ตอนศึกกะหมังกุหนิง

จับตอนศึกกะหมังกุหนิง

๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงชาญสนาม
เห็นระเด่นห้าองค์ยืนทรงงาม สงไสยก็ถามไปทันใด
อันตัวของเจ้าทั้งห้านี้ อยู่ดาหาธานีฤาไฉน
สามารถอาจมาชิงไชย ผู้ใดซึ่งชื่อจรกา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีใจกล้า
ยิ้มพลางทางตอบวาจา เรามาแต่กรุงกุเรปัน
ได้ยินเขาว่าตัวท่านนี้ จะตีดาหาเขตรขัณฑ์
จึงมาช่วยสุริวงษ์พงษ์พันธุ์ ถามถึงจรกานั้นด้วยอันใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระปิ่นภพกุหนิงกรุงใหญ่
แจ้งว่าอิเหนาชาญไชย ภูวไนยครั่นคร้ามฤทธา
แต่มานะกระษัตรอาจอง จึงว่าเจ้าผู้วงษ์อสัญหยา
เสียดายรูปโฉมโสภา ดวงภักตร์ลักขณาก็พริ้งเพรา
เราเห็นก็ให้ปรานี เท่านี้จะมาตายเสียเปล่าเปล่า
ทั้งห้าองค์แต่ล้วนทรงเยาว์ จะฆ่าเสียเล่าก็อายใจ
อนึ่งตัวเจ้ากับเรานั้น จะผิดแผกกันก็หาไม่
ข้ากับจรกาจะชิงไชย ให้เจ้าดูเล่นเปนขวัญตา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริวงษ์อสัญแดหวา
จึงตอบว่าท้าวจรกา มิได้อยู่ดาหาธานี
ไม่ไตรตรามารบให้ผิดเมือง ทวยหาญตายเปลืองไม่พอที่
ถ้าจะรบจรกาบุรี ภูมีจงเลิกทัพไป
แม้นไม่รู้แห่งภารา จะช่วยนำมรคานั้นให้
อันจะอยู่ดาหากรุงไกร จะชิงไชยไปกว่าจะวายปราณ
จะให้เข้ามาบุกรุกราน ถึงที่ถิ่นฐานก็ใช่ที
ถึงว่าจรกาไม่มาทัน อันว่าตัวเราผู้เปนพี่
จำจะป้องด้วยน้องเปนสัตรี จะให้เปนชเลยนี้ด้วยอันใด
ใช่นางเกิดในบุษบง สุริวงษ์พงษาก็หาไม่
ช่วงชิงกันดังผลไม้ อันจะได้นางไปอย่าสงกา

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า
ได้ฟังจึงตอบวาจา เรามาชิงตุนาหงันพระบุตรี
ด้วยองค์บุษบาโฉมตรู ยังอยู่ดาหาบุรีศรี
อันจรกาไม่อยู่ก็ยิ่งดี ไม่มีผู้หวงแหนเกียจกัน
สุดแต่นางอยู่เมืองไหน เราจะไปชิงไชยที่นั่น
ไม่อยากยกไปโรมรัน ถึงเขตรขัณฑ์จรกาพระนคร
ซึ่งเราจะรบบัดเดี๋ยวนี้ เพราะจะชิงบุตรีดวงสมร
มิได้ผิดธรรมสถาวร ปางก่อนก็ย่อมมีมา
สุดแต่ใครดีก็ใครได้ การอะไรแก่เจ้าผู้เชษฐา
จงเลิกทัพกลับไปภารา จะได้สืบวงษาให้สำราญ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีใจหาญ
ยิ้มแล้วจึงตอบพจมาน ซึ่งท่านเมตตาข้าขอบใจ
จะให้กลับไปเมืองเหมือนดังว่า มนุษย์เทวาจะติได้
มาถึงสมรภูมิไชย จะกลับไปก็อายเสียดายภักตร์
ถึงมาทเปนเด็กไม่ถอยหนี สงวนศรีไม่ให้เสียศักดิ
ท่านอย่าดูเบาแก่เรานัก ใช่จักไม่รู้โรมรัน
อย่าเอาทหารออกต้านหน้า จะพลอยม้วยมรณาอาสัญ
เรากับระตูมาสู้กัน ให้เปนขวัญตาแก่โยธี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
ได้ฟังกริ้วโกรธดังอัคคี จึงมีพจนาดถ์ตอบไป
จะรบกันแต่ตัวให้เห็นฤทธิ์ ก็ตามจิตรไม่ขัดอัชฌาไศรย
ว่าพลางลงจากรถไชย ภูวไนยขึ้นทรงพาชี
ชักม้าล่อเลี้ยวเวียนวง ตามกระบวนณรงค์ไชยศรี
ท้าวกะหมังกุหนิงธิบดี กับระเด่นมนตรีกุเรปัน
อันสุหรานากงวงษา ผู้ใจแกล้วกล้าชาญขยัน
กับระตูปาหยังสู้กัน อาชาผกผันเข้ารอนราญ
อันระตูปาหลันสลัด กับกรัติปาตีใจหาญ
สองสู้โรมรันประจัญบาน ทยานต่อล่อไล่กันไปมา

ฯ ๑๐ คำ ฯ พระยาเดิน

๏ ต่างผันต่างผัดปัดป้อง รับรองว่องไวทั้งซ้ายขวา
อาวุธไม่ระคายกายา ด้วยศึกษาชำนาญด้วยกัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อิเหนาฤทธิแรงแขงขัน
ขับม้าเลี้ยวล่อเวียนรวัน รำทวนเย้ยหยันไยไพ
แกล้งชักเปนบาทกุญชร แล้วย้อนเปนเฉลวกองใหญ่
กลับชักเปนโคมสามใบ แกล้งยั่วหวังจะให้ติดตาม

ฯ ๔ คำ ฯ พระยาเดิน

๏ ครั้นเห็นไม่ไล่แล้วร้องเย้ย เหวยเหวยระตูชาญสนาม
เหตุไฉนขยั้นครั่นคร้าม ฤาเข็ดขามฤทธิ์แล้วก็ว่ามา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงใจกล้า
ความอายความแค้นแน่นอุรา ทั้งกำลังอาชาก็ซุดซาน
จึงคิดว่าอิเหนามีฤทธิ์นัก จะหักมิได้ดังใจหาญ
จำจะทำอุบายให้เนิ่นนาน จึงจะค่อยรบราญราวี
คิดแล้วจึงกล่าวสุนทร ดูก่อนเจ้าผู้เรืองศรี
อันจะรบพร้อมพรั่งอยู่ดังนี้ ใช่ที่จะเห็นฝีมือกัน
มาจะชิงไชยทีละคู่ ดูเล่นให้เปนศุขเกษมสันต์
เหมือนรมนาโบะเล่นนั้น ให้เปนขวัญตาพลไกร

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระสุริวงษ์ผู้ทรงอัชฌาไศรย
ยิ้มแล้วจึงตอบคำไป อ่อนใจแล้วฤาภูมี
จึงชวนพันตูเปนคู่กัน บิดผันจะแกล้งเอาตัวหนี
ฤๅจะรับแพ้ก็ตามที ชลีเราจะให้กลับไปภารา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น วิยาหยาสะกำใจกล้า
ได้ฟังกริ้วโกรธโกรธา กระตะอาชาออกยืนยัน
จึงว่าดูก่อนข้าศึก อย่าเหิมฮึกโอหังเย้ยหยัน
ฤทธีฝีมือก็เห็นกัน ตัวเราไม่พรั่นเท่ายองใย
มิเจ้าก็เราจะมรณา จะรับแพ้ดังว่าอย่าสงไสย
ตัวเราก็ชายอาชาไนย เปนไฉนมาหมิ่นกันดังนี้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สังคามารตาเรืองศรี
ฟังวิยาหยาสะกำพาที ดังตรีเพ็ชรแสลงมาแทงกรรณ
ให้พิโรธโกรธแค้นแน่นจิตร จึงทูลพระทรงฤทธิ์รังสรรค์
อันไพรีหยาบช้าเจรจานั้น ตัวมันจะเปนกะไรมา
น้องนี้ขอรองฉลองบาท พระหน่อนารถบรมนาถา
สู้วิยาหยาสะกำผู้ศักดา พระจงยืนม้าดูเปนประธาน

ฯ ๖ คำ ฯ

ต่อนี้ฉบับขาด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ