ตำนานวัดไชยพฤกษมาลาและวัดเขมาภิรตาราม

วัดไชยพฤกษมาลาที่อยู่ปากคลองบางขวาง ซึ่งพระราชทานนามใหม่ว่าคลองมหาสวัสดิ์แขวงเมืองนนทบุรีนั้น เป็นวัดโบราณมาแต่ครั้งกรุงเก่า เมื่อธนบุรีตั้งขึ้นใหม่ต้องรื้อเอาอิฐไปก่อกำแพง อันตรธานไปแล้วยังอยู่แต่ภูมิวัด ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษก ในปีขาลจัตวาศก จุลศักราช ๑๑๔๔ ได้มีพระบรมราชโองการดำรัส แด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งเวลานั้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ใหญ่ ว่าวัดไชยพฤกษมาลาเป็นวัดอยู่ใกล้สวนหลวงเดิมถูกรื้อแร่งทำลายมา ขอให้ทรงพระศรัทธาไปสร้างคืนขึ้นใหม่เป็นพระอารามได้จะเป็นการดี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงได้ทรงรับพระราชโองการ ว่าจะทรงสร้างพระอารามนั้นคืนขึ้นให้จงได้ จึงได้ทรงบริจาคส่วนทรัพย์สมบัติในกรมจำหน่ายเป็นค่าไม้ ค่าอิฐ ค่าปูน แล้วให้ข้าในกรมไปทำเป็นพระอุโบสถหลังหนึ่ง มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง เป็นพระประธาน มีรูปพระสาวก ๒ องค์ พระวิหารหลังหนึ่ง มีพระพุทธรูป๔ องค์ การเปรียญหลังหนึ่ง และปลูกกุฎีถวายพระสงฆ์บ้าง วัตถุฐานนั้นก็เป็นแต่เพียงพอพระสงฆ์จะได้ใช้บริโภคได้ การทั้งปวงก็ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ดี เพราะครั้งโน้นบ้านเมืองยังไม่สมบูรณ์ ราชการทัพศึกก็มีมาก การที่จะทำพระอารามนั้นก็งดไว้ให้ค้างอยู่ เป็นแต่ถึงฤดูพระกฐินทาน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เสด็จไปทรงถวายกฐินบ้าง พระราชทานผ้าไตรจีวรบริกขารให้พระโอรสพระธิดาทรงนำไปถวายบ้าง ทุกปีมิได้ขาด ครั้นเมื่อได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ก็ยกวัดไชยพฤกษมาลาเข้าในจำนวนพระอารามกฐินหลวง มีเทียนพรรษาและผ้ากฐินหลวงทุกปี แต่พระราชทานพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงจุดเทียนพรรษาและเสด็จไปถวายกฐินทุกปีมา ตั้งแต่ปีมะเส็ง เอกศก ศักราช ๑๑๗๑ มาจนปีมะแม เบ็ญจศก ๑๑๘๕ ครั้นเมื่อปีวอกฉศก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้ยกวัดไชยพฤกษ์ออกเสียจากจำนวนพระกฐินหลวง ครั้งนั้นกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ จึงได้ทรงรับทอดพระกฐินวัดนั้นสืบมาทุกปี ถึงผู้อื่นมีศรัทธาจะใคร่ทอดก็ต้องไปกราบทูลขอ ต่อโปรดแล้วจึงทอดได้ ภายหลังมาปีวอก ฯลฯ[๑] ถ้ามีกำลังพอจะทำนุบำรุงได้ ก็ให้ทำนุบำรุงให้เป็นวัดอยู่ ถึงปีให้จัดผ้าพระกฐินไปถวาย ถ้าผู้อื่นจะทอดก็ต้องให้มากราบทูลขอก่อน ต่อโปรดจึงจะทอดได้ อย่าให้สละละทิ้งเสียให้เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศสาบสูญพระนามในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยไปได้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับพระวาจาสั่งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชชนนีไว้ดังนี้แล้ว ก็ได้ทรงทำนุบำรุงพระอารามนั้นมา ตามสติกำลังจนสิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

อนึ่งวัดเขมาตำบลตลาดแก้วฝั่งตะวันออกใต้บ้านหม้อบางขุนเทียนลงมานั้น แต่ก่อนเป็นพระอารามพระกฐินหลวง ในพระบวรราชวัง เมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีผู้กราบทูลสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ว่าวัดเขมาเป็นวัดใหญ่แต่ครั้งแผ่นดินพระเจ้าอู่ทองมาทรุดโทรมยับเยินมาก มีคำผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวสืบมา ว่าวัดนี้เป็นของพระเจ้าอู่ทอง ผู้มีบรรดาศักดิ์น้อยจะสร้างให้สำเร็จไม่ได้ ต่อผู้มีบรรดาศักดิ์มากบุญญาธิการยิ่งใหญ่จึงจะสร้างให้สำเร็จได้ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ จึงเสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรพระอุโบสถเก่าชอบพระทัยจะสร้าง จึงตรัสสั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปเฝ้ากรมพระราชวังบวรฯ กราบทูลขอเป็นวัดสำหรับกฐินในกรม กรมพระราชวังบวรฯ ได้มีพระบัณฑูรสั่งหลวงสุทธิรัตนให้หักบัญชีชื่อวัดเขมา ยกมาเป็นอารามของสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ขาดมาแต่นั้น ตั้งแต่นั้นมากรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ก็ได้ทรงบริจาคส่วนทรัพย์สมบัติให้จำหน่ายเป็นค่าอิฐค่าปูน และให้มีข้าในกรมไปขุดรากใหม่ ก่อผนังขยายออกให้ใหญ่กว่าเดิมออกมา ถมพื้นในประธานพระอุโบสถขึ้นให้สูงจนเสมอบัวกลุ่มฐานพระประธาน เมื่อแรกเริ่มก่อรากครั้งหนึ่ง เมื่อแรกยกตัวไม้เครื่องบนครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และกรมพระราชวังบวรฯ ก็ได้เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงเริ่มการเป็นฤกษ์ทั้งสองครั้ง เพราะถมพื้นขึ้นไปสูงพระประธานต่ำไป ได้มีรับสั่งให้ช่างข้าในกรมก่อพระประธานพระองค์ใหม่สวมพระประธานพระองค์เก่าลงแล้ว ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปทุกองค์จนสำเร็จ แล้วได้ให้ก่อกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ มีพระอัคคียเจดีย์ทั้ง ๔ ทิศ แล้วทรงสร้างการเปรียญฝากระดานหลังหนึ่งตรงหน้าพระอุโบสถออกมา ครั้นการพระอุโบสถการเปรียญสำเร็จแล้ว ก็ได้ทรงพระศรัทธาเสด็จไปทำมหกรรมการฉลอง ทรงบำเพ็ญการพระกุศลในที่นั้นเป็นอันมาก ในปีชวดสัมฤทธิศกศักราช ๑๑๙๐

ครั้นเมื่อกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์สิ้นพระชนม์แล้ว พระอารามนั้น พระอุโบสถและการเปรียญก็ชำรุดทรุดโทรมมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระอุตสาหปรารถนาจะใคร่ทรงปฏิสังขรณ์ให้คืนขึ้นและดีขึ้น แต่กำลังครั้งนั้นยังน้อยก็ต้องรั้งรอมาจนสิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

ครั้นเมื่อปีกุนตรีศก ศักราช ๑๒๑๓ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์เป็นอันมากหลายร้อยชั่งให้ปฏิสังขรณ์วัดไชยพฤกษ์และวัดเขมา พระราชทานนามเพิ่มเข้าทั้งสองพระอาราม ว่าวัดไชยพฤกษมาลา วัดเขมาภิรตาราม ที่วัดไชยพฤกษมาลา มีพระบรมราชโองการโปรดให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศเป็นแม่กองทำ ให้จัดซื้อที่สวนถวายเพิ่มเติมเข้าให้ใหญ่กว้างออกไป และขุดคูรอบวัด ให้ทำพระอุโบสถพระวิหารของค้างเดิมของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยให้สำเร็จ แล้วทรงสร้างการเปรียญลงในข้างหน้าหว่างพระอุโบสถพระวิหาร มีพระเจดีย์ใหญ่ลงในด้านหลังหว่างพระอุโบสถพระวิหารมีพระเจดีย์น้อยใน ๔ ทิศ และคฤหสำหรับเป็นที่บูชาพระเจดีย์ด้วย และทรงสร้างกุฎีหมู่กุฎีที่อยู่พระภิกษุสงฆ์ หอสวดมนตร์ หอระฆัง สะพานท่าน้ำ สะพานข้ามคลอง ศาลาสำหรับพระอารามพร้อมมูลบริบูรณ์เสร็จแล้ว วัดเขมาภิรตาราม มีพระบรมราชโองการดำรัสให้กรมหมื่นมนตรีรักษา พระยาราชภักดีศรีรัตนสมบัติเป็นแม่กอง ให้จัดซื้อที่สวนถวายเพิ่มเติมเข้าให้ใหญ่กว้างออกไปและขุดคูรอบวัด และปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมเพิ่มเติมการในพระอุโบสถบริบูรณ์ แล้วทรงสร้างรูปพระอสีติมหาสาวกล้อมพระประธานเพิ่มเติมเข้า เพราะทรงพระราชดำริเห็นว่าพระอุโบสถใหญ่นักที่ว่างเปล่าอยู่ พระสงฆ์ในพระอารามนั้นน้อย แล้วได้ทรงสร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่ในด้านหลังพระอุโบสถ มีพระเจดีย์ทิศ ๔ พระองค์เป็นบริวาร แล้วให้เลื่อนพระเจดีย์เดิมของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทรงสร้างไว้แต่ก่อนนั้น ให้ไปตั้งอยู่ใน ๔ มุมพระมหาเจดีย์ด้วย แล้วทรงสร้างพระวิหารน้อย ๒ หลัง ที่มุมกำแพงด้านข้างหน้าพระอุโบสถเป็นที่ไว้พระพุทธรูป แล้วได้ทรงสร้างการเปรียญเป็นตึกใหม่ เพราะการเปรียญเดิมซึ่งกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ทรงสร้างนั้นทรุดโทรมสูญไปเสียแล้ว และกุฎีที่อยู่พระภิกษุสงฆ์ หอพระไตรปิฎก หอสวดมนตร์ หอระฆัง สะพาน ศาลาโรงไฟที่พระสงฆ์จะได้อยู่ใช้สอยใดๆ ได้ทรงสร้างสำเร็จบริบูรณ์แล้ว และกุฎีใหญ่ ๓ หลัง เป็นที่อยู่พระราชาคณะหรือพระครู ซึ่งเป็นอธิบดีในพระอารามนั้น เป็นพระตำหนักเดิมของกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้ช่างสร้างขึ้นพระราชทานในพระบรมมหาราชวังนี้แต่ครั้งแผ่นดินนั้น ครั้นมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์สิ้นพระชนม์แล้ว พระตำหนักตึกหมู่ใหญ่ว่างอยู่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงยกพระราชทานกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ เคยเสด็จอยู่แต่ก่อนมาช้านาน ครั้นพระราชทานตำหนักหมู่ใหญ่แล้ว พระตำหนักเดิมนั้นจึงทรงขอรื้อไปปลูกถวายพระพุทธโฆษาจารย์ ณ วัดโมลีโลก

(คัดจากประกาศปฏิสังขรณ์วัดไชยพฤกษมาลา วัดเขมาภิรตารามในประชุมประกาศรัชชกาลที่ ๔ ภาคปกิรณกะส่วนที่ ๒ ไม่มีวันเดือนปี)



[๑] ต้นฉะบับเขียน ฯลฯ ไว้ดังนี้ ความขาดไป ถ้าอ่านต่อไปก็พอเดาความได้ว่า “สมเด็จพระศรีสุริเยนทร ตรัสสั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” เท่านี้ก็เข้ากันได้ และประจวบกับปีวอกเป็นปีที่สมเด็จพระศรีสุริเยนทรเสด็จสวรรคต จึงตรัสสั่งให้ทรงเป็นธุระต่อไป

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ