เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๔๐

วันอาทิตย์ขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับหนังสือกงซุลเยอรมัน ขอรับพระราชทานตราให้มิสเตอรเฮาสแมนต์สเตดรีในกงซุลซึ่งได้รับราชการมานาน

พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวายด้วย หลวงศัลยุทธทำจดหมายแจ้งความว่า ขุนโอวาทวรกิจมาแจ้งแก่หลวงศัลยุทธว่านายหอบไปรเวตกำปนี ๔ บุตรนายสนข้าในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ เป็นทาสขุนโอวาทวรกิจ เป็นเงินตรา ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ถามก็รับถูกต้อง จะโปรดให้ส่งตัวไปหรือประการใด มีพระราชหัตถ์ตอบหนังสือพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนฉะบับก่อนฉะบับหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องเจ้ากระจ่างเตือนเงินนั้นให้ขึ้นให้ ๔๘ บาท แต่อย่าต้องคิดทวนขึ้นไปเลย ให้ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้น อนึ่งแก้ข้อพระราชบัญญัติบังคับข้อที่ ๑๓ ที่ ๒๑ นั้น ส่งร่างออกไปให้เขียนต่อท้ายพระราชบัญญัติเดิมไว้ด้วย อนึ่งม้าที่ซื้อมาลงทุนรอนมาก เวลาฤดูไข้เจ็บเวตเตอรี่พะชิซายันต้องมานอนจึงจะควรค่าหญ้าให้เบิก อนึ่งจะขอเสมียนเปมาสเตอร์คนหนึ่ง ออฟฟิศคนหนึ่งนั้นตามเถิด คนที่สมัครให้รับไว้ จมื่นวิชิตจะออกรักษาตัวบ้านให้ยอมอนุญาต แก้ข้อพระราชบัญญัตินั้น ข้อที่ ๑๓ ที่กำหนดออฟฟิศเซอรเปลี่ยนกันไปบ้านกำหนดชั่วโมงนั้น กำหนดให้ไปเต็มวัน แต่เวลาฝึกหัดต้องกลับมาให้ทันบ่าย ๔ โมง พ้นนั้นไปเป็นผิด ข้อ ๒๑ นั้น ข้อบังคับเดิมให้คงอยู่ เปลี่ยนแต่กอมมิชชันออฟฟิศเซอรจะลาไปบ้าน นอกจากกำหนดในข้อ ๑๓ ต้องให้กราบบังคมทูลพระกรุณา

ออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกเมืองตากส่งสัญญามารัตติฟาย อีกฉะบับหนึ่งว่ามองอะไรไม่ยอมทำสัญญา จะทำแต่ข้อเดียว รับสั่งว่าไม่ยอมก็ต้องทำไม่ได้ แล้วทูลเจ้าอุปราชหลวงพระบางทูลลาไปเมือง

เซ็นท้ายบาญแผนกกรมท่าถวาย ณ วันพุธ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๗ ว่าให้ตั้งจีนกุยทำต่อไปเถิด วันนี้กรมหมื่นนเรศถวายเข็มกลัดเพ็ชร์ไม่มียอด ๑ ราคาเงิน ๒๐ ชั่ง เพ็ชร์ยอดเม็ด ๑ ราคาเงิน ๑๐ ชั่ง ๕๘ บาท ๕๘ สลึง

วันจันทร์ขึ้น ๒ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรจดจำนวนคนขอแรงเกณฑ์แห่พระวัดเทพศิรินทร กระบวนหลวง ๗ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ ๒ พระเจ้าน้องยาเธอ ๑๘ พระองค์เจ้า ๓ หม่อมเจ้า ๒ ข้าราชการ ๕ รวม ๓๗ รถ

พระยานานาพิธภาษีถวายต้นเรื่องราวจีนอูเฉีย ติดเสงว่าเดิมตัวรับทำภาษีฝ้ายยาสูบ จำนวนปีวอกจัตวาศก เงินนั้นแจ้งอยู่ในท้องตราแล้ว และทองคำหนัก ๕ ชั่ง เขาได้ทำมา ๕ ปี เงินส่งแล้วยังแต่ทอง แต่เขาได้ส่งของไว้ที่พระยามหามนตรีเงินยังค้างอยู่ ๒๐๐ ชั่งกว่า เขาจะขอหักส่งที่รายทองคำค้าง เจ้าพนักงานจะคิดเอาทองหนัก ๑ บาท เงิน ๑๘ บาท เขาขอรับพระราชทานส่งหนักบาทหนึ่ง ๑๖ บาท เหมือนภาษีรังนกที่เจ้าภาษีส่ง พระยานานานำขึ้นถวายสมเด็จกรมพระ ๆ เซ็นว่าให้พระยานานานำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เซ็นพระราชหัตถ์ไปว่าเงินรายนี้เป็นของพระคลังข้างที่ แต่เดิมมาไม่มีกำหนดว่าราคาทองอย่างไร ด้วยเจ้าภาษีส่งเป็นทองทั้งนั้น มาบัดนี้ทองราคาแพงจึงพากันส่งเงินแทนเพียง ๑๖ หนัก ถ้าเป็นดังนี้ก็เสียเปรียบเจ้าภาษี เวลาทองถูกก็จะส่งทอง เวลาทองแพงก็จะส่งเงินแทน จำนวนขึ้นพระคลังข้างที่ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่ยั่งยืนได้ แต่นี้ต่อไปควรให้มีกำหนดว่าถ้าผู้ใดส่งทองให้ส่งตามจำนวน ถ้าจะส่งเงินแทนให้คิด ๑๘ หนักเป็นพิกัดยืน บอกให้เจ้าภาษีรู้ตัวเสียด้วย แต่ทองซึ่งค้างมาเก่าพ้นปีฉลูนพศกขึ้นไปจะรับเป็น ๑๖ หนักก็ได้ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงฉลองพระองค์ทหารขาว เสด็จตำหนักพระองค์เจ้าสุนันทา สมโภช ๓ วันสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชร์รัตน พระราชทานหีบไว้ดวงพระชนม์พรรษาเป็นหีบทองลงยาเป็นพระตรา จ. ป. ร. เกี้ยว หีบซองก๊าศที่พระราชทานคนต่างประเทศ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระราชทานเข็มกลัดเพ็ชร์เข็มหนึ่งราคาเงิน ๓ ชั่ง ๕๘ บาท ๕๘ สลึง แหวนเพ็ชร์ซื้อแต่พระคลังข้างที่เม็ดเดียวที่ ๘๒ ราคาเงิน ๑๗ ชั่ง โปรดให้สมเด็จกรมพระ สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี เข้าไปถวาย ทรงเจิมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ผู้ที่เข้าไปเวลาสมโภชเจ้านาย ตั้งแต่กรมหมื่นนเรศลงไปทั้งหมด เว้นแต่กรมหมื่นอดิศร พระองค์เจ้าเกษมศรี ขุนนาง เจ้าพระยามหินทร พระยาราชวรานุกูล พระยาอุทัยธรรม พระยาภาษ พระยานานา พระยาสมุท พระยาศรีสรราช พระนายศรี พระศรีธรรมสาสน์ พระศรีกาฬสมุด พระไชยยศสมบัติ หลวงพิไชยเสนา หลวงพินิจ พระยานรนารถ พระยาอนุรักษ์จงขวา จงซ้าย หลวงภักดีชุมพล ยังเลวๆ อีก ๒-๓ คนจำไม่ได้ เสด็จกลับเวลาย่ำค่ำ

วันอังคารขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

พระยาจ่าแสนยบดีนำเสมียนตราเข้ามาเฝ้า อ่านบอกเมืองกมลาไสกล่าวโทษพระยาไชยสุนทร เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ๑๐ ฉะบับ ว่าด้วยเฆี่ยนคนไม่มีกำหนดและฉ้อส่วยและอะไรไปต่าง ๆ มาก โปรดให้หาตัวพระยาไชยสุนทรลงมา อ่านบอกเมืองมหาสารคาม ๖ ฉะบับ ว่าด้วยพระเจริญราชเดชเจ้าเมืองถึงแก่กรรม ส่งเงินส่วยกับช้าง ๔ ช้างที่ซื้อด้วยเงินส่วย ส่งคนเรื่องความต่าง ๆ เข้ามา แล้วอ่านตราตอบพระยานุภาพไตรภพ ให้ระวังด่านทางและหมั่นสืบสวนเรื่องวัดถา ทรงด้วยเรื่องคิดพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ

ออกขุนนางไม่มีราชการอะไร พระนรินทรถวายสมุดหนังสือราชการกรมพระกระลาโหมปีวอกจัตวาศก โปรดให้รวบรวมหนังสือราชการเก่า ๆ ครั้งแผ่นดินทูลกระหม่อม รับสั่งถามพระศรีกาฬสมุดด้วยธรรมเนียมทาส นายตายศาลกรมธรรม์หายนั้น จะเอาเป็นอะไร ว่าต้องให้อำเภอสาบานสืบพะยาน ถ้าไม่ได้จริงต้องเป็นไพร่หลวง

เซ็นพระราชหัตถ์เลขา ในเรื่องราวพระยาไชยสุรินทร์ถวายวันศุกร์แรม ๑๓ ค่ำเดือน ๗ ว่าเห็นว่าทาสศาลกรมธรรม์หายก็ควรสืบให้มั่นคง แต่เห็นว่าพระยาไชยสุรินทร์คงไม่สมคบทาส รับประกันได้ ให้คน ๓ คนนี้เป็นทาสไปตามเดิม หักให้พระยาไชยสุรินทร์เถิด

ค่ำสมเด็จกรมพระจดหมายถวายเข้ามาฉะบับหนึ่ง ส่งคัดบอกเมืองนครสวรรค์มาด้วย ว่าพระยานครสวรรค์มีใบบอกส่งความฆ่ากันตายลงมา ว่ามีผู้ร้ายลอบแทงนายทับตาย ผู้รักษาเมืองกรมการพิจารณาได้ตัวผู้ร้ายให้การรับสารภาพแล้ว โจทก์จำเลยทำยอมเสียเงินค่าปลุกตัวเผาผีให้แก่โจทก์แล้วเกิดเพลิงไหม้ถึงเรือนพะทำมะรง คำให้การผู้ร้ายที่รับสารภาพนั้นเพลิงใหม่เสีย ส่งแต่ตัวอ้ายผู้ร้ายกับฟ้องคู่ประทับกับโจทก์ลงมา ท่านเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าบอกพระยานครสวรรค์ว่าเพลิงไหม้คำสารภาพเสียนั้น เป็นทางที่จะให้อ้ายผู้ร้ายกลับคำ อ้ายผู้ร้ายนั้นเป็นคนอยู่ในพระยาจ่าแสนยบดีใช้ให้ถือหนังสือขึ้นไป ความยังไม่ได้ไถ่ถาม พระยาจ่าแสนยมาพูดว่าพระยานครสวรรค์ชำระไม่จริงกดขี่ โกรธพระยานครสวรรค์มาก จะเท็จจริงประการใดก็ยังไม่ทราบเกล้า ฯ ครั้นท่านจะสั่งให้พระยาจ่าแสนยชำระก็ผิดพระบรมราชานุญาต ด้วยเป็นกระทรวงนครบาล แต่พระยาจ่าแสนยพูดเอะอะว่าจะชำระเอาความจริงให้ได้ ท่านจึงส่งคัดบอกเข้ามาถวายทอดพระเนตรก่อน เมื่อเวลาเสด็จออกว่าราชการ จึงจะให้นำบอกขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา การจะควรประการใดสุดแต่จะโปรด ฯ

วันนี้สวดมนต์ขึ้นกุฏิวัดเทพศิรินทร

วันพุธ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล สัมฤทธิศก ๑๒๔๐

พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน จดหมายว่าด้วยนายประจันตสิทธิการกราบถวายบังคมลาไปบ้าน ๒ วัน แล้วโปรดให้เจ้าเข่งไปถามว่าไปด้วยธุระอะไร พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายกราบทูลเข้ามาอีกฉะบับหนึ่งว่า ถามว่าในการบวชนายนวมผู้น้องวันศุกร์ขึ้น ๖ ค่ำเดือน ๘ แต่ซึ่งจะไปวันนี้นั้นหาได้บอกว่าทำอะไรไม่ ลางทีจะมีธุระในบ้าน

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ทรงฉลองพระองค์ขาวทหารยันทอง ทรงรถพระที่นั่ง เสด็จทางถนนเจริญกรุงไปวัดเทพศิรินทราวาศ ประทับพลับพลายก เวลานั้นทูลกระหม่อมปราสาทพระองค์เจ้าสุขุมาลประทับอยู่ที่พลับพลากรมขุนเจริญผลปลูกไว้สำหรับประทับทอดพระเนตรงานด้วย โปรดให้เรียกกระบวนแห่พระอริยมุนีซึ่งมาแต่วัดบวรนิเวศ กับพระสงฆ์ ๒๓ สามเณร ๓ พระขี่รถ แล้วเสด็จไปที่กุฎี ทูลกระหม่อมปราสาทและพระองค์เจ้าสุขุมาลเสด็จมาด้วย ทรงประเคนเสด็จอุปัชฌาย์และพระราชาคณะที่มาสวดมนต์ ครั้นเวลา ๕ โมงเศษ พระที่ขึ้นกุฎีเข้ามานั่งที่ จึงทรงอ่านคำประกาศที่ทรงสร้างพระอารามถวายพัทธสีมาและกุฎิสงฆ์แก่พระสงฆ์ ทรงพระราชอุทิศส่วนพระราชกุศลถวายกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนี ซึ่งทิวงคตไปแล้วนั้น พระรับสาธุ แล้วถวายน้ำและคำถวายพัทธสีมา และประกาศต่อเสด็จอุปัชฌาย์ พระสงฆ์วักน้ำลูบศีร์ษะตลอดแล้วจึงทรงถวายไตรบริกขารพระอริยมุนีแลฐานา แล้วโปรดให้เจ้านายไปถวายของพระ และให้พระไปรับที่ทูลกระหม่อมปราสาท พระองค์เจ้าสุขุมาล แล้วพระไปครองผ้า และยถาถวายอดิเรก แล้วเสด็จกลับทางถนนบำรุงเมือง อนึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอทั้งสองพระองค์นำของมาถวายด้วย แต่สมเด็จพระองค์ใหญ่ไม่เสด็จ

มีพระราชหัตถ์เลขาตัดสินความพระวรภัณฑ์กล่าวโทษพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนข้อหนึ่งว่าพระองค์เจ้ากาพย์เรียกสิ่งของมาไม่ทำฎีกาใช้ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนแก้ว่าเรียกมาเป็นการเร็วบ้าง การยังค้างเกินอยู่บ้าง ได้มอบให้ผู้อื่นบ้าง จึงไม่ได้ให้ฎีกา ตัดสินว่าการที่เป็นดังนี้ พระวรภัณฑ์มาร้องก็ถูกตามพนักงานของที่ค้าง และจะเบิกต่อไปให้ทำฎีกาให้ ถ้าเป็นการเร็วเรียกมาให้ทำฎีกาใช้ในสามวัน

วันพฤหัสบดีขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

กัปตันลอฟตัศเฝ้าถวายแผนที่ปัจจุบันนี้ทะเลฝั่งตะวันตก ซึ่งส่งไปตีพิมพ์ที่กัลกัตตาเป็นตัวอย่างเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย กับสมุดตีพิมพ์บอกระยะทางที่จะเข้าปากน้ำบางปะกงสำหรับกับแผนที่เอาเข้ามามัดหนึ่ง แล้วถวายหนังสือเตือนขอรับราชการ ว่าต้องออกถึง ๓ เดือนแล้ว รับสั่งให้รอฟังก็ได้รอมา บัดนี้ไม่มีอะไรจะเลี้ยงภรรยาบุตร ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง ซึ่งเจ้าพระยาสุรวงศ์ไล่เขาโดยมีความผิดที่มีหนังสือไปต่อว่า ไดเรกเตอร์ตอบเข้ามา แจ้งอยู่ในจดหมายนั้นแล้ว คัดสำเนาแปลถวายทอดพระเนตร อนึ่งตัวได้ทำแผนที่แม่น้ำบางปะกง ได้ทรงบอกเรือเข้าดังที่ทูลเกล้า ฯ ถวายกับแผนที่ที่เขายังทำค้างอยู่เปนของสำคัญอยู่อีก ๓ อย่าง คือแผนที่โคราชเขาแดงและบางสะพาน และหนังสือบอกทางแล่นเรือทางชายทะเลทิศตะวันตก แผนที่ยังตีพิมพ์อยู่กัลกัตตา กับได้คิดนาฬิกาแดดอย่างใหม่ สมควรจะใช้ในวัดได้ แล้วจึงจะทูลเกล้า ฯ ถวาย ลงวันพุธขึ้น ๔ ค่ำเดือน ๘ มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี ว่าด้วยรายความอ้ายแตงโมและหลวงยุทธกิจ ซึ่งท่านตัดสินนั้นชอบแล้ว ให้ตัดสินไปเถิด พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายทูลเกล้า ฯ ถวายว่าวันอังคารขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๘ เป็นวันแจกเงินเดือนพร้อมด้วยกอศมาสเตอร์มาสเตอร์หักเงินเดือนค่าสิ่งของหายตามบัญชีฎีกา ลายเซ็นของกอมปนีเก็บได้บ้างยังบ้าง นายโมรากอมปนีที่ ๑ มาแจ้งว่าจะขอเอาปืนสไนเดอปลายดาบ ๔ กระบอกของนายโมราเข้าตีใช้แทนสิ่งของ เธอยังไม่ยอม ได้ถามว่าได้มาแต่ไหน บอกว่าเก็บรวบรวมไว้ได้แต่ครั้งทหารอยู่ในวัดพระแก้ว ไม่เกี่ยวข้อง ได้ถามพระวรภัณฑ์ว่าปืนเก่าได้จ่ายไปก่อนทั้งทำเนียบลายเซ็น นายโมราว่ามีสำคัญจะยอมส่ง ไม่มีไม่ยอม ครั้นจะเอาบัญชีชำระก็ไม่มีสำคัญ เป็นแต่คลังจดไว้ ขัดข้องอยู่

พระดิฐการถวายริโปดความศาลกรมท่าเดือน ๗ ความเดิม ๙ ใหม่ ๑๙ รวม ๒๘ แล้ว ๑๕ คง ๑๓ กรมพิชิตศาลฎีกาเดือน ๕-๖-๗ ความเดิม ๔๖ นั้นแล้ว ทรงตัดสิน ๓ ตระลาการตัดสิน ๔ รวมแล้ว ๗ คง ๓๙ ศาลแพ่งกลางเดือน ๗ เดิม ๔๗ ใหม่ ๑๘ รวม ๖๕ นั้นแล้ว ๘ คง ๕๗ แพ่งเกษมเดือน ๗ เดิม ๕๗ ใหม่ ๑๘ รวม ๗๗ แล้ว ๑๓ คง ๕๗ รับคำโทรเลขสามฉะบับว่าด้วยเรือเข้าออก ๓ ลำ

ออกขุนนางหลวงเสนีพิทักษ์อ่านตราเมืองนครสวรรค์ ให้ถามพะยานเรื่องอ้ายสอนฆ่านายทับเป็นคำลงมา จะได้ปรึกษาโทษ กับส่งพระราชบัญญัติท้องตราต่าง ๆ ที่ไฟไหม้ให้ขึ้นไปสำหรับเมือง กับพระยาจ่าแสนยทูลเจ้าอุปราชเมืองกมลาไสลงมาเฝ้าถวายทองทราย พระนรินทรทูลด้วยที่จะโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระราชหัตถ์ไปถึงสมเด็จเจ้าพระยานั้น เจ้าพระยาสุรวงศ์จะรับพระราชทานให้เรือศักดิ์สิทธาวุธไป แล้วทูลว่าหนังสือราชการกรมพระกระลาโหมจำนวนปีมะโรงสัมฤทธิศกปีมะเส็งนพศกนั้น ความแผ่นดินทูลกระหม่อมและแผ่นดินปัจจุบันนี้ยังคละกันอยู่ ขอรับพระราชทานไปคัดใหม่ โปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานไป

หลวงวิจารณอาวุธถวายริโปดกรมพระกระลาโหมเดือน ๗ มีหนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์นำด้วยฉะบับหนึ่งว่า ความเดิม ๑๒ ใหม่ ๒๑ รวม ๓๓ แล้วเก่า ๕ ใหม่ ๔ รวม ๙ คงเก่า ๗ ใหม่ ๑๗ รวม ๒๔ เซ็นพระราชหัตถ์ในท้ายเรื่องราวท้าวทรงกันดาลถวายเมื่อวานนี้

ให้เจ้าพระยายมราช พระพิเรนทรเทพชำระ

วันศุกร์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวายว่าด้วยบัญชีเสมียนพนักงานต่าง ๆ ที่เข้ามารับราชการกลางวัน จมื่นสราภัยได้จัดเป็นตารางกรอกก็ได้ใช้ตลอดมา บัดนี้มีเหตุขึ้นด้วยพนักงานผู้ตรวจว่าผู้นั้นไม่มา โต้ว่ามา เป็นคำเถียงกันเพราะไม่มีสำคัญสิ่งไรเหมือนพระวรภัณฑ์ ในเดือน ๗ บัญชีว่ามี ๔ วัน ตัวเขาเถียงว่ากว่า ๔ วัน ถึงตัวเธอเองก็ได้เห็นว่ากว่า ๔ วัน การต่อไปครั้นจะจัดตั๋วสำคัญ แต่ผู้รับพระบรมราชโองการก็เกรงว่าจะเป็นการแรงเกินไป ถ้าทิ้งไว้ให้เป็นการเถียงกันได้ บัญชีตรวจก็ไม่มีประโยชน์สิ่งใด กับเล็ฟเตแนนต์นายยิ้มกราบถวายบังคมลาไปช่วยการแต่การน้องสองทุ่มกลับ พระยาภาษนำรูปทูลกระหม่อม ๑ พระรูปในล้นเกล้า ฯ ๑ ทูลกระหม่อมปราสาท ๑ พระองค์เจ้าศรีวิไลย ๑ รูปเจ้าจอมมารดาแพ ๑ รูปพระที่นั่งวโรภาสพิมานเกาะบางปอิน ๑ เขียนน้ำมันส่งมาแต่ชูเรน แล้วถวายคำสปิชมองซิเออทิดเซอรเรงก์เดอรบวดผู้ว่าการกรมนา และว่ากรมลูกค้าพานิชผู้จัดการเอกษหิบิเชน กับคำแมกมาฮ่อนเปรสิเดนต์ฝรั่งเศสตอบให้เปิดเอกษหิบิเชน แล้วทูลด้วยหมอสมิทมาขอจะออกหนังสือพิมพ์ด้วยประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าชาย โปรดอนุญาตให้พระยาภาษเรียงคำมาถวาย รับหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ฉะบับหนึ่ง ว่าด้วยเสาหลักที่จะปักหมายร่องน้ำปากอ่าวบางปะกงนั้น กัปตันลอฟตัสไปแจ้งแก่ท่านว่า เรือที่จะใช้ปักเสาที่เมืองชลบุรีมีแต่เรือฉลอม เรือญวนยาวแต่เพียง ๖-๗ วา แล้วไม่มีเชือกรอกที่สำหรับยกด้วย จะขอรับพระราชทานเรือกันโบตสงครามครรชิต หรือศักดิ์สิทธิธาวุธลำใดลำหนึ่ง จะได้ทำการได้ถนัดด้วยเสาใหญ่ถึง ๕ กำยาว ๘ วา อนึ่งหมอแมกฟาแลนด์เข้ามาแต่เมืองเพ็ชร์ มาหาว่าอยากจะเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ขอพระราชทานกำหนดวันเฝ้า แต่ในวันเสาร์นี้หมอจะมีธุระการประชุมอยู่ หลวงนริศถวายหนังสือฉะบับเล็กทูลกระหม่อมพระองค์ใหญ่ ว่าด้วยจ่าอิ่มนำสารกรมธรรม์ นายเดช น้อยภรรยา จำนำแพจำนำทาสไว้แก่เจ้าจอมมารดาแสงเป็นเงิน ๑๕ ชั่ง ไปถวายท่าน ๆ ถามนายเดช ๆ ก็รับถูกต้อง ตัวนายเดชต้องจำเร่งเงินหลวงอยู่ในตระลาการ ตัวก็ไม่มีอะไรหมดตัวแล้ว ครั้นจะตัดสินตามสารกรมธรรม์เงินหลวงก็จะสูญ ครั้นจะเลหลังตามธรรมเนียมเจ้าพนักงาน เงินในสารกรมธรรม์ก็สูญ ท่านเห็นว่าเงินรายนี้เป็นกำลังของพระเจ้าลูกเธอ ไม่อยากจะให้สูญ การซึ่งเป็นดังนี้ก็เพราะเป็นด้วยเชื่อคนที่ชักนำเป็นนายหน้า การแต่ก่อน ๆ ก็มีตัวอย่างที่สูญไปหลายราย ต่อไปไม่อยากจะให้ เป็นเพราะที่กู้ในวังนั้น เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์มาเยี่ยมเจ้าจอมมารดาแพป่วยตาเป็นต้อหลังเบี้ย แล้วมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ที่จะจ้างกัปตันลอฟตัสให้ทำการต่อไปอีกนั้นก็ควรแล้ว แต่ขอรับพระราชทานให้มีผู้บังคับ ท่านไม่อยากบังคับต่อไป ถ้าบังคับก็คงได้วิวาทกัน เห็นอยู่แต่อาลบาศเตอจะบังคับได้ กับทูลเรื่องราชการเมืองเชียงใหม่ที่ให้พระยาศรีไปเรียงคำตอบเรื่องภาษี เรื่องมองกุณ แล้วว่าพระยาสุรเสนาป่วยมาก

ออกขุนนาง ไม่มีราชการอะไร โปรดให้มหาดเล็กไปเอาอาการพระยาสุรเสนา นายเสนองานประภาษถวายบัญชีนักโทษเดือน ๗ เดิมคนส่ง ๕๒๗ ฝาก ๑๐๒ รวม ๖๒๙ ขึ้นใหม่ส่ง ๕ ฝาก ๓๑ รวม ๓๖ รวมทั้งหมด ๖๖๕ จำหน่าย สั่งตาย ๓ ขึ้นส่งประหารชีวิต ๑ รวม ๔ คงส่ง ๕๓๔ ฝาก ๑๒๗ รวม ๖๖๑

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์น้อย ถวายหนังสือขอพระราชทานหม่อมราชวงศ์เจริญซายันกอมปนีที่ ๖ นายสินอารมเชอซายัน ๑ นายในทหารมหาดเล็กมาใช้การตรวจถนน ขอขาดจากทหาร

วันเสาร์ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับคำโทรเลขว่าเรือเข้ามาลำหนึ่ง

กรมหมื่นนเรศเฝ้าทูลด้วยสมเด็จกรมพระให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ธรรมเนียมกรมมหาดไทยกรมกระลาโหม ถ้าจะมีหนังสือไปถึงหัวเมือง การเล็กน้อยไม่ถึงท้องตราพระราชสีห์คชสีห์แล้ว ก็ลงชื่อเป็นหนังสือเจ้าพระยาภูธราภัยเจ้าพระยาสุรวงศ์ไปถึงผู้นั้น ๆ ไประทับราชสีห์น้อยคชสีห์น้อย แต่ซึ่งท่านว่าการครั้งนี้ ถ้าจะมีหนังสือหัวเมืองใช้ชื่อ พระยาจ่าแสนย พระยาศรี รับรับสั่งท่านแล้วประทับพระตรามาลาของท่าน ๆ เห็นว่าต่อไปภายหน้ากลัวคนสองคนจะมีอำนาจมาทำการผิด ๆ ไป ด้วยเจ้าเมืองกรมการเคยเห็นหนังสือเชื่อถือแล้ว ถ้ามีหนังสือขอตัวไปก็จะกลัวเกรงพาให้เสียการมาก ท่านอยากจะใช้เป็นพระนามของท่านเอง แล้วจะประทับตราราชสีห์น้อยตามแบบเจ้าเมือง กรมการจะได้กลัวเกรงเห็นเป็นการจริง ไม่เป็นผู้แทน เพราะตราพระราชสีห์เป็นตราหลวง ในตำแหน่งท่านว่าการ ถ้าจะใช้จริงก็เห็นจะใช้ได้ ครั้งกรมหลวงวงษาว่าการก็ดูเหมือนใช้เหมือนกัน หรือจะโปรดให้ใช้ตราของท่านแต่ผู้เดียว หรือประทับหลังด้วยแล้วแต่จะโปรด รับสั่งว่าถ้าใช้ตราพระราชสีห์น้อยแต่ดวงเดียวก็ได้ เพราะตราในตำแหน่ง แต่ที่จะใช้พระตราท่านด้วยนั้น ธรรมเนียมเจ้านายเคยได้ตราหลวงพระราชทาน เหมือนครั้งกรมหลวงวงษาได้ตรานารายณ์บรรทมสินธุ์ใช้ แต่ในพระองค์ทูลกระหม่อม พระราชทานตราพระเกี้ยวให้ใช้เหมือนตราพระราชทาน ถ้าตราของท่านเป็นตราพระราชทานก็จะใช้ได้ ถ้าเป็นตราหลวงแล้วเป็นพระเกียรติยศ ที่ทรงมานั้นชอบแล้ว แล้วกรมหมื่นนเรศถวายสำเนาหนังสือกงซุลฝรั่งเศสตอบหนังสือมาที่กรมท่า ด้วยเดิมสมเด็จกรมพระท่านส่งสำเนาหนังสือบอกพระยานุภาพไตรภพ เรื่องเตรียมกำลังตีเมืองกำพงสวายไปให้ส่งไปยังกงซุลฝรั่งเศส ครั้นท่านจะมีไปเองเห็นกงซุลฝรั่งเศสเหลวไหลไม่ใคร่จะเข้าใจการ หน่อยจะเข้าใจผิด ๆ ถูก ๆ ตอบมาผิด ๆ ถูก ๆ ก็จะยิ่งเหลว พาให้เสียการให้จึงได้มีไปที่กรมท่า เขาจึงตอบมาว่าเขาจะบอกไปที่แอชมิราลเมืองไซ่ง่อน แต่คงจะทราบที่เขาช้า เมื่อมีการดังนี้ ถ้าเจ้าเมืองกรมการเมืองขึ้นเมืองไทยที่เขตต์แดนติดกับเขมร ควรจะบอกหนังสือนอกทางราชการไปให้พนักงานฝรั่งเศสที่เมืองเขมรทราบ รับสั่งว่าให้ตอบเข้าไปอย่างพระกระแสที่ทรงรับสั่งกับกงซุลฝรั่งเศสที่มาเฝ้า เห็นว่าเมืองเขมรใกล้กว่า ที่ไทยจะบอกไปก็เป็นการข้ามเขตต์แดนแล้ว ก็คงทราบการมาภายหลัง เพราะต้องแต่งให้คนไปสืบที่เขมร แล้วจึงมาแจ้งความ (ถ้าจะบอกไปตามเขาดูเป็นเมืองขึ้นไป) ให้ตอบเขาตามพระราชกระแส

มีพระราชหัตถ์เลขาถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ ว่าด้วยขอเรือไปปักเสาที่ปากอ่าวบางปะกงนั้น เรือสงครามครรชิตออกไปลาดตระเวน เรือศักดิ์สิทธาวุธจะเอาหนังสือไปส่งสมเด็จเจ้าพระยา ต่อเมื่อใดว่างจึงจะสั่งให้ อนึ่งหมอแมกฟาแลนด์นั้นจะมาเมื่อไรก็ได้ แต่ในจดหมายท่านว่าวันเสาร์ จะเป็น ๗ วัน หรือวันเสาร์ไม่เข้าพระทัยถนัด ถ้าวันเสาร์ให้มาวันจันทร์เถิด อนึ่งกงซุลเยอรมันออดแอดขอตราให้ที่ ๒ ทรงพระราชดำริเห็นว่าที่ ๒ กงซุลฝรั่งเศสก็ได้ให้ไปคราวหนึ่งแล้ว ครั้นจะไม่ให้ก็จะไม่ควร จึงได้ทำดิโปลมาส่งมา ให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งลงไปให้ ดวงตรานั้นจะให้เจ้าพนักงานตามไปให้ภายหลัง

มีพระราชหัตถ์เลขาถึงกงซุลเยอรมันด้วยฉะบับหนึ่งว่า ทรงมีความยินดีที่จะแจ้งความให้ท่าน ทราบว่าทรงเห็นชอบในความแนะนำของท่าน ได้ยอมให้มิสเตอรเฮาสแมนสิเกรตารี่คอนซุลเลตเยอรมันเอมไปร์รับยศในมงกุฎสยาม ตามสมควรแก่การที่ตัวเขาได้รับราชการซึ่งเกี่ยวข้องแก่แผ่นดินสยามโดยเรียบร้อย ทรงไว้พระทัยว่าจะเป็นที่ชอบใจท่าน มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนตอบหนังสือวันพฤหัสบดีขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๘ เห็นว่าปืนซึ่งนายโมราจะเอามาใช้นั้น ก็รู้ชัดว่าเป็นปืนหลวงแน่แล้ว จะยอมให้เป็นของนายโมราอย่างไรได้ ปืนนั้นต้องส่งเป็นของหลวง แต่ข้อซึ่งเถียงว่า มี ไม่มี บัญชีนั้น เวลายังไม่ได้ตั้งธรรมเนียมให้ผู้รับมีสำคัญให้แก่ชาวคลัง ก็คงต้องมีบัญชีที่คลังจดไว้ ต้องถือเอาบัญชีนั้นใช้ได้ตามธรรมเนียมเวลานั้น ถ้านายโมราพบปืนหลวงแล้วเก็บยักยอกซ่อนเร้นเสีย นายโมราก็มีความผิด ที่นายโมราไม่ซ่อนเร้นเอามาส่งก็เป็นความชอบของนายโมรา ถึงจะยกค่าของเหล่านั้นให้เป็นรางวัลแก่นายโมราก็ได้ แต่นายโมราหาเอามาส่งโดยเห็นแก่ราชการตรง ๆ ไม่ คิดแต่จะมาตีใช้หนี้ดังนี้ ทำให้ความดีของนายโมราเสียไป ฝ่ายเจ้าพนักงานคลังถ้าจ่ายปืนไปไม่มีบัญชีไม่ทวงถาม ควรให้คิดค่าปืนนั้นให้กับนายโมรากึ่งหนึ่ง ใช้แทนสิ่งของที่นายโมราต้องเร่ง ถ้ามีบัญชีแต่ไม่เอาใจใส่ทวงถามและร้องต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ทิ้งไว้จนของมาโผล่ขึ้นเองดังนี้ เจ้าพนักงานคลังก็คงมีความผิดอยู่ ให้เสียค่าปืนให้แก่นายโมราส่วนหนึ่งใน ๕ ส่วน พอผู้ที่ได้ของไว้มีน้ำใจที่จะนำของมาส่ง ชาวคลังจะได้ตรวจตราของนั้นแข็งแรงขึ้น ปืนนั้นให้เอาเป็นหลวงทั้ง ๔ บอก อนึ่งจะแจกตั๋วตรวจกลางวันนั้นดีแล้ว ให้ทำเถิดไม่มีอาชญาอุทธรณ์ รับจดหมายพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งหลวงสารสิทธิ์กราบถวายบังคมลาไปบ้าน เยี่ยมนายตาดน้องชายวันละ ๓ ชั่วโมง ๒ วัน โปรดอนญาต อีกฉะบับหนึ่งว่าจมื่นสราภัยยื่นเรื่องราวด้วยการครัวทหาร แจ้งอยู่ในจดหมายนั้นแล้ว แต่จดหมายว่าด้วยเดิมจมื่นสราภัยได้จัดออฟฟิศเซอผลัดเปลี่ยนกันตรวจเวลาทหารรับพระราชทานวันละ ๓ คนนนั้น เธอเห็นเป็นการลำบากอยู่อย่างหนึ่ง ด้วยออฟฟิศเซอที่มารับราชการนั้น บางทีกอมปนีหนึ่งมีสามคนเต็มอัตรา บางทีมีสองคน บางทีมีคนเดียว บางทีผู้ที่ถูกเวรตรวจนั้นฟ้องกับเวรที่ไปบ้านก็หายอมอยู่ไม่ การนั้นก็เสียมา เธอก็อาจบังคับลงถนัด เธอคิดเห็นว่าถ้าจัดเป็นเอลออเดอลีออฟฟิศเซอเหมือนครั้งพระยาภาษจัดให้ตรวจการทุกอย่างในทหารเป็นผู้รับผิดชอบในเวลา ๒๔ ชั่วโมงเห็นจะดี ด้วยการที่ต้องตรวจมีหลายสิ่ง คือทหารพอใจจะทิ้งยามไปเสียบ้าง นอนเสียบ้าง ไม่แต่งตัวให้สมควรบ้าง อีกประการหนึ่ง เวลากลางวันทหารไปเที่ยวเสียมาก เหลืออยู่ประจำโรงประมาณกอมปนีละ ๑๘-๑๙ คน นายกอมปนีก็ไม่เอาเป็นธุระ หรือเวลาค่ำตรวจแล้วก็ไปเที่ยวเสียมาก กลับมาทันประตูบ้าง ไม่ทันบ้าง ถ้ามีออเดอลี่ออฟฟิศเซอจะได้ตรวจตรา กับจมื่นสุรเดชทำจดหมายมาถวายขอกราบถวายบังคมลาไปบ้านด้วยภรรยาป่วยมาก ส่งต้นจดหมายมาทั้งสองฉะบับ จดหมายจมื่นสราภัยว่าด้วยเดิมจัดออฟฟิเซอตรวจของที่ซื้อมาและเมื่อเวลาทหารกินข้าว เดี๋ยวนี้ก็จืดจางไปเสียแล้ว ทหารกับบ๋อยจึงวิวาทกันเนือง ๆ อนึ่งคนเลี้ยงม้ากินอยู่เพียง ๙-๑๐ คน เดี๋ยวนี้ถึง ๗๐ คนเศษ ของก็แตกหายอยู่เสมอ ได้คิดตารางตรวจมาด้วย กับเตือนข้อบังคับเดิมที่ถวาย

ออกขุนนาง หลวงเสนีพิทักษ์อ่านบอกเมืองนครสวรรค์ บอกส่งอ้ายผู้ร้ายทิ้งเพลิงจับตัวได้โปรดให้ลูกขุนปรึกษา

วันอาทิตย์ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

โปรดให้กรมหมื่นนเรศไปเฝ้าสมเด็จกรมพระ เอาต้นหนังสือมิสเตอรนอกซ์มีมา ว่าด้วยเรื่องภาษีเมืองเชียงใหม่เก็บนอกธรรมเนียมกับจับคนที่ไม่มีหนังสือเดินทางไว้ฉะบับหนึ่ง กับว่าด้วยความมองกุณฉะบับหนึ่ง สมเด็จท่านส่งร่างตอบเข้ามาด้วย ครั้นมาทอดพระเนตรต้นหนังสืออังกฤษเรื่องภาษี เห็นเป็นเขาไม่ได้ว่าค่าตอไม้เก็บเหลือเกิน เป็นว่าเขาได้ยอมตกลงแล้ว ให้เก็บค่าตอไม้เติม ๔ กับ ๘ ขึ้นเป็น ๗ กับ ๙ เกินกว่าใช้โปลิศ ๑๔ เท่า เดี๋ยวนี้เมืองเชียงใหม่เก็บภาษีนอกธรรมเนียมอีกให้เสียการค้าขาย แต่พากันเข้าใจว่าเขาว่าค่าตอไม้หมด เพราะคำแปลนั้นไม่ถูก โปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ์เอาไปให้มิสเตอรอาลบาศเตอแปลมา มิสเตอรอาลบาศเตอรเอามาส่งวันจันทร์ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๘ ดังที่ทรงเห็น เรื่องคนนั้นไม่ควรเจ้านครเชียงใหม่จะจับไว้ ควรแต่ให้กลับออกไป เรื่องมองกุณนั้นว่ามองซวยเลนยื่นเรื่องราวที่มิสเตอรเอศ ความเรื่องนี้อย่างไรขอให้สมเด็จตอบให้เขาทราบด้วย ส่งเรื่องราวมองซวยเลนมาด้วย ในเรื่องราวว่าปีจอฉศกหนานอุดน้อยมหาไชยเมืองนครลำปางคมพวกเข้าไปในป่าของมองกุณ ขณะนั้นมองกุณไม่อยู่ หนานอุดน้อยมหาไชยกับพวกบุกรุกยิงปืนอึกกระทึก พวกมองกุณกลัวหนีไป หนานอุดน้อยมหาไชยจับเอาช้างของมองกุณไป ๗ ช้างกับคนเลี้ยง ๒ คนไปเมืองแพร่ การเงียบแล้ว พวกมองกุณกลับมาเก็บช้างได้แต่ ๑๑ ตัว หายไป ๑๓ ตัว อีก ๗ ตัวหนานอุดน้อยมหาไชยเอาไป คนเลี้ยง ๒ คนต้องเสียเงินให้ตระลาการคนละ ๕ รูเปีย จึงปล่อยตัวมา มองกุณรู้ไปร้องต่อเจ้าเมืองแพร่ ๆ ไม่ทำประการใด ในเวลานั้นเพลิงไหม้ป่า ไม้ของมองกุณถูกไฟไหม้อีก ๕๐ ต้น เพราะไม่มีช้างลาก มองกุณไปเมืองมรแมน และขอหนังสือคอมมิสชันเนอเข้ามาถึงพระยาเทพประชุนๆ ไม่อยู่ ข้าหลวงที่ ๒ รับความในวันที่ ๑๕ ค่ำเดือนเอปริล ๑๘๗๗ ได้เรียกค่าธรรมเนียม ๙๙๕ รูเปีย แล้วเรียกจำเลยมาถาม ให้การปฏิเสธไม่รับ ว่าไม่ได้ไปเข้าในป่าไม้และไม่ได้เอาช้างไป มองกุณหาเป็นเงิน ๓,๑๙๐๐ รูเปีย จำเลยทำหนังสือให้ไว้ต่อข้าหลวงที่ ๒ ว่าถ้าโจทก์มีพะยานมาว่าสมดังคำฟ้องจะยอมใช้เงินตามฟ้อง มองกุณจึงอ้างพะยาน ๆ สามคนเบิกความสมคำฟ้อง และจะสืบพะยานอีก แต่จำเลยไปเมืองเสียหาได้ลาตระลาการไม่ มองกุณจึงขอให้ตัดสินให้ ข้าหลวงจึงมีหนังสือไปเรียกตัวจำเลยที่เมือง คอยอยู่เดือนหนึ่งก็ไม่มา มองกุณจึงเตือนให้ตัดสินอีก ข้าหลวงจึงตัดสินให้จำเลยใช้เงินแก่มองกุณตามฟ้อง อีกเดือนหนึ่งพระยาเทพก็กลับมาถึง จำเลยและเจ้านครเชียงใหม่มาพร้อมกันที่ศาล มองกุณขอให้พระยาเทพเร่งเงินให้ตามคำตัดสิน พระยาเทพว่าไม่มีอำนาจจะเร่งให้ ๆ มองกุณไปหาท่านเสนาบดีที่กรุงเทพ ฯ เถิด แล้วบอกว่าหลวงบริบาลข้าหลวงที่สองจะต้องลงไปกรุงเทพ ฯ เหมือนกัน มองกุณจึงขอให้พระยาเทพบังคับจำเลยลงมาด้วย พระยาเทพว่าไม่ต้องลงไปดอก มองกุณจึงให้มองซวยเลนแทนตัวลงมา ครั้นถึงกรุงเทพ ฯ แล้วจะไปหากงซุล แต่หลวงสิงหฬบอกว่าไม่ต้องมาหา เจ้าพนักงานจะใช้เงินให้ๆ ตัวเขาไปหาพระยาศรี ๆ บอกเขาว่าจะต้องกลับไปเมืองเชียงใหม่อีก เขาจึงได้มาบอกกงซุล บัดนี้ข้าหลวงที่ ๒ ตัดสินความเรื่องก็ต้องติดคุก ถามว่าติดเพราะอะไร เขาบอกว่าติดเพราะเรื่องนี้ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จสวนสราญรมย์ ประทับโรงเขาริงวาเล เวลาย่ำค่ำเกือบทุ่มกลับ มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าด้วยทรงพิเคราะห์ดูหนังสือมิสเตอรนอกซ์เรื่องภาษีเมืองเชียงใหม่ ฉะบับภาษาไทยดูเหมือนความจะว่าด้วยค่าตอไม้ ผิดกันกับที่ได้ทรงพบเขาๆ ทูลว่าจะมีหนังสือขึ้นมาที่สมเด็จกรมพระ ด้วยเรื่องภาษีในเมืองเชียงใหม่ จึงทรงถามว่าภาษีอะไร ก็ว่าเก็บไปสารพัตรทุกอย่าง เหมือนหนึ่งฝ้ายเป็นต้น เงินค่าตอไม้ที่เก็บได้ก็มากเหลือใช้การโปลิศอยู่แล้ว โปลิศก็ดีขึ้นจริงด้วย จึงทรงตอบว่าให้มีขึ้นจะได้ตามเขาไปดู ควรจะจัดการอย่างไรจะได้รีบจัดเสีย คำพูดกับหนังสือผิดกันอยู่อย่างนี้ วันนี้มีความสงสัยกรมหมื่นนเรศทอดพระเนตรร่างตอบกลัวว่าความจะไขว้กันไป จึงได้เรียกต้นหนังสือมาทอดพระเนตร จึงเห็นฉะบับอังกฤษผิดความกับคำไทย เนื้อความดังที่จะลงไว้ในต้นวันนี้ ทรงได้ความชัดดังนี้ จึงให้มิสเตอรอาลบาศเตอแปลเป็นคำไทยให้ได้ความชัด แต่ทรงบอกมาให้ท่านทราบเสียก่อน กลัวว่าร่างหนังสือตอบจะไม่เข้าใจกันชัด จะเป็นเราเห็นชอบในการที่ตั้งภาษีนั้นไป เรื่องนี้ได้ทรงทูลสมเด็จกรมพระทราบแล้ว จะได้ปรึกษาทำคำตอบให้ถูกต้อง อนึ่งมีราชหัตถ์ถึงสมเด็จเจ้าพระยานั้น ได้ทรงมากับพระราชหัตถ์ฉะบับนี้ ขอให้ท่านปล่อยเรือไปเถิด แล้วมีถึงสมเด็จเจ้าพระยาฉะบับหนึ่ง วันนี้อ้ายไปยาทูลลาบวช

วันจันทร์ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวาย ว่าจมื่นสราภัยนำจดหมายนายครัวมาร้องทุกข์ว่าราคาของเดี๋ยวนี้แพงกว่าปีฉลู และทำตารางบัญชีของปีฉลูเดือน ๑๒ กับปีนี้ เดือน ๗ มายื่นว่า ในฤดูเดือน ๗, ๘, ๙, ๑๐ นี้ เป็นเวลาสิ่งของแพง ครั้นจะทำของเลวลงก็จะติเตียน ถ้าจะทำให้ดีก็แพงมาก เดือนอื่น ๆ แล้วแต่จะโปรด ส่งเรื่องราวนายครัวมาด้วย อนึ่งหลวงสาตรากราบถวายบังคมลาไปบ้านในการบวชนายสวัสดิ์ผู้น้องแต่พรุ่งนี้เช้าสองโมงไปจนวันพุธขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๘ สองทุ่มกลับ กรมหมื่นนเรศถวายคำแปลหนังสือมิสเตอรนอกซ์ ซึ่งมิสเตอรอาลบาศเตอแปลอย่างที่ทรงพระราชดำริ แล้วรับหนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ตอบพระราชหัตถ์เลขาว่า ซึ่งกงซุลอังกฤษว่า เดิมได้ตกลงกันเรียกภาษีไม้ขอนสัก เดี๋ยวนี้เจ้าเชียงใหม่เรียกภาษีที่เมืองเชียงใหม่ ทำให้การค้าขายตกถอยลงมานั้น ท่านเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าการเรียกภาษีที่เมืองเชียงใหม่สิ่งใดเป็นของเดิม สิ่งใดตั้งขึ้นใหม่ กรุงเทพ ฯ ก็ทราบไม่ตลอด จะตอบไปก็กลัวจะพลั้งพลาด ความซึ่งตอบกงซุลชั้นนี้เห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าแต่เพียงจะมีท้องตราขั้นไปถามพระยาเทพ ๆ มีใบบอกมาประการใด ท่านเสนาบดีจะได้ปรึกษาจัดการให้เรียบร้อย สำเนาท้องตราซึ่งจะมีไปถึงพระยาเทพส่งไปให้กงซุลทราบไว้ท่านเห็นดังนี้ โปรดให้กรมหมื่นนเรศนำหนังสือทั้งฉะบับไปถวายสมเด็จกรมพระทอดพระเนตร ให้พระนรินทรทำร่างตอบและร่างตราท่านว่าไว้ได้ และยังยกอยู่แล้วจะส่งเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย พระยาอภัยรณฤทธิ์ถวายริโปดความซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้พิจารณาความผู้ร้ายลักช้าง ม้า โค กระบือ จำนวนปีฉลูนพศก ความศาลหลวงส่ง ๓๔ หัวเมืองส่ง ๑๖ รวม ๕๐ นั้น ได้เปรียบเทียบแล้ว ศาลหลวง ๑๑ หัวเมือง ๑๑ รวม ๒๒ คงศาลหลวง ๒๓ หัวเมือง ๕ รวม ๒๘ ได้นำส่งผู้ปรับ ๖ ลูกขุนชี้ขาด ๘-๑๔ คงพิจารณาอยู่ ๑๔ เรื่อง พระยาภาษกรวงศ์ถวายหนังสือว่าด้วยการตั้งโรงสกูลสอนการเอกเดชันนั้น แกเห็นว่าที่ทรงพระราชดำริจะให้หมอแมกฟาแลนด์มาตั้งโรงสอนกรุงเทพฯ และจะพระราชทานเงินปีละ ๒๐๐ ชั่งนั้นพอดีอยู่แล้ว แต่หมอจะต้องอยู่ในบังคับข้าราชการคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นธุระในโรงสกูล แต่ซึ่งจะจัดการซ่อมแซมและหาของใช้ในโรงสกูล และตั้งแบบธรรมเนียมสั่งสอนหนังสือและวิชาต่าง ๆ และการที่จะหานักเรียนเข้าในโรงสกูลนั้นต้องมอบให้เป็นธุระของหมอทั้งสิ้น หมอจะต้องรับผิดรับชอบทุกอย่าง เงิน ๒๐๐ ชั่งนั้นยกเป็นส่วนพระราชทานหมอเพียงปีละ ๘๐ ชั่งเสมอทุกปีไปจนครบห้าปีเป็นกำหนดคราวแรก เงินอีก ๑๒๐ ชั่งนั้น พระราชทานเป็นเงินซื้อของใช้และซ่อมแซมโรงสกูล และแจกเงินเดือนครูสอนหนังสือ แต่หมอจะจ่ายใช้ด้วยการสิ่งใดต้องให้ทำบัญชีรายการสิ่งของรายเงินมายื่นต่อข้าราชการซึ่งกำกับสกูลทุกครั้ง ถ้าโรงสกูลตั้งไปถึงห้าปีแล้วมีความเจริญมากขึ้น จึงจะโปรดพระราชทานเงินเดือนเพิ่มให้หมออีก ๒๐ ซั่ง รวมเป็นปีละ ๑๐๐ ชั่ง กับเงินที่ใช้สรอยในโรงอีกพอสมควร เด็กนักเรียนต้องให้หมอจัดเป็น ๓ พวก ชะนิดหนึ่งที่ให้อยู่ประจำในโรงสกูลเสมอไป ชะนิดหนึ่งที่มาเรียนเป็นเวลา ชะนิดหนึ่งมาเรียนแต่วิชาที่จำเพาะต้องการเป็นครั้งเป็นคราว และการสอนนั้นห้ามไม่ให้สอนศาสนาคริสเตียนเป็นอันขาด ให้สอนแต่ธรรมเนียมการหนังสือและให้ฝึกหัดลายมือให้ใช้เป็นเสมียนได้ วิชาคิดเลขและวิชาช่างที่เป็นประโยชน์และธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะเป็นคุณแก่แผ่นดิน แต่ซึ่งหมอตั้งข้อสัญญาจะขออำนาจแผ่นดินให้บังคับให้เด็กนักเรียนไปโรงสกูลอย่าให้ขาดและอื่น ๆ นั้น แกเห็นว่าไม่ควรจะยอมรับ เพราะเป็นช่องที่จะพาโลได้ เป็นแต่จะโปรดตั้งข้าราชการผู้ใดผู้หนึ่งช่วยเป็นธุระตามสมควรแก่การ ซึ่งจะโปรดยืมวังนันทอุทยานสวนนั้นชอบด้วยเกล้า ฯ แต่ตำหนักและที่อาศัยในวังนั้นทรุดมาก จะต้องโปรดให้เจ้าพนักงานซ่อมแซมพอตั้งได้ ต่อไปมอบเป็นธุระของหมอ การจัดโรงครั้งแรกจะต้องพระราชทานเงินจ่ายซื้อ สมุด หนังสือ โต๊ะ ตู้ และของอื่นพอควรแก่การ อนึ่งโรงสกูลหลวงในพระบรมมหาราชวังนั้นควรจะคงให้ตั้งไว้ตามเดิมก่อน แต่โรงสอนนั้นรั่วชำรุดมาก โต๊ะแลม้าสำหรับนั่งสอนเรียนก็ปรักหักพัง ยังไม่เป็นที่สะอาดเชิดชูพระเกียรติยศได้ ด้วยคนต่างประเทศมักมาดูอยู่เนือง ๆ ผู้ที่จะดูแลเอาธุระก็ไม่มี ขอให้ข้าราชการดูแลกำกับตรวจตราก็จะเจริญขึ้น และนักเรียนในนี้ถ้าฝึกหัดให้ดีแล้วให้ส่งไปฝึกหัดวิชาต่าง ๆ ในโรงสกูลสวนนันทอุทยานก็พอจะช่วยแรงกันได้ อนึ่งซึ่งจะโปรดให้ไล่สอบพระสงฆ์ที่เป็นครูนั้นให้ได้สอนเป็นการจริง พระราชทานนิตยภัตรตามควร ก็เป็นความเจริญแพร่หลายมากขึ้นเป็นพระเกียรติยศ อนึ่งข้าราชการที่โปรดเกล้า ฯ ให้กำกับตรวจตราโรงสกูล ต้องพระราชทานอำนาจเพื่อจะได้ประชุมนักปราชญ์มาปรึกษาการที่ขัดข้องในการเรียนสอนต่าง ๆ เป็นคอมมิตตีด้วย แล้วถวายร่างที่จะให้หมอสมิทลงพิมพ์ด้วย ประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงตัดคำอธิบายเรื่องธรรมเนียมเจ้าฟ้าเสียบ้าง หน่อยคนจะสงสัยว่ามีทนายเรียงให้ หมอแมกฟาแลนด์เฝ้าด้วยเรื่องที่จะตั้งโรงสกูล วันนี้ไม่สู้ทรงสบาย ไม่เสด็จออกขุนนาง ค่ำวันนี้พระยาศรีนำร่างหนังสือตอบมิสเตอรนอกซ์เรื่องภาษีเมืองเชียงใหม่และเรื่องความมองกุณ ทรงแก้ไปแล้วให้ไปปรึกษาเสนาบดี

วันอังคารขึ้น ๑๐ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

เช้าวันนี้ไม่มีอะไร มีหนังสือกงซุลเยอรมันฉะบับหนึ่ง ขอบพระเดชพระคุณที่พระราชทานตรามิสเตอรเฮาสแมน

พระยาศรีนำร่างหนังสือตอบมิสเตอรนอกซ์ ๒ เรื่อง ๆ ภาษีกับคนเจ้าพระยาสุรวงศ์ แก้แต่เรื่องมองกุณร่างมาใหม่ ทรงแก้บ้าง แล้วให้เอาไปถวายสมเด็จกรมพระแล้วให้ไปปรึกษาอีกครั้งหนึ่ง ให้ไปที่เจ้าพระยาภาณุวงศ์ด้วย

เวลาค่ำเสด็จพระที่นั่งอัมรินทรทรงฉลองพระองค์อิฟนิงเดรส ทรงเครื่องราชอิศริยยศจุลจอมเกล้า ฯ เจ้านายใส่ตราสมโภชพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าไชยันต์มงคล ทรงผนวชเณร เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันพุธขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงฉลองพระองค์ทหารเสด็จประทับพลับพลาวัดพระแก้ว ให้นาคทิ้งทานแล้วเสด็จเข้าในพระอุโบสถ เมื่อนาคเข้ามาแล้วได้ข่าวว่าคนแย่งทานเหยียบกันราคโลหิตตายกับที่คนหนึ่งอายุ ๓๐ เศษ ทรงผนวชถวายของไทยทานแล้วเสด็จกลับเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เมื่อถวายของเจ้าอุปราชหลวงพระบางมาเฝ้าพระราชทานซองพระรูปซองหนึ่ง พระยาศรีนำร่างหนังสือมาถวายทรงแก้อีก แล้วเป็นตกลงให้ตอบไป แล้วเสด็จขึ้นเข้าที่

บ่าย ๔ โมงเศษเสด็จออก กรมหมื่นอดิศรถวายริโปด ทหารล้อมพระราชวังจับคน ๓ รายจำนวนเดือน ๗ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายทูลเกล้า ฯ ถวาย ส่งต้นลายพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์น้อยเข้ามาด้วย ว่ายืมเครื่องโต๊ะเลี้ยงเข้าแช่ไปเลี้ยงพรุ่งนี้ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต โปรดพระราชทานให้ เวลาเกือบสองทุ่มเสด็จออกพระที่นั่งอัมรินทร สมโภชหม่อมเจ้าขุนช้างในกรมหมื่นมเหศวร หม่อมเจ้าบัลลังก์ หม่อมเจ้าราเชนทร์ ๒ องค์ในเจ้าฟ้าอิศรพงษ์ทรงผนวชเป็นภิกษุ เวลานั้นพระนรินทรอ่านบอกเมืองกาญจนบุรีด้วย เวลายามเศษเสด็จขึ้น เมื่อสามวันมาแล้วรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศหาตุ้มหูเพ็ชร์คู่หนึ่ง กรมหมื่นนเรศได้นำมาถวายวันนี้ ราคา ๑๕ ชั่ง

วันพฤหัสบดีขึ้น ๑๒ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

เวลาเที่ยงเศษเสด็จออกวัดพระแก้วบวชหม่อมเจ้า ๓ องค์ เวลาบ่าย ๓ โมงเสด็จขึ้น ทรงแก้เรื่องทรงผนวชที่เสด็จอุปัชฌาย์แต่ง เวลาค่ำเสด็จพระราชดำเนินออกทรงธรรมที่พุทธมณเฑียรทำบุญวันประสูติ

วันศุกร์ขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับหนังสือบอกข่าวพระเทพผลูว่า วันนี้เวลาพลบค่ำเข้าไต้เพลิง จีนแช่มกับนายทองลงเรือมาหานายนิ่มที่บ้านตรงหน้าวัดราชคฤห์ จีนแช่มนายทองนั่งฟังนายนิ่มอ่านหนังสืออยู่บนเรือนนายนิ่มจนเวลาเที่ยงเศษ มีอ้ายคนร้ายเอาหลาวไม้รวกแทงขินมาตามช่องฟากใต้ถุนเรือน ถูกจีนแช่มที่เอวข้างซ้ายร้องได้คำหนึ่งขาดใจตายอายุ ๒๗ ปี

นายอุ่นมหาดเล็กบุตรพระยาอาหารถวายฎีกาแทนอำแดงพวง แต่บุตรอำแดงพวงหารู้จักชื่อไม่ กล่าวโทษขุนรัตนสมบัตตระลาการว่าด้วยเรื่องจำนำสวน ว่าคัดคำให้การสมเด็จกรมพระตัดสินไม่ถี่ถ้วน เซ็นพระราชหัตถ์คืนไปให้ไปร้องที่สมเด็จกรมพระก่อน ด้วยข้ามมายังเป็นฎีกาไม่ขึ้น จ่ายวดถวายหนังสือไปรเวตพระพรหมบริรักษ์ ว่าด้วยบอกส่งผู้ร้ายปล้นที่เมืองสุพรรณ ๘ คน หนี ๒ คน ส่ง ๖ คน พอบอกถึงเวรว่าพระยาจ่าแสนยให้รับแต่ผู้ร้ายไว้ พอถึงผู้ร้ายก็ติดใจสำนวน พระยาจ่าแสนยไม่ให้รับสำนวนไว้ แล้วถามไถ่คัดสกัดสำนวนให้ผู้ร้ายมีใจกำเริบ ซึ่งตัวเขาชำระ ๆ ต่อหน้ากรมการผู้ใหญ่ ได้ของกลางบ้างยังบ้าง ครั้นส่งตัวอ้ายผู้ร้ายมาถึง อ้ายผู้ร้ายกลับติดใจสำนวน มีความสงสัยว่าพระยาจ่าแสนยจะกลับความเสีย ใบบอกก็ไม่กราบบังคมทูล กรมการก็อยู่ในบังคับพระยาจ่าแสนย ๆ จะว่ากระไรกรมการก็ต้องกลัว ครั้นจะกราบบังคมทูลไปรเวตก็จะเป็นการซุบซิบ ขอให้ได้เฝ้ากราบบังคมทูลเวลาออกขุนนาง ประภาษถามจะได้กราบบังคมทูลตามเรื่อง

รับบาญแผนกลงชื่อ มหามาลา จาตุรนต์รัศมี หลุย อุทัยธรรม ไชยสุรินทร ราชธน สุราเมืองสุพรรณ จีนกุยจือคนเก่ารับทำ เดิม ๑๕๘ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ประมูลขึ้นพระคลังข้างที่ ๔๖ ชั่ง ๕ ตำลึง รวม ๒๐๕ ชั่ง บ่อนเบี้ยไทย จีน เมืองนครเขื่อนขันธ์ จีนหัวหะตัวอากร จินมั่งประกัน คนใหม่ทำ เดิม ๓๐๐ ชั่ง ประมูลข้างที่ ๑๖ ชั่ง รวม ๓๑๖ ชั่ง สมพัตสรเมืองสุพรรณ จีนตงฉวนคนเก่าส่งคืน จีนซิวกุยตัวอากร จีนโป๊ะประกัน คนใหม่ทำ เดิม ๖๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ประมูลข้างที่ ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รวม ๗๓ ชั่ง สมพัตสรเมืองสรรค์บุรี จีนอาดคนเก่าทำ เดิม ๕ ชั่ง ขาด ๑ ชั่ง คง ๔ ชั่ง สมพัตสรเมืองนครสวรรค์ นายทูปตัวอากร นายทองประกัน คนใหม่ทำ เดิม ๒๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ประมูลข้างที่เงิน ๑๔ ชั่ง รวม ๔๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ค่าน้ำเมืองอินทร เมืองพรหม สิงห์ สรรค์ จีนสำปั้นคนเก่าทำ เดิม ๔๒ ชั่ง ประมูลข้างที่ ๑๓ ชั่ง รวม ๕๕ ชั่ง รวมอากร ๖ ราย เดิม ๕๙๕ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ขาด ๑ ชั่ง คง ๕๙๔ ชั่ง ๑๕ ตำลึง ประมูลขึ้น ๙๙ ชั่ง ๑๕ ตำลึง รวม ๖๙๔ ชั่ง ๑๐ ตำลึง หักขึ้นใช้ขาดแล้วคงขึ้น ๙๘ ชั่ง ๑๕ ตำลึง (ไปเซ็นวันจันทร แรม ๑ ค่ำเดือน ๙) กัปตันลอฟตัสเฝ้าถวายไม้วา ศอก คืบ และเชือกโซ่ เครื่องวัดอย่างไทย โปรดให้เอาของเดิมสอบได้กัน ส่งรายเดียวกันว่าเดิมไม่ว่าทำชื่อไว้จะให้เสนาบดีคละกัน เดี๋ยวนี้จะไม่ให้จึงนำมาทูลเกล้า ฯ ถวาย รับสั่งว่าสิ้นเงินเท่าใด จึงทำอินวอยขึ้นถวายพระราชทานเงินให้ไป ๑๒ ชั่ง ๒ บาท วันนี้สวดมนต์ฉลองเทียนในพระที่นั่งอัมรินทร ไม่ได้เสด็จออก รับหนังสือกงซุลอเมริกันฉะบับหนึ่งว่าด้วยโปรดเกล้า ฯ ให้หมอแมกฟาแลนด์เป็นผู้จัดการโรงสกูลและครูสอนนั้นเขามีความยินดีเป็นอันมาก รับสั่งว่าถ้อยคำหยาบคายไม่รู้อะไรจริง ๆ ในคำนั้นเรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าในหลวง ทรงเห็นว่าจะเป็นหมอแมกฟาแลนด์แปล จะต้องต่อว่า มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ว่าทูลกระหม่อมพระองค์น้อยจดหมายทูลขอนายสินอารมเชอซายัน หม่อมราชวงศ์ซายันในกอมปนีที่ ๖ ไปเป็นพนักงานทำถนน ให้ส่งไปเถิด ตำแหน่งที่นี้มีงานประจำตัวอยู่ให้เลิกคนตั้งเสีย อนึ่งออฟฟิศเซอลาไปบ้านนั้นจดหมายทูลเข้ามา ถ้าไม่มีออกไปในหกชั่วโมงเช้ามาเป็นอนุญาต วันนี้ทรงทราบว่าเวลาวันนี้เจ้าคุณทหารทำแซยิด แต่ว่าทำเป็นการไปรเวตเอาเครื่องหมายมาถวายวันนี้ จึงมีพระราชหัตถ์พระราชทานพรพระราชทานของขวัญ ดุมเสื้อเชิ๊ตเพ็ชร์ ๓ เม็ดสำรับหนึ่ง เช้า ๔ โมงครึ่งเสด็จไปวัดพระเชตุพน ถวายของขึ้นกุฏิพระธรรมไตรโลกย์ ทอดพระเนตรเห็นหลังคาวิหารต้านตะวันออกชำรุด โปรดให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์เป็นแม่กองซ่อมแซม เปลี่ยนหลังคาและที่ต่าง ๆ ให้จับทำการวิหารด้านตะวันออกก่อน พระมงคลเทพมุนีถวายบัญชีซ่อมแซมกุฏิ ซึ่งพระราชทานเงินไป ๕ ชั่ง ทำสิ้น ๔ ชั่ง ๑๕ ตำลึง เหลือเงิน ๕ ตำลึง

วันเสาร์ขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

เวลาเช้าเสด็จออกพระที่นั่งอัมรินทร เลี้ยงพระฉลองเทียน ทรงพรมพระสุหร่ายแล้วออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกเมืองฉะเชิงเทรา ว่าด้วยการขุดคลองฉะบับหนึ่ง แล้วเสด็จขึ้น มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ให้ตั้งเงินเดือนกัปตันลอฟตัสเป็นพนักงานเซอรเวในกรมทหารมหาดเล็กจำนวนเดือนละ ๒๕๐ เหรียญ ตั้งแต่เดือนนี้ไป การที่จะทำนั้นให้บังคับลงมือทำแผนที่ทางเตลิกราฟฝ่ายตะวันตกที่ยังค้างอยู่ตอนหนึ่งให้แล้วก่อน ต่อนั้นไปให้เขียนแผนที่เมืองโคราชที่เซอรเวมาแล้ว และเจ้าพระยาภาณุวงศ์จะให้ออกไปปักเสาร่องน้ำบางปะกง เวลาไรก็ให้บังคับให้ออกไปตามขอ เมื่อการทั้งหลายเหล่านี้เบาบางลงแล้ว จึงให้ทำแผนที่ในจังหวัดเมืองที่ใกล้กรุงเทพฯ คือเมืองปราจิณ นครนายก กรุงเก่า อ่างทอง สุพรรณ นครชัยศรี ราชบุรี ตกถึงชายทะเลให้มีสำคัญแม่น้ำไร่นาโดยละเอียด จะได้คิดขุดห้วยคลองต่อไป อนึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์จะทำถนน จะต้องตรวจในที่แผ่นดินสูงต่ำและอะไร ๆ บ้าง ซึ่งกัปตันลอฟตัสจะทำได้ ถ้าเรียกแล้วให้บังคับให้ไปทำ ถึงในระหว่างทำการอื่น ๆอยู่ ก็ให้แบ่งเวลาไปทำบ้าง อย่าให้เสียการทั้งสองฝ่าย อนึ่งที่บ้านซึ่งจะอยู่นั้น ฟากข้างโน้นไม่ถูกกันกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์ใหญ่ ให้คิดหาที่บ้านฟากข้างนี้ให้ จะได้ที่หน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์หรือแห่งใดให้หาดูเถิด พระยาศรีนำบอกพระยาเทพมากราบบังคมทูล บอกลงมาว่าด้วยเจ้าราชสัมพันธ์นายโปลิศเมืองเชียงใหม่ ให้สืบความปล้นที่เขตต์อังกฤษรายฆ่าโปลิศตาย ๒ คนนั้น ได้ความที่คอมมิชันเนอเมืองผาปูน ว่าจับโปลิศได้ ๗ คน ส่งไปเมืองมรแมนแล้ว

วันอาทิตย์ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

เวลาเช้า ๕ โมงเสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดารามเลี้ยงพระ ถวายพุ่มเทียนร้อยและทรงจุดเทียนพรรษา แล้วทรงแจกเทียนให้เจ้านายไปจุดเทียนทุก ๆ พระอาราม ทรงถวายเทียนร้อยเจ้านายราชาคณะ แล้วเวลาเที่ยงเศษเสด็จขึ้น ปีนี้กรมหมื่นนเรศเข้าไปไม่ทัน เสด็จขึ้นเสีย รับเทียนมาแต่กรมวังแล้วไปจุดวัดมหาธาตุ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งเสด็จวัดพระเชตุพนทรงจุดเทียนพรรษา แลถวายพุ่มในพระอุโบสถ และวิหารตะวันออกทิศใต้ ตะวันตก วิหารเหนือนั้นพระราชทานองค์โสณไปจุด แล้วเสด็จวิหารพระไสยาศน์ พระเจดีย์นั้นครั้นจะเสด็จฝนก็ตก จึงพระราชทานให้พระองค์ทองไปบูชา แล้วเสด็จตำหนักสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส แล้วถวายพุ่มพระธรรมไตรโลกย์ เดิมเจ้าพนักงานนิมนต์มาเตรียมไว้ที่ศาลาหน้าตำหนัก โปรดเกล้า ฯ นิมนต์เข้าไปรับในกุฏิเพราะเป็นของถวายแต่องค์เดียว ธรรมเนียมเดิมคิดไว้แล้วจึงได้ให้รับในกุฏิ ครั้นจะถวายข้างนอกพระสงฆ์ซึ่งมาอดิเรกไม่ได้หลายองค์ก็ดูหน้าชังแล้วเสด็จกลับ อนึ่งเสด็จถึงวัดที่ศาลาเปลื้องเครื่องสมเด็จกรมพระ กรมขุนบดินทร์ กรมเจริญ เจ้านายเฝ้า โปรดเกล้า ฯ รับสั่งให้สมเด็จกรมพระซ่อมข้างเจ้านาย ด้วยเห็นว่าวัดนี้เป็นวัดของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ ในเจ้านายครั้งนี้ไม่มีใครใกล้ชิดเท่าพระองค์ท่าน จึงได้ทรงขอให้ท่านเป็นแม่กองข้างเจ้านาย ให้เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์เป็นแม่กองข้างสมเด็จพระองค์น้อยซึ่งเป็นนายงานเดิม เจ้านายที่ไม่มีการก็มีมาก ขุนนางใหม่ๆมีเจ้ากรมปลัดกรม ตำรวจเป็นต้น ก็ให้เกณฑ์มากำกับด้านทำการไว้จะได้เคยการไปข้างหน้า นายช่างให้เอาพระยาราชสงคราม เวลา ๕ ทุ่มท้าวราชกิจกลับเข้ามาแต่สิงคโปร์ถึงกรุงเทพฯ นำหนังสือพระยาอัษฎงค์มาทูลเกล้า ฯ ถวาย ว่าเจ้าพระยาภาณุวงศ์มีหนังสือไปว่าเกาวนาจะเข้ามาเมื่อไรให้บอกให้ทราบนั้น เดิมเขาทราบข่าวแต่หนังสือพิมพ์ บัดนี้ยังไม่ได้เข้ามา ด้วยตรายังไม่ถึงและยังไม่มีคำสั่งสิเกรตรีออฟสเตต อนึ่งเขาได้ทราบข่าวว่าในพระบรมมหาราชวังประสูติพระราชโอรสเป็นเจ้าฟ้าชาย เขามีความยินดีมากถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป กับฝากส้มโออย่างดีในสวนแกมาถวายเข่งหนึ่ง ลงวันอังคารขึ้น ๑๐ ค่ำเดือน ๘

คราวนี้กระดาษขาวเลิกทุกข์แล้ว มีหนังสือเซอรอบิลซันเกาวนาสิงคโปร์ฝากเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย ฉะบับหนึ่ง ลงมาว่าเป็นไปรเวตฉะเพาะพระองค์เดียว ความว่าตั้งแต่เขามีหนังสือมาถวายสัก ๒-๓ วันได้ทราบข่าวว่าคอเวอนแมนต์ของกวีนได้งดรอไว้ ยังไม่ส่งเครื่องราชอิศริยยศเซ็นต์ไมเคอลเซ็นต์ยอชมา เพราะเหตุสงสัยว่าในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เต็มพระราชหฤทัยรับตราชะนิดนี้หรืออย่างไรแน่ ตัวเขามีความเสียใจที่การนี้รอไป เพราะมีความตั้งใจยินดีที่จะเข้ามากรุงเทพ ฯ ถวายตรานั้น โดยกิริยาเป็นผู้แทนพระองค์กวีน บัดนี้ต้องงดไปกว่าความสงสัยผู้ปกครองแผ่นดินของกวีนจะสิ้นไป เพราะเหตุมิสเตอรนอกซ์ เขาเชื่อว่ามิสเตอรนอกซ์ได้เฝ้าทูลในเรื่องนี้อีก เพราะประสงค์เขาจะใคร่ทราบในพระกระแสตามความในพระราชหัตถ์เลขาที่พระราชทานเขาเมื่อเดือนเฟบรุวารีนั้น เขาได้บอกไปยังเสนาบดีเพราะเขาตัดสินดูเป็นเต็มพระทัยจะรับ เขาจะได้มีความเสียใจจริง ๆ เมื่อจะได้เป็นเหตุที่ตัดความยินดีของเขามิได้ให้ได้นำไปทูลเกล้า ฯ ถวาย บางทีเมื่อมิสนอกซ์ได้เฝ้าอีก และเขาทราบพระกระแสพระราชประสงค์ในเรื่องนี้แล้ว คงจะทรงพระกรุณามีพระราชหัตถ์เลขาเป็นการลับให้เขาทราบ ว่าทรงพระราชวินิจฉัยประการใด ๆ เพราะเวลานี้ยังเป็นความลำบากยากใจเขาในการที่เขาจะออกสิงคโปร์นี้อยู่เสมอ ถ้าและเขาได้ทราบว่ามิสนอกซ์จะมีตอบแทนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปยังเมืองอังกฤษประการใด เขาก็คงจะได้จัดการของเขาตามพระราชกระแสนั้นเรียงเข้ามาทูลเป็นการลับมานี้ เพราะจะได้ชี้แจงเรื่องที่โต้แย้งกันอันปรากฏขึ้นในระหว่างถ้อยคำในหนังสือที่เขาบอกไปแต่ก่อน ด้วยเรื่องที่จะเข้ามากับเรื่องที่งด เกิดเหตุขึ้นด้วยส่งตราลงวันที่ ๑๐ ยูไล ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๘

กับมีหนังสือมิสเตอรแมกเนีย ส่งหนังสือกริตแอน ส่งเย็บหนังสือใหม่ดีมาถวายอีกฉะบับหนึ่ง กับมีห่อหนังสือเรื่องเมืองไทย แต่คฤสตศักราช ๑๖๘๗-๑๖๘๘ แผ่นดินพระเพทราชาเข้ามาถวายฉะบับหนึ่ง ไม่ทราบว่าของใครฝากเข้ามา วันนี้โปรดเกล้า ฯ ให้ทหารม้านำผลเงาะอย่างเอกสวนหลวงสำเร็จพระขรรค์ไปพระราชทานกงซุลเยอรมันตามรับสั่งบอกไว้

วันจันทร์แรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

เวลาเช้า ๔ โมงเสด็จออกพระที่นั่งอัมรินทร์เลี้ยงพระสดัปกรณ์พระบรมอัฐิ แล้วเสด็จวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เปลื้องเครื่องพระแก้วมรกต เซ็นบาญแผนกที่ถวายวันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๘ ว่าให้ตั้งผู้รับเงินสูงไปทั้ง ๖ รายเถิด

พระสัจจากลับมาจากสิงคโปร์เฝ้าถวายตู้บุหรี่สองตู้มีหีบ มีพระราชหัตถ์ตอบเกาวนาสิงคโปร์ เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จวัดราชประดิฐถวายพุ่มพระพุทธสิหิงค์และพระสาสนโสภณและพระสงฆ์ทั้งปวงแล้วเสด็จไปนมัสการพระเจดีย์ แล้วเสด็จตำหนักพระองค์เจ้าเณรสวัสดิโสภณ ถวายพุ่มแล้วเสด็จวัดราชบพิธ ถวายพุ่มแล้วเสด็จกลับทอดพระเนตรพระประธานดูตั้งฐานสูงไปไม่งามและไม่มีซุ้มด้วย จึงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นนเรศไปหามิสเตอรยุกิงแกรซีมาคิดที่ฐานพระให้ต่ำลงมา และให้เพิ่มเติมซุ้มลงด้วยให้คิดสั่งศิลาเป็นตัว ๆ เข้ามา เวลาเกือบ ๒ ทุ่มเสด็จกลับ

พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวายว่า หลวงสรสิทธิ์ตกม้าเทศป่วยมากเดินไม่ได้ บัดนี้พระยาจ่าแสนยบดีมีจดหมายมาขอรับตัวไปรักษาที่บ้านกว่าจะหาย อนึ่งออฟฟิศเซอนายทหารม้ายังไม่มีตัวที่จะรับการ นายเจิมสับเลฟเตแนนต์เป็นไข้จับอาการมาก ตัวเธอก็ป่วยตั้งแต่วันศุกร์ขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๘ มาจนถึงวันจันทร์แรม ๑ ค่ำเดือน ๘ มีอาการให้สะบัดร้อนสะท้านหนาวและไอหวัดเป็นกำลัง ขอรับพระราชทานนายสรพลเรืองเดชเข้ามารับราชการฉลองพระเดชพระคุณกว่าหลวงสรสิทธิ์จะหายป่วย กับตึกหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ซึ่งจะให้กัปตันลอฟตัสอยู่นั้น เธอไปตรวจตึกนั้น ๑๐ ห้อง เป็นที่พักเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๒ ห้อง เป็นคลังดับเพลิง ๑ ห้อง มิสเตอรปอนด์อยู่ ๒ ห้อง นายจิตกัปตัน นายเมืองเลฟเตแนนต์ ทหารดับเพลิงอยู่คนละห้อง มิสเตอรหลุยอยู่ ๓ ห้อง ที่ก็ไม่มี ถ้าจะโปรดเกล้าให้มาอยู่ฟากข้างนี้แล้ว เห็นว่าจะต้องทำเรือนผูกหลังคามุงจากย่อม ๆ ให้สักหลังหนึ่งก็ไม่เป็นเงินมากมายนัก ที่ซึ่งจะทำนั้นขัดอยู่ มีอยู่แต่ที่ข้างโรงเรือตรงประตูชะนะพิศาลลงไปแห่งหนึ่ง เดิมพระยาสุรศักดิ์ทำโรงม้าและให้ไพร่หลวงกรมทหารมหาดเล็กปลูกเรือนอยู่ บัดนี้ว่างอยู่มีโรงทำงานหลังหนึ่ง เรื่อนหมื่นพหลสมุหบัญชีทหารมหาดเล็กหลังหนึ่ง กับส่งหนังสือพระยาจ่าแสนยกับกงซุลเยอรมันขอบพระทัย เรื่องประทานผลเงาะเข้ามาถวายด้วย

วันอังคารแรม ๒ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับคำโทรเลข ๓ ฉะบับบอกเรือเข้ามาสองลำออกลำหนึ่ง ท่านผู้หญิงอิ่มเฝ้าถวายเรื่องราวจีนฮกเซงขอทำภาษีเกลือ ว่าจีนอูเฉียทำอยู่เดิมปีละ ๖๑๐ ชั่ง ถึงเดือน ๙ ขึ้นค่ำหนึ่งสิ้นงวด ตัวจะขอทำต่อไปตั้งแต่เดือน ๙ ขึ้นคำหนึ่งปีขาล ไปจนเดือน ๙ ขึ้นคำหนึ่งปีมะเส็งตรีศก ๑๒๔๓ ประมูลเงินขึ้นอีก ๑๐ ชั่ง รวมเป็นปีละ ๖๒๐ ชั่ง วันพฤหัสบดีแรม ๔ ค่ำเดือน ๘ ว่าให้พระยาโชฎึกรับเรื่องราวนี้ กรมขุนบดินทร์เฝ้าถวายหนังสือว่าวันเสาร์ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ เวลา ๒ ทุ่ม พระยารองเมืองให้ขุนนครเขตรเกษมศรี หมื่นจ่าสรพลโปลิศผู้จับ นำตัวหม่อมเจ้าโอภาสในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ กับนายใหญ่ทหารมหาดเล็กกอมปนีที่ ๑ มาส่ง ว่าเวลา ๒ ทุ่มเศษเกิดวิวาทกันที่หน้าตึกขุนพัดแหยม โจทก์หาว่าหม่อมเจ้าโอภาสฟันนายใหญ่ ท่านถามโปลิศ ๆ ว่าฟันจริง แล้วเอาเหล็กมีคมโยนไว้ที่่ร้านผู้มีชื่อ

แล้วพระราชทานหีบทองพงศาวดารที่เจ้าพระยาภูธราภัยได้ให้พระยาอภัยรณฤทธิ์ไปเป็นเครื่องยศ เจ้าหมื่นสรรเพธทูลว่าเพ็ชร์ไม่มีใช้ราชการ จึงถวายหนังสือขอจัดซื้อเพ็ชร์ทั้งเม็ด ๓๙๐ เม็ด หนัก ๗๑ กาหรัด ๑/๔ ราคากาหรัดละ ๑๖ ตำลึง ๑ บาท เงิน ๕๗ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง เพ็ชร์ซีก ๒๔๐๐ เม็ดหนัก ๑๘๖ กาหรัด ๑/๒ ราคากาหรัดละ ๑๐ ตำลึง เงิน ๙๓ ชั่ง ๘ ตำลึง รวม ๑๕๑ ชั่ง ๒ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง พระราชทานหนังสือสำคัญส่งเงินออกไป พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวายว่ากัปตันลอฟตัสมาแจ้งความว่าเครื่องมือที่จะใช้ทำอยู่เดิมเป็นเครื่องสำหรับกรมโทรเลข ท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์มีคำสั่งให้พระโทรเลขเรียกไว้ทั้งสิ้น การซึ่งจะทำต่อไปไม่มีเครื่องมือ เครื่องมือสำหรับกรมทหารนั้น มิสเตอรอาลบาศเตอเก็บลงไปไว้บ้านแต่ครั้งเป็นธุระทำการแผนที่ จะโปรดเกล้า ฯ ให้เรียกกลับมาหรือประการใด อนึ่งเงินเดือนนั้นว่าแต่เดิมเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ได้ให้สำหรับคนแจวเรืออีก ๒๔ เหรียญ รวม ๒๗๔ เหรียญ และขอให้ในโรงทำการห้องหนึ่งกับผู้ช่วยเขียนสองคน ได้จัดให้เสร็จแล้ว ว่าอยากจะได้รับพระราชทานลงมือทำการโดยเร็ว หม่อมเจ้าปรีดาในกรมขุนวรจักรนำหนังสือนโรดมมีมาถึงเธอมาถวายว่าผู้ที่ถือมานั้นชื่อหลวงพินิจ ว่าหนังสือมาหลายฉะบับ ถามว่าถึงใครบ้าง ๆ ก็ไม่บอก รู้แต่ว่าที่วังกรมอนันตฉะบับหนึ่ง ถามว่ามีธุระสิ่งใดจึงมา ก็ไม่บอก ๆ แต่ว่าถือหนังสือมาเท่านั้น ความนั้นโปรดเกล้า ฯ ให้คัดไว้ว่าจดหมาย เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จพระราชดำเนินวัดบวรนิเวศ ถวายพุ่มพระชินศรี แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรเอาโคมน้ำมันปิโตรเลียมมาแขวนที่ตรงพระพักตร์พระชินศรีคู่หนึ่ง ให้จ่ายน้ำมันให้เดือนหนึ่งพอสองดวงทุกเดือนไป แล้วถวายพุ่มพระอุปัชฌาย์และพระสงฆ์ทั้งปวง แล้วเสด็จพระเจดีย์เก๋งเล็กและวิหารพระศาสดา พระเข้าปรินิพพาน พระศรีมหาโพธิ์ และตำหนักพระองค์เจ้าเณรศรีเสาวภางค์ พระองค์เจ้าเณรไชยันต์มงคลแล้วเสด็จกลับ เมื่อก่อนเสด็จมีพระราชหัตถ์เลขาถึงพระยาอัษฎงค์ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวายว่าด้วยพระวรภัณฑ์พลากรทำเรื่องราวขอเพิ่มเสมียนคลังขึ้นอีก ๓ คน รวมเป็น ๗ คน พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนเห็นควรจะมีเพียง ๕ คน ส่งเรื่องราวมาด้วย หลวงดำรงหมอแจ้งว่าออกเวรต้องการมารับการกลางวัน ของดเสีย ทำยารักษาทหารกับขอหมอฝีหนึ่ง

วันพุธแรม ๓ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐

รับหนังสือพระอินทรเทพว่าวันแรมค่ำหนึ่ง หลวงอำนาจมาแจ้งความว่ามีผู้ร้าย ๓-๔ คน อยู่เรือฉลอมบอกว่าจอดซุ่มอยู่เวลากลางคืนมีพวกเพื่อนขี่เรือสำปั้นลำละคนบ้าง ๒-๓ คนบ้างพากันพายเรือทำเป็นร้องขายบะหมี่ พวกที่มาเรือสำปั้นก็แวะเข้ามาสูบยา เวลา ๒ ยามเศษก็พากันลงเรือเล็กไปเที่ยวล้วงลักราษฎร ครั้นวันแรม ๒ ค่ำ แกให้ตำรวจอำเภอไปจับได้ตัวอ้ายแหววอ้ายเดชอ้ายเปียคนร้ายในเรือฉลอม บอกกันว่าได้เครื่องสาตราวุธและเครื่องมือหลายสิ่งกับของกลาง ให้การรับ ยังชำระอยู่ เมื่อได้ความประการใดต่อไปจะนำขึ้นกราบบังคมทูลอีก

ขุนสมุทรโคจรถวายหนังสือพระยาเทพประชุน ๓ ฉะบับๆ หนึ่งว่าด้วยหลวงสิงหฬสาครขึ้นไปถึงวันพฤหัสบดีขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๗ ส่งพระราชหัตถ์ ๓ ฉะบับและสำเนาหนังสือต่าง ๆ ตราพระราชสีห์ ๖ ฉะบับ กับของได้พระราชทานได้ส่งแก่ลาวแล้ว มีความยินดีมาก

รับหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่ามิสเตอรเยซัลมอนกงซุลฮอลันดาคนใหม่มาด้วยเรือกลไฟกรมท่าถึงวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ เวลาวานนี้มาหา นำตราตั้งมาให้ดู จะขอกำหนดเฝ้าแลเอกษกวาเตอ แต่ตราตั้งเป็นหนังสือวิลันดายังแปลอยู่ แล้วจะนำมาทูลเกล้า ฯ ถวายภายหลัง ส่งสำเนาหนังสือมองซิเออวัลเฮกเรนแกลมินิสเตอรว่าการต่างประเทศกรุงนิเทอแลนด์มาด้วยเป็นหนังสือนำ มิสเตอรซัลมอนถึงกรมท่า โปรดเกล้า ฯ สั่งท้าวแพไปว่าให้เฝ้าวันเสาร์ พระยาจ่าแสนย พระยาศรีเฝ้าอ่านบอก พระยาเทพวางเวร ๓ ฉะบับ ถึงสมเด็จกรมพระฉะบับหนึ่ง วางเวรฉะบับหนึ่ง ว่าด้วยชำระความแล้วไป และยังฉะบับหนึ่ง ว่าด้วยหมายประกาศสงกรานต์บอกวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ซึ่งมีตราตอบขึ้นไปว่าไม่ตรวจตรานั้น ขอให้ตรวจตราดูใบบอกของแกก่อน เพราะได้รับนั้นพ้นกำหนดวันเฉลิมพระชนม์พรรษาแล้ว ขอให้ตรวจดูให้ละเอียด ถ้าพระยาเทพแพ้แล้วจะทำขวัญกรมมหาดไทย ๑๐ ชั่ง ถ้ากรมมหาดไทยแพ้แล้วก็แล้วไป รอดตัวไปครั้งหนึ่ง ฉะบับหนึ่งบอกว่าซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ชำระความมองกุณและแสนบันบุง ให้มีอำนาจเต็มที่ จะเอาตัวพระยาไชยมงคลเอื้อยมาชำระนั้น ขณะหลวงสิงหฬนำศุภอักษรไปให้เจ้านครพร้อมกันที่เมืองเชียงใหม่ เจ้านครว่ายอมให้แกชำระทั้งสองเรื่อง ให้ส่งมากรุงเทพฯ แล้วพูดแก้แทนจำเลยทั้ง ๒ เรื่อง เจ้านายเมืองนครเชียงใหม่ว่ากล่าวก็ไม่ฟัง ขณะนั้นมองกุณะกับแสนบันบุงอยู่นั่นด้วย มองกุณะก็ไม่ยอมให้พระยาเทพชำระ ได้จดหมายถ้อยคำประทับตราไว้สำหรับศาลบังคับให้เจ้านครส่งตัวจำเลยเรื่องแสนบันบุงก็ไม่ส่ง ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้มีอำนาจเต็ม เจ้านครขัดขืนดังนี้ จะโปรดให้มีอำนาจประการใด อีกฉะบับหนึ่งถึงสมเด็จกรมพระเล่าเรื่องแสนบันบุงด้วยเจ้านครขัดขืน ครั้นจะไม่ส่งลงมา แสนบันบุงก็เตือนว่าจะขอหนังสือมหามิศไปที่กงซุลกรุงเทพ ฯ ความก็นานมาแล้ว ถ้าไม่ส่งลงมาก็จะเป็นกดความ มีความผิด ส่งลงมาดีกว่า ก็ได้บังคับให้เจ้านครส่งจำเลยลงมาก็ไม่ส่ง แล้วอ่านตราตอบพระยาเทพเรื่องหัดทหารจัดโปลิศเรียบร้อย ชมไป กับส่งเสื้อยศให้เจ้าราชสัมพันธ์นายโปลิศตามขอสำรับหนึ่ง กับปืนที่จะให้ทหารให้เอาปืนที่หลวงสิงหฬเอาขึ้นไป ๒๐๐ กระบอก อีกฉะบับหนึ่งบอกด้วยเรื่องปล้นที่บอกลงมาแล้ว มิสนอกซ์มีมาด้วยเรื่องว่าเราจับได้รายหนึ่ง อีกฉะบับหนึ่งลูกหนี้พะม่ากระเหรี่ยงที่จำไว้หมดตัวไม่มีจะใช้ จะเอาไว้ผู้คุมก็กลัวหนี จะต้องใช้ของนั้น ธรรมเนียมพระนั่งเกล้าท่านส่งตัวไปให้เร่งเอง ครั้งนี้ได้บอกถามชี้แจงเข้าไป ด้วยกฎหมายเราไม่มี ถ้าเขาจะยอมให้เลหลัง ก็จะเลหลังให้ เขาไม่ยอมก็ต้องส่งลงมาจำกรุงเทพ ฯ แต่ให้ท่านมีหนังสือไปปรึกษามิสนอกซ์เสียก่อน เขาจะเห็นอย่างไรดูบ้างเห็นจะดี ตราถึงหลวงพระบางฉะบับหนึ่ง ที่บอกมาด้วยเรื่องฮ่อนั้นก็เห็นว่าเป็นแต่เล็กน้อย ไม่ใช่ในเขตต์แดนเมืองหลวงพระบาง กับขัดด้วยสะเบียงอาหารด้วย จะให้กองทัพขึ้นไปก็เปลือง เมื่อเกี่ยวข้องในเขตต์แดนจึงจะให้ขึ้นไป เมืองตินเงเดือนตอบมานั้นให้ตอบไปก่อนแล้ว พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวายว่าด้วยพระวรภัณฑ์พลากรทำเรื่องราวขอเพิ่มเสมียนคลังขึ้นอีก ๓ คนรวมเป็น ๗ คน พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนเห็นว่าควรจะมีเพียง ๕ คน ส่งเรื่องราวมาด้วย หลวงดำรงหมอแจ้งว่าออกเวรต้องมารับการกลางวัน ของดเสีย ทำยารักษาทหารกับขอหมอฝีคน ๑

วันพฤหัสบดีแรม ๔ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

ท้าวราชกิจวรภัตรถวายหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่า ท้าวราชกิจรับพระบรมราชโองการไปสั่งว่าโปรดเกล้า ฯ ให้มิสเตอรเยซัลมอนกงซุลวิลันดาเฝ้าในวันเสาร์แรม ๖ ค่ำเดือน ๘ เวลาบ่าย ๔ โมง ให้ท่านสั่งหมายเหมือนอย่างกงซุลคนก่อน เจ้าพนักงานจัดรถไปรับที่ท่าศาลต่างประเทศขึ้นมาพักบนพระที่นั่งสุทไธศวรรย์แล้ว แล้วทหารปืนใหญ่ยิงสลุตรับ ๗ นัด เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าราชการสวมเสื้อเยียรบับเข้มขาบ แล้วส่งสำเนาคำแปลตราตั้งมาด้วย

กรมหมื่นนเรศทูลด้วยเรื่องพวกเขมรที่จะมาเอาตัวเจ้าพัด สมเด็จกรมพระว่าขอให้ค้นบัญชีเบี้ยหวัดข้างใน เมื่อพบตัว จึงจะได้สืบ เห็นจะต้องใช้พระยามหามนตรี แล้วรับสั่งให้หามาสั่งให้พระยามหามนตรีสืบ แล้วแต่งคนไปให้ ว่าจะไปเขมรจึงจะได้ความดี รับหนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าในคราวเรือเมล์นี้ ท่านได้รับหนังสือพระยาอัษฎงค์มีเข้ามาว่าได้ส่งแมมโมเรนดัมรายเรือลูกค้าบรรทุกปืนดินปืนกระสุนปืน เข้ามาในหัวเมืองเขตต์กรุงสยาม ท่านส่งต้นหนังสือกับแมมโมเรนดัมกับคำแปลเข้ามา หนังสือพระยาอัษฎงค์ ว่าเรือบรรทุกเข้ามาตั้งแต่วันที่ ๑ จนถึงวันที่ ๒๖ เดือนยูน ๑๘๗๘ ถ้าจะห้ามไม่ให้บรรทุกเข้าไปก็ขอให้มีหนังสือไปถึงเขา ๆ จะไปว่ากับคอเวอนเมนต์ลงวันที่ ๘ ยูไล

แมมโมเรนดัมวันที่ ๑ เดือนยูน เรือสินเสงวัดบรรทุกดินปืน ๔ หาบ ไปส่งข้างเมืองฝ่ายสยาม วันที่ ๓ เรือเคงหกเสงดินปืน ๓ หาบกับหนัก ๑๐๐ ปอนด์ ๘ ท่ำ วันที่ ๕ เรือกิมไทยหินดินปืนหนัก ๓๔๒ ปอนด์ วันที่ ๖ เรือสินเฮงลี ดินปืนหนัก ๒๕๐ ปอนด์ วันที่ ๑๒ เรือไดแอนนาดินหนัก ๓๐ หาบ กับ ๒๔๐ ท่ำ ไปจันทบุรี วันที่ ๑๗ เรือปีเยียนดินหนัก ๑๐ หาบกับ ๕๐ ท่ำ ไปเมืองลคร วันที่ ๘ เรือสำเภาชื่อเคงเคียดลีดินปืนหนัก ๑ หาบ กับ ๑๒ ท่ำ เมืองหลังสวน วันที่ ๒๑ เรือเคงสุยหินดินหนัก ๑ หาบกับ ๔ ท่ำ ไปเมืองฝ่ายสยาม จำไม่ได้ วันที่ ๑ ดินปืน ๕๐ ปอนด์ ๔ ท่ำ วันที่ ๒๔ เรือบางกอกหีบ ๑๕ หีบ มีปืน ๓๐ ส่งกรุงเทพ ฯ หีบ ๘ หีบ มีปืน ๑๖ บอก วันที่ ๒๕ เรือสำเภาซุยปันเสงดินปืน ๑๐ หาบ กับ ๒๐ หีบ ๆ หนึ่งมีปืน ๒๐ บอก หีบ ๖ หีบมีปืน หีบ ๔ หีบ มีปืน ๑๒๐ บอก ส่งบ้านดอน วันที่ ๒๒ เรือยันอัดลี ดิน ๑๐ หาบ ๕ ท่ำ เมืองนคร คัดไว้ส่งต้นอังกฤษไป เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์เฝ้าถวายจำนวนคนทำวัดพระเชตุพนซึ่งสมเด็จกรมพระทรงกะ ทำวิหาร ๔ หลัง ๆ ละ ๒ นาย จ่ายเลขนายละ ๑๐ คน ซุ้มพระระเบียงชั้นใน ๕ ซุ้ม ๆ ละ ๒ นาย จ่ายเลขนายละ ๕ คน ทำซุ้มพระระเบียงชั้นนอก ๔ ซุ้ม ๆ ละ ๒ นาย จ่ายเลขนายละ ๕ คน รวม ๒๔ นาย เป็นคน ๑๗๐ คน

แล้วกรมหมื่นนเรศทูลตามสมเด็จสั่งว่าการช่างปั้นเขียนเป็นต้น ถ้าจะใช้ช่างหลวง การเห็นจะค้าง จะขอจ้างแต่ไม่ออกเงินหลวง จะชักเงินตัวเลขจ้าง แล้วทูลด้วยเรื่องเมืองเชียงใหม่ เมื่อวานนี้สมเด็จกรมพระทรงพระวิตกมาตามพระกระแส ด้วยจะสมคำสมเด็จเจ้าพระยาทำนายว่าลาวไม่ฟังบังคับไทย ขอให้ทรงพระดำริให้มาก ๆ ท่านส่งบอก ๒ ฉะบับ กับหนังสือไปรเวตถึงท่านฉะบับหนึ่ง รวม ๓ ฉะบับ กับท่านฝากหนังสือเจ้าอุปราชเมืองหลวงพระบาง นำหนังสือปลัดเมืองสวรรคโลกมากล่าวโทษถึงเจ้าพระยาภูธราภัยที่เมืองพิชัยก่อนนี้ ว่าเป็นใจด้วยพวกฮ่อ เกิดเหตุขึ้นเพราะตัวฉะบับหนึ่ง ท่านจึงค้นที่นายเวรได้ฉะบับมีมาก่อนฉะบับเจ้าอุปราชยื่นฉะบับหนึ่ง ตอบ ๒ ฉะบับ รวม ๔ ฉะบับ เจ้าพระยาภูตอบแข็งแรงถวายไว้ให้ทรงทราบ

พระยาจ่าแสนย พระยาศรี เฝ้า อ่านตราเมืองเชียงใหม่เรื่องเมื่อวานนี้โปรดให้ไปแก้ใหม่ กับเพิ่มตราเรื่องถามภาษี เรื่องจับคนที่มิสนอกซ์มี กับอ่านบอกเมืองสุพรรณส่งผู้ร้ายปล้นฉะบับหนึ่ง แล้วพระยาจ่าแสนยทูลเรื่องผู้ร้าย ๕ คนกลับคำต้นซัดหนี อีกคนหนึ่งกรมการว่าซัดอ้าย ๕ คนด้วยแต่อ้ายผู้ร้ายว่าไม่ได้ซัดยังไม่ได้เปิดคำออกดู โปรดให้เปิดคำออกดูว่าถ้าไม่ซัดก็ให้ถามสอบ กับเมืองพิษณุโลกบอกลงมา ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งว่าด้วยป่าไม้ที่หมอกัลเบศซอนจะทำนั้นเป็นป่าหลวงมีแต่ไม้เล็ก ๆ แล้วก็ใกล้ป่าผึ้งที่ทำการด้วย ถ้าทำป่าไม้ป่านี้ผึ้งก็คงหนีหมด เงินอากรเห็นจะตก โปรดให้สมเด็จกรมพระตอบเขาไป อีกฉะบับหนึ่งข้าวในบ้านมีน้อย ราษฎรซื้อขายออกจากแขวงมาก เมื่อเร็ว ๆ นี้เมืองพิชัยบอกเตรียมข้าวสะเบียงที่เกิดฮ่อเมืองพวน ถ้าเวลามีราชการแล้วกลัวจะซื้อข้าวไม่ได้ ด้วยลูกค้าออกไปจำหน่ายมาก ครั้นจะห้ามก็กลัวความผิด

ออกขุนนางค่ำ พระยาพิพัฒน์โกษาทูลเรื่องน้ำฝนต้นข้าวเมืองสมุทรปราการ เมืองนนทบุรี พระองค์เจ้าเทวัญทูลด้วย พระสาสนโสภณสั่งมาด้วย พราหมณ์โกปาลสาตรครูสอนสังสกฤตกินสุรา ค่ำมีพระราชหัตถ์ไปรเวตถึงพระองค์เจ้าเทวัญ ให้ไปปรึกษาพระสาสนโสภณด้วยเรื่องเรียนสังสกฤต อยากจะให้เลิกเสีย เพราะดูเหมือนจะไม่ชอบอัธยาศัยเสด็จที่วัด แต่เสียการที่คิดไว้เป็นประโยชน์อยู่

ทรงธรรม ให้พระวุฒิการชำระความปาราชิก

รับหนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์อีกฉะบับหนึ่ง ว่าพระยาราชบุรีบอกส่งอ้ายสนผู้ร้ายเอาปืนยิงนายเล็ก นายแป้น ตาย ซึ่งพระยาราชบุรีเสนอสมเด็จเจ้าพระยาตัดสินว่า ให้ค่ามีใบบอกเข้ามาโปรดเกล้า ฯ ให้เอาเข้ามาทำโทษในกรุงเทพ ฯ นั้น พระยาราชบุรีบอกส่งเข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ ฝากคุกไว้แล้ว คัดสำเนาทูลเกล้า ฯ ถวายด้วยฉะบับหนึ่ง

วันศุกร์แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

ท่านผู้หญิงนิ่มภรรยาพระยาไพบูลย์ถวายเรื่องราวพระยาไพบูลย์ว่าด้วยเรื่องหลวงพิศาลกู้เงิน ๔๐๐ ชั่ง ไปเตือนต้นเงินดอกเบี้ยก็ไม่ได้ ครั้นปีระกาเบ็ญจศกให้หลวงอินทรสมบัติเป็นทนายฟ้องศาลหลวงตกกระทรวง ขุนชำนาญวินิจฉัยเป็นตระลาการ ๆ ไม่เกาะตัวหลวงพิศาลมาชำระเตือนก็ผัดเพี้ยนไป ทนายทำเรื่องราวไปร้องต่อเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ก็ไม่ตัดสินให้ ซึ่งหลวงชำนาญวินิจฉัยหลวงพิศาลทำกับแกทั้งนี้ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง เซ็นพระราชหัตถ์เลขาส่งคืนไปว่า ความรายนี้เจ้าพระยาภาณุวงศ์ได้ทำขัดข้องขึ้นมาปรึกษาว่า เดิมสมเด็จเจ้าพระยาสั่งให้เร่งเงินหลวงพิศาลให้แก่นายนุชอาหาร หลวงพิศาลร้องว่าเจ้าหนี้มีอยู่หลายราย จะขอเลหลังทรัพย์สมบัติเฉลี่ยให้เจ้าหนี้ตามมากและน้อย ภายหลังพระยาเพชร์พิชัยซึ่งเปนเจ้าหนี้ใหญ่ของหลวงพิศาลมาร้องต่อเจ้าพระยาภาณุวงศ์ไม่ยอมให้หลวงพิศาลเลหลัง จะยอมหยุดดอกเบี้ยให้หลวงพิศาลผ่อนส่งต้นเงินไปกว่าจะครบ ได้นำขึ้นเรียนสมเด็จเจ้าพระยาสั่งว่าให้ถามเจ้าหนี้ทั้งปวงดู ถ้าเจ้าหนี้ทั้งปวงยอมรับตามพระยาเพ็ชร์พิชัยมากกว่าที่ไม่ยอมแล้ว ให้ตัดสินตามพระยาเพ็ชร์พิชัยนั้นเถิด เจ้าหนี้ทั้งปวงยอมตามคำเปรียบเทียบนั้นทั้งสิ้น ไม่ยอมอยู่แต่พระยาไพบูลย์ผู้เดียว จึงแต่งทนายให้ฟ้องศาลหลวง ประทับตกกระทรวงขุนชำนาญ ความนั้นยังงดอยู่ บัดนี้พระยาไพบูลย์ทำเรื่องราวกล่าวโทษขุนชำนาญจะให้ชำระประการใดนั้น ได้สั่งไปว่าความรายนี้สมเด็จเจ้าพระยาและท่านเสนาบดีตัดสินลงไว้แล้ว ขุนศาลผู้น้อยจะชำระไปไม่ได้อยู่เอง ซึ่งพระยาไพบูลย์ทำเรื่องราวกล่าวโทษขุนชำนาญนั้นให้งดไว้ไม่เป็นอุทธรณ์ได้ แต่ความเดิมนั้นสมเด็จเจ้าพระยาได้ตัดสินไว้ให้รอคอยท่านเข้ามาแต่ราชการ จึงให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์นำขึ้นเรียน แล้วแต่ท่านจะตัดสิน ได้สั่งไปดังนี้ ให้พระยาไพบูลย์รอฟังคำตัดสินสมเด็จเจ้าพระยาเทอญ แล้วมีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์เล่าเรื่องพระยาไพบูลย์ ถวายเรื่องราวทรงสลักหลังคืนไป คัดสำเนาเรื่องราวและสลักไปให้รู้ไว้

มีพระราชหัตถ์ถึงพระอินทรเทพฉะบับหนึ่งว่าพระที่นั่งและตำหนักในวังนันทอุทยานนั้นทิ้งไว้ก็ทรุดโซมเปล่า ๆ ให้ไปพร้อมกับพระยาภาษจัดพระที่นั่งและตำหนักที่วังนันทอุทยานให้เป็นที่โรงสกูลสอน แต่ที่นั้นจะทรุดโซมอย่างไรให้ซ่อมแซมเสีย กับที่เรือนหมู่ฟากคลองตะวันออกที่แห่งใดดีอยู่ ให้จัดให้หมอแมกฟาแลนด์ครูอยู่ มีพระราชหัตถ์ถึงพระยาภาษกรวงศ์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งสำเนาคำสปิชกงซุลวิลันดาทั้งอังกฤษและไทยเข้ามา รับคำโทรเลข ๖ ฉะบับ เรือมา ๕ ลำ ออกลำหนึ่ง พระยามหามนตรีเฝ้าถวายคำให้การเรื่องนายสอนเลฟเตแนนต์ ฉ้อเงินเดือนทหารเมืองภูเก็ตเบิกสองซ้ำกับในกรุงแล้วเอาไปใช้เสีย แล้วถวายสืบเรื่องเขมรเข้ามา ได้ความว่าเรือกำปั่นใบสองเสาถึงกรุงเทพ ฯ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ จอดอยู่สำเหร่มีขุนนางมาสามคน นายจูเดิมเป็นไพร่หลวงช่างกระจกในพระบรมมหาราชวังหนีไป องนโรดมตั้งเป็นเจ้ากรมหนึ่ง นายขำคนไทยเดิมอยู่ในเมืองจันทบุรีตั้งเป็นหลวงพินิจอักษรหนึ่ง กับแขกวิกคนหนึ่งสืบได้ความว่าคือตัวบารฮิม ว่านโรดมใช้ให้มาซื้อไม้จะทำตำหนักกับให้เอาไหมมาขาย ๕ หาบ กับเงิน ๓๐ ชั่งมาถวายสมเด็จเจ้า แต่จะเป็นพระอารามไหนไม่ทราบชัด กำหนดเดือนหนึ่งกลับ สมเด็จกรมพระรับสั่งให้หากรมหมื่นนเรศไปปรึกษาเรื่องขัดข้องหอรัษฎา

ออกขุนนาง พระยาศรีพิพัฒน์อ่านบอกเมืองนครชัยศรีส่งผู้ร้ายฆ่ากันตาย ขึ้นไปฆ่าบนเรือนพี่น้องกันให้ขึ้นลูกขุน ทูลกระหม่อมพระองค์น้อยถวายจำนวนดาบอย่างดีซื้อไว้แล้ว ๖๕๗ เล่ม ๆ ละ ๓ บาท เงิน ๒๔ ชั่ง ๕๑ บาทไปใช้วันอังคารขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๙ รับหนังสือพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนพร้อมด้วยจมื่นสราภัย พระวรภัณฑ์ เลือกเห็นนายเอมบุตรพระยาบำรุงราชฐานกอปราลทหารม้า สมควรจะรับที่อารมเชอซายันได้ นายอยู่กอปราลกอมปนี ๖ ควรจะเป็นซายันได้ แต่ตำแหน่งที่กอปราลขอรับพระราชทานนายจันบุตรเจ้าพระยาพลเทพเป็นกอปราล ในทหารม้าขอรับพระราชทานนายฟุ้งบุตรนายเกี่ยวมหาดเล็ก

วันเสาร์แรม ๖ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับคำโทรเลข ๕ ฉะบับ เรือเข้า ๒ ลำ ออก ๓ ลำ ทรงกับกรมหมื่นนเรศด้วยเรื่องจะปรึกษาเจ้าพระยาสุรวงศ์ เรื่องเจ้าเมืองนครลำปางขัดขืนไม่ฟังบังคับพระยาเทพ จะรีบปรึกษาบังคับเสียก่อนสมเด็จเจ้าพระยามา เพราะสมเด็จเจ้าพระยามักพูดว่าบังคับลาวไม่ได้ ก็จะพากันปล่อยเมืองเชียงใหม่เสีย ฝ่ายเราจะขัดขืนเหมือนแต่ก่อนคนเดียวจะไม่ได้ ด้วยพากันคิดทิ้งเสียหมดแล้ว บ่าย ๔ โมงเสด็จออกแขกเมืองพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงฉลองพระองค์เต็มยศทหารมหาดเล็ก รับสั่งให้เจ้าพระยาสุรวงศ์มาเฝ้า มิสเตอรเยซัลมอนคนหนึ่ง กงซุลอเมริกัน ผู้ว่าราชการแทนกงซุลฮอลันดาคนหนึ่ง เดอซาล่ามคนหนึ่ง ลูกหมอปลัดเลล่ามคนหนึ่ง พระยาศรีพิพัฒน์ทูลเบิก แล้วกงซุลคนใหม่สปิชแล้วถวาย แล้วทรงตอบ แล้วกงซุลถวายกระแดนเชียน แล้วพระราชเอกษกวาเตอ แล้วทรงปฏิสัณฐานตามธรรมเนียม แล้วพระราชทานเครเดนเชียลให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์ไป แล้วเสด็จขึ้น เจ้าพระยาสุรวงศ์เฝ้าทรงปรึกษาท่านขอรับเอาหนังสือบอกไปดู ตรึกตรองแล้วจะตอบรีบบังคับขึ้นไปเสียเป็นการแล้ว แล้วทูลด้วยเรื่องทำแว่นฟ้าสมเด็จเจ้าพระยา

ทรงตัดสินความหลวงอินทรโกษาโจทก์พระไชยยศจำเลย ซึ่งสมเด็จกรมพระให้กรมหมื่นนเรศถวาย ด้วยเมื่อตรวจคลังหลวงอินทรโกษาทำเรื่องราวยื่นที่สมเด็จกรมพระ ว่าได้ตั้งฎีกาเบิกเงินสลักหลังรับเงินไปเสด็จ และได้รับเงินไปแล้วบ้าง ยังตั้งเงินฝากไว้อีก ๒๓๔ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๑ เฟื้อง พระยาไชยยศให้การว่าไม่ได้ฝาก เป็นแต่สลักหลังฎีกาเสด็จแต่ได้รับเงินไปแล้วบ้าง ยังบ้าง คงยังไม่ได้ให้เงิน ๒๓๔ ชั่ง ๑๖ ตำลึง ๑ เฟื้อง ที่ว่าฝากนั้นไม่จริง เคาน์ซิลนำขึ้นถวาย โปรดให้มีกระทู้ถามหลวงอินทรโกษาว่าหาเงินรายเดียวในฎีกาหรือตั้งฝากไว้อีกหลายราย หลวงอินทรรับสารภาพผิดว่ารายเดียว สมเด็จกรมพระเซ็นให้กรมหมื่นนเรศถวาย ทรงเซ็นไปว่าเห็นว่าเงินรายนี้ก็เป็นถูกต้องกันแล้ว แต่หลวงอินทรโกษาทำเรื่องราวคลุม ๆ เป็นที่เอาเปรียบพระไชยยศ แต่ถึงหลวงอินทรโกษาจะหมายดังนั้นจริงก็คงไม่ตลอด ด้วยตั้งว่าฝากไม่มีตั๋วฎีกาต่อกัน ความรายนี้ให้เป็นแล้วแก่กันให้เจ้าพนักงานจ่ายเงินตามที่รับกันเถิด

รับสั่งให้กรมหมื่นนเรศ ไปเฝ้าสมเด็จกรมพระ คัดบอกพระยาเทพประชุนไปให้เจ้าพระยาสุรวงศ์

วันอาทิตย์แรม ๗ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

ปรางภรรยาพระภาษีเฝ้าถวายเรื่องราวรายที่พระองค์เจ้าประภัศร พระยาอุทัยธรรมทูลเกล้า ฯ ถวายหนังสือว่า ด้วยเจ้าหมื่นสรรเพธภักดิ์ซื้อเพ็ชร์ตาม จำนวนที่พระราชทานหนังสือสำคัญไปเป็นเงิน ๑๕๑ ชั่ง ๒ ตำลึง ๓ บาท ๑ สลึง ส่งคลังแล้ว

พระองค์เจ้าเทวัญไปยืมหนังสือซึ่งล้นเกล้า ฯ และพระเจ้าน้องยาเธอพร้อมกันจัดเครื่องปักดอกไม้เงินมีจานแก้วสำรับหนึ่ง ถวายสมเด็จกรมพระไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวตั้งกรมพระ ถวายวันพฤหัสบดีขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๖ ปีจอฉอศก เซ็นพระราชหัตถ์เลขาจุฬาลงกรณ์ เจ้านาย จาตุรนต์รัศมี ภาณุรังษีสว่างวงศ์ กฤษดาภินิหาร คัคณางค์ ทวีศุข ทองใหญ่ เกษมสันต์ กมลาศ เกษมศรี ศรีสิทธิ์ ทองแถม ชุมพล กาพย์ เทวัญ มนุษย์ รวม ๑๖ องค์ ๑๗ ทั้งในล้นเกล้า ฯ

มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์เจ้ากาพย์ ว่าด้วยเรื่องเครื่องมือทำแผนที่ ว่าการทำแผนที่ครั้งนี้ก็เป็นการของกรมโทรเลข ด้วยจะทำแผนที่ระยะทางที่จะปักเสา ควรจะใช้เครื่องมือในกรมโทรเลขด้วยเป็นของทั้งอยู่เปล่า ยังไม่มีใครทำการในกรมนั้น เครื่องมือในกรมทหารมหาดเล็ก ก็เป็นของสำหรับมิสเตอรอาลบาศเตอทำการอยู่ ให้ยืมเครื่องมือกรมโทรเลขมาให้ทำไปก่อน แต่อย่าให้เป็นเบิกขาด เป็นแต่ยืมมีบัญชีต่อกัน เงินค่าคนแจวเรือออก ๒๔ เหรียญนั้น ทรงเข้า พระทัยว่ามีแต่ว่าที่เที่ยวไปทำแผนที่หรือตรวจการ ซึ่งอยู่บางกอกนั้นจะมีหรือไม่มีให้สอบถามพระโทรเลขดูก่อน เมื่อเคยให้จึงค่อยให้ อนึ่งที่เรือนจะให้อยู่นั้นกัปตันลอฟตัสเป็นคนมีเมีย ถ้าทำกรองกรอยให้เห็นคงจะไม่อยู่ ได้ความว่ามิสเตอรหลุยเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ลงไปอยู่บ้านล่าง ให้ถามดู ถ้าไม่ต้องการแล้วขอเอาได้เห็นจะดี อีกฉะบับหนึ่งหลวงสรสิทธิ์ปวย จะให้นายสรพลเข้ามารับการแทนนั้น อนึ่งวรภัณฑ์ขอเสมียนเติม ให้จัดให้แต่พอกับการอย่าให้มากเกินไป หลวงดำรงจะขอหยุดไม่เข้ามาในวังเวลากลางวันก็หยุดได้ แต่ถ้ามีไข้เจ็บต้องมาเยี่ยม หมอฝีนั้นให้ขอที่พระองค์สาย อนึ่งเรื่องครัวที่จัดการยังไม่เรียบร้อยเป็นแบบแผนลงนั้น ให้สั่งให้กรมหมื่นนเรศพร้อมกับเธอ และจมื่นสราภัย ปรึกษากันจัดกระบวนการและทำข้อบังคับให้ตกลงกันเสียก่อน เมื่อตกลงกันประการใดจึงนำมาถวายแก้ไขแล้วจะสั่งเป็นข้อบังคับไป

ออกขุนนาง พระยาพิพัฒน์อ่านบอกเมืองชลบุรี น้ำฝนต้นข้าว แล้วทรงตั้งขุนนางสองคน พระราชทานต้นหนังสือพระยาอัษฎงค์ กับแมมโมเรนดัมเรื่องดินปืนคืนไป ท้าวราชกิจทูลด้วยคุณปริกวานให้กราบบังคมทูล ด้วยจะทำการแซยิดวันเกิด ว่าเกิดวันจันทรในเดือนนี้แต่ไม่รู้ขึ้นแรม เป็นแต่สมมุติเอา ครั้นจะกราบทูลตรง ๆ และถวายของก็กลัวจะเป็นท่านผู้หญิงซัดไป ทรงตอบไปว่าไม่ควรจะรังเกียจในล้นเกล้า ฯ ด้วยการในใจเจ้าพระยาภาณุวงศ์หรือคุณปริกอย่างไร ๆ ก็ทรงทราบอยู่สิ้น ถ้าเป็นจริง ๆ ก็ทรงดีพระทัยยิ่งกว่าผู้อื่นมาเป็น แล้วทรงด้วยหยาดหีบหาย วันนี้ พระราชทานเพ็ชร์กรมหมื่นนเรศหกเมล็ดราคาเงิน ๕๕ ชั่งเศษ

วันจันทรแรม ๘ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับคำโทรเลข ๔ ฉะบับ เรือเข้ามาลำหนึ่งเรือออกสามลำ แต่ฉะบับหนึ่งนั้นรับสั่งให้กรมหมื่นนเรศคืนพระโทรเลขไป แล้วให้ทำตัวอย่างลงเป็นคำ ๆ เรียงไปให้แปลถูกกับคำอังกฤษ เอาคำในฉะบับหนึ่งนั้นชี้ไปให้เห็น ต่อไปให้เรียงตามตัวอย่าง ทรงปิดทอง รับสั่งถามด้วยพราหมณ์ครูสอนสังสกฤตกินเหล้าอยู่หรือไม่ ทูลว่ายังรับพระราชทาน มีพระราชหัตถ์ถึงพระยาภาษกรวงศ์ว่าการเรื่องกินเหล้านี้ ต้องว่าให้เป็นขาดจงได้ ที่จะเป็นแต่พยัก ๆ ไปไม่ได้ ขอให้สัญญาเสียให้มั่นคง ในเวลาเรียนอย่าให้กลิ่นสุรามาเป็นอันขาด ถ้ามีกลิ่นสุรามาจะต้องไล่จริง ๆ และจะไม่ให้ค่าโดยสารหรืออะไร ๆ นอกจากเบี้ยเลี้ยงที่เคยได้เลยเป็นอันขาด กำหนดได้สัญญากันตกลงวันใดให้ทูลมาให้ทราบ จะได้แต่งกอมมิตตีให้ไปตรวจ ถ้าพบกินเหล้าจะต้องไล่ ถ้าสัญญากันไม่มั่นคงจะต้องเสียค่าอะไร ๆ เล็ก ๆ น้อยๆ จะให้พระยาภาษกรวงศ์เสีย ให้คิดอ่านพูดเสียโดยเร็วอย่าตามใจมันนัก จะพาผู้จ้างพลอยเสียด้วย อนึ่งรางวัลที่จะให้พระสอบลายมือนั้น ได้เลือกไว้เป็นเฟอสเสกันต์ไปรซ์อย่างละองค์ ให้จัดหาของเป็นเครื่องหนังสือเป็นที่เขียนหนังสือเป็นต้นที่ดี ๆ หน่อยหนึ่ง ให้เป็นลำดับกันสามชั้น ต่อนั้นไปมีเฟอสคลาสอีกสาม ให้หาของเสมอ ๆ กันเล็กน้อยพอมีน้ำใจ พระสงฆ์ที่จะได้คราวนี้ คือที่ ๑ หม่อมเจ้าภุชงค์ ที่ ๒ พระมหาเขมาภิรโต ที่ ๓ มหาปุ่น ที่ ๔ พระมหาอ่อนทั้งสามองค์

ค่ำรับหนังสือพระยาภาษกรวงศ์ตอบพระราชหัตถ์เลขา ว่าตั้งแต่รับฉะบับก่อนได้หาตัวครูมาว่า ได้บอกให้ทราบไว้ชัดว่า ถ้าเสพสุราเข้ามาในโรงเรียนได้ความชัดแล้ว การที่สอนจะต้องหยุด เพราะพระสงฆ์รังเกียจ กับว่าด้วยข้อสัญญา มีแต่ครูสอนตามสัญญาที่กะไว้แล้ว จะยอมจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงให้เดือนละ ๓๐ บาท ต่อครบปีจึงจะให้ค่าใช้สรอยกลับไป กับว่าได้ไปหาพระสาสนโสภณว่าครูสอนเรียบร้อยขึ้นตั้งแต่ว่ากล่าวไป ตัวแกได้ไปเรียนเมื่อณวันศุกร์ แรม ๖ ค่ำเดือน ๘ วันเสาร์แรม ๗ ค่ำเดือน ๘ ทั้งเวลาไม่เป็น พระองค์เจ้าฉายเฉิดเสด็จไป พระสาสนโสภณกับตัวแกร้องอยู่เสมอ ถ้าขืนเสพสุรามาจะไล่เสียทีเดียว คัดคำแปลสัญญาตอบมาด้วย

กรมหมื่นนเรศทูลด้วยพระยามหามนตรีวานไว้ให้กราบบังคมทูลว่าแต่งคนไปสืบเรื่องเขมรยอมให้ไป แต่ให้ลงเรือไปคอยขึ้นเรือใหญ่ที่เกาะสีชังว่าไปแต่นี่ไม่ได้ กลัวด่านเมืองสมุทรตรวจ กับว่าเมื่อครั้งเจ้าฉวีวาศก็ไปดังนี้และเห็นเรือไฟตามลิบ ๆ พวกนั้นจึงชวนให้กินเหล้าที่บ้านจึงจะสืบสวนอีก มีพระราชหัตถ์ถึงพระยาสมุทรให้ตรวจตราที่เกาะสีชังและเมืองสมุทร แต่ให้เป็นไปรเวต ถ้าคนหมดจดผิดปกติให้จับไว้ จะสั่งทางราชการก็กลัวจะอื้ออึงนัก จะยักไปเสียทางอื่น แล้วมีถึงพระยามหามนตรีฉะบับหนึ่ง กลัวจะออกทางบางปะกง ให้พระยามหามนตรีมีหนังสือถึงพระยาวิเศษฤาชัยเมืองฉะเชิงเทราเป็นไปรเวต มีพระราชหัตถ์ถึงท้าวแพว่าด้วยเมื่อคุณยังไม่ไปฉันนึกแต่ไม่อยากจะสั่งปากเปล่า จึงรอมีจดหมายมาด้วยวันนี้สมมติว่าเป็นกำหนดวันเกิดคุณปริก ครั้นจะทรงจดหมายให้พรมาถึงตัวคุณปริกเองก็กลัวจะรังเกียจ ไม่ต้องกับที่กำหนดใจไว้ จึงได้จดหมายมาถึงคุณขอให้ช่วยไปให้พรแทนหรือจะไม่ออกพระนามให้คุณพูดแล้วนึกว่าของในล้นเกล้า ฯ รู้แต่ตัวคุณก็ได้ ว่าขอให้คุณปริกชนมายุยืนยาวประกอบด้วยวรรณสุขพลธนสารสมบัติพร้อมบริบูรณ์ยิ่งขึ้นไป ขอให้ความยินดีของล้นเกล้า ฯ อย่าต้องให้เปลี่ยนแปลงเพราะเสียพระทัย เพราะได้เห็นคุณปริกมีความสุขสบายยืนยาวสืบไป

วันอังคารแรม ๙ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

เมื่อคืนนี้รับลายพระราชหัตถ์ทูลกระหม่อมพระองค์น้อยถวายไปรเวตทูลขอเงินว่าไม่มีใช้ออดแอดต่าง ๆ อ้างว่าจะเอาไปรองทำถนน พระราชทานเงินเหลือเบี้ยหวัดไปร้อยชั่ง รับคำโทรเลขเรือเข้ามาลำหนึ่งเรือไฟ เรือออกลำหนึ่ง พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนจดหมายถวาย ว่าเวลาพรุ่งนี้ กัปตันลอฟตัสจะทำนาฬิกาแดดมาทูลเกล้า ฯ ถวาย พระยาโชฎึกเฝ้าถวายบาญแผนกภาษีเกลือ ว่ามีเรื่องราว ๗ ฉะบับ ๆ หนึ่งคือจีนฮกเซ่งประมูล ๑๐ ชั่งหนึ่ง จีนเน่งเอี่ยมประมูล ๑๕ ชั่งหนึ่ง จีนสุดใจ จีนโปประมูลคนละ ๔๐ ชั่งสองฉะบับ จีนเกียฮึน จีนฉายประมูลคนละ ๕๐ ชั่ง สองฉะบับ จีนหะสุนประมูล ๖๐ ชั่งหนึ่ง วันอาทิตย์แรม ๗ ค่ำเดือน ๘ ได้ว่าประมูลกันพร้อมกับเจ้าพนักงานหอรัษฎากรพิพัฒน์ จีนฉายตัวอากรจีนติดประกันว่าจะรับทำสามปีๆ ละ ๖๑๐ ชั่ง ประมูล ๑๙๑ ชั่ง รวม ๘๐๑ ชั่ง ถามจีนเน่งเอี่ยมจีนสุดใจจีนโปจีนเกียฮึนจีนหะสุนไม่รับประมูล แต่จีนฮกเซ่งไม่มาว่าประมูล เซ็นพระราชหัตถ์ให้ตั้งจีนฉายตัวอากร จีนติดประกันทำไปตามรับประมูลเถิด

พระราชทานพระราชหัตถ์สำคัญประทับพระราชลัญจกร พระราชทานที่บ้านนาที่ป่าไม้ของอ้ายช้างบันเทาทุกข์ราษฎร อยู่ตำบลเกาะใหญ่ ตำบลบ้านโพแตง แขวงกรุงเก่า ให้เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี คือที่บ้านสามแปลง ๆ หนึ่งยาว ๑๓ วา ๒ ศอก กว้าง ๑๑ วา ๑ ศอก แปลงหนึ่งยาว ๒๐ วา ๒ ศอก กว้าง ๒๗ วา แปลงหนึ่ง ยาว ๑๓ วา ๒ ศอก กว้าง ๔๐ วา มีไม้ไผ่สีสุก ๖๐ กอ นาตราแดงสามแปลง ๆ หนึ่ง ๘ ไร่ แปลงหนึ่ง ๗ ไร่ ๒ แปลงนาประเมิน ๑๕๐ ไร่ ที่ป่าไม้ไผ่ป่าไม้สะแก ยาว ๕ เส้น กว้าง ๒ เส้น ที่เนินดินสำหรับกระบืออาศัย ยาว ๑๐ วา กว้าง ๗ วา บ่อเลี้ยงปลายาว ๔ วา กว้าง ๓ วา มีป่าไม้สะแกอีกแปลงหนึ่ง ตำบลบ้านม้าฝั่งตะวันตก ยาว ๑๘ เส้น กว้าง ๖ เส้น มอบให้อาศัยเป็นกำลังราชการตามแต่จะปลูกสร้างทำสวนไร่นาในที่นี้ ต่อไปภายหน้าพระเจ้าแผ่นดินหรือท่านผู้มีอำนาจผู้ใดผู้หนึ่งต้องการที่ตำบลนี้ ด้วยเหตุอันใดอันหนึ่ง นอกจากราชการแผ่นดินแล้วเรียกคืนไม่ได้ ถ้าจะต้องการก็ขอให้เจ้าหมื่นสรรเพธภักดีให้ได้รับราคาพอสมควรแก่ที่นั้น อย่าให้ต้องไล่ไปเปล่า ๆ ต่อเมื่อต้องการเป็นราชการแผ่นดินสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว จึงให้เจ้าหมื่นสรรเพธภักดีคืนที่รายนี้ให้ตามสมควรแก่ราชการ พระราชหัตถ์นี้มีสองฉะบับ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดีถือฉะบับหนึ่ง กรมการกรุงเก่าถือฉะบับหนึ่ง ความต้องกัน

หนังสือผู้ว่าราชการกงซุลเมืองญี่ปุ่นที่ฮ่องกง มีมาถึงมิสเตอรทอมมัสโรสว่าผู้ว่าการต่างประเทศมีความปรารถนาอยากจะได้แบบเครื่องราชอิศริยยศของคอเวอนเมนต์สยาม แล้วอยากจะทราบธรรมเนียมและกฎหมายที่จะใช้นั้นด้วย จะได้เอาที่ออฟฟิศเครื่องราชอิศริยยศเมืองญี่ปุ่นขอให้ช่วยหาด้วย ลงวันที่ ๕ เดือนยุไล

พระราชหัตถ์สั่งประหารชีวิตอ้ายสนที่ยิงนายเล็ก นายแป้นตายเมืองราชบุรี สั่งประหารชีวิตอ้ายคงผู้ร้ายเผาเรือนพระยานครสวรรค์ ตระเวนบกสามวัน ทำโทษอ้ายจุ้ยลักเรือพายม้า พระยาจ่าแสนยเป็นตระลาการ มีพระราชหัตถ์สั่งยกโทษประหารชีวิตอ้ายอู๊ด อ้ายเสง ซึ่งฟันแทงหม่อมราชวงศ์ชุ่มตาย ให้จำคุกอ้ายสุดเป็นต้นเหตุ แต่ไม่ได้ฟันแทง จำคุกสามปี เพราะหม่อมราชวงศ์เป็นคนร้าย ทิพเสนาเป็นตระลาการ ทรงกับกรมหมื่นนเรศด้วยเรื่องพระราชทานเงินพระเจ้าลูกเธอแล้ว ทรงด้วยเงินประจำเดือนพระนางเธอทั้งสี่พระองค์ ก็ยังไม่สมกับเบี้ยหวัด เพราะเบี้ยหวัดองค์ละ ๒๐ ชั่ง เงินประจำเดือนต้อง ๗ ตำลึง พระราชหัตถ์สั่งให้เพิ่มเงินประจำเดือนพระองค์เจ้าสุนันทา สว่าง เสาวภา เดิมได้อยู่ ๒ ตำลึงขึ้นอีก ๕ ตำลึง พระองค์เจ้าสุขมาล เดิมเดือนละ ๕ ตำลึง เพิ่มอีก ๒ ตำลึงเป็นเดือนละ ๗ ตำลึงทั้งสี่องค์ กับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ชาย หญิง ถ้าเป็นเจ้าฟ้าให้ตั้งเงินเดือนเท่าสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพย์รัตนเดือนละ ๓ ตำลึงเสมอทุกองค์ไป ไม่ต้องสั่งอีก วันนี้ไม่ได้ออกขุนนางเพราะฝนตกมากเวลาพลบจนยาม

วันพุธแรม ๑๐ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับสำเนาหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งมา หนังสือพระยาสยามธุรพาหะกงซุลเยอเนอราลสยามกรุงลอนดอนฉะบับหนึ่ง ลงวันที่ ๑๔ ยูนตรงวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๗ ว่าด้วยการประชุมปรึกษาเรื่องรุสเซียในยุโรป ประชุมกันวันที่ ๑๓ ยูนเป็นต้น แล้วยังจะประชุมกันในวันที่ ๑๗ อีก ยังไม่ได้ตกลงกัน บอกด้วยเจ้าปฤษฎางค์ไปถึงลอนดอนวันที่ ๘ ยูน ตรงวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๗ บัดนี้เขายังเที่ยวสืบหาซีวิลแอ็นยินเนียรนายหนึ่ง จะได้ให้สอนหม่อมเจ้าปฤษฎางค์ต่อไป อีกฉะบับหนึ่งหนังสือหลวงทวีปสยามกิจกงซุลปีนังบอกมาด้วยพระยาวิจิตรสงครามจางวางเมืองภูเก็ตถึงแก่กรรมวันศุกร์ขึ้น ๖ ค่ำเดือน ๘ เวลาเช้าโมงหนึ่ง เป็นไข้มาตั้งแต่วันอังคารแรม ๑๐ ค่ำเดือน ๗ เขาได้ข่าวแต่มิสเตอรวิเนอนายโปลิศเมืองภูเก็ต หนังสือลงวันที่ ๑๐ ยุไล ตรงวันพุธขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๘ อีกฉะบับหนึ่งหนังสือมิสเตอรทอมมัสโรสไวซ์กงซุลสยาม เมืองฮ่องกงว่าเขาส่งสำเนาหนังสือกงซุลเมืองญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฮ่องกงมีมาถึงเขา ๆ จะคอยรับคำตอบลงวันที่ ๑๑ ยูไล ตรงวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๒ ค่ำเดือน ๘ อีกฉะบับหนึ่งหนังสือเยยราดา กรมหมื่นนเรศรับสั่งให้ไปตามเสด็จกรมพระด้วยเรื่องพระยาศรีนำบอกเมืองเชียงใหม่ไปให้เจ้าพระยาสุรวงศ์ ๆ ว่ากระไรก็รับสั่งว่าพระยาศรียังไม่มาไม่ได้ความ กรมหมื่นนเรศกลับมาทูลกริ้วพระยาศรีว่ากระไรก็่ไม่บอกทิ้งไว้ให้การช้า พอที่แก้ได้ก็ต้องแก้เสีย ให้กลับไปทูลว่า ให้ทรงกำชับเสียอย่าให้เป็นดังนี้ต่อไป ให้ไปเรียกมาถามให้ได้ความ ครั้นกรมหมื่นนเรศไปพบพระยาศรีมาเฝ้าอยู่ ถามดูว่าท่านไม่ว่ากระไร เป็นแต่ให้หลวงจำนงรับร่างตราไว้ ครั้นไปหาท่านอีกก็ไม่พบจึงไม่ได้มา เพราะไม่มีอะไรจะทูล กรมหมื่นนเรศจึงเล่าที่กริ้วให้ฟัง ว่าอย่าให้เป็นดังนี้ต่อไป ครั้นกรมหมื่นนเรศมาทูลรับสั่งว่าไปพระราชทานเพลิงพระองค์นุ่ม แล้วกลับมาจะมีพระราชหัตถ์เตือนไป

พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนพากัปตันลอฟตัสเฝ้าถวายนาฬิกาแดดทำด้วยไม้เป็นของคิดเองใช้ดีอยู่ รับสั่งพระองค์เจ้าเทวัญเอาไปให้พระสาสนโสภณหนึ่ง จะได้ดูเพลพระสงฆ์ แล้วพระราชทานเงินเป็นแก้จนเมื่อไม่ได้เงินเดือน เหรียญ หนังสือสำคัญ กับพระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนทูลด้วยตึกมิสหลุยอยู่นั้น ว่าที่พักอาศัยไว้บัญชีและรับพระราชทานกลางวันบ้าง ที่กลางคืนอยู่บ้าง คนใช้อาศัยอยู่นี่ โปรดให้พระองค์เจากาพย์กนกรัตนทำที่อยู่ให้กัปตันลอฟตัสตามที่คิดไว้ อยู่ในวันอังคารแรม ๙ ค่ำเดือน ๘ มีพระราชหัตถ์ตอบเจ้าพระยาภาณุวงศ์ฉะบับหนึ่ง ว่าด้วยกงซุลญี่ปุ่นขอตำราเครื่องราชอิศริยยศเมืองไทยนั้น ได้ทรงสั่งให้พระยาภาษกรวงศ์จัดรวบรวมให้ท่านเรียกที่พระยาภาษเถิด (แล้วตกท้ายว่า) ตำราตราญี่ปุ่นนั้นถ้าเราขอแลกเขามาบ้างได้ก็จะดี แล้วมีถึงพระยาภาษกรวงศ์ฉะบับหนึ่ง ว่ากงซุลเมืองญี่ปุ่นขอแบบตราและกฎหมายธรรมเนียม ให้พระยาภาษจัดส่งไปที่กรมท่า อนึ่งหืบที่จะให้เจ้าหญิงปรุสเซียทั้งสองนั้น แล้วเดือนหนึ่งแล้วให้พระยาภาษรับไป แล้วตกท้ายว่า ตำราตรามีผู้ขอบ่อย ๆ เลวนักก็ดูขายหน้า ถ้าสั่งไปตีพิมพ์ที่นอกมีรูปลิโธคราฟให้งดงามเสียได้จะดี ซื้อมาได้สัก ๒๐๐-๓๐๐ คอปีให้รับสั่งไปเสียโดยเร็ว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงพระภูษาขาวลายเสด็จไปพระราชทานเพลิงพระองค์เจ้านุ่ม เฝ้าในเมรุปูน ทรงฝักแคทิ้งทานแล้วเสด็จกลับ เมื่อขาเสด็จไปมีคนเยี่ยมหน้าต่างชั้นบนตามแถวตึกวังพระองค์เจ้าเกษมสันต์ รับสั่งให้พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตนต่อว่าพระยารองเมืองว่าอย่าให้มีต่อไป มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าด้วยทรงรอคอยฟังความเห็นของท่าน ในเรื่องความมองกุณะและแสนบังบุงหลายวันมาแล้ว ยังไม่ทราบจะเห็นการมาอย่างไร การเรื่องนี้ทรงร้อนพระทัยอยู่ กลัวว่าหนังสือจะมาถึงกงซุลในกรุงเทพ ฯ การทวนไปทวนมาหลายกลับ ก็ยังไม่บังคับบัญชาขึ้นไปนิ่งเฉยเสีย จะเป็นพิษเป็นสงมากขึ้น จึงอยากใคร่ได้บังคับขึ้นไปเสียโดยเร็ว ท่านเห็นประการใด ขอให้ช่วยตริตรอง++238มาให้ทราบอย่าให้ช้านักด้วย พระยาภาษเฝ้าถวายพระราชสาส์นถามข่าวเอมเปอเรอเยอรมันที่การถูกยิงสงบเรียบร้อย แล้วพระยาภาษถวาย หนังสือเรื่องครูสังสกฤตยอมรับสารภาพว่ากินเหล้าจริง ได้ปรึกษาพระสาสนโสภณ ๆ ว่าครั้นจะเลิกเสียก็เสียดายด้วยเป็นการใหญ่ยังเรียนได้น้อยนัก ถ้าจบบทมาลาไวยากรณ์รู้แล้วก็เห็นจะพอเลิกได้ โปรดให้กรมหมื่นนเรศดูคำสาบาลท้าวภัณฑสาร พระยาสมุทรเฝ้าทรงด้วยเรื่องเขมร

วันพฤหัสบดีแรม ๑๑ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

รับหนังสือพระยาสุรวงศ์ตอบพระราชหัตถ์มีความว่า ท่านได้ขอสำเนาศุภอักษรถึงเจ้านครลำปางท้องตราถึงพระยาเทพ ใบบอกพระยาเทพ แต่พระยาศรีมาดูสิ้นข้อความแล้ว ท่านคิดเห็นว่าความเดิมเจ้าน้อยเรียวคำมีหนังสือมา ให้เอาตัวแสนบันบุงไปชำระเรื่องความปูเมา เจ้าสัมพันธวงศ์จึงให้เจ้าบุรีรัตน์พระไชยมงคลเอาตัวแสนบันบุงจำตรวนไว้ แล้วแสนบันบุง เจ้าน้อยเรี่ยวคำยอมกัน สิ่งของปูเมาเกี่ยวข้องอยู่กับเจ้าน้อยเรียวคำ ให้ชำระคืนให้แสนบันบุง ความเดิมเจ้าน้อยเรียวคำเป็นต้นเหตุให้จับแสนบันบุง ๆ กับเจ้าน้อยเรียวคำยอมกัน ควรจะตลอดถึงความจับคุมด้วยได้หรือไม่ได้ กอปี้ที่ได้ดูนี้หามีความชัดไม่ ในสำเนาหนังสือพระยาเทพมีว่า เจ้านครไปที่ศาลเมืองเชียงใหม่ เจ้านครพูดว่าให้พระยาเทพส่งความลงมากรุงเทพ ทั้ง ๒ เรื่อง ไม่ยอมให้พระยาเทพชำระที่เมืองเชียงใหม่ เจ้านครจะลงมาสู้ความกับมองกุณะ แสนบันบุงนั้น ท่านคิดเห็นว่าความในหนังสือพระยาเทพ เหมือนเจ้านครติดใจอุทธรณ์ตระลาการศาลต่างประเทศเมืองเชียงใหม่ แล้วครั้นจะมีศุภอักษรบังคับเจ้านครเชียงใหม่ให้ส่งตัวพระไชยมงคลให้ไปว่าความที่ศาลเมืองเชียงใหม่ให้ได้นั้น ธรรมดาใจลาวถ้ากระด้างกระเดื่องเหมือนเจ้ากาลวิโรรศก็จะเป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศและจะเสียอำนาจศุภอักษรทั้งศาลเมืองเชียงใหม่ด้วย เหมือนปิดปากเจ้านายลาว ข่มขี่ให้มีความเศร้าหมองสดุ้งสะเทือน ท่านมีความวิตกกลัวจะมีเหตุแก่บ้านเมืองต่อไป ประการหนึ่งเอื้อยก็เป็นพี่เจ้านคร จะเรียกมาถึงศาลก็เป็นที่อับอาย โดยจะบังคับให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาว่าความต่าง แล้วเรียกทานบนผู้นั้นให้มั่นคงแพ้ด้วยชนะด้วย หรือให้เจ้านครรับแพ้ชนะด้วยก็ได้ แต่เพียงนี้ก็จะไม่เป็นที่หวาดหวั่นแก่เจ้านายลาวทั้งปวง แต่ที่เจ้านครจะลงมาสู้ความณกรุงเทพ ฯ นั้น อย่าให้มีศุภอักษรบังคับถึงเจ้านคร อย่าให้ลงมาเลย จะเสียอำนาจข้าหลวงและยศศาลต่างประเทศเมืองเชียงใหม่ไป ขอรับพระราชทานท้องตราตอบถึงพระยาเทพ ให้พระยาเทพมีหนังสือถึงเจ้านครให้กำหนดวันเดือนขึ้นแรมซึ่งจะลงมาสู้ความณกรุงเทพ ฯ ให้แน่ แล้วให้พระยาเทพมีใบบอกแต่งขุนหมื่นคุมคำหา คำให้การ พะยาน ถ้อยคำบรรดาพิจารณาจับโจทก์ลงมากรุงเทพ ฯ ถึงกำหนดผู้ใดไม่มาว่าความจะได้ยกโทษขึ้นตัดสินต่อไป ความมองกุณนั้น โปรดเกล้า ฯ ปรึกษาสมเด็จเจ้าพระยาและท่านเสนาบดีเห็นพร้อมกันว่า ให้มีท้องตราบังคับถึงพระยาเทพให้รู้แล้ว แล้วพระยาเทพเล่า ก็ได้บังคับให้มองกุณบรรทึกจดหมายไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ควรให้บังคับให้ครบสามครั้งตามกระบวนความ ถ้ามองกุณขัดตระลาการควรให้พระยาเทพคืนเงินให้มองกุณซึ่งขึ้นศาลไว้นั้นให้แก่มองกุณ แล้วมีหนังสือส่งสำเนาคำปรึกษาท่านเสนาบดีและสำเนาท้องตราซึ่งบรรทึกจดหมายบังคับมองกุณไปยังคอมมิศชันเนอเมืองผาปูนเจ้าเมืองมรแมน ให้ความเป็นเลิกแล้วกันชั้นหนึ่ง ถ้าคอมมิศชันเนอเมืองผาปูนเจ้าเมืองมรแมนตอบมาให้ชำระตามคำปรึกษาท่านเสนาบดี จึงให้พระยาเทพเรียกตัวหนานอุดน้อยมหาไชยมาเร่งพิจารณาสืบสักขีพะยานตัดสินให้แล้วแก่กันตามรูปความ ถ้าขัดข้องตัดสินไม่ตกลงก็ให้บอกส่งลงมากรุงเทพมหานครโดยเร็ว ถ้ามิสเตอรนอกซ์จะมีหนังสือมาถามอีกก็จะได้ตอบว่ามองกุณะขัดท้องตราคำปรึกษาท่านเสนาบดีเสียแล้ว มีตราบังคับถึงพระยาเทพให้มีหนังสือไปปรึกษาคอมมิศชันเนอผาปูนเจ้าเมืองมรแมนแล้ว แต่ท่านเห็นว่าความเรื่องนี้สมเด็จเจ้าพระยาท่านเป็นต้นคิดต้นปรึกษาจวนท่านจะมาถึงอยู่แล้ว ถ้าโปรดเกล้า ฯ ไว้ปรึกษาท่านด้วยเห็นจะดี โปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นนเรศนำไปถวายสมเด็จกรมพระทอดพระเนตร ทรงพระราชดำริว่าตกลงเป็นเห็นจะต้องรอสมเด็จเจ้าพระยาทั้งสองเรื่อง กรมหมื่นพิชิตปรีชากรถวายความเห็นว่าด้วยทรงพระราชดำริที่จะให้ตั้งกงซุลสอนบุตรข้าราชการและราษฎรที่วังนันทอุทยานนั้นเห็นมีคุณหลายอย่าง แต่ควรจะจัดให้เป็นการจริงอื้ออึงจึงจะเป็นพระเกียรติยศไม่จืดจาง คือเงินที่จะใช้นั้นคิดว่าอย่าให้ต้องออกเงินหลวง ขอเก็บเอาแก่ผู้เล่นเบี้ยด้วยคนเล่นเบี้ยมีมาก เก็บเอาวันหนึ่งคนละเฟื้องหรือสลึงก็จะได้เงินมากเอามาใช้การนี้ เห็นว่าไม่เป็นการร้อนรนอะไร เพื่อจะเป็นประโยชน์ตัดไม่ให้คนเล่นเบี้ยด้วย (ว่าความยืดยาวมีข้อความเพียงเท่านี้) กับมีฉะบับเขียนด้วยลายมือตัวเองว่าด้วยควรจะจัดการนี้ เป็นช่องสมัยดี อีกฉะบับหนึ่ง ความอยู่ข้างยืดยาวมาก

เมื่อเกือบเสด็จขึ้นรับสั่งกับกรมหมื่นนเรศด้วยพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอที่ว่า มหาอุณทิศนั้น เขียนเป็นตัวอังกฤษถ้าจะแปลตรงเป็นไม่ใช่ของเขาไป ถ้าผู้รู้ดิกชันนารีบาฬีก็คงจะอ่านว่าอุณหิศ ที่ไม่รู้ก็อ่านว่า อันหิศ ถ้ามีผู้ไม่ชอบใจก็จะแปลเล่นต่าง ๆ เหมือนสมเด็จเจ้าพระยาแปลเล่น

วันศุกรแรม ๑๒ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิ์ศก ๑๒๔๐

๑ เวลาเช้าย่ำรุ่ง ๑๒ นาทีไปจนครึ่ง ยกเสาธงหน้าศาลลูกขุน กับพระองค์เจ้าเณรสวัสดิ์โสภณซึ่งอยู่วัดราชประดิษฐลาผนวชเวลานี้ด้วย

๒ เราถวายเรื่องราวทูลขอเลข ๑๐ ยกในกรมพระเทเวศชื่ออิ่มคนหนึ่ง

๓ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคถวายรวมริโปดเดือน ๗ สองฉะบับ ๆ หนึ่ง เซ็นฎีกาขุนพินิจจัย หากันด้วยเรื่องปลูกโรงในที่บ้านกล่าวโทษพระยารองเมือง ขุนนครเขตร ว่าพิจารณาไม่ยุตติธรรม พระราชทานให้พระอินทรเทพสอบถาม ๑ อีกฉะบับหนึ่งรวมความแล้วในเดือน ๗ ศาลฎีกา ๗ สวนกุหลาบ ๑ กระลาโหม ๙ กรมท่ากลาง ๑๓ นครบาล ๒ แพ่งเกษม ๑๐ แพ่งกลาง ๘ รวม ๕๐ คงทุกกรม ๕๖๓ รวมใบสัตย์คงค้างทั้งสิ้น ปรับแล้ว ๒๓๗ ยังไม่แล้ว ๑๔๗ รวม ๓๘๔ ตระลาการส่งใหม่ ๑๑ ปรับแล้วใหม่ ๑๒ ตระลาการปรับไป ๑๒ คงค้างปรับแล้ว ๒๓๗ ยัง ๑๔๖ รวม ๓๘๔

๔ วันนี้ทรงตรวจเซ็นฎีกาหลายฉะบับ

๕ มีพระราชหัตถ์ถึงพระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรี ว่าด้วยทาสหลวงวังนันทอุทยาน มาร้องส่งเงินค่าตัว การเรื่องนี้ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงประการใด และสารกรมธรรม์จะอยู่แห่งใดก็ทรงสืบไปเสียแล้ว ครั้นจะไม่ปล่อยให้ออก ทึกเอาเหมือนดังทาสที่ช่วยเป็นข้าพระก็จะผิดพระราชกำหนดกฎหมายไป เธอทราบการเห็นการประการใด ขอให้บอกมาให้ทราบด้วย

๖ มีถึงท่านกาพย์ฉะบับหนึ่ง ให้ตั้งนายเอมบุตรพระยาบำรุงราชฐานกอปราลทหารม้า เป็นอารมเชอซายัน นายอยู่กอปราลเป็นซายันกอมปนีที่ ๖ นายจันทรบุตรเจ้าพระยาพลเทพเป็นกอปราลกอมปนีที่ ๖ นายฟุ้งไปรเวตทหารม้า เป็นกอปราลทหารม้าตามเลือกเถิด

๗ นายชิต หุ้มแพรถวายเรื่องราวขอที่หลวงโรงฝางคลองผดุง ซึ่งตัวลงทุนปลูกสร้างยุ้งข้าวโรงสีไฟนั้นเป็นสิทธิ์

๘ โปรดเกล้า ฯ ให้เราชั่งทองคำบ่อเมืองกระบินทรบุรี ซึ่งพระปรีชานำมาทูลเกล้า ฯ ถวาย ยังไม่ได้รับนั้นแห่งหนึ่ง เดิมว่าหนัก ๕ ชั่งขึ้นหนัก ๕ ชั่ง ๑ บาท ๑ เฟื้อง ๕ ไพ แล้วโปรดให้เขียนกระดาษปิดที่ทองว่า ทองคำบ่อเมืองกระบินทรบุรี เนื้อ ๘ หนัก ๕ ชั่ง ๑ บาท ๑ เฟื้อง ๔ ไพ พระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรสมมติเทพยวรางกูร บรมมกุฎนเรนทร์สุริยขัตติยสันตติวงศ์ อุกกฤษฎ์พงษ์วโรภโตสุชาติ ธัญญลักษณวิลาศวิบูลย์สวัสดิ์ ศิริวัฒนราชกุมาร ในการสมโภชเดือน วันศุกร์แรม ๑๒ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ศักราช ๑๒๔๐ ดังนี้แล้ว มีทองคำใบพระราชทานอีกหนัก ๑๐ ตำลึง กาทองคำสลักใบ ๑ ขันทองสรงพระพักตรลงยา ๑ เงินแท่งญวน เงินตรา ทองเหล่านี้ เอาลงไปตั้งที่ตำหนักก่อน

๙ เวลาบ่ายโมง ๑๒ นาฑี ทรงเครื่องสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ที่ตำหนัก เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จลงตำหนักสมโภชเดือนพร้อมด้วยเจ้านายและข้าราชการ เจ้านายผู้หญิงวังน่าก็มา เจ้านายผู้ชายวังหลวงพร้อม ตั้งแต่กรมหลวงวรศักดา และสมเด็จกรมพระ กรมขุนภูวนัย กรมขุนบดินทร กรมขุนเจริญ และเจ้านายพวกเราจนพระองค์สิงหนาท พระองค์สาย ก๊าดกรมอดิศร เสนาบดี พร้อมหมด ขุนนางข้าราชการมาทุก ๆ กรม รับสั่งให้เจ้านายเพียงสมเด็จพระองค์น้อย เสนาบดี เจ้าพระยาสุรวงศ์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์เข้าไปเจิม พระราชทานพระธำมรงค์ตราพระนาคเกี้ยว ทับทิมที่ทรงเสมอผูกพระหัตถ์เมื่อเวียนเทียนแล้ว ๆ ขึ้นพระอู่ พราหมณ์เห่และขับไม้ แล้วเสด็จกลับ ทรงด้วยจะให้พระยาอภัยรณฤทธิ์กำกับความต่อหน้าขุนนางที่ตำหนัก แต่จะทรงปรึกษาสมเด็จเจ้าพระยาเสียก่อน ด้วยเป็นความคิดของท่าน ถ้าไม่มีตัวถ้อยความจะมากนัก จะได้ตัดฎีกาไปเสียชั้นหนึ่ง พระยาอภัยรณฤทธิ์ก็รับ แล้วทรงกับเจ้าพระยาสุรวงศ์แล้วเสด็จขึ้น คราวนี้ได้สมโภช อนึ่งเมื่อไปที่ตำหนักเจ้าพระยาสุรวงศ์พบเรา ได้ถามถึงเรื่องความเมืองเชียงใหม่เราก็ตอบตามพระกระแส ครั้นค่ำทรงธรรม เรากลับมากราบบังคมทูล กับได้ทราบความแต่เจ้าเข่ง ว่าเจ้าพระยาสุรวงศ์เมื่อจะเข้าไปสมโภชโกรธเจ้าพระยาภาณุวงศ์มาก เพราะคอยอยู่จนเสด็จลงไม่เข้ามา บ่นวุ่นวายมาก

วันเสาร์แรม ๑๓ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

๑ รับคำโทรเลขเรือเข้าลำ ๑ เรือไฟบันยงเฮงออกลำ ๑

๒ รับหนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ฉะบับหนึ่งว่า หลวงโจมจัตุรงค์ปลัดกรมอาษาเขนทองซ้ายป่วยถึงแก่กรรม ตำเหน่งที่ปลัดกรมอาษา ๘ เหล่านี้ไม่มีผลประโยชน์สิ่งอันใด จึงไม่มีผู้ใดอยากเป็น ท่านเห็นว่ากอปราลนายจรในกอมปนีที่ ๓ บุตรขุนพิบูลย์สมบัติเสมียนตรากรมนา ขุนพิบูลย์ท่านได้ใช้สอยมาแต่ยังอยู่ในกรมมหาดเล็ก นายจรเป็นบุตรใหญ่ขุนพิบูลย์ ควรเป็นราชการได้ ท่านขอรับพระราชทานเป็นหลวงโจมจัตุรงค์

๓ พระอินทรเทพจดหมายมาถวายว่าด้วยอำเภอจับผู้หญิงคนโรงสี ๒ คนลักข้าวกล้องหลวงไปขาย ๒๐ ถัง ว่าลักหลายครั้งแล้ว จึงได้ให้อำเภอคอยจับ

๔ มีพระราชหัตถ์ถึงพระยาราชส่งต้นหนังสือพระอินทรเทพไปให้ชำระทำโทษเสียให้เข็ดหลาบ และให้คิดปิดช่องปิดทางอย่าให้มีต่อไปได้ และพระยาราชให้รางวัลผู้ที่จับได้เสียบ้าง จะได้มีน้ำใจคอยจับสืบไป

๕ กาพย์ถวายแก้ความซึ่งหลวงวิทยากล่าวโทษ ซึ่งพระราชทานให้กรมหมื่นนเรศไปถาม ๔ ข้อ ข้อ ๑ หาด้วยว่าสั่งให้ออฟฟิศเซอหาถ้วยแก้วมาแต่งการเฉลิมพระชนม์พรรษา ว่าจะเบิกเงินให้ ภายหลังไม่เบิกให้ แก้ว่าหานั้นจริง แต่เมื่อการแล้ว นายกอมปนียื่นบัญชี เธอเห็นว่าเป็นของเล็กน้อย เสียเงินก็กำปั่นละชั่งไม่มากนัก ของก็แตกชำรุด ถ้าจะส่งไปให้คลังเก็บรักษาไว้ ของเล็กน้อยคลังก็จะไม่เป็นธุระ จึงได้บอกนายกอมปนีทั้งปวงว่าของก็เป็นของเล็กน้อย กรมอื่นเขาก็ฉลองพระเดชพระคุณได้กรมทหารมหาดเล็ก ก็ขอให้ฉลองพระเดชพระคุณเหมือนให้นายกอมปนีไปรักษาไว้ก็ยอมพร้อมกัน แต่หลวงวิทยาไม่ได้มาประชุมและไม่ได้เสียเงินด้วย ข้อ ๒ หาด้วยกินเหล้าฝรั่งกับผู้หญิง กินนั้นให้กินก็เป็นที่เปิดเผยคนอยู่มาก เธอไม่ได้กินด้วย ผู้หญิงก็มีบุตรแล้ว ไม่ใช่สาว ข้อ ๓ หาด้วยทำโทษนายสดทหารฟุตกาด นายพุดทหาร นายสุดผิด ๒ ข้อ ๆ หนึ่งเวลาเข้าเวรไปไหนไม่แต่งตัว ข้อ ๑ ชกตีวิวาทไม่ฟ้องร้องต่อนาย นายพุดนั้นแต่งตัว ผิดแต่ที่ชกตี จึงภาคทัณฑ์ไว้ ข้อ ๔ หาด้วยรื้อ ๆ ย้าย ๆ ออฟฟิศบ่อย ๆ นี้ไม่จริง ด้วยที่ซ่อมโรงจึงต้องย้ายออฟฟิศ ตู้นั้นผุฝาพังลงมาเกือบถูกพระสรสาตร ไม่เป็นที่ไว้ใจจึงต้องรื้อเสีย

๖ วันนี้ฝนตกไม่ได้ออกขุนนาง

๗ บุตรพระยาไชยสุรินทรถวายบาญแผนก เซ็นมหามาลา ๑ จาตรนต์ ๑ หลุย ๑ พระยาอุทัยธรรม ๑ พระยานรนาถ ๑ พระยาไชยสุรินทร ๑ พระราชธน ๑ สุราบ่อนเบี้ยเมืองนครราชสิมา จีนต่วนคนเก่าส่งคืน จีนเยกต์วอากร จีนเฮงประกัน คนใหม่รับทำ เงินเดิม ๑๗๘ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ขาด ๓๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง คง ๑๔๖ ชั่ง สมพัตสรเมืองปทุมธานี จีนโป๊คนเก่าส่งคืน นายสมบุญตัวอากร นายพลับประกัน คนใหม่รับทำ เดิม ๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ค่าน้ำเมืองนครศรีธรรมราช เมืองประทิว เมืองชุมพร เมืองไชยา เมืองหลังสวน พระอิศราธิไชย แต่งให้จีนเคหวงเป็นตัวอากรเก่าส่งคืน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ยกอากรค่าน้ำเมืองหลังสวนไปขึ้นกรมพระกระลาโหม นายหมูตัวอากร หลวงไตรกรีธาประกัน คนใหม่ทำเดิม ๑๑๐ ชั่ง ขาด ๒๐ ชั่ง คง ๙๐ ชั่ง ค่าน้ำเมืองอ่างทอง นายรอดคนเก่าส่งคืน นายเทียนตัวอากร นายเบี๋ยนประกัน คนใหม่ทำ เดิม ๑๕๐ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ขาด ๑๔ ชั่ง ๑๐ ตำลึง คง ๑๓๖ ชั่ง ค่าน้ำเมืองไชยนาท นครสวรรค์ จีนเจียงตัวอากร จีนกิมประกัน คนใหม่รับทำ เงินเดิม ๘๖ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ประมูลขึ้นข้างที่ ๓๖ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รวม ๑๒๓ ชั่ง ถามนายหลำคนเก่าไม่รับประมูล ค่าน้ำเมืองเพ็ชร์บุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นายอ่อนคนเก่าส่งคืน เจ้าพนักงานออกหมายประกาศ มีเรื่องราวยื่น ๕ ฉะบับ แต่เงินต่ำกว่าเดิม ถามนายอ่อนคนเก่าจะรับทำ เดิม ๙๐ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ขาด ๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง คง ๘๓ ชั่ง ค่าน้ำเมืองนนทบุรี นครชัยศรี สุพรรณบุรี นายเพื่อนคนเก่ารับทำเดิม ๑๗๐ ชั่ง ประมูลขึ้นพระคลังข้างที่ ๙ ชั่ง รวม ๑๗๙ ชั่ง รวมอากร ๗ ราย เงินเดิม ๗๘๘ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ขาด ๗๔ ชั่ง ๑๐ ตำลึง คง ๗๑๔ ชั่ง รับประมูลบวกขึ้น ๔๕ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รวมเงิน ๗๕๙ ชั่ง ๑๐ ตำลึง หักขึ้นใช้แล้วคงขาด ๒๙ ชั่ง ไปเซ็นวันอังคารเดือน ๙ ขึ้น ๑ ค่ำ ทรงด้วยเรื่องสมโภช กรมหมื่นอดิศรไม่ทำ

วันอาทิตย์แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

๑ มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์เจ้ากาพย์ตัดสินความรายหลวงวิทยากล่าวโทษข้อ ๑ ซึ่งว่าด้วยโคมตามเฉลิมพระชนมพรรษา ได้ปรึกษาออฟฟิศเซอพร้อมกันเห็นว่าเป็นเงินเล็กน้อย จึงได้ให้ออกทุนของตัวเองไม่ได้ยักเบิกเงินหลวง เพื่อจะให้เจ้าของรักษาโคมนั้นไว้แต่งต่อไป การซึ่งคิดดังนี้ก็เป็นเห็นแก่ราชการและถูกตามการจริงๆ อยู่ แต่เห็นว่าถ้าจัดเสียจะดีกว่าอย่างนี้ คือแรกลงทุนนั้น ให้ออกเงินหลวงซื้อเป็นโคมจำนวนจะต้องใช้มากน้อยเท่าใด มอบให้นายกอมปนีไปเก็บรักษาไว้เอง เมื่อโคมแตกหักเสียหายไปจึงว่ากัน นายกอมปนีผู้รักษาขอให้จัดมาเพิ่มเติมลงเป็นการฉลองพระเดชพระคุณ ถึงจะออกทุนรอนบ้างก็เล็กน้อย และจะได้เอาใจใส่รักษาโคมนั้นจริง ๆ ไม่ทอดธุระว่าเป็นของหลวง ถ้าจัดดังนี้ได้เป็นการดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งหลวงวิทยาเอาความของผู้อื่นมาพูดก็เพราะประสงค์จะให้เจือความอื่นแรงขึ้น ข้อนี้ต้องยกเสีย

ข้อ ๒ หลวงวิทยากล่าวโทษด้วยเรื่องกินสุรา และพาผู้หญิงเข้าไปกินด้วยนั้น ข้อซึ่งว่าพาผู้หญิงเข้าไปกิน แบ่งรับแต่ที่กินเอง รับตามหานั้นเห็นว่าธรรมเนียมในวังก็เป็นที่ห้ามปรามในการกินเหล้าอยู่ชั้นหนึ่ง กฎหมายทหารก็ห้ามไม่ให้กินเหล้าในโรงเป็นสองชั้น ถึงโดยว่าจะกินเล็กน้อยตามธรรมเนียมไม่เมาเสียสติก็ไม่ควร จะเป็นแบบอย่างแก่ทหารทั้งปวง ตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าให้ประพฤติดังนี้เป็นอันขาด

ข้อ ๓ ว่าด้วยทหารฟุตกาดกับทหารม้าวิวาทกัน ลงโทษแต่ฝ่ายเดียว คำที่แก้มานั้นก็ชอบ แต่ควรจะต้องลงโทษทหารม้าเสียบ้างเล็กน้อย ด้วยข้างหนึ่งก่อแล้วสานตามจึงได้เกิดวิวาท แต่การแล้วไปแล้ว ตัวผู้ต้องโทษก็ไม่ร้อง ให้ยกเสีย

ข้อ ๔ คำให้การกับคำหาไม่ต้องกัน เป็นหลวงวิทยาหางมงายไปก็ให้ยกเสีย คงความที่หลวงวิทยากล่าวโทษคราวนี้จริงบ้างเท็จบ้างระคนปนกัน จะว่าหลวงวิทยากล่าวโทษผู้รับพระบรมราชโองการผิดก็ไม่ได้ ด้วยมีข้อที่ควรร้องตามกฎหมายอยู่ แต่ที่กาพย์ทำผิดนั้นให้ประพฤติตัวเสียให้ดี แล้วให้บังคับการต่อไปตามเคยเหมือนอย่างแต่ก่อน ด้วยเป็นการครั้งหนึ่งคราวเดียว และอย่าให้มีความพยาบาทจองเวรแก่หลวงวิทยา ให้หลวงวิทยาอ่อนน้อมฟังบังคับบัญชากาพย์ที่ชอบด้วยกฎหมายธรรมเนียมและชอบด้วยราชการทุกประการ ความเรื่องนี้ให้เป็นเลิกแล้วต่อกัน

๒ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จไปเยี่ยมไข้เจ้าคุณตำหนักเดิม

๓ รับบาญแผนกเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถวายภาษีไม้ไผ่ป่า ไม้รวก เดิมจีนกิมลี้ทำแต่ปีชวดอัฐศก จีนหะสิมยื่นเรื่องราวประมูล ๘ ชั่ง ๑๐ ตำลึง จีนเห่งเอี่ยมประมูล ๗ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ได้หาตัวมาว่าจีนกิมลี้คนเก่าประมูล ๘ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รวมเดิม ๑๐๙ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รวมเป็นเงิน ๑๑๘ ชั่ง (ไปเซ็นวันอังคารขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๙)

วันจันทร์แรม ๑๕ ค่ำเดือน ๘ ปีขาลสัมฤทธิศก ๑๒๔๐

๑ รับคำโทรเลขฉะบับหนึ่ง เรือเข้ามาลำหนึ่ง ชื่อบางกอกเรือไฟ พระพลสงครามมาในเรือลำนั้นด้วย

๒ วันนี้ไม่มีราชการอะไร ทรงปิดทอง

๓ ได้ทราบว่ากรมอดิศรเอาทองให้เจ้ากรม หาไปให้ท่านเทวัญเอาเข้าไปสมโภชสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ

๔ รับหนังสือไปรเวตพระยามหามนตรีให้เราถวาย ว่าด้วยคนที่แต่งให้ไปสืบเรื่องเขมร

๕ เทวัญถวายหนังสือเจ้าคุณสา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ