พุทธศักราช ๒๔๒๙

วันเสาร์ วันที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้า กินข้าวแล้วเล่นในห้องสมเด็จแม่ เย็นออกไปเล่นที่ดาดฟ้า หมอจ๋ายมากวาดยา แกตื่นว่ายังไม่เคยมาเห็นเลย แล้วสมเด็จแม่ทรงหุงข้าวให้เรากิน ท่านก็เสวยด้วย เรานอนทุ่มนาน.

วันพุธ วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๙

สามโมงนานเราแต่งตัวไปบน ได้ตามเสด็จไปพระมหาปราสาท สรงน้ำพระบรมธาตุ สรงน้ำพระบรมอัฐิ เสร็จแล้วทูลหม่อมบนสรงมูรธาภิเษกตามเคย วันนี้เป็นวันเถลิงศก ใช้เขียนปีจอ อัฐ๑๙ศก ๑๒๔๘ ตั้งแต่วันนี้ไปเลี้ยงพระสดับปกรณ์ ผ้าคู่มีขวดน้ำตามเคยเหมือนทุกปี เสด็จขึ้นย่ำเที่ยงแล้วทรงทิ้งทานอัฐ แย่งกันสนุกมาก บ่ายสองโมงเลี้ยงโต๊ะข้าวแช่ เรานั่งโต๊ะด้วย กลับมาเรือนบ่ายสี่โมง ไปสรงน้ำสมเด็จตา เรามาตามทางพบทูลหม่อมบนเสด็จวัดพระเชตุพน ท่านทรงหยอกเรา กลับมาจากวังสมเด็จตาแล้ว ตามเสด็จออกไปวัดพระเชตุพน เอาน้องชายที่บนไปด้วย เสด็จกลับถึงพระที่นั่งพอพลบ สองทุ่มเสด็จวัดพระแก้ว ทรงนมัสการสรงน้ำพระในโบสถ์แล้วเสด็จไปหอพระนาก สรงน้ำสดับปกรณ์พระอัฐิเจ้านาย เสด็จกลับสี่ทุ่ม เราได้สรงน้ำพระอัฐิเสด็จลุงองค์กรรณด้วย กลับมาป้าโสมให้กินของ แล้วนอนสี่ทุ่ม.

วันศุกร์ วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้าสองโมงเศษ กินข้าวเสร็จแล้วไปเรียนหนังสือ ได้รดน้ำสงกรานต์อาจารย์ อาจารย์ก้ำใหญ่ เขียนคาถาและโคลงให้พรเรา รดน้ำปีนี้เราเติมเงินให้ด้วยสิบตำลึง แกจึ่งก้ำมาก เสด็จอาชุมพลรับสั่งบอกเราว่า เสด็จน้าโตจะมาถึงกรุงเทพฯ ในวันนี้

คาถานี้พระยาศรีสุนทรโวหารได้ให้ไว้ วัน ๖ ๑๓

ยสสฺสีเตชวาโหตุ สุขิโตจนิรุพฺพโท
ทฺวิธาพเลนสมฺปนฺโน ยโสโภคสมปฺปิโต
อิสฺสริยฺจธมฺเม สมฺมาธาเรตุเมติกํ
สุขชีวีอโรคีจ าตุจีเรนอายุนาติ
๏ จงเจริญพระยศทั้ง ศฤงคาร
เจริญพระเกียรติไพศาล แผ่หล้า
จงเจริญพระชนม์นาน ฉนำนับ ร้อยเฮย
เจริญพระเดชปราบข้า ศึกเสี้ยนภัยสูญ ฯ

วันเสาร์ วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว แต่งตัวจะตามเสด็จสมเด็จแม่ไปถ่ายรูป ฝนตกไม่ได้ไป ไปเฝ้าทูลหม่อมในที่แล้วมากินข้าวกลางวัน กำลังดูน้องหญิงใหญ่เล่นตุ๊กตา ได้ยินเสียงปี่พาทย์ เราวิ่งไปดู สมโภชพระแสง ทูลหม่อมทรงเล่าให้เราฟังว่า พระแสงไม้ดำองค์หนึ่งมีปล้องทองคำนั้น ทูลหม่อมปู่ทรงพระสุบินว่า ทูลหม่อมทรงคลานออกมาจากพระแสงองค์นั้น มาเกาะอยู่ที่พระอังสาทูลหม่อมปู่ แล้วทูลหม่อมก็ประสูติ อีกองค์หนึ่งประดับเพชรกับทองเกลี้ยง สององค์นี้จะประทานเราเมื่อเวลาลงสรง แล้วรับสั่งบอกชื่อพระแสงเราหลายองค์.

วันอังคาร วันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

สองโมงเศษเราไปเรียนหนังสือ อาจารย์ยังไม่มา เราไปเฝ้าทูลหม่อม ท่านรับสั่งเล่าพระสุบินกับเสด็จน้าว่า ท่านทรงพระสุบินว่าจะเสด็จไปที่แห่งหนึ่ง ทรงตกเบ็ดปลา สมเด็จแม่ก็ทรงตกเบ็ดเหมือนกัน เสด็จน้าทรงตกอยู่ข้างใน ทูลหม่อมทรงตกติดตัวหนึ่ง ยกเบ็ดขึ้น ปลาหายไป เสด็จน้าทรงตกได้ส่งออก ไปถวาย สมเด็จแม่ช่วยปลดปลา ปากฉีกหนีไป สมเด็จแม่ตกน้ำลงไปด้วย ทูลหม่อมท่านสวดยันทุน

บ่ายเสด็จออกทรงรับแขกเมือง แล้วเสด็จที่ออกขุนนางทรงแจกเบี้ยหวัดเจ้านายต่างกรม เสด็จขึ้นทางพระทวารโอฟิต ก่อนทุ่มป้าโสมให้เราทูลลาจะไปดูงานบ้านเสด็จอาดิศ เราทูลลาให้แล้วมากินข้าว นอนทุ่มนาน.

วันศุกร์ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นโมงนาน แต่งตัวตามเสด็จสมเด็จแม่ไปดูแรกนา สมเด็จแม่ทรงรถหน้าพระที่นั่งจักรี ทูลหม่อมไม่ได้เสด็จ สมเด็จแม่เสด็จประทับบนพลับพลา เจ้านายข้างหน้าเสด็จหลายพระองค์ มีสมเด็จตาเป็นต้น เราออกตื่นหน่อยๆ เพราะยังไม่เคยดูเลย แห่กระบวนดูกร่อย แต่ราษฎรมาดูมากทีเดียว นุ่งผ้าสี่คืบ วัวกินหญ้า กินเหล้า กินถั่วงา มีของแจกด้วย เราได้หีบเขียนหนังสือ.

วันอาทิตย์ วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วไปทรงบาตร วันนี้คล้ายกับวันเกิดของเรา ทรงบาตรแล้วออกไปเรียนหนังสือ ท่านอาจารย์ได้ให้พรเรา อ่านแล้วทิ้งทานอัฐ กลับมาเรือนกินข้าวกลางวัน ทูลหม่อมประทมตื่นเข้าไปเฝ้า ได้ประทานของวันเกิดเสื้อหกสำรับ ของเล่นมากหลายอย่าง ของปีนี้เราออกชอบใจมาก นายห้างแรมเซให้เราสำรับหนึ่ง มีนาฬิกาห้อยที่กังเกงด้วย บ่ายห้าโมงได้ตามเสด็จไปเมรุ๑๐ ประทับพลับพลา ทรงทิ้งทาน จุดดอกไม้ (เพลิง) ตามเคย แล้วมีหนังธรณีไหว๑๑หน้าพลับพลา เบิกบ้องตัน๑๒ มีเมียชื่อสาวไหม ออกไปแทงเสือ แล้ว (หนัง) จับเรื่องเมื่ออินทรชิตแผงศรนาคบาศ เสด็จกลับสองทุ่มเศษ เราผลัดผ้าแล้วเข้าไปเล่นกับน้องชายเล็ก กลับมานอนสี่ทุ่มเศษ.

วันพุธ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นสองโมงเช้ากินข้าวแล้วฝนตก ไปเล่นน้ำฝนแล้วมาดูจัดโต๊ะด้วย เมื่อวันอาทิตย์ แรมสิบเอ็ดค่ำ เดือนเจ็ด ตรงกับวันเกิดของเรานั้นกำลังการเมรุ จึงได้มาเลี้ยงโต๊ะวันเกิด (วันนี้) เชิญพี่น้องเรามาเสวย ๒๔ รวมทั้งเราด้วย ๒๕ เวลากลางวันทูลหม่อมอาพระองค์น้อยประทานจานสำหรับกินผลไม้เป็นสีชมพู มีรูปเรากับน้องหญิงใหญ่นั่งด้วยกัน กับมีดซ่อมด้ามมุกมีตราสองเล่ม เสด็จลุงอดิศรประทานกาก้าไหล่ทองเล็กใบหนึ่ง เย็นเสด็จลุงกรมหมื่นนเรศเอาถุงตีนแพรมาให้เราหกคู่ เสด็จน้าโตให้ขนมกับหนังสือให้พร ทุ่มนานเลี้ยงโต๊ะ เลิกเลี้ยงยามนาน เรานอนสี่ทุ่ม

วันพฤหัสบดี วันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วเล่นเทสิงโต๑๓ ทูลหม่อมบนประทมตื่น เราเข้าไปเฝ้า ประทานมาลัยเพชร รับสั่งว่าถ้าทรงต้องการจะให้ลูกคนไหนใส่จะขอยืม ให้เราเอาไว้เถิด จะได้ใส่ให้ลูกของเราต่อไป แล้วได้ประทานรูปพระพุทธเจ้าแผ่นถ่ายออกจากแผ่นศิลาโบราณ สองทุ่มเสด็จออกพระที่นั่งจักรี สมโภชเสด็จอาโส๑๔ทรงผนวช กับลูกวังหน้าบวชเณรรวมเป็นสามพระองค์.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นโมงนาน สามโมงออกไปเรียนหนังสือ อ่านทั้งขอมทั้งไทย บ่ายสองโมงไปเฝ้าทูลหม่อมในหลังใหม่ บ่ายห้าโมงนานตามเสด็จไปที่ออกขุนนาง เสด็จขึ้น เราตามเสด็จเข้าไปเล่นกับน้องชายเล็กที่หลังใหม่ อยู่จนสี่ทุ่มจึงได้กลับมานอน วันนี้เจ้าต๋ง๑๕เข้ามาเขียนลายครุยเจียระบาดของเรา.

วันจันทร์ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้าลงไปเขา รับจ้างทูลหม่อมวิดน้ำ ได้เงินสลึงหนึ่ง กินข้าวที่เขา แล้วตามเสด็จไปพระมหาปราสาท ทำบุญทูลหม่อมปู่ เลี้ยงพระ สดับปกรณ์ ทรงแจกเงินตามธรรมเนียมแล้วเสด็จขึ้น เรามากินข้าวแล้วนอนกลางวัน บ่ายสามโมงนานสมเด็จแม่ชวนเราไปตำหนัก มีเทศน์สองกัณฑ์ สวดมนต์ ยามหนึ่งเราตามเสด็จทูลหม่อมลงแพ จุดกระทงตามเคย ที่ตำหนักแพรื้อ เตรียมการที่จะลงสรง เสด็จขึ้น เรากลับตำหนัก นอน.

วันพุธ วันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนสองโมงกินข้าวแล้ว แต่งตัวไปคอยตามเสด็จทรงบาตร สี่โมงเสด็จลงทรงบาตร แล้วเสด็จออกทรงประเคนห้าโมงนาน เสด็จขึ้นย่ำค่ำ รับสั่งให้เรากับน้องไปจุดโคมชัย แล้วกลับมาไปจุดดอกไม้ (เพลิง) สองทุ่มไปมีเทศน์ แล้วเรามาเล่นงูกินหางกับทูลหม่อม (ทรงเป็นแม่งู) สมเด็จแม่เป็นพ่องู เราออกสนุกมาก ห้าทุ่มนานเสด็จลงแพ เสด็จขึ้นเจ็ดทุ่มเศษ.

วันพุธ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้าโมงหนึ่ง ป้าโสมบอกเราว่าหญิงแฝดคนเล็กที่เมื่อวานชักไป ตายเสียแล้ว เราเสียใจมากนัก ว่าตายก่อนโมง สมเด็จแม่ก็ไม่ได้ประทมบน เราออกไปกินข้าวแล้วไปเรียนหนังสือ กลับมาเล่นตุ๊กตา เวลาเสด็จออกเรากินข้าว ไม่ได้ตามเสด็จ ป้าโสมไม่อยู่ ไปส่งศพ กลับมาสองทุ่ม เราหาวนอน นอนหลับ.

วันศุกร์ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นเช้าสองโมง กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ แล้วกลับมาเล่นคลุมไก่ บ่ายไปเฝ้า ทูลหม่อมไม่ได้เสด็จออกขุนนาง ท่านไม่ทรงสบาย เสียพระทัยมากนัก๑๖ ย่ำค่ำแล้วประทานเทียนไปชักโคมชัย เรากลับมาเล่นคลุมไก่ นอน.

วันจันทร์ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้า กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ สี่โมงแล้วแผ่นดินไหว ไม่รู้ว่าอะไรกัน เอะอะกันยุ่ง ห้าโมงแล้วกลับมาเลี้ยงพระที่ห้องเหลือง วันนี้เป็นสำรับเจ้านายข้างในเลี้ยงพระ เวียนเทียน สมโภชแล้วเรามากินข้าว บ่ายสองโมงเราแต่งตัวสวมเสื้อเยียรบับพันแขนดำ ตามเสด็จทูลหม่อมออกทางพระทวารที่เสด็จออก ทูลหม่อมประทับบนโธรน เรายืนหน้าโธรนเบื้องขวาตามเคย หยุดเสียงประโคม รับสั่งว่า

วันนี้ฉันจะให้ตราลูก เมื่อฉันอายุได้เก้าขวบ ฉันได้รับตรานพรัตนราชวราภรณ์ เวลานี้ลูกชายใหญ่อายุได้เก้าขวบ ตราจุลจอมเกล้าเป็นของใหม่ ตรานพรัตนจะเอาไว้ให้ต่อเวลาลงสรง ฉันได้คิดว่าจะให้แต่เล็กแล้วก็ยังหาได้ให้ไม่ เวลานี้ท่านทั้งปวงมาประชุมพร้อมหน้ากัน ฉันจะให้ตราปฐมจุลจอมเกล้าลูกชายใหญ่เป็นราชอิสริยยศสืบไป

แล้วรับสั่งให้หาเราเข้าไป เราถวายคำนับแล้วนั่งคุกเข่า ทรงสวมสายสะพายสีชมพูประทานเรา สวมสร้อยติดที่ไหล่ รับสั่งให้พระยาภาสช่วยแต่งให้เราให้เรียบร้อย แล้วประทานเสด็จอากรมขุนนริศกับขุนนางอีกหลายคน เสร็จแล้วประทานพร แล้วเสด็จไปถวายบังคมพระบรมรูปบนปราสาทศิวาลัย รับสั่งให้เราจุดเครื่องทองน้อยบูชา กลับมาป้าโสมก้ำใหญ่ หุบไม่ลง๑๗ ยามเศษสวดมนต์ที่พระที่นั่งจักรี เรานอนห้าทุ่ม.

วันจันทร์ วันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นก่อนโมง กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ กลับมาห้าโมง เราไม่สบาย เวียนหัว คลื่นไส้ เกือบบ่ายสามโมง เราลงไปเฝ้าทูลหม่อม เย็นเสด็จออกทางประตูพรหม ทอดพระเนตรรถที่จะใส่ศพหญิงแฝด ดูงามดี แล้วรับสั่งใช้เรามาเชิญเสด็จสมเด็จแม่ เสด็จน้ากับแม่พร้อมให้ออกไปดูรถแล้วไฟไหม้ เราได้ยินเสียงยิงปืน จะเป็นที่ไหนยังไม่รู้ ย่ำค่ำแล้วเสด็จออกขุนนาง ใบบอกอ่านถวายวันนี้ขอที่วิสุงคามสีมา๑๘ กับส่งเงินส่วย ทุ่มนานเสด็จขึ้น เรานอนสองทุ่ม.

 

วันอังคาร วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนโมงเช้านาน กินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ บ่ายสองโมงลงไปเฝ้าทูลหม่อม เรารู้ข่าวว่าเรือรบแตกลำหนึ่ง๑๙ที่หน้าเมืองจันทบุรี คนตายมาก แต่กัปตันกระเด็นไปไกลราวสองเส้น เรือชื่อสังหารไพริน กับได้ข่าวพระอนุรักษ์ชื่อตัว ชื่อกลิ่นไปราชการเมืองภูเก็ต เป็นไข้ตาย ทูลหม่อมเสียพระทัยมาก ทุ่มนานเสด็จไปทางพระมหาปราสาท สวดมนต์หอธรรมสังเวช มีเทศน์แล้วเสด็จกลับจากหอ เรานอนสี่ทุ่ม.

วันจันทร์ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วตามเสด็จทูลหม่อม ดูแห่ชักศพองค์หญิงประไพพรรณพิลาศ มีรถเมของเสด็จลุงเสด็จอาแต่งมาถวายช่วยทูลหม่อมใส่สังเค็ด แต่งต่างๆ กัน บางรถก็งามมาก กระบวนแห่ก็มาก ศพใส่รถ ขรัวลุงอ่านหนังสือ ทรงรถเหมือนกัน แห่หมดกระบวนแล้ว ทูลหม่อมทรงพระราชยานไปคอยอยู่ที่ประตูวัดตามทางซึ่งรถจะไปหยุด ศพไปถึงขึ้นเกริน ตั้งบนแว่นฟ้า เวลาบ่ายเสด็จออกพลับพลา ทรงทิ้งทาน ฉลากดีๆ มาก ทูลหม่อมเสด็จขึ้นสองยามนาน.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนแต่เช้าแต่งตัวไปตามเสด็จ วันนี้เก็บอัฐิดูหาบสามหาบ ทรงเก็บอัฐิลงโกศทอง แล้วแห่อังคารมาบรรจุที่อนุสาวรีย์๒๐ เมื่อเวลาบรรจุเสร็จแล้ว เจ้านายข้างหน้าข้างในทรงวางพวงมาลัยทุกพระองค์ เวลาเย็นสวดมนต์ฉลองอนุสาวรีย์ ที่อนุสาวรีย์ข้างบนมีพระพุทธรูปเท่าตัวองค์หญิงประไพพรรณพิลาศ ข้างล่างมีรูปตัวยืน น่าเอ็นดูมาก แล้วมีหนังสือจารึกในแผ่นศิลาเป็นฉันท์เป็นโคลง๒๑ต่างกัน.

วันเสาร์ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วแต่งตัวตามเสด็จไปเมรุ เสด็จไปถึงมีเทศน์ สดับปกรณ์แล้วประทานของเจ้านายข้างหน้าข้างใน ประทานรูปภาพต่างๆ ด้วย บ่ายสามโมงแห่กลับ เราตามเสด็จทูลหม่อมมาคอยรับอัฐิที่เรือนแม่พร้อม กระบวนแห่ไม่ได้เข้าไป อัฐิมาบนเสลี่ยงเล็ก พออัฐิขึ้นเรือน ทูลหม่อมทรงทิ้งทานเงินเฟื้อง เย็นแล้วเราหิวข้าวกลับมาก่อน กินข้าวในพระที่นั่งจักรี นอนสองทุ่ม.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้าสามโมงเราออกไปเรียนหนังสือ แล้วกลับมาเล่นในจักรี บ่ายสี่โมงนานแต่งตัวไปซ้อมแห่๒๒ ทูลหม่อมเสด็จลงส่งเราที่เกยต้นชมพู่ แล้วแห่ไปตามระยะทางแห่ ถึงตำหนักแพด้วย แห่กลับค่ำ เรากลับมาตำหนัก นอนยามหนึ่ง.

วันอาทิตย์ วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว เล่นกับเจ้าเล็กๆ อยู่ที่เรือน บ่ายมาเฝ้าทูลหม่อม เสด็จออกแขกเมืองทางห้องไปรเวต คนเฝ้าหลายพวก พวกหัวเมืองซึ่งได้มีท้องตราให้หาเข้ามาช่วยการพระราชพิธีลงสรง เสร็จเสด็จไปทอดพระเนตรการที่ตำหนักแพ สองทุ่มแล้วเสด็จขึ้น กินข้าวแล้วนอน.

วันจันทร์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นเช้าโมงเศษ กินข้าวแล้วเล่นอยู่ในห้องที่ตำหนัก วุ่นส่งของทำของกรึงนวม ยายอินบอกเราว่าทูลหม่อมเสด็จไปทรงจัดการอยู่ที่พระมหาปราสาท บ่ายเราไปพระมหาปราสาท ทูลหม่อมทรงจัดเสร็จแล้ว เสด็จขึ้น ค่ำเสด็จออกทางพระทวารจักรี เราตามเสด็จไป ทรงจุดเทียนสวดมนต์ตั้งน้ำวงด้าย๒๓ เจ้านายขุนนางมาก พระเจ้านครเชียงใหม่ก็มาเฝ้า ทูลหม่อมท่านทรงยินดีมาก รับสั่งว่าเมื่อคราวทูลหม่อมอาหญิงกรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์๒๔ พระเจ้านครเชียงใหม่กาวิโลรสเคยได้มาเป็นคู่เคียง คราวนี้ขอให้พระเจ้านครเชียงใหม่เป็นคู่เคียง ถ้าเดินไม่ไหวก็ให้เดินแต่วันลงสรงวันเดียว พอเป็นสวัสดิมงคล แล้วประทานเสื้อครุยทองของกรมสมเด็จเสื้อหนึ่ง กับผ้าเยียรบับแดงพับหนึ่งขาวพับหนึ่ง รับสั่งถึงการลงสรงทั้งนั้น ทูลหม่อมอาประทานสมุดโปรแกรมลงสรง เรามาแจกเจ้านายข้างใน สวดมนต์จบ เสด็จขึ้น รับสั่งกับเจ้านายข้างในแล้วเสด็จลงแพ ทอดพระเนตรจัดการแพลงสรงและที่ตำหนักแพ ยามหนึ่งเสด็จขึ้น เรากลับมาเรือน กินข้าวแล้วนอน.

แต่งตัวในการแห่ลงสรง ปีจออัฐ๑๙ศก ๑๒๔๘

วัน ๓ ๒ ค่ำ ฟังสวดแต่งเครื่องขาว

วัน ๔ ๒ ค่ำ แต่งเครื่องขาว

วัน ๕ ๒ ค่ำ แต่งเครื่องขาว

นุ่งเยียรบับขาว ใส่สนับเพลาเชิงงอน ใส่เสื้อตาด คาดเจียระบาด ผูกอร่าม ใส่ถุงตีนแพรขาว ผูกของ ใส่เกี้ยวนวมเหมือนอย่างโสกันต์ แห่ กับใส่มงคลมีดอกเพชรติด

วัน ๖ ๒ ค่ำ เวลาเช้าแต่งอย่างฟังสวด ถึงตำหนักแพ แต่งนุ่งผ้าขาว ใส่เสื้อถอด ใส่นวม สวมเครื่องทรงข้าหลวงเดิมของทูลหม่อม สรงแล้วนุ่งเยียรบับสี ห่มเสื้อครุยชั้นนอก ใส่เสื้อตาดเหลืองชั้นใน ใส่นวมสวมเกี้ยวบานพับข้างเดียว รับพระสุพรรณบัฏเสร็จแล้ว แต่งใส่สนับเพลาเชิงงอน นุ่งโจงกระเบนคาดเจียระบาดสี ใส่เสื้อจีบเอวตาดเหลือง ใส่มาลาติดตรานพรัตน์ ตราจุลจอมเกล้า ตราจักรี สวมสังวาลนพรัตน์ข้างหนึ่ง สังวาลเพชรข้างหนึ่ง เสื้อ หมวก ได้ประทานในเวลารับพระสุพรรณบัฏ บ่ายแต่งเครื่องต้น ใส่มงกุฎดอกไม้ไหว เหน็บพระแสงตรีเพชร เวลาเช้าใส่เสื้อจีบ เอวก็เหน็บพระแสงฯ

วัน ๗ ๒ ค่ำ เวลาบ่ายแต่งเครื่องต้น ใส่มงกุฎดอกไม้ไหว เหน็บพระแสงทั้ง ๓ เวลา

/*วัน ๓ ๑๐ ๒ ค่ำ เลียบพระนคร แต่งนุ่งเยียรบับ ใส่เสื้อเยียรบับ ผูกของข้อมือข้อตีน ใส่สายสร้อยสามสาย ติดตราที่อก ๓ ดวง สะพานแล่งสังวาลนพรัตน์ สวมสร้อยจุลจอมเกล้า สร้อยจักรี สวมเสื้อครุย ใส่มาลัยเพชรที่จุกใส่มาลาตาดที่ได้ประทาน ฯ

วัน ๕ ๑๒ ๒ ค่ำ แต่งครึ่งยศลงไปดูกระบวนเรือ ใส่เสื้อเยียรบับ แต่ไม่ได้นุ่งเยียรบับ นุ่งผ้าม่วงจีน ไม่ได้ใส่มาลา ไม่ได้ใส่เสื้อครุย

----------------------------

วันอังคาร วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วแต่งตัวไปบน ตามเสด็จไปพระมหาปราสาท เลี้ยงพระแล้วเสด็จที่วัด ทรงจุดเทียนไชยแล้วยกเศวตฉัตรด้วย รับสั่งให้เราถวายผ้าไตร ย่าม ตาลิปัตรตราของเรา เที่ยงเราทูลลากลับมาแต่งตัวที่ตำหนัก แล้วขี่เสลี่ยงไปที่พระที่นั่งนงคราญ บ่าย ๓ โมงเศษแห่ ทูลหม่อมอากับเสด็จลุงอดิศรกำกับกระบวน ตามระยะทางมีปี่พาทย์๒๕ มีคนมานั่งกลาบาต๒๖ คนดูมากทั้งฝรั่งไทย เครื่องเล่นก็มีหลายอย่างสิงห์ที่ลาวเมืองหลวงพระบางเล่น สมเด็จตาตื่นว่าเคยมีแต่ครั้งเจ้าฟ้ากุณฑล๒๗โสกันต์ ก็มาเล่น หน้าคล้ายราชสีห์ เมื่อแห่ถึงเกย ทูลหม่อมทรงฉลองพระองค์ครุย ทรงพระชฎา คอยรับเรา เจ้าคุณคลี่กับคุณยายรับกรเราจากทูลหม่อม เมื่อถึงบนปราสาท เรานั่งฟังสวดในพระฉาก จุดเทียนเครื่องนมัสการทองคำลงยา แล้วทูลหม่อมท่านนำพระครูพราหมณ์เข้ามา มีใบไม้สามกำใส่พานทองมาให้เรา ปัดที่แขนข้างละสามครั้ง ได้ยินทูลหม่อมรับสั่งว่าเป็นตำราสะเดาะพระเคราะห์ แห่กลับยังไม่ค่ำ เรามาเรือนกินข้าวแล้วนอน ถึงเกยเวลาไรทูลหม่อมรับสั่งถามเราทุกที หนักหรือไม่หนัก เหนื่อยหรือไม่เหนื่อย เราทูลว่าไม่หนักไม่เหนื่อย.

วันพุธ วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้ว แต่งตัวไปเลี้ยงพระที่พระมหาปราสาท กลับบ่ายสองโมง แต่งตัวเหมือนเมื่อวานนี้ แต่งเครื่องขาว ต้องแต่งบ่ายสองโมง เพราะทูลหม่อมท่านรับสั่งไม่ให้แต่งเรากรึ้งไว้ บ่ายสามโมงขี่เสลี่ยง มีโหรพราหมณ์เป่าสังข์ โปรยข้าวตอกดอกไม้เหมือนอย่างโสกันต์ เรามาคอยทูลหม่อมอยู่ที่พระที่นั่งนงคราญ การแห่และ(พิธี)ที่บนปราสาทเหมือนเย็นวานนี้ แห่กลับค่ำ เรากลับมากินข้าวแล้วนอนทุ่มนาน.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นเช้าสองโมง กินข้าวแล้วแต่งตัวไปเลี้ยงพระที่พระมหาปราสาท เลี้ยงแล้วกลับมาเรือน บ่ายสองโมงแต่งตัวไปเหมือนเมื่อวานนี้ วันนี้เย็นไปหน่อย แห่กลับค่ำ เรากลับมาเรือน กินข้าวแล้วนอนทุ่มนาน.

วันศุกร์ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นเช้าโมงหนึ่ง กินข้าวแล้วแต่งเครื่องขาว สามโมงเช้าแห่แต่เกยต้นชมพู่ไปหน้าโรงทอง โรงกษาปณ์ ออกประตูศรีสุนทรไปตำหนักแพ ถึงเกยพระที่นั่งราชกิจ ทูลหม่อมทรงรับ ทูลหม่อมย่าประทับทอดพระเนตรอยู่ที่พระที่นั่งราชกิจ เราไปถึงเปลื้องเครื่อง แต่งเครื่องถอด เสร็จแล้วทูลหม่อมทรงจูงมา เสด็จลุงเทวัญยังไม่มา เสด็จน้าโตจูงแทน มาที่พลับพลา๒๘ รับศีล๒๙แล้วเสด็จลงมาจูงเราไปนั่งที่พลับพลาทอง๓๐ นั่งคอยฤกษ์ พอได้เวลาลอยบัตร๓๑ ลอยมะพร้าว๓๒ กุ้ง ปลา๓๓พอได้เวลาทูลหม่อมทรงอุ้มเราลงทางบันไดแก้ว ส่งทูลหม่อมอาองค์น้อย ทูลหม่อมอาทรงรับเราจากพระหัตถ์ทูลหม่อม ทูลหม่อมอาทรงฉลองพระองค์ปักทองแล่งขาว ทรงผ้ายกขาวรับเราลงว่ายกับลูกมะพร้าว๓๔ โผสามครั้ง แล้วกลับมานั่งบนที่รดน้ำ๓๕ ทูลหม่อมทรง(รด)ประทาน๓๖ก่อน แล้วเสด็จอุปัชฌาย์ ขรัวลุง สมเด็จวันรัตน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ข้างในสมเด็จแม่ เสด็จน้า เสด็จยายแม้นเขียน เสด็จยายกินรี ป้าโสม ข้างหน้ากรมหลวงวรศักดา กรมขุนบดินทร์ กรมขุนเจริญ เสด็จอากรมหมื่นนเรศ เสด็จอากรมหลวงพิชิต เสด็จลุงเทวัญ เสด็จอากรมขุนนริศ น้าโต เจ้าพระยาสุรวงษ์ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ เจ้าพระยาภาณุวงษ์ เจ้าพระยาพลเทพ เจ้าพระยามหินทร์ ทูลหม่อมอาพระองค์น้อย แล้วกลับขึ้นมารับน้ำสังข์ที่ทูลหม่อมย่า ทูลหม่อมอาพระองค์ใหญ่ แล้วเปลื้องเครื่องสรงออก ใส่เสื้อครุย นุ่งอย่างพระ เสด็จลุงจูงมาส่งทูลหม่อม ท่านทรงรับเราส่งเกย แห่มาปราสาท แล้วประทานสุพรรณบัฏกับเครื่องยศ คือพระแสง ๒ แหวนนพเก้าวงหนึ่ง แหวนมรกตแกะตราของเราวงหนึ่ง พานหมาก ๑ กระโถน หีบหมาก เต้าน้ำพานรอง กับกาชาทอง มีเครื่องพร้อม แล้วมาแต่งตัวเครื่องมาลาที่ได้ประทานใหม่๓๗ ติดตรานพรัตน์ สวมสายสร้อยนพรัตน์ เหน็บพระแสง แห่กลับ เราไม่ได้กลับมาเรือน อยู่ในสวน๓๘ บ่ายสี่โมงแต่งเครื่องต้นใส่มงกุฎดอกไม้ไหว แห่กลับ.

วันเสาร์ วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้าสองโมง เล่นกับเจ้าเล็กๆ บ่ายสองโมงนานแต่งตัวผัดหน้ากับผูกของข้อตีนเท่านั้น แล้วไปแต่งตัวที่(พระที่นั่ง)นงคราญ ทูลหม่อมอาองค์น้อยเสด็จเข้ามาแต่งกับภูษามาลา วันนี้ทรงชฎาห้ายอด อยู่ข้างจะหนักกว่ามงกุฎดอกไม้ไหว แห่ไปถึงที่สมโภช เรานั่งใต้เศวตฉัตรแล้วเวียนเทียนสมโภช ทูลหม่อมประทานเงินเรายี่สิบชั่ง ทองแท่งจีนแท่งหนึ่ง ราชทูตอังกฤษชื่อซาเตา๓๙นำจดหมายตามสายโทรเลขของสมเด็จพระนางเจ้ากวีนเมืองอังกฤษ๔๐มาให้พรเรา ทูลหม่อมทรงจูงเราไปจับมือราชทูตซาเตา แล้วทูลหม่อมทรงตอบขอบพระทัย (กวีน) เป็นเนื้อความหลายข้อ แกทูลทูลหม่อมว่า กวีนให้(ส่ง)หมายการที่ทำ๔๑ไปถวายให้ถี่ถ้วน แห่กลับค่ำ เรามานอนทุ่มนาน.

วันอาทิตย์ วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นโมงนาน กินข้าวเช้าแล้วเล่นอยู่ในห้อง บ่ายแต่งตัวเหมือนเมื่อวานนี้ แต่ใส่มงกุฎดอกไม้ไหว แห่ไปถึง นั่งใต้เศวตฉัตรตามเคย เวียนเทียน๔๒เสร็จแล้ว เจ้านายข้างหน้า เสนาบดี และเจ้านายข้างในทรงเจิมเรา ข้างหน้าตั้งแต่กรมหลวงวรศักดาลงมาจนถึงเสด็จลุง เสด็จอา เสนาบดี พระเจ้าเชียงใหม่เจิมด้วย ข้างในสมเด็จแม่ เสด็จน้า แล้วเจ้านายอีกหลายพระองค์ ที่สุดเพียงพี่หนู.

วันจันทร์ วันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

วันนี้ได้ทราบว่าพระยาภาสเปิดบอลที่โรงภาษี เนื่องในการพระราชพิธีลงสรง เชิญคนไทยคนต่างประเทศถึง ๘๐๐ คน.

วันอังคาร วันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

สามโมงเช้าแต่งตัวนุ่งเยียรบับ ใส่เสื้อเยียรบับ สวมสายสร้อยจุลจอมเกล้า สายสร้อยจักรี ผูกของข้อมือ ใส่สายสร้อยสามสาย สายนพรัตน์อีกสายหนึ่ง ติดตราที่อกสามดวง นพรัตน์ จักรี จุลจอมเกล้า ใส่มาลัยเพชร ผูกของข้อตีนด้วย แล้วไปบน สวมเสื้อครุย ใส่มาลา แห่โดยกระบวนพยุหยาตราสี่สาย๔๓ ตามเสด็จทูลหม่อมไปประทับที่พลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ครุย ถอดพระมหาพิชัยมงกุฎ เราก็ถอดมาลา ถอดเสื้อครุย ตามเสด็จไปนั่งที่โธรน เจ้านายต่างกรมมีทูลหม่อมอาองค์น้อย เป็นต้น เสด็จมายืนถวายคำนับ แล้วทรงรับเหรียญ เสด็จมาทางเหนือบ้างใต้บ้าง จัดกันเดินเป็นกระบวนมาตลอด จนหม่อมเจ้า ท่านเสนาบดี ฝ่ายทหารเดินมาข้างท้ายพลับพลา ฝ่ายพลเรือนเดินเหนือพลับพลา รับเหรียญแล้วไปนั่งเก้าอี้ในโรงซึ่งทำไว้หน้าพลับพลา ดูงามดี เจ้านายประทับบนพลับพลา แจกเหรียญเสร็จแล้ว ประทานพระแสงฝักทองคำทูลหม่อมอาองค์น้อย ประทานตรานพรัตน์เสด็จลุงเทวัญ เจ้านายได้สายสะพานสีน้ำเงินหลายพระองค์ ท่านเสนาบดีก็ได้ เจ้าประเทศราช หัวเมืองก็ได้อีกหลายคน ในเวลานั้นฝนตก พอริ้วกระบวนจะเสด็จกลับฝนหาย มีแดด ในเวลาที่เดินกระบวนทูลหม่อมทรงโปรยทานตลอด เมื่อประทับพลับพลาหมดกระบวนเจ้านายขุนนางแล้ว มีทิ้งทานต้น (กัลปพฤกษ์) สี่ต้น เจ้านายทรงฉลองพระองค์เยียรบับ ทรงผ้าเยียรบับ ทรงมาลา ขุนนางข้าราชการแต่งตัวเป็นสองอย่าง พวกที่เข้ากระบวนนุ่งเยียรบับ พวกที่ไม่ได้เข้ากระบวนพยุหยาตรานุ่งเกี้ยวสวมเสื้อเยียรบับ หมวกใส่ตามยศ เจ้านายข้างในห่มตาด ทรงเยียรบับจีบ เมื่อแห่มาถึงหน้าโรงทาน เราได้เห็นสมเด็จแม่กับเจ้านายผู้หญิงเสด็จออกมาทอดพระเนตร แห่กลับมาถึงเวลาบ่าย เราออกเหนื่อยหน่อย เพราะต้องนั่งอยู่นานมาก มี(ยิง)สลุตด้วยเมื่อเวลาเดินกระบวน เรากลับมากินข้าวแล้วสมเด็จแม่ถึงได้เสด็จกลับ ทอดพระเนตรกระบวนเจ้านายจนหมดค่ำแล้ว เรานอนทุ่มหนึ่ง.

วันพุธ วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วเล่นในห้องรับแขก บ่ายมาเฝ้าทูลหม่อม รับสั่งให้เราไปหยิบตะกรุดพระสุพรรณบัฏ๔๔มาถวายทอดพระเนตรแล้วทรงจูบเรา อี๋เรามาก ย่ำค่ำแล้วเรากลับมาเรือน กินข้าว เล่นอยู่ที่ชาลาดาษฟ้า นอนยามหนึ่ง.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้า กินข้าวแล้วสี่โมงเช้าไปถ่ายรูป วันนี้แต่งเครื่องต้น ถ่ายสองรูป รูปหนึ่งใส่มงกุฎ รูปหนึ่งใส่ชฎาห้ายอด อีกรูปหนึ่งแต่งอย่างวันเลียบพระนคร บ่ายโมงหนึ่งกลับมา ได้ตามเสด็จไปที่ออกขุนนาง เวลาย่ำค่ำมีใบบอกมากราบทูลหลายฉบับ เสด็จขึ้นสองทุ่ม เรากลับมาเรือน เล่นในห้องรับแขก นอนสี่ทุ่ม.

วันศุกร์ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๙

ตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วออกไปเรียนหนังสือ กลับมาเล่นในห้องรับแขก บ่ายไปบนเฝ้าที่ชั้นต่ำ๔๕ ย่ำค่ำเสด็จออกขุนนางในพระที่นั่งจักรี เสด็จขึ้น เราตามเสด็จเข้าไป ทูลหม่อมประทานคำที่จะตอบพวกกรมการและหัวเมืองซึ่งมาไม่ทันงาน (พระราชพิธีลงสรง) จะมาหาเราพรุ่งนี้ มีเนื้อความสามข้อ๔๖ ข้อหนึ่งว่าเจ้าเมืองกรมการและไพร่บ้านพลเมือง และผู้ซึ่งแต่งให้มาแทนกัน ซึ่งได้มาหาเราในวันนี้ มีความสุขสบายดีอยู่หรือ ข้อสองว่าเรามีความเสียดายที่มาไม่ทันจะดูการทั้งปวง.

วันเสาร์ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วท่องหนังสือกระหนาบไป บ่ายสี่โมงไปบนเฝ้าทูลหม่อม ทูลถามถึง (เรื่อง) แต่งตัว แล้วมาแต่งตัวอย่างเด็ก ใส่เสื้อกังเกงปักทอง ใส่สังวาล ของผูกมือ ผูกตีน แล้วไปนั่งโธรนที่พระที่นั่งจักรีข้างด้านเหนือ พระยาศรีนำเจ้าเมืองกรมการเข้ามา กับหลวงวิจารณ์อาวุธนำหัวเมืองฝ่ายใต้ อ่านมากหลายเมือง เราจำไม่ได้ เราพูดสามข้อตามที่ทูลหม่อมทรงสอนเรา แล้วเรากลับมาเฝ้า ทูลหม่อมรับสั่งถาม เราทูลว่าไม่ใคร่จะได้ยิน ไม่ได้ตั้งใจฟัง เรานึกแต่คำที่จะตอบอย่างเดียว ทูลหม่อมทรงพระสรวล รับสั่งว่ากระดานปักอกอยู่๔๗ เกือบค่ำเสด็จออกขุนนาง เรากลับมาเรือน นอนสี่ทุ่ม.

วันพฤหัสบดี วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๒๙

เราตื่นนอนเช้ากินข้าวแล้วเล่นในห้องรับแขก บ่ายสามโมงแต่งตัวไปออกแขกเมือง ได้ออกรับจนบ่าย ๕ โมง พระยาภาสเจ็บ พระยานรรัตนจัดการแทน แขกทั้งนั้น กรมพระกลาโหมนำมา

ข้อ ๑ เราพูดว่าพระยาตรังกานู พระยาสายศรีตวัน กรมการและไพร่บ้านพลเมืองมีความสุขสบายอยู่หรือ

ข้อ ๒ เราพูดว่า ซึ่งพระยาตรังกานู พระยาสาย มีความจงรักภักดีต่อทูลหม่อม แต่งให้ญาติพี่น้องศรีตวันกรมการเข้ามาในการราชพิธีอันเนื่องในตัวเรา เป็นที่เราจะจำไว้ไม่ลืมเลย ขอให้บอกพระยาตรังกานู พระยาสายด้วย

ข้อ ๓ ตันกูและศรีตวันกรมการที่เข้ามา มีใครป่วยไข้อย่างไรบ้าง

แล้วเรากลับมาเปลื้องเครื่องแต่งตัวไปเฝ้าทูลหม่อมที่โอฟิต คราวนี้เราดี ไม่เหมือนคราวก่อน เสด็จขึ้นจากโอฟิต เรากลับมาเรือน นอนทุ่มนาน.

  1. ๑. น้องชายที่บน – สมเด็จพระราชโอรสในสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนารถ

  2. ๒. เสด็จลุงองค์กรรณ – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย ที่ ๑ ในสมเด็จพระปิยมาวดี

  3. ๓. ก้ำใหญ่ – ดีใจมาก

  4. ๔. เสด็จอาชุมพล – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์

  5. ๕. เสด็จน้าโตจะมาถึงกรุงเทพฯ – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัฒนวิศิษฎ์ เสด็จกลับจากทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ

  6. ๖. ทูลหม่อม – ต่อจากนี้ไป ตรัสเรียกสมเด็จพระบรมชนกนาถว่า “ทูลหม่อม”

  7. ๗. ยันทุน – บทสวดพระปริตรบทหนึ่ง เป็นบทแถม เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน ใช้สวดกันและแก้ทุนิมิตและอวมงคลต่างๆ เพราะเหตุขึ้นต้นว่า “ยนฺทุนฺนิมิตฺตํ อวมงฺคฺจ” จึงเรียกกันว่า “ยันทุน”

  8. ๘. นุ่งผ้าสี่คืบ – ผู้ที่เป็นผู้แรกนาคราวนั้นเลือกผ้านุ่งสี่คืบ (นุ่งจีบ) หมายความว่านุ่งผ้าสั้น เป็นเครื่องหมายว่าปีนั้นน้ำจะมาก ถ้านุ่งผ้ายาวกรอมถึงเท้าหมายความว่าน้ำจะน้อย คนไปดูแรกนามักสนใจการนุ่งผ้า ถ้านุ่งสั้นเป็นที่ปลาบปลื้มว่า ปีนี้นาจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผลธัญญาหาร เพราะฝนจะตกมาก

  9. ๙. เป็นวันคล้ายวันประสูติพระชันษาครบ ๘ ปี

  10. ๑๐. ไปเมรุ – พระเมรุพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร

  11. ๑๑. หนังธรณีไหว – หนังใหญ่กรุเป็นลวดลายโปร่งและประณีตลงบนแผ่นหนังแห้งแผ่นใหญ่ๆ ข้างหลังแผ่นหนังดามด้วยไม้แข็งแรงให้ทานนำหนักแผ่นหนังไว้อยู่ แล้วใช้คนเชิดบนจออย่างเดียวกับเชิดหนังตะลุง โดยมากกรุเป็นตัวโขนในเรื่องรามเกียรติ์

  12. ๑๒. บ้องตัน – มหรสพชนิดหนึ่ง ในงานพระเมรุ

  13. ๑๓. เล่นเทสิงโต – ทรงเทวุ้นลงในพิมพ์รูปสิงโต

  14. ๑๔. เสด็จอาโส – พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา

  15. ๑๕. เจ้าต๋ง – หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย พระโอรสพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม

  16. ๑๖. เสียพระทัยมากนัก – เนื่องด้วยพระองค์เจ้าหญิงแฝดพระองค์เล็กสิ้นพระชนม์

  17. ๑๗. หุบไม่ลง = ทรงยิ้มจนหุบพระโอษฐ์ไม่ลง

  18. ๑๘. วิสุงคามสีมา – ตามหลักราชการนั้น ที่ดินเมืองไทยทั้งหมดเป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากทรงอนุญาตให้ราษฎรถือกรรมสิทธิ์จึ่งจะมีโฉนดเพื่อเป็นหลักฐานเพื่อกรรมสิทธิ์นั้น การพระราชทานวิสุงคามสีมา หมายความว่า ทรงอุทิศที่ดินพระราชทานแก่คณะสงฆ์นั้นๆ แต่ผิดกันกับกรรมสิทธิของราษฎร ที่ตรงที่วิสุงคามสีมามีสภาพเหมือนเป็นนอกราชอาณาจักร

  19. ๑๙. เรือรบแตกลำหนึ่ง – ถูกเรือรบของฝรั่งเศสเข้ามายิง

  20. ๒๐. อนุสาวรีย์ – ที่บรรจุพระอังคารที่วัดราชบพิธ

  21. ๒๑. มีหนังสือจารึกในแผ่นศิลาเป็นฉันท์เป็นโคลงต่างกัน – พระนิพนธ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๕ กรมหลวงพิชิตปรีชากร

  22. ๒๒. ซ้อมแห่ – เตรียมพระราชพิธีลงสรง

  23. ๒๓. สวดมนต์ตั้งน้ำวงด้าย – สวดมนต์ วงสายสิญจน์รอบพระมหาปราสาท และที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย (ที่ตำหนักแพ) สำหรับพระราชพิธีลงสรง

  24. ๒๔. กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์ – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล พระกนิษฐภคินีร่วมพระราชชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

  25. ๒๕. ตามระยะทางมีปี่พาทย์ – ตามระยะทางที่กระบวนแห่จะผ่าน มีปี่พาทย์เล่นรายทางคั่นเป็นระยะกับที่ตั้งราชวัติ (รั้วแถวแต่งด้วยกระดานทอง กระดาษสี มีฉัตรและธง)

  26. ๒๖. กลาบาต – พนักงานกลาบาตนั่งประจำราชวัติสองข้างทางที่กระบวนแห่จะผ่าน

  27. ๒๗. เจ้าฟ้ากุณฑล – พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๑ เมื่อประสูติพระนามพระองค์เจ้าหญิงจันทบุรี แต่โดยเหตุที่เจ้าจอมมารดาเป็นพระราชธิดาของพระเจ้านครเวียงจันท์ จึงได้ทรงสถาปนาเป็นเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ในรัชกาลที่ ๒ ได้เป็นพระราชชายานารี เป็นสมเด็จพระชนนีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๒ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์

  28. ๒๘. พลับพลา – พลับพลายก

  29. ๒๙. รับศีล – สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ถวายศีล

  30. ๓๐. พลับพลาทอง – ตั้งอยู่ในแพพระมณฑป

  31. ๓๑. ลอยบัตร – เครื่องบัตรพลี ทำด้วยกาบกล้วยใส่เครื่องเซ่นเล็กๆ น้อยๆ ใช้ตั้งไว้ตามทางสามแพร่ง หรือลอยน้ำ ถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ ในพระราชพิธีนี้ลอยบัตรที่มุมพระกรงที่สรงสนาน

  32. ๓๒. ลอยมะพร้าว – มะพร้าวงอกทองเงิน

  33. ๓๓. กุ้ง ปลา – ทำด้วยทอง เงิน นาก

  34. ๓๔. ลูกมะพร้าว – มะพร้าวคู่ปิดทอง เงิน

  35. ๓๕. ที่รดน้ำ – พระแท่นสามชั้น ตั้งอยู่ริมพระกรงด้านตะวันตก

  36. ๓๖. ทูลหม่อมทรง(รด)ประทาน – น้ำพระมหาสังข์ พระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ พระกระยาสนาน และน้ำปัญจมหานที

  37. ๓๗. แต่งตัวเครื่องมาลาที่ได้ประทานใหม่ – เครื่องทรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร

  38. ๓๘. อยู่ในสวน – เสด็จอยู่ที่สวนขวา ข้างพระมหาปราสาท

  39. ๓๙. ซาเตา – Mr. E. M. Satow ทีหลังได้เลื่อนยศเป็น Sir

  40. ๔๐. พระนางเจ้ากวีนเมืองอังกฤษ – พระราชินีนารถวิกตอเรีย

  41. ๔๑. หมายการที่ทำ – หมายกำหนดการพระราชพิธีลงสรงที่กระทำขึ้นคราวนี้

  42. ๔๒. เวียนเทียน – พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย รับแว่นเวียนเทียนสมโภชสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ครบ ๕ รอบ

  43. ๔๓. แห่โดยกระบวนพยุหยาตราสี่สาย – แห่เลียบพระนคร

  44. ๔๔. ตะกรุดพระสุพรรณบัฏ – คำประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าราชกุมารพระองค์ใหญ่ มีพระชนมายุได้ ๙ พรรษา สมควรที่จะได้มีการพระราชพิธีลงสรงสนานและรับพระปรมาภิไธยตามโบราณราชประเพณี จึงทรงพระราชดำริพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี ได้จัดการพระราชพิธีลงสรงตามแบบอย่างแต่ก่อน แล้วจึงมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพระราชกุมารพระองค์ใหญ่ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศอดิศวรมหาจุฬาลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูร บรมมกุฎนเรนทร์สูริย์ขัติยสันตติวงศ์ อุกฤษฐพงศ์วโรภโตสุชาต ธัญญลักษณวิลาศวิบุลยสวัสดิสิริวัฒนวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร มุสิกนาม ตามตำแหน่งยศสมเด็จหน่อพุทธเจ้า ซึ่งมีมาในพระราชกำหนดกฎมณเฑียรบาล ซึ่งตั้งไว้ในจุลศักราช ๗๒๒ และให้ทรงศักดินา ๑๐๐,๐๐๐ เสมอสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ อันได้เฉลิมพระราชมณเฑียรเป็นพระมหาอุปราชฝ่ายหน้า ซึ่งมีมาในพระราชกำหนดตำแหน่งนาพลเรือน ซึ่งได้ตั้งไว้ในจุลศักราช ๘๒๘ นั้น ขออาราธนาเทพยดาผู้มีมเหศวรศักดิอันประเสริฐ ซึ่งสถิตย์ดำรงอยู่ในภูมิพฤกษอากาศกาญจนรัตนพิมานทั่วทุกแหล่งหล้าเป็นอาทิ คือเทพยอันทรงนามสยามเทวาธิราช ซึ่งเป็นอธิบดีได้บริรักษ์บำรุงกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทรมหินทรายุธยานี้ และเทพยเจ้าผู้อภิบาลรักษานพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริวัฒนราไชศวริย และเทพยอันรักษารัตนบัลลังก์พระที่นั่งบรมราชอาสน์ใหญ่น้อย ในพระราชนิเวศน์มหาสถานทุกตำบล ทั้งเทพยเจ้าอื่นๆ ผู้มีทิพยานุภาพมหิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตย์ในภูมิเนาแนวพฤกษบรรพตากาศพิมานทุกสถานทั่วราชอาณาจักร บรรดาซึ่งมีไมตรีจิต ได้ผดุงบริรักษ์พระบรมราชวงศ์นี้สืบมาจนกาลบัดนี้ จงได้ทำนุบำรุงรักษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระองค์นี้ให้ทรงพระเจริญทฤฆชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ สิริสวัสดิพิพัฒนมงคล เกียรติยศอิสริยศักดิเดชานุภาพทุกประการ ขอให้พระเกียรติคุณอดุลยยศปรากฏไปสิ้นกาลนาน เทอญ

    (คัดจากราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓ แผ่นที่ ๔๔ ประจำวัน ๑ ๗ฯ ๓ ปีจอ อัฐศก ๑๒๔๘)

  45. ๔๕. ที่ชั้นต่ำ – ชั้นล่างของพระที่นั่งราชปรีดีวโรทัย หลังพระที่นั่งจักรีองค์ตะวันตก สถานที่นั้นเรียกว่า “ห้องช่างเขียน” เป็นที่รวบรวมช่างฝีมือประณีตของหลวงไว้เป็นอันมาก มีช่างเขียนลวดลายไทยและเทศ ช่างทอง ช่างปั้น ช่างกลึง ช่างแกะสลัก ช่างก่อเขา รวมทั้งช่างออกแบบเครื่องเพชร เป็นต้น.

  46. ๔๖. มีเนื้อความสามข้อ – หน้า ๑๗๕ มีความที่น่าจะเป็นข้อ ๓ ซึ่งไม่ปรากฏในตอนนี้

  47. ๔๗. กระดานปักอกอยู่ – มัวหนักพระทัย มัวทรงเป็นห่วงแต่ที่จะตรัสตอบ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ