ตอนเข้าห้องจินตะหรา จนถึงอิเหนาตอบสารท้าวกุเรปัน ตัดอาไลยบุษบา

จับตอนเข้าห้องจินตะหรา

โอ้โลม ว่าเอยว่าพลาง โอนแอบแนบนางเกษมศรี
ถอยหนีพี่ไยณเทวี มารศรีอย่าสลัดตัดใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย พระเอยพระผ่านฟ้า มารัดรึงตรึงตราไม่ปราไส
ยิ่งห้ามยิ่งลามลวนไป เปนใจของใครจะไม่แค้น
น้ำคำดังอำมฤตย์ฟ้า แต่หยาบช้าสามาญเปนเหลือแสน
แกล้งจะให้คนหมิ่นถิ่นแคลน มาทแม้นว่าพระเมตตา
น้องว่าสิ่งไรจะผ่อนผัน นี่ทรงธรรม์หาญหักหนักหนา
นางสบัดปัดกรไปมา กัลยาค้อนควักภูวไนย

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้โลม เจ้าเอยเจ้าพี่ มารศรีผู้ยอดพิศมัย
พี่รักนางพ่างเพียงดวงใจ สิ่งใดจงได้เมตตา
พี่นี้เหมือนสารอันมัวมัน หุนหันไปด้วยเสนหา
แต่ร้อนรุ่มกลัมกลัดอยู่อัตรา พึ่งได้สุธาทิพมายาใจ
แต่ผินหน้าผินหลังขึ้งขัด จะสบิ้งสบัดไปถึงไหน
เมื่อได้แนบเนื้อแนมใน จงหยุดยั้งชั่งใจนางเทวี
ว่าพลางพระทางเชยชม จูบแก้มแนมนมมารศรีี
เอนองค์อิงแอบแนบยวนยี พาทียั่วเย้าไปมา

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย น้อยเอยน้อยใจ แกล้งจะให้อายชาวดาหา
ยิ่งว่ายิ่งทำหยาบช้า เพราะเหตุผ่านฟ้าไม่เกรงใจ
ฉนี้แลฤาว่าเมตตา อนิจามาทำแต่โดยได้
เจ็บจิตรเปนสุดคิดไป จะใคร่กลั้นใจให้มรณา

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้โลม สาวเอยสาวสวรรค์ ขวัญเมืองอย่าได้กังขา
คำมั่นพี่ได้สัญญา แก้วตาตรึกดูข้างในใจ
เจ้าอย่าฉงนสนเท่ห์ พี่จะแต่งเล่ห์ลวงก็หาไม่
พลางกอดประทับกับอกไว้ ปลื้มใจของพี่จงเมตตา
เมื่อได้ถึงเพียงนี้แล้ว ควรฤาน้องแก้วไม่ผ่อนหา
ปรานีพี่เถิดนางกัลยา ช่วยชูชีวาของพี่ไว้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ว่าเอยว่าพลาง โอบอุ้มองค์นางพิศมัย
ทรวงแอบแนบทรวงทรามไวย ฤไทยด่าวดิ้นแดดาล
จูบแก้มแนมแก้มประกิจ ยิ่งรัญจวนคิดถึงสงสาร
ภุมรียั่วเย้าดวงมาลย์ บุษบาตระการก็คลี่คลาย
กรเกี่ยวกระหวัดรัดองค์ ชมดวงบุษบงโฉมฉาย
พระพิรุณรังสรรค์ก็โปรยปราย โกสุมกระจายอรชร
ภุมราร่อนลงประจงจด ขมรศสุคนธเกสร
บดบังทั้งแสงทินกร ภมรบรรเทิงเริงรื่นใจ
ทั้งสองพระองค์ทรงสวัสดิ์ กำหนัดด้วยความพิศมัย
ดังได้ฟากฟ้าสุราไลย ศุขเกษมเปรมใจทั้งสองรา

ฯ ๑๐ คำ ฯ กล่อม

ร่าย บัดนั้น พระพี่เลี้ยงนางนมทั้งซ้ายขวา
แต่ปรับทุกข์กันไปมา ด้วยกลัวอาญาพระภูวไนย
คิดแล้วก็ชวนกันขึ้นมา ทูลแจ้งกิจจาแถลงไข
ว่าระเด่นมนตรีชาญไชย เสด็จไปปราสาทพระบุตรี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวหมันหยาเรืองศรี
ทั้งประไหมสุหรีเทวี มิได้มีพจมานประการใด
ต่างองค์ก็เสด็จลีลาศ จากอาศน์สุวรรณแจ่มใส
เข้าที่บรรธมภิรมย์ใจ ที่ในห้องศิริไสยา

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
ครั้นล่วงสามยามนาฬิกา ปักษีตื่นตาหากัน
ไก่ขันกระชั้นเสียงก้อง พระสร้วมสอดกอดน้องแล้วรับขวัญ
พระสท้อนถอนใจจาบัลย์ ซบภักตร์ลงพลันกับภักตรา
ความพี่หนักทรวงบัดนี้ แม้นคิรีทับอยู่ก็เบากว่า
จะจากไปฉันใดณอกอา คิดมาฤๅหนึ่งมิใคร่ไป
แต่ถอนฤไทยมิใคร่จาก โอ้ลำบากอกพี่จะมีไหน
จำจิตรจำจากจะจำไกล จะทนทุกข์ไปในราตรี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ น้องเอยน้องแก้ว จะใกล้รุ่งขึ้นแล้วณเจ้าพี่
พี่ยาจะลานางเทวี ค่อยอยู่จงดีณนวลน้อง
แต่สั่งแล้วพระซ้ำสั่งเล่า ขวัญเจ้าอย่าทุกข์ทนหม่่นหมอง
บัดนี้จวนแจ้งแสงทอง จำเปนจากห้องภิรมยา
แล้วกลับภักตรามาสั่ง ร้อยชั่งเจ้าอย่าละห้อยหา
วันนี้แต่พลบพี่จะมา ค่อยท่าพี่เถิดณดวงใจ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ สั่งเสร็จก็เสด็จออกมา จากห้องไสยาพิศมัย
พระรีบลีลาคลาไคล จวนสุริยแสงใสสว่างฟ้า

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ ครั้นถึงจึงเข้าที่สรง ทรงสุคนธรศโอ่อ่า
ดาดกลบรอยเล็บนางกัลยา ทรงภูษาวิจิตรพิศพรรณ
ทรงอุบะแล้วถือเช็ดหน้า พระปรีดาภิรมย์หฤหรรย์
ออกหมู่เสนาบังคมคัล เกษมสันต์เสสรวลสำราญ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น ประสันตายิ้มรับเกษมสานต์
จึงทูลไปด้วยใจสามาญ พระภูบาลเสด็จไปแห่งไร
พิศภักตร์ดังดวงจันทรา เมื่อจวนรุ่งโรยราไม่แจ่มใส
พระกรก็เปนริ้วรอยไป เห็นแปลกตาแปลกใจกว่าทุกวัน
ดีร้ายต้องปิศาจเมืองนี้ จึงแรงร้ายราวีกวดขัน
ว่าแล้วจับเบี้ยขึ้นบนพลัน เป็ดไก่สารพันจะบูชา
ขอให้พระไปดีมาดี อย่ามีริ้วเลยคุ้งวันน่า
ให้ไปจนรุ่งแรงแสงสุริยา ยิ่งกว่าวันนี้จงทุกวัน
ให้ได้เสด็จทุกราตรี จะแต่งเครื่องพลีจงกวดขัน
ข้าจะกินถวายเทวัญ ทุกเทพรังสรรค์จงเมตตา

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
ทั้งพระพี่เลี้ยงแลเสนา ก็สรวลประสันตาแซ่เซงไป
พระเอาพลูรอยกัดซัดมา สารพันจะว่าไม่นิ่งได้
แล้วเสด็จลีลาคลาไคล เข้าในที่ศิริไสยา

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวเจ้ากรุงหมันหยา
ครั้นพวยพุ่งรุ่งแสงพระสุริยา พระราชาอ่าองค์อำไพ
ครั้นสร็จเสด็จยาตรา กับอรรคชายาศรีใส
เสด็จออกท้องพระโรงไชย จึงสั่งเสนาในไปพลัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เร่งเอยเร่งเร็ว ให้หาตำมะหงงกุเรปัน
ทั้งพี่เลี้ยงนัดดามาพลัน ให้ทันกูสั่งบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึงมุขอำมาตย์ทั้งสี่
ก้มเกล้ารับสั่งพระภูมี กราบสามทีแล้วก็แล่นไป

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นมาถึงตำหนักพระราชา เอากิจจานั้นแจ้งแถลงไข
รับสั่งให้หาท่านเข้าไป เร่งเร็วแต่ในบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงกุเรปันกรุงศรี
กับสี่พี่เลี้ยงเสนี รีบขมีขมันเข้ามา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ มาเอยมาถึง ปราสาทท่านท้าวหมันหยา
ถวายบังคมคัลวันทา ทั้งสองกษัตราเลิศไกร

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวหมันหยาเปนใหญ่
แสร้งเสด้วยเล่ห์กลใน ท้าวไทจึงแจ้งกิจจา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ คืนเอยคืนนี้ ระเด่นมนตรีขึ้นลอบหา
จินตะหราวาตีกัลยา ข้ามิได้รู้เห็นเปนใจ
เราจะบอกไว้เปนพยาน พระภูบาลมิรู้จะสงไสย
ว่าเราปลดปลงจงใจ ยกบุตรีให้กับนัดดา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงบังคมเหนือเกษา
ทั้งสี่พี่เลี้ยงพระราชา ก้มหน้าลงยิ้มทันใด
ตำมะหงงจึงสนองพระวาจา พระนัดดามาจากกรุงใหญ่
ด้วยกำลังรักองค์อรไทย ภูวไนยจึงหักหาญมา
ก็ย่อมแจ้งใจอยู่ด้วยกัน ถึงสององค์ทรงธรรม์ผู้เชษฐา
แม้นพระได้แจ้งแห่งกิจจา ก็จะไม่ว่าไรพระองค์นัก
แม้นพระมิให้นางจินตะหรา พระนัดดาจะแสนโศกเพียงอกหัก
ด้วยตั้งใจจำนงจงรัก หาญหักมาจนถึงเพียงนี้

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวหมันหยาเรืองศรี
จึงตอบคำตำมะหงงเสนี เรามิรู้แห่งที่จะคิด
มิใช่จะหวงบุตรีไว้ ครั้นจะให้ก็กลัวความผิด
เห็นความทั้งนี้จะมิมิด สององค์ทรงฤทธิ์จะรู้ไป
ครั้นจะมิให้ก็เอนดู มิรู้ที่จะทำเปนไฉน
สุดแต่เราจะนิ่งดูไป ทั้งปวงจงได้เปนพยาน

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตำมะหงงได้ฟังบรรหาร
กับสี่พี่เลี้ยงก็กราบกราน ลาพระภูบาลมาทันที

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเอยมาถึง จึงกราบประนตบทศรี
แล้วทูลระเด่นมนตรี ตามพระภูมีตรัสมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
ครั้นได้จะแจ้งแห่งกิจจา พระโสมนัศาเปนพ้นไป
แต่งองค์แล้วทรงอาชา มาปราสาทจินตะหราศรีใส
ทั้งกลางวันกลางคืนภูวไนย เข้าไปอยู่ด้วยนางกัลยา
แต่คลึงเคล้าประกิจชิดชม บรรเทิงภิรมย์หรรษา
สำรวลสรวลศุขทุกเวลา ในห้องไสยาบรรธมใน
ยามสรงยามเสวยก็เชยชิด แสนสนิทไม่ห่างนางได้
ด้วยเริ่มแรกรู้รศใจ งวยงงหลงใหลด้วยเทวี

ฯ ๘ คำ ฯ โลม

๏ เมื่อนั้น โฉมนางจินตะหรามารศรี
ภิรมย์สมศุขเปรมปรีดิ์ ด้วยระเด่นมนตรีชาญไชย
องค์อ่อนนอนแนบแอบองค์ แสนสนิทพิศวงหลงใหล
ปรีดิ์เปรมเกษมสานต์บานใจ ด้วยพระภูวไนยทุกราตรี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเรืองศรี
อยู่สบายมาหลายราตรี พระคิดถึงสองศรีโสภา
ซึ่งอยู่ในดงพงไพร จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าใจเปนหนักหนา
โอ้เอนดูนางกัลยา จะรับเข้ามายังเวียงไชย
คิดแล้วจึงมีพระวาจา แต่แรกพี่มาจากกรุงใหญ่
เร่งรีบเดินทางกลางไพร พี่จึงแก้สงไสยแก่ไพร่พล
ครั้นออกป่าทุ่งจึงอุบาย ทำเปนแยบคายสายสน
ควบแข่งอาชากับสามนต์ จึงค่อยเปลืองหนทางเร็วมา
ครั้นถึงภูผาปราปี พี่ชื่นชมยินดีเปนหนักหนา
ด้วยใกล้บุรีแก้วแววตา จึงให้ตั้งพลับพลาหยุดพัก
พอสามระตูมาพบ ได้รับรุกโรมโหมหัก
ระตูผู้น้องโอหังนัก หาญหักพี่ก็ฆ่าให้บรรไลย
ยังแต่สองระตูผู้พี่ จึงเอาสองบุตรีมาให้
กับกุมารแน่งน้อยพึงใจ ทั้งบรรณาการก็ให้มา
ขอเปนเมืองออกแก่พี่ แล้วฝากสองบุตรีโอรสา
พี่ก็มีจิตรคิดเมตตา แต่ว่ามิได้ต้องสองอรไทย
พี่ตั้งสัตย์ตัดตรงจงมา จะเลี้ยงดวงยิหวาให้เปนใหญ่
แม้นมิสมดังจิตรที่คิดไว้ อันนางใดพี่ไม่ไยดี
พี่จึงให้อพยพทั้งนั้น ตั้งมั่นอยู่ด่านกรุงศรี
กลัวสองพระองค์ทรงธรณี จะว่าพี่มีภรรยามา
จะมิให้แก้วตายาจิตร พี่จะชวดสนิทเสนหา
จะเสียทีที่พี่หักมา ใช่จะไม่เจตนาแก่นางใด

ฯ ๒๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางจินตะหราวาตีศรีใส
จึงทูลพระองค์ทรงไชย ขอให้ไปรับสองนางมา
นางไกลบิตุเรศมารดาแล้ว ไกลทั้งน้องแก้วเสนหา
เห็นแต่พระองค์ดังบิดา ก็มาไกลเล่าจะเศร้านัก

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีมีศักดิ์
ได้ฟังนางโฉมยงนงลักษณ์ ความรักภูลเพิ่มเพียงดวงใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ครั้นเอยครั้นแล้ว พระคลาศแคล้วจากห้องพิศมัย
จึงสั่งพระพี่เลี้ยงให้เร่งไป รับสองอรไทยเข้ามา
กับเหล่าอพยพทั้งนั้น พี่จัดสรรที่อยู่ให้พร้อมหน้า
อันสองนวลน้องกัลยา พี่พามาติกาหรังเรา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยะรุเดะบังคมก้มเกล้า
รับสั่งพระองค์ผู้ทรงเยาว์ มาจัดเหล่าทหารชาญไชย
ทั้งที่ฐานจัดเสร็จก็ไคลคลา ยกมายังด่านกรุงใหญ่
ถึงบอกพี่เลี้ยงนางอรไทย พระภูวไนยให้รับเข้าธานี

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นางพี่เลี้ยงครั้นแจ้งถ้วนถี่
จึงมาทูลสองราชเทวี พระภูมีให้มาเชิญเข้าเวียงไชย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองสุดานารีศรีใส
ฟังพี่เลี้ยงทูลก็แจ้งใจ จึงไปเข้าที่สรงคงคา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ชมตลาด ต่างองค์ชำระสระสนาน สุคนธารอุรับจับมังษา
ผัดผ่องภักตร์เพียงจันทรา ทรงภูษาพื้นสุวรรณพรรณราย
ทรงสไบวิไลยโอฬาร์ บุหงาแซมเกษเฉิดฉาย
ทองรอบขอบภักตร์จำหลักลาย กระจังรายรัดมวยบรรจงเกลา
ทรงทั้งทองกรธำมรงค์ วินิจพิศทรงโฉมเฉลา
มาทรงวอสุวรรณอันพรายเพรา พี่เลี้ยงนงเยาว์ก็ตามมา

ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

ร่าย อิกทั้งนักสนมกรมใน แหแหนแน่นไปทั้งซ้ายขวา
ธงทิวปลิวระยับจับตา มิช้าก็ถึงพระนคร

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ จึงประทับวอแก้วกับเกยมาศ ยุรยาตรดังเทพอับศร
ตรงไปที่อยู่พระภูธร ทั้งสองบังอรค่อยคลายใจ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีศรีใส
จึงกล่าวแก่จินตะหราทรามไวย พี่จะลาดวงใจไคลคลา
ไปหานางมาหยารัศมี แก้วพี่อย่าละห้อยคอยหา
แต่นางมาก็หลายวันมา พี่จะลาไปหาทรามไวย
สั่งเสร็จมาขึ้นอาชา ไปยังติกาหรังที่อาไศรย
ครั้นถึงจึงลงมโนไมย เข้าในที่สรงคงคา

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

โทน พระจึงชำระสระสนาน อุรับสุคนธารโออ่า
ทรงภูษิตกุมกฤชเทวา ทรงอุบะบุหงาปะกัน
บรรจงจับชายกรายกร บทจรย่างเยื้องผายผัน
เข้าในห้องแก้วแพรวพรรณ เห็นบรรธมสนิทนิทรา

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ยอกรพาดเอวอรไทย จะให้สงไสยกังขา
ว่าระเด่นสังคามารตา ซึ่งเปนอนุชาร่วมใจ
แล้วค่อยกระซิบถามพลาง พระพี่นางตื่นอยู่ฤๅหลับใหล
ไม่ผินมาหาน้องนี้ว่าไร ขัดแค้นสิ่งใดจงบอกมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมาหยารัศมีเสนหา
ได้ยินแว่วเสียงจำนรรจา กัลยาฟื้นองค์ขึ้นทันใด
สำคัญว่าพระอนุชา เห็นผิดเวลาจึงถามไถ่
ดึกดื่นปานนี้แล้วมาไย เหตุการสิ่งไรจงบอกมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
ค่อยกระซิบบอกนางกัลยา ว่ามิได้มีเหตุสิ่งไร
แต่จากกันมาเป่นหลายวัน น้องนั้นมีจิตรคิดฝันใฝ่
จึงมาเฝ้าองค์อรไทย ว่าพลางกอดไว้ไม่เคลื่อนคลา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมาหยาเฉิดโฉมเสนหา
เห็นผิดที่ใช่เสียงอนุชา รู้ว่าอิเหนามาก็ตกใจ
ลุกเลื่อนพระองค์ลงมาพลัน ฤไทยประพรั่นหวั่นไหว
สั่นทรุดให้หลุดพระหัดถ์ไป ความกลัวภูวไนยเปนพ้นนัก

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีมีศักดิ์
สรวลพลางรับขวัญนางนงลักษณ์ น้องรักอย่าประหวั่นพรั่นใจ
พี่แสนคนึงเจ้าหนักหนา จึงมาด้วยความพิศมัย
อนิจาแก้วตายาใจ เคียดแค้นสิ่งไรไม่พาที
เจ้าไม่เล็งเห็นอกที่พี่รัก นงลักษณ์ทรุดสั่นถอยหนี
เวลาดึกดื่นถึงเพียงนี้ มารศรีจะไปแห่งใด

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น นางมาหยารัศมีศรีใส
ยอกรบังคมพระภูวไนย อรไทยจึงกล่าววาจา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ พระเอยพระเจ้า พระจงโปรดเกล้าเกษา
พระเสด็จมาไยพระราชา แม้นนางจินตะหรารู้ไป
ก็จะทรงพระโกรธโกรธา โทษาจะมีเปนข้อใหญ่
ข้าน้อยซัดลอยมาเมืองไกล ไร้พระบิตุเรศชนนี
พร่ำรักษาตัวกลัวผิด คิดเจียมใจว่าเปนทาษี
ไม่ควรจะเสด็จมาพาที ภูมีจะพาผิดมาติดไว้

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้โลม น้องเอยน้องรัก นงลักษณ์ผู้ยอดพิศมัย
ถึงจินตะหราวาตีจะรู้ไป จะทำสิ่งใดได้อย่าสงกา
พี่จะปราบปรามไม่ตามใจ มิให้ขัดขึ้งหึงษา
ถึงจะรักจินตะหราเท่าแผ่นฟ้า อันความอาธรรม์ไม่ให้มีี
พี่มิให้ดูหมิ่นถิ่นแคลนเจ้า โฉมเฉลาอย่าหม่นหมองศรี
จะปรารมภ์ใจไปไยมี สายสุดสวาดิพี่จงเมตตา
อันเจ้าว่ามิควรณน้องรัก ด้วยพี่เปนศักดิโจรป่า
ตัวเจ้าเปนราชธิดา ชรอยวาศนาเคยคู่ครอง
พี่รักนางพ่างเพียงดวงใจ มิให้ระคายขุ่นข้อง
ว่าพลางกางกรเกี่ยวตระกอง โอบอุ้มองค์น้องใส่ตักไว้
จูบแก้มแนมคางพลางชม เกลียวกลมภิรมย์พิศมัย
กรกระหวัดรัดแนบอุระไว้ ฤไทยปั่นป่วนยวนยี

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น ระเด่นมาหยารัศมี
เคลื่อนองค์ลงมาแล้วพาที พระไม่โปรดเกษีก็ว่าไป
อันพระเสนหาอย่างนี้ น้องจะยินดีก็หาไม่
แม้นพระเสด็จกลับไป จะเห็นว่าภูวไนยเมตตา

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้โลม แสนเอยแสนเฉลียว อย่าเลี่ยงเลี้ยวประหงิดประงอนว่า
ด้วยแสนคำนึงพี่จึงมา เจ้าอย่าขับเลยพี่ไม่ไป
ถึงเจ้าจะให้อนุชา ฆ่าเสียก็ตามอัชฌาไศรย
ทรากผีจะไว้แก่อรไทย อันพี่จะไปอย่าสงกา
แต่ได้เห็นเจ้าวันนั้น เปนนิรันตร์ครุ่นครวญหวนหา
มาขัดด้วยความสัจจา จึงมิได้เสนหาดังใจคิด
ว่าพลางเชยนมชมภักตร์ แสนสุดรักพี่ล้ำดวงจิตร
โอบอุ้มองค์แอบแนบชิด อย่าบิดพลิ้วไปเลยกัลยา

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย พระเอยพระเจ้า พระจงโปรดเกล้าเกษา
อันถ้อยคำพระพร่ำพรรณา ข้าน้อยแจ้งอยู่ภูวไนย
พระองค์จงทรงพระเมตตา ค่อยอัธยาอาไศรย
ตัวน้องเปนข้าช่วงใช้ จะไปไหนพ้นพระบาทา
ยังคิดประหวั่นพรั่นใจ สิ่งไรจงโปรดเกษา
ใช่จะกล่าวแกล้งแสร้งมารยา เมตตาบ้างเถิดพระพันปี

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้โลม สาวเอยสาวสวรรค์ ขวัญเมืองผู้มั่งมีศรี
เจ้าว่าไยไฉนฉนี้ ไม่เห็นอกพี่ที่เดือดร้อน
แต่วันแรกเจ้ามาจนบัดนี้ กี่ราตรีแล้วจงคิดก่อน
แต่ร้อนรุ่มกลุ้มใจดังไฟฟอน สายสมรจะห้ามพี่กลใด
แม้นเจ้าห้ามอื่นไม่ขืนขัด จะห้ามความปดิพัทธนี้ไม่ได้
ว่าพลางโอบอุ้มอรไทย อิงแอบแนบไว้ไม่เคลื่อนคลา
จูบแก้มแนมในไรเกษ จูบเนตรแนมนมทั้งซ้ายขวา
จูบกรกรเกี่ยวกัลยา เสนหาเกลื่อนกลุ้มรุมรึง
อากาศสเทือนเลื่อนลั่น พระสุเมรุป่วนปั่นสนั่นถึง
บาดาลสท้านอึงคนึง ได้ยินถึงพิภพนาคินทร์
นาคราชก็ผาดผุดเถลิง สำเริงฟาดฟุ้งฟองสินธุ์
นองละลอกกระฉอกฝั่งฟูมดิน ด้วยเดชนาคินทร์อันเกรียงไกร
ทั้งสองพระองค์ผู้มีศรี ศุขเกษมเปรมปรีดิ์แจ่มใส
พึ่งแรกรู้รศรักประจักษ์ใจ งวยงงหลงใหลทั้งสององค์
พระเทียมบรรธมชมชิด เร่งแสนสนิทพิศวง
อยู่จนรุ่งแสงพระสุริยง พระองค์จึงเสด็จไคลคลา

ฯ ๑๖ คำ ฯ เพลง

ร่าย มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวกุเรปันนาถา
รู้ว่าพระราชบุตรา ไปอยู่หมันหยาธานี
พระจึงสั่งเสนาทันใด ให้เร่งแต่งราชสารศรี
ไปหาอิเหนามาบัดนี้ ให้กลับบุรีจงฉับไว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เสนารับสั่งบังคมไหว้
รีบมาแต่งสารทันใด แล้วขึ้นมโนไนยไคลคลา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเอยมาถึง ยังพิไชยบุรีหมันหยา
จึงไปยังติกาหรังพระราชา เสนากราบเกล้าดุษฎี
ทูลว่าองค์ศรีปัตหรา ให้ข้าจำทูลสารศรี
มาเชิญเสด็จพระภูมี กลับไปบุรีกุเรปัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
ฟังข่าวผ่าวร้อนดังเพลิงกัลป์ พระเร่งปั่นป่วนรัญจวนใจ
จำเปนจึงรับเอาสาร ถือไว้จะอ่านก็หาไม่
จึงสั่งว่าถวายบังคมไป ที่ในยุคลบาทา
จะทูลลาอยู่ก่อนจึงจะไป พระจงได้โปรดเกษเกษา
สั่งแล้วก็ขึ้นอาชา มาปราสาทจินตะหราวาตี

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น เสนากุเรปันกรุงศรีิ
ยอกรถวายอัญชลี ขึ้นพาชีกลับไปเวียงไชย

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเอยมาถึง จึงกราบบังคมประนมไหว้
ทูลแถลงให้แจ้งหฤไทย ตามพระภูวไนยสั่งมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวกุเรปันรุ่งฟ้า
แต่ให้ไปหาพระบุตรา เปนหลายครั้งไม่มาเวียงไชย
พระเร่งร่านร้อนรำคาญ ด้วยจวนจะทำการใหญ่
อยู่อยู่แล้วให้อักษรไป จนถึงสี่ใบก็ไม่มา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
ภิรมย์สมศุขทุกเวลา ด้วยระเด่นจินตะหรายาใจ
แต่ยั่วเย้าเฝ้าแอบแนบชิด ด้วยความสนิทพิศมัย
ชมชื่นรื่นรวยด้วยอรไทย ครั้นจะใกล้สิ้นแสงพระสุริยา
จึงมีวโรรศพจนาดถ์ สายสวาดิพี่ยอดเสนหา
ร่วมจิตรร่วมคิดร่วมชีวา วันนี้พี่จะลาอรไทย
ไปหานางสการวาตี มารศรีอย่าร้อนรนหม่นไหม้
สั่งแล้วมาขึ้นอาชาไนย ไปยังติกาหรังพระราชา

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

ชมตลาด ครั้นถึงจึงเข้าที่สรง ทรงสนานชำระสระเกษา
ทรงสุคนธ์เฟื่องฟุ้งโอฬาร์ สำอางอ่ากลิ่นเกลี้ยงเกลาผจง
แล้วทรงภูษาเลื้อยชาย อุบะประสุคนธ์กลายกลิ่นส่ง
พระกรกรายกฤชฤทธิรงค์ จับชายบรรจงคลาไคล

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

ร่าย มาเอยมาถึง จึงเข้าในไพชยนต์แสงใส
พระเผยม่านทองห้องใน ขึ้นไปบนแท่นไสยา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสการวาตีเสนหา
ครั้นเหลือบเห็นองค์พระราชา กัลยาตระหนกตกใจ
ถอยองค์ลงจากแท่นแก้ว แล้วถวายบังคมประนมไหว้
เร่งขวยเขินสเทินเปนพ้นไป อรไทยกรานก้มภักตรา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
ยุดมือไว้แล้วจึงกล่าวมา อย่าวันทาพี่เลยณทรามไวย
ตัวพี่นี้ชาติชาวดง แต่ทนงจงรักที่ศักดิใหญ่
ว่าพลางโอบอุ้มอรไทย ขึ้นไปบนแท่นไสยา
พระพลางจูบแก้มแนมนม บรรเทิงภิรมย์หรรษา
เกี่ยวกระหวัดรัดรึงตรึงตรา เสนหาเฟื่องฟุ้งจรุงใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสการวาตีศรีใส
ถอยลงจากตักแล้วทูลไป ทำอะไรฉนี้ไม่ปรานี
พระจงวางมือน้องเสียก่อน ภูธรได้โปรดเกษี
ข้ากลัวนางจินตะหราวาตี จะมีความพิโรธโกรธา

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้โลม สายเอยสายสมร จงดำริห์ดูก่อนจึงว่า
ถ้าพี่มิรักไม่หักมา ใช่ว่าจะไร้ที่ยาใจ
พี่แสนคำนึงอยู่เปนนิจ มิได้สมสนิทพิศมัย
ด้วยพี่ได้ออกวาจาไว้ จึ่งเนิ่นช้าไปถึงเพียงนี้
ซึ่งว่ากลัวนางจินตะหรา ข้อนั้นเจ้าอย่าหมองศรี
พี่จะปราบปรามความข้อนี้ มิให้มีสิ่งระคายกัน

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ ว่าเอยว่าพลาง จูบแก้มแนมคางทางรับขวัญ
ปลื้มจิตรอย่าคิดฉนั้น เราระร่วมรักกันคุ้งบรรไลย

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย พระเอยพระโฉมยง น้องยังพะวงสงไสย
ซึ่งพระจะปราบปรามทรามไวย เกลือกจะมิได้ดังจินดา
อันอย่างนี้ย่อมเปนที่เดียดฉัน แจ้งอยู่ด้วยกันถ้วนหน้า
สืบไปมิได้ดังสัญญา ข้าน้อยรักตัวกลัวไภย

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้โลม โฉมเอยโฉมศรี ว่าไยฉนี้หาควรไม่
พระบิดาเจ้าฝากฝังไว้ พี่ก็ได้รับต่อเสนี
พี่จะรักมิได้ลำเอียง จะเลี้ยงให้ควรด้วยศักดิศรี
ความอัปรยศใจไม่ให้มี พี่ได้ไว้คำมั่นสัญญา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ว่าเอยว่าพลาง เชยนมชมปรางทั้งซ้ายขวา
นิ่มเนื้อนวลน้องดังทองทา เจ้าอย่ายุดมือพี่ไว้

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย พระเอยพระพันปี จะปรานีบ้างก็หาไม่
น้องยังประหวั่นพรั่นใจ สิ่งไรจงทรงพระเมตตา
พระว่ามาทั้งนี้ก็แจ้งใจ จะรับใส่ไว้เหนือเกษา
พระคุณพ่างเพียงพระบิดา จะเปนข้ากว่าจะสิ้นชีวี
พระจงงดก่อนผ่อนไป ตัวน้องอยู่ในบทศรี
จะไปไหนพ้นพระภูมี โปรดเกษีเถิดพระราชา

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้โลม โฉมเอยโฉมเฉลา ทรงเยาว์ยั่วยวนเสนหา
ต้องจิตรทั้งจริตกิริยา วาจาเจ้าปลื้มอาไลย
พระอุ้มนางวางให้บรรธม เกลียวกลมชมชิดพิศมัย
ภักตราแนบหน้าอรไทย เน้นแนบเข้าไว้กับกายา
พระสุเมรุมาศก็หวาดไหว แขไขระรองส่องเวหา
ต้องดวงโกสุมประทุมา บุษบาตูมกลัดก็คลี่คลาย
ภุมราร่อนลงประจงย้ำ กลีบกล้ำเกสรก็เผยผาย
รศคนธ์ตระหลบอบอาย เบิกบานกระจายทั้งสาคร
ทั้งสองพระองค์ผู้ทรงลักษณ์ แรกรักสมัคสโมสร
ตราบเท่าสางแสงทินกร พระจึงบทจรจากห้องใน

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

ร่าย แต่เวียนรไวไปมาอยู่หลายวัน ทรงธรรม์ร่ายร่วมพิศมัย
จะใคร่ให้สามนางรักร่วมใจ พระจึงใช้สังคามารตา
เจ้าไปบอกพี่นางทั้งสองศรี วันนี้พี่จะให้เข้าไปหา
จินตะหราวาตีกัลยา อนุชาจงไปบัดนี้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สังคามารตาเรืองศรี
รับสั่งแล้วแล่นจรลี ถึงที่อยู่สององค์นงคราญ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ จึงทูลว่าระเด่นมนตรี ให้พี่นางเข้าไปในราชฐาน
หาระเด่นจินตะหรายุพาพาล จงเสด็จไปกาลบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมาหยารัศมี
ทั้งระเด่นสการวาตี ครั้นแจ้งคดีก็กลัดใจ
แม้นไหว้ระเด่นบุษบา จะมีความน้อยใจก็หาไม่
ควรเราจะเปนข้าช่วงใช้ ด้วยเปนในสุริวงษ์เทวา
นี่เราจะบังคมกะไรได้ นางจะเปนกะไรมาหนักหนา
แม้นอยู่เมืองเราเจ้าพี่อา เห็นหน้าจะพอเสมอกัน
มิร้างที่จะได้เปนน้อย ทีนี้คนจะพลอยหยามหยัน
อัปรยศจะอยู่แก่พงษ์พันธุ์ อันเราจะได้ช้ำระกำใจ
นางเด็กฤาใหญ่ไม่รู้ที่ เราจะอัญชลีกะไรได้
นางเร่งละห้อยน้อยใจ ชลไนยไหลหลั่งถั่งลง

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงพระบุตรีนวลหง
จึงกราบทูลนางโฉมยง อย่าทรงโศกเศร้าโศกา
พระบิดามารดรพร่ำสอนสั่ง จะมิฟังไม่ชอบหนักหนา
อันระเด่นจินตะหรากัลยา ร่วมชัณษากับระเด่นมนตรี
ถ้ามิฟังรับสั่งภูวไนย เจ้าข้าจะได้หมองศรี
จะบ่ายหน้าไปพึ่งใครได้มี น่าที่จะได้เดือดร้อน
พระบิดาก็เปนเมืองออกอยู่ โฉมตรูจงตรึกดูก่อน
แม้นพระจะห้ำหั่นบั่นรอน ดวงสมรจะคิดประการใด

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองราชบุตรีศรีใส
ได้ฟังพี่เลี้ยงผู้ร่วมใจ คิดได้จึงตอบวาจา
อันพี่ว่าขานการทั้งนี้ ก็ชอบท่วงทีเปนหนักหนา
เปนข้าท่านแล้วเจ้าพี่อา จะก้มหน้าไปตามกรรมมี
แม้นมิคิดถึงพระบิดา ถึงจะม้วยมรณาให้รู้ที่
ขัดสนจนใจด้วยข้อนี้ พี่น้องมาจะไปด้วยกัน

ฯ ๖ คำ ฯ

ชมตลาด นางจึงแต่งองค์ทรงภูษา ทรงสไบรจนาเฉิดฉัน
สอิ้งประดับทับทรวงพรายพรรณ แล้วบรรจงทรงทองกร
ทรงธำมรงค์แลมงกุฎ ผุดผาดดังเทพอัปศร
แล้วสองสุดาก็บทจร กุมกรอนุชาคลาไคล

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

ร่าย ทั้งสามองค์ทรงวอเดียวกัน แห่แหนแน่นนันมาไสว
สาวสรรค์สพรึบพร้อมตามไป บัดใจเข้าในทวารา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเอยมาถึง จึงประทับเกยมณีมีค่า
แล้วสั่งสังคามารตา เจ้าไปทูลจินตะหราให้แจ้งใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สังคามารตาศรีใส
รับคำกัลยาแล้วคลาไคล เข้าในปราสาทรัตน์มณี

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ มาเอยมาถึง จึงทูลนางจินตะหรามารศรี
รับสั่งระเด่นมนตรี ให้พี่นางมาเฝ้าอรไทย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น จินตะหราวาตีศรีใส
จึงสั่งพี่เลี้ยงให้เร่งไป เชิญสองทรามไวยมาบัดนี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกษี
บังคมแล้วรีบจรลี ไปยังเกยมณีรจนา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึงทูลสองเทวี พระบุตรียินดีเปนหนักหนา
ให้มาเชิญสองพระธิดา เสด็จไปปราสาทอันรูจี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองสุดามารศรี
ได้แจ้งแห่งอรรถคดี จรลีลงจากเกยลา

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงในปรางคปราสาท เห็นกำนัลเดียรดาษทั้งซ้ายขวา
จึงเข้าไปในห้องรจนา เห็นระเด่นจินตะหราก็ป่วนใจ
จำจนจำจิตรเปนหนักหนา กัลยาจำบังคมไหว้
แล้วกรานก้มภักตรอยู่แต่ไกล ฤไทยร่านร้อนดังอัคคี

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า เมื่อนั้น ระเด่นจินตะหรามารศรี
จึงเรียกสองราชบุตรี เจ้ามานั่งถึงนี่นางอรไทย
แล้วยกพานหมากมาสู่ โฉมตรูโอภาปราไส
เจ้าพลัดพรากมาจากเวียงไชย ไกลพระบิตุเรศมารดา
อย่าคิดรังเกียจเดียดฉัน เราจะเปนเพื่อนกันไปวันน่า
เหมือนพี่น้องร่วมอุทรมา เราจะเปนยิหวาเดียวกัน

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น สองศรีมีศักดิเฉิดฉัน
ค่อยเหือดหายคลายความจาบัลย์ ประนมบังคมคัลแล้วทูลไป
น้องไกลบิตุเรศมารดา ญาติวงษ์พงษาก็หาไม่
แม้นใครว่าขานประการใด จงถามไถ่ให้แท้แน่นอน
ตั้งแต่ในวันนี้ไป สิ่งไรผิดพลั้งจงสั่งสอน
จะขอเอาเปนพี่ร่วมอุทร จะเปนเพื่อนร้อนกันสืบไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นจินตะหราศรีใส
ให้เครื่องเงินทองสองอรไทย ทั้งภูษาสไบนานา
แล้วชวนพระน้องทั้งสองศรี เข้ามาอยู่กับพี่จะดีกว่า
จงไปจัดเรือนรัตน์รจนา ให้สองขนิษฐาบัดนี้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกษี
ไปจัดเรือนหลวงใกล้พระบุตรี ก็ได้ที่ฐานครบครัน

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จสรรพ ก็กลับมาทูลขมีขมัน
อันที่สองพระน้องจะอยู่นั้น จัดสรรเสร็จแล้วนางอรไทย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองภัควดีศรีใส
บังคมลาจินตะหราทรามไวย ออกไปที่อยู่กัลยา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีรุ่งฟ้า
แสนสนุกศุขเกษมเปรมปรา ด้วยสามสุดายาใจ
พระปันเวรบรรธมชมชิด จะลำเอียงสักนิดก็หาไม่
สามนางรื่นรวยด้วยกันไป ไพบูลย์ภูลศุขทุกเวลา

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า มาจะกล่าวบทไป ถึงพระองค์ทรงพิภพดาหา
ครั้นถ้วนกำหนดสามเดือนตรา จึงสั่งดะหมังเสนาใน
ท่านจงไปทูลพระเชษฐา ซึ่งมานัดจะทำการใหญ่
บัดนี้เสร็จตามกำหนดไว้ พระจะมาเมื่อไรก็ตามที

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย บัดนั้น ดะหมังรับสั่งใส่เกษี
แล้วออกมาขึ้นพาชี ดั้นดงพงพีไปฉับพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเอยมาถึง ยังกรุงกุเรปันเขตรขัณฑ์
จึงแจ้งคดีเสนีนั้น ครั้นเวลาเฝ้าก็เข้ามา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท่านท้าวกุเรปันรุ่งฟ้า
ครั้นรุ่งรางสว่างเวลา พระสำอางกายาอ่าองค์
ครั้นเสร็จเสด็จยาตรา ลีลาดังพระยาราชหงษ์
กับอรรคชายาทั้งห้าองค์ ออกพระโรงบรรจงอลงการ์

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ บัดนั้น ดะหมังฝ่ายกรุงดาหา
ก้มเกล้ากราบงามสามลา ทูลว่าพระอนุชาธิบดี
ให้มาทูลด้วยการสยมพร ตกแต่งพระนครไว้ถ้วนถี่
พร้อมมูลตามบูรพ์ประเพณี ขอแจ้งธุลีพระบาทา

ฯ ๔ คำ ฯ

ช้า เมื่อนั้น ท่านท้าวกุเรปันรุ่งฟ้า
พระจึ่งกล่าวมธุรศพจนา ว่าอิเหนาลาไปเล่นไพร
เราจะให้ไปหาตัวมา จึงจะว่ากำหนดการได้
อย่าช้าแต่งสารแล้วรีบไป บอกให้โอรสเร่งกลับมา

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย บัดนั้น ยาสารับสั่งใส่เกษา
ออกมาแต่งสารมิทันช้า ครั้งเสร็จขึ้นม้าคลาไคล

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาเอยมาถึง หมันหยาธานีกรุงใหญ่
ไปยังติกาหรังทันใด เข้าไปกราบเกล้าดุษฎี
จึงทูลว่าท้าวดาหา ให้เสนามาทูลด้วยกรุงศรี
ตกแต่งครบตามประเวณี พระบิดาให้เชิญภูมีไป

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีศรีใส
ได้ฟังร้อนรนสกนธ์ใน จึงดำริห์ตริไตรไปมา
อันนางบุษบานงเยาว์ ฤๅจะงามเท่าโฉมจินตะหรา
คิดแล้วจึงกล่าววาจา ว่าข้าขอถวายบังคมไป
โทษตัวนี้ผิดเปนหนักหนา จะกลับไปภารากะไรได้
อนึ่งท้าวดาหาฤทธิไกร เห็นจะแจ้งอยู่ในพระบาทา
ว่ามาเลี้ยงจินตะหราวาตี จะอยู่ในบุรีหมันหยา
ท้าวฤาจะให้นางบุษบา อันแสนเสนหาดังดวงใจ
มาเปนน้อยแก่คนต่ำศักดิ เห็นผิดทีนักที่จะให้
ครั้นเราจะไปบัดนี้ไซ้ เกลือกมิได้ก็เครื่องจะป่วยการ
กลับมาข้างนี้จะหมางจิตร คิดเห็นไม่เปนแก่นสาร
สำหรับแต่จะได้อัปรมาณ ท่านจงไปทูลพระบิดา
อันการทั้งปวงที่ทำไว้ อย่าอาไลยเลยแก่ตัวข้า
แม้นใครมาขอนางกัลยา ก็ให้ตามปราถนาเขานั้น
จงจำคำนำเอาวาจา ไปแต่งสาราอย่าแบ่งบั่น
ให้สิ้นคำทำตามเราสั่งนั้น ไปถวายให้ทันท่วงที

ฯ ๑๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ยาสารับสั่งใส่เกษี
รับสารแล้วขึ้นพาชี คืนยังบุรีกุเรปัน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึงจึงถวายบังคม พระบรมปิ่นเกล้าไอสวรรย์
ถวายสารระเด่นมนตรีพลัน ทุกอันทูลแจ้งแก่ภูวไนย

ฯ ๒ คำ ฯ

ต่อนี้ฉบับขาด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ