คำนำ

ท่านผู้จะอ่านเรื่อง “ผิวเหลืองหรือผิวขาว” นี้ โดยมากคงจะได้อ่านเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” มาแล้ว และบางทีจะต้องการทราบเรื่องต่อไปบ้างกระมัง

มีเพื่อนฝูงวงศ์ญาติมาถามข้าพเจ้าเนืองๆ ว่า ในการที่ได้เขียนและแนะนำหนังสือ “ละครแห่งชีวิต” ออกพิมพ์จำหน่าย ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจหรือดีใจอย่างไรบ้าง? คำถามเช่นนี้จะมีความหมายเพียงใด ย่อมแล้วแต่ความเกี่ยวพันระหว่างผู้ถามและข้าพเจ้า มีหลายท่านที่ไม่สามารถจะตกลงใจได้แน่นอนว่า “ละครแห่งชีวิต” เป็นเรื่องของข้าพเจ้าผู้แต่ง-เอง หรือเป็นนิยายเริงรมย์ซึ่งแต่งขึ้นโดยความคิดฝัน มีผู้อ่านบางพวกลงความเห็นอย่างเด็ดขาดว่า “ละครแห่งชีวิต” เป็นชีวิตของท่านอากาศฯ นายวิสูตร ศุภลักษณ์ ณ อยุธยา ก็คือท่านอากาศฯ นั่นเองไม่ใช่คนอื่น ต่างก็รำพึงกันอยู่ว่า “ลำจวน” คือใคร? “มาเรีย เกรย์” และ “จุไร” มีจริงหรือ เป็นใครกันแน่? บางคนที่ได้เคยรู้จักและติดต่อกับตระกูล “รพีพัฒน์” มาบ้างแต่ครั้งกระโน้นเชื่อจนถึงกับบ่นว่าข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องความเป็นไประหว่างวงศ์ตระกูลให้คนทั้งโลกฟังอย่างน่าทุเรศ ทำนองเดียวกับสาวไส้ให้กากิน

บางคนที่รักเสด็จพ่อมาแต่เดิม แต่ไม่ชอบข้าพเจ้าเนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง เลยถือเอาว่าข้าพเจ้าเขียนหนังสือติเตียนพ่อแม่ กระทำตนเป็นศัตรูต่อความดีงามต่างๆ ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวเรา พยายามทำลายล้างชื่อเสียงและเกียรติยศของบุรุษผู้มีคุณที่ได้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อนึกถึงคนพวกนี้ขึ้นมา ข้าพเจ้าช่างอยากให้ “ละครแห่งชีวิต” เป็นเรื่องชีวิตของข้าพเจ้าเองโดยแท้จริงเสียนี่ กระไร! เพราะจะได้เป็นตัวอย่างอันดีที่จะให้พวกมนุษย์ใจแคบเหล่านี้เห็นความจริงว่า แม้เราจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด - เป็นเจ้าโลก - ก็ไม่มีวันที่เราจะเป็นเจ้าหัวใจใครได้ เมื่อเขาไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกข่มเหง ถ้าเขาพูดไม่ออกอย่างน้อยเขาก็ต้องกลอกหน้าคิดไปรู้สึกไป เราจะห้ามไม่ให้เขาคิด เขารู้สึกไม่ได้เป็นอันขาด

มีผู้อ่านอีกประการหนึ่งซึ่งเชื่อว่า “ละครแห่งชีวิต” เป็นเรื่องของข้าพเจ้าจริง แต่แทนที่จะรู้สึกโกรธแค้น กลับสงสารและเห็นใจ ผู้ที่อาภัพ ถึงมีจดหมายมาปลอบโยน แนะนำให้ข้าพเจ้าลืมความหลังอันขมขื่นนั้นเสีย ตั้งหน้าทำหน้าที่ต่อไปเพื่อความดีงาม ในอนาคต ชีวิตของเขาก็ไม่ผิดกับของข้าพเจ้าเท่าใดนัก!

เปล่า ท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่ลักขณะจิตเดียว ในการที่ได้เขียนและนำเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” ออกพิมพ์จำหน่าย ให้ท่านอ่าน เพราะนิยายนั้นเป็นเรื่องเริงรมย์ที่แต่งขึ้นโดยความคิดฝันเท่านั้น หากแต่ข้าพเจ้าได้ทำให้ใกล้ความจริงที่สุด อันเป็นสิ่งที่นักอ่านเมืองไทยโดยมากไม่เคยพบเคยเห็น จึงได้ทำให้เกิดความฉงนสนเท่ห์ขึ้น การที่ข้าพเจ้าใช้บ้านสามเสน บ้านสวนบางจาก ฯลฯ เป็นพื้นภูมิที่ของเรื่องในตอนต้น ก็เพราะต้องการจะให้ข้อพรรณนาใกล้ความจริง ในเรื่องภูมิประเทศ เมื่ออยู่ทางบ้านถนนสามเสนมาตั้งแต่เล็กจนโต จะให้ข้าพเจ้าพรรณนาถึงพื้นภูมิที่ทางตำบลบ้านทวายหรือสำเหร่ ก็เห็นจะทำให้ใกล้ความจริงได้ยากกระมัง? จริง อยู่ ใครๆ ที่เคยเกี่ยวข้องกับพวกเรามาแต่เดิม รู้กันอยู่ดีว่าในหมู่ลูกเสด็จพ่อด้วยกัน ข้าพเจ้าเคยเป็นคนที่อาภัพที่สุด แต่กระนั้นก็ดี เสด็จพ่อก็ไม่เคยทรงทำให้ข้าพเจ้าชอกชํ้าอะไรจนถึงกับน้ำตาเช็ดหัวเข่า เที่ยวฟ้องคนทั่วโลกว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม ข้าพเจ้าถือเสียว่าเราจะเคราะห์ดีไปด้วยกันทุกคนไม่ได้ ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ขอให้ท่านพึงเข้าใจไว้เถิดว่า “ละครแห่งชีวิต” ไม่ใช่เรื่องจริง และ ไม่ใช่เรื่องของท่านอากาศฯ แต่การที่ข้าพเจ้าเขียนเรื่องของคน อาภัพและเรื่องหนังสือพิมพ์เมืองนอก ก็เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นวงชีวิตวงเดียวที่ข้าพเจ้าได้เคยเห็นและรู้จักดียิ่ง ข้าพเจ้าต้องการจะเขียนให้ใกล้ความจริงที่สุด และไม่ต้องการให้ใครมาหัวเราะเยาะได้ว่า “เปิ่น”

ใน “ละครแห่งชีวิต” ข้าพเจ้าได้วาดภาพวิสูตร ศุภลักษณ์ ณ อยุธยา หรืออีกนัยหนึ่ง “บอบบี้” ซึ่งเป็นตัวสำคัญในเรื่องไว้อย่างงามหรูเพียงไร ท่านคงทราบดีอยู่แล้ว วิสูตรเป็นคนมีนิสัยไม่พยาบาท รักเพื่อน รักชาติ และมีความตั้งใจอันดียิ่ง ใครที่มีใจบริสุทธิ์ เมื่อได้อ่านก็รู้สึกรักและสงสาร ดังนี้แล้วท่านจะเชื่อได้ อย่างไรเล่าว่า คนเช่นข้าพเจ้า - ผู้แต่ง - จะเป็นวิสูตรได้ ข้าพเจ้าไม่ใช่คนดี ชีวิตของข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกับหนังสือใหญ่เล่มหนึ่ง อ่านไปพลิกไปจนจบ จะพลิกกลับมาอ่านทวนหรือเขียนใหม่อีกครั้งหนึ่งไม่ได้

ข่าวที่ลือกันว่าในการที่เขียนหนังสือ “ละครแห่งชีวิต” ออกขาย พวกพี่น้องเขาปึงปังโกรธข้าพเจ้าเป็นฟืนเป็นไฟนั้น เป็นข่าวโคมลอยใบโตยอดเยี่ยม ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็คงชอบพอกับพี่น้องทุกคน เพราะเขาทราบดีว่า “ละครแห่งชีวิต” ไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าเสด็จพ่อของเรายังมีพระชนม์อยู่ หนังสือเล่มนี้ก็ยังคงจะมีอยู่ใน โลกเช่นเดียวกัน และกลับจะทรงภูมิพระทัยเสียด้วยว่า “อากาศฯ แกทำได้อย่างไม่น่านึก” ข้าพเจ้าก็รู้จักเสด็จพ่อไม่น้อยไปกว่าพี่น้องอื่นเขารู้จักเหมือนกัน

สิ่งที่ทำให้นักอ่านบางพวกฉงนก็คือรูป “มาเรีย วันซีนี” (Maria Vazini) สตรีที่ข้าพเจ้าอุทิศหนังสือให้ และชื่อ “มาเรีย เกรย์” ซึ่งเป็นนางเอกในเรื่อง นี่ก็ถึงเวลาที่ข้าพเจ้าควรจะเผยความจริงให้ทราบกันเสียที “มาเรีย วันซีนี” ไม่ใช่ “มาเรีย เกรย์” “มาเรีย เกรย์” ไม่เคยมีในโลก “มาเรีย วันซีนี” เป็นธิดาผู้ช่วยทูตคนหนึ่งของประเทศอิตาลี ซึ่งได้ประจำการอยู่ในประเทศญี่ปุน ข้าพเจ้าได้พบและรู้จักหล่อนในสหรัฐอเมริกา เราเดินทางมาด้วยกันจากเมืองซานฟรานซิสโกมากรุงโตเกียว เราเคยสนิทสนมกันมาก จนถึงกับได้เผยความในใจให้กันทราบว่า เรามีความทะเยอทะยานที่จะทำอะไรให้เป็นแก่นสารไว้ในโลก ข้าพเจ้าบอกหล่อนว่าข้าพเจ้าเห็นชีวิตของเราเหมือนโรงละครสัตว์ มีวงให้สัตว์วิ่งรอบๆ วิ่งวนไปมาไม่หยุดหย่อน และข้าพเจ้ามีความทะเยอทะยานที่จะเป็นนักประพันธ์ในเมืองไทยและเขียนเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” หรือจะเรียก เป็นภาษาอังกฤษว่า “The Circus of Life”

เมี่อทราบความตั้งใจของข้าพเจ้าดังนี้แล้ว “มาเรีย วันซีนี” จึงขอให้ข้าพเจ้าใช้ชื่อตัวของหล่อน - “มาเรีย” - เป็นชื่อของนางเอกในเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” ซึ่งจะเป็นเรื่องแรกของข้าพเจ้า นี่แหละคือเงื่อนแห่งความลับทั้งมวลที่ได้ทำให้ท่านฉงนใจมาเแล้ว “มาเรีย เกรย์” เป็นผู้ที่ถูกสมมติขึ้นเท่านั้น

“จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่” น่าจะเป็นสุภาษิตสอนใจและโอวาทอันดียิ่ง ควรจะเป็นมัคคุเทศก์ผู้เดียวที่จะนำมนุษยภาพไปสู่ดิถีแห่งความสงบสุข แต่ตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์ธรรมดากันอยู่เช่นนี้ เราก็เห็นจะบำเพ็ญให้ต้องตามสุภาษิตนั้นไม่ไหว มันกลับทำให้เราเป็นคนขี้เกียจ ไม่คิดไม่นึกที่จะทำอะไรกันเสียเลย สำหรับผู้ที่เคราะห์ดีบางคน ชีวิตเป็นสิ่งที่หอมหวานมาตั้งแต่ปฏิสนธิมาในโลก และมีความเชื่อมั่นว่า จะเคราะห์ดีเช่นนี้ตลอดจนวันตาย มีช้อนเงินช้อนทองติดปากมาด้วย ทุกทิวาราตรีไม่ประสบความทุกข์ยากอะไร ประสบแต่ความมั่งคั่งสมบูรณ์ ความสวยงาม ความนับหน้าถือตา ความนิยมชมเชยจากชนหมู่มาก แต่แม้ไม่เคยได้รับทุกข์ ... พวกนี้เป็นสุขกันหรือเปล่า? เขาจะพอใจในสิ่งที่เขามี อยู่แล้วหรือไม่ มีบางสิ่งซึ่งเป็นทรัพย์และอำนาจไม่อาจซื้อได้ มีหน้าที่บางอย่างซึ่งคนเคราะห์ดีพวกนี้ไม่สามารถจะทำได้แม้จะพยายาม สำหรับคนจนก็ดุจกัน ... เป็นผู้ที่ไม่มีความสุข จะร้ายกว่าก็แต่ว่า คนจนเมื่อท้องหิวก็จำต้องตะเกียกตะกายหาอาหารมาใส่ไว้ให้เต็มจนได้ ดังนั้นจึงมีแต่ความทุกข์เป็นอุปนิสัย ชีวิตเป็นสิ่งที่เหมือนกันทั่วโลก ชีวิตของคนผิวเหลืองหรือผิวขาว!

“การศึกษาทำให้เกิดความไม่พอใจ” ยิ่งเมื่อเรารู้มากเราก็ต้องการมาก ทำให้เกิดความทะเยอทะยาน ทำให้เกิดทุกข์ แต่ก็การศึกษานี้แหละที่ทำให้ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าแห่งทะเล มีอำนาจปกแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ ทำให้อเมริกาเป็นประเทศที่มั่งคั่งสมบูรณ์

ที่สุด ดังที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ความทะเยอทะยาน ความทุกข์ทำให้โลก ก้าวหน้า การที่ได้เขียนเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” ขึ้นไว้ ก็เพราะข้าพเจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้ เมื่อท้องหิวก็จำต้องตะเกียกตะกายหาอาหารมาใส่ให้เต็มจนได้ แม้จะมีฐานะเป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ยังได้เชื่อว่าเป็นคนจนใครๆ ก็รู้ โชค ... และไม่ใช่ทรัพย์ ...ได้อำนวยโอกาส ให้ข้าพเจ้าไปเที่ยวเห็นประเทศต่าง ๆ มาแล้วมากหลาย เมื่อกลับมาบ้านก็อยากจะได้เห็นประเทศสยามเป็นอย่างเขาบ้าง อยากเป็นผู้มีส่วนได้เสียในความดีงามและความเจริญของประเทศสยามอันจะมีมาในอนาคต คนเช่นข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถแต่เพียงเล็กน้อย และไม่มีวิชาอะไรเป็นแก่นสาร จะทำอะไรใหญ่โตก็เกรงว่าจะทำไปไม่ไหว ดังนั้นส่วนที่ข้าพเจ้าจะมีอยู่ได้ในความดีงามของประเทศสยาม ก็จำเป็นจะต้องอยู่ในวงอันแคบตามส่วนของความ สามารถและวิชาที่มีอยู่ ข้าพเจ้าได้เขียนหนังสือมาแล้วเล่มหนึ่ง และยังจะต้องเขียนต่อไปอีกหลายเล่ม  ถ้ายังไม่ตายเสียก่อน ข้าพเจ้าต้องการจะให้หนังสือเล่มเหล่านี้ดำรงอยู่ได้ชั่วกัลปาวสาน เพื่อเป็นเครื่องชี้ทางให้กุลบุตรของเราซึ่งจะมาในภายหน้าเห็นสิ่งดีชั่ว ให้เขาเลือกดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของเขาเองตามดิถีอันชอบ หน้าที่เท่านี้ฟังดูก็ไม่สู้จะยากอะไรนัก ข้าพเจ้าอาจจะสามารถทำได้ สำเร็จบ้างกระมัง

ในที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอกล่าวเตือนไว้อีกครั้งหนึ่งว่า “ละครแห่งชีวิต” ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องนิยายที่แต่งขึ้นโดยความคิดฝันของข้าพเจ้าเองเท่านั้น

“ผิวเหลืองหรือผิวขาว” เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่อง “ละครแห่งชีวิต” และเป็นเรื่องของวิสูตร ศุภลักษณ์ ณ อยุธยา ข้าพเจ้า ... ผู้แต่ง ... จะปล่อยให้วิสูตรผู้เป็นเจ้าของเรื่องบรรยายให้ท่านฟังต่อไป

“อากาศดำเกิง”

วัง “ราชบุรี”

กรุงเทพฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ