พุทธศักราช ๒๔๓๐

วันศุกร์ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วไปถ่ายรูป กลับมาจากเรียนหนังสือแล้วไปกับอาแถม เล่นน้ำที่ห้องเอดิกงสนุกมาก บ่ายกลับเข้ามาเฝ้า ทูลหม่อมเสด็จออกแขกเมือง ถวายต้นไม้ทองเงินในพระที่นั่งจักรีองค์กลาง แล้วทรงตั้งพระนายไวยเป็นพระยาสุรศักดิ์มนตรี จางวางมหาดเล็ก แล้วเสด็จออกมุขเด็จทอดพระเนตรพวกฮ่อที่สามิภักดิ์ พระนายไวยนำมาเฝ้า ไว้ผมมวยก็มี ผมเปียก็มี ผมประบ่าบ้าง เสด็จขึ้น เราไปเฝ้า ทรงเล่นเขาวง เรานอนสี่ทุ่ม.

วันอังคาร วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

วันนี้เราได้ประทานปืนเล็กสองบอก ทูลหม่อมรับ(สั่ง)เล่าว่า ปืนสองบอกนี้เป็นของในหีบเครื่องพระสำอางค์ทูลหม่อมปู่ ท่านประทานทูลหม่อม รับสั่งว่าเอาไว้สำหรับยิงแมลงวันเล่น เราดีใจมาก ทูลหม่อมรับสั่งว่าสายนาฬิกากับปืนที่ให้ ถ้าสืบไปภายหน้าเรามีลูก จะให้กับลูกคนไรให้ดูเสีย เห็นว่าคนไหนดีแล้วจึ่งค่อยให้ เราได้มอบให้อาแถมไปทำหีบเสียใหม่ กับให้ทำสำหรับกะทุ้งด้วย.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว ไปเยี่ยมประชวรเสด็จป้าอรไทย แล้วไปเล่นตุ๊กตาอยู่ที่เรือน บ่ายสามโมงขึ้นมาเฝ้าในหลังใหม่ แล้วตามเสด็จลงไปที่ชั้นต่ำ กลับมากินข้าวทุ่มนาน แล้วไปเล่นกับอาโส ยามหนึ่งกลับมานอน ลุงจักษ์ให้มาปลุกเราไปรับฎีกา เราหาวนอนเราไม่ไป.

วันพุธ วันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้าโมงหนึ่ง กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ เลิกเรียนบ่ายโมง ย่ำค่ำเสด็จออกขุนนาง เราตามออกไปเสด็จขึ้นประทับในห้องหลังใหม่ วันนี้น้องชายเล็กจูงกับทูลหม่อม ทูลหม่อมท่านตรัสกับเจ้าพระยาพลเทพ แกหกล้มลง ทูลหม่อมต้องทรงทำขวัญ ทีหลังรับสั่งว่าจะทำอาวุธต่างๆ ประทานเรา กับพระธำมรงค์เรือนของทูลหม่อมปู่ ยามหนึ่งเรากลับมานอน สามยามป้าโสมปลุกเราว่าจันทร์จับแล้ว มีเสียงประโคมด้วย เราล้างหน้าแต่งตัวไปดู เห็นแหว่งมาก ทูลหม่อมสรงที่ชาลาดาษฟ้าเสด็จน้า แล้วเสด็จออกทรงแจกเงิน คราวนี้เราได้ประทานสามชั่ง ข้างในได้สี่บาทตามเคย ย่ำรุ่งเรากินข้าวแล้วนอนอีกในจักรี.

วันอาทิตย์ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

ป้าโสมปลุกเราแต่ยังไม่โมง ให้กินยาทองเนื้องาม แล้วเรานอนอีก ตื่นสองโมงเช้า เราไม่ได้ไปเรียนหนังสือ เล่นอยู่ที่ห้องรับแขกของสมเด็จแม่ บ่ายออกไปเรียน เย็นน้องหญิงใหญ่ไม่สบายมาก ตกใจกัน ทูลหม่อมก็เสด็จออกมา เราตกใจ พอคลายแล้วเสด็จขึ้น ทุ่มนานเสด็จออกขุนนาง พอเสร็จขึ้น.

วันเสาร์ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ ห้าโมงนานกลับมาจากเรียน เราไม่เห็นป้าโสม ถามบ่าว บ่าวบอกว่า ป้าโสมออกไปอยู่ที่น้องหญิงใหญ่ เราตกใจ ถามพวกบ่าวบอกว่าประชวรมาก พอย่ำเที่ยงป้าโสมทรงกันแสงกลับมาบอกเราว่าสิ้นพระชนม์เสียแล้ว เราเสียใจมาก เพราะน้องหญิงใหญ่โตแล้ว อายุก็สิบขวบคราวเดียวกับเรา แล้วก็เป็นลูกใหญ่ของเสด็จน้าด้วย เย็นเราออกไปรดน้ำศพ ย่ำค่ำเจ้าพนักงานเข้ามา ทูลหม่อมไม่ได้เสด็จ เราเป็นผู้ทำแทนทูลหม่อมเหมือนคราวน้องชายเอียด ศพลงทางอัฒจันทร์ใหญ่ ประกอบพระโกศทองน้อย ขึ้นสามคานเหมือนน้องชายเอียด มีคู่แห่กลองชนะ เครื่องสูง ออกประตูพรหมซ้าย เราดูแห่กลับมาสมโภชที่ห้องรับแขกของสมเด็จแม่ แล้วกลับมาคอยทูลหม่อม สองทุ่มนานทูลหม่อมเสด็จมา ทอดพระเนตรเห็นเรา รับสั่งให้หาเราไป ทรงกอดเรา เราร้องไห้ ทูลหม่อมก็ทรงพระกันแสง รับสั่งให้เราไปสดับปกรณ์ผ้าไตรที่หอ เรากลับมาประทานน้ำสังข์ ทรงเจิม ผูกข้อมือ แล้วประทานทองแท่งหนึ่ง รับสั่งว่าเราเหมือนกับพระองค์ของท่านตามแบบแล้ว มีปีฉลูด้วยกันสามพระองค์ หญิงสอง ชายหนึ่ง หญิงตายทั้งสองเหลือแต่ทูลหม่อมพระองค์เดียว เราปีขาลมีสาม เหลือแต่เราคนเดียวตามแบบ เรากลับมานอนสี่ทุ่มนาน.

วันจันทร์ วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้าออกไปกินข้าวข้างหน้า ท่านอาจารย์มาเราเรียนหนังสือ แล้วกลับเข้ามาเฝ้าทูลหม่อม บ่ายเรียนอีก แล้วกลับมาเฝ้า เสด็จลงที่ชั้นต่ำ เราไม่ใคร่จะสบายใจ คิดถึงน้องหญิง (ใหญ่) มากนัก เรากลับมานอนยามนาน.

วันศุกร์ วันที่ ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๐

ตื่นนอนเช้าสองโมง กินข้าวแล้วออกไปเล่นคลุมไก่ข้างหน้ากับน้อง บ่ายโมงกลับมา ไม่สบาย เราตัวร้อนไป ป้าโสมอุ้มเราไปที่เราเคยนอน ให้ไปตามหมอ ทูลหม่อมประทมตื่น เสด็จมาประทับพยาบาลเรา เราค่อยมีความสบาย ย่ำค่ำแล้วเสด็จหอธรรมสังเวช เรากลับตัวร้อนมาก ปวดหัวด้วย ทูลหม่อมต้องเสด็จกลับมา พอห้าหุ่มเราค่อยสบาย ทูลหม่อมทรงเล่านิทานให้เราฟัง ห้าทุ่มนานเสด็จไปเสวย เรานอนหลับ.

วันเสาร์ วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นเช้าโมงนาน กินยาตรีกลาง ค่อยสบายกว่าวานนี้มาก ทูลหม่อมประทมตื่น เสด็จมาทรงเล่านิทานอีก เราสบายใจมาก คิดว่าถ้ากลับไปอยู่เรือนจะเจ็บมาก เจ็บที่บน ให้ทูลหม่อมท่านทรงรักษาสบายดี แล้วยังได้นอนดูตู้เครื่องชาที่ทูลหม่อมทรงจัดไว้ ทุ่มนานเรานอน.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้าดูป้าโสมจัดของแล้วออกไปเรียนหนังสือ เรากลับมาจากเรียนบ่ายโมงหนึ่ง ทูลหม่อมประทมตื่นเสวยในตำหนักเสด็จน้า แล้วทรงเล่านิทานประทานเรา เย็นเสด็จลงเรือพระที่นั่งอุบลบูรพทิศพร้อมด้วยพี่น้องเราสี่คน คือน้องชายโต น้องชายเล็ก น้องชายยุคล รวมสี่ทั้งตัวเรา เรือออกจากท่าเกือบย่ำค่ำ เรือเดินผิดร่องน้ำ ต้องจอดในปากน้ำ เพราะติดตื้น ไปไม่ได้ ยุงชุมมาก.

วันเสาร์ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้า กินข้าวแล้วตามเสด็จไปขึ้นเล่นหาดเกาะขาม วันนี้เป็นวันประสูติสมเด็จแม่ เวลาย่ำเที่ยงที่เรือเวสาตรียิงปืนสลุด ๒๑ นัด แล้วแต่งเรือผูกใบไม้และจัดที่พระสงฆ์สวดมนต์เย็น สวดมนต์ในเรือเวสาตรี พระสวด ๒๖ รูป รับพระวัดบางพระมาด้วย เสด็จอากรมหมื่นสมมตมะยังเอง เราออกขัน มีพระตาบอดสวดเสียงไม่ตกเลยองค์หนึ่ง สมเด็จแม่ถวายเงินพระองค์ละแปดบาทกับสบงจีวรด้วย แจกเงินพวกกลาสีทุกลำคนละสลึง แล้วเสด็จกลับมาเรือ บ่ายทูลหม่อมเสด็จขึ้นเที่ยวหาดเกาะสีชัง.

วันจันทร์ วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวเสร็จแล้ว แต่งตัวไปตามเสด็จกฐินในเมืองจันทบุรี เป็นกฐินบก ทูลหม่อมทรงพระราชยานประทับวัดจำห้านที่ ๑ วัดนี้โบสถ์เป็นฝาจากมุงกระเบื้อง พระสงฆ์ ๑๙ รูป เจ้าอธิการชื่อธรรมโชติครองกฐิน ถวายผ้าแล้วบริขาร รับสั่งให้เสด็จลุงอดิศรถวายเงินพระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อวันทำบุญทูลหม่อมปู่องค์ละ ๔ บาท ที่ไม่ได้สวดมนต์องค์ละ ๒ บาท แล้วเสด็จกลับมาตามทางเดิม ประทับวัดปากน้ำเป็นที่ ๒ เจ้าอธิการชื่อธรรมสุวรรณ ครองกฐินอันดับ ๑๑ รวม ๑๒ รูป ลุงจักษ์เป็นผู้ถวายบริขาร ทรงถวายเงินองค์ละ ๔ บาท แล้วเสด็จกลับมาเรืออุบล ออกเรือพระที่นั่งจากแหลมสิงห์ตัดไปเกาะช้างเวลาบ่าย ๒ โมง คลื่นจัดมาก บ่าย ๔ โมงถึงเกาะช้าง เข้าช่องบังเกาะ ไม่มีคลื่นสงบดี บ่าย ๕ โมงถึงปากคลองมะยมซึ่งเป็นที่น้ำตกงามนัก ทูลหม่อมเคยเสด็จ ทอดสมอเรือพระที่นั่ง ประทับแรมที่นี่ ฝนตกยังรุ่ง.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นเช้าก่อนโมงเรือกำลังเดิน สองโมงเรือถึงปากน้ำทอด (สมอ) ที่พระเจดีย์ เราตามเสด็จลงเรือกรรเชียงไปประทับทรงนมัสการพระเจดีย์ แล้วเสด็จกลับมาลงเรือกรรเชียง เรือสติมลันช์จูงเข้าคลองตาเค็ด ทอดพระเนตรหมู่บ้านตามลำคลอง ถึงบ้านหนึ่งมีการแต่งงาน บ่าวสาวกำลังจะยกขันหมาก รับสั่งให้หยุดเรือพระที่นั่ง จะทอดพระเนตร ด้วยยังไม่เคยทอดพระเนตร ประทับเรือพระที่นั่งเข้าที่หน้าบ้าน เจ้าของบ้านลงมาเฝ้า รับสั่งถามถึงเงินทุน ว่าไม่มีทุนเพราะเป็นกำพร้าทั้งสองฝ่าย ทูลหม่อมประทานทุนคนละชั่ง แล้วเสด็จขึ้นประทับทอดพระเนตรยกขันหมาก ฝ่ายชายชื่อจีนไชย อายุ ๒๘ ปี ฝ่ายหญิงชื่อเจิง อายุ ๒๕ ปี วิธีแต่งงานเป็นอย่างไทยกับจีนเจือกัน มีเด็กจีนถืออ้อยมัดปลอกกระดาษแดงคู่หนึ่ง เด็กจีนถือขวดเหล้าใส่ขันทองเหลืองคู่หนึ่ง จีนผู้ใหญ่ถือม้าล่อคู่หนึ่ง เด็กจีนถือขันมะพร้าวอ่อนคู่หนึ่ง เด็กไทยแต่งตัวใส่เกี้ยวใส่สร้อยอ่อนถือโต๊ะรองเทียนชี้ผึ้งคู่หนึ่ง เด็กไทยถือผ้าขาวสำหรับบูชาผีเรือนพับหนึ่ง ผ้าม่วงจีนหนึ่ง ผ้าตาไหมกับแพรแถบสิ่งละสามสำหรับไหว้ผู้ใหญ่ผู้หญิงสาวถือ แล้วถึงเด็กไทยแต่งตัวถือขันหมากอีกคู่หนึ่ง มีโต๊ะรองผลไม้และขนมต่างๆ อีก ๓๒ โต๊ะถือตามไปด้วย ทูลหม่อมเสด็จเที่ยวทอดพระเนตรบนเรือน เจ้าสาวออกมาเฝ้า มีดอกไม้ธูปเทียนมาถวาย เลี้ยงกันด้วย เราก็กินเลี้ยง ลุงจักษ์บ่นว่าเสียดาย สมเด็จแม่ไม่ได้เสด็จมาเห็น ตื่นกันใหญ่ แล้วเสด็จกลับมาเรืออุบล ถึงตำหนักแพบ่าย ๓ โมง เจ้านายขุนนางมาคอยรับเสด็จตามเคย เสด็จขึ้นเจ้านายข้างในมาคอยรับเสด็จ ค่ำเราได้เชิญหีบพระมหาสังข์ตามเสด็จลงไปสมโภชเดือนลูกแม่วงษ์ประทานนามว่า พระองค์เจ้าหญิงโกมลเสาวมาลย์ เสด็จขึ้น เรากลับมาเรือน.

วันเสาร์ วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วเล่นในห้องรับแขก ทูลหม่อมประทมตื่น รับสั่งให้เรามากินข้าว เราได้ทราบข่าวว่าเสด็จลุงเทวัญกับเจ้าพี่ทั้งสี่พระองค์๑๐จะได้เสด็จมาถึงกรุงเทพฯ ในวันนี้ บ่าย ๒ โมงเราแต่งตัวไปตามเสด็จกฐิน เสด็จกลับบ่ายสี่โมง เราเปลื้องเครื่องแต่งตัวที่บน แล้วสมเด็จแม่รับสั่งให้เรานำของต่างๆ มีผ้าเช็ดปากและหอยเป็นต้นไปถวายทูลหม่อมย่า แล้วเรากลับตำหนัก จะคอยอยู่ เสด็จลุงก็เห็นว่าจะมาถึงดึก เรานอนเสียก่อน ป้าโสมปลุกเราราวสี่ทุ่มว่ามาถึงแล้ว เราแต่งตัว ป้าโสมอุ้มเราไป เราออกไปข้างหน้า ทูลหม่อมประทับที่พระที่นั่งด้านตะวันตก เรามีความยินดีมากได้เห็นเจ้าพี่ทั้งสี่พระองค์ ดูท่านทรงพระเจริญขึ้นมาก แล้วเสด็จมาเฝ้าข้างในที่หน้าห้องรับแขกของสมเด็จแม่ รับสั่งให้เรามาตามเจ้าจอมมารดาออกไปหาลูก ๕ ทุ่มนานเรากลับมาเรือน นอน.

วันเสาร์ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นเช้าก่อนโมง ออกหนาว ป้าโสมลาเราไปเยี่ยมน้องชายกลางที่วังเสด็จน้าโต เราไปเรียนหนังสือตามเคย เที่ยงแล้วกลับมาเรือน บ่ายไปบน พบป้าโสมกลับมา เราไปถึงบนลุงจักษ์บอกเราว่าเราต้องออกรับแขกเมืองพร้อมด้วยสมเด็จแม่ เรารีบมาแต่งตัว แล้วไปที่ห้องรับแขกของสมเด็จแม่ที่ข้างใน ลุงจักษ์นำพระยายุทธการโกศลกับพระยาเกไดสวรินทร์เข้ามาเฝ้าสมเด็จแม่กับเรา พระยาวรินทร์๑๑เป็นผู้อ่านเบิกถวายน้ำมันหอม พิมเสน กับผ้าโสร่งสมเด็จแม่ สมเด็จแม่รับสั่งด้วย ๓ นัดแล้วเสด็จขึ้น เราไปเฝ้าทูลหม่อม ย่ำค่ำแล้วเสด็จออกแจกเบี้ยหวัดละคร เราได้ตามออกไปที่ออกขุนนางเสด็จขึ้น ได้ยินว่าเสด็จน้าไม่ทรงสบาย เรากลับมาเรือนรอคอยฟัง สี่ทุ่มแล้วยังไม่ประสูติ ป้าโสมเตือนให้เราขึ้นไปนอน.

วันพุธ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๐

ตื่นนอนโมงหนึ่งกินข้าวแล้ว ป้าโสมบอกเราว่าน้องชายกลางตายแต่คืนนี้ เวลาหุ่มหนึ่งกับ ๕๐ มินิต เรานอนหลับสักครู่หนึ่ง ทูลหม่อมรับสั่งให้แม่แสนำจดหมายเสด็จน้าโตมาถวายสมเด็จแม่ ๓ โมงเช้าเราแต่งตัวไปพร้อมด้วยสมเด็จแม่ มีเจ้านายผู้หญิงตามเสด็จแม่ไปสองพระองค์ ป้าโสมกับเสด็จน้าเสาวภาคย์ เราไปรถเดียวกับสมเด็จแม่ ออกทางประตูแถลงราชกิจไปออกประตูเทวาพิทักษ์ เพราะไปอย่างเงียบไม่ให้เสด็จน้าทรงทราบ กลัวจะไม่ทรงสบาย ถึงวังเสด็จน้าโต มีเจ้านายขุนนางมาคอยอยู่มาก เราเข้าไปนั่งอยู่ที่ห้องสักครู่หนึ่ง เราเอาน้ำของทูลหม่อมย่ากับของเราไปรด ดูน้องชายกลางผอมเต็มที เราถามป้าโสม บอกว่าเจ็บมานาน แล้วขึ้นพระแท่นข้างหน้าเข้ามาสรง เราเป็นผู้แทนทูลหม่อม ศพตั้งที่ท้องพระโรงน้าโต ประกับเสร็จ๑๒เราออกไปทอดผ้าไตรของทูลหม่อม สดับปกรณ์ สมเด็จแม่ทรงทอดผ้าของสมเด็จแม่ บ่ายโมงหนึ่งกลับมา อาบน้ำแล้วไปเฝ้าทูลหม่อม.

วันอาทิตย์ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้าโมงนาน สี่โมงไปเรียนหนังสือ กลับมาเรือนย่ำเที่ยง บ่ายไปเรียนอีก ได้เอาโครงที่คิดไปให้ท่านอาจารย์ตรวจดู ท่านอาจารย์ชมเราว่าคิดเกือบจะดีแล้ว เราไปเฝ้าทูลหม่อมที่ชั้นต่ำ กลับมากินข้าวในจักรี แล้วไปตามเสด็จหอธรรมสังเวช ทำบุญวันคล้ายกับวันเกิดน้องชายเอียด มีเทศน์สองกัณฑ์ สวดมนต์ด้วย เสด็จขึ้นยามนาน เรากลับไปเรือน.

วันเสาร์ วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้าโมงหนึ่ง กินข้าวแล้วไปเรียนหนังสือ บ่ายเรียนอีก เราเกือบจบสังโยค พรุ่งนี้ท่านอาจารย์นัดเราให้ไปเรียนแต่เช้า ค่ำเราได้ตามเสด็จไปสวดมนต์ที่หอธรรมสังเวช ทำบุญร้อยวันน้องหญิงใหญ่ ขรัวลุงถวายเทศน์ พระลังกามาเฝ้าด้วย ถามว่ามหาอุปราชอยู่ที่ไหน ขรัวลุงว่าไม่มีเสียแล้ว มีแต่สยามมกุฎ ชี้ตัวเรา เทศน์จบเสด็จขึ้น ยามนานพระญวนมาสดับปกรณ์ผ้าไตรอย่างญวน ทำสวดมาติกาเลียนพระไทยด้วย เสด็จขึ้นแล้วเรามาเรือน.

วันอาทิตย์ วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

ตื่นนอนเช้าโมงนาน กินข้าว แล้วออกไปเรียนหนังสือ ได้อ่านสองเวลากลับเข้ามาเฝ้าทูลหม่อม ได้ตามเสด็จลงไปที่ชั้นต่ำ แล้วได้ตามเสด็จไปที่ออกขุนนาง ทรงตั้งเสด็จอากรมขุนนริศเป็นเจ้าฟ้ากรมขุน อ่านประกาศ ประทานน้ำสังข์เจิม ในคำประกาศของเสด็จอากรมขุน ตั้งเป็นเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์ กรมขุนขัติยกัลยา๑๓ที่สิ้นพระชนม์ด้วย ประทานสัญญาบัตรข้าราชการอีกหลายคน แล้วเสด็จขึ้น.

วันเสาร์ วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้าก่อนโมง กินข้าวแล้วสี่โมงไปเลี้ยงพระที่พระมหาปราสาท กลับมาเล่น ทูลหม่อมประทมตื่น เรามาเฝ้า บ่ายห้าโมงแต่งตัวไปตามเสด็จที่เกยท้องฉนวน ทูลหม่อมส่งพระกรพี่หญิงสุทธาทิพยรัตน์๑๔ แล้วเสด็จไปคอยรับพระกรที่พระที่นั่งอาภรณ์เหมือนวานนี้ สวดมนต์จบเสด็จขึ้น เรามาถึงพระทวารจักรี พี่จีรประวัติมาบอกเราว่าลุงจักษ์เอาตัวรองสนิทไป จะชำระว่ามีผู้เห็นว่าเก็บใบไม้ผูกข้อมือเราที่หายได้ เราเสียใจมาก เพราะรองสนิทได้เป็นที่ไว้ใจของเรา เก็บของได้ก็หลายครั้ง ไม่ใช่แต่ของๆ เรา เอามาส่งคืนเสมอ เราร้องไห้มาก (จะ) เอาตัวรองสนิทคืนมาจงได้ เราเลยไม่ได้ตามเสด็จไปดูแห่ เราเอาตัวคืนมาได้แล้ว เรากลับมาเปลื้องของแต่งตัวแล้วกินข้าว ยังไม่หายเสียใจ กินข้าวคำเดียวแล้วมานอน.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๐

ตื่นนอนเช้าโมงนาน เรามากินข้าว แล้วออกไปเรียนหนังสือ ท่านอาจารย์สอบตั้งแต่ต้น ไม่ได้ให้อ่าน ต่อบ่ายมาสอบอีก เสร็จแล้วเราเข้ามาเฝ้าทูลหม่อม ป้าโสมบอกเราว่าใบไม้ผูกมือเราได้แล้ว ตกข้างใน เด็กเขนเก็บได้ ต้องเสียค่าถ่ายห้าตำลึง เราเห็นว่าจมื่นราชามาตพูดใส่ความเอาเปล่าๆ หากว่าเราช่วยรองสนิทไว้ ถ้าเราไม่ช่วยก็เสียคนเปล่า ทุ่มเศษได้ตามเสด็จไปที่ออกขุนนาง.

วันจันทร์ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว พอเที่ยงตามเสด็จทูลหม่อมออกไปที่พระเมรุ ทรงทอดผ้าไตรที่ปากโกศ เรามีความเสียใจเศร้าโศกมาก แล้วกลับมาคอยตามเสด็จขึ้นไปเผา เย็นเสด็จขึ้นทางมุขข้างใน เสด็จน้าทรงกรรแสงมาก ทูลหม่อมต้องทรงประคอง เรายิ่งมีความเสียใจนัก เราตามเสด็จมาพลับพลามวย๑๕ เสด็จขึ้น เรากลับมาห้าทุ่มนาน เราตามเสด็จมาพระราชยานกับทูลหม่อม ประทับที่หน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ทอดพระเนตรแห่ศพน้องชายกลางแห่ไฟทั้งนั้น ใส่โกศทองที่ทรงทำใหม่สำหรับน้องชายเอียด แล้วแห่ป้ากลาง๑๖ประจบกันที่รถหน้าวัดพระเชตุพน ทูลหม่อมเสด็จไปสดับปกรณ์ผ้าไตร เราได้ตามเสด็จไปด้วย เสด็จกลับเจ็ดทุ่มนาน.

วันอาทิตย์ วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

เราตื่นนอน กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ ตอนบ่ายลุงจักษ์มาบอกเราว่าให้สมเด็จแม่กับเราออกไปรับปรินส์เฮนรี บัวบอง เขาจะลากลับไป เรามาทูลสมเด็จแม่ แล้วเรามาแต่งตัวออกไปที่ห้องเหลือง สมเด็จแม่ก็เสด็จออกไปด้วย ทูลหม่อมประทานชามสังคโลกเขาไปใบหนึ่ง ดีใจมาก แล้วเขากลับไป.

  1. ๑. พระนายไวย – จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต)

  2. ๒. พวกฮ่อที่สามิภักดิ์ พระนายไวยนำมาเฝ้า – เจ้าหมื่นไวยวรนารถ ผู้บังคับการกรมทหารหน้ายกทัพไปทางหลวงพระบาง ไปตั้งอยู่ที่เมืองซ่อน แยกย้ายกันไปปราบพวกฮ่อ ในเขตหัวพันทั้งหก เลยไปจนถึงเมืองแถง (คือเดียนเบียนฟู) เจ้าหมื่นไวยวรนารถทำการสำเร็จ ได้ชื่อเสียงในครั้งนี้มาก พาพวกฮ่อมาถึงกรุงเทพฯ และนำเข้าเฝ้าฯ ดังปรากฏในบันทึกส่วนพระองค์ตอนนี้

  3. ๓. เสด็จป้าอรไทย – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา

  4. ๔. หลังใหม่ – พระที่นั่งบรรณาคมสรณีย์ ซึ่งสร้างขึ้นภายหลังหมู่ใหญ่

  5. ๕. เหมือนคราวน้องชายเอียด – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ในปีเดียวกัน

  6. ๖. ปีฉลูด้วยกันสามพระองค์ – ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๙๖ พระองค์ที่หนึ่ง พระองค์เจ้าหญิง (ยังไม่มีพระนาม) ในเจ้าจอมมารดาตลับ สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษาได้ ๘ วัน พระองค์ที่สอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ที่สาม พระองค์เจ้าหญิงศรีพัฒนา ในเจ้าจอมมารดาเอี่ยม สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา ๒๑ ปี

  7. ๗. ปีขาลมีสาม เหลือแต่เราคนเดียว – ปีขาล พ.ศ. ๒๔๒๑ พระองค์ที่หนึ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ที่สอง สมเด็จเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน เรือล่มใกลับางปอินสิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา ๓ ปี พระองค์ที่สาม สมเด็จเจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย ที่พึ่งสิ้นพระชนม์

  8. ๘. เจ็บที่บน – คงจะประชวรอยู่ที่ห้องเหลือง

  9. ๙. มะยัง – อาราธนาศีล

  10. ๑๐. เจ้าพี่ทั้งสี่พระองค์ – เจ้าพี่ทั้งสี่พระองค์ที่เสด็จไปทรงศึกษาประเทศอังกฤษ

  11. ๑๑. พระยาวรินทร์ – เข้าใจว่าพระราชวรินทร์

  12. ๑๒. ประกับเสร็จ – เสร็จการประกอบพระโกศแล้ว

  13. ๑๓. กรมขุนขัติยกัลยา – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๕ พระองค์เจ้าหญิงกรรณิกาแก้ว พระพี่นางร่วมพระชนนีกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

  14. ๑๔. ส่งพระกรพี่หญิงสุทธาทิพยรัตน์ – ในพระราชพิธีโสกันต์

  15. ๑๕. พลับพลามวย – พลับพลาซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับทอดพระเนตรมวยที่งานพระเมรุ

  16. ๑๖. ป้ากลาง – พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ