เบญจมรัชช

ฉะบัง

๑๖ ประพันธ์ฉันท์คำทำนูล เนื่องในมไหศูริย์
มหุตตมศักดิจักรี  
๏ บรมพงศ์องค์พระปัญจมี ผู้พระมหาปี
ยราชวิโรจน์เรืองบุณย์  
๏ พระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าพระคุณ
พระเดชธดื่มดวงกมล  
๏ ทั่วไทยในสยามมณฑล ทั่วชาติสกุลชน
ทั่วภพสบโลกแหล่งสถาน  
๏ ราชปวัตติวงศาวดาร ลำดับสรรพสาร
ประโยชน์นิยุตินัยยล  
๏ พระบรมสมภพมงคล อังคารวารดล
เดือนสี่ดิถีเทอดสรรพ์  
๏ กันยายนมาสหมายวัน ที่ยี่สิบพรร
ษะอุสภภาคพุทธศก  
๏ สองพันสามร้อยสร้อยตก เต็มเก้าสิบหก
ฉนำคำนวณมวลจรด  
๏ เป็นพระบรมราโชรส วรางกุรยศ
เยี่ยมศักดิจักรีวีรเกียรติ์  
๏ พระบาทภูวนารถราชเธียร จอมเกล้าเนาเศียร
กษัตริย์รัชชที่สี่สมัย  
๏ พระชนม์ดำเนิรเจริญวัย นววรรษจึงไทย
พระบรมชนกนฤบาล  
๏ โปรดให้ประกอบมหการ ราชพิธีขนาน
พระนามาภิไธยธำรง  
๏ รับพระสุพรรณบัฎเสด็จสรง เขาไกลาศบง
โดยโบราณราชรงงขนบ  
๏ ประกอบพระเกียรติยศครบ เครื่องสรรพ์บรรสพ
โอกาสพระราชทานไท  
๏ พระนามตามจารึกใน สุพรรณบัฎไพ
บูลบทรจนวรรคอักษร  
๏ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ฯ สืบสร้อยสุนทร
เทอดศรีสวัสดีมงคล  
๏ สิบสามตามระยะพระชน มายุลุดล
โสกันต์สรรพกิจสิทธิกรณ์  
๏ สิบสี่วยพรรษสถาพร ผนวชณบวร
พุทธศาสน์ประกาศพระองค์  
๏ บรรพชาสามเณรน้อยปลง ในชุมนุมสงฆ์
วัดพระศรีรัตนศาสดา  
๏ เสด็จจำคำรบวรรษา สถิตณพระอา
วาสบวรนิเวศวิหาร  
๏ ลาพระผนวชแล้วล่วงกาล ชนมายุมาน
หมายสิบห้าเนื่องในฉนำ  
๏ เสถียรพระเกียรติยศทำ นุเทอดเจิดจำ
รูญอิสสริยศักดิ์สมญา  
๏ กรมขุนพินิตประชา นาถรับราชฐา
นะยิ่งเกียรติยศเยี่ยงบรรพ์  

อุปชาตฉันท์

๑๑ ณพรรษพระจอมจา ตุรถาธิราชันย์
สู่สรวงสวรรค์พลัน คตพรากประจากไคล
๏ สองพันกะสี่ร้อย ศกสร้อยและสิบไข
กะเอ็ดเผด็จใน พระประวัติรัชชกาล
๏ บรมโอรส สิริยศนิยมมาน
ทายาทสถิตฐาน วรสันติวงศ์สม
๏ เพียงดลพระชนมโส ฬศโอ้พระบรม
ชนกชโนดม พระเสด็จเสวยสรวง
๏ พระราชวงศา นุมหาอมาตย์ปวง
เปรมปรีดิโดยดวง มนสามิภักดี
๏ แด่บาทพระจอมจา ตุรถาธิเบนทร์มี
สมัครสมานนี รุปสัคคะทักเถียง
๏ ณที่ประชุมพร้อม มติน้อมประคมเคียง
เป็นเอกจิตต์เพียง จะประพัทธพาจา
๏ เพื่อองค์บรมเอา รสเยาวสมญา
พินิตประชานา มพระศักดิกรมขุน
๏ เสด็จเถลิงรัช ชสวัสดิโดยดุลย์
บูรพ์บารมีบุณย์ อุปถัมภแด่ไท
๏ แต่ปางระวางปี ระยะที่พระชนม์วัย
มิครบผนวชใน วรภิกษุพรตพรหม
๏ สฤษฎิ์อมาตย์ปรา กฎฐานะสูงสม
เด็จเจ้าพระยานิยม ยศอัครเสนีย์
๏ บุนนาคสกุลชื่อ ระบุช่วงสมัญญ์มี
บรมมหาศรี สุริย์วงศ์ประจงนาม
๏ สถิตณดำแหน่ง กิจแห่งประมุขงาม
สำเร็จสรูปตาม ธุรปวงทบวงกรม
๏ ประกอบระบอบศุภ สิริบุพพบรม
ราชาภิเษกสม อภิสิทธิ์สวัสดี
๏ สองพันกะสี่ร้อย ศกสร้อยและสิบมี
กะหกระกาปี รวิวารแรมหน
๏ ทวาทสีที่ ดฤถีณเดือนดล
สิบสองและพ้องสน ธิลุพฤศจิกจำ
๏ โสฬสจรดมา สะและวาระเทอดทำ
นุราชพิธีกรรม อภิเษกณครั้งสอง
๏ เสด็จเถลิงใน พระมไหศวรรย์ครอง
ราชย์รัฐพิพัฒน์ผอง พิธเพียบพิบูลสาร

วสันตติลกฉันท์

๑๔ ปีเริ่มเผดิมบรมเอก อภิเษกสฤทธิ์การ
ไท้ได้เสด็จประลุสถาน บรเทศเขตต์เคียง
๏ สองคราณครั้งปฐมต้น ศกดลณแดนเพียง
ภาคสิงคโปร์ปุรพเวียง และชะวาระวางไคล
๏ ปลายวรรษทุรัศจรประเวศ ลุประเทศเกษตรใน
อินเดียเสถียรนิติไสย ธประพาสประพัทธ์สาร
๏ ภายหลังเสด็จประลุยุโร ปะณโทสมัยมาน
เกิดผลอนนต์พิพิธการ วรราชหทัยเพียร
๏ ไท้ทอดพระเนตรพินิจฐา นณชาติพาเหียรก์
สังเกตประเภทกิจระเมียร เหมาะสมัยไฉนมี
๏ มุ่งรอบประกอบคติประการ ลุพระญาณวิถีดี
โดยเพิ่มเผดิมพระกรณี ยประศาสโนบาย
๏ เป็นแรกและแผกบุรพขัต ติยรัฐสยามหมาย
ทรงมานสมรรถคติระคาย ระแคะข้อณต่างแดน
๏ เป็นมิตรสันถวะประสพ ขณะคบคะนึงแผน
สัมพันธะกันสกลแทน พิธกิจจะเกื้อกูล
๏ เป็นราชเกียรติยศก่อง ลุสนองธไพบูล
บงคารวาธิคมพูน ณผไทพระไคลถึง
๏ ยี่สิบพระชนมบริบูรณ์ อดิศูรย์ธรำพึง
สืบพุทธศาสนคะนึง กิจพรหมจารี
๏ บำเพ็ญผนวชณพระอุโบ สถนามวัดศรี
รัตน์ศาสดาสดุดิปรี ดิพระภิกษุจรรยา
๏ เจ็ดวันพระมั่นจริยพุท ธพิสุทธศาสนา
ลาพรตผนวชกษณครา อนุสนธิ์พระชนม์วัย
๏ สมบูรณพระวุฑฒิพระสมรรถ ทะนุรัฐราชัย
เพียบสิทธิอิสสรมไห ศุริย์ห้อมลุพร้อมมูล
๏ เริ่มราชประศาสนประสิทธิ์ ศุภกิจพหุลพูน
เพ็ญสู่สยามภพพิบูล บริวัตรสวัสดี

อินทรวงศ์ฉันท์

๑๒ การย์ในสมัยปัญ จมธรรมราชบดี
เลิศล้ำพระคัมภี ระพระราชปริชญา
๏ คือเพิกละเลิกขาด คณะทาสประดาษประดา
เดิมมานบุราณมา ลุตลอดณโลกสกล
๏ ดูราวดิรัจฉาน ทรมานมิเหมือนกะคน
มักง่ายเพราะขายตน กะตระกูลพิบูลสิน
๏ ลงท้ายสินายเงิน ลุเจริญประโภคภิญ
โญสรรพมิรับจิน ตนะฐานะทาสทราม
๏ ตัวครอกผิออกบุตร ก็บยุตติเลยละลาม
กว่าค่าจะหลุดตาม ปฏิสันธิ์กะตนเสมอ
๏ เพียงหมายพะนายมูล อนุกูลไฉนจะเปรอ
ปรนรอดจรุงเลอ ลุสภาพมนุษย์กะเขา
๏ ทรงเห็นมิเป็นคุณ นระมุ่นมุโมหะเอา
แต่ได้เพราะใจเบา บประสพสุสิกขการ
๏ โดยรอบบรมรา ชอุปายะปองผะสาน
ทั้งทาสและนายมาน สุขะหมายณฝ่ายประสงค์
๏ ตราราชบัญญัติ กะพิกัดเกษียณและปลง
ปลดทาสละขาดลง ประลุไทยสมัยประมวล
๏ ยี่สิบฉนำกว่า คณนาจะเสร็จขบวน
แบบใหม่เหมาะใช้ควร ยุคกาลประมาณวิธี
๏ ลูกจ้างระวางได้ ธนะไปมิหลบมิหนี
สัญญาประกันมี ระยะลดจรดแจรง
๏ สารกรมธรรม์ตี กะทวีณสินสิแรง
ร้ายสุดจะสำแดง ดุจก่อนก็ศูนย์กษัย
๏ สำเร็จเผด็จผอง มิพะพ้องประทุษฐภัย
เหมือนบางประเทศไกล ณยุโรปอเมริกา
๏ เป็นเรื่องประเทืองสุน ทรคุณสุธรรมมหา
การุณย์อดุลยปรา กฎรับประคับประคอง

วสันตติลกฉันท์

๑๔ รัฏฐาภิปาลนอุบาย ธุระฝ่ายณปกครอง
คงตามสยามนิยมผอง พิธภาคบุราณแผน
๏ เทอดฐานราชอธิปัตย์ ทะนุรัฏฐรอบแดน
ทรงสิทธิอิสสรณแสน สิริศักดิ์มไหศูริย์
๏ บ่งแบ่งพระราชกรณี ยวิธีถกลมูล
มีหลักประทักษ์พิเคราะหคูณ หิตควรประมวลมา
๏ สำเรียกสรูปจตุสดม ภนิยมสมัญญา
เวียงวังกะคลังและระบุนา ฉะเพาะภาคกระทำภาร
๏ ขุนเวียงประเดียงนรประศาสน์ สุขราษฎร์ระวังการ
โจรปราบลุราบปกติศาน ติกระทั่งกระทำทัณฑ์
๏ ขุนวังสะพรั่งกิจพระรา ชสถานการัณย์
ตัดสินระบิลพสกสรร พะประโดยคดีความ
๏ ขุนคลังประทังสถิติโสด ธนโกศประโยชน์งาม
เงื่อนงำและทำนุนิธิตาม อุปพัทธะแผ่นดิน
๏ ขุนนาก็ว่าวิธเกษตร์ กสิเภทเพาะพืชสิน
รอบรักษภักษผลจิน ตนะเวียงสะเบียงผอง
๏ สี่นี้สิมีและปฏิบัติ ขณะรัชย์พระอู่ทอง
รามาธิปัตย์ปฐมครอง ณอยุธยาไทย
๏ กาลานุกรมกษณะราชย์ วรบาทบรมไตร
โลกนาถพระราชวิเคราะห์สมัย เหมาะจะแก้พระแปรแปลง
๏ ยกแยกแผนกทะนุประศา สนการะรวมแรง
เป็นใหญ่ณไกวลแสดง กิจในไผทโกรม
ฝ่ายการทหารสมุหทั่ว ฯ พณ ฯ หัวกระลาโหม
สัมฤทธิกิจจรณโรม ริปูปลดประลัยเปลือง
๏ ฝ่ายพลเรือนสมุหนา ยกฐานะทางเมือง
มุ่งกิจสฤษฏิพิธเนือง ทะนุราชการสรรพ์
๏ เป็นมาประการกลนี้ ระยะจีระภาคพรรษ์
ถึงเทพมหานครบัญ จมรัชชจำเริญ
๏ การรัฏฐ์พิพัฒน์พหุลกว่า ณบุราณดำเนิร
สบคราวจะก้าวทฤฆเดิร กิจด้าวระดับดี
๏ จึงโปรดประศาสนอุบาย บทหมายณใหม่มี
ทำเนียบระเบียบนยวิธี ดุจพฤทธิทำนอง

อินทรวิเชียรฉันท์

๑๑ ทรงแยกแผนกสิทธิ์ พิธกิจจปกครอง
รับผิดและชอบผอง ณกระทรวงทบวงตน
๏ เสนาบดีรับ พิเคราะห์ศัพท์ประศาสน์ยล
กิจสู่ดนูสน ธิมิก้าวมิก่ายกัน
๏ ทั้งเก่าและใหม่มี ขณะนี้ประจำปัน
เป็นสิบณฐานัน ดรศักดิ์เสมอสมาน
๏ หนึ่ง แห่งกระลาโหม ธุระโรมอรินราน
รวมบกและเรือธาร ทวิปักขเป็นกรม
๏ สอง ต่างประเทศจัด ปฏิบัติธุราคม
เกี่ยวส่ำวิเทศสม สุภถสารอาทร
๏ สาม เทอดมหาดไทย กิจในนครตอน
นอกกรุงอนุสสร สุขราษฎร์ระงับภัย
๏ สี่ คือนครบาล อุปการมหาดไทย
เช่นการกระนั้นใน พระมหานครขัณฑ์
๏ ห้า เรียกกระทรวงวัง วิเคราะห์หยั่งนิยมบรรพ์
เบื้องราชนิเวศน์สรร พประสิทธิเปรอปรน
๏ หก เพรียกพระคลังว่า ฉะเพาะราชทรัพย์ผล
สำหรับไผทยล ธนรับและจ่ายราย
๏ เจ็ด ยุตติธรรมรักษ์ นิติหลักณกฎหมาย
ตัดสินระบิลภาย ณพสกและลงทัณฑ์
๏ แปด ฝ่ายเกษตรใฝ่ กสิไขอุทกปัน
ขุดคลองประคองสรร พะโฉนดและพืชสาร
๏ เก้า ธรรมการอีก ทะนุสิกข์พยาบาล
ผองศาสนาภาร และพิพิธภัณฑ์งำ
๏ สิบ นามะโยธา ธิสถาปนิกกรรม
สื่อสารสมานทำ รถไฟคระไลฝัง
๏ รวบทสสรูปฐา นะประการะธูรรัง
ราบปองฉลองดัง กะพระเนตรพระกรรณไทย
๏ นอกนั้นพระสรรวุฑ ฒิบุรุษประดาใน
พงศ์ราชอมาตย์ไกร ยศมากสมรรถชาญ
๏ เป็นองคมนตรี กรณียบางฐาน
กฎหมายประมวลการ ระบุรัฏฐมนตรี
๏ เทิดลัทธิจัดลัก ษณหลักประศาสน์ศรี
สมโลกเจริญดี ดุจภูมิพิพัฒน์ผอง
๏ คืออัครเอกรัช ชกษัตริยปกครอง
โดยมีสภาสอง คณะซึ่งจะปรึกษา
๏ เป็นรูปสรูปรัฏ ฐประพัทธะจัดมา
คาดในขณานา คตภาคจะมากภาร
๏ ผู้ช่วยพระราชา นุประการะรอบการ
จำมากและจำมาน ธุระทำประจำดี
๏ รวมบูริสู่มณ ฑลหนละแห่งมี
เทศาภิบาลพี ริยรักษมณฑล
๏ จัดเขตตธานี พหุที่ประชุมชน
อำเภอและตำบล ระยะบ้านกะแบ่งแผน
๏ ล้วนมีบดีเอา มนะเคร่าคะนึงแทน
หูตาพสกแดน ดนุเพียบสะดวกผล

อุเปนทรวิเชียรฉันท์

๑๑ พระราชประเพณี พหุมีมิล่วงดล
สมัยอะไรยล เหมาะกะยุคทะนุกคง
๏ ผิพ้นธปรนผ่อน อุปกรณควรทรง
เฉลิมเผดิมสง เคราะหะใหม่อเนกหมาย
๏ นิทัศนุทาหรณ์ พระบวรสถานภาย
ณราชวงศ์หลาย ยุครัชย์ถนัดยล
๏ สภาพมิราบรื่น พิเคราะห์พื้นจะพาดล
ระส่ำระสายสน ธิพระราชพงศ์พันธุ์
๏ สถาปน์มกกุฎรา ชกุมารฐานันดร์
สนองพระองค์สัน ตติราชเสถียรแทน
๏ อนึ่งคะนึงคา รวะการะเฝ้าแหน
พระบาทยุคลแผน ปุรกาลบุราณทำ
๏ เคอะขัดสะดวกนอบ ขณะหมอบผินานนำ
สรีระกรากกรำ มิเหมาะกาละท่าทาง
๏ พระโปรดประกาศราช อนุญาตนิยมวาง
ระเบียบระบอบปาง ประลุเฝ้าพระบาทบงสุ์
๏ ผะโอนศิโรตม์เคา รวเท้าสถิตตรง
ผินั่งพระยังสง เคราะหอาสน์พระราชทาน
๏ สมัยบุรพมา คณนาดิถีวาร
และมาสะศกกาล คติจันทร์มิมั่นคง
๏ ละล้วนจะปรวนผิด พิธกิจจรดลง
ณเอกสารทรง ปริวรรตถนัดทาง
๏ วิถีสุรีย์ยาตร ณพระราชการวาง
ละเว้นก็เป็นบาง ขณะเกี่ยวพิธีไสย
๏ ณบรรพระเบียบสุง กผดุงไผทใน
กระทรวงทะบวงใด ทะนุต่างก็ตัดตอน
๏ ประโยชน์ณโกศราช ธนขาดและพร่องพรอน
พระดำริเด็ดรอน มิปละปล่อยกะบุคคล
๏ วิธีจะจับจ่าย ธุระฝ่ายพระคลังปรน
ประมวลประมาณผล ถิรภาพภิโยดี
๏ ละเพิกประดาพา หิรการะภาษี
และทุกระวางปี สละบ่อนพะนันหมาย
๏ ทุธุตตะโปถั่ว ฉะเพาะหัวบุรีราย
ณรัฏฐ์ขจัดวาย อวสานสถานทราม

วิชชุมาลาฉันท์

ภายในสีมา ราชอาณาจักร์
กิจปองป้องรักษ์ ลำดับถับตาม
พัฒน์คราวกล่าวคือ การปรือปรนความ
มั่นคงปลงปราม ปราบไพรีพาล
๏ รัชย์ที่สี่เริ่ม ฝึกเสริมส่วนพล
หัดทวยหาญยล อย่างยุโรปมาน
เข้าแถวแนวเรียบ ทันเทียบเทศกาล
ทรงเสริมเพิ่มหาญ ให้ล้ำสำนึง
๏ โดยมานเดิมมา เก่าปรากฎปราศ
มั่นคงมักคลาด ตามตัวทั่วถึง
การเกณฑ์เช่นนั้น พ้นพรรณน์รำพึง
ลำบากยากตรึง ตราบบุตรชุดหลัง
๏ ลูกหมู่รู้กัน ชื่อสรรสำเหนียก
ไพร่หลวงแลเรียก ไพร่สมลำพัง
ถึงครามาเข้า เวรเยาว์วัยยัง
แข็งแปรแก่สัง ขารงดปลดปี
๏ เนื่องนั้นบรรดา ลูกถ้ามีแทน
รับคืบสืบแสน ยากชั้นบัญชี
ยาวยุ่งถุ้งเถียง บ้างเบี่ยงเลี่ยงหนี
ความทั่วตัวมี ไม่แน่แปรผัน
๏ ทรงโปรดเปลี่ยนจัด สังกัดนายมูล
เกณฑ์แทนก่อนธูร บ่งหมายชายฉกรรจ์
หน้าที่มีครบ ฝึกรบสบสรรพ์
สองศกยกปัน เป็นผองกองหนุน
๏ ทั้งนี้ดีโดย กอบโกยกำลัง
แก่บ้านเมืองหวัง จำเป็นเกณฑ์จุน
ราษฎรร่มยุกติ์ ทำนุกทางคุณ
พลรบไพรุฬห์ แหล่ล้ำกำจาย
๏ เมื่อเรียกมารบ ได้ครบครันดล
การเกณฑ์เป็นชน สมชื่อคือชาย
รู้กลรณยก กรมบกเรือหมาย
มวลตั้งรั้งราย มณฑลธานี
๏ แเหล่งจากปากน้ำ โดยลำดับทาง
ถึงกรุงเทพ ฯ สร้าง ป้อมไว้ใหม่มี
นามจุลจอมเกล้า ของเก่าเข้าที
แต่งเสริมเดิมดี ดูมั่นยรรยง
๏ เรือรบเรือลาด คล่องกาจไคลกวด
ขันแกว่นแล่นตรวจ ชลกิจนิตย์ทรง
โปรดสร้างอย่างใหม่ เพิ่มไว้ใช้คง
หลายลำจำนง สมมาดราชการ
๏ ทั่วไปในราช พงศ์นาถน้อยใหญ่
ข้าบาทเบื้องใน กิจนานามาน
กำหนดยศศักดิ์ ล้วนภักดิ์หลักภาร
ทั้งรับราชทาน เงินเดือนเงินปี
๏ ผู้ที่มีความ ดีงามตามชอบ
วัยแก่แลกอบ บอบกายินทรีย์
ให้เบี้ยบำนาญ ชั่ววารชีวี
โปรดเนื่องปรานี เมตตาอาทร
๏ โรงเรียนเจียรกาล เบาราณมานตาม
วัดวาอาราม เพศสงฆ์ผู้สอน
อีกอื่นอันอาจ โอกาสศาสน์กรณ์
ยังด้อยน้อยตอน บ้านเมืองเรืองงาม
๏ ทรงจัดหัดฝึก ตั้งศึกษาคาร
ขึ้นในราชฐาน ธูรเริ่มเดิมนาม
สวนกุหลาบตราบนี้ เป็นที่เรียนความ
รู้ภาษาสยาม ยังอังกฤษสอน
๏ โปรดให้เจ้านาย ทั้งหลายพงศ์ราช
บุตรมวลอำมาตย์ สูงฐานันดร
เข้าฝึกศึกษา สืบมาถาพร
เผยพิชชากร ก่องเฟ้นเพ็ญพูน
๏ จ้างชาวด้าวทิศ อังกฤษไกรขัณฑ์
ชื่อแปเตอร์สัน เป็นครูดูธูร
ทางอังกฤษพจน์ ปรากฏรากมูล
มีแรกแผกบูรพ์ บรรเจิดกำจร
๏ ท่านผู้ครูใน พากย์ไทยบรรดา
ศักดิ์นั้นชั้นพระยา คือศรีสุนทร
โวหารมานสร้อย ชื่อน้อยนามกร
กุลวงศ์ถาวร อาจารยางกูร
๏ ได้แต่งตำรับ ไทยสรรพถ้วนสบ
หกเล่มเต็มครบ ถ้อยพากย์ถ่องพูน
พอควรส่วนยุค ทำนุกทำนูล
อาทิ์มีอ้างมูล บทบรรพกิจสาร
๏ โปรดให้ได้รับ สิ่งสรรพศึกษา
ทั่วชั้นบรรดา กุลนาครมาน
ในกรุงหัวเมือง ฟุ้งเฟื่องสิกขภาร
ฝึกหัดชัดชาญ เชิดหน้าสาทร
๏ ส่งสู่ยุรป เทศครบครันศิลป์
วิชชาอาจินต์ รู้แจ้งแพร่งสอน
ทราบสรรพกลับมา รับฐานันดร
โดยวิชชากร สามารถสืบมา

ภุชงคปยาตรฉันท์

๑๒ ตุลาการบุราณเกิน สมัยเนิ่นณบรรดา
คดีซึ่งพิพากษา แยะแยกอยู่กะหมู่กรม
๏ ทะบวงนาก็ว่าเนื่อง เกษตรเรื่องสิทับถม
ณเวียงไว้ธุราคม นครบาลก็ภารเฝือ
๏ กระนี้อาทิปรากฏ ลุเบื้องบทยุคลเจือ
ประจักษ์อกพสกเหลือ จะพร่ำราชการุณย์
๏ พระโปรดเกื้อสรุปการ ณโรงศาลและลูกขุน
พิจารณ์อัตถ์ถนัดดุล วิธีเด่นประเด็นนัย
๏ ประเดิมยุตติธรรมตั้ง กระทรวงนั่งวินิจฉัย
ณอำนาจประกาศไกร ประกอบศักดิสมควร
๏ อเนกนีติบัญญัติ ประดิษฐ์ดัดประโดยมวล
มิพลาดพล้ำกะสำนวน ระบิลบทณกฎหมาย
๏ เสมอหน้าประชากร มิเดือดร้อนอดูรดาย
ณร่มยุตติธรรมภาย พระราชบารมีเพ็ญ
๏ พิจารณ์ถ้วนกระบวนอัตถ์ มิช้าขัดกระทำเข็ญ
กะราษฎร์ปวงบจำเป็น ประวิงข้องเสมือนเคย
๏ คดีอาชญาปัก ขตกหนักสิจำเลย
บุราณแผนบุรพเผย ณจารีตนครบาล
๏ ประจานจับขมับบีบ ประหนึ่งชีพจะชิงลาญ
และตอกนัขตระหนักการ กระทำอาทิทารุณ
๏ ประสงค์สารภาพสัตย์ สนองอัตถลูกขุน
ประเทาเจ็บประจวบมุญ จนาทรจะเนื่องถึง
๏ ละล้วนโหดประโยชน์หา มิเห็นสาระคำนึง
สยดผองสยองพึง ประหวั่นภัยบใช่การ
๏ ระบอบใหม่วิจัยมวล วิจักษ์ทวนพะยานฐาน
เสาะจริงเท็จเผด็จภาร พิพิธพื้นจะชื่นตา

สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์

๑๙ เชิงอาชีพพระก็รีบผดุงพิบุลปรา  
รภรอบประกอบมา อุบัติ
๏ เบื้องคลองคลองชลคูประตูอุทกตัด  
ขุดอ้างอเนกทัส สนีย์
๏ เบื้องบถไคลธุระไหนณต่างบุรวิถี  
แท้ทูรบูรี ระวาง
๏ โดยเกวียนพาหนอาทิคชหยและบาง  
คราวท้าวคระไลทาง ก็ไกล
๏ รัชช์นี้มีปฐมาทิยานรถไฟ  
เร็วมุ่งจะมาไป สบาย
๏ คือโคราชจรคาดก็ถึงระยะกะสาย  
สู่เพ็ชรบูรีปลาย ลุเทา
๏ หนเหนือไปพะพิชัยและในบุรพะเนา  
เพียงเมืองฉะเชิงเทรา นิทัศน์
๏ อำนาจราชพิเศษสฤษฎิบริษัท  
รถรางคระไลลัด และเมือ
๏ เมืองฝ่ายหมายลุทะเลอเนกะคินิเรือ  
แล่นรับและส่งเจือ สะดวก
๏ โทรเลขทั้งทุรศัพท์ทะบวงระบุผนวก  
กรมไปรษณีย์พวก ประกอบ
๏ ต่อต่างเทศธุรสรรพสะดับชวนะรอบ  
จดหมายจะมีตอบ กะกัน
๏ โปรดออกใบธนบัตรระมัดภยนิรันดร์  
ง่ายส่งประสงค์สรร พะกิจ
๏ ที่ดินถิ่นนรใดผิใครจะทะนุสิทธิ์  
กาลก่อนบห่อนคิด กะบาป
๏ กำลังมากเหมาะสิยึดประพฤติพลภาพ  
แล้วแลมิแน่ทราบ สถาน
๏ โปรดออกแผนนิติแดนเกษตรสกละมาน  
หมายหน้าโฉนดการณ์ ก็เรียบ
๏ ส่ำสัตว์พาหนรูปลักษณระเบียบ  
เก่าคาดบขาดเฉียบ ระบอบ
๏ โปรคออกตั๋วระบุทั่วทะนุกสุขะประกอบ  
การนาและค้ารอบ เจริญ
๏ ชีพิตภัณฑ์ธนอันตรายฉะเพาะผะเชิญ  
ชุมราษฎร์ณก่อนเกิน ประมาณ
๏ ตำรวจภูธรกองตระเวรนครบาล  
เบญจ์รัชย์อุบัติภาร พะยุง
๏ หน้าที่รักษพิทักษ์ประชาชนผดุง  
โดยนอกและในกรุง ระงับ
๏ อีกเรื่องโรคพยาธิปรากฏณบรรพ  
คราวราษฎร์เคราะห์ร้ายรับ ระบาด
๏ ตายปีทีละมิน้อยพระพลอยกรุณอาทร์  
โปรดโปรยประโดยราช วิจารณ์
๏ ตั้งพวกแพทยระแวดระวังวิเคราะห์สมาน  
มีโรงพยาบาล พิทักษ์
๏ หัวเมืองมากทรพิษผริตคณภิสัก  
ปลูกเยียวพยาธิ์รัก ษะรอน
๏ รุงรังรกสกปรกเปรอะในนครตอน  
อาเกียรณอากร ณบูรพ์
๏ ตั้งกรมนามสุขาภิบาลพิเคราะหธูร  
สร้างซ่อมสิพร้อมมูล สะอาด
๏ กจอื่นพื้นผลชัดนิทัสสนะพระราช  
การุณยคุณคาด จะเห็น
๏ เกิดทุพภิกขภยาทิแผ่กุสละเพ็ญ  
แจกภักขะผลเป็น พระทาน
๏ เนืองนักโทษขณะโปรดพระราชอภยปราณ  
พ้นพันธนาคาร สบาย

สุรางคณางค์

๒๘ สภาพปราบปราม กิจปลงสงคราม
หากจะปริยาย ภายนอกสงบ
มีรบเพียงภาย ในเขตต์ประปราย
ชำนะประจัญ  
๏ โจรพรรคมักก่อ การณ์ฮือคือฮ่อ
มุ่งเหิมโมหันธ์ รบกวนส่วนแคว้น
ปลายแดนดินอัน อ้างอุตดรพลัน
พินาสปราศภัย  
๏ หนึ่งนั้นพรรค์เงี้ยว โฉดชาติกราดเกรี้ยว
ถืออำเภอใจ เกะกะระราน
ทางด้านด้าวไทย พายัพฉับไว
วินาสปลาตลง  
๏ ยังพวกผีบุญ ดำรินิรคุณ
ทุษกรรมจำนง จลาจลการ
อิสาณทิศคง มลายวายลง
ราบคาบคืนเดิม  
๏ อัพภันดรรัฐ เรียบสันติสงัด
งำศึกฮึกเหิม ฝ่ายพาเหียรภาค
ยุ่งยากหากเติม มากมากว่าเดิม
แลซ้ำสำคัญ  
๏ อังกฤษคิดกล้า ตีดะพะม่า
เข้ามาใกล้ครัน ฝรั่งเศสห้อม
ญวนขอมพร้อมกัน กับตั้งเกี๋ยพลัน
โอบรวบรอบมา  
๏ แม้ทั้งโทชาติ มานร่วมมิตรราช
สยามตามครา สัมพันธ์นั้นสิ
ไตร่ตริรักษา แสนยากหากปรา
รพภะระแวง  
๏ อยู่ใกล้ไพรี ต้องป้องปองพี
ริยะเข้มแขง เข้าชิดมิตรพันธ์
พึงมั่นมุทุแปลง ปลอบไป่ให้แหนง
ถนอมน้อมใจ  
๏ ภูเบนทร์เบญจมา ธินาถราชปรา
รมภะหทัย ดำเนิรรัฏฐา
ภิปาลนนัย ตามรัชชสมัย
ทรงพุทธ์จตุตถี  
๏ สัญญาพระราช ไมตรีประกาศ
ขึ้นใช้ใหม่มี กับออสเตรียทั้ง
เทศฮังการี รัสเซียยังญี่
ปุ่นอีกอื่นไผท  
๏ ต่างคมนาคม ราชกิจนิยม
เนื่องกันอันใด พิเศษเหตุพูด
แต่งทูตมาไป ทั้งตั้งยั้งใน
สำนักประจำ  
๏ การบางอย่างบ่ง บรภาษาทรง
แต่งผู้รู้นำ ราชกิจสิทธิ์สู่
ถิ่นทูรกระทำ ลุได้ไม่จำ
เป็นใช้ปรชาว  
๏ แม่ต้องหมองหมาง กับเทศเขตต์บาง
แห่งก็พอสาว สัมพันธประนอม
ปลงพร้อมย่อมยาว ยืดเป็นเช่นคราว
เดิมดีมีมา  
๏ เมื่อชุมนุมกิจ หนึ่งใดในทิศ
ประเทศนานา สยามงามยศ
ปรากฏณสภา นั้นนั้นเนืองครา
เข้าร่วมรวมหลาย  
๏ ในกาลนานก่อน บ่เห็นบ่ห่อน
มีเผ่าเจ้านาย ชาวต่างประเทศ
ประเวศเยือนกราย ถึงรัชช์นี้หมาย
มีมาหลายองค์  
๏ ชี้เช่นพระเจ้า นิโคลาสเนา
ที่สองดำรง รัสเซียไผท
สมัยยังทรง รัชทายาทยง
พระยศนิยม  
๏ ปางพระประพาส เบื้องบูรพราช
ทรงปรีดิ์เปรมรมย์ เสด็จเยี่ยมฉันท์
ราชพันธสม สุภมิตราคม
สนิทสมาน  

สัทธราฉันท์

๒๑ ส่วนค้าส่ำขายขยายการ กษณพระนฤบาล
ผ่านพิภพศาน ติทรงราชย์
๏ มีเรือเมือไคลณต่างชาติ พณิชยธุระมาด
หมายติสัตคาด คะเนนำ
๏ เพียงสี่สิบปีทวีดำ ริคณนะฉะเพาะลำ
สัตตสัตทำ นุดำเนิร
๏ สินควรส่วนเข้าสิเพลาเดิร วิกยกิจเจริญ
จากประเทศเกิน กะค่าคาด
๏ แรกราวสองล้านประมาณบาท ณขณะนิกรราษฎร์
รมยสุขมาด เสมอยัง
๏ ยี่สิบห้าล้านณกาลหลัง ประลุพิบุลยะคลัง
สมนิยมหวัง วณิชย์ธูร
๏ ราชอาณาจักรสมบูรณ์ พิพิธธนจรูญ
โภคะพร้อมมูล ลุมั่นคง

อุปัฏฐิตาฉันท์

๑๑ กล่าวราชจริยา นุสถานะธำรง
ฐานเอกพระองค์ ภพนาถะเหนือเศียร
๏ โสดทรงสุภเพ็ญ คุณเป็นพระราชเกียรติ์
โดยไท้ธเสถียร อธิราชกรุณย์มาน
๏ เมตตาณพระองค์ อนุพงศ์อมาตย์ฐาน
ทั้งราชปริวาร และตลอดประชาชน
๏ แม่นหมายดุจมิต ตสนิทนิทัศน์ยล
นักขัตตกุศล วรราชพิธีใด
๏ สามัคคิยเข้า คณะเจ้ากะข้าไทย
พร้อมหน้าสหใน กิจรมยสำราญ
๏ น่าปีตินิยม พระบรมสมภาร
สมสุนทรสาร ปรมาภิไธยศรี
๏ สมเด็จพระมหา ปิยราชจักรี
สมเปรมนรปรี ดิเฉลิมพระนามขาน
๏ ด้วยฉันทนิพัท ธมนัสคะนึงการ
เทอดคารวะฐาน ทะนุแทนพระองค์ไท
๏ เป็นปูชนิย์วัต ถุถนัดกะนัยน์ใน
ภายหน้าสนองใจ ลุระลึกมิเลือนหลง
๏ สรรค์สร้างพระบรม สิริสมกะรูปทรง
หัยพาหนบง อภิลักษณ์ไลตา
๏ เชิญสึงเหมาะสถาน ณพระลานวโรฬาร์
นามราชนิวา สนะสวนดุสิตสรร

โตฎกฉันท์

๑๒ ณพระราชประวัติ วรขัตติยปัญ
จมรัชชถวัล ยะจะเสริมเสาะแสดง
๏ อธิราชคุณวุฑ ฒินิรุติแถลง
พหุลักษณแจง พจิเนื่องรจนา
๏ บทวรรณคดี ดุจมีณประกา
ระอเนกสุภสา ระกะชุมอนุชน
๏ วิเคราะห์จินตนศาส ตระพระราชนิพนธ์
พิธเยี่ยงนิติยล นยเทอดคติฐาน
๏ อนุสนธิสุสิก ขะและอิกจะพิจารณ์
อุปมาอนุมาน อุปไมยกถา
๏ กิจชัดเพราะพิเฉท พิเคราะห์เหตุผลปรา
กฏเกี่ยวกะปุรา ณสมัยนวมาน
๏ พระพิธีณทวา ทสมาสวิธาน
อธิบายระบุกาล กลเก่าอนุกูล
๏ ขณะใหม่เหมาะประมวล ฉะเพาะควรทะนุมูล
ณปวัติพิบูล ยประเพณิประการ
๏ พระประพาสประลุใน ทิศไหนณสถาน
จรนั้นพระวิจารณ์ สิประจักษ์พระนิพนธ์
๏ หิตสรรพลุแผ่ ผลแก่คณะชน
สกชาติปฏิสน ธิอนาคตเนือง
๏ ตละอย่างพระนิพนธ์ อนุสนธิประเทือง
ชวนานุเคราะห์เรือง พิทยากรเรียน
๏ กวิวากยประพันธ์ ธอนันทเสถียร
พจมาลยระเมียร ลุวิมุตติวิธี

จิตรปทาฉันท์

กิจจพระศาสน์ อธิราชปรา
รพภ์ดุจรา ชะประเพณี
ทรงอุปถัม ภกะนำปรีดิ์
ปรากฏะมี คุณบำเพ็ญ
๏ ติกปิฎก พระตริยกพุทธ
ศาสนอุต ดมะเดิมเป็น
อักขระขอม พิเคราะห์ย่อมเห็น
ยากณประเด็น จะวิจารณ์ยล
๏ โปรดปริวรรต ทะนุอัตถ์อัก
ษรสกลัก ษณพิมพ์บน
บัตรกระดาษ ก็พิลาสผล
ดีฉะเพาะดล เหมาะสมัยสม
๏ สร้างขณะนั้น สิริพ้นจบ
ปูชนิย์นบ รตโนดม
คันถธุรา ธิกปรารมภ์
โดยอนุกรม ลุเจริญจอง
๏ ทุกระยะพรรษ ปริยัตติ์สอบ
สงฆระบอบ กิจปกครอง
เจ้าคณะมณ ฑลปรนปอง
สงฆ์คณะผอง ปฏิบัติงาม
๏ สิทธิสถา ปนะอาวาส
ทำนุพระราช นวอาราม
รัชชะพระองค์ สิริคงสาม
ราชทินนาม กรรังสรรค์
๏ ราชบพิธ สุพินิศถิ่น
เทพศิรินทร์ พิศงามครัน
อิกก็นิเว ศนะเกวัล
สร้อยระบุธรร มประวัติแจง

วังสัฏฐฉันท์

๑๒ ประมวลณส่วนส่ำ สุภนำเสนอแสดง
พระบุณยฤทธิแรง กฤดาพระบารมี
๏ เฉลิมพระราชลาภ ผลภาพพิบูลยศรี
พิพัฒน์สวัสดี ประลุแด่มหานคร
๏ พิเศษสำคัญ กริอันุอบัติณตอน
สถิตสถาพร ณระวางพระรัชชะหมาย
๏ สรูปจตุททศ สิริคชพังและพลาย
ประดับพระยศผาย วรเกียรติเทียรฆกาล
๏ คะนึงคะเนหลาก ปุรภาคเพราะมากประมาณ
ณยุคนิยมสาร ฉะเพาะศรีอยุธยา
๏ ไผทธจักรพรรดิ์ พระกษัตริย์สมัยและมา
ลุเทพมหาธา นิยขัตติย์รัชชะสอง
๏ พระพุทธเลิศหล้า นภภาคมูละมอง
ประจักษ์พระเจ้าครอง คชเพศเศวตพระนาม
๏ มิเปรียบพระเทียบบัญ จมธรรมราชสยาม
ประสพพิเศษงาม และประหลาดลุบาทมูล

ฉะบัง

๑๖ สมเด็จภูเบศร์บดินทร์สูร เบญจมตระกูล
จักรีปิยราชเรืองชัย  
๏ ประติภาณสัมปชัญญ์มั่นไพ บูลพฤทธิ์พร้อมไว
วิจารณ์วรญาณปรีชา  
๏ นิตย์ในไผทกิจพิธรา โชบายหลายฐา
นะรอบกอบราชกรณีย์  
๏ ด้วยพระพิริยสมรรถมี ทรงป้องครองศรี
สยามประเทศถิรผล  
๏ สำราญศานติภาพสุรพล ภิย์โยภาพยล
ยิ่งรัชช์กษัตริย์ก่อนสรรพ์  
๏ ทั้งในใกล้รัฐรอบอัน เป็นเอกราชันย์
เขมรมอญพะม่าอานัม  
๏ อุบัติอุปัทวกรรม จวบล่มจมลำ
ดับสู่อำนาจชาติบร  
๏ คงแต่ไทยแผ่นามกร ถ่องภพถาพร
พูนสุขนิรทุกข์นิรภัย  
๏ เพิ่มเพ็ญเป็นอโนปไมย มิ่งพระอติศัย
สุคุณวรบุณย์บารมี  
๏ แผ่พระกฤตาธิบดี เสถียรเกียรติ์ทวี
ปรากฎเดชยศเยี่ยมยง  
๏ ยังพระบรมจักรีวงศ์ อุตตมดำรง
จำเริญอยู่เนิ่นเนืองกาล  
๏ สถิตในไอศูรย์พูลศาน ติภาพตราบวาร
สวรรคตจดไขคำแถลง  
๏ พุทธศกสองพันสรรแสดง สี่ร้อยสืบแจง
ห้าสิบกับสามพรรษา  
๏ วันที่ยี่สิบสามมา สะตกตุลา
คมสุริยคติตามวาร  
๏ พระชนม์คณนาครามาน หมายบริบูรณ์กาล
ห้าสิบแปดเปี่ยมปางปี  
๏ ธำรงเสียมรัฐสวัสดี เดียวเด่นเป็นทีร์
ฆายุรัชยะสมัย  
๏ ถึงสี่สิบสองสิทธิชัย โบราณกาลไทย
กษัตริย์ทรงรัชย์ฤาเสมือน  
๏ พระคุณอุ่นเกล้าเนาเตือน ตรึงใจไป่เลือน
ล้วนไทยได้ดื่มปลื้มปรีดิ์  
๏ กล่าวราชประวัติบัญจมี รัชชกาลก่องศรี
สรูปฉันท์รูปอวสาน  

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ