พุทธศักราช ๒๔๓๑

วันอังคาร วันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว ลงมาเล่นใต้กอไผ่ในบ้านเรา บ่ายทูลหม่อมประทมตื่นเราไปเฝ้า เสวยแล้วได้ตามเสด็จไปเที่ยว ทูลหม่อมทรงเรือจักรพงษ์แล่นไปตามลำน้ำ เราไปเรือไฟเล็กกับอาแถม เราขี้เกียจไปเรือทองทั้งแท่ง เบียดกันแน่นไม่สนุก พอค่ำเสด็จกลับถึงวัง ประทับอยู่ข้างหน้า ทรงป้านเรียกช่างกลึงมากลึงรูป สองทุ่มเป่าแตรเรากลับมาบ้าน นอน เวลาเช้าท่านอาจารย์ได้ตามมาสอนหนังสือเรา ให้เขียนโคลงและยกข้อความในโคลง.

วันเสาร์ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนสองโมงเช้า กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ กลับมาห้าโมง เวลาเย็นได้ตามเสด็จไปไร่แตงที่เกาะเกิด มีแตงไทมาก เราไปเรือพระที่นั่งทูลหม่อม ออกสนุกมาก เมื่อเวลาขึ้นที่ไร่แตง พวกราษฎรมาถวายแตงหลายพวก ได้ประทานเงินแจกทุกคน แต่ลูกยายเจ้าของไร่ที่เสด็จไปเก็บนั้นชื่อพลัด แม่ทูลกับทูลหม่อมว่ามีความเพียรมาก รดน้ำแตงคนเดียว จะเก็บเงินทำสายสร้อยใส่ให้จงได้ ทูลหม่อมประทานเงินชั่งหนึ่งให้ทำสายสร้อย เสด็จมาปีหน้าจะทอดพระเนตร ประทับอยู่ข้างหน้า มีหุ่นจีนอีก เสด็จขึ้น เรากลับมานอนแต่ยังไม่ถึงยาม.

วันอาทิตย์ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นสองโมงเช้า กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ บ่ายไปเฝ้าทูลหม่อม ทรงหัดเราให้ขี่ม้า ม้าตัวแดงเล็กของเรามันโกงมาก ทูลหม่อมจะแก้โกง มันลงนอนทับพระบาท ทรงกระชากออกมา ถูกอิฐพระโลหิตไหล ทรงขัดข้อพระบาทด้วย สิ้นสนุก ไม่ได้เสด็จไปไหน ต้องเสด็จอยู่แต่บนพระที่นั่ง ทรงลำบากมาก ค่ำแล้วรับสั่งให้เราไปเรียกเงินให้หนังจีนชั่งหนึ่ง แล้วเรากลับมาเรือน กินข้าวแล้วนอนสองทุ่ม.

วันจันทร์ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้าลงไปกินข้าวที่แพ แล้วอาศัยเรือพี่จันทราพายไปเรียนหนังสือ เลยอยู่ข้างหน้าไม่ได้กลับบ้าน บ่ายทูลหม่อมประทมตื่น อาแถมกลับมาจากกรุงเทพฯ ฝากพระมาลาเราถวายทูลหม่อมสามองค์ เราขึ้นไปถวายบนโน้นเพราะไม่ได้เสด็จลงข้างล่าง น้องๆ เรียกเอาม้ามาขี่เล่น เราไม่ได้ลงมาขี่ เราอยู่กับทูลหม่อม ค่ำแล้วเรากลับบ้าน กินข้าวแล้วนอน.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนแต่เช้า ลงไปกินข้าวที่แพ เจ้าพี่สาวๆ มาเสวยข้าวด้วย แล้วเล่นน้ำสนุก นึกว่าท่านอาจารย์จะไม่มา โปลิตมาบอกเราว่าท่านอาจารย์มาแล้ว เราแต่งตัวแล้วไปขอยืมเรือพี่ใหญ่ไปเรียน แล้วสั่งให้รับผู้ชายมาถอยแพจอดใหม่ตรงท่าหน้าบ้านใหม่ของเรา เราไปเรียนหนังสือกลับมาแล้วให้เรือไปรับเจ้าพี่สาวๆ มีพี่หนูเป็นต้น มาหุงข้าวต้มแกงเล่นที่กระท่อมเราให้ปลูกไว้ใหม่ พี่หนูเป็นผู้ทำ เลี้ยงกันบนกระท่อมเต็มพอดี เย็นทูลหม่อมประทมตื่น เราไปเฝ้า เสวยแล้วทรงพระเก้าอี้หามเสด็จไปออกขุนนาง รับสั่งว่าพรุ่งนี้จะเสด็จกลับ ถึงจะอยู่ก็คงจะทรงพระดำเนินไม่ได้ เราหิวข้าวเต็มแก่ กลับมากินข้าวกับสมเด็จแม่แล้วลงพายเรือเล่น เราตกน้ำลงไป สมเด็จแม่โดดตาม ทรงอุ้มเราขึ้นบนเรือ เรากลับมานอนยามหนึ่ง.

วันอังคาร วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นเช้าสองโมงนาน กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ ได้คิดโคลงถวายเสด็จน้าบทหนึ่ง ในโคลงนั้นคือเสด็จน้ากับพวกเจ้าจอมจะร้อยดอกไม้แต่งในที่ถวายทูลหม่อม ในโคลงนั้นว่า

๏ พระนางเจ้ากับทั้ง นารี
ทรงจัดร้อยมาลี หลากไว้
เพื่อฉลองพระคุณมี มามาก แล้วแฮ
เฉลิมพระยศท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมวัง ฯ

วันพุธ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนแต่เช้าไปถวายสังฆทานที่ข้างน่า แล้วปล่อยไก่เป็ดปลาแล้วกลับมากินเข้า แล้วออกไปเรียนหนังสือ แล้วทิ้งทานอัฐ บ่ายทูลหม่อมประทมตื่น เราเข้าไปเฝ้า ทรงประทานน้ำสังขเจิมวันนี้เปนวันคล้ายกับวันเกิดของเรา แล้วประทานดุมทองลงยาสำรับหนึ่ง ล๊อกเก็ดหนึ่ง กับเสื้อวันเกิดตามเคย เวลาค่ำทุ่มเสศเลี้ยงโตะพี่น้องของเราที่พระที่นั่งมูลสถาน เลิกโตะแล้วออกไปรับของวันเกิดเสด็จลุงเสด็จอาประทานเปนของต่าง ๆ แล้วเรากลับมาทำขวัญ นอนสี่ทุ่ม

วันศุกร์ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นเช้าสามโมง กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ เลิกเรียนแล้วกลับมา เราอยู่กับน้าสร้อย ป้าโสมไม่อยู่ ไปดูการร้อยดอกไม้ของเสด็จน้าที่พระที่นั่งทรงธรรม ทูลหม่อมประทมตื่น เราไปเฝ้าที่ห้องใหม่ เราอยู่รับใช้ ทูลหม่อมทรงพระอักษรแล้วประทมหลับ เรานอนหลับด้วย ค่ำดูดอกไม้เสด็จน้าและพวกเจ้าจอมแขวนในที่ งามดี โคลงของเราติดปลายพระที่.

วันเสาร์ วันที่ ๓๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนแล้วกินข้าว แล้วออกไปเรียนหนังสือ อ่านแล้วออกมาเล่นในจักรี วันนี้ป้าโสมร้อยดอกไม้ เราจะเลี้ยงโต๊ะเสด็จลุงเสด็จอา บ่ายทูลหม่อมประทมตื่น เราเข้าไปเฝ้า ได้ตามเสด็จลงไปที่ชั้นต่ำ ย่ำค่ำแล้วจัดการโต๊ะ เสร็จสองทุ่ม เราออกไปเลี้ยงในห้องไปรเวต ไม่ได้เสด็จตามก๊าดเชิญสองพระองค์ คือทูลหม่อมอาองค์ใหญ่กับเสด็จอากรมหมื่นพรหม ทูลหม่อมอา(องค์เล็ก) ทรงสปี๊ตประทานเรา สี่ทุ่มนานเรากลับมาเล่าถวายทูลหม่อม นอนห้าทุ่ม.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้าโมงนาน เข้าไปอ่านหนังสือถวายทูลหม่อมในที่ แล้วออกไปเรียนหนังสือ กลับมาจากเรียนลงไปตำหนัก ทูลหม่อมประทมตื่นเราขึ้นไปเฝ้า ได้กราบทูลว่าสมเด็จแม่ไม่ทรงสบาย ทูลหม่อมเสวยแล้วเสด็จลงมาที่ตำหนักเรา เสด็จขึ้นแล้วเสด็จไปประชุม เรากลับมากินข้าวแล้วนอนยามหนึ่ง จวนสว่างป้าโสมปลุกเราว่าสมเด็จแม่ประสูติแล้วเมื่อเวลา ๓ ยาม ๕๔ นาที เป็นองค์หญิง เราล้างหน้าแต่งตัวแล้วเดินมาตามตะพาน เรามาถึงพอยิงปืน ขึ้นพระแท่น เราเลยอยู่ ไม่ได้นอนอีก ทูลหม่อมทรงหุงข้าวแกงเลี้ยงกัน.

วันอาทิตย์ วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ เที่ยงแล้วกลับมาเรือน บ่ายไปบน ไปถึงไปเฝ้าเสด็จน้าก่อน แล้วไปเฝ้าทูลหม่อมกับน้องชายเล็กด้วยกัน ทูลหม่อมรับสั่งว่าทำไมจึ่งมากับน้องชายเล็ก หรือพบกันตรงนี้ เราทูลว่าไปที่เสด็จน้าก่อน แล้วเอาหมอนไปถวายเจ้าพี่สาวๆ แล้วเล่นเบซิกกับเจ้าพี่ เสวยเสร็จแล้วไปหาอาแถม ทูลหม่อมประทานชื่อลูกหญิงของอากรมดำรงว่าจงจิตรถนอม แล้วเสด็จลงตำหนักเรา.

วันอังคาร วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

เรากับน้องแต่งตัวไปคอยตามเสด็จทูลหม่อม เสด็จลงเรือเวสาตรี เรือออกจากท่าราชวรดิฐราวห้าโมงเช้ามีเศษ เรามีความยินดีสบายใจมาก คราวนี้ป้าโสมมาด้วย ถึงปากน้ำเวลาเย็น จอดเรือส่งพาน (ธูป) เทียนไปบูชาพระสมุทรเจดีย์ตามเคย ที่ป้อมก็ยิงสลุต พวกปากน้ำนำของมาถวาย เรือออกจากปากน้ำราวย่ำค่ำ ถูกคลื่นแต่ไม่สู้มากนัก สี่ทุ่มถึงเกาะสีชัง ทูลหม่อมเสด็จมาประทับแรมในเรืออุบลหน้าเกาะสีชัง.

วันพุธ วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าขึ้นไปหาน้องชายโต เล่นอะไรต่ออะไรบ้างเล็กน้อย แล้วอาบน้ำที่หาด บ่ายทูลหม่อมเสด็จขึ้นไปจัดที่จะประทับบนบก เราอยู่เรือ ค่ำเสด็จกลับ (เรือ) รับสั่งให้เรากับน้องขึ้นมาก่อน กำลังน้ำขึ้น คลื่นจัด เรามาถึงนอนที่ห้องน้องชายโต ทูลหม่อมเสด็จขึ้นมาเวลาไรเราไม่รู้ ประทับแรมบนบกเกาะสีชัง.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนแต่เช้าออกไปเล่นที่วัด เล่นแล้วกลางวันกลับมาทูลหม่อมประทมตื่น เราไปเฝ้า ได้กราบทูลถึงอาโสกับพระยาภาสอยากจะชวนเราลงเรือไปเที่ยวเล่นตามเกาะตามหาด รับสั่งให้เราไป เย็นลงเล่นน้ำทะเล แล้วตามเสด็จไปเที่ยวตามวัดที่เกาะนี้ กลับมากินข้าว แล้วลงไปเล่นอยู่ที่เต๊นของทูลหม่อม นอนยามหนึ่ง.

วันศุกร์ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าไปกินข้าวที่หาดค้างคาว กลับมาเกือบห้าโมง ไปกินข้าวกลางวันที่เต็นทูลหม่อม เย็นลงอาบน้ำที่หาดกับทูลหม่อม เสด็จน้าก็ลงสรงด้วย ล้อคุณท้าววนิดาเล่นสนุก แกช่างกลัวทะเลเป็นที่สุด.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นเช้าก่อนโมง กินข้าวแล้วออกไปเล่นข้างหน้า สี่โมงครึ่งถึงเมืองชุมพร เราได้ตามเสด็จลงเรือเล็กไปเที่ยวตามลำน้ำเมืองชุมพร แล้วเสด็จไปขึ้นที่ตึก ว่าเป็นตึกของเจ้าพระยาสุรวงษ์ ดูชำรุดมาก เสด็จไปข้างหลังตึกจนถึงเขามัทรี บ่ายโมงนานเสด็จกลับ ฝนตกไม่มีเวลาหยุดจนค่ำ.

วันศุกร์ วันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอน กินข้าวแล้วเรือจอดที่เกาะพงัน ได้ตามเสด็จขึ้นเกาะพงัน สนุกเล่นน้ำตามลำธาร แต่สู้เกาะช้างไม่ได้ บ่ายเสด็จกลับมาเรืออุบล ฝนตกไม่ใคร่จะหยุด เราขึ้นเขาไปเล่นแต่ตามลำธาร ทูลหม่อมเสด็จขึ้นไปทรงจารึกแผ่นศิลา เราไม่ได้ตามเสด็จ เสด็จกลับมาถึงเรืออุบล ออกเรือฝนก็ยังตกอยู่ไม่ขาด มีพายุบ้าง แต่ไม่มากนัก เรือมาทอดสมอที่อ่าวระเวนหรือระแวง เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่งฝนหาย ได้ตามเสด็จขึ้นบก มีต้นมะพร้าวปลูกมากตั้งพัน มีปะการังขึ้นเป็นคันตามหาด ดูงามมาก มีเจ๊กสองคนเอาไข่ไก่กับเป็ดตัวหนึ่งมาถวาย ประทานเงินแล้วรับสั่งถามว่าที่(นี่)อะไร ทูลว่าที่ลงโบสถ์ จึ่งเข้าใจว่าที่โบสถ์น้ำ๑๐ คนที่สมุยเห็นทำแต่น้ำมันมะพร้าวกับปลูกต้นมะพร้าว เสด็จมาถึงเรือ เรากินข้าวแล้วนอน.

วันเสาร์ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เวลาเช้าเราตื่นนอน เรือเลื่อนจากอ่าวระแวงมาทอดที่อ่าวหน้าค่าย เราได้ตามเสด็จขึ้นบกไปในสวนที่จีนกิมยี่ถือ แล้วไปวัดขาม ข้ามทุ่งไปอีกหน่อยถึงวัดชาวบ้านเรียกวัดมเรศ แต่มีชื่อตั้งอีกชื่อหนึ่งว่าวัดคงคาคิรี เป็นวัดของขรัวพุดสอนอยู่ ราษฎรในแขวงนั้นนับถือเป็นอย่างยิ่ง จะตายแต่เมื่อไรไม่รู้ เล่าเรื่องกันเป็นนิทานว่าที่สมุยนี้ผีดุ ขรัวพุดสอนมาปราบ คนจึ่งอยู่ได้ รอยตีนก็มี ไหน้ำมันนั้นเล่าว่าขรัวพุดสอนสั่งไว้เมื่อจะตายว่าถ้าตัวจุติแล้วไหนี้จะผุดขึ้น เดี๋ยวนี้ไหผุดแล้ว มีน้ำมันในนั้น ถามก็ว่าคลื่นลมจัดให้เอาน้ำมันทาเรือ คลื่นจะสงบ แล้วเสด็จข้ามทุ่งไปเขาเล่ มีวัดสร้างขึ้นใหม่ มีพระบาทสี่รอยอยู่ที่ไหล่เขา เสด็จเลียบตามชายไม้ริมคลอง คลองแห้งไม่มีน้ำ มาขึ้นถนนที่พระยานครทำไว้ มาออกทะเลทางสวนพระยานคร เสวยกลางวันแล้วเลียบหาดมาลงเรืออุบล ที่สมุยหนาแน่นไปด้วยมะพร้าวมากกว่าต้นไม้อื่น พระที่วัดเขาเล่ถวายแร่ทำนาก เรืออุบลได้ใช้จักรจากที่นั้นสี่โมง เรานอนทุ่มเศษ.

วันอาทิตย์ วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้าเรือกำลังเดินอยู่ เราออกไปเล่นกับอากรมหมื่นสรรพสิทธิ สี่โมงเช้ามีเศษเรือถึงเกาะหนู หลวงวิเศษภักดี๑๑ลงมาเฝ้าที่เรืออุบล กราบทูลว่าพระยาวิเชียรคิรี๑๒ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาป่วยมาแต่เมืองแขก มาถึงสงขลาได้สี่วันตายเสียแล้วแต่วัน ๓ เดือน ๙ แรม ๖ ค่ำ บ่ายโมงหนึ่งได้ตามเสด็จขึ้นบกที่แหลมทราย ทำเป็นที่ประทับไว้รับเสด็จ แต่เต๊นนั้นหมอสายเอามาปลูก บ่ายสองโมงเศษได้ตามเสด็จไปเที่ยวทรงเรือกรรเชียง ไปประทับตะพานหน้าบ้านเจ้าเมืองคนเก่า เสด็จเข้าไปทอดพระเนตรในบ้านอย่างโค้งจีน๑๓ แล้วไปเที่ยวตามตลาด ซื้อของสนุก ผู้ที่ (ตามเสด็จ) ไม่ได้ซื้ออะไรมากกว่าผ้าพื้นผ้าเช็ดปาก ซื้อเกือบจะหมด แต่ทูลหม่อมทรงซื้อฝาชีอย่างงามมามาก แล้วทรงพระดำเนินเลี้ยวมาตามถนน ประทับวัดกลางชื่อวัดมัชฌิมาวาส พระสงฆ์ในวัดนั้นเป็นธรรมยุติกา ถวายเงินพระสงฆ์ทั่วทั้งพระอาราม ข้างในที่ตามเสด็จไปก็ถวายด้วย เสด็จกลับมาประทับที่แหลมทราย เรานอนที่เต๊นสมเด็จแม่ วันนี้เมื่อเรือถึงมีฝนตกแต่ไม่มากนัก.

วันจันทร์ วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวในสวนที่หลวงวิเศษทำไว้ สี่โมงเช้าแต่งตัวตามเสด็จที่เกาะยอ เสด็จขึ้นที่ตะพานวัดแหลมกะพ้อ น้ำตื้นต้องเข็นเรือเข้าไป ได้ตามเสด็จไปดูเจ๊กทำโอ่งอ่าง เสด็จไปเที่ยวตามสวนเชิงเขา เสด็จกลับมาทรงทำบุญน้องหญิง ไม่ได้เลี้ยงพระ สวดมนต์ สดับปกรณ์ กับทรงแจกฉลากเท่านั้น เราได้ทำด้วยสามตำลึง ประทานสัญญาบัตรข้าราชการสามนาย คือหลวงวิเศษภักดีเป็นพระยา๑๔

วันอังคาร วันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าไปกินข้าวในสวนกับน้องๆ ทูลหม่อมประทมตื่น จะเสด็จไปนมัสการพระเจดีย์ซึ่งทูลหม่อมปู่ทรงทำไว้บนยอดเขาตังกวน รับสั่งไม่ให้เราไป เสด็จกระบวนข้างหน้า เสด็จกลับมาเสวย วันนี้พระดำรงเทวฤทธิ์ผู้ว่าราชการเมืองเทพา นำทองมาให้เราสองแท่งหนักสองตำลึง แขกลูกชายให้สิงโตทองเราตัวหนึ่ง ผู้ว่าราชการเมืองหนองจิกนำทองมาให้เราแท่งหนึ่ง น้ำหนักเห็นจะเท่ากัน บ่ายฝนตก พอฝนหยุดเสด็จออกแขกเมือง แต่งเต็มยศยุทธนาธิการ เราก็แต่งเหมือนกัน ได้ตามเสด็จออกไปด้วย พวกที่มาเฝ้าคือพระยาพิพิธภักดี และตวนกูมหมัดเมืองตานี พระไพรีพ่ายฤทธิ์กับน้องพระยายะลา นายทัดผู้ว่าราชการเมืองหนองจิก พระดำรงเทวฤทธิ์ผู้ว่าราชการเมืองเทพา พระมหานุภาพผู้ว่าราชการเมืองจะนะ เราได้ทองอีกห้าตำลึงของพระพิพิธภักดีให้ แล้วเสด็จขึ้น บ่ายสี่โมงเราได้ตามเสด็จไปขึ้นที่หาดแก้ว เสด็จไปทอดพระเนตรมรหุ่มที่ฝังศพแขกแต่โบราณ มีจารึกด้วย มีหลังคาอยู่สองศพ ศพหนึ่งเป็นเจ้า ศพหนึ่งอาจารย์ ได้ยินว่าชาวเมืองถึงไม่ได้เป็นแขกก็นับถือ เสด็จกลับมาถึงเรืออุบล เรือออกจากเมืองสงขลาเกือบทุ่ม.

วันพุธ วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เวลาห้าโมงเช้า ได้ทอดสมอหน้าเมืองกลันตัน เราแต่งตัวเต็มยศทหารยุทธนาธิการเหมือนกับทูลหม่อม ตามเสด็จไปเรือเวสาตรี พอชักธงสแตนดาดขึ้น พระยาเดชานุชิตกับพระยากลันตัน พระโยธีปฏิยุทธ รายามุดา พระรัษฎาธิบดีบุตรลงมาเฝ้า ประทานตราทุกคน แล้วเสด็จมาเรือพระที่นั่งอุบล เย็นเสด็จพร้อมด้วยเราน้องของเราและข้างใน มีสมเด็จแม่เป็นต้น ลงเรือกรรเชียงไปทอดพระเนตรตามบ้านปากน้ำ เมืองกลันตัน แล้วรับสั่งให้อากรมดำรงขึ้นไปตรวจบนเมือง ค่ำเสด็จกลับมาเรือ เรานอนสองทุ่ม.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้ากินข้าว แล้วแต่งตัวเต็มยศทหารยุทธนาธิการ ตามเสด็จทูลหม่อมไปขึ้นเมืองกลันตัน พวกแขกเรือกระบวนลงมารับเสด็จมาก มีฆ้องตีด้วย ถึงเมืองทำที่ประทับไว้คอยรับเสด็จ ดูแข็งแรงมากทั้งผู้ชายผู้หญิง ห้ามคนทั้งเมืองไม่ให้เหน็บกฤช ทูลหม่อมประทานของตอบแทนมาก สมเด็จแม่ก็ประทานส่วนผู้หญิงเหมือนกัน ของที่ถวายก็มาก แต่เราไม่ได้จำ มีปั้นเหน่งทองคำ สายสร้อยทองคำ กับทอง (แท่ง) จะเป็นเท่าไรเราไม่รู้ ส่วนที่ให้เราหกสิบบาททอง เวลาขึ้นบกก็จัดพวกเขาถือหอกซัดมาแห่เสด็จหลายคู่ เสด็จเข้าไปในบ้านพระยากลันตัน ประทับที่หอนั่ง พระยากลันตันยกน้ำมาถวายเอง แม่ยกเครื่องมาตั้งถวาย ลูกสาวที่เป็นเมียพระยาตานีนั่งถวายอยู่งานพัด รินน้ำร้อนถวาย ดีทั้งผู้หญิงผู้ชาย แต่สำรับไม่เหมือนอย่างไทย ของใส่จานเล็ก โต๊ะก็ย่อม ๆ จัดซ้อนกันสูงถึงสี่สิบจาน ซ้อนเหมือนกันทั้งคาวหวาน แล้วพวกผู้ชายออกไปเลี้ยงข้างนอก สำรับมากดาษเต็มไป เสด็จไปเที่ยวตามตลาดแต่ไม่ใคร่จะได้ทรงซื้ออะไรมาก หลวงนายศักดิ์ต้องจน ชั้นแต่เจ้านายก็ไม่ได้ซื้ออะไร ได้ส่งเงินให้ ท่านพวกนายๆ คอยเขียวจะให้ให้เปล่า จนไม่มีใครอาจซื้อ เย็นเสด็จกลับ ตามลงมาส่งเสด็จทั้งนั้น แต่ถูกเวลาคลื่นจัดมาก เรามาถึงเรือ กินข้าวแล้วนอน ถึงเรือราวสองทุ่ม คลื่นใหญ่มาก.

วันศุกร์ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วออกไปเล่นกับหลวงนายศักดิ์ ๓ โมงเช้า ๔๐ มินิตถึงเมืองตรังกานู ทูลหม่อมประทมตื่น รับสั่งให้หาพระองค์สายเข้ามาเฝ้า ตรัสไต่ถามถึงการในเมืองตรังกานู๑๕ หมอสายทูลว่าตัวพระยาตรังกานูเป็นโรคคุดทะราดเข้าข้อ แล้วยากจนด้วย ไม่เหมือนเมืองกลันตัน แต่เรียบร้อยดี ทูลหม่อมเสวยข้าวแล้วทรงเครื่องเต็มยศทหาร เราก็แต่งเหมือนกัน ตามเสด็จไปด้วย ประทับเรือเวสาตรี บ่ายสองโมงพระยาตรังกานูกับรายามุดาและกรมการผู้ใหญ่อีกหลายคนมาเฝ้า ประทานตราเครื่องราชอิสริยยศพระยาตรังกานู กับประทานสัญญาบัตรรายามุดากับตราเครื่องราชอิสริยยศด้วย บ่ายเสด็จพร้อมด้วยกระบวนข้างหน้าข้างใน มีเรือพวกแขกมาแห่ด้วยแต่น้อยกว่าเมืองกลันตัน ไปประทับที่ท่า ทำเป็นที่ประทับไว้คอยรับเสด็จ พระยาตรังกานูกับรายามุดาศรีตวันกรมการมาคอยรับเสด็จพร้อมกัน ประทับอยู่ครู่หนึ่งแล้วเสด็จลงเรือไปประทับที่บ้านพระยาตรังกานู มีแขกแต่งเป็นคู่แห่เหมือนเมืองกลันตัน ถึงบ้านมีผู้หญิงแต่งตัวคลุมหัวมาคอยรับอยู่มาก มีตนกูสะเปียซึ่งเคยเข้าอยู่เป็นเจ้าจอมทูลหม่อมปู่เป็นต้น ของเลี้ยงเป็นขนมอย่างแขก แต่ใช้โต๊ะฝรั่งจานฝรั่ง เสวยแล้วเสด็จกลับมาเรืออุบล เมืองนั้นหมอสายเป็นธุระมากกว่าเมืองกลันตัน พระยาตรังกานูชื่อตนกูไดนันอาบิดิน เป็นพระยาพิไชยภูเบนทร รายามุดาเป็นพระไชเยนทร์ฤทธิรงค์ ตนกูมุดอ หลวงอนันต์เอมเมืองสงขลา๑๖ได้ประทานตราด้วยพร้อมกันวันนี้.

วันเสาร์ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นเช้าก่อนโมง เห็นเรือใบเล็กๆ แล่นไปตามริมฝั่งมาก ว่าเป็นเรือพวกแขกออกมาเที่ยวหาปลา แล้วช้อนแมงกะพรุนเล่น มีแขกขายของ ทูลหม่อมทรงซื้อมาก บ่ายโมงหนึ่งแต่งตัวตามเสด็จไปเที่ยวบนเมืองอีก เรือพระยาตรังกานูเป็นเรือนำไป พวกแขกลงเรือมาแห่อีก ทอดพระเนตรตามลำน้ำแล้วเสด็จขึ้นที่บ้านกัปตันจีน เสด็จเที่ยวตามตลาด มีผลไม้มากกว่าสิ่งอื่นๆ ขายถูกด้วย ลางสาดของแขกมีมาก กองโตๆ เหรียญเดียวเท่านั้น มะไฟ เงาะ อีกอย่างหนึ่งคล้ายมะไฟเรียกลูกลำแข แต่ส้มกินไม่ได้เปรี้ยวจนขม เสด็จไปจนถึงดุโปมรหุ่ม เป็นที่ฝังศพเจ้าเมืองเก่าๆ แต่ศพของพ่อแม่พระยาตรังกานูยังไม่ได้ฝัง กางมุ้งไว้หลังโบสถ์ แล้วเสด็จมาประทับบ้านพระยาตรังกานูอีก เลี้ยงน้ำร้อนกันแล้วเสด็จกลับมาประทับเรือเวสาตรี พระยาตรังกานูตามลงมาส่ง เสด็จเรืออุบลก็ตามมาถึงเรืออุบล เอาโสร่งตามมาถวายสมเด็จแม่เพราะทูลหม่อมไม่ทรงรับของถวาย ประทานกระบี่เล่มหนึ่งกับเงิน ๑,๐๐๐ เหรียญ ดูเวลาที่มาส่งเสด็จหน้าตาชื่นบาน หัวเราะ ถวายบังคมอย่างไทยๆ บ่ายห้าโมงเรือออกจากเมืองตรังกานู.

วันอาทิตย์ วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าเรือถึงเกาะริดัง ดูงามกว่าเกาะอื่นๆ เรายืนดูแล้วถ่ายรูปมาด้วย มีเกาะใหญ่บ้างเล็กบ้าง ปลูกมะพร้าวเป็นหย่อมๆ แลดูงาม ทรายขาว น้ำสีงาม เราได้ตามเสด็จลงเรือเล็กเข้าไปตามลำคลอง แต่ไปไม่ตลอด ต้นไม้ล้มทับเสีย กลับออกมาขึ้นแขกทำปลา ทูลหม่อมทรงซื้อเรือของแขกมาลำ ๑๒๔ เหรียญ แล้วเสด็จขึ้น ฟากหนึ่งมีคนมาก ทำปลา ซื้อเบี้ย ซื้อหอยมุก ซื้อเสื่อ ได้ดูลิงขึ้นต้นมะพร้าว เจ้าของใช้ได้เหมือนคน เลือกปลิดแต่ลูกแก่ๆ (ทิ้ง]) ลงมา เจ้าของสั่งให้ปลิดลูกอ่อนก็ปลิดทิ้งลงมา แต่ต้องผูกเชือกที่เอว แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรที่ธารน้ำไหลสำหรับตักส่งไปเมืองตรังกานู ได้เห็นต้นไม้แขกที่ว่าผลแก่ๆ หยอดตาได้ ตาสว่าง แล้วเสด็จกลับมาเรืออุบล แล่นมาขึ้นอีกแห่งหนึ่ง เสด็จโดยกระบวนข้างหน้า สนุกกว่าที่ขึ้นมาแล้ว มีตานายอำเภอแขกมาตีกลองแขกรับเสด็จ มีดอกไม้และใบเฟินต่างๆ มาก ซื้อลิงสามัญมาตัวหนึ่ง พอจะได้เล่นกับลิงเผือก เที่ยงออกเรือจากริดัง.

วันจันทร์ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เวลาสี่โมงเช้าเรือทอดสมอที่หน้าเมืองตานี๑๗ เจ้าเมืองกรมการเมืองตานีมาคอยรับเสด็จถึงเรือโดยเร็ว เสด็จไปประทับที่เรือเวสาตรี ทรงครึ่งยศทหาร เราก็แต่งครึ่งยศตามเสด็จไป ผู้ที่มานั้น พระยาตานีตาย พระศรีบุรีรัฐพินิต ๑ พระพิพิธภักดี ๑ เมืองยิริ่งพระยายิริ่ง ๑ พระโยธานุประดิษฐ ๑ เมืองสายพระยาสาย ๑ พระวิเศษวังชา ๑ ประทานตราภัทราภรณ์๑๘ผู้ช่วยทั้งสี่คนคนละดวง แล้วเสด็จกลับมาเรืออุบล วันนี้เป็นวันคล้ายกับวันประสูติสมเด็จแม่ ที่เรือเวสาตรีได้ยิงสลุต ๒๑ นัด สองโมงเศษเสด็จขึ้นเมืองตานี เมื่อถึงท่าเขาลงมาคอยรับเสด็จทั้งผู้ชายผู้หญิง ทรงพระดำเนินไปตามตลาดจนถึงพลับพลาซึ่งปลูกไว้รับเสด็จ ทำดี ดูเข้าใจไทยมาก การรับรองแข็งแรง ของถวายก็มาก ข้างในพวกผู้หญิงก็มาถวายของมาก มีฝนตกเล็กน้อย แล้วเสด็จมาทรงเรือพระที่นั่งมาประทับที่วัดของจีนจูหลาย กัปตันจีนสร้าง มีพระสงฆ์อยู่ ๑๔ รูป โบสถ์ทำอย่างจีน พระเข้าบ้านแขกไม่ได้ รับสั่งให้นิมนต์มาถวายเงิน สมเด็จแม่ก็ถวายด้วย แล้วประทานเงินกัปตันจีนไว้ห้าชั่ง ให้ทำศาลาการเปรียญ เป็นที่สำหรับเด็กเรียนหนังสือ ให้เป็นที่สำหรับเจ้าเมืองกรมการประชุมถือน้ำด้วย๑๙ เสด็จกลับจากวัด ล่องมาประทับที่แพที่ช่วยกันปลูกไว้รับเสด็จ เป็นพลับพลาหน้าบ้านกัปตันจีน เสด็จเข้าประตูบ้านจีน ทรงพระดำเนินไปจนถึงศาลเจ้าซูก๋อง แล้วเสด็จไปตามตลาด จะเสด็จไปทางไหนคนตามดูแน่น กัปตันจีนดูรับรองแข็งแรง พี่สาวก็เดินตามอยู่เสมอ ทูลหม่อมจะทรงซื้ออะไรเป็นไม่ยอมให้ทรงซื้อถวายร่ำไป เย็นเสด็จกลับ ต้องเข็นเรือตามร่องน้ำ อุตส่าห์ออกมาขุดร่องน้ำไว้ เรือมาถึงเรือพระที่นั่ง มีควันแต่ไม่มาก วันนี้ประทานสัญญาบัตรจีนจูหลายซึ่งเป็นกัปตันจีนในเมืองตานี เป็นหลวงจีนคณานุรักษ์ หัวหน้าจีนในเมืองตานี พวกเจ้าเมืองกรมการตามส่งเรือพระที่นั่ง.

วันอังคาร วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว ออกไปเล่นกับเสด็จลุงเสด็จอาที่หน้าเรือ ทูลหม่อมประทมตื่น กลับเข้ามา บ่ายเรือถึงแหลมตลุมพุก ปากน้ำเมืองนคร พระยานครลงมาเฝ้าในเรือพระที่นั่งประทับแรมในเรือ.

วันพุธ วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วขึ้นเมืองนคร เต็มอ่อนกว่าจะถึง เราตั้งตาคอยดูจรเข้ก็ไม่เห็น เห็นแต่ค่างบนต้นไม้ รับสั่งให้แยกเรือ เรากับน้องต้องไปเรือป้าโสม เจ้าจอมก็ต้องแยกเพราะเรือพระที่นั่งเข้าไปไม่ถึง คลองแคบ น้ำตื้น สี่ชั่วโมงครึ่งถึงท่าโพ ทูลหม่อมทรงพระราชยาน เรากับน้องไปวอ ข้างในไปรถคนลาก ไม่ช้านักถึงที่ประทับ ทำดีสบายมาก ทูลหม่อมก็โปรด เย็นได้ตามเสด็จไปโดยพระราชยาน ไปทรงนมัสการพระเจดีย์ใหญ่ที่วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นที่นับถือของคนในเมืองนั้น เสด็จขึ้นไปถึงลานพระเจดีย์ ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ ทรงทักษิณสามรอบ แล้วเสด็จทอดพระเนตรของโบราณ เสด็จกลับมาถึงที่ประทับย่ำค่ำแล้ว เราดูวัดและกำแพงคล้ายกรุงเก่ามาก พระสงฆ์ก็มี แต่วัดชำรุดทรุดโทรมมาก เรากลับมาถึง กินข้าวแล้วนอน.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้าออกไปเล่นข้างหน้า ฝนตก ไม่ใคร่จะมีเวลาหาย จะเสด็จไปเที่ยวก็ไปไม่ได้ วันนี้ทรงทำบุญอีก เราเข้าด้วยอีกสามตำลึง ฉลากแจกพวกกรมการ เมืองไหนจะมีกรมการมากเท่าเมืองนครไม่มี เย็นได้ตามเสด็จพร้อมด้วยกระบวนข้างใน ทรงพระราชยาน เราก็ไปพระราชยานด้วยประทับที่หอเทวสถาน มีพวกพราหมณ์มาคอยเฝ้าอยู่มาก ทรงบูชาแล้วเสด็จวัดมหาธาตุ ทรงนมัสการพระเจดีย์ พระศรีมหาโพธิ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช แล้วเสด็จทั่วไป ยอดพระเจดีย์ใหญ่นั้นสวมทองคำแท้ ทูลหม่อมรับสั่งว่าหนาราวใบลาน มีแหวนหัววงโตๆ ประดับหลายวง ต่อส่องกล้องดูจึ่งเห็นได้ แล้วเสด็จเข้าไป เรียกว่าในวัง ทรงนมัสการพระพุทธสิหิงค์สำหรับเมือง เสด็จในบ้านพระยานคร กรอบเต็มที ชำรุดมาก ค่ำเสด็จกลับ ดูหนังตะลุงออกสนุกมาก เรากินข้าวที่ข้างหน้า นอนสี่ทุ่มนาน ยุงชุม ฝนก็ตกไม่ใคร่หาย.

วันศุกร์ วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าฝนตกอีก ระอาเหลือทน เล่นอะไรไม่ใคร่สนุก ให้หลวงนายไปซื้อของ ทูลหม่อมประทมตื่น รับสั่งให้หลวงนายไปซื้อเหมือนกัน บ่ายตามไปที่พลับพลาดูชนวัว เด็กวิ่งวัว แล้วตามเสด็จไปพระราชยานเที่ยวตามรอบกำแพงเมือง เสด็จปีนขึ้นไปทอดพระเนตรทางน้ำบนเชิงเทิน เราให้หลวงนายอุ้มเราไปดูบ้าง แล้วประทับวัดหน้าพระลาน นิมนต์พระลงมาสวดพันยัก๒๐ ถวายเงินรูปละแปดบาท มีบ่อน้ำกินตามทิศ ทิศหนึ่ง (กินเข้าไป) ฉลาด ทิศหนึ่ง (กินเข้าไป) เป็นขุนนาง เสด็จมาตามถนนในกำแพงจนรอบ มีกำแพงเชิงเทินใหญ่มาก นอกกำแพงน้ำทั้งนั้น คนทำนา ตามบ้าน มีกล้วย หมาก มะพร้าว เสด็จกลับมาถึงค่ำ เราดูหนังตะลุง แล้วนอนยามหนึ่ง ฝนตกอีก ได้นอนมุ้ง ทูลหม่อมซื้อประทานทั่วกัน เพราะยุงชุมนัก.

วันเสาร์ วันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ย่ำรุ่งป้าโสมปลุก เราแต่งตัวตามเสด็จ กลับมาจากที่ประทับ สมเด็จแม่กับเสด็จน้าทรงช้างช้างหนึ่ง ทำนองค์เล็ก๒๑กับพี่จันทราช้างหนึ่ง ทูลหม่อมทรงพระราชยานประทับท่าโพ เสด็จเรือพระที่นั่งเก๋งของพระยานคร เรามาเรือเก๋ง(อีก)ลำหนึ่ง ได้เห็นจรเข้ขึ้นมาก ทรงยิงถูกห้าตัว แต่ตามมาได้ตัวเดียว กลับมาถึงเรือเร็ว ไม่ช้าเหมือนเวลาขึ้น เพียงสองชั่วโมงครึ่งเท่านั้น พอของและคนถึงพร้อมกันหมดก็ออกเรือในเวลาบ่ายวันนี้.

วันอาทิตย์ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้า เรือแล่นโต้งเต้งอยู่กลางทะเล ทูลหม่อมยังไม่ประทมตื่น เราออกไปเล่นกับเสด็จลุงเสด็จอา.

วันจันทร์ วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้าเรือเดินมาเกือบถึงสันดอน พอถึงสันดอนสักครู่หนึ่งทูลหม่อมประทมตื่น อาแถมให้เรามาทูลเชิญเสด็จไปยิงนกกระทุงที่โป๊ะ เราได้ตามเสด็จไปด้วย ยิงไม่ได้ เรือถึงบินหนีหมด เสด็จกลับเรืออุบล บ่ายโมงหนึ่งมีเศษเรือเดินข้ามสันดอนเข้ามาพบเรืออีโน ลุงจักษ์อยู่ในเรือนั้น มาที่เรืออุบล ทูลเชิญเสด็จทูลหม่อมไปปิดทองพระที่พระสมุทรเจดีย์ ถึงตำหนักแพย่ำค่ำ จอดไม่ได้ ต้องลงเรือเล็กมาถึงตำหนักแพ ตรัสกับทูลหม่อมอา เสด็จลุงเทวัญ แล้วประทานกฤชองค์ละกฤช ตรัสกับเจ้าพระยาพลเทพ แล้วเสด็จประทับพระที่นั่งอมรินทร ทรงจุดเทียนนมัสการ สวดมนต์ ยกพระมหาเศวตฉัตร แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งจักรี ตรัสกับเจ้านายข้างใน แล้วเสด็จตามตะพานไปที่เรือนเรา ประทับทอดพระเนตรน้องหญิง๒๒ แล้วเสด็จตำหนักทูลหม่อมย่า เราไม่ได้ไป กินข้าวแล้วนอนกับสมเด็จแม่.

วันอังคาร วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่น ๓ โมงเช้า กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ บ่ายไปบน ค่ำตามเสด็จไปสวดมนต์ถือน้ำที่วัดพระแก้ว วันนี้เป็นตกลงแน่ที่อาโสณบัณฑิตย์จะต้องไปจัดการเมืองเชียงใหม่ เรื่องพวกยางแดง๒๓ เสด็จกลับ เรากลับมาเรือน.

วันอังคาร วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าออกไปเรียนหนังสือ กลับห้าโมงนาน ไปเล่นอยู่ที่ห้องแม่แส บ่ายโมงหนึ่งกลับมา ดูจัดดอกไม้แต่งเครื่องโมราที่จะไปตั้งห้องไปรเวต เป็นของทูลหม่อมกับเรารวมกัน บ่ายสามโมงเราไปบน อยู่จนเสด็จไปที่ประชุม๒๔ ทำขนมจีบไส้ไก่กับทอดทองพลุคว้านลูกเงาะไปเลี้ยง กลับมาเรือนสี่ทุ่ม.

วันพุธ วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นสองโมงเช้า กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ เที่ยงกลับมาจากเรียน ลงไปเล่นกับน้องหญิง บ่ายไปเฝ้าทูลหม่อม ได้รู้ข่าวจากพี่หนูว่าเจ้าพระยาสุรวงษ์อาการทรุดโทรมมากขึ้น ไปอยู่กรุงเก่า ว่าไปนั่งเล่นใต้ร่มไม้เวลาสี่ทุ่ม ลูกหญิงคนหนึ่งชื่อต่ายเป็นลูกรัก มาเดินท่องน้ำเล่นต่อหน้าพ่อแล้วจมน้ำหายไป ยังไม่ได้ศพจนเดี๋ยวนี้ เสด็จลงใต้ชั้นต่ำ วันนี้เป็นวันคล้ายกับวันประสูติของอาแถม ทูลหม่อมประทานหีบเครื่องเขียนเงินแท้หีบหนึ่ง อาแถมเรียกเจ๊กมาทำเกาเหลาถวายทูลหม่อม แล้วเสด็จไปที่ประชุม เราเลี้ยงข้าวต้มหมู ยามนานเรากลับมาเรือน.

วันศุกร์ วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว ไปเลี้ยงพระที่อมรินทรทำบุญทูลหม่อมปู่ แล้วกลับมา ทูลหม่อมประทมตื่น เสด็จออกสดับปกรณ์ ทรงแจกเงินสลึงตามเคย อาโสมาทูลลากับข้าราชการอีกหลายนายที่จะไปกับอาโส แล้วพระองค์สายกับคุณใหญ่๒๕ คุณเปีย๒๖ มาทูลลาเป็นสองพวกด้วยกัน ทูลหม่อมประทานน้ำสังข์ เจิม อาโสกับหมอสาย แล้วประทานเสื้อและสิ่งของอื่นๆ อีก บ่ายสามโมงมาลาเราที่ข้างหน้า ลุงจักษ์นำเราให้พรผู้ที่มาลาทุกคน เย็นเข้ามาทูลลาสมเด็จแม่ ท่านประทานชามเงินครบเครื่อง ค่ำเราจุดเทียนสวดมนต์ มีเทศน์ที่อมรินทร แล้วได้ตามเสด็จไปลอยกระทง เสด็จขึ้น เรากลับมาต้มข้าวกิน แล้วนอน.

วันเสาร์ วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

วันนี้ทูลหม่อมประทานหนังสือสำหรับตัวเราที่ท่านสมาชิก๒๗ ได้เลือกโหวตให้เป็นสภานายกในปีนี้ด้วย แต่ทูลหม่อมต้องทรงจัดการในหอพระสมุดแทนตัวเรา.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นนอนเช้า กินข้าวแล้วตัวรุม ป้าโสมให้เราหยุดเรียนหนังสือ เราได้คิดโคลงไว้ถวายทูลหม่อมสำหรับลงพิมพ์หนังสือวชิรญาณบทหนึ่ง ว่าด้วยรัก

๏ รักใครจะรักแม้น ชนกนารถ
รักบอยากจะคลาด สักน้อย
รักใดจะมิอาจ เทียมเท่า ท่านนา
รักยิ่งมิอาจคล้อย นิราศแคล้วสักวัน ฯ

เราได้ถวายที่ห้องใหม่ อากรมสมมต๒๘มาเฝ้า เราอยู่รับใช้จนยามหนึ่ง วันนี้เราได้ประทานที่ชาโมราที่หนึ่ง ถาดกับถ้วยป้านเป็นของทูลหม่อม จุ๋นของทูลหม่อมปู่ อ่างรองป้านของสมเด็จตา วันนี้ไม่ได้เสด็จประชุม เรากลับมานอนสี่ทุ่ม.

วันอังคาร วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๑

เราตื่นสองโมงเช้า แม่แสมาปลุกเรากับป้าโสม ล้างหน้าแล้วเราไปบนกับแม่แส คอยดูกฐินป้าโสม แล้วเราเล่นอยู่ที่บน วันนี้ดูถึงสองแห่ง เสด็จน้านภาพร๒๙อีกแห่งหนึ่ง ป้าโสมกลับมาบ่ายโมงเศษอย่างเร็วที่สุด ไปเกือบเที่ยง แล้วเรากลับมาเรือน บ่ายทูลหม่อมประทมตื่น เราไปเฝ้าสองทุ่มเศษไปดูเซอคัส เล่นซ้ำอีกไม่ออกสนุก กลับมาห้าทุ่มนาน สองยามนอนที่บนกับเสด็จน้า.

วันเสาร์ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นนอนเช้าไปทรงบาตรฉลองไตรปี ออกไปเลี้ยงพระที่อนันตสมาคม แล้วกลับมาอยู่ที่บน บ่ายสี่โมงแต่งตัวเต็มยศทหาร ใส่สายสะพานลิววโปลที่พระเจ้ากรุงออสเตรียส่งมา เราตามเสด็จทูลหม่อมออกไปพร้อมด้วยสมเด็จแม่ ออกไปรับอาชดุ๊กลิววโปล สมเด็จแม่ประทับในห้องไปรเวต เราตามเสด็จทูลหม่อมไปคอยรับที่มุขจักรี เมื่ออาชดุ๊กมาถึง ลุงจักษ์เป็นผู้กราบทูลนำว่าปรินสอิมปีเรียนอาชดุ๊กลิววโปล เมื่อมาจับมือเราก็ว่าเหมือนกัน แล้วทูลหม่อมทรงนำมาที่สมเด็จแม่ในห้องไปรเวต แล้วนำพวกขุนนางที่มาด้วยเฝ้าทูลหม่อมและสมเด็จแม่ รับสั่งกับอาชดุ๊กพอสมควรแล้วเขากลับไป ทูลหม่อมเสด็จขึ้น สองทุ่มรับสั่งให้เราไปมีเทศน์ จุด(ดอกไม้)เพลิง สี่ทุ่มนานตามเสด็จลงลอยกระทงตามเคย เสด็จขึ้น เรานอนสองยาม.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ป้าโสมปลุกเรา ๓ โมง เราออกไปข้างนอก เสด็จลุงเทวัญกับเสด็จอากรมหมื่นนเรศ เสด็จอาดิศนำครูฝรั่งชื่อ มิสเตอร์มอรัน มาให้สอนหนังสืออังกฤษเรากับน้องชายโต วันนี้ครูให้อ่านเอบีใหญ่ เราจำได้ ให้อ่านเอบีเล็ก กลับมาสี่โมง น้องชายโตไปเลี้ยงพระ บ่ายรับสั่งให้เราออกไปสดับปกรณ์ เรากลับมา ไปเรียนหนังสืออังกฤษอีก ครูให้เขียน เราเขียนได้หกตัว ครูชมว่าเราดีแท้ๆ เพราะเรายังไม่เคยเขียนเลย กลับมาจากเรียนบ่ายสี่โมง แต่งใส่เสื้อขาวบ่าทอง ไปดูเรือกับอาชดุ๊กลิววโปลที่ตำหนักแพ เย็นตามเสด็จทูลหม่อมไปพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ทรงทิ้งทานแล้วมีเทศน์ สวดมนต์เหมือนวานนี้ทุกอย่าง มีละครตลกเล่นเรื่องขุนช้างขุนแผน เสด็จขึ้นห้าทุ่ม เรานอนสองยาม.

วันอาทิตย์ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นสี่โมงเช้า ไม่รู้ว่าครูฝรั่งจะมา พอเรารู้ว่าครูมาเราไม่กินข้าว เราออกไปเรียนเสียก่อน แล้วกลับมากินข้าว วันนี้ที่บนวุ่นมากเพราะอาชดุ๊กลิววโปลจะมาทูลลา มีดินเน่อด้วย เย็นฝรั่งที่เล่นเซอคัสเอาม้าเล็กมาให้ เราดีใจมาก บ่ายสามโมงเราออกไปเรียนหนังสืออีก ค่ำทูลหม่อมทรงเครื่องเต็มยศทหารรับอาชดุ๊กลิววโปล เลี้ยงโต๊ะแล้วขึ้นกินน้าชาที่ห้องน้ำเงิน เสด็จน้าทรงแต่ง (ห้อง) รับแข็งแรงมาก มีดอกไม้แขวนด้วย ไปห้องเหลืองดูที่ชา ไปห้องเขียวแล้วกลับมาห้องน้ำเงิน สมเด็จแม่กับเราออกรับด้วย อาชดุ๊กชอบใจเครื่องทองของเล่น๓๐ของเรา ได้ให้รูปเรารูปหนึ่ง กลับไปสี่ทุ่มนาน ว่าจะไปดูละครเจ้าพระยามหินทรอีก ชอบใจมาก ว่าจะไปดูยังรุ่ง พรุ่งนี้เช้าจะลงเรือกลับไป.

วันจันทร์ วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นสองโมงเช้า กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสืออังกฤษ สี่โมงแล้วเรียนหนังสือไทย ท่านอาจารย์พึ่งมาจากเมืองเพชร เที่ยงกลับมาเรือน คิดโคลงเล่น บ่ายสามโมงไปเรียนอีก แล้วกลับมาเฝ้าในห้องใหม่ ตามเสด็จไปคอยแอบดูทูตเยอรมันมาเฝ้าที่ห้องไปรเวต เสด็จขึ้นแล้วเสด็จออกขุนนางอีก แล้วเสด็จไปที่ประชุม สองทุ่มเราได้ทำข้าวเหนียวหนาวไปเลี้ยงที่ที่ประชุม ทูลหม่อมรับสั่งเล่าว่าเป็นตำราของสมเด็จพระศรีสุริเยนทรทรงคิดทำ ถ้าไม่ให้ท่าน๓๑เสวยไม่ได้ ท่านตะโกนอึงว่าของแม่ข้าทำ ทำไมไม่ให้ข้ากิน ทูลหม่อมก็เสวยได้มาก สี่ทุ่มเสด็จขึ้น เรากลับมานอน.

วันศุกร์ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑

ตื่นสองโมงเช้าเฝ้าทูลหม่อม แล้วเรียนหนังสือตามเคย วันนี้ท่านอาจารย์สอนให้จำครุ ลหุ คำฉันท์ ที่ประชุมเราเลี้ยงขนมเบื้อง ออกสนุก เรากลับมานอนเกือบห้าทุ่ม.

(หลังจากนี้ถึง พ.ศ. ๒๔๓๒ และ พ.ศ. ๒๔๓๓ ตอนต้นปีมีแต่สมุดเปล่าๆ หาได้ทรงบันทึกอะไรไม่)

  1. ๑. เล่นใต้กอไผ่ในบ้านเรา – ที่พระราชวังบางปอิน

  2. ๒. พี่จันทราหรือพี่ใหญ่ – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๕ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์

  3. ๓. ตรงกับวันคล้ายวันประสูติ พระชันษาครบ ๑๐ ปี

  4. ๔. น้าสร้อย – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์

  5. ๕. เป็นองค์หญิง – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๕ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ พิมลรัตนวดี

  6. ๖. เดินมาตามตะพาน – สะพานข้ามจากพระตำหนักไปที่สวนสวรรค์เพื่อเสด็จในที่ คือ ห้องพระบรรทมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

  7. ๗. ขึ้นพระแท่น – ทูลหม่อมฟ้าหญิงประสูติใหม่ขึ้นพระแท่น

  8. ๘. เล่นเบซิก – ทรงไพ่ชนิดหนึ่ง

  9. ๙. คุณท้าววนิดา – เจ้าจอมมารดาสุ่นในรัชกาลที่ ๔ เป็นท้าววนิดาวิจารินีในรัชกาลที่ ๕

  10. ๑๐. โบสถ์น้ำ – เป็นที่สำหรับพระสงฆ์ลงอุโบสถสังฆกรรมชนิดนทีสีมา คือถือเอาน้ำเป็นขอบเขต

  11. ๑๑. หลวงวิเศษภักดี – ชม ณ สงขลา เป็นลุงของเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร์ ณ สงขลา) กับพระยามานวราชเสวี (ปลอด ณ สงขลา)

  12. ๑๒. พระยาวิเชียรคิรี – นามเดิมชุ่ม เป็นพระยาวิเชียรคิรีเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๗

  13. ๑๓. อย่างโค้งจีน – อย่างแบบจีน หรือด้วยมารยาทแบบจีน

  14. ๑๔. หลวงวิเศษภักดีเป็นพระยา – เป็นพระยาสุนทรานุรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา เมื่อพ.ศ. ๒๔๓๓ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนเป็นพระยาวิเชียรคิรี ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา

  15. ๑๕. รับสั่งให้หาพระองค์สายเข้ามาเฝ้า ตรัสไต่ถามถึงการในเมืองตรังกานู – พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เคยทรงเป็นข้าหลวงใหญ่พิเศษออกไปจัดราชการตามเมืองเหล่านั้น

  16. ๑๖. หลวงอนันต์เอมเมืองสงขลา – พระอนันตสมบัติ (เอม ณ สงขลา) บิดาเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศและพระยามานวราชเสวี

  17. ๑๗. เมืองตานี – เดี๋ยวนี้เรียกปัตตานี

  18. ๑๘. ตราภัทราภรณ์ – จตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เรียกชื่ออย่างเก่า

  19. ๑๙. ประชุมถือน้ำด้วย – ประชุมถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

  20. ๒๐. สวดพันยัก – สวดภาณยักษ์

  21. ๒๑. ท่านองค์เล็ก – พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ

  22. ๒๒. น้องหญิง – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ ซึ่งประสูติเมื่อสองเดือนก่อน

  23. ๒๓. พวกยางแดง – พวกยางแดง (ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือชายพระราชอาณาเขตติดต่อกับแคว้นฉาน) ไม่พอใจเรื่องเสียภาษี มีหัวหน้ายุยงให้ก่อการวุ่นวายขึ้น

  24. ๒๔. ที่ประชุม – ที่ประชุมเสนาบดี

  25. ๒๕. คุณใหญ่ – ม.ร.ว. สุวพันธุ์ สนิทวงศ์ ในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์

  26. ๒๖. คุณเปีย – ม.ร.ว. เปีย มาลากุล เจ้าพระยาพระเสด็จ ในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์

  27. ๒๗. ท่านสมาชิก – ท่านสมาชิกหอพระสมุดวชิรญาณ

  28. ๒๘. อากรมสมมต – ขณะนั้นทรงเป็นราชเลขานุการ

  29. ๒๙. เสด็จน้านภาพร – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตนกิริฏกุลินี

  30. ๓๐. เครื่องทองของเล่น – ถาดเครื่องเสวย มีชามเปลฝาครอบจัดเต็มถาด สำหรับตั้งเครื่องคาวหวานและเครื่องเคียง ช้อนส้อม ขันน้ำเสวย บ้วนพระโอษฐ์ โต๊ะรองผ้าเช็ดพระโอษฐ์ เป็นต้น ล้วนแต่เล็กๆ ทำเหมือนของผู้ใหญ่ ฝีมือประณีต

  31. ๓๑. ท่าน – ทรงหมายถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ