องก์ที่ ๒
ตอนที่ ๑
ฉาก: ในกลางหิมะวัน.
[เปนลานหญ้าอยู่ในระหว่างต้นไม้ใหญ่งาม ๆ, ที่ตรงกลางแห่งด้านหลังของเวที มีต้นกุหลาบอยู่ต้น ๑, ซึ่งมีดอกแต่ดอกเดียว, เปนดอกใหญ่, สีชมพูแก่. นอกจากต้นกุหลาบมีต้นดอกไม้อย่างอื่นอีกบ้างก็ได้, และตามต้นไม้มีกล้วยไม้กำลังออกดอกไสวอยู่หลายช่อ.]
(เปิดม่านขึ้นเห็นเวทีว่างอยู่. แล้วนาค และศุน, ศิษย์ของพระกาละทรรศินมุนี, จึ่งออกมา.)
นาค. | มันอยู่ทางนี้แน่! แกไม่ได้กลิ่นหรือ? | |
ศุน. | ฮือ! | |
นาค. | จะพูดอะไรก็ไม่พูด. มีแต่ร้องฮือเท่านั้น. | |
ศุน. | ก็จริงๆ นี่ ให้ตายสิ! (ลงนั่งเหยียดตีน, และแสดงอาการกิริยาเหนื่อย.) | |
นาค. | จริงอะไร? | |
ศุน. | อยู่ดีๆ ใช้ให้ตามหากลิ่น, ใครจะไปหาพบ. (นอนเหยียดลงกับพื้น) | |
นาค. | ทำไมจมูกแกไม่มีหรือ? (นั่งบนตอไม้.) | |
ศุน. | ก็มีน่ะสิ! แต่เกิดมายังไม่เคยรับใช้เช่นนี้เลย. ฃ้าสูดหากลิ่นเสียจนจมูกเยิ้มแล้ว, รู้ไหม? | |
นาค. | จมูกเยิ้มก็ดีอยู่แล้ว, แปลว่าแกไม่เจ็บ. | |
ศุน. | เอ๊ะ! อย่างไรกัน? | |
นาค. | ฃ้าเคยสังเกตเห็นอ้ายด่างของฃ้า, เมื่อไรจมูกมันแห้งละก็แปลว่ามันไม่สบาย. | |
ศุน. | อุวะ! แล้วกัน! เอาฃ้าไปเฃ้าประเภทหมาเสียแล้ว! | |
นาค. | ก็ดีนี่นะ; หมาจมูกมันเก่งกว่าคนเราอีก. | |
ศุน. | (ยกมือขึ้นปัด) เฮ้ย! อย่าเล่นน่า! จั๊กะจี้. (ผงกหัวขึ้นมองดู.) เอ๊ะ! พิกลแฮะ หมายว่าแกเล่นรังแกอีก. ที่แท้แมลงภู่น่ะเอง. (นอนลงอีก.) | |
นาค. | แกว่าแมลงภู่หรือ? เอ! ท่าทางชอบกล! (ลุกขึ้นเดิรมอง.) | |
ศุน. | นั่นลุกขึ้นเดิรไขว่อยู่ทำไมนะ? ฃ้าเวียนหัวพิลึก. | |
นาค. | ที่ไหนมีแมลงภู่ต้องมีของหอม, ฉนั้น – (เดิรค้นต่อไป.) | |
ศุน. | (เอกเขนกขึ้น, หันหน้าไปทางหลังเวที.) แกนี่- (เห็นดอกกุหลาบ, จึ่งร้องขึ้น.) นั่นแน่! ได้ตัวแล้ว, ให้ตกนรกสิ! | |
นาค. | อะไร? | |
ศุน. | อ้ายของหอมของแก. (ชี้ดอกกุหลาบ.) นั่นเปนไร. | |
นาค. | (เดิรเข้าไปยังต้นกุหลาบ.) จริงของแก; อ้ายดอกนี่เอง. เอ๊ะ!เฃาเรียกดอกอะไรนะ? | |
ศุน. | ชบา. | |
นาค. | บัดซบ! ชบาหอมมีหรือ? | |
ศุน. | มี หอมเขียว! | |
นาค. | มิลักขู! หอมเขียวมีหรือ? | |
ศุน. | ไม่มีก็เเล้วไปสิ. | |
นาค. | อีกประการหนึ่ง, ชบาไม่มีหนาม; นี่หนามชุมพิลึก. | |
ศุน. | ถ้าฉนั้นเรียกว่าอะไรล่ะ? | |
นาค. | ถ้าฃ้ารู้ฃ้าจะถามแกหรือ? แต่บางทีโสมะทัตจะรู้จัก. ไปบอกข่าวให้เฃาทราบเห็นจะดีนะ. | |
ศุน. | ดีสิ. แกรีบไปเถอะ. | |
นาค. | ก็แกล่ะ? | |
ศุน. | ฃ้าจะอยู่เฝ้าอ้ายต้นไม้นี่. (นอนลงอีก.) | |
นาค. | ชิๆ! มันจะหายไปไหนได้เทียวนะ. ต้นไม้มันเดิรหนีไปเองได้เมื่อไร. | |
ศุน. | ก็เผื่อมีคนมาลักเอาไปเสียล่ะ? | |
นาค. | ผู้คนอะไรมีมาในป่านี้นอกจากพวกเรา. | |
ศุน. | ก็พวกเราน่ะแหละ; ถ้าแม้ว่าเราไปเสียทั้งสองคน, แล้วมีคนอื่นในพวกเรามาพบต้นไม้นี่เข้า แล้วรีบเอาความไปเรียนท่านอาจารย์ได้ก่อน, เรามิขาดทุนหรือ? | |
นาค. | ก็จริงอยู่, แต่ว่าถ้าท่านอาจารย์ได้ทราบฃ่าวที่ท่านปราถนาแล้วก็เปนผลเท่ากันไม่ใช่หรือ? | |
ศุน. | มันจะเท่ากันอย่างไรได้, พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย. ใครเปนผู้เอาความไปบอกได้ก่อนคนนั้นก็ต้องได้บำเหน็จสิ. | |
นาค. | ถ้าเช่นนั้นแกไปบอกฃ่าวเถอะ, จะได้ได้บำเหน็จ. | |
ศุน. | อ๋อ, ฃ้าไม่เปนคนที่อยากได้บำเหน็จถึงปานนั้นดอก. แกไปเถอะ. | |
นาค. | สรูปความก็เปนอันว่าแกขี้เกียจเกินที่จะเดิรไปรับบำเหน็จ, แต่ไม่อยากให้ใครแย่งความชอบ, ฉนั้นหรือ? | |
ศุน. | สรูปความว่าแกมัวพูดอยู่เช่นนี้เสียเวลาเปล่า! จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวก็จะตามหาโสมะทัตไม่พบเท่านั้นเอง! |
(โสมะทัต, หัวหน้าศิษย์ของพระกาละทรรศินออก.)
โสมะทัต. | ได้ยินใครออกชื่อฉันหรือ? | |
ศุน. | (ตกใจ, รีบนั่งขึ้น.) ผมเอง, ขอรับ, ออกนามนาย. (ชี้ต้นกุหลาบ.) ผมหาพบดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมได้แล้วขอรับ. นั่นขอรับ. | |
โสมะทัต. | ก็ดีแล้ว, แต่ทำไมไม่รีบไปบอกฉัน? | |
ศุน. | ผมกำลังจะรีบไปอยู่แล้ว- | |
โสมะทัต. | ฉนั้นจึ่งยังนอนเหยียดยาวฉนั้นหรือ? | |
ศุน. | ที่ผมเหยียดนั้นก็เพื่อให้แข้งขายืดเสียก่อน แล้วจะลุกขึ้นวิ่งไปโดยรวดเร็วเต็มฝีเท้า. | |
โสมะทัต. | อ้อ! ถ้าฉนั้นเมื่อได้เตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะวิ่ง ก็ออกวิ่งไปเรียนท่านอาจารย์ให้ทราบเดี๋ยวนี้. | |
ศุน. | ขอรับ! ไปปรื๋อเปนลมพัดเทียวละขอรับ. (ไหว้แล้วลุกขึ้นวิ่งเข้าโรงไป.) |
(โสมะทัตไปพิจารณาดูกุหลาบด้วยความพิศวงอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วจึ่งกล่าวคำชม.)
[อุปัฏิตา, ๑๑.]
โสมะทัต. | อันบุษปะประหลาด | บมิเห็นณแห่งใด |
งามสรรพะวิไล- | ยะวิเศษะมาลี; | |
สีแดงก็มิจ้า | ดุจะดอกชบาสี, | |
งามดังดรุณี | ยละเพลินเจริญตา. | |
กลิ่นหอมก็ระรวย | รสะลมรำเพยพา | |
ถึงไหนฤก็น่า | จะระรื่นพิรมหวล. | |
แม้แต่งศิระเกล้า | วนิดาลอองนวล | |
เห็นแน่จะประมวญ | วรลักษะณานาง; | |
ลอยภาชะนะน้ำ | ก็จะทำอุทกพลาง | |
หอมรื่นระสะอย่าง | สุรเทวะโอสถ. | |
จัดภาชะนะตั้ง | พะลิเทวะทรงยศ, | |
กลิ่นหอมบละลด | จะประลุณเเดนสรวง. | |
อันบุษฺปะประเสริฐ | ณสกลพิภพปวง | |
งามเลิดและเหมาะดวง | ฤดิเท่าบพึงหา. |
(พระกาละทรรศินคณาจารย์ออก, มีศุนกับบริวารอื่น ๆ ถือจอบเสียมตามมาหลายคน.)
[ฉบงง, ๑๖.]
กาละทรรศิน. | ไหนเล่าต้นไม้ที่ว่า มีดอกสง่า และหอมประเสริฐส่งไกล? | |
ศุน. | อยู่นี่เจ้าฃ้า! ฃ้าไซร้ เปนผู้ที่ได้ ประสพพบดอกอัศจรรย์. | |
นาค.. | ตูฃ้ามาด้วยพร้อมกัน. | |
ศุน. | แต่ว่าดิฉัน เปนผู้ประสพพบแท้. | |
นาค.. | ตูฃ้าเดิรหาเจียนแย่ ส่วนเฃานอนแผ่ สบายอยู่กลางปัฐพี. | |
ศุน. | จะนอนหรือนั่งตามที แต่เห็นของดี- | |
นาค | เพราะโชคเท่านั้นบันดาล! | |
กาละทรรศิน. | มัวเถียงกันไม่เข้าการ! ไปเก็บดวงมาลย์ มาให้เราพลันทันใด. |
(พระกาละทรรศินไปนั่งบนตอไม้. ฝ่ายนาคกับศุนนั้นต่างวิ่งแย่งกันไปเก็บดอกกุหลาบ; นาคเปนผู้ยื่นมือเข้าไปถูกหนามเข้าก็หดมือกลับโดยอาการตกใจ, ฝ่ายศุนหัวเราะเยาะและยื่นมือเข้าไป, ก็ถูกหนามบ้างต้องหดมือกลับออกมาเหมือนกัน.)
โสมะทัต. | สองคนอย่ามัวร่ำไร! ท่านสั่งแล้วไย มิทำดังท่านบัญชา? | |
นาค.. | ไม่ไหวจริงๆ เจ้าฃ้า. | |
ศุน. | ท่านดีลองมา เก็บเอาไปเองเถิดหนอ. | |
โสมะทัต. | อย่ามัวพูดจาต่อล้อ ต่อเถียงเราหนอ; จงเก็บดอกไม้โดยพลัน. | |
นาค.. | โอ้ช่างไม่เห็นใจกัน! ใช่ว่าดิฉัน จะแสร้งขัดคำพี่พราหมณ์; | |
จริงๆ อยากใคร่ทำตาม, แต่ว่าถูกหนาม! | ||
ศุน. | โอยเจ็บพิลึกกึกกือ! | |
โสมะทัต. | แกทั้งสองคนหัวดื้อ, ไร้ความนับถือ จึ่งขัดคำเราผู้ใหญ่; | |
ช่างเถิดไม่จำต้องใช้! | ||
ศุน. | ดีแล้วเชอญไป ถูกหนามเล่นบ้างแหละดี! |
(โสมะทัตตรงเข้าไปจะเด็ดดอกกุหลาบ, ถูกหนามเข้าบ้างต้องหดมือออกมา. ศิษย์สองคนหัวเราะ. ซึ่งทําให้โสมะทัตขัดใจ, ชักมีดเหน็บออกจะฟันกิ่งกุหลาบ.)
กาละทรรศิน. | ช้าก่อน! อย่าตัดมาลี ที่งามเช่นนี้; เราอยากใคร่ให้ขุดไป | |
ปลูกหน้าอาศรมเพื่อได้ ดูเล่นต่อไป อีกนานสำราญฤดี. |
(โสมะทัตสั่งพวกบริวารให้ขุดต้นกุหลาบ. พอบริวารเอาเครื่องมือขุดลงก็มีเสียงเหมือนผู้หญิงร้อง “โอ๊ย!” พวกบริวารตกใจ, โจษย์กันต่าง ๆ นานา. โสมะทัตบังคับให้ขุดอีกก็มีเสียงร้องเช่นนั้นอีกทุกคราว เล่นตลกพูดกันเองพอสมควร, แล้วในที่สุดพวกบริวารไม่มีใครกล้าขุด. โสมะทัตจะลงมือขุดเอง, แต่พระกาละทรรศินยกมือห้ามไว้.)
[อุเปนทะวิเชียร, ๑๑.]
กาละทรรศิน. | อ๊ะ! อย่านะอย่าเพ่อ! | ผิวะมิ่งสุมาลี |
จะไปกะเราน | ละก็จึ่งจะพาไป: | |
เพราะเราสิเล็งญา- | ณะเเละทราบฉนี้ได้; | |
ผะกาพิเศษไซร้ | บมิใช่ผะกาจริง, | |
และเปนวะธูผู้ | ปะระเศรษฐะยอดหญิง, | |
เพราะรักษะสัจยิ่ง | บมิยอมจะเสียธรรม์, | |
ก็ถูกกำราบให้ | จุติจากณแดนสฺวรรค์ | |
กำเนิดประดุจพัน- | ธุผกาพิเศษนี้. | |
ณวันพระจันทร์เพ็ญ | ก็จะเปนสุนารี | |
และคงฉนั้นมี | เฉพาะหนึ่งทิวากาล | |
และเอกะราตรี | ก็จะกลับสกนธ์ปาน | |
ผะกาสุคนธ์หวาน | รสระรื่นระรวยไซร้. | |
ณถิ่นวนารัณ- | ยะกะนี้สิอยู่ไกล | |
กุฎีและทิ้งไว้ | จะลำบากสกนธ์นาง; | |
ฉนั้นจะกล่าวชวน | จระไปณสวนข้าง | |
กุฎีดนูพลาง | จะทนุถนอมดี. |
(พระกาละทรรศินลุกขึ้นไปที่ต้นกุหลาบแล้วพูดกับต้นกุหลาบต่อไป.)
[สัทธะรา, ๒๑.]
อ้ามาลีเลิดฤดีเพลิน, | สุวิมะละและเจริญ, | |
ฃ้าจะขอเชอญ ผะกาไป | ||
สู่สวนงามข้างกุฎีให้ | ระมะณิยะจะบำรุงไว้ | |
เพื่อบมีภัย พิบัติปวง; | ||
ฃ้ารับคำว่าจะแหนหวง | ประดุจะวรธิดาดวง | |
ใจจะใฝ่ห่วง สุดาภา. | ||
อ้าเชอญไปกับบิดานา! | ดรุณิอภยะครา | |
ขุดชลอพา จรัลไป! |
(พระกาละทรรศินเรียกเอาหม้อน้ำไปหลั่งลงที่โคนต้นกุหลาบ. พิณพาทย์ทำเพลงรัวฉิ่ง. พอพระกาละทรรศินหลั่งนํ้าเสร็จแล้ว, สั่งให้บริวารขุดต้นกุหลาบ.คราวนื้ไม่มีเสียงร้องเช่นครั้งก่อน; พิณพาทย์ทำเพลงฉิ่งในเวลาที่ขุดตลอดจนขุดเสร็จ, และพวกบริวารจัดการยกต้นกุหลาบขึ้นจากหลุมแล้ว, พิณพาทย์จึ่งหยุด.)
กาละทรรศิน. | บัดนี้เจ้าอย่าร่ำไร | ช่วยกันยกไป | ยังสวนณอาศรมสถาน |
ต้องดีอย่าได้ลนลาน, | ประคองเมื่อผ่าน | ที่เดิรลำบากยากเข็ญ. | |
จำไว้ว่าไม้นี้เปน | ของวิเศษเช่น | บ่มีณดินแดนใด. | |
ตามมาฃ้าจะนำไป; | โสมะทัตไซร้ | จงคอยกำกับตามมา. |
(พิณพาทย์ทำเพลงเชิด.พระกาละทรรศิน.เดิรนำเข้าโรง, บริวารนำต้นกุหลาบตามไป.)
ตอนที่ ๒
ทางเดิรในดง
[ใช้เปนม่านม้วนทิ้งระหว่างหลืบ, เขียนเปนภาพต้นไม้และกอหนาม.]
(ท้าวชัยเสนออก, พร้อมด้วยศุภางค์, กับทหารและพรานอีกสี่ห้าคน.)
[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
ชัยเสน. | เรามัวละเลิงไล่ | มิคะงามตะบึงบ้า |
จนลึกณกลางป่า | และระอิดระอาใจ; | |
บัดนี้มิรู้ว่า | ดละแทบณหนใด, | |
อีกทั้งจะเดิรไป | บริวารบตามทัน. | |
เฃาคงจะเปนห่วง | และวิตกเพราะเราครัน; | |
ใครเจนพะนารัณ- | ยะประเทศะถิ่นนี้? |
(ศุภางค์สอบถามพวกพราน. พูดกันเบา ๆ แล้วจึงกราบทูล.)
ศุภางค์. | พวกพรานกระบวนตาม | พระเสด็จก็ไม่มี |
ผู้ใดชำนาญที่ | จะทำนูลถนัดได้; | |
แต่เคยสดับซึ่ง | วะจะเฃาแถลงไซร้ | |
ว่ากลางอรัญใหญ่ | ณประเทศะแถบนี้ | |
ยังมีสำนักองค์ | วรพรหมะโยคี, | |
ผู้ครองคณาชี | ปฏิบัติตะปาการ. | |
พรานรับจะไปค้น | พระนิวาศคณาจารย์, | |
แล้วมาแถลงการณ์ | ผิวะพบพระอาศรม. | |
ชัยเสน. | ดีแล้ว,และเรานี้ | ก็จะพักณใต้ร่ม |
พฤกษาสุฃารม- | ยะตลอดณราตรี, | |
เพราะว่าจะเดิรต่อ | ฤก็เหนื่อยณบัดนี้ | |
เมื่อยล้าวะรินทรี- | ยะและใคร่จะผ่อนกาย. | |
คืนนี้ก็จวนเพ็ญ | ศศิธรจะงามหงาย, | |
โพยภัยและสัตว์ร้าย | ผิจะมาก็เห็นพลัน. | |
จงใช้คณาพราน | จรรีบณไพรสันฑ์ | |
หาที่พระนักธรรม์ | ธนิวาศณกลางไพร, | |
อีกให้ทหารบ้าง | จรย้อนวิถีไป | |
จนพบกระบวนใหญ่ | ละก็นำกระบวนมา. | |
ที่เหลือก็ให้ถาง | ติณะใต้สุพฤกษา | |
ไทรย้อยลออตา | ละก็คงจะพอพัก, | |
จนกว่ากระบวนใหญ่ | จรพร้อมก็จึงจัก | |
สร้างค่ายและที่พัก | ณประเทศะถิ่นควร. |
[ฉบงง, ๑๖.]
ศุภางค์. | ฃ้าจะได้สั่งถี่ถ้วน ตามภูมิศวร ได้มีพระราชบัญชา. | |
พวกพรานจงตามเรามา บัดนี้อย่าช้า จะใช้ไปตามมุ่งหมาย. |
(ศุภางค์ถวายบังคมท้าวชัยเสนแล้วเข้าโรงไปกับพวกพราน.)
[อุปชาติ, ๑๑.]
ชัยเสน. | อโหระลึกขึ้น | ละก็สุดจะเสียดาย! |
ได้เคยประสพหลาย | มิคะแล้วบ่เคยเห็น | |
กวางงามอร่ามทั่ว | วรกายะดังเช่น | |
ดนูละเลิงเล่น | จรไล่ณวันนี้. | |
ชะเนตร์สนิธนิล | กะละนิลมะณีศรี, | |
ยามแลชำเลืองมี | กิริยาประหนึ่งอาย; | |
เฃางามประหนึ่งช่อ | วรวิชชุมาลย์ฉาย, | |
และหนังระยับลาย | กละเลื่อมประดับวาว; | |
ขนองสนิธดำ | ดุจะเขียนเขม่ายาว, | |
งามทรวงสอาดราว | หิมะตกณยอดผา: | |
ยามเดิรก็งามยิ่ง | และจะวิ่งก็ยวนตา, | |
จริตกิรียา | กละสาวสุรางค์สวรรค์. | |
และเมื่อดนูตาม | มิคะใกล้จะตามทัน, | |
โน้มน้าวธนูมั่น | เหมาะและเตรียมจะยิงไป, | |
มัวเพลินตะลึงนิ่ง | บมิยิงณบัดใจ | |
และกวางก็ว่องไว | จรแผลวณแนวพง. |
(ศุภางค์กลับออกมาถวายบังคมท้าวชัยเสน.)
[ฉบงง, ๑๖.]
ศุภางค์. | ฃ้าได้จัดพรานดั้นดง ไปตรวจตราตรง ที่อยู่แห่งคณาจารย์, | |
อีกจัดแบ่งพวกทหาร ย้อนทางที่ผ่าน มาแล้วเมื่อไล่มฤคี, | ||
ส่วนการแผ้วถางปัฐพี สำเร็จแล้วดี พอจะประทับอาศัย. | ||
ชัยเสน. | ดีแล้ว, กูนี้อ่อนใจ จึ่งอยากจะใคร่ ได้พักได้ผ่อนกายา. |
(ท้าวชัยเสน,ศุภางค์, และบริวารเข้าโรง.)
ตอนที่ ๓
ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน
[ด้านหลังเวทีเปนมุขหน้าแห่งอาศรม, ซึ่งเปนเรือนเครื่องไม้หลังคามุงแฝก,มีบันใด ๓ ขั้นขึ้นจากพื้นดินไปสู่ระเบียง, และจากระเบียงมีประตูเข้าไปในอาศรม.สองข้างเวทีเปนหลืบสวน. มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้น ๑ ข้อนไปข้างขวาแห่งเวที, และใต้ต้นไม้นั้นมีแท่นศิลาอ่อน,มีหนังกวางปูลาด. พระกาละทรรศินนั่งอยูบนแท่นนี้.]
[ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒.]
กาละทรรศิน. | เอะมีเหตุอะไรหนอ | จะบังเกิดอุปัทว์มา |
เพราะว่าเนตระซ้ายขวา | เขม่นอยู่จะเปนลาง. | |
อะโหนึกก็ร้อนอก | วิตกถึงธิดาพลาง, | |
ชรอยภัยจะพานนาง | ธิดาแน่ละครานี้. | |
ตะแรกตรวจณฤกษ์ยาม | ก็ดูงามและดูดี, | |
คำณวนต่อสิเห็นมี | เคราะห์ร้ายแซกณชาตา. | |
บรู้ที่จะทายแน่ | จะมีโชคและลาภา, | |
ฤว่าร้ายและนวลนา- | ริจักต้องกำสรวลศัลย์. | |
อนิจจาจะเศร้าจิต, | ผิเจ้ายอดสุดานั้น | |
เคราะห์เจ้าร้ายทำลายขวัญ, | ก็รูปนี้จะพลอยโศก; | |
เพราะรูปได้สุดามา | ประดุจได้ประสพโชค, | |
ประหนึ่งเจ้าและนำโศลก | ประเวศแน่วณอาศรม, | |
และหากต้องวิโยคเจ้า | จะแสนเศร้าณอารมณ์, | |
เพราะเคยเห็นและเคยชม | บเว้นว่างณวันเพ็ญ: | |
ธิดาช่างบำเรอจิต | บิดาให้ฤดีเย็น; | |
ประดิษฐ์โภชะนาเช่น | บเคยลิ้มณก่อนกาล, | |
จะกินเค็มฤกินมัน | ก็พลันสมมะโนมาลย์, | |
จะชอบเปรี้ยวฤชอบหวาน | ก็ปรุงรสบผิดใจ. | |
มหาเทวะทรงศักดิ์! | ดนูภักดิต่อไท, | |
พระจงโปรดดนูไซร้ | และคุ้มครองสุดาภา. |
(มัทนา, ถือกระเช้าเต็มไปด้วยดอกไม้, เดิรออกมาทางขวาและตรงไปคุกเข่าลงที่ตรงหน้าแท่นศิลา, และพูดกับพระกาละทรรศิน.)
[กมล, ๑๒.] | ||
มัทนา. | เอ๊ะอะไรพระพ่อบ่น | วรมนตร์ฤเจ้าขา, |
และดิฉันละลาบมา | บมิควรฤฉันใด? | |
ผิวะองค์บิดามุ่ง | จะบำเพ็ญตะปาไซร้ | |
ก็ดิฉันจะหลีกไป | บมิอยู่และกีดขวาง. | |
พระบิดาก็ย่อมรู้ | มะทะนามิอยากห่าง, | |
ปฏิบัตติอยู่ข้าง | พระบิดาและพอใจ; | |
เพราะมิใช่ดิฉันเหมือน | วธุธรรมะดาไซร้, | |
ตละเดือนก็อัดใจ | บมิมีฤดีสราญ; | |
เพราะมโนสินึกเร่ง | ศศิธรและนับวาร, | |
ตละเดือนก็ดูกาล | จิระกว่าจะวันเพ็ญ. | |
และณปัณณรัสฺวา- | ระก็ย่อมจะกลับเห็น. | |
ทิวะล่วงประดุจเผ่น | จรจู่บอยู่ยั้ง! | |
ผิวะองค์บิดาว่าง | มะทะนาจะขอนั่ง | |
ปฏิบัติ์บิดาดัง | ฤดิมุ่งเสมอมา. |
[มันทักกันตา, ๑๗]
กาละทรรศิน. | อ้าโฉมฉายสายสะมะระมะทะนา, พ่อสิเพลินตา เพราะลูกขวัญ! | |
ลูกอยู่ใกล้พ่อละก็กะมละฉัน เฉกอุทกอัน ประพรมใจ. | ||
ไม่เคยมีศิษย์ดุจะอรวิไลย, ช่างประพฤติ์ให้ บิดาสุข, | ||
วันเพ็ญพ่อเปนระมะณิยะบทุกข์, ปราศะเข็ญขุก และรำคาญ, | ||
ส่วนวันอื่นพ่อฤก็บมิสราญ เหมือนณวันวาร ธิดาใกล้; | ||
ดังนี้แม้ว่าสะมะระจะคระไล จากบิดาไป ก็พ่อนี้ | ||
คงต้องไร้ความสุขะเพราะว่ะฤดี คงบได้มี ละผ่องแผ้ว. | ||
อ้าลูกน้อยกลอยฤดิสุมะณิแก้ว พรากธิดาแล้ว จะอาดูร! |
[สัทฺทุลฺวิกกีฬิต, ๑๙.]
ฃ้าขอให้สุระเทวะฤทธิอะนุกูล | ||
ฟังฃ้าพเจ้าทูล เถอะไท้, | ||
หากฃ้าเสียมะทะนาธิดาอระวิไลย | ||
ฃ้าบาทจะได้ใคร ล่ะแทน? | ||
อ้าเทวินทะมะหินทาธิปะติแมน | ||
ทรงวัชระแกล้วแกว่น อะมร, | ||
โปรดอย่าให้มะทะนาสุดาดะรุณิอร | ||
ต้องไปอะนาทร ฤเข็ญ! |
[ฉบงง, ๑๖.]
มัทนา. | เอ๊ะพระบิดานี่เปน ทุกข์ร้อนใดเห็น บเคยแต่ก่อนดังนี้. | |
ดูพระบิดาจะมี ความวิตกที่ พระยังมิบอกลูกน้อย. | ||
เปนไรโปรดบอกลูกหน่อย. | ||
กาละทรรศิน. | อ้าลูกผู้กลอย จิตยอดฤดีบิดา! | |
พ่อนี้วิตกนักหนา ด้วยเกรงอยู่ว่า ธิดาจะจากพ่อไป. | ||
มัทนา. | พระองค์จะกลัวทำไม? ไม่เห็นว่าใคร จะกล้ามาพาลูกหนี, | |
และกล่าวส่วนตัวลูกนี้ ฤๅจะอยากลี ลาศจากบิดาการุญ? | ||
กาละทรรศิน. | เปนธรรมะดาของสุน- ทะระดรุณ กุมาริย่อมยวนตา | |
แห่งชายหนุ่มและไม่ช้า รักก็จะพา รักเฃ้ามาจ่อจอดใจ, | ||
แล้วหญิงย่อมจะคลาไคล จากอกพ่อไป สู่เคหะแห่งสามี. | ||
มัทนา. | พระพ่อใยกล่าวเช่นนี้? เมื่อทราบอยู่ดี ว่าลูกไม่เหมือนเฃาๆ; | |
แล้วก็ผู้ชายใดเล่า จะรักฃ้าเจ้า, ผู้เปนมนุษหนึ่งวัน | ||
กับอีกหนึ่งคืนแล้วพลัน กลับเพศแผกผัน ไปเปนดอกไม้มากหนาม! | ||
ถึงหากนารีเลิดงาม, แม้ได้ชมทราม สิเนหะได้เพียงแต่ | ||
หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วแล มิได้ชมแม้ สักนิดตลอดอีกเดือน, | ||
ชายใดจะยอมอยู่เพื่อน? ขืนรักก็เหมือน รักรูปนิมิตร์มายา. | ||
ฉนั้นองค์พระบิดา จงโปรดเมตตา และคลายวิตกด้วยพลัน. |
(โสมะทัตพาศุภางค์ออกมาทางซ้าย; ต่างกระทำความเคารพต่อพระฤษี.)
[สุรางคณา, ๒๘.]
โสมะทัต. | นายทหารนี้ ได้จรลี ล่วงหน้าราชัน, | |
จอมขัตติย์วงศ์ เผ่าองค์พระจันทร์ ผู้ดำรงขัณฑ์ หัสดินบุรี, | ||
เพื่อมาบอกข่าว ว่าสมเด็จท้าว ผู้จอมธานี | ||
จะเสด็จพลัน วันทาฤษี ตามสมควรที่ กำหนดวินัย. | ||
กาละทรรศิน. | อันภูมินาถ เสด็จประพาส พักแรมหนไหน? | |
ศุภางค์. | พระร้อนแรมมา ในพนาลัย, สำราญแห่งใด ประทับแห่งนั้น. | |
กาละทรรศิน. | อันอาตะมะ เต็มใจที่จะ ตอนรับจอมขัณฑ์, | |
จะตั้งเครื่องที่ มีในอรัญ ถวายราชัน เสวยสำราญ. | ||
แน่ะโสมะทัต แล้วเจ้าจงจัด รับบริพาร, | ||
ส่วนโภชนา โอชาอาหาร จะให้นงคราญ จัดแต่งเตรียมไว้. | ||
ไปเถิดธิดา, เฃ้าในศาลา เตรียมเครื่องทันใด, | ||
อีกทั้งจัดของ สำรองพร้อมไว้ เลี้ยงพวกฃ้าไท ผู้บริพาร. | ||
ศุภางค์. | อันกระบวนหลวง ก็พร้อมทั้งปวง เสบียงอาหาร. | |
กาละทรรศิน. | แต่ว่าตัวเรา เปนเจ้าของบ้าน ตัองขอเลี้ยงท่าน. มาเถิดธิดา. |
(พระกาละทรรศินกับมัทนาเดิรไปขึ้นบันใดและหายเฃ้าไปในอาศรม.)
[สาลินี, ๑๑.]
ศุภางค์. | ขอโทษเถิดหากดู | ดนุไร้กิรียา, |
แต่ฃ้าขอถามว่า | วธุนั้นนะคือใคร? | |
ได้ยินท่านเรียกว่า | วรบุตริท่านไซร้, | |
ลูกจริงฤๅฉันใด, | ฤวะบุตริบุญธรรม? | |
โสมะทัต. | หากฃ้าบอกความให้ | ฤก็ท่านจะเห็นคำ |
ฃ้าตอบเปนข้อฃำ | และบยอมจะเชื่อฟัง. | |
นางนี้เปนต้นพฤก- | ษะประดิษฐะอยู่ยัง | |
กลางดงใกล้ที่ตั้ง | วรบรรณะศาลนี้; | |
อาจารย์ท่านเชอญมา | และสถิตณสวนศรี, | |
แลเมื่อถึงวันที่ | ศศิเพ็ญก็เปนคน. | |
ดังนี้สันนิษฐาน | วธุเปนสุรางค์บน, | |
ถูกสาปจึ่งจำทน | ทุขะอยู่ฉนี้นา. | |
ศุภางค์. | ที่ท่านได้เล่านี้ | นะก็แปลกละเจ้าฃ้า; |
แต่ครั้นเมื่อพิศพา | ฤดิเห็นจะเปนจริง, | |
ด้วยนางนี้มีสุน- | ทะระลักษณายิ่ง | |
ยวดกว่าบรรดาหญิง | ณมะนุสสะโลกแท้. | |
ผิวนางนั้นผุดผ่อง | กละนวลสะกาวแข, | |
เกศาดำแม่นแท้ | กละฟ้าณราตรี; | |
สองเนตรเหมือนดารา- | กะระในนะภาศรี, | |
แสงแก้มเปรียบรัสมี | พระอรุณแอร่มฉาย. | |
เอออันว่าชายใด | ผิวะได้ประสพสาย | |
ใจคงไม่มีคลาย | รสะรักณดวงแด! | |
โสมะทัต. | ท่านเอยอย่าฝันใฝ่, | บมิเปนประโยชน์แท้; |
นางนั้นไม่พึงแล | และบพูดกะชายใด, | |
นอกจากท่านอาจารย์ | วนิดาบรักใคร; | |
เพียรพูดเท่าใดๆ | บมิพึงจะใยดี. | |
ศุภางค์. | อ้าท่านอย่าเข้าใจ | วะจะผิดณบัดนี้! |
ฃ้าเองไม่หวังที่ | จะประโลมสุดาสวรรค์; | |
ฃ้านึกไปถึงองค์ | วรราชะราชัน | |
ผู้เปนเจ้าครองขัณ- | ฑะประเทศะธานี. | |
ท่านเปนซึ่งเผ่าพัน- | ธุพระจันทะเรืองศรี, | |
หากเห็นซึ่งเทวี | ธก็คงจะโปรดปราน; | |
แต่หากนางเปนบาท | บริจาริกาท่าน, | |
ฃ้าเกรงคงเกิดการ | ทุมะนัสละแน่นอน. | |
ฝ่ายท่านไม่ใช่ฃ้า | วรบาทพระภูธร, | |
ฃ้าเจ้าทำปากบอน | บมิควรณทีนี้; | |
จึงจำต้องของด | อธิบายะไว้ที, | |
ขอท่านอย่าได้มี | ฤดิขึ้งดนูหนอ. | |
โสมะทัต. | ตูฃ้าเปนคนต่ำ | บมิจงทนงขอ; |
ท่านจงกล่าวแต่พอ | ดำริควรแถลงสาร. |
(พิณพาทย์ทำเพลงพระยาเดิร. ท้าวชัยเสนออก, พร้อมด้วยบริวาร พระกาละทรรศินออกมาจากในอาศรม, ลงบรรใดมาต้อนรับท้าวชัยเสน; พิณพาทย์หยุด.)
[เมฆวิปฺผุชฺชิตา, ๑๙.]
กาละทรรศิน. | ชโยฃ้าขอกล่าวคำประจุคะมะนะการ | |
แด่พระผู้ผ่าน มไหหศวรรย์; | ||
ชโยขอให้องค์ท้าวนะระปติพระชัน- | ||
มายุร้อยพรร- ษะกาลยง; | ||
ชโยขอให้มีชัยชำนะอริทนง | ||
สมประสงค์องค์ อธีราช; | ||
ชโยขอให้องค์ขัตติยะนิกะระนาถ | ||
สิทธิสมมาด ณกิจการ; | ||
ชโยขอจงทรงเกษมสุขะฤดิสราญ | ||
ทุกทิวากาล และราตรี; | ||
ชโยขอจงองค์ท้าวปิยะนะระบดี | ||
คงพะลังมี นิรันดร! |
[อินทะวิเชียร, ๑๑]
ชัยเสน. | ฃ้าขอประณตน้อม | ศิระเกล้าและรับพร, |
อีกขอประณมกร | และจะถามพระโยคี: | |
ท่านอยู่ณไพรสาณฑ์ | พหุการกุศลดี, | |
แลท่านบได้มี | ภยบางฤอย่างไร? | |
อันมูลผลาหาร | บริบูรณ์ฤฉันใด, | |
ยุงริ้นและเหลือบไร | บมิกวนฤเจ้าขา? | |
สัตว์สิงห์สมิงไพร | บมิเบียฬและบีฑา, | |
แลศิษย์พระสิทธา | สุขะทั่วฤนักธรรม์? | |
กาละทรรศิน. | ฃ้าขอถวายพร | สิริโสตถิราชัน, |
อันว่าดำรัสนั้น | ดนุตอบพระดังนี้: | |
ฃ้าอยู่ณไพรสาณฑ์ | พหุการกุศลดี, | |
แลฃ้าบได้มี | ภยพาลประการใด; | |
อันมูลผลาหาร | บริบูรณะสมใจ, | |
ยุงริ้นและเหลือบไร | บมิกวนณกายา: | |
สัตว์สิงห์สมิงไพร | บมิเบียฬและบีฑา; | |
อีกศิษยะของฃ้า | สุขะโสตถิทั่วกัน. |
(มัทนาออกมาจากในอาศรม. ท้าวชัยเสนเห็นก็จ้องจนตะลึง.)
[ฉบงง, ๑๖.]
มัทนา. | บิดาเจ้าฃาดิฉัน เตรียมเสร็จซึ่งสรร- พะโภชนาจำนง; | |
อีกได้เตรียมนํ้าโสดสรง สำหรับพระองค์ วิสุทธิราชฦๅชัย, | ||
ทั้งเตรียมน้ำมันพร้อมไว้ เพื่อพระจะได้ ทรงทาแก้เมื่อยวรกาย | ||
ขอเชอญบิดาผันผาย พร้อมพระฦๅสาย เฃ้าสู่ศาลาบัดนี้. |
(กราบพระกาละทรรศิน, และกราบท้าวชัยเสน, แล้วกลับเข้าโรง)
[อุเปนทะวิเชียร. ๑๑.]
ชัยเสน. | (พูดกับศุภางค์) | |
เอ๊ะกูสุบินเห็น | ฤวะจริงนะเมื่อกี้, | |
ฤเทวะนารี | ธเสด็จณศาลา? | |
และเจ้าก็แลเห็น, | เพราะฉนั้นสิตอบมา | |
จะเปนสุดาฟ้า | ฤวะเปนนะรีใด? | |
ศุภางค์. | พระทอดพระเนตร์เห็น | ดรุณีวิเศษไซร้, |
มุนีธเลี้ยงไว้ | ดุจะปฺรียะบุตรี, | |
และนางถนัดนาม | มะทะนาวิสุทธี; | |
เสด็จประเวศที่ | วรบรรณะศาลา | |
ก็คงจะได้เห็น | วธุนั้นนะอีกครา, | |
เพราะหล่อนก็คงมา | ปฏิบัติพระภูบาล. | |
ชัยเสน. | พธูประดามี | ณบุรีฤไพรสาณฑ์, |
จะหาวิไลยปาน | ฤก็กูบเคยเห็น. | |
และหากว่ะกูได้ | ก็จะรื่นฤดีเย็น, | |
จะรักและยกเปน | ภริยาภิรมย์สม; | |
ทิวาและราตรี | บมิหน่ายมิแหนงชม, | |
จะเร้าระตีรม- | ยะระรื่นระรวยใจ. |
(พระกาละทรรศินยืนคอยอยู่จนเห็นท้าวชัยเสนตรัสกับนายทหารจบลงจึ่งพูดขึ้น)
[ฉบงง, ๑๖.]
กาละทรรศิน. | ฃ้าขอทูลเชอญทรงชัย เสด็จเข้าใน อาศรมสราญร่มเย็น. | |
จริงอยู่เรือนฃ้าก็เปน เพียงเรือนอย่างเช่น บุคคลชาวป่าอาศัย, | ||
แต่ว่าอาตมะเต็มใจ ตอนรับท้าวไท. | ||
ชัยเสน. | ฃ้าขอขะมาเถิดท่าน! | |
ฃ้าเจ้านี้มัวสั่งงาน กับนายทหาร จึ่งดูประหนึ่งเพิกเฉย | ||
ที่แท้ใช่เช่นนั้นเลย. | ||
(หันไปพูดกับศุภางค์.) นี่แน่ะเจ้าเอ๋ย, เฃ้าใจกูแล้วฤๅไฉน? | ||
รีบปลูกซึ่งพลับพลาใหญ่ ณที่ใกล้ๆ อาศรมสถานที่นี้. | ||
ศุภางค์. | ฃ้าพระบาทเข้าใจดี และได้เลือกที่ ไว้แต่เมื่อล่วงหน้ามา; | |
ได้สั่งเฃาปลูกพลับพลา, ซึ่งในไม่ช้า ก็คงสำเร็จเสร็จได้. | ||
เมื่อมาลกเเล้วเมื่อใด ฃ้าบาทจะได้ นำความขึ้นกราบทูลพลัน | ||
ชัยเสน. | ฃ้าแต่องค์พระนักธรรม์, อันตัวดิฉัน ขอพักอยู่ใกล้อาศรม; | |
เพราะมาเมื่อยล้าระทม, ได้ผ่อนอารมณ์ ณที่สำราญเช่นนี้ | ||
คงจะพอเปนสุขี, ไม่ช้าฃ้านี้ ก็คงจะลากลับไป. | ||
แต่หากว่าฃ้าอยู่ใกล้ จะรบกวนไซร้ ก็จะได้รีบแปรสถาน. | ||
กาละทรรศิน. | ราชะ, อันพระภูบาล ก็เปนผู้ผ่าน พิภพและทรงคุ้มครอง; | |
ฉันใดพระองค์จะต้อง เกรงฃ้าผู้ครอง เพียงเขตอรัญพงพี? | ||
อันโปรดตำบลหนนี้ อาตะมะมี ความปลื้มกมลพ้นไป, | ||
เพราะฃ้าโยคีชีไพร นานๆ จะได้ เฝ้าพระบรมบพิตร์. | ||
หากกล่าวตามอำเภอจิต พระองค์สถิต ยิ่งนานก็ยิ่งยินดี. | ||
ชัยเสน. | ฉนั้นเชอญพระมุนี นำทางจรลี ฃ้าเจ้าจะตามท่านไป |
(พระกาละทรรศินกับท้าวชัยเสนเดิรหายเข้าไปในอาศรม.)
[อินทะวิเชียร, ๑๑.]
ศุภางค์. | นึกน่าอนาถจิต | ก็จะคิดประการใด? |
นึกแล้วว่ะทรามวัย | ฤก็ควรกะทรงศักดิ์. | |
นึกเล่าก็สงสาร | วนิดายุพาพักตร์, | |
นึกถึงจะต้องหนัก | อุระแน่ละนงคราญ! |
(ศุภางค์เดิรก้มหน้าเข้าโรงไปทางหลืบซ้าย, คนอื่น ๆ ยืนจ้องดูตามไป.)