายาอย่ายายี |
๏ พระองค์ทรงมีคุณ | กะตะบุญบาระมี |
บำเพ็ญในอตี- | ตะกาลดลผลไพบูลย์ |
๏ ชาติก่อนเปนสุกฺษัตร์ | เถลิงรัฐราไชสูรย์ |
ในวงศะประยูร | สุระแมนแคว้นปัญจาล |
๏ ทรงธรรมล้ำมะนุษ | ฤทธิรุทมหาศาล |
บำเพ็ญพะลีการ | ทุกอย่างงามตามวิสัย |
๏ ครั้นถึงเวลาควร | ภูมิศวรจากไผท |
เสด็จสุราลัย | เสวยสุขในแดนสรวง |
๏ เหล่าฃ้าพึ่งพระเดช | ปกป้องเกศฃ้าทั้งปวง |
จึ่งพร้อมณแดดวง | ภักดีหมายถวายพร |
๏ สิ่งใดพระประสงค์ | จงสิทธินิรันดร |
ใดองค์จอมอมร | ไม่โปรดปรานเร่งผ่านไป ฯ |
[สุรางคณา, ๒๘.]
สุเทษณ์. | เหวยจิตระเสน มึงบังอาจเล่น ล้อกูไฉน? |
จิตระเสน. | เทวะ, ฃ้าบาท จะบังอาจใจ ทำเช่นนั้นไซร้ ได้บ่พึงมี. |
สุเทษณ์. | เช่นนั้นทำไม พวกมึงมาให้ พรกูบัดนี้, ว่าประสงค์ใด ให้สมฤดี? มึงรู้อยู่นี่ ว่ากูเศร้าจิต เพราะไม่ได้สม จิตที่ใฝ่ชม, อกกรมเนืองนิตย์. |
จิตระเสน. | ตูฃ้าภักดี ก็มีแต่คิด เพื่อให้ทรงฤทธิ์ โปรดทุกขณะ. |
สุเทษณ์. | กูไม่พอใจ ! ไล่คนธรรพ์ไป บัดนี้เทียวละ. อย่ามัวรอรั้ง |
จิตระเสน. | เอวํเทวะ! (หันไปสั่งคนธรรพ์.) เออพอแล้วนะ, พวกเจ้าจงไป. (พวกคนธรรพถวายบังคมแล้วเข้าโรง.) ฃ้าบาทได้เตรียม อับสรเสงี่ยม สง่างามไว้ เพื่อร้องและรำ บำเรอเทพไท, แม้โปรดจะได้ เรียกมาบัดนี้. |
สุเทษณ์. | เอาเถิดลองดู เผื่อว่าตัวกู จะค่อยสุขี. |
จิตระเสน. | (เรียก) คณาอับสร ผู้ฟ้อนรำดี, ออกมาบัดนี้ รำถวายกร. |
(พิณพาทย์ทำเพลงเร็ว. คณะอับสรรำออกมาถึงกลางเวที, ลา, แล้วรำและร้องบทต่อไปนี้, และดนตรีเล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.)
บทร้องของอับสร
(ลำนางนาค.)
[ฉบงง, ๑๖.]
๏ เหล่าฃ้าคณาอับสร | ก้มเกศยอกร |
บังคมพระเทพรังสรรค์ | |
๏ พำนักเนาสุขทุกวัน | พระคุณอนันต์ |
อเนกประดุจโพธิ์ทอง | |
๏ อันพระเมตตาเนืองนอง | ประดุจลออง |
วะรุณระรื่นรวยเย็น | |
๏ พระกรุณาแน่เห็น | ดิประดุจเปน |
วายุรำเพยชื่นใจ | |
๏ พระมุทิตาแน่วใน | ฃ้าบาทจึ่งได้ |
มานะเปนนิตย์ในงาน | |
๏ พระอุเบกฃาสมาน | จิตให้เบิกบาน |
บ่เสื่อมบ่สูญภักดี | |
๏ เจ้านายองค์ใดในตรี | โลกฤๅจะมี |
เหมือนพระผู้นั่งเกศา | |
๏ ขอพึ่งยุคลบาทา | ไปจนเวลา |
ประจวบเมื่อกัลป์บรรลัย ฯ |
(เพลงเร็ว: อับสรจับระบำสักสามท่าแล้ว, สุเทษณ์ยกมือห้าม, จิตระเสนก็สั่งพวกนางให้เลิกการระบำ, และพวกนางถวายบังคมแล้ว, พิณพาทย์ทำลา, พวกอับสรเข้าโรง, พวกเทพบริวารก็คลานเข้าโรงไปด้วย.)
[ยานี, ๑๑.]
จิตระเสน. | อันนางอับสรศรี | รำมิดีประการใด, |
ขอเทวะฤทธิ์ได้ | โปรดตำนิติประทาน. | |
สุเทษณ์. | ดีแล้วทั้งการรำ | และลำนำขับร้องหวาน, |
ทั้งดนตรีประสาน | ก็ฟังเพราะเสนาะดี; | |
แต่กูที่ใจเศร้า | และงึมเหงาอยู่เช่นนี้ | |
ตัวเจ้าก็รู้ดี | ว่าเหตุนั้นเปนฉันใด. | |
จิตระเสน. | ฃ้าทราบและพลอยโศก, | อันโรครักนี้หนักใจ; |
แต่ในสุราลัย | สุรางค์ดีก็มีถม. | |
ฃ้าเชื่อว่าพระองค์ | ประสงค์นางสะอางชม | |
คงได้สัมฤทธิ์สม | หทัยแท้ทุกนงคราญ |
[อินทวงส์, ๑๒.]
สุเทษณ์. | จริงอยู่นะเจ้าเอย | ผิจะเชยสมัคสมาน |
นางใดณแมนการ | ก็จะสิทธิสมฤดี, | |
เว้นเดียวก็แต่โฉม | มะทะนาวิสุทธิศรี | |
ผู้เลิศสุรางค์มี | วรรูปวิเลขวิไลย. | |
แต่เห็นอนงค์รา- | มะประเสริฐวิเศษวิสัย | |
ไม่มีอนงค์ใด | นะจะเทียบจะเทียมจะทัน; | |
งามผิวประไพผ่อง | กลทาบสุภาสุพรรณ, | |
งามแก้มแฉล้มฉัน | พระอรุณแอร่มละลาน, | |
งามเกศะดำขำ | กลน้ำณท้องละหาน, | |
งามเนตรพินิจปาน | สุมณีมะโนหะรา; | |
งามทรวงสล้างสอง | วรถันสุมนสุมา- | |
ลีเลิดประเสริฐกว่า | วรุบลสะโรชะมาศ; | |
งามเอวอนงค์ราว | สุรศิลปิชาญฉลาด | |
เกลากลึงประหนึ่งวาด | วรรูปพิไลยพะวง; | |
งามกรประหนึ่งงวง | สุระคชสุเรนทะทรง, | |
นวยนาฏวิลาศวง | ดุจะรำระบำระเบง; | |
ซ้ำไพเราะน้ำเสียง | อรเพียงพิรมประเลง, | |
ได้ฟังก็วังเวง | บ่มิว่างมิวายถวิล. | |
นางใดจะมีเทียบ | มะทะนาณฟ้าณดิน, | |
เปนยอดและจอดจิน- | ตะนะแน่วณอกณใจ. |
(จิตระรถออก, ไปไหว้สุเทษณ์, แล้วหมอบคอยฟังรับสั่ง.)
[ฉบงง, ๑๖.]
สุเทษณ์. | อ้อ, จิตระรถเจ้าไป ตามที่กูใช้, สำเร็จประสงค์ฤๅหวา? | |
จิตระรถ. | เทวะ, ฃ้าบาทไคลคลา ตามองค์มหา ฤษีผู้นามนารท | |
ไปทั่วทุกแดนสามหมด; ในฟากฟ้าจรด จนถึงขอบนะภาลัย; | ||
ไปทั่วแดนมนุษสุดไกล บ่เว้นแห่งใด, กระทั่งยังขอบจักกะวาฬ; | ||
ไปทั่วในแดนบาดาล, ทั่วทุกสถาน ทุกถิ่นจนจบภพไตร. | ||
ไปถึงซึ่งแคว้นแดนใด, ฃ้าบาทก็ได้ วาดรูปอนงค์งามงอน, | ||
มาเพื่อถวายมหิศร; ขอองค์อมร จงทอดพระเนตร์รูปา. | ||
สุเทษณ์. | มาเถิดนำรูปขึ้นมา, และจงเจรจา แถลงซึ่งลักษณ์ให้กู. |
(จิตระรถเรียกคนใช้ให้นำรูปออกมา, แล้วเอาขึ้นไปถวายสุเทษณ์ทอดพระเนตรพลาง, จิตระรถแถลงลักษณะแห่งรูปไปพลาง.)
[อุปชาติ, ๑๑.]
จิตระรถ. | ประถมก็รูปเท- | วะธิดาสง่าตรู, |
มีนามะเรียกยู- | วะสุมาลิโศภณ. | |
งามเนตร์และเกศแก้ม | กลดอกกะมลสน | |
ธิสิ่งประเสริฐปน | กิริยาสง่าศรี. | |
วธูวิเศษเปน | วระเทพะนารี | |
ฃ้าองค์อุมาศรี | สุระอัคคะเทวิน, | |
เนาคีริไกลาศ. | ||
สุเทษณ์. | อ๊ะฉนั้นจะจงจิน- | |
ตะนาจะราคิน, | บ่มิควรคะนึงถึง. | |
จิตระรถ. | ทุตียะรูปนาง | สิริร่างสอางซึ่ง |
แสนงามและหากถึง | จะประเทียบบ่แพ้ใคร. | |
นางชื่อวิเลขา | กละภาพพิเศษไซร้, | |
วิโรจน์วิไลยใคร | ยละร่านระตีพูน. | |
สะขีพระเทวี | มหิษีบดีสูร | |
ผู้สิงณไวกูณฐ์. | ||
สุเทษณ์. | อ๊ะมิควรจะมุ่งหมาย. | |
หล่อนเปนกำนัลแห่ง | หริราชะนารายณ์, | |
จะมุ่งณโฉมฉาย | ก็จะทรงพระโกรธา. | |
จิตระรถ. | ฉนั้นถวายรูป | อระเทพะกัญญา, |
ชื่อเมนะกาภา | สะวิเลขวิไลยวรรณ; | |
ฃ้าเห็นณสวนกลาง | อมะราวดีสวรรค์, | |
วิจิตรวิศิษฎ์สรร- | พะสะกนธะชวนชม, | |
นางช่างประเลงขับ | วรศัพทะเริงรมย์ | |
เปรอองค์สุโรดม. | ||
สุเทษณ์. | ก็มิควรจะมุ่งมาด | |
ท้าวศักฺระทรงฤท- | ธิมหิทธิ์กำแหงกาจ, | |
ผิทรงพิโรธอาจ | จะประหัดประลัยลาน. | |
จิตระรถ. | ฉนั้นถวายรูป | วรราชะนงคราญ |
หน่อนาถะผู้ผ่าน | วรเฃตตะกาศี; | |
ปรากฎพระนามนาง | วิมะลาสุนารี, | |
วิสุทธ์วิศิษฎ์ที่ | จะตินั้นบ่พึงหา, | |
พระโฉมบ่แพ้โฉม | สุระเทวะกัญญา. | |
สุเทษณ์. | แพ้ยอดฤดีฃ้า | ดุจะกากะเปรียบหงส์. |
จิตระรถ. | นี่รูปธิดาท้าว | วรเกาศิกาพงศ์ |
นรินทะราชทรง | บุระกานฺยะกุพฺชา, | |
ประกาศพระนามเรียก | วรเรณุกาภา. | |
สุเทษณ์. | เปรียบโฉมวิเลขา | มะทะนาบ่แพ้นาง |
จิตระรถ. | นี่รูปธิดารา- | ชะวิทรรภะโศภางค์, |
พระนามอนงค์นาง | ทมะยันติบังอร. | |
สุเทษณ์. | จะมัวสำแดงรูป | อระเนาณดินดอน, |
หวังหาสง่างอน | ฤจะเปรียบธิดาสรวง. | |
จิตระรถ. | ฃ้าวาดวิเลขา | อระงามณแดนปวง |
ถวายพระปิ่นสรวง, | และก็สุดจะโปรดปราน | |
และรูปธิดานา- | คะและลูกอสูรหาญ, | |
อันเห็นณบาดาล, | ดนุวาดถวายไว้ | |
เพื่อทอดพระเนตรเล่น | ตละตนก็ผ่องใส; | |
จะควรมิควรไซร้ | ฤก็สุดจะปราณี |
(จิตระรถส่งรูปถวายสุเทษณ์, และสุเทษณ์รับไปดูผาด ๆ, แล้วส่งคืนให้แก่จิตระรถ, จิตระรถส่งให้คนใช้นำเข้าโรงไป.)
[ฉบงง, ๑๖.]
สุเทษณ์. | ปวงรูปเจ้าวาดมานี้ เปนรูปนารี ที่ล้วนประเสริฐเลิดงาม; | |
แต่กูดูทุกนงราม ก็ยังเห็นทราม กว่านารีรัตน์มัทนา. | ||
ฉนั้นแม้ไม่อาจหา เทียมเท่ามัทนา ฤๅกูจะกล่าวชมเชย? | ||
เปนกรรมกูแล้วเจ้าเอย, จำต้องชวดเชย ที่รักสมัคจริงใจ. | ||
จิตระรถ. | ฉนั้นต้องคิดแก้ไข โดยอุบายให้ พระองค์ได้สมจินดา. | |
สุเทษณ์. | จะแก้ฉันใดเล่าหวา? กูหมดปัญญา. | |
จิตระรถ. | ฃ้าบาทขอทูลบัดนี้ | |
ยามฃ้าเที่ยวไปถึงที่ ขุนโขดคีรี ศรีมันทะระงามงอน, | ||
ได้พบหนึ่งวิทยาธร เรืองวิทยากร มีนามว่ามายาวิน, | ||
ผู้นี้มีความรู้ชิน เชิงชาญโยคิน และเชี่ยวอาถารรพ์วิทยา, | ||
รู้จักใช้โยคะนิทรา ไปผูกหทยา แห่งผู้ที่อยู่แม้ไกล, | ||
อาจร่ายมนตร์เรียกมาได้. | ||
สุเทษณ์. | อ๊อ ! จริงหรือไฉน? | |
จิตระรถ. | ฃ้าบาทได้เห็นเองแล้ว | |
สุเทษณ์. | ถ้าจริงเฃาก็เปนแก้ว ! | |
จิตระรถ. | ฃ้าบาททราบแล้ว จึ่งกล้านำตัวเฃามา. | |
สุเทษณ์. | พามาด้วยแล้วหรือหวา? | |
จิตระรถ. | หมอเอกนั้นมา คอยอยู่ข้างนอกพระลาน. | |
ขอได้โปรดให้ทำการ ลองเวทชำนาญ ชำนิถวายสักครั้ง. | ||
สุเทษณ์. | เจ้าพูดชวนกูให้หวัง ! แม้ไม่สมดัง ปากว่าจะทำฉันใด? | |
จิตระรถ. | ฃ้าบาทเชื่อแน่แก่ใจ อยู่แล้วจึ่งได้ กล้าพามาเฝ้าทูลเกศ. | |
ขอโปรดทดลองดูเวท, เผื่อพระทรงเดช จะได้ดังพระจินตนา. | ||
สุเทษณ์. | ดีละ, เรียกเฃาเฃ้ามา ชั่วดีก็น่า จะลองให้เห็นประจักษ. |
(จิตระรถถวายบังคมแล้วเข้าโรงไป.)
จิตระเสน. | เทวะ ! ฃ้าสงสัยนัก, แต่ไม่อยากทัก อยากท้วงต่อหน้าสารถี. | |
เวทมนตร์นั้นเฃาอาจมี จริงอยู่พอที่ จะเรียกเอาใครใครมา | ||
แต่จะบังคับหัทยา ให้รักนั้นฃ้า ยังนึกระแวงแคลงนัก. | ||
หากเรียกโฉมยงนงลักษณ์ มาแล้วไม่ภัก- ดิอยู่เปนฃ้าบทมาลย์, | ||
ก็จะกลับกลายเปนการ เสื่อมเกียรติวิศาล ขององค์พระจอมเทวัน. | ||
สุเทษณ์. | เจ้าพูดถูกทุกสิ่งอัน, แต่กูอัดอั้น อุระด้วยรักรึงใจ, | |
ฉนั้นถึงอย่างไรๆ เพียงแต่ให้ได้ เห็นวรพักตร์เลิดงาม | ||
แห่งมัทนานงราม, ก็อาจมีความ ประโมทย์มนัสสมถวิล. |
(จิตระรถพามายาวินออกมา มายาวินเปนวิทยาธร, นุ่งห่มหนังเสือ.)
จิตระรถ. | เทวะ, นี่มายาวิน มาเฝ้าบดิน- ทะด้วยมะโนภักดี. | |
สุเทษณ์. | ขอบใจที่มาครานี้; เฃาว่าท่านมี ซึ่งโยคะวิทยาชาญ. | |
หากเราจะขอให้ท่าน ช่วยเปลื้องรำคาญ จะได้ละหรือว่ามา. | ||
มายาวิน. | เทวะ, อันเวทวิทยา ฃ้ารู้เรียนมา เต็มใจจะใช้ฉลอง | |
พระเดชพระคุณลออง ธุลีบาทลอง จนเต็มสติปัญญา. | ||
สุเทษณ์. | ท่านมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหัทยา ใครๆได้หมดฤๅไฉน? |
[ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒]
มายาวิน. | จะทูลเทวะเกรงดู | ประหนึ่งตูทนงไป, |
จะงำเงื่อนบทูลไซร้ | ก็เหมือนปิดวิชาการ. | |
พระจงโปรดประทานซึ่ง | อภัยฃ้าจะทูลสาร, | |
และความจริงวิชาการ | ก็มีอยู่ประจำตน. | |
อถรรพ์เวทะเจนอยู่, | และมนตร์ครูก็ได้สน | |
มโนจำและซ้ำค้น | คดีเพิ่มบเคลิ้มหลง. | |
ฉนั้นอาจจะผูกจิต- | ตะใครได้ประดุจจง, | |
และใช้โยคะแล้วคง | จะเรียกให้ตระบึงมา | |
บนานแม้จะอยู่ถึง | ณเขาจักกะวาฬา, | |
ฤอยู่สรวงฤอยู่นา- | คะโลกต่ำณบาดาล. | |
จะเปนหญิงฤเปนชาย | ก็เรียกดายมิยากนาน, | |
เพราะใครเลยจะทนทาน | พระอาถัพพะมนตร์ไหว. | |
ฉนั้นแม้พระองค์มี | ประสงค์ให้ดนูไซร้ | |
ประชุมมนตระเรียกใคร | ก็โปรดมีพระบัญชา. |
[สุรางคณา, ๒๘.]
สุเทษณ์. | อันตัวเรานี้ จิตจ่ออยู่ที่ โฉมมะทะนา, | |
ผู้เลิดเลอสรร ในชั้นกามา พะจรฟากฟ้า บ่มีใครทัน. | ||
ตั้งแต่เรามา เกิดในฟากฟ้า พิภพภูมิสวรรค์ | ||
เราเห็นต้องจิต คิดอยากเชยขวัญ แต่โอ้นางนั้น หล่อนไม่ปลงใจ. | ||
มายาวิน. | ฃ้าบาทเล็งดู ด้วยญาณก็รู้ นางนี้คือใคร, | |
อีกทั้งรู้เลศ ว่าเหตุไฉน นงรามจึ่งไม่ ปลงใจยินดี. | ||
สุเทษณ์. | รู้ว่าอย่างไร? | |
มายาวิน. | หากทูลความไซร้ จงโปรดปราณี. | |
สุเทษณ์. | เอาเถิดอย่าเกรง, เร่งบอกบัดนี้ มีเหตุร้ายดี จงเล่ามาพลัน. |
[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
มายาวิน. | เมื่อครั้งพระองค์เปน | วรราชะราชัน |
ครองเฃตประเทศขัณ- | ฑะวิสุทธิปัญจาล, | |
ตรัสใช้อมาตย์เปน | วรทูตะทูลสาร | |
ถึงราชะผู้ผ่าน | นรชาติ์สุราษฎร์งาม, | |
ขอองค์ธิดาชื่อ | มะทะนาวิไลยราม | |
เปนราชินีตาม | วรราชประเพณี; | |
แต่ท้าวสุราษฎร์ไซร้ | บมิยอมและยินดี | |
ให้ซึ่งพระบุตรี, | พระก็ทรงพระโกรธา. | |
ตรัสเกณฑ์พหลกอง | จตุรงคะเสนา | |
ยกไปประชิตรา- | ชะบุรีวโรดม. | |
โจมตีบุรีป่น | บ่มิทนทลายล่ม, | |
จับได้นโรดม | นรนาถสุราษฎร์มา; | |
จึ่งมีพระโองการ | จะประหารพระชีวา, | |
แต่หากธิดามา | และประนอมมโนฉันท์, | |
ยอมเปนวะธูบาท | บริจาริกานันท์, | |
ไถ่โทษะชีวัน | ก็จะงดพระอาญา. | |
ฝ่ายนางก็ยอมตาม | วรราชะบัญชา, | |
พ่อรอดพระชนมา | ก็เพราะลูกสิภักดี. | |
ครั้นนางเสด็จถึง | วรมาละกาศรี | |
ก้มเกศและกราบที่ | ทวิบาทพระภูบาล, | |
แล้วทูลแถลงโดย | สิริสัจจะวาทหวาน | |
ว่าองค์พระนงคราญ | บมิอยากจะขัดไท้, | |
แต่ได้ปะฏิญญา | วรสัจจะมั่นไว้ | |
ว่าจักมิยอมให้ | นรฝืนฤดีรัก. | |
ครั้งนี้แหละสุดแสน | จะประดักประเดิดนัก, | |
เพราะว่าบิดารัก | จะบรอดพระชนมา, | |
จึ่งยอมถวายตัว | และก็ไถ่พระโทษา | |
ขององค์ชนกนา- | ถะบต้องมลายชนม์. | |
เสร็จกิจจะการดี | กรณียะเปนผล, | |
กราบบาทยุคลตน | มะทะนาจะลาตาย. | |
ว่าพลางยุพาชัก | วรขัคคะแพรวพราย | |
แทงตรงพระทรวงตาย | เฉพาะพักตร์พระภูมี. | |
ตายแล้วกำเนิดใน | สุรภพพิศิษฎ์นี้; | |
ฝ่ายองค์พระภูมี | ก็บำเพ็ญพะลีกรรม์, | |
จนได้สำเร็จผล | จรดลณแดนสฺวรรค์ | |
มาพบและรักกัน | เพราะวะเคยสิเนหา. | |
แต่กรรมพระทำไว้ | ณพระชาติ์อดีตมา | |
ข้องขัดและขวางหน้า | บ่มิให้พระสมจินต์. | |
อันถ้อยดนุทูล | ฤก็สัจจะทั้งสิ้น, | |
ขอองค์พระผู้ปิ่น | สุรเทวะปราณี. |
[สุรางคณา, ๒๘]
สุเทษณ์. | ที่ท่านเล่าไซร้ เราขอขอบใจ ที่ท่านไมตรี | |
และเราขอเพียง เสี่ยงเคราะห์ดูที เผื่อโชคจะมี ดีได้สักครา. | ||
มายาวิน. | แล้วแต่จะโปรด, ไม่ทรงพิโรธ ก็บุญนักหนา; | |
ขอประทานไฟ จะได้บูชา. | ||
จิตระรถ. | (ร้องตะโกนสั่งไปในโรง.) เอาของออกมา ตามที่สั่งไว้. |
(คนใช้นำเครื่องทำพิธีออกมา, คือบายศรี ๑, หัวหมู, เป็ด, ไก่, มะพร้าวอ่อน, ขันเหมสำหรับจุดไฟ, และเทียนชะนวนจุดไฟพร้อม; ของเหล่านี้เอาไปตั้งตรงหน้ามายาวิน, และมีคนเอาหญ้าคามาทอดแล้วเอาหนังกวางปูบนหญ้าคาเปนอาสนะ. มายาวินขึ้นนั่งขัดสมาธิ์บนอาสนะ, จุดไฟในขันเหม, แล้วกล่าวคำบูชาต่อไปนี้.)
[สัทฺทุลฺลวิกฺกีฬิต, ๑๙.]
มายาวิน. | โอมบังคมพระคเณศะเทวะศิวะบุตร์ | |
ฆ่าพิฆฺนะสิ้นสุด | ประลัย; | |
อ้างามกายะพระพรายประหนึ่งระวิอุทัย, | ||
ก้องโกญจนะนาทให้ | สะหรรษ์; | |
เปนเจ้าสิปปะประสิทธิ์วิวิธะวรรณ | ||
วิทยาวิเศษสรร- | พะสอน; | |
ยามฃ้ากอบกรณีย์พิธีมะยะบวร, | ||
จงโปรดประทานพร | ประสาท. | |
โอมนารายะณะเทพเถลิงอุระคะอาสน์, | ||
ขี่ขุนสุบรรณ์ราช | จรัล; | |
ถือศังข์จักระคะทาธรณิผัน | ||
ปราบยักษะกุมภัณฑ์ | มลาย; | |
เชี่ยวชาญโยคะวิธีพระพีระอภิปราย | ||
ดลกิจจะทั้งหลาย | สะมิทธิ์. | |
ยามฃ้ากอบกรณีย์พิธีมะยะวิจิตร์ | ||
จงสมมะโนสิท- | ธิเทอญ. |
(พิณพาทย์ทำเพลงสาธุการ. มายาวินไหว้บูชาสี่ทิศ,แล้วร่ายมนตร์ต่อไป.)
อ้าสองเทเวศร์ | โปรดเกศฃ้าบาท | ทรงฟังซึ่งวาท | ที่กราบทูลเชิญ, |
โปรดช่วยดลใจ | ทรามวัยให้เพลิน | จนลืมขวยเขิน | แล้วรีบเร็วมา. |
ด้วยเดขเทพไท | ทรามวัยรูปงาม | จงได้ทราบความ | ฃ้าขอนี้นา, |
แม้คิดขัดขืน | ฝืนมนตร์คาถา | ขอให้นิทรา | เข้าสึงถึงใจ. |
มาเถิดนางมา | อย่าช้าเชื่องช้อย | ตูฃ้านี้คอย | ต้อนรับทรามวัย. |
อ้านางโศภา | อย่าช้ามาไว | ตูฃ้าสั่งให้ | โฉมตรูรีบจร. |
โฉมยงอย่าขัด | รีบรัดมาเถิด | ขืนขัดคงเกิด | ในทรวงเร่าร้อน, |
มาเร็วบัดนี้ | รีบลีลาจร | มาเร็วบังอร | ฃ้าเรียกนางมา. |
(มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม. พิณพาทย์ทำเพลงตระสันนิบาต. ทุก ๆ คนตั้งตาคอยมองดู. พอรัวท้ายตระ มัทนาเดิรออกมา, ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใครและกิริยาอาการเปนอย่างคนที่ยังหลับอยู่, และพูดหรือแสดงกิริยาอย่างคนที่ฝัน. สุเทษณ์ลุกจากบัลลังก์ลงมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่ครั้นเห็นมัทนาจังงังอยู่ไม่ยิ้มแย้มก็ชงัก, แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.)
[สุรางคณา, ๒๘.]
สุเทษณ์. | นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จึ่งไม่พูดจา? | |
มายาวิน. | นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา, แต่ว่าตูฃ้า จะแก้บัดนี้. |
(พูดสั่งมัทนา.)
ดูก่อนสุชาตา | มะทะนาวิไลยศรี, | |
ยามองค์สุเทษณ์มี | วรพจน์ประการใด, | |
นางจงทำนูลตอบ | มะธุรสธตรัสไซร้; | |
เฃ้าใจมิเฃ้าใจ | ฤก็ตอบพะจีพลัน. | |
มัทนา. | เฃ้าใจละเจ้าฃ้า; | ผิวะองค์สุเทษณ์นั้น |
ตรัสมาดิฉันพลัน | จะเฉลยพระวาที. |
[วสันตะดิลก, ๑๔.]
สุเทษณ์. | อ้าโฉมวิไลยะสุปฺริยา | มะทะนาสุรางค์ศรี, |
พี่รักและกอบอภิระตี | บมิเว้นสิเน่ห์หนัก; | |
บอกหน่อยเถอะว่าดะรุณิเจ้า | ก็จะยอมสมัครัก. | |
มัทนา. | ตูฃ้าสมัคฤมิสมัค | ก็มิขัดจะคล้อยตาม. |
สุเทษณ์. | จริงฤๅนะเจ้าสุมะทะนา | วจะเจ้าแถลงความ? |
มัทนา. | ฃ้าขอแถลงวะจะนะตาม | สุรเทวะโปรดปราน. |
สุเทษณ์. | รักจริงมิจริงฤก็ไฉน | อรไทยบ่แจ้งการ? |
มัทนา. | รักจริงมิจริงก็สุระชาญ | ชยะโปรดสถานใด? |
สุเทษณ์. | พี่รักและหวังวธุจะรัก | และบทอดบทิ้งไป. |
มัทนา. | พระรักสมัคณพระหทัย | ฤจะทอดจะทิ้งเสีย? |
สุเทษณ์. | ความรักละเหี่ยอุระระทด | เพราะมิอาจจะคลอเคลีย. |
มัทนา. | ความรักระทดอุระละเหี่ย | ฤจะหายเพราะเคลียคลอ? |
สุเทษณ์. | โอ้โอ๋กระไรนะมะทะนา | บมิตอบพะจีพอ? |
มัทนา. | โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ | มะทะนามิพอดี ! |
สุเทษณ์. | เสียแรงสุเทษณ์นะประดิพัทธ์ | มะทะนาบเปรมปรีย์. |
มัทนา. | แม้ฃ้าบเปรมปฺริยะฉะนี้ | ผิจะโปรดก็เสียแรง. |
สุเทษณ์. | โอ้รูปวิไลยะศุภะเลิด | บมิควรจะใจแขง. |
มัทนา. | โอ้รูปวิไลยะมละแรง | ละก็จำจะแขงใจ. |
(สุเทษณ์จ้องดูนาง, แต่นางยังคงตาลอยไม่จับตาอยู่ สุเทษณ์ออกฉงน, จึ่งลองพูดไปอีก.)
สุเทษณ์. | หากพี่จะกอดวธุและจุม- | พิตะเจ้าจะว่าไร? |
มัทนา. | ฃ้าบาทจะขัดฤก็มิได้ | ผิพระองค์จะทรงปอง. |
สุเทษณ์. | ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก | ดนุกอดและจูบน้อง? |
มัทนา. | เต็มใจมิเต็มดนุก็ต้อง | ประติบัติ์ระเบียบดี. |
(สุเทษณ์ไม่พอใจในคำตอบของนาง, จึ่งหันไปพูดกับมายาวิน.)
[สุรางคณา, ๒๘]
สุเทษณ์. | แน่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึงเปนเช่นนี้? | |
ดูราวมะเมอ เผลอๆ ฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ. | ||
คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป, | ||
ดังนี้จะยวน ชวนเชยฉันใด ก็เปรียบเหมือนไป พูดกับหุ่นยนตร์. | ||
มายาวิน. | เทวะ, ที่นาง อาการเปนอย่าง นี้เพราะฤทธิ์มนตร์; | |
โยคะอันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ | ||
แต่จะบังคับ ใครๆ ให้กลับ มโนวิญญาณ, | ||
ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเปนการ สุดพ้นวิสัย. | ||
หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้ | ||
นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ฃ้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา, | ||
มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึ้งขัด ซึ่งพระอัชฌา, | ||
บังคับให้ยอม ประนอมเปนฃ้า บาทบริจา ริกาเทวัน. | ||
สุเทษณ์. | อ๊ะ ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนั้น ! | |
เสียแรงเรารัก สมัคใจครัน อยากให้นางนั้น สมัครักตอบ. | ||
ผูกจิตด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดียวมิชอบ, | ||
เราใฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ. | ||
ฉนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้าร่ำไร, | ||
หากเราโชคดี ครั้งนี้คงได้ สิทธิ์สมดังใจ; รีบคลายมนตรา. | ||
มายาวิน. | เอวํ เทวะ |
(มายาวินประนมมือแล้วร่ายมนตร์ต่อไปนี้)
(วิชฺชุมฺมาลา, ๘.)
มายาวิน. | อันเวทอาถรรพ์ ที่พันธ์ผูกจิต แห่งนางมิ่งมิตร์ อยู่บัดนี้นา, | |
จงเคลื่อนคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย ! |
(พิณพาทย์ทำเพลงรัว. มายาวินยกมือไหว้แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝ่ายมัทนาค่อย ๆ รู้สึกตัว, เอามือลูบตาเหมือนคนตื่นนอน, และพอจบรัวก็พอได้สติบริบูรณ์. บัดนี้นางเหลียวแลไปเห็นสุเทษณ์ก็ตกใจ, ตั้งท่าเหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.)
[ฉบงง, ๑๖.]
สุเทษณ์. | อ้ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอัมพร | |
ไหนๆ ก็เจ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน และรนและรีบไปไหน? | ||
มัทนา. | เทวะ, อันฃ้านี้ไซร้ มานี่อย่างไร บทราบสำนึกสักนิด; | |
จำได้ว่าฃ้าสถิต ในสวนมาลิต และลมรำเพยเชยใจ, | ||
แต่อยู่ดีๆ ทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ, | ||
ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสิ้นสมฤดี. | ||
ฉันใดมาได้แห่งนี้? หรือว่าได้มี ผู้ใดไปอุ้มฃ้ามา? | ||
ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษฃ้า ผู้บุกรุกถึงลานใน. | ||
สุเทษณ์. | อ้าอรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดังจินต์; | |
พี่เองใช้มายาวิน ให้เชอญยุพิน มาที่นี้ด้วยอาถรรพ์. | ||
มัทนา. | เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำเช่นนั้น ให้ฃ้าพระบาทต้องอาย | |
แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย? โอ้พระฦๅสาย พระองค์บทรงปราณี. |
(มัทนาร้องได้. พิณพาทย์ทำเพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ.)
สุเทษณ์. | อ้ายอดสิเนหา | มะทะนาวิสุทธิศรี, |
อย่าทรงพระโศกี | วรพักตร์จะหม่นจะหมอง. | |
พี่นี้นะรักเจ้า | และจะเฝ้าประคับประคอง | |
คู่ชิดสนิธน้อง | บ่มิให้ระคางระคาย. | |
พี่รักวะธูนวล | บ่มิควรระอาละอาย, | |
อันนาริกับชาย | ฤก็ควรจะร่วมจะรัก. | |
รูปเจ้าวิไลยราว | สุระแสร้งประจิตประจักษ์, | |
มิควรจะร้างรัก | เพราะพะธูพิถีพิถัน; | |
ธาดาธสร้างองค์ | อรเพราพิสุทธิสรรพ์ | |
ไว้เพื่อจะผูกพัน- | ธนะจิตตะจองฤดี. | |
อันพี่สิบุญแล้ว | ก็พะเอินประสพสุรี | |
แลรักสมัคมี | มนะมุ่งทนุถนอม | |
ขอโฉมเฉลาปลง | พระฤดีประนีประนอม | |
รับรักและยินยอม | ดนุรักสมัคสมาน. | |
หากนางมิข้องขัด | ประดิพัทธ์ประสมประสาน, | |
ทั้งสองจะสุขนาน | มนะจ่อบจืดบจาง. | |
อ้าช่วยระงับดับ | ทุขะพี่ระคายระคาง; | |
พี่รักอนงค์นาง | ผิมิสมฤดีถวิล, | |
เหมือนพี่มิได้คง | วรชีวะชีวิติน- | |
ทรีย์ไซร้บ่ใฝ่จิน- | ตะนะห่วงและห่อนนิยม. | |
ชีพอยู่ก็เหมือนตาย, | เพราะมิวายระทวยระทม | |
ทุกข์ยากและกรากกรม | อุระช้ำระกำทวี, | |
อ้าฟังดนูเถิด | มะทะนาและตอบวจี | |
พอให้ดนูนี้ | สุขะรื่นระเริงระรวย. |
[วสันตะดิลก, ๑๔.]
มัทนา. | ฟังถ้อยดำรัสมะธุระวอน | ดนุนี้ผิเอออวย |
จักเปนมุสาวะจะนะด้วย | บมิตรงกะความจริง. | |
อันชายประกาศวะระประทาน | ประดิพัทธะแด่หญิง, | |
หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง | ผิวะจิตตะตอบรัก; | |
แต่หากฤดีบอะภิรม | จะเฉลยฉนั้นจัก | |
เปนปดและลวงบุรุษะรัก | ก็จะหลงละเลิงไป. | |
ตูฃ้าพระบาทสิสุจริต | บมิคิดจะปดใคร, | |
จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะใน | วรเมตตะธรรมา. | |
อันว่าพระองค์กรุณะข้อย | ฤก็ควรจะปรีดา, | |
อีกควรฉลองวรมหา | กรุณาธิคุณครัน; | |
ดังนี้คะนึงฤก็ระบม | อุระแห่งกระหม่อนฉัน, | |
ที่ตนบอาจจะอภิวัน- | ทะนะตอบพระวาจา | |
ให้ถูกประดุจสุระประสงค์, | ผิวะทรงพระโกรธา, | |
หม่อมฉันก็โอนศิระณบา- | ทะยุคลและกราบกราน. |
[อินทวงส์, ๑๒.]
สุเทษณ์. | ที่หล่อนมิยินยอม | มะนะรักสมัคสมาน, |
มีคู่สะมรมาน | อภิรมย์ฤเปนไฉน? |
[วสันตะดิลก, ๑๔.]
มัทนา. | หม่อมฉันบมีบุรุษะผู้ | ประดิพัทธะใดใด, |
เปนโสดบมีมะนะสะใฝ่ | อภิรมฤสมรส. |
[อินทวงส์, ๑๒.]
สุเทษณ์. | เช่นนั้นก็เชิญฟัง | ดนุกล่าวสิเนหะพจน์, |
เจ้างามประเสริฐหมด | ก็มิควรฤดีจะดำ. |
[วสันตะดิลก, ๑๔.]
มัทนา. | หม่อมฉันสดับมะธุระถ้อย | ก็สำนึกเสนาะคำ, |
แต่ต้องทำนูลวะจะนะซ้ำ | ดุจะได้ทำนูลมา. |
[อินทวงส์, ๑๒.]
สุเทษณ์. | นี่เจ้ามิยอมรับ | รสะรักฉนั้นฤจ๋า? |
ตัวฉันจะเลวสา | หะสะด้วยประการไฉน? |
[วสันตะดิลก, ๑๔.]
มัทนา. | อ้าองค์พระผู้สุระวิศิษฎ์, | พระจะผิดสะฐานใด? |
หม่อมฉันสิทรามเพราะบ่มิได้ | อนุวัตน์พระบัญฑูร. |
[อินทวงส์, ๑๒.]
สุเทษณ์. | ยิ่งฟังพะจีศรี | ก็ระตีประมวลประมูล, |
ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน | ทุขะท่วมระทมหะทัย ! | |
อ้าเจ้าลำเภาพักตร์ | สิริลักษะณาวิไลย, | |
พี่จวนจะคลั่งไคล้ | สติเพื่อพะวงอนงค์. |
(วสันตะดิลก, ๑๔.)
มัทนา. | โอ้โอ๋ละเหี่ยอุระสดับ | วรศัพทะท่านทรง |
อ้อยอิ่งแสดงวรประสง- | คะณตัวกระหม่อมฉัน; | |
อยากใคร่สนองพระวรสุน- | ทรคุณอเนกนั้น, | |
จนใจเพราะผิดคติสุธรรม์ | สุจริตประติชฺญา. | |
ขอให้พระองค์อะมะระเท- | วะเสวยประโมทา, | |
หม่อมฉันจะขอประณตะลา | สุระราชลิลาศไป. |
(มัทนากราบแล้วตั้งท่าจะไป, แต่สุเทษณ์จับข้อมือไว้ด้วยกิริยาออกจะโกรธ.)
(ฉบงง, ๑๖.)
สุเทษณ์. | ช้าก่อน! หล่อนจะไปไหน? | |
มัทนา. | หม่อมฉันอยู่ไป ก็เครื่องแต่ทรงรำคาญ. | |
สุเทษณ์. | ใครหนอบอกแก่นงคราญ ว่าพี่รำคาญ? | |
มัทนา. | หม่อมฉันสังเกตเองเห็น. | |
สุเทษณ์. | เออ! หล่อนนี้มาล้อเล่น! อันตัวพี่เปน คนโง่ฤๅบ้าฉันใด? | |
มัทนา. | หม่อมฉันเคารพเทพไท ทูลอย่างจริงใจ ก็บมิทรงเชื่อเลย, | |
กลับทรงดำรัสเฉลย ชวนชักชมเชย และชิดสนิธเสนหา. | ||
พระองค์ทรงเปนเทวา ธิบดีปรา- กฎเกียรติยศเกรียงไกร, | ||
มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณี, | ||
จะโปรดปรานฃ้าบาทนี้ สักกี่ราตรี? และเมื่อพระเบื่อฃ้าน้อย | ||
จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเง้อชะแง้แลหรือ? | ||
หม่อมฉันนี้เปนผู้ถือ สัจจาหนึ่งคือ ว่าแม้มิรักจริงใจ, | ||
ถึงแม้จะเปนชายใด ขอสมพาศไซร้ ก็จะมิยอมพร้อมจิต. | ||
ดังนี้ขอเทพเรืองฤทธิ์ โปรดฃ้าน้อยนิด, ฃ้าบาทขอบังคมลา. |
[กมล, ๑๒.]
สุเทษณ์. | (ตวาด) อุเหม่ ! | |
มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ | ชิชิช่างจำนรรจา, | |
ตะละคำอุวาทา | ฤกระบิดกระบวนความ. | |
ดนุถามก็เจ้าไซร้ | บมิตอบณคำถาม, | |
วนิดาพยายาม | กะละเล่นสำนวนหวล. | |
ก็และเจ้ามิเต็มจิต | จะสดับดนูชวน, | |
ผิวะให้อนงค์นวล | ชนะหล่อนทนงใจ. | |
บ่มิยอมจะร่วมรัก | และสมัคสมรไซร้ | |
ก็ดะนูจะยอมให้ | วนิดานิวาศสฺวรรค์, | |
ผิวะนางพะเอินชอบ | มรุอื่นก็ฃ้าพลัน | |
จะทุรนทุรายศัล- | ยะบ่อยากจะยินยล; | |
เพราะฉนั้นจะให้นาง | จุติสู่ณแดนคน, | |
มะทะนาประสงค์ตน | จะกำเนิดณรูปใด? | |
ทวิบทจะตูร์บาท | ฤจะเปนอะไรไซร้, | |
วธุเลือกจะตามใจ | และจะสาปประดุจสรร; | |
จะสถิตฉนั้นกว่า | จะสำนึกณโทษทัณฑ์, | |
และผิวอนดนูพลัน | จะประสาทพระพรให้ | |
วนิดาจรัลกลับ | ณประเทศสุราลัย; | |
ก็จะชอบสะฐานใด | วธุตอบดนูมา |
[สาลินี, ๑๑.]
มัทนา. | อ้าเทพศักด์สิทธิ์ซึ่ง | พระจะลงพระอาญา |
ฃ้าเปนแต่เพียงฃ้า | บมิมุ่งจะอวดดี. | |
หม่อมฉันนี่อาภัพ | และก็โชคบพึงมี, | |
จึ่งไม่ได้รองศรี | วรบาทพระจอมแมน. | |
อันทรงเมตตาควร | จะประจบและตอบแทน | |
คุณท่านที่มากแสน | คณนาประมวญมี. | |
อันโปรดให้เลือกตาม | ฤดิฃ้าณบัดนี้, | |
ขอเปนซึ่งมาลี | รุจิเรขวิไลยวรรณ, | |
สุดแท้แต่จอมสรวง | จะประสิทธิ์ประสาทพันธุ์ | |
ขอเพียงให้มีคัน- | ธะระรื่นระรวยหอม. | |
ด้วยกลิ่นของฃ้าบาท | ก็จะได้ประณตน้อม | |
ใจนิตย์บูชาจอม | สุระบ่มบำเพ็ญบุญ. | |
ฃ้าขอแต่เพียงให้ | มรุทรงพระการุญ, |
[ฉบงง, ๑๖.]
สุเทษณ์. | ที่เจ้างอนง้อขอนั้น เราจะยอมสรร- พะสิทธิดังใจจินต์. | |
ดูราท่านมายาวิน, นางนี้ถวิล จะถือรูปเปนมาลี. | ||
ก็บุปผาอย่างใดมี ที่งามทั้งสี อีกทั้งมีกลิ่นส่งไกล? | ||
แต่ต้องให้มีหนามไว้ ป้องกันมิให้ เหล่าเดรัจฉานผลาญยับ. | ||
มายาวิน. | เทวะ ! อันไม้งามสรรพ มีลักษณ์ต้องกับ พระองค์ดำรัสนั้นมี | |
ในนันทะโนทยานศรี องค์พระศจี ธโปรดเปนยอดมาลา. | ||
เห็นมีแต่ในฟากฟ้า ในแดนคนหา ไม้นี้มิได้แห่งไหน. |
[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
มายาวิน. | ไม้เรียกผะกากุพ- | ชะกะสีอรุณแสง |
ปานแก้มแฉล้มแดง | ดรุณีณยามอาย; | |
ดอกใหญ่และเกสร | สุวคนธะมากมาย, | |
อยู่ทนบวางวาย | มธุรสขจรไกล; | |
อีกทั้งสะพรั่งหนาม | ดุจะเข็มประดับไว้, | |
ผึ้งเขียวสิบินไขว่ | บมิใคร่จะห่างเหิน. | |
อันกุพฺชะกาหอม, | บริโภคอร่อยเพลิน, | |
รสหวานสิหวานเชอญ | นรลิ้มเพราะเลิดรส; | |
กินแล้วระงับตรี | พิธะโทษะหายหมด, | |
คือลมและดีลด | ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์; | |
อีกทั้งเจริญกา- | มะคุณาภิรมย์นันท์, | |
เย็นในอุราพลัน, | และระงับพยาธี. |
[ฉบงง, ๑๖.]
สุเทษณ์. | ดีละ, จะให้มารศรี เปนดอกไม้นี้ โฉมยงจะว่าฉันใด? | |
มัทนา. | ไหนๆ จะเปนดอกไม้, หม่อมฉันพอใจ เปนดอกที่ออกนามมา. | |
ฃ้าขอก้มเกศวันทา ที่จอมเทวา การุญให้เลือกเช่นนี้. | ||
สุเทษณ์. | ด้วยอำนาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวญมี ณตัวกูผู้แรงหาญ, | |
กูสาปมัทนานงคราญ ให้จุติผ่าน ไปจากสุราลัยเลิด, | ||
สู่แดนมนุษย์และเกิด เปนมาลีเลิด อันเรียกว่ากุพฺชะกะ, | ||
ให้เปนเช่นนั้นกว่าจะ รู้สึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ. | ||
ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ให้นางนี้เปน มนุษย์อยู่กำหนดมี | ||
เพียงหนึ่งทิวาราตรี; แต่หากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด, | ||
เมื่อนั้นแหละให้ทรามวัย คงรูปอยู่ไซร้ บคืนกลับเปนบุปผา. | ||
หากรักชายแล้วมัทนา บมีสุฃา- ภิรมย์เพราะเริดร้างรัก, | ||
และนางเปนทุกข์ยิ่งนัก จนเหลือที่จัก อดทนอยู่อีกต่อไป, | ||
เมื่อนั้นผิว่าอรไทย กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ์. |
[จิตระปทา, ๘.]
นางมะทะนา จุติอย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์, | ||
ไปเถอะกำเนิด ณหิมาวัน ดังดนุลั่น วจิสาปไว้ ! |
(พิณพาทย์ทำเพลงคุกพาทย์, สุเทษณ์แผลงฤทธิ์, ฟ้าแลบแวบวาบตลอดเพลง พอถึงรัวท้าย มัทนาร้องกรี๊ดและล้มลมกับพื้น)
(ปิดม่าน.)