- พระยาอภิรักษราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล)
- คำนำ
- ตอนตั้งวงษ์เทวา จนถึงอิเหนาไปอยู่เมืองหมันหยาครั้งแรก
- ตอนเข้าห้องจินตะหรา จนถึงอิเหนาตอบสารท้าวกุเรปัน ตัดอาไลยบุษบา
- ตอนวิหยาสะกำเที่ยวป่า จนถึงท้าวหมันยารับสารท้าวกุเรปัน
- ตอนศึกกะหมังกุหนิง
- ตอนเข้าเมืองมละกา จนถึงอุนากันขึ้นเขาประจาหงัน
- ตอนหย้าหรันตกไปเมืองมะงาดา จนถึงระเด่นดะราหวันตามหยันมาเมืองกาหลัง
ตอนเข้าเมืองมละกา จนถึงอุนากันขึ้นเขาประจาหงัน
จับตอนเข้าเมืองมละกา
๏ ครั้นใกล้รุ่งเรืองประเทืองศรี | รัศมีเรืองรองพระเวหา |
ปันหยีลงจากที่ไสยา | ระเด่นกัญจนาก็ไปรถ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงชำระสระสรง | แล้วทรงสุคนธาปรากฎ |
พระยิ่งโศกศัลย์รันทด | สลดใจไม่พบบุษบา |
พระเอนองค์คนึงนึกตรึกไตร | ทั่วทุกเวียงไชยไปเที่ยวหา |
สิ้นแคว้นแผ่นดินแดนชวา | ไม่ได้ข่าวยิหวายาใจ |
จำจะข้ามไปเกาะมลากา | หาดูให้สิ้นสงไสย |
จึงสั่งไปพลันทันใด | ให้ยืมสำเภามาบัดนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาประนตบทศรี |
มาสั่งว่าจะข้ามวารี | เร่งรัดบัดนี้ให้พร้อมไว้ |
ว่าแล้วจึงขึ้นพาชี | มายังบาหลีกรุงใหญ่ |
จึงกราบทูลพลันทันใด | ปันหยีให้มายืมนาวา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูครั้นแจ้งก็หรรษา |
สั่งให้ไปจัดนาวา | ล้าต้าต้นหนบัดนี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกษี |
ไปเร่งรัดจัดเรือบรรดามี | เสนีตกแต่งรจนา |
ครั้นว่าได้ถ้วนหกลำ | จึงนำมาจอดทอดท่า |
กราบทูลปันหยีมิได้ช้า | นาวามาแล้วพระภูวไนย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีศรีใส |
กุมกรขนิษฐายาใจ | เสด็จไปลงยังนาวา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
จำปาทองเทศ๏ ลมดีก็ใช้ใบไป | ภูวไนยอุ้มองค์ขนิษฐา |
ขึ้นนั่งยังท้ายเภตรา | ชี้พรรณมัจฉาให้นางดู |
ฉนากฉลามว่ายตามกัน | โลมาผุดผันเคียงคู่ |
มังกรลอยล่องฟ่องฟู | เงือกงูราหูเหรา |
ปลาวาฬผุดฟูเล่นน้ำ | เพียนทองคลาคล่ำแน่นหนา |
ปลากาว่ายเวียนไปมา | เลี้ยวลอดศิลามากมี |
ที่เขียวก็งามดังมรกฎ | แดงดังทับทิมสดสี |
ที่ลายก็คล้ายราชาวดี | เทวีเบิกบานสำราญใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ โล้
ร่าย๏ มาเอยมาถึง | ยังเมืองท้าวล่าหงิดเปนใหญ่ |
ให้ลงสมอรอไว้ | แทบใกล้ปากน้ำมิได้ช้า |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชาวด่านมลากาถ้วนหน้า |
ครั้นเห็นสำเภานาวา | ก็ร้องถามมาทันใด |
สำเภาผู้ใดใช้มา | มีธุระกิจจาเปนไฉน |
ฤๅพานิชมาค้าสิ่งใด | มาแต่กรุงไหนจงบอกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงกระตาหลา |
ตอบไปว่าใช้ใบมา | จะชมภาราเวียงไชย |
จะมากินเข้าแกงเมืองมลากา | เข้าชวาเบื่อแล้วไม่กินได้ |
แล้วสรวลขึ้นพร้อมกันทันใด | ต่อหน้าชาวกรุงไกรมลากา |
จึงบอกว่านายเราชาวพงไพร | ชื่อปันหยีมีใจหรรษา |
อยากจะใคร่ชมภารา | จงแจ้งกิจจาพระภูมี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ชาวด่านอกสั่นขวัญหนี |
วิ่งแข่งไปแจ้งคดี | ตามที่เนื้อความถามไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาผู้ใหญ่ |
จึงเข้าไปทูลพลันทันใด | ว่าปันหยีใช้ใบแล่นมา |
อยู่ท่าปากน้ำประจำเมือง | เขาฦๅเลื่องว่าแขงแรงกล้า |
ครั้นถามว่ามาชมภารา | เปนโจรป่าอย่าได้วางใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ราหยาคิดพรั่นหวั่นไหว |
ว่าปันหยีนี้มีฤทธิไกร | มีไชยในแคว้นแดนชวา |
บัดนี้เที่ยวมาถึงธานี | เราจะรับโดยดีจะดีกว่า |
แต่งรับสำหรับกระษัตรา | ไปเชิญขึ้นมาบัดนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงมหาเสนาทั้งสี่ |
เร่งรัดจัดกันเปนสิงคลี | บ้างแต่งทางที่จะมานั้น |
แม่ค้าเคยค้าสิ่งใด | ก็ให้ตกแต่งแกล้งสรร |
บ้างค้าผ้าผ่อนแพรพรรณ | ทั้งขันเงินขันทองมากองไว้ |
แต่งตัวโอ่อวดประกวดกัน | ผิวพรรณก่งก่องผ่องใส |
มานั่งรายเรียงเคียงกันไป | พริ้มเพราเอาใจน่าใคร่ชม |
น่าบ้านร้านใครก็กวาดแผ้ว | แล้วจึงเอาทรายมารายถม |
พร้อมกันทุกหมวดหมู่กรม | ระดมกันให้ทันเวลา |
อันเสนีที่รับแขกเมือง | จัดเครื่องมณีมีค่า |
อภิรุมชุมสายรายมา | ทั้งม้ารองม้าทรงก็ส่งไป |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึงบอกเสนา | ว่าราหยายินดีจะมีไหน |
ให้มาเชิญองค์พระทรงไชย | ขึ้นไปจะได้ทัศนา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงพระพี่เลี้ยงกระตาหลา |
มาทูลปันหยีมิได้ช้า | เสนามารับพระภูมี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์มิสารปันหยี |
ว่าเราจะเข้าบุรี | ครั้งนี้ให้แต่งประกวดกัน |
ใครจะนุ่งห่มสีใด | ก็ถือธงให้ได้สีนั้น |
ส่งเสร็จเสด็จเข้ามาพลัน | พระบรรจงแต่งองค์อลงการ์ |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด๏ สระสรงสุคนธ์ปนทอง | ให้หนุนผิวผ่องมังษา |
สนับเพลาพิจิตรเจษฎา | ภูษาผุดผ่องยองยง |
ทรงเสื้อสีม่วงโหมดทอง | สังวาลกาญจน์กรองสอดส่ง |
ทับทรวงดวงประดับยิ่งยง | สอดทรงทองกรวาสุกรี |
ธำมรงค์เรือนเก็จเพ็ชรพราย | มงกุฎเก็จกระจายแจ่มสี |
กรกุมกฤชกรายจรลี | ถือเช็ดหน้าสีริมทอง |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ครั้นเสร็จเสด็จยาตรา | ลงยังนาวาลอยล่อง |
ประทับท่าโยธาเนืองนอง | ลั่นฆ้องกลองอินทเภรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน๏ ม้าเอยม้าต้น | ใหญ่ล้นเรี่ยวแรงดังราชสีห์ |
เบาะอานพานหน้าจินดาดี | จับสีเครื่องทรงอลงการ์ |
ภู่พรายสายถือทองกรอง | ดาวรายลำยองเลขา |
แถบทับประดับจินดา | ตาบน่าพรอยแพรวแววไว |
ทั้งบังสูรย์ชุมสายมยุรฉัตร | ธงไชยไกวกวัดงามไสว |
สีธงระยับจับกันไป | ดังแสงรุ้งที่ในท้องฟ้า |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย๏ บัดนั้น | ชาวเมืองเนืองกันมาแน่นหนา |
ทุกตรอกทรอกทางมรคา | ตั้งหน้าชะแง้แลดู |
บ้างกระซิบถามไถ่กันไปมา | ชาวชวานี้เปนกะไรอยู่ |
ไม่เคยเห็นเขม้นจะคอยดู | พรูมาเซงแซ่แจจรร |
ครั้นถึงพลแห่แลถือธง | ก็ว่าท่านบรรจงจัดสรร |
ถึงมิสารปันหยีนั้น | บ้างว่าเทวัญในโสฬศ |
หยาดฟ้ามาแปลงเปนชวา | จึงรุ่งเรืองฤทธาปรากฎ |
ล้วนงามงามดีดีมียศ | หมดทั้งพหลสกลไกร |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีศรีใส |
ครั้นถึงทวารวังใน | ลงจากมโนไมยไปพลัน |
ขึ้นยังพระโรงรจนา | ตรงหน้าราหยาแขงขัน |
ลดองค์ลงนั่งยังที่นั้น | มิได้บังคมคัลดุษฎี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ระตูผู้ผ่านกรุงศรี |
เห็นโฉมปันหยีฤทธี | จึงมีพจนาดถ์ประภาษไป |
เชิญขึ้นมานั่งบัลลังก์อาศน์ | บิตุราชจัดแจงแต่งให้ |
มาเถิดเจ้ามาอย่าเกรงใจ | พ่อไม่มีจิตรคิดฉันทา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิไกรใจกล้า |
ตอบรศพจนาดถ์วาจา | ว่ากลัวตุหละปาจะเกิดมี |
แล้วว่าข้านี้ชาวพงไพร | ไม่พอใจที่สูงศักดิศรี |
อันราหยาโปรดมาทั้งนี้ | พระคุณพ้นที่จะพรรณา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระผู้ผ่านพิภพราหยา |
ฟังสารปันหยีตอบมา | มีใจเสนหาพ้นคิด |
จึงเขยื้อนเลื่อนลงมาจากอาศน์ | ประภาษถามทางสุจริต |
เจ้ามาไยมิใช่พานิช | มีกิจสิ่งใดจึงไคลคลา |
จะมาเมืองนี้ฤๅไปไหน | พอใกล้จึงแวะขึ้นมาหา |
อนึ่งท่าทางทเลมา | สลาตันอันตามลมบน |
พวกพลมนตรีพร้อมเพรียง | ฤๅสิ้นเสบียงขัดสน |
ฤาขอบเขตรนิเวศน์มณฑล | จลาจลบ้านเมืองเคืองใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียิ้มแย้มแล้วทูลไข |
อันมาท่าทางชลาไลย | ใช้ใบได้ลมตลอดมา |
ด้วยมีใจจงรักภักดี | ทั้งไพร่พลมนตรีชื่นหน้า |
ข้าอยู่ไพรไม่มีภารา | จึงเที่ยวท่องนาวาให้สบาย |
จะใคร่รู้นานาประเทศ | จคงมาชมนัคเรศหลากหลาย |
มิได้มีธุระเคืองระคาย | ชมแล้วจะถวายบังคมไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ราหยายิ่งคิดพิศมัย |
วาทจริตผิดชาวไพร | หน่อในสุริวงษ์กษัตรา |
ดีร้ายเที่ยวหาอิสัตรี | คิดว่าลูกเรามีกระมังหนา |
แล้วจึงกล่าวรศพจนา | ดูราปันหยีฤทธิรอน |
อันบิดาชราภาพนัก | ลูกรักอย่าเพ่อไปก่อน |
แผ่นดินสิ้นแคว้นพระนคร | บิดรยกให้แก่เจ้าแล้ว |
ตัวพ่อขอไปปะตาปา | จะได้พึงเดชาอันกล้าแกล้ว |
ไม่มีบุตรานัดดาแล้ว | ลูกแก้วจงครองบุรี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีผู้รุ่งรัศมี |
แกล้งว่าข้าชาวพงพี | ธานีมิคู่ควรครอง |
ซึ่งจะให้ว่าขานการภารา | จะเสียใจไพร่ฟ้าหม่นหมอง |
โภไคยไอสวรรย์ไม่ปูนปอง | จะเที่ยวท่องสัญจรดอนดง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระภูบาลผ่านพิภพสูงส่ง |
จึงว่าวิงวอนผ่อนลง | เจ้าจงอยู่ด้วยพระบิดา |
พ่อไร้โอรสกุมาร | ถึงมิผ่านเวียงไชยก็ไม่ว่า |
จะได้ดูต่างใจไนยนา | เปนฝ่ายน่าข้าศึกไม่ต้านทาน |
ว่าแล้วก็สั่งทันใด | เร่งเลี้ยงพลไกรใจหาญ |
กับพระโอรสกุมาร | เร่งรัดจัดการบัดนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ดะหมังรับสั่งใส่เกษี |
ยกเครื่องเนืองกันมาทันที | ตั้งที่เคียงกันเปนหลั่นมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีสุกาหรา |
ทั้งระเด่นสังคามารตา | กับหน่อกระษัตราซึ่งมานั้น |
ครั้นเสร็จเสวยโภชนา | ก็ลาราหยาผายผัน |
มิได้ถวายบังคมคัล | ชวนกันมาขึ้นอาชา |
กลับมายังท่านาเวศ | พระชายเนตรชำเลืองแลหา |
พระกรรณตรับฟังศัพท์บุษบา | ก็ถึงท่าสำเภาทันใด |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงลงจากอาชา | มาหาวิยดาศรีใส |
ชมพลางพระทางถอนใจ | ด้วยมิได้รู้ข่าวพระบุตรี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงหวันยิหวาสาวศรี |
เปนบุตรตำมะหงงเสนี | ครั้นเห็นปันหยีกลับไป |
นางแย้มบานแกลแลตาม | มีความสนิทพิศมัย |
สุดสายไนยนาอาไลย | ป่วนใจจะใคร่เปนไมตรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชมตลาด๏ ครั้นค่ำจึงชำระกายา | ล้างหน้าชำระสระเกษี |
สำอางกลิ่นกลั่นน้ำมันดี | กลั้วกลิ่นมาลีขจายจร |
สอดสีสลับทับทิม | เพริศพริ้มดังนางอับศร |
บิดาหลับจึงลอบบทจร | กุมกรทาษามาพลัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
ร่าย๏ ครั้นถึงจึงลงนาวา | เลียบมาประทับกับกำปั่น |
แล้วสเทินเขินจิตรแจ่มจันท์ | ผินผันมิได้พาที |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตามาทูลปันหยี |
ในนาวาข้าเห็นเปนนารี | ดีร้ายสัตรีลงมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีได้ฟังจึงสั่งว่า |
พี่ไปบอกสังคามารตา | จงรับมาอย่าให้เปล่าไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตามาแจ้งแถลงไข |
วันนี้โชคดีเปนพ้นไป | ลาภใหญ่มาถึงภูมี |
องค์สารปันหยีประทานมา | ชื่อหวันยิหวาโฉมศรี |
ให้ไปรับนางงามตามที | บัดนี้ยังอยู่นาวา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามารตาจึงตอบว่า |
ไม่รู้จักภาษากัลยา | เมื่อเจ้าเจรจามลายู |
จะพาทีด้วยนางอย่างไร | พรั่นใจให้คิดอดสู |
จะพูดอย่างไรก็ไม่รู้ | เอนดูข้าจงขับกลับไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประสันตาจึงแจ้งแถลงไข |
ถึงว่าภาษามิเข้าใจ | พูดมิได้ก็อย่าเจรจา |
อาหารประทานมาถึงปาก | ทำลำบากคนใช้ไยหนักหนา |
ซื้อแถมเหน็บแนมแกมมา | ได้เปล่าแล้วว่ามิรับไว้ |
ประสันตารบรันคั้นเตือน | ทำบิดเบือนจะเข้าก็หาไม่ |
ไปลองดูให้รู้จักไว้ | ได้เช่นแล้วจะย่ามตามพี่ยา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สังคามารตาจึงตอบว่า |
จะแขงใจไปส่งภาษามา | สำรวลสรวลร่าแล้วลุกไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ถึงนาวาน้อยค่อยย่าง | นั่งลงใกล้นางจึงปราไส |
เชิญเจ้าแก้วตายาใจ | ขึ้นไปบนท้ายเภตรา |
จะว่าไรนางก็ไม่ตอยถ้อย | ทำแต่ชะม้อยเมียงเบี่ยงหน้า |
กุมกรอรไทยไคลคลา | ขึ้นมายังห้องบรรธมใน |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ชาตรี๏ พระพลางสัพยอกหยอกเย้า | โฉมเฉลาเยาวเรศพิศมัย |
พี่เห็นน้องช่องแกลแลไป | ก็ตั้งใจคอยท่าจนราตรี |
พี่ผูกใจจึงไปดลจิตรเจ้า | ขวัญเข้าจึงมาสมศรี |
จะขืนขัดตัดใจไปไยมี | สนทนาพาทีด้วยพี่ชาย |
อันชวากับนางมลายู | จะรู้จักภาษากันง่าย |
อย่าคิดบิดไปให้ยากกาย | เจ้าสายสุดที่รักจงเมตตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ว่าพลางทางแอบแนบเน้น | เตือนเต้นกระสันหรรษา |
ชูคางเชยปรางปรีดา | กลิ่นมาลาฟุ้งจรุงใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ พระเอยพระพันปี | มาทำทีลามลวนแต่ด่วนได้ |
วางข้าอย่ากุมกรไว้ | ว่าไรไม่แจ้งวาจา |
นางสบิ้งสบัดบิดหนี | สัตรีนี้จะอายภายน่า |
พลั้งคิดผิดใจได้ลงมา | เห็นนาวาแล้วจะลาไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้โลม๏ น้องเอยน้องรัก | ไม่สมัคจะร่วมพิศมัย |
ผิดภาษาน้องมิต้องใจ | เสนหาอาไลยก็เหมือนกัน |
มาพี่จะสอนชวาให้ | แจ้งใจเจ้าแล้วจึงผายผัน |
พลางอิงพิงหาดพัลวัน | กระสันสนิทชิดชม |
จูบเกษเนตรนมชมภักตร์ | รศรักแรกรู้สู่สม |
พระกรกอดเกี่ยวเกลียวกลม | ทรามชมดังดวงจันทรา |
เมฆนิโรจน์ครื้นครั่นเสียง | เปรี้ยงเปรี้ยงเสียงฟ้าบนเวหา |
โปรยปรายขจายแจ่มฟ้า | ภุมราบินผันโผลง |
เซ็นซาบอาบรศวารี | ยินดีชมชิดพิศวง |
แรกเริ่มประเดิมบุษบง | เสร็จสรงสำราญบานใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โลม
ร่าย๏ บัดนั้น | หวันยิหวานารีศรีใส |
วันทาแล้วลาคลาไคล | กลับไปยังบ้านบิดา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | มิสารปันหยีสุกาหรา |
ครั้นอรุณรุ่งแสงสุริยา | ก็ใช้ใบเภตรามาพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ โล้
๏ มาเอยมาถึง | จึงขึ้นท้ายบาหลีเขตรขัณฑ์ |
ให้ยกพลด้นไปในไพรวัน | ดัดดั้นเดินในอรัญวา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ชมดง๏ เดินเอยเดินไป | หว่างเขาเงาไม้ใบหนา |
พิศพรรณมิ่งไม้นานา | ผกายื่นย้อยยวนใจ |
บ้างรบัดผลัดใบแย้มยอด | บ้างทอดช่อชูดอกออกไสว |
ที่โรยร่วงพวงพรรณแกว่งไกว | ทั้งกล้วยไม้ชายแครงสีดา |
มะกล่ำลำดวนดวงดาษ | พฤกษชาติเรียงรายริมผา |
โศกรักสักขีคนทา | หลาลกรกฟ้าขานาง |
เกดกุ่มพุมเรียงเหียงหัน | ชิงชันกันเกราเสลาสล้าง |
แจงจิกปริกปรูหูกวาง | ปริงปรางประยงค์ยมโดย |
กาหลงชงโคโยทะกา | เปราะป่าพยอมหอมโหย |
วายุพัดรบัดโบกโบย | ที่ดอกโรยก็ร่วงรายลง |
โศกสร้อยสนสักลักรจั่น | ทั้งสุคันธลิกามหาหง |
ลมุดปรางลางสาดดูดาษดง | ตระแบกใบบุษบงบังแซม |
สารภีพิกุลบุนนาค | ตระบากงอนงามใบแสล้ม |
สาวหยุดพุดตาลบานแย้ม | สุกรมแกมแต้วแตงตะโกนา |
ร่มชิดปิดแสงพระสุริย์ฉัน | หอมหวนทุกพรรณบุหงา |
รอนแรมมาในอรัญวา | ก็มาถึงประจาหงันบรรพต |
พระสั่งให้หยุดโยธา | จงตั้งพลับพลาให้ปรากฎ |
แต่น้อยน้อยพอพระองค์ผู้ทรงยศ | เร่งระทดหฤไทยถึงเทวี |
ฯ ๑๘ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น | ประสันตารับสั่งใส่เกษี |
ให้หยุดยั้งยังที่คิรี | ตั้งที่มีน้ำลำธาร |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิไกรใจหาญ |
พระเร่งครวญคร่ำรำคาญ | ด้วยเที่ยวหาเยาวมาลย์ก็ไม่พบ |
พระเน่งนอนถอนจิตรเจ็บใจ | ทั้งบกเรือเหนือใต้ก็หาจบ |
แว่นแคว้นแดนชวาเที่ยวรานรบ | ก็ไม่ประสบพบเทวี |
โอ้จะคิดไฉนดีณอกอา | จึงจะได้บุษบามาสมศรี |
ฤาเทวาพาขึ้นไปดุษฎี | ฤาเสือสีห์พาไปให้วายปราณ |
จึงสูญสิ้นชื่อระบือนาม | ไม่มีความบอกเล่าข่าวสาร |
จะตามไปชมน้องครองวิมาน | ไม่ให้ป่วยการในแดนดิน |
จำเราจะเข้าปะตาปา | ปราถนาสิ่งใดจะได้สิ้น |
เดชะตระบะร้อนอมรินทร์ | จะได้ยินข่าวที่พี่จำนง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ครั้นคิดเสร็จแล้วก็ลีลา | ขึ้นบนภูผาอันสูงส่ง |
แลเห็นศาลาไลยดังใจจง | ก็ตรงเข้าวันทาพระอาจารย์ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อายันอันอยู่ในสถาน |
นั่งสำรวมอินทรีย์มินาน | เล็งญาณก็แจ้งที่ในใจ |
ชายนี้กระษัตรพลัดคู่ | เล็งดูแล้วจึงปราไส |
เจ้าพลัดกำจัดจากสิ่งใด | ธุระฤๅจะให้แก้ร้อน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีฤทธิรงค์ทรงศร |
จึงว่าข้าเที่ยวดั้นดงดอน | เที่ยวทุกสิงขรคิรี |
ข้านี้มีใจศรัทธา | จะใคร่ปะตาปาเปนฤๅษี |
โปรดด้วยช่วยร้อนอันราคี | เพราะฤทธิพิธีปะตาปา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อายันยิ้มพลางทางว่า |
อันเปนหนุ่มรุ่นตรุณา | จะปะตาปาได้สักกี่วัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ปันหยีสำรวลสรวลสันต์ |
ยิ้มพรายชายตาหากัน | อภิวันท์แล้วผ่อนผันมา |
จึงนุ่งคากรองเปลือกไม้ | ได้ชื่ออายันกัศมาหรา |
เหล่าระเด่นกิดาหยันหลั่นลงมา | บ้างว่าข้าจะบวชดูลอง |
อันระเด่นสังกามารตา | ชื่ออายันยาหยันคำรบสอง |
แต่ประสันตาคนคนอง | จะบวชลองกว่าจะสิ้นเคราะห์ร้าย |
ทั้งพี่เลี้ยงเสนากิดาหยัน | ก็บวชด้วยกันมากหลาย |
เอาผ้าเปลือกไม้มาพันกาย | จึงถวายนามตามประตาปา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | พระอาจารย์ฌานกิจแก่กล้า |
จึงสอนสั่งให้นั่งภาวนา | เจ้าอุส่าห์ระงับดับใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ปันหยียอกรบังคมไหว้ |
ไปอยู่กุฎีทันใด | น้อยน้อยรายไปดาษดา |
ฝ่ายองค์อายันปันหยี | ก็ชลีกรกึ่งเกษา |
เดชะข้าได้ปะตาปา | ขอให้พบบุษบายาใจ |
จงร้อนอาศน์ปัตตาระกาหลา | ไปดลใจมาให้จงได้ |
ถึงอยู่ในสวรรค์ชั้นใด | บาดาลต่ำใต้ให้ขึ้นมา |
ถ้าผู้ใดลอบลักพาไป | ให้บรรไลยทั้งวงษ์พงษา |
ขอให้ได้ดวงแก้วแววตา | ตามความปราถนาว่าไว้ |
ครั้นเสร็จตั้งความพิศฐาน | เข้าที่มัสการตามได้ |
อุส่าห์ขืนอารมณ์ข่มใจ | ด้วยจะใคร่ได้องค์บุษบา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ ตระ
ช้า๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงอุนากันกะหมันวิยาหยา |
แต่พลัดกำจัดจากภารา | ตกมาประมอตันพระบุรี |
เปนโอรสราชกุมาร | ค่อยศุขสำราญเกษมศรี |
บิตุรงค์แลองค์พระชนนี | มีความพิศวาศจะขาดใจ |
เมื่อวันปันหยีปะตาปา | ให้ร้อนกายาดังเพลิงไหม้ |
อาวรณ์รุ่มร้อนภายใน | ให้คิดถึงปันหยีพี่ยา |
ทอดองค์ลงทรงโศกี | ป่านนี้พระพี่จะโหยหา |
ใครจะไปแก้งกิจจา | ว่าเทวาพามาไว้เมืองนี้ |
แต่เที่ยวสัญจรนอนดง | แม้นรู้ก็คงตรงมานี่ |
จะมุ่นหมกตรอมใจใช่พอดี | คิดว่าน้องนี้หายไป |
ฤๅคิดคืนหลังยังหมันหยา | จินตะหราเปนที่พิศมัย |
ละน้องไว้เดียวเปลี่ยวใจ | สอึกสอื้นไห้แล้วโศกา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ บัดนั้น | ทั้งสองพี่เลี้ยงเสนหา |
จึงปลอบระเด่นบุษบา | แม่อย่าโศกาจาบัลย์ |
เดชะความสัตย์สุจริต | จะดลจิตรพระพี่แม่นมั่น |
ไม่ช้าจะมาพบกัน | จอมขวัญแม่อย่าโศกี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันผู้เฉิดโฉมศรี |
ได้ฟังสองนางพาที | จึงค่อยคลี่คลายสบายใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นค่ำ | บุหลันจำรัสแสงใส |
จึงชวนสองพี่เลี้ยงร่วมใจ | ชี้ไปให้ชมจันทรา |
ทรงกลดหมดเมฆแจ่มใส | สว่างไปทั่วในทิศา |
กลีบเมฆตั้งขึ้นบังจันทรา | มืดกลุ้มเวหาอยู่ช้านาน |
เหมือนน้องเมื่ออยู่ในกรุง | เรืองรุ่งปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ |
เพราะพระเชษฐามาไภยพาล | ทำการฉกลักหนีมา |
ให้น้องจากราชธานี | เปนราคีเหมือนจันทร์ไม่แจ่มหล้า |
อสุรินทร์เหมือนหนึ่งจรกา | จะขึ้นจับจันทราให้มืดมัว |
เดชะบุญอันได้ตกแต่ง | จงพลิกแพลงส่องโลกได้ทั่ว |
จึงพ้นราคีที่มืดมัว | เหมือนตัวน้องมาอยู่ในไพร |
เดชะวาศนาจะพาพบ | ให้ประสบเชษฐาจงได้ |
ว่าพลางทางเคลิ้มหลับไป | เมื่อในประถมราตรี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ ตระ
ยานี๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงปัตตาระกาหลาเรืองศรี |
สถิตย์ยังชั้นฟ้าดุษฎี | คิดถึงสองศรีนัดดา |
แต่ทรมานมาช้านานนัก | หลานรักทั้งสองเสนหา |
อุนากันมาอยู่ในภารา | แต่โศกาครวญคร่ำร่ำไร |
อย่าเลยกูจะให้พานพบ | ประสบกับอิเหนาจงได้ |
สี่กษัตรได้ร่วมเวียงไชย | ในกรุงกาหลังพระบุรี |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ คิดแล้วสำแดงแผลงฤทธิไกร | ก็ไปประมอตันกรุงศรี |
เข้าฝันอุนากันในราตรี | ว่าบัดนี้อิเหนากุเรปัน |
แต่เที่ยวมะงุมมะงาหรา | โศกาวิโยคโศกศัลย์ |
คิดถึงคนึงไม่ราวัน | เที่ยวค้นทุกเขตรขัณฑเสมา |
เมื่อเจ้ามานิ่งนอนใจ | ทำไฉนจะพบพระเชษฐา |
แม้นยกออกเดินอรัญวา | เห็นว่าจะประสบพบกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันเพราเพริศเฉิดฉัน |
รุ่งแจ้งแสงศรีรวีวรรณ | จึงบอกสองพี่เลี้ยงนั้นทันใด |
น้องหลับสนิทนิมิตรฝัน | เทวัญมาบอกคดีให้ |
ว่าพระเชษฐายาใจ | อาไศรยอยู่บนคิรี |
ปะตาปาอยู่ยอดเขาใหญ่ | ใกล้พิไชยกาหลังบุรีศรี |
ทำไฉนจะแจ้งคดี | สองศรีิจะคิดประการใด |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองนางประนมบังคมไหว้ |
มาเราจะไปเฝ้าท้าวไท | ได้ช่องแล้วจึงจะทูลลา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันกะหมันวิยาหยา |
ได้ฟังพี่เลี้ยงทูลมา | ยินดีปรีดาข้างในใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมตลาด๏ เข้าที่ชำระสระสรง | ทรงสุคนธรศแจ่มใส |
ทรงภูษาพิจิตรอำไพ | ชายไหวเครือวัลย์บรรจง |
ชายแครงแสงใสลไมพริ้ง | ทองกรดาดกิ่งก่องก่ง |
เหน็บกฤชกระหวัดรัดยิ่งยง | ทัดทรงอ้อนแอ้นรจนา |
ห้อยส้าโบะชมพูประเสริฐสรรพ | งามรับจับผิวมังษา |
แล้วเสด็จยุรยาตรคลาศคลา | พี่เลี้ยงสองราก็ตามไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ร่าย๏ มาเอยมาถึง | จึงตั้งบังคมประนมไหว้ |
กราบลงตรงภักตร์พระภูวไนย | มิได้ทูลพิดกิจจา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ท่านท้าวประมอตันนาถา |
จึงชมโฉมเยาวลักษณ์ลูกยา | งามล้ำเทวาสุราไลย |
อันบุรุษที่ในใต้หล้า | จะเปรียบกับลูกยาไม่หาได้ |
อย่าเลยจะยกราไชย | ให้ผ่านกรุงไกรสวรรยา |
ควรที่จะหาคู่ให้ | มอบราชเวียงไชยเปนฝ่ายน่่า |
คิดแล้วจึงมีพระวาจา | ดูราอุนากันลูกรัก |
พ่อคิดจะหาคู่ให้ | จะได้ผ่านราไชยไตรจักร |
พ่อนี้สิแก่ชรานัก | ลูกรักจะเห็นประการใด |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันประนมบังคมไหว้ |
ยิ้มพลางแล้วทางทูลไป | พระตรัสดังนี้ไซ้ก็ควรนัก |
ลูกคิดจะถวายบังคมลา | ไปเที่ยวปราบภาราให้ประจักษ์ |
ให้ฦๅชื่อไว้ในลูกรัก | ลูกจักหาคู่ให้ชอบใจ |
ได้แล้วก็จะกลับคืนมา | ถึงจะเปนฝ่ายน่าก็พอได้ |
ด้วยเกียรติยศปรากฎไป | ขอแจ้งหฤไทยพระภูมี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวประมอตันเรืองศรี |
ได้ฟังลูกยาพาที | โต้ตอบคดีก็ควรนัก |
จึงบอกแก่ประไหมสุหรี | ลูกยาพาทีเห็นแหลมหลัก |
เห็นชอบระบอบบุราณนัก | น้องรักจะคิดประการใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ประไหมสุหรีศรีใส |
จึงว่าแก่อุนากันทันใด | เจ้าจะไปรบรุกทุกภารา |
รูปร่างอ้อนแอ้นดังสัตรี | อยู่กับชนนีจะดีกว่า |
แม่จะให้สมเด็จพระบิดา | เขียนศุภสาราส่งไป |
ถึงเมืองขึ้นน้อยใหญ่ของเรา | จัดเอาบุตรีที่แจ่มใส |
ให้แต่งมาส่งถึงกรุงไกร | ให้ได้ดังใจเจ้าจินดา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | อุนากันกะหมันวิยาหยา |
จึงทูลสนองพระวาจา | ตรัสมาดังนี้มิควรนัก |
อันเกิดเปนชายแล้วไซ้ | ผู้ใดจะผ่านไตรจักร |
ย่อมรู้การรบครบนัก | ควรจักให้ครองเวียงไชย |
ตัวลูกสิยังลับอยู่ | กรุงใดจะรู้ก็หาไม่ |
ลูกจำจะลาคลาไคล | ปราบได้แล้วจึงจะกลับมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | องค์ท้าวประมอตันนาถา |
ทั้งประไหมสุหรีศรีโสภา | ทรงโศกโศกาพันทวี |
จะห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง | ร้อยชั่งจงไปเกษมศรี |
ไปแล้วลูกแก้วจงจรลี | กลับมาธานีอย่าอยู่ช้า |
พระจึงสั่งตำมะหงงเสนี | ให้จัดโยธีทั้งซ้ายขวา |
สรรพเครื่องอาวุธนานา | อาสาชำนาญในการรบ |
ยกรบัตรเกียกกายซ้ายขวา | ทัพน่าทัพหลังให้ถ้วนจบ |
ทั้งกองแล่นแสนขันให้ครันครบ | การรบให้ครบบัดนี้ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตำมะหงงรับสั่งใส่เกษี |
ก้มเกล้ากราบลงสามที | เสนีไปสั่งพนักงาน |
จัดหมู่พหลน้อยใหญ่ | ทั้งอาสาเก่าใหม่ห้าวหาญ |
ที่เจนจบเคยรบชำนาญการ | เคยประจญประจันบานแต่ก่อนมา |
ครั้นจัดได้เสร็จสรรพฉับไว | เข้าไปบังคมเหนือเกษา |
กราบทูลพระองค์ทรงศักดา | โยธาพร้อมแล้วพระภูมี |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันผู้รุ่งรัศมี |
ถวายบังคมลาด้วยยินดี | จรลีไปสรงคงคา |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน๏ แล้วจึงชำระสระสนาน | เริงระรื่นชื่นบานหรรษา |
ทั้งสองศรีพี่เลี้ยงก็ปรีดา | เข้าขัดสีกายาอ่าองค์ |
ทรงสุคนธรศอันเรืองศรี | ผัดภักตร์ภูมีให้ก่องก่ง |
ทรงสนับเพลาพริ้งยิ่งยง | แล้วทรงภูษิตพิศพราย |
คาดปั้นเหน่งกุดั่นจำหลักเพ็ชร | แล้วใส่ไตรเตร็จเฉิดฉาย |
พลางทรงเสื้อพื้นทองเพราพราย | ลวดลายจำหลักไหมเบญจพรรณ |
ส้าโปะสีทับทิมขลิบทอง | ริมกรองงามเลิศเฉิดฉัน |
พระกรจับกฤชเทวัญ | เหน็บมั่นกับกายกายา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ ทรงเครื่องสำเร็จเสร็จแล้ว | ผ่องแผ้วหฤไทยหรรษา |
พี่เลี้ยงสองศรีก็ปรีดา | มาขึ้นรถาทันใด |
อันหมู่พหลโยธา | แวดล้อมตามมาอยู่ไสว |
ออกจากด่านทวารเวียงไชย | ก็เข้าในป่าไม้พงพี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชมดง๏ ชมนกชมไม้ในดง | ป่าระหงส่งเสียงปักษี |
จากพรากก้องไพรโนรี | นกขมิ้นกินปลีกลุมภู |
มยุราคลาคล่ำดำเปนฝูง | นกยูงม่ายเมียงเคียงคู่ |
ไก่แก้วโกญจาเห็นน่าดู | นกเขาขันคูอยู่ในไพร |
โพรโดกเคียงคู่กระตั้วเต็น | จิบจาบจับเต้นจากกอไผ่ |
สาลิกาเยี่ยมหน้าในโพรงไม้ | คาบเหยื่อมาให้ลูกในรัง |
พระชมหมู่สหชาติปักษา | บ้างโผผินบินมาบ้างคืนหลัง |
ไพเราะเพราะเพรียงเสียงดัง | ทรายทองเที่ยวทั้งระวังไพร |
คับแคแลตระไนไก่ฟ้า | สัตวากาเหว่าเสียงใส |
พระฟังเสียงปักษาเร่งอาไลย | ภูวไนยคิดถึงพระพี่ยา |
แต่พระแรมร้อนนอนไพร | สร้อยเศร้าฤไทยถวิลหา |
เปลี่ยวเปล่าเศร้าใจทุกเวลา | ล่วงมาได้หลายราตรี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
ร่าย๏ เมื่อนั้น | อุนากันผู้รุ่งรัศมี |
จึงยกทัพชุมพลมนตรี | ออกจากไพรศรีด้วยพลัน |
ครั้นมาถึงด่านปะตาหรา | จึงให้ตั้งพลับพลาอยู่ที่นั่น |
ให้ทหารเข้ารุกบุกบัน | ชาวบุรีนั้นก็บรรไลย |
แต่รบได้ถึงหกภารา | ไม่มีผู้ใดมาต่อฤทธิได้ |
ระตูล่าหงิดชาญไชย | ถวายสองทรามไวยบุตรี |
ชื่อระเด่นจินดาอรสา | ภักตราแช่มช้อยมีศรี |
อันองค์ขนิษฐานารี | ชื่อจันทรารัศมีโสภา |
ท้าวสังอุหนุงภูบาล | ถวายสองกุมารโอรสา |
ชื่อระเด่นยาหยากระษัตรา | อันองค์พระอนุชาลาวรรณ |
ชื่อระเด่นกุดาริยาหยา | รูปโฉมโสภาเฉิดฉัน |
ระตูผู้บุตรสัตกัน | ถวายบุตรีอันโฉมยง |
ชื่อระเด่นรัตนาวาตี | รัศมีลอองก่องก่ง |
กล้องแกล้งแน่งน้อยเยียรยง | งามบรรจงยิ่งอย่างนารี |
ระตูตันหยงบุหรา | ถวายราชธิดามีศรี |
ชื่อนางหงอุหลันเทวี | ทรงศรีรูปโฉมประโลมใจ |
อันพระกุมารอนุชา | ชื่อสิงกันรสาศรีใส |
ระตูล่าสำชาญไชย | ถวายองค์อรไทยกัลยา |
ชื่อระเด่นกุสุมานงเยาว์ | โฉมเฉลาเพราเพริศดังเลขา |
ระตูปัตตาหรำราชา | ถวายสุวรรณมาลาบรรณาการ |
กับสาตราอาวุธนานา | อิกทั้งโยธาทหาร |
อันองค์สองราชกุมาร | กล้องแกล้งพึ่งพาลโสภา |
ระเด่นดรสาทรงลักษณ์ | เยาว์นักได้ห้าชัณษา |
พระคิดถึงองค์สียะตรา | เสนหาก็เอาเปนโอรส |
อันพระราชธิดาทั้งห้าองค์ | ทรงรถบรรจงอลงกฎ |
เหล่าประเทียยก็เรียบเรียงรถ | ตามเชิงบรรพตพงไพร |
เที่ยวเตร่ตามพระเชษฐา | ไม่รู้ว่าจะไปหนไหน |
ครั้นสายัณห์ควันเย็นลงไรไร | ก็ให้ตั้งที่ประทับพลับพลา |
ครั้นค่ำก็เข้าที่ไสยาศน์ | เอนอาศน์องค์เดียวอยู่ในป่า |
รำฦกตรึกถึงพี่ยา | ถวิลหาให้เร่งรัญจวนใจ |
ฯ ๓๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองพี่เลี้ยงนารีศรีใส |
เข้าไปบังคมทูลทันใด | ให้เชิญองค์อรไทยมาไสยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันจึงตอบคำว่า |
น้องคิดอดสูพ้นปัญญา | จะนิทราด้วยนางอย่างไร |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประจินดาจึงทูลแถลงไข |
จะคิดอ่านฉนี้ผิดทีไป | จะทำให้ทั้งปวงเขาสงกา |
ว่าพระองค์เปนกระษัตรี | จึงไม่มีความเสนหา |
ธรรมเนียมบุรุษในโลกา | เปนที่เสนหาแก่สัตรี |
แต่นางมาอยู่เปนหลายวัน | จะมิคิดความนั้นก็ใช่ที่ |
ฝอยฤาจะไว้ใกล้อัคคี | ที่จะมิติดเชื้ออย่าสงกา |
ถ้าใครแจ้งว่าแปลงมาบัดนี้ | เห็นทีจะไม่พบพระเชษฐา |
จะระคนปนศักดิด้วยชายช้า | จำเปนแล้วอุส่าห์แขงใจ |
ให้ไปเชิญระเด่นบุตรีมา | พูดจาปลอยโยนแต่ตามได้ |
แต่สองต่อสองที่ห้องใน | ข้างนอกใครรู้ว่าไรมี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันจึงตอบนางสาวศรี |
จะปลอบโยนโอนอ่อนกะไรดี | น้องไม่รู้ที่จะเจรจา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ประจินดาก็ตอบคำว่า |
พระพี่ปลอบกะไรกับไฉยา | พระองค์จงว่าให้เหมือนกัน |
จึงว่าบนตัวไว้สามปี | ไม่ร่วมรศฤดีด้วยสาวสรรค์ |
ทำเชิงชายเล่นเช่นนั้น | อย่าให้ใครทันสงกา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันได้ฟังพี่เลี้ยงว่า |
สำรวลสรวลไปไม่ไคลคลา | ประจินดาปลอบโยนพาไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
โทน๏ ชำระพระองค์สรงสนาน | แล้วทรงสังวาลแจ่มใส |
ทรงสำอางเอี่ยมเอาใจ | อำไพพิศเพียงจันทรา |
ทรงอุบะบุหงาตันหยง | ส่งกลิ่นเฟื่องฟุ้งหรรษา |
จับชายกรายกฤชลีลา | ลงจากพลับพลาทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
ร่าย๏ มาเอยมาถึง | รถบุตรีล่าสำกรุงใหญ่ |
ขึ้นบนรถแก้วแววไว | เห็นนางอรไทยไสยา |
เอาสไบปิดภักตร์แล้วโหยไห้ | พระไปนั่งชิดขนิษฐา |
เลิกผ้าออกจากภักตรา | อย่าโศกานักเลยณทรามไวย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ชาตรี๏ จงหักห้ามความทุกข์เสียบ้าง | เจ้าจงคิดถึงทางพิศมัย |
บิตุเรศมารดาของอรไทย | ท่านมิได้มีจิตรคิดเมตตา |
จึงได้มาเปนชเลยพี่ | กระนี้ฤๅยังแค่นกรรแสงหา |
แม้นรักฤาจะให้เจ้าไคลคลา | ท้าวจะต่อฤทธาพี่ลองดู |
แม้นว่าพ่ายแพ้ก็จำเปน | จึงจะเห็นประจักษ์ว่ารักอยู่ |
ส่วนตัวทำได้ไม่เอนดู | โฉมตรูจะร่ำรักไย |
มาร่วมรักกับพี่จะดีกว่า | จะทำเหมือนบิดาเจ้าหาไม่ |
สู้ตายมิให้แก่ชายใด | อย่าโศกาไลยเลยเทวี |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นางจินดากุสุมาโฉมศรี |
ได้ฟังวาจาพระภูมี | เทวีค่อยส่างโศกา |
สุรเสียงเสนาะเฉื่อยฉ่ำ | ดังอำมฤตย์สักแสนห่า |
คิดคิดจะใคร่ตอบวาจา | กัลยาขวยเขินสเทินใจ |
จึงถอยองค์ลงมาเสียให้ห่าง | นวลนางประนมบังคมไหว้ |
กราบก้มภักตร์อยู่ไม่ดูไป | อรไทยไม่ตอบพระวาจา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ เมื่อนั้น | อุนากันกะหมันวิยาหยา |
เห็นนางค่อยส่างโศกา | ทำทีเสนหานางเทวี |
ยอกรขึ้นลูบปฤษฎางค์ | เอวบางจงฟังคำพี่ |
ความรักเจ้าสุดแสนทวี | มิเสียทีที่พี่อุส่าห์มา |
พี่ก็ยังไม่เคยมีคู่ | อดสูแก่ใจเปนหนักหนา |
ด้วยรักจึงหักใจมา | อนิจาเจ้าไม่พาที |
แต่หน้าก็ไม่ควรดู | โฉมตรูคิดแค้นสิ่งใดพี่ |
เชิญชม้ายชายตามาข้างนี้ | พี่จะเล่าคดีให้น้องฟัง |
พี่นี้มีทุกข์ทังวล | ได้ออกบนไว้แต่หนหลัง |
ถ้ามิสำเร็จทุกข์ที่รุงรัง | ก็ยังไม่ร่วมรักด้วยนางใด |
แม้นถ้วนกำหนดสามปี | จึงจะร่วมฤดีสัตรีได้ |
เจ้าอย่าทำขวยเขินสเทินใจ | พูดจาปราไสกันโดยดี |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ระเด่นกุสุมามีศรี |
ประจักษ์ใจในรศวาที | นางค่อยคลี่คลายสบายใจ |
จึงเหลือบแลแปรภักตร์ผันมา | ชายตาพิศทรงก็หลงใหล |
แล้วก้มภักตร์ทูลไปทันใด | น้องไกลบิตุเรศมารดา |
มาอยู่ในใต้บาทบงสุ์ | ถ้าพระองค์จะโปรดเกษา |
แม้นจริงเหมือนหนึ่งพระวาจา | ตัวข้าจะค่อยผาศุกใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ บุญเอยบุญหนัก | พี่รักเจ้าจริงจริงอย่าสงไสย |
พี่ไม่แต้มแต่งแกล้งใส่ไคล้ | สิ่งไรมิจริงไม่เจรจา |
แต่แรกพี่เห็นนางนงลักษณ์ | ก็ให้มีใจรักเปนหนักหนา |
จะใคร่พูดเล่นเจรจา | แต่ว่าพี่ยังอดสูใจ |
คิดอยู่เปนนิจนิรันดร์ | เปนหลายวันแล้วพึ่งมาได้ |
ว่าพลางกุมกรอรไทย | เข้าไปบรรธมเล่นเจรจา |
สององค์ทรงเยาวแน่งน้อย | ก็ค่อยสนิทเสนหา |
สัพยอกหยอกกันไปมา | นิทราหลับใหลในราตรี |
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
ร่าย๏ ครันเอยครันรุ่งราง | ส่องสว่างแสงพระสุริย์ศรี |
พระมาจากรถนางเทวี | สั่งให้กรีธาทัพมาฉับไว |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาได้ถึงเจ็ดราตรี | ก็ถึงที่คิรีศรีใส |
เห็นยอดแหลมแนมฟ้ามาแต่ไกล | เขาใหญ่ชอุ่มดังเมฆา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงองค์อายันกัศมาหรา |
แต่เพียงได้เข้าปะตาปา | ราชาเปนศุขทุกราตรี |
เมื่อวันจะพบอุนากัน | ทรงธรรม์ร้อนใจดังไฟจี้ |
พระอยู่ไม่ได้ในกุฎี | ออกมานั่งที่แผ่นศิลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ร่าย๏ จึงเรียกอายันยาหยี | มานั่งด้วยพี่จะปฤกษา |
ครั้นมาถึงมิทันจำนรรจา | ก็แลลงมาเห็นทัพไชย |
คลายเคลื่อนมาตามทิวทาง | ยูงยางธงทิวปลิวไสว |
ให้ม้าใช้ไปถามจงฉับไว | คือใครยกทัพขับพลมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น | กิดาหยันรับสั่งใส่เกษา |
มาสั่งปะหรัดกัตติกา | บอกแจ้งกิจจาทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ปะหรัดกัตติกาอัชฌาไศรย |
จึงขึ้นอาชาคลาไคล | ตรงไปกองทัพฉับพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาเอยมาถึง | ยังที่กองทัพคับขัน |
จึงถามคนแห่น่านั้น | ว่าจะจรจรัลไปแห่งใด |
อันองค์ระตูผู้เรืองฤทธิ์ | สถิตย์ถิ่นฐานบุรีไหน |
ฤาเปนโจรป่าพนาไลย | จงแจ้งไปตามสัจจา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ขุนพลนายใหญ่ซึ่งแห่น่า |
บอกแก่ปะหรัดกัตติกา | ว่าทัพมิสาอุนากัน |
มาเที่ยวแสวงหาคู่ | จักดูทุกประเทศเขตรขัณฑ์ |
เปนโอรสระตูประมอตัน | ท่านนั้นผู้ใดใช้มา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ม้าใช้ก็กล่าวคำว่า |
ปันหยีอยู่บนบรรพตา | เข้าปะตาปามาช้านาน |
แลมาเห็นพลสกลไกร | จึงใช้ให้เรามาฟังสาร |
บอกแล้วกลับมามิทันนาน | ก็แจ้งการทั้งปวงไปทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | กิดาหยันครั้นแจ้งแถลงไข |
กราบทูลพระองค์ผู้ทรงไชย | ตามในเนื้อความที่ถามมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | จึงองค์อายันกัศมาหรา |
ว่าแก่อายันอนุชา | จะใคร่เห็นองค์อุนากัน |
เขาฦๅว่าฤทธากล้าหาญ | เที่ยวบุกรุกรานทุกเขตรขัณฑ์ |
ไม่มีผู้ต้านทานทัน | แต่ได้ชเลยนั้นมามากมี |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันผู้รุ่งรัศมี |
ครั้นมาใกล้ประจาหงันคิรี | เห็นพลับพลาปันหยีมหิมา |
เห็นทัพน้อยน้อยดาดาษ | ดังเอาผ้าขาวลาดไปทั้งป่า |
แลไปจนสุดสายตา | ยังไม่สิ้นโยธาพลไกร |
จึงสั่งให้ม้าใช้ไปถามดู | ว่าทัพระตูฤๅไฉน |
มาแต่สถานบ้านเมืองใด | จึงมาตั้งอยู่ในพนาวา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | จึงขุนพลซึ่งแห่น่า |
มาบอกพี่เลี้ยงมิได้ช้า | ตามเรื่องราวมาทุกสิ่งอัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พระพี่เลี้ยงทูลว่าพลขันธ์ |
ซึ่งอยู่ที่เชิงกุหนุงนั้น | ว่าปันหยีมาเข้าปะตาปา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันกะหมันวิยาหยา |
จึงให้หยุดรถไว้ในมรคา | ด้วยรู้ว่าประจาหงันคิรี |
อยู่ใกล้กาหลังกรุงไกร | จะใคร่ขึ้นไปดูปันหยี |
แล้วจะเข้าไปในบุรี | กราบบทศรีสองกษัตรา |
แทนพระบิตุเรศมารดร | อันผ่านพระนครดาหา |
แต่พลัดพรากจากพระภารา | ได้ช้านานมาเหลือใจ |
จึงชวนระเด่นทั้งสองรา | มาจะไปเที่ยวบนกุหนุงใหญ่ |
ทั้งสององค์ก็ทรงอาชาไนย | ไปลงม้าถึงใกล้เชิงคิรี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดมารศรี |
ขึ้นไปเล่นบนเนินคิรี | กับสาวศรีค่อมเค้านานา |
นางแลไปเห็นอุนากัน | เคลิ้มไปไม่ทันจะดูหน้า |
คิดว่าปันหยีพี่ยา | นางจึงวิ่งมากอดไว้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อุนากันเฉิดโฉมพิศมัย |
เหลียวดูกัลยาก็ว่าไป | ลูกใครฉนี้โสภา |
นรลักษณ์ภักตราน่าพึงใจ | เช่นไฉนเจ้าวิ่งมากอดข้า |
รู้จักเราฤานางกัลยา | พลางยกขนิษฐาอุ้มไว้ |
ด้วยเทวัญมากั้นกำบังตา | จะรู้จักวิยดาก็หาไม่ |
จึงซักไซ้ไต่ถามนางทรามไวย | เจ้านี้ลูกใครจงบอกมา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เกนหลงหนึ่งหรัดเสนหา |
เห็นมิใช่ปันหยีพี่ยา | ก็ทรงโศกาขึ้นทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ