พระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๖

เมืองเพ็ชร์บุรี

วันที่ ๑๓ กันยายน รัตนโกสินทร๔๒ศก ๑๒๘

ถึงมกุฎราชกุมาร

เมื่อจะจบเรื่องที่มาเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งขอจดหมายฉบับนี้เปนอนุสนธิต่อฉบับที่ ๕

วันที่ ๑๕ กันยายน เวลาช่าย ได้ไปบ้านลาวตำบลสพานยี่หน มีพลับพลาที่เขาปลูกไว้รับ แลพวกลาวผู้หญิงดีดฝ้ายปั่นฝ้าย ได้ดูบนเรือน ในการที่จะอธิบายถึงลาวทรงดำนี้ ดูเหมือนจะจืดไปเสียแล้ว เพราะใคร ๆ ก็ได้พบเห็น แลตาคนก็สังเกตดูได้ง่าย ไม่เหมือนอย่างการช่างที่วัดใหญ่ ซึ่งไม่ใคร่จะมีใครเห็น เพราะเหตุฉนั้นจึงขอข้ามเสียไม่เล่า ได้ขึ้นรถต่อไปทางไร่ส้มจนถึงเวียงคอย ซึ่งเปนสพานไม้ รถข้ามไม่ได้ ทางเส้นนี้ เปนทางไปตลอดถึงราชบุรี แต่ทางราชบุรีจมหมดแล้วเหลืออยู่แต่ในเขตเพ็ชรบุรี ทางที่สำหรับไปเที่ยวเตร่กันก็สิ้นสนุกอยู่เพียงเวียงคอย เขาจึงรักษาไว้แต่เพียงนั้น ถึงดังนั้นก็ต้องมีสพานเรือกข้ามลำมาบ ถ้าหากว่าไม่ใช่เวลาเสด็จก็ทีรถจะไปไม่ถึง สิ่งซึ่งควรจะพิ่งสังเกตในเมืองเพ็ชรบุรีนั้น คือคันนาสูงกว่าที่ไหนๆ ถ้ายิ่งเปนนาดีคันนาก็ยิ่งสูงมากขึ้นเพราะเหตุที่เปนนาดอน เจ้าของนาฉายพื้นดินให้ราบทิ้งดินขึ้นไปแต่งคันนา ทางที่มานี้แลเห็นเขาหมู่มหาสวรรค์บันไดอิฐ ทำให้ภูมิประเทศงามชื่นตาขึ้น แต่ก่อนที่จะกลับถูกฝนอยู่ข้างจะหนัก ถ้าหากว่าเปนพื้นดินบางกอกไม่ได้ปูอิฐโรยศิลาเช่นนี้ ฝนตกลงมาเท่าที่ตกจะเคลื่อนรถจากที่ไม่ได้ ที่นี้เปนดินทราย เวลาแต่งถนนทุบเสียให้แน่นทนฝนได้นาน ถ้าพอหญ้าแพรกขึ้นเสียแล้วแน่นเปนถนนปูอิฐทีเดียว

วันที่ ๑๖ กันยายน เปลี่ยนพัดพุดตาลหักทองขวางให้พระครูมหาวิหาราภิรักษ์วัดใหญ่ เพิ่มนิจภัตให้เท่าพระครูเจ้าอาวาส ให้พัดรองเจ้าอธิการวัดป่าแป้น วัดศาลาหมูสีแลวัดเกาะ เพราะได้รู้จักกันแต่ก่อนเคยไปพักที่วัด แลได้ซ่อมแซมศาลาที่เคยไปพักนั้นไว้คอยรับครั้งนี้ วัดศาลาหมูสีพึ่งจะไปครั้งนี้ แต่เจ้าอธิการกลิ่นเปนผู้ที่ไม่รับเงิน ให้เงินก็บอกคืนเสียเฉย ๆ จึงให้พัดย่ามแลจีวรแพร

วันนี้ขึ้นไปเขามหาสวรรค์ ด้วยหวังจะแสดงความเคารพอย่างขึ้นไปเฝ้าทูลกระหม่อมตามที่รู้สึกในใจจำได้ กินเข้ากลางวันแล้วกลับขับรถแล่นไปทางน่าเขาบันไดอิฐ แต่ไม่ได้ขึ้น เพื่อจะดูหนทางซึ่งคิดจะตัดใหม่ไปทางหลังเขามหาสวรรค์ แลดูศาลาแต่งแง่ ซึ่งเปนที่กล่าวไว้ในหนังสือเสภาว่าขุนแผนซื้อม้าสีหมอกนั้น

วันที่ ๑๗ กันยายน วันนี้ให้พัดเจ้าอธิการริดวัดพลับพลาไชยซึ่งเปนผู้ที่ได้คุ้นเคยกันมาช้านาน แลเปนผู้นำมหาพันไปให้ แล้วได้ออกมหาดเล็กเด็กชาชาวเมืองนี้ตามเคย แจกเหรียญแลเงิน พวกมหาดเล็กเหล่านี้อยู่ข้างจะรักษาการงารดีมาก ของสิ่งใดที่มีอยู่ ไม่ได้แตกหักสูญหายเลยแต่สักสิ่ง เห็นอยู่อย่างไรก็เช่นนั้น ที่สุดจนเครื่องแช่อิ่มฝรั่ง ซึ่งทูลหม่อมทรงซื้อมาไว้ เมื่อคิดจะรับพระปิ่นเกล้าแต่ปีกุญเบญจศกจุลศักราช ๑๒๒๕ ก็ยังอยู่จนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ หมู่พระที่นั่งได้ซ่อมแซมไว้หมดจดเรียบร้อยดีเหมือนยังใหม่

วันนี้ฝนตกจนเวลาเย็น แต่เมื่อฝนซาแล้วได้ขึ้นรถไปดูที่วัดอุทัย ซึ่งท่านหญิงอู่ เริ่มปฏิสังขรณ์เก่อนเวลาจะตาย ได้ให้เงินไว้สำหรับทำต่อแต่พอสำเร็จ แล้วไปตามถนนเรียกว่าอมาตยวงศ ซึ่งยังมิได้ไปดูทางนั้นในครั้งนี้ ผ่านวัดพระทรง วัดสนามพราหมณ์ วัดชีปเกิด ไปถึงวัดป้อมแล้วเลี้ยวลงตลาดกลับมาตามถนนตลาด

อากาศที่เมืองเพ็ชรบุรี เวลากลางวันอยู่ข้างจะร้อน แต่ถ้าหากว่าฝนจะตกยิ่งรัอนจัด แต่พอฝนตกแล้วเปนหายร้อนทันที เวลากลางคืนเย็นจวนรุ่งหนาวต้องห่มผ้า หมอเบอรเกอชิบ ว่าสบายดีกว่าที่ไหน ๆ ในเมืองไทย ยุงไม่มีเลย

เดิมคิดว่าจะกลับทางเรือ ขึ้นรถไฟสมุทสงคราม แต่เผชิญเวลาน้ำไม่เหมาะเสียเลยได้ตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้าหากว่าน้ำไม่เฉพาะจะต้องข้ามตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งไปจน ๒ โมงเช้าแล้วจะกลับทางเรือ เพราะจะล่องจากเมืองทันไม่ต้องลงไปนอนตากยุงที่บ้านแหลม แต่ช่างเผอิญเหมาะเหมือนแกล้งกะ เฉพาะน้ำเวลาย่ำรุ่งไปจน ๒ โมงเช้าตัดไม่ให้กลับทางเรือจึงต้องกลับทางบก ซึ่งเปนเรื่องเดิมรถไฟตามเคย อันไม่จำเปนจะต้องเขียน จึงเปนอันจบเรื่องกันเพียงเท่านี้ ฯะ

สยามินทร์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ