- พระยาอภิรักษราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล)
- คำนำ
- ตอนตั้งวงษ์เทวา จนถึงอิเหนาไปอยู่เมืองหมันหยาครั้งแรก
- ตอนเข้าห้องจินตะหรา จนถึงอิเหนาตอบสารท้าวกุเรปัน ตัดอาไลยบุษบา
- ตอนวิหยาสะกำเที่ยวป่า จนถึงท้าวหมันยารับสารท้าวกุเรปัน
- ตอนศึกกะหมังกุหนิง
- ตอนเข้าเมืองมละกา จนถึงอุนากันขึ้นเขาประจาหงัน
- ตอนหย้าหรันตกไปเมืองมะงาดา จนถึงระเด่นดะราหวันตามหยันมาเมืองกาหลัง
ตอนเข้าห้องจินตะหรา จนถึงอิเหนาตอบสารท้าวกุเรปัน ตัดอาไลยบุษบา
จับตอนเข้าห้องจินตะหรา
โอ้โลม๏ ว่าเอยว่าพลาง | โอนแอบแนบนางเกษมศรี |
ถอยหนีพี่ไยณเทวี | มารศรีอย่าสลัดตัดใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ พระเอยพระผ่านฟ้า | มารัดรึงตรึงตราไม่ปราไส |
ยิ่งห้ามยิ่งลามลวนไป | เปนใจของใครจะไม่แค้น |
น้ำคำดังอำมฤตย์ฟ้า | แต่หยาบช้าสามาญเปนเหลือแสน |
แกล้งจะให้คนหมิ่นถิ่นแคลน | มาทแม้นว่าพระเมตตา |
น้องว่าสิ่งไรจะผ่อนผัน | นี่ทรงธรรม์หาญหักหนักหนา |
นางสบัดปัดกรไปมา | กัลยาค้อนควักภูวไนย |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ เจ้าเอยเจ้าพี่ | มารศรีผู้ยอดพิศมัย |
พี่รักนางพ่างเพียงดวงใจ | สิ่งใดจงได้เมตตา |
พี่นี้เหมือนสารอันมัวมัน | หุนหันไปด้วยเสนหา |
แต่ร้อนรุ่มกลัมกลัดอยู่อัตรา | พึ่งได้สุธาทิพมายาใจ |
แต่ผินหน้าผินหลังขึ้งขัด | จะสบิ้งสบัดไปถึงไหน |
เมื่อได้แนบเนื้อแนมใน | จงหยุดยั้งชั่งใจนางเทวี |
ว่าพลางพระทางเชยชม | จูบแก้มแนมนมมารศรีี |
เอนองค์อิงแอบแนบยวนยี | พาทียั่วเย้าไปมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ น้อยเอยน้อยใจ | แกล้งจะให้อายชาวดาหา |
ยิ่งว่ายิ่งทำหยาบช้า | เพราะเหตุผ่านฟ้าไม่เกรงใจ |
ฉนี้แลฤาว่าเมตตา | อนิจามาทำแต่โดยได้ |
เจ็บจิตรเปนสุดคิดไป | จะใคร่กลั้นใจให้มรณา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้โลม๏ สาวเอยสาวสวรรค์ | ขวัญเมืองอย่าได้กังขา |
คำมั่นพี่ได้สัญญา | แก้วตาตรึกดูข้างในใจ |
เจ้าอย่าฉงนสนเท่ห์ | พี่จะแต่งเล่ห์ลวงก็หาไม่ |
พลางกอดประทับกับอกไว้ | ปลื้มใจของพี่จงเมตตา |
เมื่อได้ถึงเพียงนี้แล้ว | ควรฤาน้องแก้วไม่ผ่อนหา |
ปรานีพี่เถิดนางกัลยา | ช่วยชูชีวาของพี่ไว้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ว่าเอยว่าพลาง | โอบอุ้มองค์นางพิศมัย |
ทรวงแอบแนบทรวงทรามไวย | ฤไทยด่าวดิ้นแดดาล |
จูบแก้มแนมแก้มประกิจ | ยิ่งรัญจวนคิดถึงสงสาร |
ภุมรียั่วเย้าดวงมาลย์ | บุษบาตระการก็คลี่คลาย |
กรเกี่ยวกระหวัดรัดองค์ | ชมดวงบุษบงโฉมฉาย |
พระพิรุณรังสรรค์ก็โปรยปราย | โกสุมกระจายอรชร |
ภุมราร่อนลงประจงจด | ขมรศสุคนธเกสร |
บดบังทั้งแสงทินกร | ภมรบรรเทิงเริงรื่นใจ |
ทั้งสองพระองค์ทรงสวัสดิ์ | กำหนัดด้วยความพิศมัย |
ดังได้ฟากฟ้าสุราไลย | ศุขเกษมเปรมใจทั้งสองรา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ กล่อม
ร่าย๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงนางนมทั้งซ้ายขวา |
แต่ปรับทุกข์กันไปมา | ด้วยกลัวอาญาพระภูวไนย |
คิดแล้วก็ชวนกันขึ้นมา | ทูลแจ้งกิจจาแถลงไข |
ว่าระเด่นมนตรีชาญไชย | เสด็จไปปราสาทพระบุตรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวหมันหยาเรืองศรี |
ทั้งประไหมสุหรีเทวี | มิได้มีพจมานประการใด |
ต่างองค์ก็เสด็จลีลาศ | จากอาศน์สุวรรณแจ่มใส |
เข้าที่บรรธมภิรมย์ใจ | ที่ในห้องศิริไสยา |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
ครั้นล่วงสามยามนาฬิกา | ปักษีตื่นตาหากัน |
ไก่ขันกระชั้นเสียงก้อง | พระสร้วมสอดกอดน้องแล้วรับขวัญ |
พระสท้อนถอนใจจาบัลย์ | ซบภักตร์ลงพลันกับภักตรา |
ความพี่หนักทรวงบัดนี้ | แม้นคิรีทับอยู่ก็เบากว่า |
จะจากไปฉันใดณอกอา | คิดมาฤๅหนึ่งมิใคร่ไป |
แต่ถอนฤไทยมิใคร่จาก | โอ้ลำบากอกพี่จะมีไหน |
จำจิตรจำจากจะจำไกล | จะทนทุกข์ไปในราตรี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ น้องเอยน้องแก้ว | จะใกล้รุ่งขึ้นแล้วณเจ้าพี่ |
พี่ยาจะลานางเทวี | ค่อยอยู่จงดีณนวลน้อง |
แต่สั่งแล้วพระซ้ำสั่งเล่า | ขวัญเจ้าอย่าทุกข์ทนหม่่นหมอง |
บัดนี้จวนแจ้งแสงทอง | จำเปนจากห้องภิรมยา |
แล้วกลับภักตรามาสั่ง | ร้อยชั่งเจ้าอย่าละห้อยหา |
วันนี้แต่พลบพี่จะมา | ค่อยท่าพี่เถิดณดวงใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ สั่งเสร็จก็เสด็จออกมา | จากห้องไสยาพิศมัย |
พระรีบลีลาคลาไคล | จวนสุริยแสงใสสว่างฟ้า |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงจึงเข้าที่สรง | ทรงสุคนธรศโอ่อ่า |
ดาดกลบรอยเล็บนางกัลยา | ทรงภูษาวิจิตรพิศพรรณ |
ทรงอุบะแล้วถือเช็ดหน้า | พระปรีดาภิรมย์หฤหรรย์ |
ออกหมู่เสนาบังคมคัล | เกษมสันต์เสสรวลสำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | ประสันตายิ้มรับเกษมสานต์ |
จึงทูลไปด้วยใจสามาญ | พระภูบาลเสด็จไปแห่งไร |
พิศภักตร์ดังดวงจันทรา | เมื่อจวนรุ่งโรยราไม่แจ่มใส |
พระกรก็เปนริ้วรอยไป | เห็นแปลกตาแปลกใจกว่าทุกวัน |
ดีร้ายต้องปิศาจเมืองนี้ | จึงแรงร้ายราวีกวดขัน |
ว่าแล้วจับเบี้ยขึ้นบนพลัน | เป็ดไก่สารพันจะบูชา |
ขอให้พระไปดีมาดี | อย่ามีริ้วเลยคุ้งวันน่า |
ให้ไปจนรุ่งแรงแสงสุริยา | ยิ่งกว่าวันนี้จงทุกวัน |
ให้ได้เสด็จทุกราตรี | จะแต่งเครื่องพลีจงกวดขัน |
ข้าจะกินถวายเทวัญ | ทุกเทพรังสรรค์จงเมตตา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
ทั้งพระพี่เลี้ยงแลเสนา | ก็สรวลประสันตาแซ่เซงไป |
พระเอาพลูรอยกัดซัดมา | สารพันจะว่าไม่นิ่งได้ |
แล้วเสด็จลีลาคลาไคล | เข้าในที่ศิริไสยา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวเจ้ากรุงหมันหยา |
ครั้นพวยพุ่งรุ่งแสงพระสุริยา | พระราชาอ่าองค์อำไพ |
ครั้นสร็จเสด็จยาตรา | กับอรรคชายาศรีใส |
เสด็จออกท้องพระโรงไชย | จึงสั่งเสนาในไปพลัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เร่งเอยเร่งเร็ว | ให้หาตำมะหงงกุเรปัน |
ทั้งพี่เลี้ยงนัดดามาพลัน | ให้ทันกูสั่งบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงมุขอำมาตย์ทั้งสี่ |
ก้มเกล้ารับสั่งพระภูมี | กราบสามทีแล้วก็แล่นไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงตำหนักพระราชา | เอากิจจานั้นแจ้งแถลงไข |
รับสั่งให้หาท่านเข้าไป | เร่งเร็วแต่ในบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงกุเรปันกรุงศรี |
กับสี่พี่เลี้ยงเสนี | รีบขมีขมันเข้ามา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ มาเอยมาถึง | ปราสาทท่านท้าวหมันหยา |
ถวายบังคมคัลวันทา | ทั้งสองกษัตราเลิศไกร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวหมันหยาเปนใหญ่ |
แสร้งเสด้วยเล่ห์กลใน | ท้าวไทจึงแจ้งกิจจา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ คืนเอยคืนนี้ | ระเด่นมนตรีขึ้นลอบหา |
จินตะหราวาตีกัลยา | ข้ามิได้รู้เห็นเปนใจ |
เราจะบอกไว้เปนพยาน | พระภูบาลมิรู้จะสงไสย |
ว่าเราปลดปลงจงใจ | ยกบุตรีให้กับนัดดา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงบังคมเหนือเกษา |
ทั้งสี่พี่เลี้ยงพระราชา | ก้มหน้าลงยิ้มทันใด |
ตำมะหงงจึงสนองพระวาจา | พระนัดดามาจากกรุงใหญ่ |
ด้วยกำลังรักองค์อรไทย | ภูวไนยจึงหักหาญมา |
ก็ย่อมแจ้งใจอยู่ด้วยกัน | ถึงสององค์ทรงธรรม์ผู้เชษฐา |
แม้นพระได้แจ้งแห่งกิจจา | ก็จะไม่ว่าไรพระองค์นัก |
แม้นพระมิให้นางจินตะหรา | พระนัดดาจะแสนโศกเพียงอกหัก |
ด้วยตั้งใจจำนงจงรัก | หาญหักมาจนถึงเพียงนี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวหมันหยาเรืองศรี |
จึงตอบคำตำมะหงงเสนี | เรามิรู้แห่งที่จะคิด |
มิใช่จะหวงบุตรีไว้ | ครั้นจะให้ก็กลัวความผิด |
เห็นความทั้งนี้จะมิมิด | สององค์ทรงฤทธิ์จะรู้ไป |
ครั้นจะมิให้ก็เอนดู | มิรู้ที่จะทำเปนไฉน |
สุดแต่เราจะนิ่งดูไป | ทั้งปวงจงได้เปนพยาน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงได้ฟังบรรหาร |
กับสี่พี่เลี้ยงก็กราบกราน | ลาพระภูบาลมาทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | จึงกราบประนตบทศรี |
แล้วทูลระเด่นมนตรี | ตามพระภูมีตรัสมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
ครั้นได้จะแจ้งแห่งกิจจา | พระโสมนัศาเปนพ้นไป |
แต่งองค์แล้วทรงอาชา | มาปราสาทจินตะหราศรีใส |
ทั้งกลางวันกลางคืนภูวไนย | เข้าไปอยู่ด้วยนางกัลยา |
แต่คลึงเคล้าประกิจชิดชม | บรรเทิงภิรมย์หรรษา |
สำรวลสรวลศุขทุกเวลา | ในห้องไสยาบรรธมใน |
ยามสรงยามเสวยก็เชยชิด | แสนสนิทไม่ห่างนางได้ |
ด้วยเริ่มแรกรู้รศใจ | งวยงงหลงใหลด้วยเทวี |
ฯ ๘ คำ ฯ โลม
๏ เมื่อนั้น | โฉมนางจินตะหรามารศรี |
ภิรมย์สมศุขเปรมปรีดิ์ | ด้วยระเด่นมนตรีชาญไชย |
องค์อ่อนนอนแนบแอบองค์ | แสนสนิทพิศวงหลงใหล |
ปรีดิ์เปรมเกษมสานต์บานใจ | ด้วยพระภูวไนยทุกราตรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเรืองศรี |
อยู่สบายมาหลายราตรี | พระคิดถึงสองศรีโสภา |
ซึ่งอยู่ในดงพงไพร | จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจเปนหนักหนา |
โอ้เอนดูนางกัลยา | จะรับเข้ามายังเวียงไชย |
คิดแล้วจึงมีพระวาจา | แต่แรกพี่มาจากกรุงใหญ่ |
เร่งรีบเดินทางกลางไพร | พี่จึงแก้สงไสยแก่ไพร่พล |
ครั้นออกป่าทุ่งจึงอุบาย | ทำเปนแยบคายสายสน |
ควบแข่งอาชากับสามนต์ | จึงค่อยเปลืองหนทางเร็วมา |
ครั้นถึงภูผาปราปี | พี่ชื่นชมยินดีเปนหนักหนา |
ด้วยใกล้บุรีแก้วแววตา | จึงให้ตั้งพลับพลาหยุดพัก |
พอสามระตูมาพบ | ได้รับรุกโรมโหมหัก |
ระตูผู้น้องโอหังนัก | หาญหักพี่ก็ฆ่าให้บรรไลย |
ยังแต่สองระตูผู้พี่ | จึงเอาสองบุตรีมาให้ |
กับกุมารแน่งน้อยพึงใจ | ทั้งบรรณาการก็ให้มา |
ขอเปนเมืองออกแก่พี่ | แล้วฝากสองบุตรีโอรสา |
พี่ก็มีจิตรคิดเมตตา | แต่ว่ามิได้ต้องสองอรไทย |
พี่ตั้งสัตย์ตัดตรงจงมา | จะเลี้ยงดวงยิหวาให้เปนใหญ่ |
แม้นมิสมดังจิตรที่คิดไว้ | อันนางใดพี่ไม่ไยดี |
พี่จึงให้อพยพทั้งนั้น | ตั้งมั่นอยู่ด่านกรุงศรี |
กลัวสองพระองค์ทรงธรณี | จะว่าพี่มีภรรยามา |
จะมิให้แก้วตายาจิตร | พี่จะชวดสนิทเสนหา |
จะเสียทีที่พี่หักมา | ใช่จะไม่เจตนาแก่นางใด |
ฯ ๒๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางจินตะหราวาตีศรีใส |
จึงทูลพระองค์ทรงไชย | ขอให้ไปรับสองนางมา |
นางไกลบิตุเรศมารดาแล้ว | ไกลทั้งน้องแก้วเสนหา |
เห็นแต่พระองค์ดังบิดา | ก็มาไกลเล่าจะเศร้านัก |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ |
ได้ฟังนางโฉมยงนงลักษณ์ | ความรักภูลเพิ่มเพียงดวงใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นแล้ว | พระคลาศแคล้วจากห้องพิศมัย |
จึงสั่งพระพี่เลี้ยงให้เร่งไป | รับสองอรไทยเข้ามา |
กับเหล่าอพยพทั้งนั้น | พี่จัดสรรที่อยู่ให้พร้อมหน้า |
อันสองนวลน้องกัลยา | พี่พามาติกาหรังเรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยะรุเดะบังคมก้มเกล้า |
รับสั่งพระองค์ผู้ทรงเยาว์ | มาจัดเหล่าทหารชาญไชย |
ทั้งที่ฐานจัดเสร็จก็ไคลคลา | ยกมายังด่านกรุงใหญ่ |
ถึงบอกพี่เลี้ยงนางอรไทย | พระภูวไนยให้รับเข้าธานี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นางพี่เลี้ยงครั้นแจ้งถ้วนถี่ |
จึงมาทูลสองราชเทวี | พระภูมีให้มาเชิญเข้าเวียงไชย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองสุดานารีศรีใส |
ฟังพี่เลี้ยงทูลก็แจ้งใจ | จึงไปเข้าที่สรงคงคา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด๏ ต่างองค์ชำระสระสนาน | สุคนธารอุรับจับมังษา |
ผัดผ่องภักตร์เพียงจันทรา | ทรงภูษาพื้นสุวรรณพรรณราย |
ทรงสไบวิไลยโอฬาร์ | บุหงาแซมเกษเฉิดฉาย |
ทองรอบขอบภักตร์จำหลักลาย | กระจังรายรัดมวยบรรจงเกลา |
ทรงทั้งทองกรธำมรงค์ | วินิจพิศทรงโฉมเฉลา |
มาทรงวอสุวรรณอันพรายเพรา | พี่เลี้ยงนงเยาว์ก็ตามมา |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
ร่าย๏ อิกทั้งนักสนมกรมใน | แหแหนแน่นไปทั้งซ้ายขวา |
ธงทิวปลิวระยับจับตา | มิช้าก็ถึงพระนคร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ จึงประทับวอแก้วกับเกยมาศ | ยุรยาตรดังเทพอับศร |
ตรงไปที่อยู่พระภูธร | ทั้งสองบังอรค่อยคลายใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
จึงกล่าวแก่จินตะหราทรามไวย | พี่จะลาดวงใจไคลคลา |
ไปหานางมาหยารัศมี | แก้วพี่อย่าละห้อยคอยหา |
แต่นางมาก็หลายวันมา | พี่จะลาไปหาทรามไวย |
สั่งเสร็จมาขึ้นอาชา | ไปยังติกาหรังที่อาไศรย |
ครั้นถึงจึงลงมโนไมย | เข้าในที่สรงคงคา |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
โทน๏ พระจึงชำระสระสนาน | อุรับสุคนธารโออ่า |
ทรงภูษิตกุมกฤชเทวา | ทรงอุบะบุหงาปะกัน |
บรรจงจับชายกรายกร | บทจรย่างเยื้องผายผัน |
เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ | เห็นบรรธมสนิทนิทรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ยอกรพาดเอวอรไทย | จะให้สงไสยกังขา |
ว่าระเด่นสังคามารตา | ซึ่งเปนอนุชาร่วมใจ |
แล้วค่อยกระซิบถามพลาง | พระพี่นางตื่นอยู่ฤๅหลับใหล |
ไม่ผินมาหาน้องนี้ว่าไร | ขัดแค้นสิ่งใดจงบอกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมาหยารัศมีเสนหา |
ได้ยินแว่วเสียงจำนรรจา | กัลยาฟื้นองค์ขึ้นทันใด |
สำคัญว่าพระอนุชา | เห็นผิดเวลาจึงถามไถ่ |
ดึกดื่นปานนี้แล้วมาไย | เหตุการสิ่งไรจงบอกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
ค่อยกระซิบบอกนางกัลยา | ว่ามิได้มีเหตุสิ่งไร |
แต่จากกันมาเป่นหลายวัน | น้องนั้นมีจิตรคิดฝันใฝ่ |
จึงมาเฝ้าองค์อรไทย | ว่าพลางกอดไว้ไม่เคลื่อนคลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมาหยาเฉิดโฉมเสนหา |
เห็นผิดที่ใช่เสียงอนุชา | รู้ว่าอิเหนามาก็ตกใจ |
ลุกเลื่อนพระองค์ลงมาพลัน | ฤไทยประพรั่นหวั่นไหว |
สั่นทรุดให้หลุดพระหัดถ์ไป | ความกลัวภูวไนยเปนพ้นนัก |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีมีศักดิ์ |
สรวลพลางรับขวัญนางนงลักษณ์ | น้องรักอย่าประหวั่นพรั่นใจ |
พี่แสนคนึงเจ้าหนักหนา | จึงมาด้วยความพิศมัย |
อนิจาแก้วตายาใจ | เคียดแค้นสิ่งไรไม่พาที |
เจ้าไม่เล็งเห็นอกที่พี่รัก | นงลักษณ์ทรุดสั่นถอยหนี |
เวลาดึกดื่นถึงเพียงนี้ | มารศรีจะไปแห่งใด |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นางมาหยารัศมีศรีใส |
ยอกรบังคมพระภูวไนย | อรไทยจึงกล่าววาจา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระเอยพระเจ้า | พระจงโปรดเกล้าเกษา |
พระเสด็จมาไยพระราชา | แม้นนางจินตะหรารู้ไป |
ก็จะทรงพระโกรธโกรธา | โทษาจะมีเปนข้อใหญ่ |
ข้าน้อยซัดลอยมาเมืองไกล | ไร้พระบิตุเรศชนนี |
พร่ำรักษาตัวกลัวผิด | คิดเจียมใจว่าเปนทาษี |
ไม่ควรจะเสด็จมาพาที | ภูมีจะพาผิดมาติดไว้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ น้องเอยน้องรัก | นงลักษณ์ผู้ยอดพิศมัย |
ถึงจินตะหราวาตีจะรู้ไป | จะทำสิ่งใดได้อย่าสงกา |
พี่จะปราบปรามไม่ตามใจ | มิให้ขัดขึ้งหึงษา |
ถึงจะรักจินตะหราเท่าแผ่นฟ้า | อันความอาธรรม์ไม่ให้มีี |
พี่มิให้ดูหมิ่นถิ่นแคลนเจ้า | โฉมเฉลาอย่าหม่นหมองศรี |
จะปรารมภ์ใจไปไยมี | สายสุดสวาดิพี่จงเมตตา |
อันเจ้าว่ามิควรณน้องรัก | ด้วยพี่เปนศักดิโจรป่า |
ตัวเจ้าเปนราชธิดา | ชรอยวาศนาเคยคู่ครอง |
พี่รักนางพ่างเพียงดวงใจ | มิให้ระคายขุ่นข้อง |
ว่าพลางกางกรเกี่ยวตระกอง | โอบอุ้มองค์น้องใส่ตักไว้ |
จูบแก้มแนมคางพลางชม | เกลียวกลมภิรมย์พิศมัย |
กรกระหวัดรัดแนบอุระไว้ | ฤไทยปั่นป่วนยวนยี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมาหยารัศมี |
เคลื่อนองค์ลงมาแล้วพาที | พระไม่โปรดเกษีก็ว่าไป |
อันพระเสนหาอย่างนี้ | น้องจะยินดีก็หาไม่ |
แม้นพระเสด็จกลับไป | จะเห็นว่าภูวไนยเมตตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้โลม๏ แสนเอยแสนเฉลียว | อย่าเลี่ยงเลี้ยวประหงิดประงอนว่า |
ด้วยแสนคำนึงพี่จึงมา | เจ้าอย่าขับเลยพี่ไม่ไป |
ถึงเจ้าจะให้อนุชา | ฆ่าเสียก็ตามอัชฌาไศรย |
ทรากผีจะไว้แก่อรไทย | อันพี่จะไปอย่าสงกา |
แต่ได้เห็นเจ้าวันนั้น | เปนนิรันตร์ครุ่นครวญหวนหา |
มาขัดด้วยความสัจจา | จึงมิได้เสนหาดังใจคิด |
ว่าพลางเชยนมชมภักตร์ | แสนสุดรักพี่ล้ำดวงจิตร |
โอบอุ้มองค์แอบแนบชิด | อย่าบิดพลิ้วไปเลยกัลยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ พระเอยพระเจ้า | พระจงโปรดเกล้าเกษา |
อันถ้อยคำพระพร่ำพรรณา | ข้าน้อยแจ้งอยู่ภูวไนย |
พระองค์จงทรงพระเมตตา | ค่อยอัธยาอาไศรย |
ตัวน้องเปนข้าช่วงใช้ | จะไปไหนพ้นพระบาทา |
ยังคิดประหวั่นพรั่นใจ | สิ่งไรจงโปรดเกษา |
ใช่จะกล่าวแกล้งแสร้งมารยา | เมตตาบ้างเถิดพระพันปี |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ สาวเอยสาวสวรรค์ | ขวัญเมืองผู้มั่งมีศรี |
เจ้าว่าไยไฉนฉนี้ | ไม่เห็นอกพี่ที่เดือดร้อน |
แต่วันแรกเจ้ามาจนบัดนี้ | กี่ราตรีแล้วจงคิดก่อน |
แต่ร้อนรุ่มกลุ้มใจดังไฟฟอน | สายสมรจะห้ามพี่กลใด |
แม้นเจ้าห้ามอื่นไม่ขืนขัด | จะห้ามความปดิพัทธนี้ไม่ได้ |
ว่าพลางโอบอุ้มอรไทย | อิงแอบแนบไว้ไม่เคลื่อนคลา |
จูบแก้มแนมในไรเกษ | จูบเนตรแนมนมทั้งซ้ายขวา |
จูบกรกรเกี่ยวกัลยา | เสนหาเกลื่อนกลุ้มรุมรึง |
อากาศสเทือนเลื่อนลั่น | พระสุเมรุป่วนปั่นสนั่นถึง |
บาดาลสท้านอึงคนึง | ได้ยินถึงพิภพนาคินทร์ |
นาคราชก็ผาดผุดเถลิง | สำเริงฟาดฟุ้งฟองสินธุ์ |
นองละลอกกระฉอกฝั่งฟูมดิน | ด้วยเดชนาคินทร์อันเกรียงไกร |
ทั้งสองพระองค์ผู้มีศรี | ศุขเกษมเปรมปรีดิ์แจ่มใส |
พึ่งแรกรู้รศรักประจักษ์ใจ | งวยงงหลงใหลทั้งสององค์ |
พระเทียมบรรธมชมชิด | เร่งแสนสนิทพิศวง |
อยู่จนรุ่งแสงพระสุริยง | พระองค์จึงเสด็จไคลคลา |
ฯ ๑๖ คำ ฯ เพลง
ร่าย๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงท้าวกุเรปันนาถา |
รู้ว่าพระราชบุตรา | ไปอยู่หมันหยาธานี |
พระจึงสั่งเสนาทันใด | ให้เร่งแต่งราชสารศรี |
ไปหาอิเหนามาบัดนี้ | ให้กลับบุรีจงฉับไว |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนารับสั่งบังคมไหว้ |
รีบมาแต่งสารทันใด | แล้วขึ้นมโนไนยไคลคลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | ยังพิไชยบุรีหมันหยา |
จึงไปยังติกาหรังพระราชา | เสนากราบเกล้าดุษฎี |
ทูลว่าองค์ศรีปัตหรา | ให้ข้าจำทูลสารศรี |
มาเชิญเสด็จพระภูมี | กลับไปบุรีกุเรปัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน |
ฟังข่าวผ่าวร้อนดังเพลิงกัลป์ | พระเร่งปั่นป่วนรัญจวนใจ |
จำเปนจึงรับเอาสาร | ถือไว้จะอ่านก็หาไม่ |
จึงสั่งว่าถวายบังคมไป | ที่ในยุคลบาทา |
จะทูลลาอยู่ก่อนจึงจะไป | พระจงได้โปรดเกษเกษา |
สั่งแล้วก็ขึ้นอาชา | มาปราสาทจินตะหราวาตี |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | เสนากุเรปันกรุงศรีิ |
ยอกรถวายอัญชลี | ขึ้นพาชีกลับไปเวียงไชย |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | จึงกราบบังคมประนมไหว้ |
ทูลแถลงให้แจ้งหฤไทย | ตามพระภูวไนยสั่งมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวกุเรปันรุ่งฟ้า |
แต่ให้ไปหาพระบุตรา | เปนหลายครั้งไม่มาเวียงไชย |
พระเร่งร่านร้อนรำคาญ | ด้วยจวนจะทำการใหญ่ |
อยู่อยู่แล้วให้อักษรไป | จนถึงสี่ใบก็ไม่มา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
ภิรมย์สมศุขทุกเวลา | ด้วยระเด่นจินตะหรายาใจ |
แต่ยั่วเย้าเฝ้าแอบแนบชิด | ด้วยความสนิทพิศมัย |
ชมชื่นรื่นรวยด้วยอรไทย | ครั้นจะใกล้สิ้นแสงพระสุริยา |
จึงมีวโรรศพจนาดถ์ | สายสวาดิพี่ยอดเสนหา |
ร่วมจิตรร่วมคิดร่วมชีวา | วันนี้พี่จะลาอรไทย |
ไปหานางสการวาตี | มารศรีอย่าร้อนรนหม่นไหม้ |
สั่งแล้วมาขึ้นอาชาไนย | ไปยังติกาหรังพระราชา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ชมตลาด๏ ครั้นถึงจึงเข้าที่สรง | ทรงสนานชำระสระเกษา |
ทรงสุคนธ์เฟื่องฟุ้งโอฬาร์ | สำอางอ่ากลิ่นเกลี้ยงเกลาผจง |
แล้วทรงภูษาเลื้อยชาย | อุบะประสุคนธ์กลายกลิ่นส่ง |
พระกรกรายกฤชฤทธิรงค์ | จับชายบรรจงคลาไคล |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
ร่าย๏ มาเอยมาถึง | จึงเข้าในไพชยนต์แสงใส |
พระเผยม่านทองห้องใน | ขึ้นไปบนแท่นไสยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสการวาตีเสนหา |
ครั้นเหลือบเห็นองค์พระราชา | กัลยาตระหนกตกใจ |
ถอยองค์ลงจากแท่นแก้ว | แล้วถวายบังคมประนมไหว้ |
เร่งขวยเขินสเทินเปนพ้นไป | อรไทยกรานก้มภักตรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
ยุดมือไว้แล้วจึงกล่าวมา | อย่าวันทาพี่เลยณทรามไวย |
ตัวพี่นี้ชาติชาวดง | แต่ทนงจงรักที่ศักดิใหญ่ |
ว่าพลางโอบอุ้มอรไทย | ขึ้นไปบนแท่นไสยา |
พระพลางจูบแก้มแนมนม | บรรเทิงภิรมย์หรรษา |
เกี่ยวกระหวัดรัดรึงตรึงตรา | เสนหาเฟื่องฟุ้งจรุงใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางสการวาตีศรีใส |
ถอยลงจากตักแล้วทูลไป | ทำอะไรฉนี้ไม่ปรานี |
พระจงวางมือน้องเสียก่อน | ภูธรได้โปรดเกษี |
ข้ากลัวนางจินตะหราวาตี | จะมีความพิโรธโกรธา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้โลม๏ สายเอยสายสมร | จงดำริห์ดูก่อนจึงว่า |
ถ้าพี่มิรักไม่หักมา | ใช่ว่าจะไร้ที่ยาใจ |
พี่แสนคำนึงอยู่เปนนิจ | มิได้สมสนิทพิศมัย |
ด้วยพี่ได้ออกวาจาไว้ | จึ่งเนิ่นช้าไปถึงเพียงนี้ |
ซึ่งว่ากลัวนางจินตะหรา | ข้อนั้นเจ้าอย่าหมองศรี |
พี่จะปราบปรามความข้อนี้ | มิให้มีสิ่งระคายกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ว่าเอยว่าพลาง | จูบแก้มแนมคางทางรับขวัญ |
ปลื้มจิตรอย่าคิดฉนั้น | เราระร่วมรักกันคุ้งบรรไลย |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ พระเอยพระโฉมยง | น้องยังพะวงสงไสย |
ซึ่งพระจะปราบปรามทรามไวย | เกลือกจะมิได้ดังจินดา |
อันอย่างนี้ย่อมเปนที่เดียดฉัน | แจ้งอยู่ด้วยกันถ้วนหน้า |
สืบไปมิได้ดังสัญญา | ข้าน้อยรักตัวกลัวไภย |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้โลม๏ โฉมเอยโฉมศรี | ว่าไยฉนี้หาควรไม่ |
พระบิดาเจ้าฝากฝังไว้ | พี่ก็ได้รับต่อเสนี |
พี่จะรักมิได้ลำเอียง | จะเลี้ยงให้ควรด้วยศักดิศรี |
ความอัปรยศใจไม่ให้มี | พี่ได้ไว้คำมั่นสัญญา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ว่าเอยว่าพลาง | เชยนมชมปรางทั้งซ้ายขวา |
นิ่มเนื้อนวลน้องดังทองทา | เจ้าอย่ายุดมือพี่ไว้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ พระเอยพระพันปี | จะปรานีบ้างก็หาไม่ |
น้องยังประหวั่นพรั่นใจ | สิ่งไรจงทรงพระเมตตา |
พระว่ามาทั้งนี้ก็แจ้งใจ | จะรับใส่ไว้เหนือเกษา |
พระคุณพ่างเพียงพระบิดา | จะเปนข้ากว่าจะสิ้นชีวี |
พระจงงดก่อนผ่อนไป | ตัวน้องอยู่ในบทศรี |
จะไปไหนพ้นพระภูมี | โปรดเกษีเถิดพระราชา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ โฉมเอยโฉมเฉลา | ทรงเยาว์ยั่วยวนเสนหา |
ต้องจิตรทั้งจริตกิริยา | วาจาเจ้าปลื้มอาไลย |
พระอุ้มนางวางให้บรรธม | เกลียวกลมชมชิดพิศมัย |
ภักตราแนบหน้าอรไทย | เน้นแนบเข้าไว้กับกายา |
พระสุเมรุมาศก็หวาดไหว | แขไขระรองส่องเวหา |
ต้องดวงโกสุมประทุมา | บุษบาตูมกลัดก็คลี่คลาย |
ภุมราร่อนลงประจงย้ำ | กลีบกล้ำเกสรก็เผยผาย |
รศคนธ์ตระหลบอบอาย | เบิกบานกระจายทั้งสาคร |
ทั้งสองพระองค์ผู้ทรงลักษณ์ | แรกรักสมัคสโมสร |
ตราบเท่าสางแสงทินกร | พระจึงบทจรจากห้องใน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ
ร่าย๏ แต่เวียนรไวไปมาอยู่หลายวัน | ทรงธรรม์ร่ายร่วมพิศมัย |
จะใคร่ให้สามนางรักร่วมใจ | พระจึงใช้สังคามารตา |
เจ้าไปบอกพี่นางทั้งสองศรี | วันนี้พี่จะให้เข้าไปหา |
จินตะหราวาตีกัลยา | อนุชาจงไปบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามารตาเรืองศรี |
รับสั่งแล้วแล่นจรลี | ถึงที่อยู่สององค์นงคราญ |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ จึงทูลว่าระเด่นมนตรี | ให้พี่นางเข้าไปในราชฐาน |
หาระเด่นจินตะหรายุพาพาล | จงเสด็จไปกาลบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมาหยารัศมี |
ทั้งระเด่นสการวาตี | ครั้นแจ้งคดีก็กลัดใจ |
แม้นไหว้ระเด่นบุษบา | จะมีความน้อยใจก็หาไม่ |
ควรเราจะเปนข้าช่วงใช้ | ด้วยเปนในสุริวงษ์เทวา |
นี่เราจะบังคมกะไรได้ | นางจะเปนกะไรมาหนักหนา |
แม้นอยู่เมืองเราเจ้าพี่อา | เห็นหน้าจะพอเสมอกัน |
มิร้างที่จะได้เปนน้อย | ทีนี้คนจะพลอยหยามหยัน |
อัปรยศจะอยู่แก่พงษ์พันธุ์ | อันเราจะได้ช้ำระกำใจ |
นางเด็กฤาใหญ่ไม่รู้ที่ | เราจะอัญชลีกะไรได้ |
นางเร่งละห้อยน้อยใจ | ชลไนยไหลหลั่งถั่งลง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงพระบุตรีนวลหง |
จึงกราบทูลนางโฉมยง | อย่าทรงโศกเศร้าโศกา |
พระบิดามารดรพร่ำสอนสั่ง | จะมิฟังไม่ชอบหนักหนา |
อันระเด่นจินตะหรากัลยา | ร่วมชัณษากับระเด่นมนตรี |
ถ้ามิฟังรับสั่งภูวไนย | เจ้าข้าจะได้หมองศรี |
จะบ่ายหน้าไปพึ่งใครได้มี | น่าที่จะได้เดือดร้อน |
พระบิดาก็เปนเมืองออกอยู่ | โฉมตรูจงตรึกดูก่อน |
แม้นพระจะห้ำหั่นบั่นรอน | ดวงสมรจะคิดประการใด |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองราชบุตรีศรีใส |
ได้ฟังพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | คิดได้จึงตอบวาจา |
อันพี่ว่าขานการทั้งนี้ | ก็ชอบท่วงทีเปนหนักหนา |
เปนข้าท่านแล้วเจ้าพี่อา | จะก้มหน้าไปตามกรรมมี |
แม้นมิคิดถึงพระบิดา | ถึงจะม้วยมรณาให้รู้ที่ |
ขัดสนจนใจด้วยข้อนี้ | พี่น้องมาจะไปด้วยกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ชมตลาด๏ นางจึงแต่งองค์ทรงภูษา | ทรงสไบรจนาเฉิดฉัน |
สอิ้งประดับทับทรวงพรายพรรณ | แล้วบรรจงทรงทองกร |
ทรงธำมรงค์แลมงกุฎ | ผุดผาดดังเทพอัปศร |
แล้วสองสุดาก็บทจร | กุมกรอนุชาคลาไคล |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
ร่าย๏ ทั้งสามองค์ทรงวอเดียวกัน | แห่แหนแน่นนันมาไสว |
สาวสรรค์สพรึบพร้อมตามไป | บัดใจเข้าในทวารา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | จึงประทับเกยมณีมีค่า |
แล้วสั่งสังคามารตา | เจ้าไปทูลจินตะหราให้แจ้งใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามารตาศรีใส |
รับคำกัลยาแล้วคลาไคล | เข้าในปราสาทรัตน์มณี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ มาเอยมาถึง | จึงทูลนางจินตะหรามารศรี |
รับสั่งระเด่นมนตรี | ให้พี่นางมาเฝ้าอรไทย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จินตะหราวาตีศรีใส |
จึงสั่งพี่เลี้ยงให้เร่งไป | เชิญสองทรามไวยมาบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกษี |
บังคมแล้วรีบจรลี | ไปยังเกยมณีรจนา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงทูลสองเทวี | พระบุตรียินดีเปนหนักหนา |
ให้มาเชิญสองพระธิดา | เสด็จไปปราสาทอันรูจี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองสุดามารศรี |
ได้แจ้งแห่งอรรถคดี | จรลีลงจากเกยลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงในปรางคปราสาท | เห็นกำนัลเดียรดาษทั้งซ้ายขวา |
จึงเข้าไปในห้องรจนา | เห็นระเด่นจินตะหราก็ป่วนใจ |
จำจนจำจิตรเปนหนักหนา | กัลยาจำบังคมไหว้ |
แล้วกรานก้มภักตรอยู่แต่ไกล | ฤไทยร่านร้อนดังอัคคี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหรามารศรี |
จึงเรียกสองราชบุตรี | เจ้ามานั่งถึงนี่นางอรไทย |
แล้วยกพานหมากมาสู่ | โฉมตรูโอภาปราไส |
เจ้าพลัดพรากมาจากเวียงไชย | ไกลพระบิตุเรศมารดา |
อย่าคิดรังเกียจเดียดฉัน | เราจะเปนเพื่อนกันไปวันน่า |
เหมือนพี่น้องร่วมอุทรมา | เราจะเปนยิหวาเดียวกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | สองศรีมีศักดิเฉิดฉัน |
ค่อยเหือดหายคลายความจาบัลย์ | ประนมบังคมคัลแล้วทูลไป |
น้องไกลบิตุเรศมารดา | ญาติวงษ์พงษาก็หาไม่ |
แม้นใครว่าขานประการใด | จงถามไถ่ให้แท้แน่นอน |
ตั้งแต่ในวันนี้ไป | สิ่งไรผิดพลั้งจงสั่งสอน |
จะขอเอาเปนพี่ร่วมอุทร | จะเปนเพื่อนร้อนกันสืบไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นจินตะหราศรีใส |
ให้เครื่องเงินทองสองอรไทย | ทั้งภูษาสไบนานา |
แล้วชวนพระน้องทั้งสองศรี | เข้ามาอยู่กับพี่จะดีกว่า |
จงไปจัดเรือนรัตน์รจนา | ให้สองขนิษฐาบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกษี |
ไปจัดเรือนหลวงใกล้พระบุตรี | ก็ได้ที่ฐานครบครัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จสรรพ | ก็กลับมาทูลขมีขมัน |
อันที่สองพระน้องจะอยู่นั้น | จัดสรรเสร็จแล้วนางอรไทย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองภัควดีศรีใส |
บังคมลาจินตะหราทรามไวย | ออกไปที่อยู่กัลยา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า |
แสนสนุกศุขเกษมเปรมปรา | ด้วยสามสุดายาใจ |
พระปันเวรบรรธมชมชิด | จะลำเอียงสักนิดก็หาไม่ |
สามนางรื่นรวยด้วยกันไป | ไพบูลย์ภูลศุขทุกเวลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพระองค์ทรงพิภพดาหา |
ครั้นถ้วนกำหนดสามเดือนตรา | จึงสั่งดะหมังเสนาใน |
ท่านจงไปทูลพระเชษฐา | ซึ่งมานัดจะทำการใหญ่ |
บัดนี้เสร็จตามกำหนดไว้ | พระจะมาเมื่อไรก็ตามที |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกษี |
แล้วออกมาขึ้นพาชี | ดั้นดงพงพีไปฉับพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | ยังกรุงกุเรปันเขตรขัณฑ์ |
จึงแจ้งคดีเสนีนั้น | ครั้นเวลาเฝ้าก็เข้ามา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวกุเรปันรุ่งฟ้า |
ครั้นรุ่งรางสว่างเวลา | พระสำอางกายาอ่าองค์ |
ครั้นเสร็จเสด็จยาตรา | ลีลาดังพระยาราชหงษ์ |
กับอรรคชายาทั้งห้าองค์ | ออกพระโรงบรรจงอลงการ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ บัดนั้น | ดะหมังฝ่ายกรุงดาหา |
ก้มเกล้ากราบงามสามลา | ทูลว่าพระอนุชาธิบดี |
ให้มาทูลด้วยการสยมพร | ตกแต่งพระนครไว้ถ้วนถี่ |
พร้อมมูลตามบูรพ์ประเพณี | ขอแจ้งธุลีพระบาทา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวกุเรปันรุ่งฟ้า |
พระจึ่งกล่าวมธุรศพจนา | ว่าอิเหนาลาไปเล่นไพร |
เราจะให้ไปหาตัวมา | จึงจะว่ากำหนดการได้ |
อย่าช้าแต่งสารแล้วรีบไป | บอกให้โอรสเร่งกลับมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งใส่เกษา |
ออกมาแต่งสารมิทันช้า | ครั้งเสร็จขึ้นม้าคลาไคล |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | หมันหยาธานีกรุงใหญ่ |
ไปยังติกาหรังทันใด | เข้าไปกราบเกล้าดุษฎี |
จึงทูลว่าท้าวดาหา | ให้เสนามาทูลด้วยกรุงศรี |
ตกแต่งครบตามประเวณี | พระบิดาให้เชิญภูมีไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นมนตรีศรีใส |
ได้ฟังร้อนรนสกนธ์ใน | จึงดำริห์ตริไตรไปมา |
อันนางบุษบานงเยาว์ | ฤๅจะงามเท่าโฉมจินตะหรา |
คิดแล้วจึงกล่าววาจา | ว่าข้าขอถวายบังคมไป |
โทษตัวนี้ผิดเปนหนักหนา | จะกลับไปภารากะไรได้ |
อนึ่งท้าวดาหาฤทธิไกร | เห็นจะแจ้งอยู่ในพระบาทา |
ว่ามาเลี้ยงจินตะหราวาตี | จะอยู่ในบุรีหมันหยา |
ท้าวฤาจะให้นางบุษบา | อันแสนเสนหาดังดวงใจ |
มาเปนน้อยแก่คนต่ำศักดิ | เห็นผิดทีนักที่จะให้ |
ครั้นเราจะไปบัดนี้ไซ้ | เกลือกมิได้ก็เครื่องจะป่วยการ |
กลับมาข้างนี้จะหมางจิตร | คิดเห็นไม่เปนแก่นสาร |
สำหรับแต่จะได้อัปรมาณ | ท่านจงไปทูลพระบิดา |
อันการทั้งปวงที่ทำไว้ | อย่าอาไลยเลยแก่ตัวข้า |
แม้นใครมาขอนางกัลยา | ก็ให้ตามปราถนาเขานั้น |
จงจำคำนำเอาวาจา | ไปแต่งสาราอย่าแบ่งบั่น |
ให้สิ้นคำทำตามเราสั่งนั้น | ไปถวายให้ทันท่วงที |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ยาสารับสั่งใส่เกษี |
รับสารแล้วขึ้นพาชี | คืนยังบุรีกุเรปัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงจึงถวายบังคม | พระบรมปิ่นเกล้าไอสวรรย์ |
ถวายสารระเด่นมนตรีพลัน | ทุกอันทูลแจ้งแก่ภูวไนย |
ฯ ๒ คำ ฯ