- พระยาอภิรักษราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล)
- คำนำ
- ตอนตั้งวงษ์เทวา จนถึงอิเหนาไปอยู่เมืองหมันหยาครั้งแรก
- ตอนเข้าห้องจินตะหรา จนถึงอิเหนาตอบสารท้าวกุเรปัน ตัดอาไลยบุษบา
- ตอนวิหยาสะกำเที่ยวป่า จนถึงท้าวหมันยารับสารท้าวกุเรปัน
- ตอนศึกกะหมังกุหนิง
- ตอนเข้าเมืองมละกา จนถึงอุนากันขึ้นเขาประจาหงัน
- ตอนหย้าหรันตกไปเมืองมะงาดา จนถึงระเด่นดะราหวันตามหยันมาเมืองกาหลัง
ตอนหย้าหรันตกไปเมืองมะงาดา จนถึงระเด่นดะราหวันตามหยันมาเมืองกาหลัง
จับตอนหย้าหรันตกไปเมืองมะงาดา
๏ บัดนั้น | เสนีจึงแจ้งอรรถา |
ว่าระตูรับสั่งให้หามา | จงก้มเกล้าวันทาภูวไนย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันจึงค่อยแถลงไข |
เราจะวันทาไปว่าไร | ถึงไหว้มิไหว้ก็เหมือนกัน |
ถ้าให้ไปหาเราโดยดี | ก็จะอัญชลีด้วยหฤหรรษ์ |
นี่ทำไม่ชอบระบอบธรรม์ | จะประสงค์อันใดเอาเรามา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เสนีผู้มียศถา |
จึงว่าให้ไปเอาตัวมา | ด้วยเลื่องฦๅฤทธาทั้งแดนไตร |
ว่าเที่ยวรานรุกทุกบุรี | จะมีความศุขก็หาไม่ |
ตัวชื่อปันหยีฤๅว่าไร | จงเร่งบอกไปฉับพลัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันตอบไปไม่ไหวหวั่น |
จะทำไมแก่ปันหยีนั้น | อันตัวเรานี้เปนอนุชา |
แต่นามกรของเรานั้น | ชื่อหย้าหรันวิลิศมาหรา |
ไปเที่ยวชิงไชยได้ภารา | ตามฤทธิชาวป่าพนาไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูมะงาดาเปนใหญ่ |
จึงตรัสแก่เสนาใน | อ้ายคนนี้มิใช่ตัวดี |
เร่งกลับไปเอาอ้ายคนผิด | กูจะผลาญชีวิตรปันหยี |
แต่น้องมันยังหาญถึงเพียงนี้ | ถ้าพี่มันจะหาญสักเพียงไร |
ครั้นจะฆ่าเสียก่อนบัดนี้ | ปันหยีจะรู้ก็หาไม่ |
จงเอาไปใส่ตรุไว้ | ต่อได้พี่จึงจะฆ่าให้พร้อมกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งแล้วผายผัน |
ว่าแก่นักโทษทั้งสี่นั้น | ไม่สืบให้มั่นด้วยอันใด |
จึงเอามาให้ผิดตัวนี่ | เร่งไปจับปันหยีมาจงได้ |
แล้วสั่งให้พาหย้าหรันไป | ใส่ตรุตรากไว้ตรึงตรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ธำมรงที่นั่งอยู่พร้อมหน้า |
ก็พาตัวหย้าหรันออกมา | พันธนาใส่ตรุตรากไว้ |
ห้ามมิให้ผู้คนไปมา | พร่ำพิทักษ์รักษาไม่ขาดได้ |
ผลัดกันนั่งยามตามไฟ | ตรวจไตรเปนนิจนิรันดร์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายองค์ระเด่นดะราหวัน |
ได้เห็นหย้าหรันวันนั้น | ให้ผูกพันเสนหาอาไลย |
จึงเรียกพี่เลี้ยงทั้งสอง | เข้าไปในห้องพิศมัย |
กระซิบบอกเหตุผลแต่ต้นไป | เห็นมิใช่โจรไพรดังฦๅมา |
รูปทรงส่งศรีมารยาตร | เห็นองอาจห้าวหาญหนักหนา |
เปล่าเปล่าไปเอาเขามา | โทษาไม่มีแต่สักน้อย |
พี่จงไปช่วยว่าขาน | สอดสนบนบานติดสอย |
อย่าอาไลยแก่ทรัพย์มากน้อย | แต่ให้ถอยจากตรุที่ตรึงตรา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกษา |
ไปจัดเงินทองนานา | เสื้อผ้าแพรพรรณอันพึงใจ |
แล้วแต่งเอมโอชโภชนา | บรรจฐรณ์ไสยาให้ใหม่ใหม่ |
ครั้นเสร็จก็ชวนกันคลาไคล | กับข้าชิดใช้อันร่วมรู้ |
ครั้นมาถึงยังตรุที่ตรึงตรา | เขาพิทักษ์รักษามั่นคงอยู่ |
จึงว่าทั้งปวงจงเอนดู | แก่ผู้นักโทษใหม่นั้น |
จะมีโทษาก็หาไม่ | จำจองกะไรเปนกวดขัน |
กระซิบแล้วหยิบทองออกให้พลัน | จงเอนดูผ่อนผันให้เคลื่อนคลา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายผู้พิทักษ์รักษา |
จึงถอดหย้าหรันออกมา | ให้อยู่ทับที่น่าตรุนั้น |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงลีลาศผาดผัน |
จึงเอาเข้าของทั้งนั้น | ไปให้หย้าหรันทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันยินดีจะมีไหน |
จึงถามว่าพี่มาแต่แห่งใด | ทำคุณน้องไว้ครั้งนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางจึงแจ้งถ้วนถี่ |
ข้าเปนพี่เลี้ยงพระบุตรี | ของนี้เทวีประทานมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันตอบไปด้วยหรรษา |
ได้เคลื่อนคลายออกจากพันธนา | พระคุณล้ำฟ้าแดนไตร |
แล้วได้เข้าของนานา | ล้วนบรรจงมาประทานให้ |
ถึงชีวิตรจะม้วยบรรไลย | ก็จะได้ความศุขเพราะเทวี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นวลนางพี่เลี้ยงทั้งสองศรี |
ก็ลากลับมาทูลพระบุตรี | ตามที่หย้าหรันว่ามา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
ครั้นค่ำสำอางองค์อลงการ์ | พาพี่เลี้ยงลอบจรจรัล |
ผู้ใดมิได้สงไสย | ปนไปกับชาวเขตรขัณฑ์ |
ครั้นมาถึงน่าตรุนั้น | เข้าในทับหย้าหรันทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันตกใจจะมีไหน |
ผุดลุกขึ้นแล้วก็ถามไป | ใครมาแต่ไหนดังนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันโฉมศรี |
ยิ้มพลางทางตอบวาที | ข้าตามพี่ทั้งสองที่ออกมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันตอบไปด้วยหรรษา |
คุณอยู่พี่พ้นคณนา | ได้เคลื่อนคลาก็เพราะเจ้าปรานี |
ว่าพลางกุมกรอรไทย | ปลื้มใจมานั่งให้ใกล้พี่ |
กอดจูบลูบไล้ด้วยไมตรี | บุญพี่จึงพบกัลยา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันเสนหา |
สบัดมือพลางกล่าววาจา | เวทนามายุดไว้ว่าไร |
ข้าหวังจะฟังความจึงตามมา | จะใคร่รู้โทษาเปนไฉน |
หนักเบาไม่เล่าให้เข้าใจ | มายื้อคร่าคว้าไขว่ไปมา |
อย่ามือไวใจด่วนลวนลาม | ใช่จะตามมาด้วยเสนหา |
ทำผลักไสใส่กลโกรธา | อนิจาทำได้ไม่ควรคิด |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ ปลื้มเอยปลื้มใจ | อย่าสลัดตัดใยไมตรีจิตร |
พี่รักนางพ่างเพียงดวงชีวิตร | คิดหวังจะประกอบตอบไมตรี |
ถึงตัวเปนโจรไพรแต่ใจตรง | ไม่จำนงจงร้ายหน่ายหนี |
เจ้าได้ทำคุณไว้ครานี้ | จะทดแทนโฉมศรีคุ้งวันตาย |
ครั้นจะให้แก้วแหวนเงินทอง | ของน้องก็มีอยู่มากหลาย |
แล้วพี่ก็พลัดมาเดียวดาย | มีแต่กายจะแทนคุณน้อง |
ว่าพลางพระทางเชยชม | จูบแก้มแนมนมทั้งสอง |
เต่งตั้งดังดอกบัวทอง | อันพึ่งผุดพ้นท้องสมุทไทย |
นาภีเนียนแนบนาภี | ฤดีป่วนปั่นหวั่นไหว |
ภุมรินคลึงเคล้าดวงมาไลย | สอดไซ้เอารศเสาวคนธ์ |
เกสรขจายคลายคลี่ | เปรมปรีดิ์พร่ำพรอยฝอยฝน |
ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นบน | ผ่อนปรนสอดคล้องทำนองกัน |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โลม
ช้า๏ เมื่อนั้น | จึงโฉมระเด่นดะราหวัน |
ได้ร่วมรศรักผูกพัน | กระสันฟั่นฟุ้งจรุงใจ |
แต่อิงแอบแนบจิตพิศวาศ | จะนิราศคลาศคลาก็หาไม่ |
แรกรู้รศรักประจักษ์ใจ | ทรามไวยหลงลืมสมประดี |
ทั้งสองจำนรรจาปราไส | มีใจปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
แต่เวียนระไวไปมาทุกราตรี | เทวีส่งเสียอยู่อัตรา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงเกนหลงหนึ่งหรัดขนิษฐา |
ครั้นสิ้นกำลังมนตรา | พลิกมาคว้าหาพระภูวไนย |
ไม่พบก็ผันแปรแลหา | พระพี่ยาหนีไปหนไหน |
แม้นพระองค์เสด็จไปแห่งใด | อันจะละกฤชไว้ก็ไม่มี |
คิดฉงนจนใจเปนหนักหนา | จึงมาหาพี่เลี้ยงทั้งสี่ |
ปลุกขึ้นแล้วแจ้งคดี | บัดนี้พระพี่มาหายไป |
ถึงจะไปแห่งใดแต่ก่อน | บ่ห่อนจะทิ้งกฤชเสียได้ |
เห็นจะมีเหตุเภทไภย | จึงไปแต่องค์เอกา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงครั้นแจ้งอรรถา |
ตกใจเปนพ้นคณนา | รีบร้นค้นหาเปนสิงคลี |
บอกกันเอิกเกริกทั้งหญิงชาย | วุ่นวายเที่ยวค้นเปนถ้วนถี่ |
ไม่ประสบพบพานพระภูมี | ทั้งสี่มาทูลอรไทย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดศรีใส |
ตีทรวงเข้าพิลาปร่ำไร | โอ้พระภูวไนยของน้องอา |
พระบรรธมชมน้องอยู่แนบข้าง | ใครหนอมาร้างเสนหา |
มันชิงชังจังฑาลเราสองรา | ดีร้ายมันจะฆ่าให้บรรไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ตัวเอยตัวกู | อันจะอยู่เปนคนอย่าสงไสย |
กอดพระพี่เลี้ยงเข้าร่ำไร | ทรามไวยซวนซบสลบลง |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงเข้าอุ้มนวลหง |
เอาน้ำลูบภักตรานางโฉมยง | ก็ฟื้นองค์ได้สมประดีมา |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงโศกเศร้าเปนหนักหนา |
จึงเข้าไปในห้องไสยา | จับกฤชจะแบหลาพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงตกใจไม่มีขวัญ |
รวบกอดอรไทยเข้าไว้ทัน | สาวสรรค์เข้ากลุ้มกุมกรไว้ |
พระองค์อย่าเพ่อวุ่นวาย | จะด่วนตีตนตายเสียก่อนไข้ |
จะไปทูลปันหยีชาญไชย | ก็วิ่งออกไปมิได้ช้า |
จึงสั่งพระพี่เลี้ยงทั้งสี่ | จงไททูลปันหยีสุกาหรา |
เร่งเชิญภูวไนยให้รีบมา | พระน้องจะแบหลาบัดนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงแจ้งใจถ้วนถี่ |
ก็ไปปันจรากันทันที | ร้องทูลปันหยีมิได้ช้า |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีสุกาหรา |
ผวาตื่นตกใจขึ้นมา | แจ้งเหตุขนิษฐาทั้งสององค์ |
ดังเพลิงกาลผลาญเผาดวงจิตร | เพียงชีวิตรจะม้วยเปนผุยผง |
ฉวยคว้าได้กฤชฤทธิรงค์ | ลงจากที่อยู่ดำเนินมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเสด็จเข้าไป | ยังในห้องทองขนิษฐา |
เห็นสี่พี่เลี้ยงกับกัลยา | ยื้อคร่าช่วงชิงกฤชกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดเฉิดฉัน |
กราบลงกับบาทพระทรงธรรม์ | นางแสนโศกศัลย์พันทวี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ พระเอยพระเจ้า | พระจงโปรดเกล้าเกษี |
น้องจะแบหลาเสียครานี้ | ตายตามพระพี่ที่หายไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาไศรย |
สร้วมสอดกอดองค์พระน้องไว้ | โลมเล้าเอาใจไปมา |
เจ้าอย่าเพ่อแบหลาก่อน | ดวงสมรจงฟังพี่ว่า |
พี่จะให้ไปเที่ยวค้นคว้า | ทั่วทุกภาราแลพงไพร |
แม้นหย้าหรันนั้นม้วยมรณา | จึงแบหลาลงเถิดไม่ขัดได้ |
ว่าพลางหยิบกฤชมาไว้ | แล้วเสด็จคลาไคลออกไปพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงสั่งสี่พี่เลี้ยงภูมี | อิกสี่พี่เลี้ยงของหย้าหรัน |
ให้เกณฑ์ทหารแยกย้ายรายกัน | ไปเที่ยวค้นทุกขัณฑเสมา |
อันตัวพี่เลี้ยงทั้งแปดคน | จงไปรีบร้นค้นหา |
รับระเด่นบุตรีทั้งปวงมา | อยู่เพื่อนขนิษฐายาใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงประนมบังคมไหว้ |
มาเกณฑ์ทหารชาญไชย | ให้แยกย้ายรายไปดังบัญชา |
แล้วสั่งกิดาหยันทันใด | เร่งไปให้เทียมซึ่งรถา |
รับเสด็จระเด่นบุตรีมา | ยังวังดาหาปาตี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กิดาหยันครั้นแจ้งถ้วนถี่ |
จึงไปทูลระเด่นบุตรี | ตามพระพี่เลี้ยงสั่งมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เหล่าระเด่นบุตรีเสนหา |
ชวนกันทรงรถไคลคลา | ไปยังดาหาปาตี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | จึงลงจากรถรังษี |
เข้าไปบังคมดุษฎี | องค์สารปันหยีชาญไชย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาไศรย |
จึงสั่งบุตรีทั้งปวงไป | เจ้าช่วยพาใจนางกัลยา |
ชวนกันตระโบมโลมเล้า | ให้พระน้องบันเทาทุกขา |
ว่าพลางพานางทั้งปวงมา | ปลอบโยนขนิษฐายังห้องใน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สั่งแล้วมาขึ้นอาชา | รีบเข้ามายังวังใหญ่ |
ครั้นถึงจึงทูลท้าวไท | ตามเหตุเภทไภยแต่เดิมมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท้าวกาหลังสุริวงษ์นาถา |
ให้คิดพะวงสงกา | อันเหตุนี้น่าอัศจรรย์ |
จึงสั่งให้เกณฑ์โยธา | เร่งไปติดตามหาหย้าหรัน |
ปันหยีจึงกลับไปฉับพลัน | น้องนั้นจะได้ส่างโศกี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสารปันหยี |
บังคมลามาขึ้นพาชี | ไปดาหาปาตีทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาไศรย |
เร่งจัดทหารชาญไชย | ก็ได้ครบครันดังบัญชา |
อันพระพี่เลี้ยงทั้งแปดคน | ก็คุมพวกพลอาสา |
ต่างขึ้นมโนไมยไคลคลา | ออกจากภารารีบไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ จึงแยกย้ายรายกันเที่ยวหา | ค้นคว้าตามแถวแนวป่าใหญ่ |
เที่ยวทุกสุมทุมพุ่มไม้ | แต่ไปได้ถึงเจ็ดราตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงติหลาอรสาโฉมศรีิ |
แต่เข้าปะตาปาค่อยเปรมปรีดิ์ | สถิตย์ที่ภูผาตะหลากัน |
บำเพ็ญภาวนารักษากิจ | ตั้งจิตรสำรวมอารมณ์มั่น |
สังเกตเคยดูแลแน่ครัน | สารพันแม่นยำชำนาญ |
นางมิได้วายเทวศถึงเชษฐา | กัลยาตั้งจิตรพิศฐาน |
ขอเทพเทวัญจงบันดาล | ให้ประสบพบพานพระพี่ยา |
ครั้นจวนจะใกล้สิ้นคำสาป | อานุภาพปัตตาระกาหลา |
วันเมื่อจะพบประสันตา | พเอิญให้กัลยาอาวรณ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ พอเวลาสายัณห์ตวันบ่าย | แดดร่มลมชายมาอ่อนอ่อน |
จึงชวนสองพี่เลี้ยงบังอร | บทจรออกจากกุฎี |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
สมิงทอง๏ ลดเลี้ยวเที่ยวชมบุบผชาติ | งามประหลาดหลายอย่างต่างสี |
ลมหวนอวลกลิ่นสุมาลี | หอมตระหลบทั้งที่จงกรม |
พวงพยอมยื่นย้อยห้อยระย้า | กิ่งค้อมตามหลังคาอาศรม |
นางเก็บกาหลงมาทรงดม | เดินเล่นเย็นร่มสำราญใจ |
ประเสหรันสั่นกิ่งพิกุลดก | ดอกดวงร่วงตกลงใหม่ใหม่ |
บาหยันก้มเก็บใส่สไบ | มาถวายอรไทยเทวี |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย๏ แล้วชวนสองกัลยามานั่ง | ที่ร่มไทรใกล้ฝั่งสระศรี |
ร้อยพวงบุบผามาลี | กับพี่เลี้ยงนารีสำราญ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตากุเรปันใจหาญ |
เที่ยวไปในพงดงดาน | ถึงสถานภูผาตะหลากัน |
จึงคิดว่าศาลากุหนุงนี้ | เห็นจะมีดาบศเปนแม่นมั่น |
จะขึ้นไปเคารพอภิวันท์ | ให้จับยามหย้าหรันที่หายไป |
คิดพลางทางสั่งโยธี | จงยับยั้งอยู่นี่อย่าไปไหน |
ว่าแล้วลงจากอาชาไนย | ขึ้นไปบนเนินคิรี |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ แลเห็นหลังคาอาศรม | ประสัมตาชื่นชมเกษมศรี |
ค่อยลัดแลงแฝงไม้จรลี | เข้าไปใกล้ที่ศาลา |
เห็นแอหนังนั่งร้อยดอกไม้ | ใต้ต้นโศกใหญ่ใบหนา |
พิศพลางทางถวิลจินดา | ใครหนอเหมือนมิสาอุนากัน |
จะเปนหน่อกระษัตรองค์ไหน | จึงทรงลักษณ์วิไลยเฉิดฉัน |
แม้นได้กับปันหยีจะสมกัน | ครั้นนางผันภักตร์มาก็อัญชลี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
ครั้นเหลือบเห็นสุหราปาตี | เทวีหวาดหวั่นพรั่นใจ |
จะว่าปันหยีใช้ให้ตามหา | ฤๅมาด้วยกันเปนไฉน |
จะคิดผ่อนผันฉันใด | ทรามไวยอาวรณ์ร้อนรน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงแจ้งอนุสนธิ์ |
ข้านี้มีทุกข์กังวล | จะนิมนต์ให้พิจารณา |
ด้วยน้องของนายข้านั้น | ชื่อหย้าหรันวิลิศมาหรา |
หายไปกับที่ไสยา | ไม่รู้ว่าจะดีฤาร้าย |
เชิญมาจับยามตามสังเกต | แจ้งเหตุแล้วจะลาผันผาย |
พูดพลางทำหน้าตาตาย | ดูนางนึกหมายกำหนดไว้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ได้ฟังคิดฉงนสนเท่ห์ใจ | เมื่อกูอยู่ในพระบุรี |
ก็มิได้รู้จักหน้าหย้าหรัน | ว่าเปนพี่น้องกันกับปันหยี |
ใครมาแต่ไหนดังนี้ | คิดแล้วจึงมีวาจาไป |
ท่านนั่งยับยั้งอยู่แต่นอก | ร้ายดีจะบอกเหตุให้ |
เราเปนชีชาวพนาไลย | อย่าว่าไปให้แจ้งถึงธานี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ว่าแล้วลีลาเข้าอาศรม | โฉมยงปลงอารมณ์ดูถ้วนถี่ |
จึงใช้มะดาหยันกัลยาณี | พี่ไปบอกคดีให้แจ้งใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | มะดาหยันผู้มีอัชฌาไศรย |
รับรศพจนาแล้วคลาไคล | ออกไปแจ้งความตามกิจจา |
ว่าหย้าหรันนั้นยังไม่วอดวาย | แต่เคราะห์ร้ายถึงฆาฏชัณษา |
เขาลักไปไว้เมืองมะงาดา | ใส่ตรุตรึงตราตรากไว้ |
สัตรีหนึ่งมีบันดาศักดิ์ | ช่วยพิทักษ์อุปถัมภ์แก้ไข |
จึงพ้นหากจำจองจำนองไภย | เคลื่อนคลายออกได้จากตรุนั้น |
เดิมทีเขาจะลักพี่ชาย | แต่เคราะห์ของน้องร้ายเปนกวดขัน |
จึงบันดาลให้แปลกเปลี่ยนกัน | เขายังไม่ฆ่าฟันให้บรรไลย |
แล้วเขาจะให้กลับมาจับพี่ | แต่เคราะห์ดีไม่ทำอะไรได้ |
จะมีลาภทั้งสองอันต้องใจ | ทั้งของเก่าของใหม่พร้อมกัน |
จะเปนทุกขลาภไม่เปนไร | เร่งติดตามไปขมีขมัน |
จะได้ตัวมาในเจ็ดวัน | แม่นมั่นเหมือนหนึ่งสัญญา |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาชื่นชมหรรษา |
ยิ้มพลางทางตอบวาจา | แม้นไปได้มาเหมือนถ้อยคำ |
จะนับถือถวายตัวเปนญาติโยม | อยู่เฝ้ากุฎิจุดโคมเวลาค่ำ |
สนองคุณทดแทนที่แม่นยำ | พูดพลางทางทำยิ้มพราย |
วันนี้ก็จวนจะด่วนไป | ไม่ทันหาอะไรมาถวาย |
จะรีบเร่งตามน้องของนาย | ว่าแล้วเดินชายออกมา |
เลี้ยวเลียบลงจากบรรพต | จำกำหนดแนวเขาลำเนาป่า |
ลงมาถึงซึ่งเชิงบรรพตา | กู่หาพวกพ้องก้องพงพี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ครั้นพบพี่เลี้ยงทั้งเจ็ดคน | จึงบอกยุบลเปนถ้วนถี่ |
ชาวเราจงรีบไปบัดนี้ | ตามแอหนังชีบอกไป |
เราจะกลับเข้าไปนัคเรศ | ทูลเหตุให้แจ้งแถลงไข |
ว่าแล้วขึ้นอาชาคลาไคล | ทั้งเจ็ดรีบไปดังวาจา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ประสันตามาถึงกาหลัง | ก็ไปยังปันหยีสุกาหรา |
ยิ้มพลางทางทูลพระราชา | วันนี้ผีพาข้าหลงไป |
ได้ประสบพบองค์แอหนัง | ปะตาปาอยู่ยังเขาใหญ่ |
รูปทรงโสภายาใจ | เลิศลักษณ์วิไลยลาวรรณ |
แม้นพระได้เห็นนางทรามไวย | คงจะชอบพระไทยเปนแม่นมั่น |
แล้วทูลความตามคำที่รำพรรณ | ที่ได้ทายหย้าหรันทุกประการ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ |
จึงซักไซ้ไต่ถามถึงเยาวมาลย์ | รูปพรรณสัณฐานนั้นเพียงไร |
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาว | ชัณษาแก่สาวสักเพียงไหน |
ว่าเล่นฤาจริงยังกริ่งใจ | จงแถลงแจ้งไปอย่าปดกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาทูลไปขมีขมัน |
ข้ามิได้เอาเท็จมาผูกพัน | พระทรงธรรม์อย่าพะวงสงกา |
อันรูปทรงองค์แอหนังนี้ | งามล้ำนารีในแหล่งหล้า |
แม้นจะเปรียบกับพระน้องบุษบา | เห็นน่าจะคล้ายคลึงกัน |
บุญตัวประสันตาไม่ว่าเล่น | เคราะห์ดีได้ไปเห็นนางสวรรค์ |
แม้นมิเหมือนวาจาที่ว่านั้น | ก็ให้ลงโทษทัณฑ์ประสันตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเกษมสันต์หรรษา |
ฟังข่าวกล่าวโฉมกัลยา | ให้แสนเสนหาในรูปทรง |
แล้วพระจึงตรัสไปทันใด | จะแปลงเปนเทพไทดังประสงค์ |
แม้นจะออกไปรับตรงตรง | เห็นองค์อรไทยจะไม่มา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตานบนิ้วเหนือเกษา |
ยิ้มพลางทางทูลพระราชา | พระตรัสมาดังนี้ดีนัก |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระสุริวงษ์เทวามีศักดิ |
ชื่นชมภิรมย์ใจเปนพ้นนัก | พระทรงศักดิจึงเสด็จจรดล |
ตรัสสั่งอนุชาผู้ภักดี | วันนี้พี่จะไปไพรสณฑ์ |
อยู่หลังจงระวังนฤมล | อย่าให้มีเหตุผลสิ่งใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วสั่งพี่เลี้ยงประสันตา | จงไปจัดโยธาน้อยใหญ่ |
เอารถามาเทียมเตรียมไว้ | ทั้งเครื่องทรงซ่อนใส่ในรถ |
ทหารแห่แต่หกสิบถ้วน | เลือกล้วนแกล้วกล้าขี่ม้าหมด |
พอสิ้นแสงสุริยงอัษฎงคต | กำหนดจะให้ถึงคิรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สั่งเสร็จเสด็จเข้าที่สรง | สำอางองค์ทรงเครื่องเรืองศรี |
จับชายกรายกรจรลี | เข้าไปยังที่ห้องใน |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ นั่งเคียงเกนหลงหนึ่งหรัด | แล้วตรัสว่าจะลาไปป่าใหญ่ |
เที่ยวหาหย้าหรันเรืองไชย | แม้นได้ข่าวคราวจะรีบมา |
น้องรักค่อยอยู่จงดี | อย่าโศกเศร้าโศกีฟังพี่ว่า |
สั่งพลางทางเสด็จลีลา | มาทรงรถาคลาไคล |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นมาถึงภูผาตะหลากัน | สุริยันเลี้ยวลับเหลี่ยงมไศล |
จึงให้หยุดรถแก้วแววไว | แทบใกล้แนวเนินกุหนุงนั้น |
ฯ ๒ คำ ฯ
ยานี๏ ครั้นยามค่ำย่ำสนธยากาล | ภูบาลแต่งองค์เฉิดฉัน |
สอดใส่สนับเพลาเชิงสุวรรณ | เข็ดขัดทองพันภูษาทรง |
พระพี่เลี้ยงเคียงเข้าช่วยแต่ง | จัดแจงจีบโจงหางหงษ์ |
ตาดปักเครือทองฉลององค์ | ปั้นเหน่งจำหลักลงราชาวดี |
ตาบทิศทับทรวงดวงกุดั่น | สังวาลวรรณแวววับจับสี |
ธำมรงค์รจนาจินดาดี | ทองกรมณีกนกพรรณ |
พระทรงมงกฎแก้วแววฟ้า | แต่งอย่างเทวาในสวรรค์ |
เหน็บกฤชนาดกรจรจรัล | มากับประสันตาผู้ร่วมใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ พระป่ายปีนขึ้นบนปลายพฤกษา | ร้องมามิให้จำเสียงได้ |
เจ้ามีความปราถนาสิ่งใด | ทรามไวยจึงมาปะตาปา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
สำคัญจิตรคิดว่าเทวา | จึงร้องตอบมาทันใด |
ข้าจะปราถนาหาความชอบ | ให้ประกอบตามอัธยาไศรย |
ชาตินิ้บุญน้อยเปนพ้นไป | ภายน่าจะให้สมคิด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีชื่นชมภิรมย์จิตร |
เราคือเทวาสุราฤทธิ์ | สถิตย์ในนัคราคิรี |
ชื่อว่าหลังหลังอาหลัด | จะมาแจ้งอรรถแก่โฉมศรี |
บัดนี้เทวัญจันทรี | ทุกราษีคิดพร้อมยอมใจ |
ว่าแอหนังนี้ทำความชอบ | ประกอบพรตธรรม์ไม่หวั่นไหว |
จึงให้ข้ามาเชิญขึ้นไป | อยู่ในสวรรค์วิมานบน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงได้ฟังเหตุผล |
ไม่แจ้งว่าแกล้งแต่งกล | ได้ยินยุบลก็ตกใจ |
แอหนังทั้งสองจึงไคลคลา | ยังติหลาอรสาศรีใส |
เมื่อฉนี้จะคิดประการใด | ข้าน้อยจะไกลพระบาทา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
กับสองพี่เลี้ยงกัลยา | กอดกันโศการ่ำไร |
เราพลัดบุรีมาด้วยกัน | ดัดดั้นไพรพงดงใหญ่ |
ตกไร้ได้ยากลำบากใจ | น้องไม่เคยไกลสักนาที |
ร่ำพลางนางกล่าวไปพลัน | ดูราเทวัญเรืองศรี |
แอหนังพี่ข้าทั้งสองนี้ | เนาในคิรีปะตาปา |
ยังจะไปด้วยได้ฤๅมิได้ | เทพไทจงโปรดเกษา |
เปนเพื่อนศุขเพื่อนทุกข์กันมา | พี่น้องจะได้เห็นหน้ากัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
จึงตอบวาจาแอหนังนั้น | จะพาไปด้วยกันอย่าปรารมภ์ |
เจ้าอย่าหน่วงหนักชักช้า | เชิญยุรยาตราจากอาศรม |
อย่าร้อนใจจะได้เสวยรมย์ | ชมทิพสมบัติเปรมปรีดิ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสามารศรี |
คิดถึงชนกชนนี | นางตีทรวงเข้าโศกา |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้๏ โอ้พระบิตุเรศมารดาเจ้า | ตั้งแต่โศกเศร้าโหยหา |
ทำไฉนพระจะแจ้งกิจจา | ว่าลูกไปเมืองฟ้าสุราไลย |
พระคุณล้ำฟ้าดินแดน | จะได้แทนพระคุณก็หาไม่ |
เห็นจะได้เดือดร้อนอาวรณ์ใจ | ด้วยลูกมาไกลพระบาทา |
คิดว่าจะได้คืนกรุงไกร | ถึงช้าพลันก็จะได้เห็นหน้า |
ทีนี้ตั้งแต่จะไกลตา | อนิจาจะคิดประการใด |
โอ้ว่าเอนดูพระเชษฐา | จะแสนโศกโศกาหม่นไหม้ |
สียะตราจะอ้อนอาไลย | วิยดาจะร่ำไห้ทุกเวลา |
ถึงบุญน้อยแล้วจะจำไกล | แต่ให้ได้สั่งพระเชษฐา |
ได้กราบบาทสองราชกระษัตรา | ถึงจะไปก็ไม่อาไลยนัก |
นี่ต่างไกลไม่รู้เหตุผล | ต่างแสนทุกข์ทนเพียงอกหัก |
ห่วงน่าห่วงหลังกังวลนัก | อักอ่วนไปมาในราตรี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์สารปันหยี |
คอยท่าเห็นช้าท่วงที | จึงร้องเตือนเทวีลงไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ฉวยคว้าได้กฤชทันใด | สองพี่เลี้ยงร่วมใจตามมา |
ปันหยีก็นำดำเนิน | เดินลงตามเทินเนินผา |
แอหนังจึงถามเทวา | ว่าจะไปฟากฟ้าสุราไลย |
เหตุไรจึงไม่เหาะเหิน | จะพาเราเดินไปหนไหน |
เราเร่งฉงนสนเท่ห์ใจ | จงบอกเราไปอย่าได้ช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีสุกาหรา |
ว่าจะไปลงรถรัตนา | ถึงเชิงผาแล้วจะเหาะไป |
ว่าพลางพานางไคลคลา | มิช้าถึงเชิงเขาใหญ่ |
จึงอุ้มขึ้นรถแก้วแววไว | สองนางอรไทยก็ขึ้นท้าย |
ประสันตาขับพาชีไชย | วางวิ่งว่องไวดังใจหมาย |
พวกทหารชำนาญซึ่งเดินท้าย | ก็ร่ายแซงแฝงไม้มาแต่ไกล |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | แอหนังเร่งคิดสงไสย |
ไม่เหาะขึ้นฟากฟ้าสุราไลย | รถไปตามทางพนาลี |
ชรอยเปนมนุษย์แปลงมา | ไม่เหมือนเทวาในราษี |
ฉุกใจจะคิดไฉนดี | เทวีก็โศกาไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้มีอัชฌาไศรย |
ค่อยโน้มน้าวกล่าวเกลี้ยงเอาใจ | เจ้าอย่าละห้อยไห้ไปมา |
พี่จะขอถามเจ้าตามจริง | สิ่งใดอย่าได้พรางข้า |
ยังมิทันแก่เถ้าชรา | เจ้ามาปะตาปาด้วยอันใด |
แม้นเจ้าบอกความตามสัจ | พี่มิให้เคืองขัดอัชฌาไศรย |
จะพานางสายสมรอรไทย | คืนไปส่งไว้ยังกุฎี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสามารศรี |
ได้ยินวาจาพาที | ก็รู้ว่าปันหยีชาญไชย |
นางจึงค่อยกล่าวพจนา | เปนความสัจจาจะบอกให้ |
เหตุด้วยสามีหนีหายไป | ร้อนใจจึงมาปะตาปา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีได้ฟังนางว่า |
คิดกริ่งหฤไทยไปมา | แล้วจะเปนบุษบานารี |
จึงถามว่าผัวเจ้าชื่อไร | เปนลูกเต้าเผ่าใครจงบอกพี่ |
พี่จะพาไปส่งถึงธานี | สามีเจ้าอยู่บุรีไร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังกล่าวแกล้งแถลงไข |
ผัวข้าชาวดงพงไพร | พลัดพรากกันไปนานช้า |
จะเปนตายฉันใดมิได้รู้ | ข้าเที่ยวหาอยู่หนักหนา |
ข้าบอกความแต่ตามสัจจา | ขอส่งข้าคืนไปยังคิรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเล้าโลมนางโฉมศรี |
จะขึ้นไปต้องการอะไรมี | เจ้าฟังคำพี่เถิดเยาวมาลย์ |
เจ้าก็ปะตาปาหาความชอบ | หวังจะให้ประกอบเปนแก่นสาร |
พี่ก็ได้ปะตาปามาช้านาน | กุศลนั้นบันดาลประจวบกัน |
พเอิญเห็นประจักษ์แล้วขวัญเจ้า | ทั้งสองเราดังได้ตุนาหงัน |
วาศนาเคยสนิทติดพัน | จะมาถือเชิงชั้นไปไยมี |
พี่จะรับทรามสงวนนวลน้อง | ไปเปนคู่ครองของพี่ |
ศฤงฆารบริวารนารี | บรรดามีจะมอบให้ครอบครอง |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ อย่าเอยอย่าว่า | ข้าไม่ปราถนามีคู่สอง |
โภไคยไอสูรย์ไม่ปูนปอง | จะเที่ยวท่องสัญจรนอนไพร |
ถึงมาทจะไม่พบกับสามี | จะยินดีชายอื่นอย่าสงไสย |
จะสู้ตายไม่เสียดายชีวาไลย | ว่าแล้วทรามไวยก็โศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีสุกาหรา |
เห็นนางซื่อสัจต่อภัศดา | เกี้ยวพานพูดจาไม่จงใจ |
ชำเลืองดูประสันตาแล้วสั่นเศียร | ทำเปนแยบแนบเนียนบอกใบ้ |
พระกล่าวแกล้งแสร้งเสใส่ไคล้ | พี่ว่าเล่นลองใจเทวี |
โฉมยงอย่าทรงโศกา | ภักตรานวลลอองจะหมองศรี |
เช็ดชลนานางพลางพาที | แม้นสามีน้องนั้นมิบรรไลย |
สุดแต่จะให้ได้พบกัน | ถึงช้าพลันจะทำกะไรได้ |
พี่จะช่วยสืบเสาะแสวงไป | ให้สมหวังดังใจเจ้าจินดา |
ปลอบพลางทางเร่งรถทรง | เลี้ยวลัดตัดดงเดินป่า |
คืนหนึ่งก็ถึงภารา | ตรงมายังปันจะรากัน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงกล่าวอภิปราย | ขอเชิญโฉมฉายผายผัน |
จะจวนรุ่งรังษีรวีวรรณ | ผู้คนจรจรัลไปมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
กลุ้มกลัดขัดใจไม่เจรจา | ซบภักตราลงทรงโศกี |
ฯ ๒ คำ โอด
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์มิสารปันหยี |
จึงกล่าวเกลี้ยงเลี่ยงปลอบให้ชอบที | เทวีอย่าถวิลกินใจ |
อันถ้อยย้ำคำมั่นจำนรรจา | ซื่อต่อภัศดาไม่หาได้ |
ต้องระบอบชอบที่เปนพ้นไป | พี่ไม่เลียมล่วงประเวณี |
เชิญเจ้าขึ้นไปติกาหรัง | ร้อยชั่งอย่าแหนงแคลงพี่ |
จะรังเกียจเดียดฉันกันไยมี | พี่จะพาเทวีไคลคลา |
ไปเที่ยวรบรุกทุกบุรี | ถ้าแม้นพบสามีขนิษฐา |
เจ้าจึงไปดังใจจินดา | เปนความสัจจาพี่ว่าไว้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาศรีใส |
ได้ฟังภิปรายค่อยคลายใจ | อรไทยจึงตอบวาจา |
เจ้าให้สัตย์ปัฏิญาณมั่นคง | ข้าจะไปตามจำนงปราถนา |
ทั้งนี้ตามแต่จะเมตตา | จะได้มีชีวานั้นสืบไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียินดีจะมีไหน |
เห็นนางค่อยส่างโศกาไลย | จึงชวนอรไทยไปพลัน |
อุ้มองค์ลงจากรถา | ลีลาย่างเยื้องผายผัน |
เข้าในห้องทองพรายพรรณ | สองพี่เลี้ยงนั้นก็ตามไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เชิญนางให้นั่งร่วมอาศน์ | พระกล่าวพจนาดถ์ปราไส |
เจ้าจงเอนกายให้สบายใจ | ว่าแล้วภูวไนยก็ไคลคลา |
เสด็จออกไปเปลื้องเครื่องทรง | ซึ่งแปลงองค์เปนอสัญแดหวา |
แล้วชำระสระสรงคงคา | สุคนธาหอมตระหลบอบองค์ |
ครั้นเสร็จเสด็จบทจร | กรายกรยุรยาตรดังราชหงษ์ |
คืนเข้าห้องสุวรรณบรรจง | ถามองค์อรไทยไปพลัน |
พี่ยังถวิลกินใจ | เหตุผลกลใดณสาวสรรค์ |
กับผัวจึ่งพลัดกำจัดกัน | อย่าบั่นแบ่งจงแจ้งเถิดเทวี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสามารศรี |
ฟังถ้อยค่อยกล่าววาที | อันเหตุที่พรากพลัดภัศดา |
ก็เพราะผลกรรมได้ทำไว้ | จึงลำบากยากใจเปนหนักหนา |
ดัดดั้นกันดารมรคา | ทนทุกข์ทรมามาช้านาน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิไกรใจหาญ |
เร่งกินแหนงแคลงคำเยาวมาลย์ | จึงคิดอ่านเลี่ยงเลี้ยวถามไป |
ซึ่งเจ้าว่าพลัดกับสามี | ข้อนี้พี่ยังสงไสย |
ฤาว่าชีวันจะบรรไลย | จึงได้แต่กฤชติดตัวมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังฟังพลางทางว่า |
เจ้าอย่าพะวงสงกา | กฤชของผัวข้าที่ให้ไว้ |
ไปแล้วว่าจะกลับคืนมา | เห็นช้าข้าคิดสงไสย |
จึงสู้ติดตามหาด้วยอาไลย | เกลือกผิดทางไปไม่พบกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีลีลาศผาดผัน |
ออกจากห้องแก้วแพรวพรรณ | มายังแท่นสุวรรณรจนา |
พระรำพึงถึงนางมิบอกแจ้ง | กล่าวแกล้งเอื้อนอำอยู่หนักหนา |
แล้วจะเปนน้องนุชบุษบา | ที่ลมหาพัดหอบหายไป |
ด้วยเหตุนั้นเปนมหันตนัก | จึงไม่แจ้งประจักษ์ออกได้ |
นึกฉงนสนเท่ห์ฤไทย | ทำไฉนจะรู้แบบคาย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ คิดพลางย่างเยื้องยุรยาตร | จากอาศน์สุวรรณผันผาย |
เข้าในห้องแก้วแพรวพราย | นั่งเคียงโฉมฉายแล้วพาที |
พี่ยังกินแหนงแคลงใจ | ที่ในถ้อยคำนางโฉมศรี |
ถามเหตุด้วยพลัดสามี | เพียงนี้มิพอจะพรางกัน |
เจ้าก็ไม่แจ้งออกบอกตรง | ใช่จะจงเจาะถามที่ความขัน |
เปนความทุกข์จะได้ปรับทุกข์กัน | จะรังเกียจเดียดฉันด้วยอันใด |
ถึงข้อนี้มิแจ้งก็ทำเนา | มิให้เจ้าเคืองขัดอัชฌาไศรย |
อันผัวน้องนั้นมีฤทธิไกร | ฤาหาฤทธิไม่ณเทวี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ติหลาอรสาโฉมศรี |
จึงเยื้อนตอบวาจาพาที | ถามมาดังนี้เปนจนใจ |
อันซึ่งสามีของข้า | จะว่าเรืองฤทธาก็ว่าได้ |
ถ้าจะว่าไม่มีฤทธิไกร | ก็ได้ดังน้ำใจนึก |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีได้ฟังก็ตริตรึก |
ท่วงทีถ้อยคำนี้ล้ำฦก | นิ่งนึกฉงนเปนพ้นไป |
จึงว่าเชิญเจ้าจงไสยาศน์ | เอนอาศน์สำราญอย่าหม่นไหม้ |
พระทำเฉยจะให้ชเลยใจ | หวังจะได้ลักดูกฤชเทวี |
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาศคลา | ออกมาจากห้องนางโฉมศรี |
นั่งเหนือบัลลังก์รัตน์รูจี | ตรึกที่ถ้อยคำนางอรไทย |
ใครหนอว่าเรืองฤทธา | จะฦๅชาปรากฎก็หาไม่ |
แต่กูอานุภาพเกรียงไกร | ปราบได้ในแคว้นแดนชวา |
คิดแล้วย่างเยื้องผันผาย | จับชายกรายกรีดหัดถา |
คืนเข้าห้องสุวรรณกัลยา | จึงมีพจนาถามไป |
เหตุไรผัวเจ้าไม่ตามหา | ฤๅเขาไม่เมตตาเปนไฉน |
ส่วนน้องเที่ยวท่องพงไพร | ช้านานยังไม่พบกัน |
ถ้าผัวรักเจ้าเขาตามหา | เห็นว่าจะได้พบเปนแม่นมั่น |
แต่จิตรเจ้ายังคิดผูกพัน | สำคัญว่าเขายังเมตตา |
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังติหลาอรสา |
ได้ฟังจึงตอบวาจา | นี่แลจะว่าเปนจนใจ |
เขาก็มีอิสัตรีเปนที่รัก | เกลือกเปนห่วงหน่วงหนักไม่มาได้ |
ครั้นจะว่าไม่ตามเปนความไกล | เกลือกตามแต่จะไม่พบน้อง |
ที่จะรักมิรักไม่เล็งเห็น | ว่าไปก็จะเปนคำสอง |
สุดแต่ใจข้าไม่นึกปอง | ที่จะมีคู่ครองสืบไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีเปลี่ยวจิตรคิดสงไสย |
ด้วยถ้อยคำน้ำเสียงอรไทย | เหมือนบุษบายาใจเปนพ้นนัก |
ทั้งรูปทรงส่งศรีกิริยา | เรื่องราวกล่าวมาก็แหลมหลัก |
เห็นถูกต้องที่หมองแก่พี่นัก | ด้วยพี่รักจินตะหราวาตี |
แล้วคิดกินแหนงแคลงจิตร | กูมิได้ให้กฤชแก่โฉมศรี |
แปลกกันด้วยสำคัญข้อนี้ | ภูมีคิดฉงนสนเท่ห์ใจ |
แต่เวียนถามถึงความสามี | เซ้าซี้จะให้สิ้นสงไสย |
จะนั่งช้ากลัวจะผิดสัญญาไว้ | ครั้นออกไปก็คนึงถึงนาง |
เอนองค์ลงเหนือบรรจฐรณ์ | ยอกรก่ายเกยเขนยข้าง |
พระนิ่งนึกกินแหนงแคลงคลาง | ให้สงไสยในนางเทวี |
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
ครั้นแจ้งเรื่องราวข่าวคดี | ว่าปันหยีไปได้แอหนังมา |
นั่งเฝ้าเล้าโลมกันอยู่ | โฉมตรูขัดแค้นเปนหนักหนา |
จึงมีมธุรศวาจา | แก่ระเด่นรัตนาทรามไวย |
เห็นแล้วฤากะกังปันหยี | ช่างไปได้นางชีมาแต่ไหน |
นั่งเฝ้าโลมเล้าเอาใจ | เหตุผลก็ไม่มาบอกกัน |
เดิมทีจะแบหลาพระมาห้าม | ให้ระงับดับความโศกศัลย์ |
จะฟังเหตุมาเล่าเปล่าทั้งนั้น | แกล้งผูกพันพูดเล่นเจรจา |
น้องจะครองชีวิตรไว้ไย | แม้นม้วยบรรไลยเสียดีกว่า |
ร่ำพลางนางทรงโศกา | กัลยาขัดแค้นแสนทวี |
ฯ ๓๐ คำ ฯ โอด
๏ จึงเรียกบาหยันเข้ามาสั่ง | พี่ไปบอกกะกังปันหยี |
น้องจะขอเอากฤชบัดนี้ | แม้นปรานีจริงจงให้มา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | บาหยันนบนิ้วเหนือเกษา |
รับสั่งทรามไวยแล้วไคลคลา | ไปจากดาหาปาตี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงวังปันจะรากัน | จึงถวายอภิวันท์ปันหยี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | โดยดังวาทีอรไทย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีครั้นแจ้งแถลงไข |
จึงไปถามแอหนังทันใด | ซึ่งเขาไปให้พิจารณา |
เจ้าว่าจะได้ในเจ็ดวัน | แม่นมั่นแล้วฤาขนิษฐา |
เมื่อไรจะได้ตัวมา | กัลยาจงบอกบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | แอหนังได้ฟังปันหยี |
พิเคราะห์ดูแล้วว่าไปทันที | จะมาถึงวันนี้เปนมั่นคง |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีชื่นชมสมประสงค์ |
ออกจากห้องสุวรรณบรรจง | มาขึ้นทรงพาชีไคลคลา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครันถึงวังดาหาปาตี | ไปยังที่หลงหนึ่งหรัดขนิษฐา |
นั่งลงข้างองค์กัลยา | จึงกล่าววาจาไปทันใด |
เปนไฉนจึงให้ไปเอากฤช | ฤาคิดว่าผัวเจ้าตักไษย |
พระจึงเล่าแถลงให้แจ้งใจ | ที่ให้แอหนังดูมา |
พี่ให้กะกังทั้งเจ็ดคน | ให้รีบพาพวกพลไปตามหา |
ข่าวคราวเปนไฉนยังไม่มา | จึงมิได้กิจจามาแจ้งน้อง |
บัดนี้แอหนังกำหนดไว้ | ว่าจะได้ตัวมาไม่ขัดข้อง |
วันนี้จะมาถึงดังใจปอง | นวลลอองอย่าเพ่อโกรธา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดเสนหา |
ซึ่งพิโรธโกรธแก่พระพี่ยา | ได้ฟังวาจาก็คลายใจ |
จึงบังคมคัลวันทา | ชลนาแถวถั่งหลั่งไหล |
ในอกหมกมุ่นขุ่นเคืองใจ | มิได้พาทีด้วยพี่ยา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงพี่เลี้ยงทั้งเจ็ดที่ตามหา |
ครั้นไปถึงเมืองมะงาดา | ก็พากันเข้าในกรุงไกร |
อันเหล่าทหารทั้งหลาย | ให้แยกย้ายรายกันเข้าอาไศรย |
ทุกศาลาหลามรายไป | แต่พี่เลี้ยงเข้าในธานี |
เที่ยวฟังกิติศัพท์เขาพูดจา | ทำอาการดังชาวกรุงศรี |
ตร่ายเตร่เร่นั่งพาที | ชาวบุรีมิได้สงกา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หญิงชายชาวเมืองถ้วนหน้า |
เดินตามถนนกล่นเกลื่อนมา | ต่างจำนรรจาชวนกัน |
มาจะไปดูนักโทษใหม่ | โฉมงามวิไลยเฉิดฉัน |
หนุ่มน้อยโสภาวิลาวรรณ | ใครจะทัดเทียมทันก็ไม่มี |
บ้างได้ส้มสูกลูกไม้ | จะไปให้นักโทษน้องปันหยี |
ไม่มีโทษาน่าปรานี | พาทีพลางเดินดำเนินไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พี่เลี้ยงฟังแจ้งไม่สงไสย |
จึงเดินตามชาวบุรีไป | ถึงน่าทับที่ใกล้ตรุนั้น |
บ้างเหลียวชะแง้แลหา | พอสบไนยนาหย้าหรัน |
ให้สลดรันทดใจจาบัลย์ | ต่างคนต่างกลั้นโศกา |
จึงถามว่าข้าจะให้หมากพลู | แก่คนผู้อยู่ในโทษา |
จะได้ฤามิได้จงบอกมา | เราเห็นก็เปนน่าเอนดู |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ธำมรงซึ่งนั่งคุมอยู่ |
ไว้ใจเพื่อนไม่ทันรู้ | เขาให้ทานอักขูจะเปนไร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงทั้งเจ็ดก็หม่นไหม้ |
ส่งสลาให้พลางต่างดีใจ | ดังตายแล้วเกิดใหม่ได้พบกัน |
จึงเหลียวดูผู้คุมที่รักษา | เห็นเขาเมินจึงว่าแก่หย้าหรัน |
มาเราจะพากันจรจรัล | ในเวลาสายัณห์ค่ำนี้ |
ว่าแล้วก็กลับออกมา | ปรีดาภิรมย์เกษมศรี |
ดังม้วยมุดสุดสิ้นชีวี | แล้วมีชีวิตรคืนมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฝ่ายระเด่นดะราหวันเสนหา |
ได้ร่วมรักหย้าหรันแต่นั้นมา | กัลยาจำนงจงใจ |
ส่งเสียปรนิบัติอยู่อัตรา | จะเว้นวันเวลาก็หาไม่ |
ครั้นค่ำคิดถึงคนึงใน | ทรามไวยบรรจงแต่งกายา |
ลูบไล้สุคนธ์ปนปรุง | หอมฟุ้งตระหลบด้วยบุบผา |
แล้วชวนพี่เลี้ยงลอบไคลคลา | ออกมาจากนิเวศน์วังพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงศาลาน่าตราง | ให้พี่เลี้ยงสองนางอยู่ที่นั่น |
แล้วเสด็จย่างเยื้องจรจรัล | เข้าไปหาหย้าหรันทันที |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันเล้าโลมนางโฉมศรี |
พูดจาปราไสเปนไมตรี | ถ้อยทีปดิพัทธกำหนัดใน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงผู้มีอัชฌาไศรย |
ครั้นสิ้นแสงสุริย์ศรีก็ดีใจ | จึงพากันรีบไปดังใจปอง |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ถึงศาลาน่าบ้านผู้คุม | แลตะคุ่มคนนั่งอยู่แต่สอง |
เห็นเปนหญิงกริ่งจิตรเขม้นมอง | ดูทำนองท่วงทีเหมือนชาววัง |
จึงหลีกลัดตระหลบเลี้ยวมา | ที่ริมร้านขายสุราน่าถัง |
ครั้นถึงเรือนหย้าหรันก็ยับยั้ง | หยุดยืนแฝงฟังซึ่งกิจจา |
ได้ยินสำเนียงเสียงนารี | จึงแอบเข้าข้างที่ริมฝา |
กะทั่งไอให้เสียงสัญญา | ส่งให้มาหาจะว่าไร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันผู้มีอัชฌาไศรย |
เยี่ยมไปเห็นพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ | ภูวไนยยินดีปรีดา |
แล้วถามถึงพระน้องกับพระพี่ | เห็นทีจะละห้อยคอยหา |
ทำไฉนจึงแจ้งแห่งกิจจา | ว่าเขาพาน้องมาถึงเมืองนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงแจ้งถ้วนถี่ |
ซึ่งข้าน้อยมาภารานี้ | ตามแอหนังชีบอกมา |
อันพระเชษฐากับพระน้อง | แต่ครวญคร่ำร่ำร้องกรรแสงหา |
เพียงจะม้วยมุดสุดชีวา | ขนิษฐาจะแบหลาลง |
พระพี่ยาชิงกฤชไว้ได้ | หาไม่จะม้วยเปนผุยผง |
แล้วให้ทหารชาญณรงค์ | เที่ยวหาพระองค์ทุกกรุงไกร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันครั้นแจ้งแถลงไข |
ก็ทรงโศกโศกาอาไลย | ชรอยกรรมทำไว้แต่ก่อนมา |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงโศกศัลย์เปนนักหนา |
แล้วทูลถามพลันมิทันช้า | ใครซึ่งมาหาพระองค์นี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรัดจึงแจ้งถ้วนถี่ |
นางนี้เปนราชบุตรี | มารศรีมีคุณแต่แรกมา |
สู้เสียเสื้อผ้าเงินทอง | น้องจึงเคลื่อนคลายโทษา |
บัดนี้สิจะไปภารา | จำจะบอกกัลยาให้แจ้งใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงทูลสนองไข |
นางได้มีคุณเมื่อตกไร้ | จะทิ้งไว้ไม่ชอบพระผ่านฟ้า |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรัดตอบคำพี่เลี้ยงว่า |
พระน้องจะน้อยใจอนุชา | จะแต่งมาตอบคุณอรไทย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงจึงทูลสนองไข |
ถึงพระน้องข้องเคืองประการใด | โทษทัณฑ์สิ่งไรจะรับเอา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันผู้เฉิดโฉมเฉลา |
จึงเข้าไปหานางนงเยาว์ | แล้วเล่าแถลงแจ้งกิจจา |
วันนี้พี่จะลาไปเวียงไชย | จำเปนจำไกลขนิษฐา |
แม้ไม่ม้วยมุดสุดชีวา | จะกลับมาสนองคุณนาง |
น้องรักเจ้าค่อยอยู่จงดี | มารศรีอย่าข้องหมองหมาง |
พระชมโฉมโลบลูบปฤษฎางค์ | เชยปรางพลางสั่งบังอร |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันดวงสมร |
ได้ฟังมธุรศสุนทร | ให้อาวรณ์ฤไทยไปมา |
มิรู้ที่จะแขงขัดทัดทาน | เยาวมาลย์มีจิตรเสนหา |
จึงเยื้อนถ้อยค่อยกล่าววาจา | ถ้าเมตตาจงพาเอาน้องไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันปลอบพลางทางปราไส |
เจ้าจะดำเนินกลใด | ทุ่งกว้างทางไกลกันดารนัก |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ได้เอยได้ฟัง | นางคั่งแค้นแสนโศกเพียงอกหัก |
อนิจาน่าน้อยใจนัก | กะนี้ฤๅว่ารักจะซัดไว้ |
เสียแรงน้องจำนงจงจิตร | จะสู้ม้วยชีวิตรหาคิดไม่ |
ถึงมาททุ่งกว้างทางไกล | จะตามไปไม่อยู่ไยดี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันเล้าโลมนางโฉมศรี |
เจ้าอย่าโศกเศร้าโศกี | ใช่พี่จะทิ้งไว้เมื่อไร |
ทีนี้เห็นประจักษ์ว่ารักจริง | ยอดยิ่งหญิงอื่นไม่หาได้ |
เจ้าอย่าละห้อยน้อยใจ | พี่จะพาทรามไวยไคลคลา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ว่าพลางกุมกรนางโฉมยง | ลอบลงมาจากเคหา |
มิให้สองอนงค์สงกา | พระพี่เลี้ยงลอบพาจรลี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นพบพหลพลไกร | ซึ่งซุ่มไว้ในป่าพนาศรี |
พระอุ้มองค์ขนิษฐานารี | ขึ้นทรงพาชีตัวเดียวกัน |
พี่เลี้ยงตามเสด็จทั้งเจ็ดคน | ขี่ม้าพาพลผายผัน |
พวกทหารแห่แหนแน่นนัน | รีบรัดดัดดั้นเดินไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงภารากาหลัง | สุริย์ฉายบ่ายบังเหลี่ยมไศล |
ลงจากม้าพาองค์อรไทย | ตรงไปดาหาปาตี |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงก้มเกล้าประนตบทบงสุ์ | พระโฉมยงองค์สารปันหยี |
สององค์ทรงโศกโศกี | ต่างแจ้งคดีแก่กัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แล้วเหลือบเห็นองค์ขนิษฐา | ซูบผอมภักตราโศกศัลย์ |
พระทรงโศกาจาบัลย์ | องค์ขนิษฐานั้นก็ร่ำไร |
ฯ ๒ คำ ฯโอด
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดบังคมไหว้ |
ชลเนตรฟูมฟองนองไนยน์ | ครั้นเหลือบไปเห็นนางกัลยา |
นั่งอยู่ข้างหลังพระพี่ | เทวีเคืองขัดสบัดหน้า |
ไปเที่ยวเกี้ยวชู้แล้วพามา | เสแสร้งโศกาว่ารักเรา |
โอ้ว่าอนิจาแก่ตัวข้า | จะมาม้วยมรณาเสียเปล่าเปล่า |
ท่านไปหากได้คู่เคล้า | มาหลับตาโศกเศร้าทุกราตรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระโฉมยงองค์สารปันหยี |
จึงถามหย้าหรันทันที | นางนี้ได้มาแต่แห่งไร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันบังคมประนมไหว้ |
ชายเนตรดูพระน้องแล้วทูลไป | นี่บุตรีท้าวไทมะงาดา |
มาสู้เสียผ้าผ่อนเงินทอง | น้องจึงเคลื่อนคลายโทษา |
กะกังทั้งเจ็ดให้พามา | น้องว่าก็ไม่ไยดี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
ได้ฟังหย้าหรันพาที | ยิ้มแล้วจึงมีวาจา |
นางได้มีคุณแก่สามี | มารศรีอย่าเคียดขึ้งหึงษา |
สิ่งใดจงได้เมตตา | เจ้าพูดจาทักทายแต่โดยดี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดโฉมศรี |
ชักหน้านิ่งอยู่ไม่พาที | ก็เข้าไปในที่บรรธมใน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | หย้าหรันรัศมีศรีใส |
ตามองค์ขนิษฐายาใจ | เข้าไปในที่ไสยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ดะราหวันพรั่นใจเปนหนักหนา |
ด้วยคิดผิดเปนพ้นคณนา | เสียแรงรักตามมาแต่เดิมที |
คิดว่าไม่มีคู่ครอง | จึงตั้งใจว่าจะรองบทศรี |
มาสเทินเขินค้างอยู่อย่างนี้ | คิดแล้วเทวีก็จาบัลย์ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีสุกาหรารรังสรรค์ |
จึงตรัสปลอบอรไทยวิไลยวรรณ | เจ้าอย่ากรรแสงสลดใจ |
ซึ่งเมตตาน้องข้าในครานี้ | คุณนั้นหามีที่สุดไม่ |
พี่จะสนองคุณนางทรามไวย | สิ่งใดมิให้อนาทร |
เจ้าอย่าได้หมองหมางระคางคิด | ฉุกจิตรโฉมฉายสายสมร |
เคยสำราญอย่างไรในนคร | พี่จะเลี้ยงบังอรเหมือนดังนั้น |
แล้วให้จัดเรือนให้อรไทย | ทั้งเครื่องทรงเครื่องใช้ทุกสิ่งสรรพ์ |
ทั้งข้าหญิงชายครบครัน | สารพันสมควรด้วยเทวี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระเด่นดะราหวันโฉมศรี |
ฟังปันหยีว่าพาที | ดังเอาทิพวารีมารดกาย |
ที่ร้อนทุกข์ขุกข้องหมองหมาง | ค่อยเสื่อมส่างระงับดับหาย |
ชลีกรรับของอันเพริศพราย | โฉมฉายชื่นชมภิรมย์ใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ