เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๔๕

วัน ๖ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้เวลาเช้าไม่มีการไม่ได้เสด็จออก วันนี้พระราชทานเพลิงศพพันเงินด้วย

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง ห้องออกขุนนางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระยาศรีอ่านบอกพระยารามรณรงค์สงครามเมืองกำแพงเพ็ชรส่งเงินปี้จีนปีมะเมียจัตวาศก จีน ๗๔ คน เงินค่าแรง ๓ ชั่ง ๑๔ ตำลึง บอกพระยาศรีธรรมศุภราชเมืองสุโขทัย ส่งเงินปี้จีนปีมะแมเบญจศก จัน ๒๗๓ คน เงินค่าแรง ๑๓ ชั่ง ๑๓ ตำลึง บอกพระยาวิเศษฦาไชยเมืองฉะเชิงเทรา ขอที่พัทธสีมาวัดพนมพนาวาส

พระนรินทร์อ่านบอกพระยาภูเก็ต ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ส่งบัญชีสัมโนครัว คนเมืองภูเก็ตเมืองถลาง จำนวนเมืองภูเก็ต ข้าราชการราษฎรไทยจีนแขก ชายหญิงรวมเสด็จ ๑๒,๓๙๖ คน เมืองถลาง รวม ๒,๗๓๔ คน อีกฉะบับ ๑ ขอพระยศภักดีเมืองภูเก็ตไปดูแลรักษาการเมืองถลาง ด้วยเจ้าเมืองไม่มี

พระยาพิพัฒน์ อ่านบอกพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรี ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าอำแดงปั้นบ้านบางพระฟ้องว่ามีอ้ายผู้ร้ายขึ้นปล้นบ้านจำหน้าได้ ว่าจีนชื่นนายจันนายพุ่ม กรมการได้ให้ไปเกาะได้ตัวนายพุ่มจีนชื่นมา ถามให้การไม่รับ แต่นายจันหนีไปยังติดตามอยู่ อีกฉะบับ ๑ ว่าอำแดงพริ้งฟ้องว่ามีผู้ร้ายยิงจีนเหียงผัวตาย มีสาเหตุกับนายแจ้ง ๆ อพยพหนีไป ยังติดตามอยู่

พระนรินทร์นำหวันมหมัดซามันเมืองไทรบุรีเฝ้ากราบถวายบังคมลากลับไปเมืองไทรบุรี เสด็จขึ้นประทับออฟิศตรัสกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่ ๑ เสด็จขึ้น

เจ้าพระยาภาณุวงศ์มีหนังสือส่งหนังสือกงสุลวิลันดาว่า จีนตันอาเหลียงจีนโคเซงที่ซื้อหนังสือปลอมเป็นสับเยกต์วิลันดา กงสุลจับตัวส่งมา โปรดให้จำคุก ๖ เดือน เกินกำหนดแล้วยังหาพ้นโทษไม่

มีพระราชหัตถ์สั่งกรมหมื่นภูธเรศให้ปล่อยอ้ายจีน ๒ คนให้พ้นโทษไป

มีพระราชหัตถ์ตอบเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่าธรรมเนียมคนต้องโทษมีกำหนดดังนี้ เมื่อถึงกำหนดแล้วตระลาการต้องทูลเตือน หรือบอกกรมเมืองให้กราบทูลก็โปรดให้พ้นโทษไป หรือนักโทษร้องฎีกาเองก็ได้ การเรื่องนี้เพราะเจ้าพระยาภาณุวงศ์ไม่ทูลเตือน จะแก้อย่างไรให้ร่างตอบเสีย

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยามหินทรเรื่องเลกพระกำแพงนั้น ทรงเห็นว่าที่จะขอหักเลกสมัครไพร่หลวงกรมอื่นๆ แล้วมาเป็นไพร่หลวงข้างในนั้นผิดยุตติธรรมอยู่ แต่การจะเคลือบคลุมอยู่อย่างไรไม่ทรงทราบจึงทรงสอบถามไป

หนังสือพระองค์สวัสดิ์ตอบสมเด็จกรมหลวงเรื่องเดวิซอนขอเงินค่าที่อยู่นั้นในสัญญาเพียงเงิน ๔ ชั่ง ๔๐ บาท บัดนี้ได้ถึงเดือนละ ๖ ชั่ง ๖ บาท ๔๐ สลึง เกินกว่าสัญญา ถึงจะคิดค่าที่อยู่ให้เงินก็ยังเกินอยู่ เรื่องมองซิเออเปรียนนั้นสัญญาเงินเดือนปีละ ๕๕ ชั่ง ในแซงชันของท่านตั้งเพียงปีละ ๕๐ ชั่งทำไมจึงผิดกันไปดังนี้

วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกซิตติงรูม พระยานรรัตนเฝ้าถวายหนังสือฉะบับ ๑ แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการต่าง ๆ

เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จออกดรออิงรูม พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานกรมวังกรมท่านำซินยอแคนซิโอ ยอช กงสุลโปรตุเกสคนใหม่ ๑ ซินยอซาเวียกงสุลที่ ๒ โปรตุเกส ๑ เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ด้วยกงสุลที่ ๑ เพิ่งเข้ามาใหม่ ทรงพระราชปฏิสันถารตามควรแล้ว กราบถวายบังคมลาไป เสด็จขึ้นประทับซิตติงรูมทรงหนังสือราชการ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยาอุทัยมนตรีเมืองปราจีนบุรี ขอหลวงบรรเทาทุกขราษฎร์เป็นหลวงพรหมภักดียกกระบัตร นำหลวงบรรเทาทุกขราษฎร์เฝ้าถวายผ้าพื้น ๒๐ ผืน แล้วพระราชทานสัญญาบัตรนายสวาดิครเนตเป็นลุตเตอแนนต์ทหารม้าตรุบ ๒ หนึ่ง นายเพิ่มซายันเป็นครเนตทหารม้าตรุบ ๒ หนึ่ง แล้วเสด็จประทับในออฟฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับซิตติงรูม กรมหมื่นพิชิตเฝ้าทรงเรื่องความจีนตันมาบุ๋นและอื่น ๆ จนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ถวายหนังสือว่าด้วยฝรั่งเศสขึ้นมาพูดด้วยเรื่องส่งเงินอินเตอแนชันนัลเตเลคราฟ กงสุลจะขอรับเงินไว้ใช้ในการกงสุลแทนเงินคอเวอนเมนต์ฝรั่งเศสจะส่งมา แล้วจะคิดหักเงินใช้การกงสุลที่คอเวอนเมนต์ฝรั่งเศสจะส่งมานั้นส่งแทน ท่านเห็นว่าเป็นการชอบแล้ว

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ ถวายหนังสือส่งร่างหนังสือตอบกงสุลวิลันดา เรื่องจีนนักโทษ ๒ คนมาถวาย และว่าที่ไม่ได้กราบทูลเตือนนั้น เพราะบอกกำหนดไปยังกรมพระนครบาลแล้ว

สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ มีตอบเรื่องมองซิเออร์เปรียนนั้นว่าเงินที่เกินแซงชันไปนั้น เพราะกะไว้ในแซงชันเดือนละ ๒๐๐ เหรียญ กงสุลฝรั่งเศสคิดค่าเอกษเชน ๑๐ เปอรเซนต์เหมือนจ่ายให้ฝรั่งเศสอื่น ๆ ที่ทำการอยู่เดี๋ยวนี้ก็คิด ๑๐ เปอรเซนต์ด้วย แต่มองซิเออร์เปรียนนั้นไม่ได้คิดค่าเอกษเซนในแซงชัน เพราะถือว่าพระยาคทาธรเป็นผู้จ่ายควรให้ ๒๐๐ เหรียญ ถ้าจ่ายเงินบาทให้ พระยาคทาธรต้องเสียทุนเอง เพราะธรรมเนียมเมืองพระตะบองใช้เงิน ๓ เหรียญ ๖ บาท ซึ่งคิด ๑๐ เปอรเซ็นต์ให้นี้เป็นการสงเคราะห์พระยาคทาธร เพราะถูกกว่า ๓ เหรียญ ๖ บาทมาก

วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมง เสด็จออกห้องซิตติงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กรมหมื่นพิชิตปรีชากรเฝ้ารับสั่งเรื่องความแล้วกรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าทูลเรื่องกงสุลฝรั่งเศส มาทูลสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ว่า เงินค่าอินเตอแนชันนัลโทรเลขนั้นกงสุลจะขอรับไปใช้การกงสุล แล้วจะบอกไปให้คอเวอนเมนต์เอาเงินส่วนกงสุลใช้แทนนั้น ท่านเห็นว่าฝรั่งเศสจะใช้ปัญญาท่านสงสัยอยู่จะยอมอย่างนั้นไม่ได้ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพอ่านสารตราถึงพระยาวิเศษฦาไชยเมืองฉะเชิงเทรา ว่าด้วยความนายอากรสุราฟ้องขุนระวังไพรีกับจีนมีชื่อว่าต้มสุราเถื่อน พระยาวิเศษขัดข้องว่าเรียกไม่ได้กลัวจะเกิดความใหญ่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระพิเรนทรออกมาช่วยชำระด้วย

แล้วพระยาราชนำพระพิเรนทรเทพทูลลา พระราชทานพระบรมราโชวาทแล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จซิตติงรูม ทรงหนังสือราชการจนเวลา ๕ ทุ่มเสด็จขึ้น

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ เรื่องหลวงอินทรมนตรีขอลองแร่เมืองชุมพร ท่านเห็นว่าควรจะให้กำหนดตำบลในท้องตรานั้นก็ชอบอยู่ แต่ทรงเห็นว่าถ้าอนุญาตให้หลวงอินทรมนตรีทำแล้ว จะกันพวกฝรั่งที่จะมาทำแร่ แต่อย่าให้หลวงอินทรมนตรีทำแล้วไปมอบให้ผู้อื่นทำ และท่านเห็นว่าในเวลาที่ทดลองให้ยื่นบัญชีทุนกำไรนั้น สมควรแล้ว ให้ว่ากล่าวกันให้ตกลงแล้วทำท้องตราให้

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยามหินทร เรื่องเลกนายวัดนั้น สอบถามกรมประจักษ์ได้ความว่า เจ้าพระยามหินทรสั่งหักแล้ว เจ้าพนักงานไม่รับหางว่าว ทบทวนกันไปมาหลายครั้งจึงเกิดต่อว่ากัน ข้อซึ่งกรมหมื่นประจักษ์หยาบช้านั้นไม่ควรจะทรงว่ากล่าว แต่ที่ไม่รับหางว่าวนั้นเพราะเหตุไรให้กราบทูล เรื่องนายคงนั้นเดิมรับหนังสือพิมพ์ให้ ให้หนังสือพิมพ์ไปเถิด แต่คนที่สักข้อมือมาแล้ว ให้คงสักอยู่ตามเดิม ให้จัดการให้เป็นแบบอย่างเถิด

เจ้าพระยามหินทรตอบพระราชหัตถ์ว่า โปรดพระราชทานเรื่องราวนายถม ขอเลกพระยาประชุมประชานารถ โปรดให้สอบถามนั้น เดิมหลวงกิจจานุกิจประกาศ บิดานายถมทูลขอครั้งหนึ่ง โปรดพระราชทานแล้ว ลายเซ็นพระราชหัตถ์ปลวกกินเสียไม่ได้หัก เลกที่นายถมทูลขอคราวนี้ก็รายเดียวกันกับที่บิดาทูลขอทรงเซ็นให้หักให้

พระยาสุจริตตอบพระราชหัตถ์ เรื่องป่าไม้ที่โปรดให้ประมูลค่าตอกันนั้นเป็นการชอบแล้ว เพราะป่าไม้เมืองตากเป็นของหลวงไม่ใช่ของเจ้าเมืองกรมการ และป่าไม้ชั้นในที่น้อยบุญทาขอทำได้ส่งสัญญามารติไฟนั้น ได้พูดกระทบดูก็ยอมประมูลขึ้นอีก ป่าไม้ชั้นนอกนั้นลูกค้าอังกฤษลงทุนให้คนไทยทำบ้าง ทำเองบ้างไม่มีสัญญา ผู้ที่จะรับทำไม่ใคร่จะรับสัญญา เพราะกลัวพวกอังกฤษจะมาขัดขวาง ไม้บัดนี้ก็เบาบาง ป่าชั้นนอกเก็บค่าตอไม้ปีละ ๑๐,๐๐๐-๒๐,๐๐ รูเปียบ้าง ป่าชั้นใน ๔๐๐-๕๐๐ รูเปียบ้าง ๑,๐๐๐ บ้าง แต่ก่อนพระสยามสีมานุรักษ์เป็นผู้เก็บเงินแห่งเดียว บัดนี้นายด่านเก็บชั้นนอก เจ้าเมืองกรมการเก็บชั้นใน แล้วรวมกันแบ่งพวกละครึ่ง นายด่านให้คนนอกเข้ามาทำการสับสนเกียจกันค่าตอ ผู้ทำไม้ก็ลักล่องไม้ลงมาไม่เสียค่าตอ การเหลวไหลมาก ครั้งนี้ได้ให้พระวิชิตรักษาไปตรวจทำบัญชีชื่อคนทำป่าไม้ และชำระเงินค่าตอได้ ๒,๐๐๐ รูเปียแล้ว

สมเด็จกรมพระถวายศุภอักษรเจ้านครลำปาง เรื่องโปรดให้ราชวงศ์ลงมากรุงเทพ ฯ นั้น คิดว่าจะให้มาในเดือน ๘ น้ำแคววังไม่มี เพราะฝนแล้ง ถ้าน้ำท่ามีจะให้ลงมา กับว่าได้รับหนังสือเมืองเชียงใหม่ ว่าด้วยพวกเมืองเชียงตุงจะมาขอรับแมงซาขึ้นไป เจ้านครเห็นว่าแมงซาเป็นเชื้อวงศ์เมืองอังวะมีผู้ต้อนรับหลายเมือง ไม่ไว้ใจแก่ราชการ จัดคนขึ้นไปฟังราชการทางเมืองเชียงแสน ถ้าการหนักแน่นมาจะขอให้เข้ราชวงศ์คุมทัพขึ้นไป และเจ้านายผู้ใหญ่ในเมืองก็ไม่มีใครมีแต่ราชวงศ์ผู้เดียว จะขอรออยู่จนเดือน ๑๒ จึ่งจะให้ลงไป

ใบบอกขุนแผลงสท้าน ว่าด้วยพระยาราชเสนาให้ถือหนังสือไปเอาตัวเจ้าราชวงศ์เมืองนครลำปาง เจ้านครผัดไป เมื่อพระเจ้าเชียงใหม่ทำการฉลองตรา เจ้านครไปช่วย ได้เตือนเจ้านครต่อหน้าข้าหลวงและพระเจ้าเชียงใหม่ เจ้านครว่าเดือน ๘ ครั้นถึงเดือน ๘ เจ้านครว่าน้ำน้อยจะล่องต่อเดือน ๑๒ ถ้าถึงกำหนดแล้วการเป็นไปต่อไปจะบอกมาภายหลัง

วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกซิตติงรูม กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้ารับสั่งเรื่องความต่างประเทศและอื่น ๆ แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการอยู่จนบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาเกือบยามเสด็จออกขุนนาง พระนรินทร์อ่านบอกหลวงทรงสุรเดช หลวงไกรกรีธาข้าหลวง กรมการเมืองเพ็ชรบุรี ๓ ฉะบับ ว่าด้วยชำระผู้ร้ายเมืองเพ็ชร ได้ตัวได้ของกลางส่งคำให้การพะยานและตัวผู้ร้ายเข้ามากรุงเทพ ฯ เสด็จขึ้นประทับในออฟฟิศครู่ ๑ แล้วเสด็จไปประทับซิตติงรูมทรงหนังสือราชการ จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่า เดือนยี่จะมีการโสกันต์พระเจ้าลูกเธออีก ๓ พระองค์ ให้จัดการเหมือนคราวก่อน การยืนชิงช้าให้พระยาโชฎึกยืน

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เรื่องจีนตันมาบุ๋นที่เขาพอใจจะให้ชำระพร้อมกันทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ขัดขวางอะไร แต่จะตั้งตระลาการขึ้นในกรุงเทพ ฯ นั้นลำบาก ทรงคิดว่าจะให้หลวงนรากับนิวเบราเนอ เรียกจีนคนกลางทั้งสองฝ่ายมาชำระแล้ว ส่งความเห็นคนกลางเข้ามาตัดสิน จะแพ้ชะนะก็ตามแต่จะเป็นไป เราจะต้องยืนอยู่อย่างเดียว แต่ไม่ยอมให้ตึกและที่ดินเป็นของจีนตันมาบุ๋น ถ้าพระยาภูเก็ตจะต้องเสียก็ให้คิดเงินให้ พระราชทานร่างตามความที่รับสั่งนี้มีไปให้มีหนังสือตอบ เมื่อตกลงอย่างไร ต้องมีตรากลาโหม และหนังสือกรมท่าไปถึงนิวเบราเนอด้วย

มีพระราชหัตถ์ถึงพระนายไวย เรื่องถวายความเห็นจัดการเมืองลาวนั้นไม่โปรดอนุญาตให้ไป เพราะอยู่รับการในกรุงดีกว่า อย่าให้คิดต่อไปเลย จะจัดการอย่างอื่นแต่ความเห็นที่คิดมานั้นใช้ได้บ้าง

พระราชหัตถ์ตอบเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่า ท้องตราที่ตอบไปนั้นก็ดีอยู่แล้ว ไม่ควรบังคับเพิ่มเติมอีก เมื่อราชทูตไปพูดที่นอกจึงให้พูดไปตามการ การที่ล่วงเลยมาเพราะเมืองไทรทอดทิ้งเอง เราจะไปบังคับอย่างไรขึ้นจะเป็นก่อความไป

หนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ฉะบับเล็ก ว่าด้วยหวันมหมัดซามันจะขอให้กรมการไปอยู่ที่เกาะสลามาฝั่งซ้ายด้วย

วัน ๓ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเสด็จออกประทับซิตติงรูม นายกวดเฝ้าทูล ขอทำเครื่องมโหรีงา ซึ่งพระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ทำมาแต่ก่อนนั้นขอทำต่อไป กรมหมื่นศิริธัชเฝ้า ทรงฎีกาของราษฎรทรงเซ็น ๓ ฉะบับ แล้วพระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยานุภาพไตรกพเมืองเสียมราฐ ว่าด้วยโปรดพระราชทานไตรให้ถวายพระสยามสีมานุรักษ์ซึ่งทูลลาบวชนั้น ถวายแล้วขอถวายพระราชกุศล และว่าพระสยามสีมานุรักษ์ทูลลาศึกมาทำราชการตามเดิมแล้ว บอกหลวงปลัดเมืองพยุหคีรี ว่านายแก้วฟ้องนายเนตรนายแพ ว่าเป็นผู้ร้ายลักกระบือชำระรับบ้างไม่รับบ้างส่งความลงมา

พระนรินทร์อ่านบอกเมืองราชบุรี รายงานน้ำฝนต้นข้าวฉะบับ ๑ บอกพระภักดีดินแดนปลัดตายฉะบับ ๑

พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระยาราชพงศาเมืองสมุทรสงคราม ว่าด้วยมีผู้ร้ายยิงอำแดงแช่มตาย ผัวอำแดงแช่มฟ้องว่ามีสาเหตุกับนายกรับ นายเปล่ง นายฟักกับเพื่อนกรมการยังชำระอยู่

พระราชทานสัญญาบัตรหลวงราชนรารักษ์เป็นลุตเตอแนนต์ทหารมหาดเล็ก ๑ หม่อมราชวงศ์ไฉน เวดเตอรีนารีเซอเยอนร์ ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่ ๑ เสด็จขึ้น

หนังสือบอกพระยาราชสัมภารากร ที่ ๑๗ วางเวร ว่ามองซวยแบงถือหนังสือเมืองมรแมนมา ๒ ฉะบับ ฉบับ ๑ ว่ามองโพนายร้อยได้คำตัดสินชะนะความมองลัตตะมายังศาลกรุงเทพ ฯ เป็นเงิน ๗,๘๙๒ แถบ หนังสือมาแต่จุลศักราช ๑๒๓๙ ปี มาถึงเชียงใหม่ ๑๒๔๕ ปี ช้าไปถึง ๖ ปี ได้ตอบไปแล้ว อีกฉะบับ ๑ ว่ามองซวยแบงยื่นเรื่องราวกล่าวโทษคน ๕ คน จำเลยและท้าวพระยาลาวเหนือสนาม พระยาราชเสนาข้าหลวงผู้ช่วยด้วย ได้บังคับให้ทำเรื่องราวเป็นภาษาสยามยื่น ได้ตอบเมืองมรแมนไปแล้ว และว่ามองเปโตนำหนังสือเมืองผาปูนขอให้ส่งพะยานเรื่องความมองซายะไป ความเรื่องนี้ได้ตอบไปแล้วเห็่นจะแคล้วกันเสีย และว่าได้มีหนังสือถึงเข้านครลำปาง ได้ส่งพระยาไชยสงครามมาว่าความก็ไม่มา ไม่ตอบหนังสือด้วย หนานขัตติยโจทก์สะเบียงอาหารหมด มาลากลับไปหาสะเบียงแล้วจะกลับมา บอกที่ ๑๘ วางเวรว่าพระยาเชียงราย มีหนังสือว่าแสนนากระวีใจเมืองเชียงตุงลงมาค้าขายเมืองเชียงราย แจ้งความว่าเมืองเชียงตุงกับฟ้าดอกจอก ฟ้าเมืองนายฟ้ามังเรือน ฟ้าเมืองจิก ฟ้าเมืองหนอง คุมไพร่ ๕๐๐ คนยกไปตั้งฝั่งน้ำคงรับทัพพะม่า พะม่าก็เข้าตั้งเมือง นาย หนอง จิก คิดจะติดตามจับฟ้า ๕ คน พระยาเชียงรายได้เกณฑ์คนไปสืบการเมืองเชียงตุงแล้ว พระยาสิงหนาทเมืองขุนยวมมีหนังสือมาว่าได้ให้คนปลอมไปสืบการเมืองอังวะกลับมาว่า พะม่าเกณฑ์ไพรพล ๓๐,๐๐๐ คนจะไปเชียงตุง เดินทางเมืองนายเกณฑ์ ๑๙ เจ้าฟ้าส่งลำเลียง ฝ่ายคนใช้พระยาสิงหนาทกลับมาก็ได้ความว่า เจ้าเมืองนาย เจ้าเมืองนอง เจ้าแสนหวีก็เข้ากับเชียงตุง ยกมาตั้งอยู่เมืองแปง ๗ ทัพ และว่ายางแดงก็รบกับเมืองหมอกใหม่ พระยาสิงหนาทได้เกณฑ์คนออกรักษาด่านทุกตำบล ได้ปรึกษากับพระเจ้าเชียงใหม่เห็นว่าบ้านเมืองก็เกิดไข้เจ็บตายมาก น้ำฝนก็ไม่บริบูรณ์ พระเจ้าเชียงไหม่ได้มีหนังสือกำชับหัวเมืองปลายเขตต์แดน ถ้าสืบได้ความเป็นแน่นอนจึ่งจะเกณฑ์ทัพออกไปรักษาการต่อไป บอกที่ ๑๙ ว่าด้วยรับท้องตราชี้แจงการที่จะพิจารณาความ และรับสารภาพที่คืนเรื่องราวมองยางจีนไป และว่าด้วยเรื่องพระเจ้าเชียงใหม่จำอ้ายมองปันมวยนั้น มองทุนจอรับประกันตัวออกแล้ว และรับใช้ค่าทุนทรัพย์ให้ซางเครืองแล้ว และว่ามองซวยแบงได้ยื่นเรื่องราวมีผู้รับตัวเสียเงินค่าธรรมเนียมศาลแล้ว ได้หมายเรียกจำเลยแล้ว

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระ เจ้าพระยาสุรวงศ์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์ ให้มีตราส่งประกาศห้ามโยนห่วงไปตามหัวเมือง ถ้าใครเล่นให้จับทำโทษตามพระราชบัญญัติ ถ้าเป็นสับเยกต์ไม่มีหนังสือสำหรับตัวให้มีใบบอกลงมาเข้ามา

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เรื่องจะตอบกงสุลฮอลันดารายจีนนักโทษนั้น โปรดให้ปล่อยแล้ว แต่ยังติดตรางเร่งประกันตามธรรมเนียม จะตอบเดี๋ยวนี้เป็นยังไม่พ้นโทษจริง ทรงเห็นว่าให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์มารับไปแล้วให้พระยาโชฎึกหรือพระสวัสดิ์มารับไป ที่ทำโทษเกินกำหนดนี้กงสุลจะเกี่ยงให้ทำขวัญให้ของเสียเล็กน้อยแล้ว จึงตอบไป ร่างนั้นได้แก้ไขเสียบ้าง

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระเรื่องความมองซวยแบงนั้น เกี่ยวข้องพระยาราชเสนาอยู่ ให้สอบถามให้ได้ความเรื่องมองโพตูนั้นให้ค้นสารบบในกรมมหาดไทย

วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เครื่องยศทหาร ทรงสพายสายเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ตรามหาสุราภรณ์และดวงพระตราอื่น ๆ เสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามตำแหน่ง เจ้าพนักงานประโคมแตรตามธรรมเนียมเสด็จออก ทหารแตรเป่าสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานประโคมจบแล้ว กรมมหาดไทยนำเจ้าราชวงศ์แสนท้าวพระยาลาวเมืองน่านเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาศรีอ่านศุภอักษรเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมืองน่าน ว่าแต่งให้ราชวงศ์คุมต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการจำนวนปีมะเมียจัตวาศก ลงมาทูลเกล้า ฯ ถวาย และขอปืนหามแล่นกระสุนดินประสิวมาศพริกไทยกระวานกานพลูขึ้นไปไว้สำหรับราชการ และว่ามิสโอซื้อไม้ซุงไว้ราคา ๑๒ ชั่งยังไม่ได้ให้เงิน ได้มาฟ้องเจ้าพระยาภูธราภัยแต่ยังอยู่ เจ้าพระยาภูธราภัยผัดไว้นานแล้ว ได้มาเตือนเจ้าพระยาภูธราภัยว่ามิสโอตายเงินก็ไม่ได้ รายหนึ่งว่าพระยาพิษณุโลก (พุ่ม) ให้ขุนอมรศักดาวุธขึ้นไปซื้อช้างมาใช้การเมืองพิษณุโลก ขุนอมรศักดาวุธกู้เงินเจ้าอนันตวรฤทธิเดช ๒๐๐ แน่นยังไม่ได้ใช้เงิน เตือนก็ผัดไปนานแล้ว เงิน ๒ รายนี้จะควรอย่างไร และว่าเจ้านายเมืองน่านจัดได้ขี้ผึ้งหาบ ๑ ผ้าขาว ๑๐๐ เพลา ทูลเกล้า ฯ ถวายในสมเด็จพระนางเจ้า ทรงพระราชปฏิสันถาร ๓ นัดตามธรรมเนียมแล้วเสด็จขึ้น

วันนี้เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายประสูติวันนี้ เป็นพระเจ้าลูกเธอที่ ๔๖ เป็นที่ ๓ ของเจ้าจอมมารดาทับทิม ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาที่ ๑๔

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่า ศุภอักษรเรื่องพะม่ารบเชียงตุงมานั้น ก็สมกับเหตุก็ได้เล่าลือมา แต่ทางร่างกุ้งก็ว่าลาวแข็งเมืองต่อพะม่า ๆ จะไปปราบปรามก็ไม่เต็มมือ และไปมีชัยชะนะด้วยต้องห่วงหลังระวังหน้า และที่ว่าข้าวแพงนั้นนีความสงสารราษฎรนัก และให้ตอบศุภอักษรเมืองลำพูนเหมือนให้เติมว่ายินดีที่ทำการในคราววันเฉลิมพระชนมพรรษา

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยามหินทรว่า ซึ่งขัดข้องเรื่องสมเด็จกรมพระบังคับให้หักเลกพระกำแพง ขุนราชอาญามาเป็นไพร่หลวงข้างในนั้น ถ้าไม่เป็นการเกลี้ยกล่อมแน่นักก็ควรยอมตามสมเด็จกรมพระรับสั่งได้

พระราชหัตถ์ถึงกรมหมื่นภูธเรศสั่งว่า แต่นี้ต่อไปถ้าคนโทษครบกำหนดแล้วให้นำความกราบบังคมทูลจะโปรดให้พ้นโทษ ถ้าไม่มีคนรับก็ให้ลดลากว่าจะได้ประกัน ถ้าควรให้เป็นไพร่หลวงยามในก็ให้สักไว้

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าด้วยพุ่มบุตรพระยาศรีสรราชเป็นโทษมานาน ครั้งนี้ได้ทูลลาจะไปเผาศพพ่อ โปรดให้ไป แต่การต่อไปจะโปรดให้พ้นโทษ แต่เป็นคนซุกซนกลัวจะไปเมืองเขมรและอื่นๆ จะเอาไว้ในวังก็กลัวจะทำยุ่งขึ้นอีก ถำใครจะรับตัวไปได้ก็จะให้พ้นโทษ ให้ถามตามญาติ เมื่อมีผัวได้ก็ดี ถ้าไม่มีผู้รับปล่อยไม่ได้

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์ เรื่องจะส่งเงินเตเลคราฟอินเตอนาชันนัลให้แก่กงสุลฝรั่งเศสและเปลี่ยนใช้การกงสุลนั้น ไม่เข้าพระทัยและไม่ไว้พระทัยเลย เพราะฝรั่งเศสเป็นเรสต์เลสเอเครซีฟเที่ยงแท้ ที่จะส่งเงินกงสุลนั้นหวาดหวั่นมาก ให้คิดค้นคว้าตำราและปรึกษาอาลบาเสียแล้วให้กราบทูลมา

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ ขึ้นเงินเดือนมิสเตอร์อาลบาสเตออีก ๕๐ ชั่ง เดิม ๑๐๐ ชั่ง เป็น ๑๕๐ ชั่ง แต่ปี ๑๘๘๔ ไป

หนังสือกรมหมื่นประจักษ์ ว่าด้วยป้อมทำเกือบแล้ว และว่าจะให้ทหารขึ้นอยู่ป้อมสัญจรใจวิง แต่ปืนจะใช้ไม่มี ได้ปรึกษาพระองค์สายว่า ปืนเรืออย่างเล็กมีอยู่ ๓ กะบอก ปืนล้อ ๖ กะบอก เป๋นปืนฮอดสกิตๆ นี้เดิมว่าจะใช้รักษาป้อมปากน้ำแล้วเห็นว่าใช้ไม่ได้ ให้สั่งปืนริปิตติงแคนอนใช้แทน ท่านเห็นว่าควรจะให้พระองค์สายสั่งใหม่ ท่านจะขอปืนเหล่านั้นมาใช้ป้อม แต่ปืนเรือ ๓ กะบอกนั้นเป็นของหลวงกะบอก ๑ ของฝากขาย ๒ กะบอก ขอให้พระองค์สายซื้อปืน ๖ กะบอกนั้นมาใช้ป้อมปากน้ำแทน

หนังสือกรมหมื่นประจักษ์อีกฉะบับ ๑ ขอเบิกปืนเรือกะบอกหนึ่ง และขอให้ซื้อที่เขาฝากขายด้วยทั้ง ๒ กะบอกและว่าด้วยจะขอปืนล้อ ๖ กะบอกที่พระองค์สายมา จะขอให้สั่งปืนฮอสกิตริปิตติงแคนอนใช้ป้อมปากน้ำแทนปืนที่จะขอมา ๖ กระบอก

หนังสือพระยามหาอำมาตย์ถึงพระยาคทาธรเป็นไปรเวต เล่าเรื่องฝรั่งเศสทำสัญญากับองค์นโรดมเมืองเขมร ยอมให้ฝรั่งเศสเก็บเงินภาษีอากรทั้งเมืองเขมร ฝรั่งเศสยกเงินให้เขมรปีละ ๑๕๐๐ ชั่ง แต่จะต้องเสียให้ฝรั่งเศสค่าโปรเตกโตรา ค่ารักษาปีละ ๑๓๗๕ ชั่ง คงเขมรจะได้ปีละ ๑๒๕ ชั่ง เท่านั้น ให้สืบการให้ได้แล้วควรจะบอกเข้ามา แต่ที่ชี้แจงเล่าไปนี้เป็นการไปรเวต

หนังสือสมเด็จกรมพระถึงนิวแมน ว่าด้วยมองตอคนในบังคับอังกฤษซื้อไม้ขอนสัก ๑๐๕ ต้นแต่อำแดงคำผงลูกพระยาจางวางเมืองตาก คนในบังคับไทย ซื้อไม้รายเดียวกันนี้แต่พระวิชิตรักษา ลูกพระยาจางวางเมืองตาก ยุ่งกันอยู่ด้วยไม้รายนี้ ยังเป็นไม้มฤดกระหว่างชำระความมฤดกอยู่ ซึ่งคนบังคับอังกฤษซื้อจากใครก็ให้ฟ้องผู้ขาย จะพิจารณาให้ แต่ไม้รายนี้เป็นของกลางจะให้ผู้ใดรับไปไม่ได้ก่อนกว่าจะได้ตัดสินความแล้ว

วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่ทรงพระสบายไม่เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในทรงราชการบ้าง

หนังสือสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช ว่าด้วยสายเคเบอที่ทอดลำนั้นเจ้าพระยา ที่ต่อไปติดสายตะวันตก ซึ่งต่อกับแดนพะม่าอังกฤษนั้นใช้ได้แล้ว แต่เสาสายที่ได้ตั้งไว้นั้นยังไม่ได้ตรวจ ไม่ทราบว่าจะเป็นอันตรายอย่างไร เพราะไม่มีพนักงานประจำสเตชั่น เมื่อได้แต่งออกไปประจำแล้วตรวจซ่อมแซมเสียก็ไม่ลำบากนัก และจะจัดลูกจ้างที่หัดทำการได้แล้ว จะตรวจซ่อมแซมด้วย ถ้าทำการไม่สำเร็จเอาเสมียนฝรั่งออกไป คิดจะให้เสมียนและคนตรวจสายตะวันตกตะวันออกให้ปนรวมกัน และว่าได้จ้างไลน์แมนคนฝรั่งเศสไว้ ๒ คน จะให้ไปตรวจสายตะวันตกก็ได้ และสายของอังกฤษไม่แล้วเป็นการเสียประโยชน์ฝ่ายเรามากนัก และว่าในแล้งนี้จะทำการโทรเลขอื่น ๆ อีกก็ได้ด้วยเครื่องมีมาก และอินสเปกเตอร์ที่ส่งให้พระยาสยามเรียกคงมาถึงเร็วจะมาเปล่าอยู่ ถ้าสมควรคัดเดวิซอนออกก็คัดออกเสีย ด้วยมีประโยชน์น้อย

พระราชหัตถ์ตอบว่า ซึ่งจะให้คนตรวจรวมกันนั้นดีแล้ว และว่าเตเลแครฟแล้วใช้ไม่ได้นั้น พระยาสยามได้มีเตเลแครฟถามที่อินเดียว่า เมื่อไรของอังกฤษจะแล้ว เขาตอบว่าของเขาแล้วแล้ว คอยข้างไทย การที่เป็นทั้งนี้เห็นจะเป็นเพราะอ้ายนิวแมนแกล้งนิ่งเสียเท่านั้น

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่าด้วยจะให้ทหารไปถึง ๘๐๐ คนนั้น ใบบอกหลวงภักดีณรงค์ก็ไม่ได้ความว่าฮ่อเข้ามาตีเขตต์แดนไทย จะให้ทหารไปมากก็จะไม่ได้ทำการ จะไปป่วยการและเจ็บไข้ล้มตายเปล่า ๆ ควรจะยกทหาร ๘๐๐ นั้นเสีย จะเปลี่ยนให้คนที่ชำนาญรู้ฝึกหัดและมีนายที่รับสัญญาบัตรกำกับไปสัก ๕๐ คน จะได้ฝึกหัดลาวหัวเมืองให้ชำนาญรู้ที่จะใช้อาวุธให้ดีขึ้นด้วย ส่วนพระยาราชนั้นคิดเพิ่มเติมคนแก้บัญชีเสีย และบัญชีเกณฑ์ช้างม้าพาหนะอย่างไรเงียบไป พระยาราชจะได้ยกเมื่อไร การเกณฑ์อย่างนี้ถ้ามีทัพศึกขับขันจริงจะทำอย่างไร ดูเป็นที่น่ากลัวนัก

หนังสือพระยาไชยยศว่าเงินเหรียญนกมีตราอื่น ๆ ที่ใช้ไม่ได้ และเงินเหลือเศษมีอยู่มาก เงิบเฟื้องไม่ใคร่จะมี ขอให้ทำอีก ๕๐๐ ชั่ง โปรดให้ทำ

หนังสือสมเด็จกรมพระว่า นิวแมนแลกูล์มาเฝ้า พูดเรื่องมองซวยกงว่า เกาวแมนต์อังกฤษมีหนังสือมาให้ชำระใหม่ เขาเห็นว่าควรจะสืบพะยานเสียที่กรุงเทพฯ ทีเดี๋ยวดี ด้วยมองไข่พะยานรู้การดีและอยู่ที่กรุงเทพฯแล้ว คำหาคำให้การก็มีแล้ว กงสุลขอให้กราบทูล ท่านว่าทูลไม่ได้ กงสุลว่าถ้าสืบพะยานได้แล้วตัดสินทีเดียวก็แล้ว ท่านได้ตอบว่าไม่ได้ด้วยไม่พร้อมโจทก์จำเลยและผิดธรรม

วัน ๖ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

ไม่ได้เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเขียนหนังสือในไลบรารีข้างใน

สมเด็จกรมพระส่งคำให้การพระยาราชเสนาที่โปรดให้สอบถามเรื่องความมองซวยแบงนั้น ว่ามองซวยแบงมาฟ้องปากและสืบได้ว่าฟ้องไว้ที่พระยาเหนือสนาม แล้วจะรับเป็นส่องศาลไม่ได้ และว่าท้าวพระยาเหนือสนามว่าความนี้สืบไม่สมได้คืนเรื่องงาวไปแล้ว มองซวยแบงก็ได้ฟ้องที่ศาลต่างประเทศเมืองเชียงใหม่อีก

เรื่องมองโพนั้นค้นหนังสือเก่าได้ความว่า เจ้าพระยาพลเทพแต่ยังเป็นพระยาราช และพระยาว่าแสนขลิบได้ไปชำระพร้อมกับกงสุลอังกฤษที่บ้านกงสุล เมื่อปีวอก ๑๒๓๔ มองโพมองในกล่าวโทษโกเลสมาว่ารับเงินไป สัญญาว่าจะให้ไม้สัก ๓๐๖ ต้น ถึงกำหนดให้ไม่ครบ โกเลสมาว่าให้ครบแล้ว มีหนังสือเป็นสำคัญ เอาหนังสือมาตรวจดูเป็นหนังสือปลอม กงสุลตัดสินเป็นแพ้ ให้ใช้เงิน ๗,๘๙๒ แถบ กงสุลไม่รับว่าโกเลสมาเป็นสับเยกต์ ครั้งนั้นโกเลสมาให้อ้ายลอบุตรมาว่าความได้ส่งอ้ายลอจำคุกไว้ได้ปี ๑ ตาย บอกกงสุลแล้ว

เจ้าพระยามหินทรขัดข้องเรื่องเลกพระกำแพงที่สมเด็จกรมพระขอ ได้สักเป็นไพร่หลวงบ้างแล้วยังบ้าง แต่มีเจ้ากรมไพร่หลวงยื่นว่าสมัครอยู่กรมของตัว

พระราชหัตถ์ตอบเรื่องเลกที่เป็นไพร่หลวงแล้วก็ให้คงอยู่ ถ้ายังไม่ได้สักให้เป็นไพร่สมตามที่ขอ

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระเรื่องมองซวยกงนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรา อังกฤษขอให้ชำระใหม่ ได้สั่งทูตให้พูดชี้แจงแล้วว่าเป็นสับเยกต์ทั้ง ๒ ฝ่าย การที่จะรับสั่งกับฝรั่งให้ระวังให้มาก ถ้าเปิดไปกรมท่าได้ดีกว่า ถ้าจำความไม่ได้ให้ตริตรอง

วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

หนังสือสมเด็จกรมพระว่า ทัพฮ่อเห็นจะไมมีดังพระราชดำริ เห็นจะเป็นลาวตื่นต่อ ๆ กันมา ถ้าเมืองบริคัณหนิคมแตกจริง เมืองหนองคายเมืองโพนพิไสยคงมีบอกมา ทหารก็จะไป ๕๐ นั้นพอควรแล้วเป็นการดี และว่าช้างเมืองหล่มศักดิ์มาถึงสระบุรี ๑๒๐ แล้วกำหนดพระยาราชจะไปแรมเดือนอ้าย

ฉะบับ ๑ หนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ถวายเรื่องพุ่มบุตรพระยาศรีสรราช ไม่มีญาติคนใด ขอฝากแผ่นดินไว้

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งหนังสือนิวแมนตอบเรื่องโยนห่วงว่าได้ห้ามคนอังกฤษแล้ว ถ้าโปลิศทราบว่าคนอังกฤษเล่นให้บอก เขาคิดว่าไทยคงจะไปฟ้องเขาในการเรื่องนี้ เขามีความยินดีที่ทรงจัดการชั่วร้ายเหล่านี้ ขอให้วางพระทัยในที่ว่าการอังกฤษว่ามีน้ำใจรักและจะช่วยด้วย

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งคอเรสปอนเดนส์เรื่องความนายราชจินดาฟ้องจีนซุยเผง ได้ส่งไปที่กงสุลอังกฤษ จีนซุยเผงตายในระหว่างความ นิวแมนตัดสินไม่ให้ผู้รับมฤดก จีนซุยเผงเสียเงินให้ โจทก์ไม่ยอม นิวแมนจะส่งความไปสิงคโปร์

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งหนังสือราชทูตอเมริกันว่าคอเวอนเเมนต์อเมริกันทราบข่าวราชทูตสยามจะไปอเมริกัน มีความยินดีจะจัดการรับรองตามสมควร

อีกฉะบับ ๑ ส่งหนังสือคอเรสปอนเดนส์เรื่องจะพระราชทานรางวัลมิสเตอเลศลี นายโปลิศเมืองมลิวันในการช่วยคนเมืองระนองเมื่อคราวพวกจีนกำเริบ

หนังสือสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ ว่าเรื่องจะส่งเงินที่กงสุลฝรั่งเศสนั้น เพราะถือว่าเป็นพนักงานของท่านที่จะส่งเงินนั้นไปยังไซ่ง่อนไม่เป็นกำหนด เห็นว่ากงสุลจะส่งไม่เสียค่าป่วยการจึงจะลองดู เมื่อไม่ควร เลิกเสียก็่ได้ ธรรมเนียมส่งเงินนั้นเมื่อสิ้นเดือนบอกจำนวนไปยังไซ่ง่อนเพราะต่อสายกัน เมืองนั้นรับหักไว้แล้วบอกส่งไปอีกตามลำดับ ถ้าไม่โปรดให้ส่งกงสุลจะงดเสีย จะต้องเบิกเงินไปไว้ไซ่ง่อนสัก ๑,๐๐๐ ชั่ง ถึงเดือนจะได้หักส่งไปก่อนแล้วส่งเงินที่เก็บได้ใช้เป็นคราวๆ ถ้ามีเอเยนต์คอยจ่ายเงินหรือส่งเงินออกไปแล้วไม่เสียค่าป่วยการ

วันนี้สมโภชสามวันพระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติวัน ๔ ๑ ค่ำ เสด็จลงสมโภชแล้วเสด็จตำหนักกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร ด้วยมีการสวดมนต์ทำบุญวันประสูติของพระองค์ท่านบรรจบครบรอบที่ ๖๕ เจ้านายข้าราชการเข้าไปเหมือนทุกปี

มีพระราชหัตถ์พระราชทานพระพรมละดุมเพ็ชรสำรับ ๑ เงิน ปีละ ๕ ตำลึง รวมเงิน ๑๒ ชั่ง ๕ ตำลึง

วัน ๑ ๑๐ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ยังไม่เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ทรงหนังสือราชการต่าง ๆ

หนังสือพระนายเสมอใจว่าสัญญาตึกหน้าวัดประยูรวงศ์อีก ๒๒ วันจะสิ้นสัญญาแล้ว ได้ถามมิสเตอบุชว่าจะเช่าต่อไปหรือไม่ มิสเตอบุชขอผัดให้มิสเตอไมสเนอนายห้างกลับมาก่อน ส่งสำเนาสัญญามาด้วย

มีพระราชหัตถ์ตอบว่าที่พูดปากเปล่านั้นเลื่อนลอย ให้มีหนังสือถามไปว่าจะเช่าต่อไปหรือไม่ ที่มิสเตอบุชผัดไปนั้นจะต้องถือตามสัญญาจะคิดค่าเช่าต่อไป จะตกลงหรือไม่ให้ตอบมา

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระให้มีตราตอบพระยาราชสัมภารากร เรื่องมองซวยแบงให้รับชำระตามพระราชกำหนดกฎหมาย เรื่องมองโพดูการแต่ก่อนหละหลวมมาก ให้ส่งฉะบับความไปให้ข้าหลวงทราบเสีย ศุภอักษรเมืองน่านทวงลูกหนี้ ๒ รายนั้น รายฝรั่งนานแล้วให้สืบสวนดู รายขุนอมร คือนายอิ่ม ไชยบูรณให้สอบถาม ถ้ารับให้ตอบว่าถ้านายอิ่มใช้หนี้หลวงหมดแล้วจะเร่งให้ทีหลัง

หนังสือกรมหมื่นภูธเรศว่าด้วยหลวงกิจจาจีนสยามกับพวกจีนนายบ่อนบางขวางวิวาทตีกันกับจีนลูกจ้างห้างวินเซอเรดลิกเป็นการใหญ่ ท่านได้ตัวมายังพิจารณาอยู่ และว่ากงสุลฮอลันดาขอให้เพิ่มเติมโปลิศ ท่านได้ให้โปลิศไปรักษาท้องที่อีก ๒ โหลมีปืนด้วย และชันสูตรบาดแผลจีนทั้งสองฝ่ายด้วยแล้ว

ถึงกรมหมื่นภูธเรศตอบเรื่องจีนวิวาทกันนี้ดูเป็นการโตใหญ่ ซึ่งจัดโปลิศเติมลงไปนั้นดีแล้ว ถ้าเหลือกำลังให้เรียกทหารที่พระนายไวย และมีพระราชหัตถ์สั่งให้พระนายไวยเตรียมทหารไว้ด้วย

หนังสือพระองค์เจ้าสวัสดิถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ให้ตอบยินดีที่มีหนังสือว่ด้วยคอเวอนเมนต์ยุไนติดสเตตจะรับราชทูตสยาม

ฉะบับหนึ่งเรื่องความนายราชจินดา เขาตัดสินเป็นเด็ดขาดแล้ว ยังแต่จะต้องอุทธรณ์ไปที่นอก จะต้องวางเงินขึ้นศาล ให้ถามนายราชจินดาเจ้าของความดู จะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็แล้วแต่ใจ

วัน ๒ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ก็ยังไม่ได้เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน

รับหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ส่งหนังสือกงสุลเยยรมันส่งสำเนาพระราชสาสน์แกรนดุกเมืองแมกแลนเบิกชวริน และขอเข้ามาเฝ้าถวายพระราชสาสน์ด้วย

สำเนาพระราชสาสน์แกรนดุกเฟรเดริกฟรันส์เมืองแมกแลนเบิกชวริน เจริญทางพระราชไมตรีขอบพระเดชพระคุณที่ทรงรับ รองดุกโยฮันอัลเฟรดเมืองแมกแลนเบิกชวริน และขอบพระเดชพระคุณที่ทรงถามข่าวเศร้าโศกที่พระราชบิดาสิ้นพระชนม์ และถวายเครื่องราชอิสสริยยศแกรนด์ครอส กับสายสังวาลในราชวงศานุวงศ์เวนดิชครอนด้วยความยินดี

หนังสือกรมหมื่นภูธเรศว่าด้วยบาดแผลจีน ๒ คน ลูกจ้างพระพิศาล แต่เป็นพวกห้างวินเซอเรดลิก

ใบบอกพระยาพิไชยว่าด้วยได้รับหนังสือหลวงเมืองว่าที่ปลัดซ้ายพระพิทักษบุรทิศเสนาบดีเมืองหลวงพระบางบอกข่าวดอกเตอโปเนอิศอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง และว่าเจ้านายแต่งคนไปสืบราชการเมืองพวนได้ความว่าฮ่อเก่อลายมาตั้งอยู่ทุ่งเชียงคำประมาณ ๒,๐๐๐ เศษ นายชื่อ กวานหลวง กวานไช ฮ่อเก่อลายตีเมืองงานเมืองภางแตก ฮ่อตั้งอยู่ประมาณ ๕๐๐ เศษ นายชื่อ สามกอ ลิวสิกอ เจ้านายได้กำชับหัวเมืองปลายเขตตแตนให้ระวังรักษาแล้ว พระยาพิไชยส่งต้นหนังสือต่าง ๆ ลงมามีบัญชีคนเมืองพวนซึ่งระส่ำระสายหนีไปอยู่ในที่ต่าง ๆ และฮ่อฆ่าตายด้วย

ใบบอกพระยาพิไชยว่าด้วยรับท้องตราพระราชสีห์ทราบความแล้ว ได้แต่งกรมการเชิญศุภอักษร ขึ้นไปเมืองหลวงพระบางทาง ๑ เมืองน่านทาง ๑ และได้เกณฑ์ไพร่กรมการเมืองพิไชย เมืองขึ้น ๒๑ ขุนหมื่นไพร่ ๕๐๐ ปืนกระสุนดินดำศาตราวุธสะเบียงอาหารไว้พร้อมแล้ว และได้แต่งกรมการคุมไพร่คอยประจำอยู่เมืองปากเหืองคอยส่งหนังสือบอกข้อราชการ

บอกพระยาพิไชยว่าด้วยพระยาสุโขทัยมีหนังสือไปถึง ว่าจะยกขุนหมื่นไพร่พล ๕๐๐ คนไปเมืองหลวงพระบาง จะมาถึงเมืองพิไชยทางก็ไกลสะเบียงอาหารก็เบาบางลงให้ตระเตรียมไว้ พระยาพิไชยได้ตระเตรียมสะเบียงอาหารไว้เสร็จแล้ว

บอกพระยาอุตรการโกศลส่งหนังสือขดเมืองแพร่และหนังสือเมืองเชียงแสนว่าเชียงตุงขัดแข็งต่อพะม่าๆ จัดทัพมารบและข่าวยางแดงรบกับเมืองหมอกใหม่ และหนังสือพระยาสีหนาทถึงเมืองแพร่บอกข่าวเหมือนเชียงแสนเหมือนกัน

บอกหลวงภักดีณรงค์ว่าด้วยแต่งท้าวเพี้ยกรมการขึ้นไปกำชับเมืองลาวฝั่งโขงสืบได้ความว่าฮ่อมาถึงท่าโทมจะยกมาเมืองบริคัณหนิคม ท้าวเพี้ยที่ไปอยู่สืบการไม่ไว้ใจ ได้เกณฑ์คนเมืองไชยบุรี ท่าอุเทน นครพนม สกลนคร มุกดาหาร พร้อมด้วยศาตราวุธ สะเบียงอาหารไปอุดหนุนเมืองบริคัณหนิคมแล้ว ขอให้มีตราบังคับไปจะได้จัดการเต็มมือให้แข็งแรงด้วย

ความเห็นกรมหมื่นพิชิตว่าด้วยการที่จะจัดการเมืองลาวตะวันออกให้เรียบร้อยความพิสดารมาก

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระ ตั้งแต่ทรงรับบอกหลวงภักดีณรงค์ ก็ทรงตริตรองถึงการที่ท่านจะเสด็จขึ้นไปจัดการเมืองลาว และข้อสำคัญในการทัพศึกก็ไม่มีแล้ว สำคัญแต่การบ้านเมือง แต่จะให้แล้วเร็วไม่ได้ เวลาก็น้อย อยากจะให้งดเสียปี ๑ ก่อน หาผู้อื่นไปถางลู่ทางไว้ก่อน ทรงเห็นว่ากรมหมื่นพิชิตสมควรขึ้นไปได้ ถ้าทรงเห็นชอบให้รีบจัดการ ต้องมีขุนนางไปด้วยหลายคนทั้งวังหน้าวังหลวง จะเอาโครไปบ้างให้รับสั่งปรึกษาดู ทางที่จะไปนั้นขึ้นนครราชสีมาตัดออกไปฝั่งโขงเลียบขึ้นหนองคาย ขากลับแล้วแต่การ ถ้ามีทัพศึกให้เรียกคนหนุนพระยาราชได้ ซึ่งทรงจัดดังนี้เพราะทรงเห็นว่าท่านเปนพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่อยู่พระองค์เดียว จะไปลำบากไม่คุมกับราชการสำคัญในกรุงเทพ ฯ ที่จะมีต่อไป ถ้าทรงเห็นชอบให้จัดการเสียโดยเร็ว

อีกฉะบับหนึ่งว่า ข้อความที่หลวงภักดีณรงค์บอกมาเป็นข่าวเดิมนั้นเอง การที่จัดไว้เดิมก็ดีแล้ว แต่กำหนดพระยาราชจะไปข้างขึ้นเดือนยี่นั้นช้านัก ควรจะให้เร็วขึ้นอีก อนึ่งไพรที่พระยาราชเอาไปนั้นน้อย ถ้าหนักแน่นต้องอาศัยลาว ให้มีตราบังคับหัวเมืองให้หลวงภักดีณรงค์เรียกคนหนุนพระยาราช ทางพิไชยทางสุโขทัยจัดการดีมาก

วัน ๓ ๑๒ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ยังไม่เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างใน ทรงหนังสือราชการ

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เรื่องนิวแมนมีหนังสือมาเรื่องโยนห่วงชั้นหลัง พระราชทานร่างให้ตอบ แต่ที่จะมีไปถึงราชทูตนั้น ถึงจะไม่ฟ้องก็ต้องส่งให้ทราบ แต่หนังสือนำนั้นให้ว่าเดิมขัดข้องกัน ภายหลังนิวแมนยอมห้ามปรามเป็นแต่ส่งมาให้ทราบเท่านั้น

มีพระราชหัตถ์พระราชทานพรกรมขุนบดินทรในการทำบุญวันประสูติครบรอบ ๕๗ รอบ พระราชทานเงินปีละ ๘ บาทเท่าพระชนมายุตามเคย

พระองค์เจ้าขจรถวายหนังสือว่าด้วยเรื่องที่พระยาสบบัติยาธิบาลอยู่สืบได้ความว่าเงินหลวงค้างอยู่ ๕๐๐ ชั่งเศษ ได้ไปสอบถามนายอ่ำซึ่งเป็นผู้ชำระ ตอบมาว่าความเรื่องนี้ลูกขุนปรึกษา ว่าพระยาสมบัติยาธิบาล นายอาจบุตรฉ้อหลวง ให้ลงพระราชอาญาริบราชบาตรจำคุก คำปรึกษาถวายไว้นานแล้ว แต่เวลานั้นเกิดไข้ประจุไม่มีใครไปตรวจทรัพย์ การค้างมา พระองค์ขจรเห็นว่าควรไปตรวจ

พระราชหัตถ์ตอบว่าความเรื่องนี้ก็ทอดทิ้งมาช้านาน คำให้การและคำปรึกษาเห็นจะหายหมด ตัวความก็ตาย คำปรึกษาเรื่องตั้งฎีกาฉ้อที่ลูกขุนปรึกษาให้ริบนั้นจะหายไปเสีย บัญชีที่เงินหลวงค้างเห็นจะยังไม่ศูนย์ให้สระสางดู

กรมหมื่นประจักษ์ถวายหนังสือว่าด้วยจะลองปืนที่ป้อมสัญจรใจวิง พร้อมกับยิงปืนเช้ามืดทีเดียว

หนังสือพระนายศรี ว่าด้วยเรื่องเลกวัดอรุณนั้น คือเป็นเลกโยมสงฆ์ และว่าการหักทหาร หลวงพิไชยเสนาได้บอกให้ทำเป็นจดหมาย ผู้บังคับการกรมทหารหน้าไปขอหักเลก ก็ได้เคยใช้อย่างนั้นมาแล้ว ค่าธรรมเนียมก็เคยเสียมา ได้ส่งบัญชีมาด้วย เรื่องเลกกรมพระกลาโหมนั้น เป็นคนบุตรรับราชการสาม

วัน ๔ ๑๓ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ก็ไม่ได้เสด็จออก พระองค์สวัสด์เข้าไปเฝ้าข้างในเหมือนวานนี้

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ถวายคอเรศปอนเดนส์ เรื่องความจีนหลิงฟอกเซนที่กล่าวโทษกรมการพระพุทธบาทว่าฆ่าลูกจ้างตาย กงสุลฮอลันดาขอให้ถวายคอเรศปอนเดนส์

อีกฉะบับหนึ่งส่งร่างหนังสือที่จะมีส่งคอเรศปอนเดนส์เรื่องโยนห่วงไปยังกรมหมื่นนเรศราชทูต

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือ นำบอกพระอุดรและคอเรศปอนเดนส์เรื่องความจีนหลิวฟอกเซน เหมือนอย่างเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถวาย

หนังสือพระอุดรไปรเวต ทูลสมเด็จกรมพระ ว่าด้วยแต่งคนขึ้นไปสืบราชการทางเมืองเชียงตุง และว่าพระเจ้าเชียงใหม่จะโกนจุกลูกในเดือน ๑๒ จะให้ลงมาทูลลากลัวจะไม่ทันจึงให้พระอุดรบอกมา และว่าด้วยความไข้เมืองเชียงใหม่ชุม

พระอุดรส่งหนังสือเมืองเชียงรายเชียงแสน บอกด้วยเรื่องเงี้ยวพะม่ามาตีเมืองสาดและอื่น ๆ ได้เตือนเจ้าประเทศราชไม่ใคร่จะเชื่อฟัง ที่บอกมานี้ขออย่าให้เจ้าเหล่านั้นทราบ

เจ้าหมื่นเสมอใจถวายหนังสือ ว่าด้วยได้มีหนังสือไปถึงห้างมูลเลอแอนไมสเนอ ๆ มีหนังสือตอบมาว่าจะยอมเสียค่าเช่าต่อไปก่อนกว่าไมสเนอจะกลับ

พระองค์สวัสดิตอบไปว่า โปรดให้ยึดหนังสือไว้เป็นสำคัญ

หนังสือพระยานครราชสีมา ว่าเก็บเงินค่านาเมืองขึ้นจำนานปีมะเมียได้ ๒๗๖ ชั่ง ๒ ตำลึง ๑ สลึง ๑ เฟื้อง กับว่าผูกปี้จีนจำนวนปีมะเมียได้มากกว่าปีเถาะ ๑๖๐ คน และว่าไพร่ที่หนีไปอยู่เมืองเขมรป่าดงก็กลับมาอยู่ตามเดิม ไพร่เมืองอื่น ๆ ก็ขึ้นไปอยู่มาก และว่าเก็บเงินเลกกองเลี้ยงช้างซื้อช้างได้ ๒ ช้าง และเรื่องที่บอกทัพฮ่อให้พระพลบอกนั้น ตัวได้บอกกำกับมาด้วย

สมเด็จกรมพระตอบพระราชหัตถ์ เรื่องที่จะขึ้นไปจัดการเมืองลาว เต็มใจฉลองพระเดชพระคุณจริง ๆ ไม่มีความรังเกียจ แต่ที่รอนั้นเพราะช้างไม่มาถึง ที่จะโปรดให้กรมหมื่นพิชิตไป เพราะทรงพระกรุณาท่าน เป็นพระเดชฯ แล้ว แต่การเรื่องนี้ได้ทรงมอบท่านแล้ว ท่านก็ยังไม่สิ้นสติปัญญา ถึงเวลาน้อยจะค้างฝนก็ได้ ถ้าโปรดให้งด ควรท่านจะคิดจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง เห็นว่าถ้าโปรดให้ผู้ใดทำต้องทำจนสำเร็จ กับว่าพระยาราชจะไปวัน ๔ ๑๒ ๑ ค่ำ

ตารางเกณฑ์ทัพพระยาราชขึ้นไปราชการคราวนี้ ข้าราชการในพระบรมมหาราชวัง ๑๑ พระยาราชวรานุกูล ๑ หลวงเสนาภักดี ๑ หลวงสุริยามาตย์ ๑ กรมมหาดไทย ๓ หลวงพิทักษ์ผู้ช่วยเมืองกำแพงเพ็ชร ๑ ขุนรามรณฤทธิอาสาวิเศษขวา ๑ หลวงเสนานน ขุนกำแหงสงคราม กรมอาสาวิเศษซ้าย ๒ หลวงไกรเทพ อาสาใหญ่ซ้าย ๑ หลวงไกรนารายณ์ อาสาใหญ่ขวา ๑ หลวงฤทธิสำแดง ฝรั่งแม่นปืน ๑ ขุนรุตรณไชย กัปตันทหารหน้า ๑ พระราชวังบวร ๕ พระวิชิตสงคราม อาสารองขวา ๑ หลวงวิสูตรโยธาบาล อาสาใหญ่ขวา ๑ พระฤทธิสงคราม เขนทองขวา ๑ พระพินิจสารามหาดไทย ๑ หลวงสุรณรงค์ สัสดีกลาง ๑ หัวเมือง ๒ พระบังขัง ๑ พระชุมแสง ๑ เมืองขึ้น เมืองพระพิษณุโลก ทหารหน้าออฟฟิศเซอและไปรเวต ๕๒ คน รวมขุนและหมื่นและเมืองรั้งไม่มีสัญญาบัตร ขุนหมื่นเบี้ยหวัดขุนหมื่นตัดไพร่หลวงไพร่สมในพระบรมมหาราชวัง ในกรุงนอกกรุง ๖๑๗ พระราชวังบวร ๘๗ รวมทั้งสิ้นขึ้นไปในราชการคราวนี้ ในกรุง ๕๒๐ หัวเมือง ๒๒๕ กองนอก ๒๙ รวม ๗๗๔

วัน ๕ ๑๔ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ก็ไม่ได้เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปเขียนหนังสือข้างในด้วย

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือบอกพระยานครราชสีมา ๔ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยได้รับตราพระราชสีห์ส่งไปตามระยะทาง เป็นรอยเปิดผนึก ได้ห่อส่งขึ้นไปหนองคายแล้ว อีกฉะบับ ๑ ว่าได้แต่งคนไปเกลี้ยกล่อมพวกเลกเมืองนครราชสีมาซึ่งหนีไปอยู่เมืองเขมรป่าดง เลกเหล่านั้นอยากกลับมาบ้าง แต่เกรงเจ้าเมืองกรมการเมืองเขมรป่าดง ได้มีหนังสือถึงเมืองพระตะบอง เมืองพนม เมืองศรีโสภณ ว่าเลกเหล่านี้จะสมัครกลับมาขออย่าให้ขัดขวาง ครั้นเดือน ๗ ปีนี้พวกเลกกลับมามาก เลกเมืองอื่นก็ขึ้นไปด้วย เป็นจำนวนคน ๙๗๒ คน อีกฉะบับหนึ่งส่งหนังสือพระมหาดไทยที่ให้ขึ้นไปสืบราชการทัพฮ่อที่หนองคาย บอกมาว่าพวกฮ่อไม่ได้มาตีเมืองบริคัณหนิคม อีกฉะบับหนึ่งส่งหนังสือพระยาประทุมเทวาธิบาลเมืองหนองคาย ความเหมือนกันกับหนังสือพระมหาดไทยบอกมา

หนังสือพระองค์สวัสดิ์ถึงเจ้าพระยามหินทร ให้คิดทำแบบอย่างที่จะหักโอนสำหรับกรมทหารมาถวายจะได้ตั้งเป็นแบบอย่าง

หนังสือสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ถวาย ว่าด้วยกงสุลฝรั่งเศสมีหนังสือมาแหม่มเอเดนเมียเสมียนโทรเลขเจ็บกลับไปนอก ในสัญญาว่าเราต้องเสียค่าโดยสารถึงไซ่ง่อน ครั้งนี้เขาจะไปลงเรือรบฝรั่งเศสไปยุโรปทีเดียว เราต้องเสียเพียงสิงคโปร์ แต่เขาต้องรอเรือรบอยู่สิงคโปร์ ขอให้เสียค่าป่วยการ ท่านตอบไปว่าจะเสียค่าโดยสารถึงไซ่ง่อนเป็นการตกลง ท่านขอตั๋วยืมไปใช้

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมหลวง เรื่องเอสติเมตเงินใช้ในการโทรเลขและไปรษณีย์นั้น ได้ทรงตั้งกอมมิตตีตรวจ บัดนี้กอมมิตตีทำความเห็นถวายได้พระราชทานไปแล้ว แต่ยังไม่ทรงตัดสินก่อน ให้ท่านตรวจจะจัดการได้ไม่ได้อย่างไรให้ปรึกษากอมมิตตีให้ตกลงก่อน

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระ เรื่องทรงพระราชดำริจะให้กรมพิชิตขึ้นไปนั้น ไม่ได้ทรงสงสัยว่าท่านจะบิดเบือนอย่างใดเลย เห็นว่าการทัพไม่มีจริงเวลาจัดการก็น้อย จะให้ไปได้ลำบากในการไม่มีประโยชน์ไม่สมควรจะทำ แต่จะละเลยไม่ได้ ด้วยฮ่อมาตั้งอยู่ใกล้เขตต์แดน จึงทรงเห็นควรให้พระยาราชไปขัดทัพไว้ การที่จะให้ผู้อื่นไปแทนนั้นทรงเห็นการ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งถ้าฝรั่งเศสจัดการปราบปรามฮ่อสำเร็จไปได้ ฮ่อจะแตกเข้ามาตั้งอยู่ในเขตต์แดนจะปราบปรามลำบาก โดยฝรั่งเศสจะปราบปรามเข้ามาในเขตต์แดนก็ไม่มีที่กีดขวาง อย่างหนึ่งถ้าไม่มีการทัพจะไปตรวจการที่จะจัดการต่อไป ที่ท่านว่าจัดการสองคนต่อกันไม่ติดนั้นจะควรทำอย่างไรให้ทำความเห็นถวาย

วัน ๖ ๑๕ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่มีราชการอะไรไม่ได้เสด็จออก

สมเด็จกรมพระตอบพระราชหัตถ์ เรื่องจัดการไปทัพและไปจัดการเมืองลาวนั้น ท่านเต็มใจที่จะไปฉลองพระเดชพระคุณทุกอย่างไม่ได้ย่อท้อ เป็นแต่เป็นทุกข์ว่าจะไปไกลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเท่านั้น และว่าการเมืองลาวที่วิวาทกันนั้น ก็มีแต่เรื่องเลกเมืองนี้สมัครไปเมืองโน้นและแย่งเขตต์แดนกัน และคนเมืองนี้ไปเป็นผู้ร้ายลักเมืองโน้น จะชำระก็ไม่ได้ขัดกันเสียบ้าง และเจ้าเมืองกรมการวิวาทกันเองเป็นสองพวกบ้าง ขอให้มีกระแสพระราชดำริที่จะจัดการ ผู้ที่จัดต้องจัดตามแล้วคงเป็นการเรียบร้อย ถ้าปล่อยตามปัญญาบ้านเมืองคงยับเยิน เรื่องฮ่อนั้นเห็นว่าพระยาราชพอจะระวังได้ ถึงฝรั่งเศสจะติดตามก็คงจะรับการพูดจาได้ ลาวหัวเมืองก็มีมาก พระยาราชต้องทำการได้ และว่าที่เมืองโคราชและเมืองลาวบอกว่าไม่มีทัพศึกนั้นเห็นจะกลัวทัพกรุงจะขึ้นไป เห็นจะเป็นการปิดบังความชั่วไว้ กลัวจะมีผู้ร้องต่อผู้ใหญ่นายทัพจึงไม่อยากให้ขึ้นไป

วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก พระองค์สวัสดิ์เข้าไปข้างในด้วย

มีหนังสือกรมหมื่นประจักษ์ ว่าด้วยแต่งให้นายพันออกไปจับทหารที่เมืองสมุทรสงคราม ไปจับได้ผู้ร้ายลักของราษฎรเข้ามาคนหนึ่ง จะโปรดให้ส่งแห่งไร

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือ ว่าด้วยเจ้าอนันตวรฤทธิเดชเมืองน่าน มีศุภอักษรขอปืนกระสุนดินดำและอัฐทองแดงและเครื่องยาต่าง ๆ นั้น ของนี้ถ้าลงมาเฝ้าทีไร ขอทุกครั้ง

พระนายเสมอใจถวายหนังสือ ว่าด้วยเงินพระคลังข้างที่ที่ค้างตามเจ้าภาษีนายอากรจะเรียกบัญชีเจ้าจำนวนยื่น กับบัญชีพระยาไชยสุรินทรมาสอบ ก็ไม่มีผู้ใดมอบหมายบัญชี เสียเวลามา ๕ เดือนแล้ว ถ้าได้บัญชีเจ้าจำนวนสอบกับพระยาไชยสุรินทรและสอบบัญชีรับพระยาไชยยศและเจ้าพนักงานรับมาหักเงินที่ค้าง จึ่งจะได้ความว่าเงินค้างมากน้อยเท่าใด ทรงเซ็นให้สมเด็จกรมพระทรงจัดจะรับจะส่ง ตรวจสอบกันอย่างไรก็ให้วางเป็นแบบลง

วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่ได้เสด็จออก รับหนังสือเจ้าพระยามหินทรถึงพระองค์สวัสดิ์ว่าด้วยมีหนังสือไปว่า โปรดให้คิดจัดการเรื่องค่าธรรมเนียมสักเลกที่แก่งแย่งกับทหารขึ้นใหม่นั้นเป็นการยาก ชี้แจงค่าธรรมเนียมมาว่าเป็นกำลังของเจ้าพนักงานมาแต่เดิมซึ่งจะให้จัดใหม่นั้นขัดข้อง ได้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงโปรด ความเห็นของท่านเห็นว่าถ้าจะไม่ให้เกี่ยวข้องทุ่มเถียงกันกับพนักงานต่าง ๆ ด้วยค่าธรรมเนียมแล้ว ต้องคิดรวบรวมค่าธรรมเนียมไว้เสีย แล้วแจกเป็นเงินเดือน ถ้าไม่ได้พอ การมากค่าธรรมเนียมน้อย ก็ให้เอาค่าธรรมเนียมกรมการน้อยมาเฉลี่ย แต่เห็นว่าเงินแผ่นดินก็ยังไม่บริบูรณ์ จะจัดการอย่างนั้นไม่ได้ และว่าได้ให้เจ้าพนักงานสัสดีประชุมกันทำความเห็นส่งความเห็นนั้นเข้ามา ในความเห็นนั้นชี้แจงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และส่งหนังสือหลวงพิไชยเสนา ว่าด้วยการที่ได้เป็นผู้ช่วยหักชำระคนเป็นทหาร และว่าเดิมพระนายไวยรับไว้ว่าค่าธรรมเนียมที่จะหักเลกนั้นจะเก็บไว้เจ้าพนักงาน แต่นั้นมาจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระ ว่าด้วยเมืองน่านขอของตามเคยนั้น ควรให้ได้ทุกอย่าง เว้นแต่ปืนหามแล่น ๑๐๐ กะบอกนั้นมากเกินไปให้แต่พอควร แต่อัฐทองแดงนั้นให้เปล่า ๆ ไม่ได้ ถ้ามีเงินแลกๆเท่าไรก็ได้ เมื่อยืมต้องมีหลักฐานและให้คอยเร่งเงินให้ด้วย

ถึงสมเด็จกรมพระอีกฉะบับหนึ่ง ว่าตารางทัพนั้นดีแล้ว และกำหนดพระยาราชทูลลาเมื่อใดให้กำหนดเสียจะเสด็จออกรับ การที่ท่านจะเสด็จไม่ทันนั้นให้บอกเลิกคนช้างม้าเสีย ให้ยกเหตุที่ราชการไม่ร้อนแรง แต่การทำแผนที่ถึงจะขึ้นไปก็คงทำไม่ทัน ถ้ารอไปแล้วน่ากลัวจะถึง ๒ แล้ง ให้คิดกับพระองค์ดิศให้ได้โครงไว้บ้าง และให้มีตราติเตียนคาดโทษพระยานครราชสีมาที่เฉื่อยแฉะ เรื่องเกณฑ์ช้างม้าปลูกพลับพลาเสีย ฉวยว่าการฉุกเฉินกว่าจะได้ตัดหัวพระยานครราชสีมาก็เสียการหมด

วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกเหมือนกัน รับหนังสือสมเด็จกรมพระว่ากำหนดพระยาราชจะทูลลาวัน ๑ ค่ำ และว่าเมืองนครราชสีมามีบอกมาว่าด้วยเกณฑ์ช้างลงมารับกองทัพนั้น ได้ช้าง ๓๗ ม้า ๘ โคต่าง ๒๒๐ ที่พักได้แต่งคนทำรับแล้ว และเรื่องเมืองน่านขอเครื่องยานั้นท่านสั่งให้ซื้อให้ แต่ปืนนั้นควรให้ ๑๐ กะบอก หรือ ๒๐ ก็แล้วแต่จะโปรด และที่พระยาราชจะไปนั้น จะโปรดพระราชทานกระแสพระราชดำริประการใด

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระตอบเรื่องจะจัดเมืองลาวนั้น การที่ติดจัดไม่แล้วเพราะเรื่องไพร่สมัครตามใจไพร่จะอยู่เมืองไหนอย่างหนึ่ง เพราะการเจ้าเมืองกรมการเกิดวิวาทแตกร้าวกันอย่างหนึ่ง การความคั่งค้างอย่างหนึ่ง ชิงที่เขตต์แดนอย่างหนึ่ง ที่ไม่สำเร็จนี้ก็เพราะเจ้าเมืองกรมการอำนาจเท่ากัน เมื่อใครโกงขึ้นก็ต้องมาฟ้องกรุงเทพ ฯ ก็โยเยต้องช้ายืดยาวไม่สำเร็จมีเรื่องความเป็นต้น นอกจากสับเยกต์แล้ว ไม่แล้วสักเรื่องหนึ่ง เรื่องการวิวาทกันก็ไม่มีใครตัดสิน แล้วเจ้าพนักงานก็ไม่ถือว่าเป็นการแผ่นดิน ถือเป็นความมีคู่ เรื่องชิงที่เขตต์แดนนั้นก็ไม่ได้ตัดสินเสร็จเพราะมักติด คนนี้ก็เห็นไปอย่างนั้น คนนั้นก็เห็นไปอย่างนี้ไม่ตกลงได้ทุกเรื่อง การชิงเลกกันนั้น ก็เพราะไม่ต้องส่งเงินค่าราชการ ไม่มีใครเป็นธุระเร่ง เจ้าเมืองนี้อยากได้คนเมืองโน้น ก็เกลี้ยกล่อมเอามาเก็บค่าราชการแต่น้อยลดลงตามใจ เพราะไม่ต้องส่งเป็นเนื้อความที่ยุ่งใหญ่อยู่ ๔ ข้อ การอื่นยังมีมาก เมื่อเห็นว่าจะจัดอย่างไรได้สำเร็จก็ให้ทรงคิดไปให้ตลอด

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่า การที่พระยาราชจะไปนั้น จะพระราชทานกระแสพระราชดำริแต่ที่ฮ่อธงดำหรือฝรั่งเศสจะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่การจัดบ้านเมืองนั้นให้ทอดพระเนตรพระราชหัตถ์ฉะบับก่อนนี้ขึ้น เรื่องเมืองน่านขอปืนลงมานั้น ลงมาทุกทีขอทุกทีให้เสมอหรือ ถ้าไม่ได้ให้แล้วให้ ๒๐ ก็ได้

พระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่า ได้ทรงรับฎีกากรมการกำนันราษฎรเมืองกาญจนบุรี และเจ้าเมืองกรมการเมืองขึ้นเข้าชื่อกันมาก ขอพระยาสุดารัตนราชประยูร ซึ่งเป็นพระยากาญจนบุรีอยู่แต่ก่อน กลับออกไปเป็นพระยากาญจนบุรีตามเดิม ทรงเห็นว่าคนพร้อมกันมากๆ ขอดังนี้ถ้าไม่มีการขัดขวางก็ดูเหมือนรักษาสามัคคีกัน แต่ยังไม่ทรงตัดสินเด็ดขาด เพราะไปทรงทราบความเดิม

วัน ๓ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่มีราชการอะไรไม่เสด็จออก พระองค์เจ้าสวัสดิ์เข้าไปข้างใน

รับหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ ส่งหนังสือกงสุลอังกฤษมีส่งหนังสือชีฟกอมมิชชันเนอ เมืองรางงูนว่าผู้ใหญ่บ้านซนปะรนเป็นบ้านฝ่ายสยาม ได้มีหนังสือไปที่เมืองมลิวันขอให้ส่งผู้ร้าย ๒ คน เขายังไม่เป็นที่เชื่อฟังเขายังไม่ส่งมา ถ้าคอเวอนเมนต์สยามจะให้ส่งขอให้มีหนังสือไป

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ส่งหนังสือราชทูตอเมริกันว่า คอเวอนเมนต์อเมริกันขอให้ช่วยการเอกษหิบิเชนฝ้ายที่เมืองนิวออเลียน

วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

ไม่มีราชการรอะไรวันนนี้

หนังสือไปรเวตเจ้าพระยามหินทรถึงพระองค์สวัสดิ์ ว่าที่มีหนังสือถวายมาว่าแต่เรื่องค่าธรรมเนียมนั้น เพราะค่าธรรมเนียมเป็นเหตุที่เกิดวิวาทกัน เรื่องเลกกรมกลาโหมนั้น สำคัญใจว่าไม่ใช่หน้าที่จึงมิได้พูดถึง ครั้งนี้ได้ชี้แจงมาโดยละเอียด ถ้ากรมทหารหน้าทหารรักษาวังถือธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสัสดี ให้เหมือนทหารมหาดเล็กและกรมแสงจะไม่มีความลำบากและแสดงความซื่อตรงต่างๆ

ฉะบับหนึ่ง อธิบายด้วยเรื่องหักโอนเลก ๔ อย่างๆ หนึ่ง ว่าด้วยไพร่หลวงสมัครเป็นทหาร อย่างหนึ่งไพร่สมสมัครเป็นไพร่หลวง อย่างหนึ่งบุตรสักสาม อย่างหนึ่งชราพิการ มีความเห็นหักเลกกรมกลาโหมมาเป็นทหารหน้า ว่าที่ไม่ยอมเพราะยึดพระราชหัตถ์ครั้งก่อนว่า ถ้าเลกหัวเมืองจะสั่งเป็นพระราชหัตถ์ ครั้งนี้ไม่มีพระราชหัตถ์ถึงกรมพระกลาโหมจึงไม่ยอมให้หัก ถ้ามีพระราชหัตถ์เห็นจะสำเร็จไปได้ เรื่องหนึ่งว่าด้วยพระนายศรีขอหักเลกข้าพระโยมสงฆ์ ๓ คน ขอสอบถามพระวุฒิการเสียก่อน กับว่าสัสดีถือธรรมเนียมเดิมกรมทหารหน้าถือว่าเป็นราชการเกิดใหม่ อยากจะทำการลัด ๆ การจึงเป็นที่แก่งแย่งไม่ตกลงได้ ขอพระราชทานพระราชบัญญัติ ฉะบับหนึ่งว่าด้วยเกณฑ์ทำป้อมครั้งก่อนได้โปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์กรมที่เงินค่าราชการค้างทำป้อมจะให้ทหารอยู่ตามเอสติเมตและตัวอย่างของพระนายไวย เจ้าพระยามหินทรถูกทำป้อมหนึ่งได้ทำสิ้นเงินน้อยกว่าเอสติเมตหลายเท่า เห็นว่าเปลืองพระราชทรัพย์มากจึงงดไว้ ครั้งนี้จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ถ้าจะให้ทำตามเดิม ก็จะได้ให้ผู้ต้องเกณฑ์ทำไป เมื่อจะทรงโปรดให้งดไว้ก็จะได้ตรวจการคิดหักเงินที่ผู้ต้องเกณฑ์ได้ทำการไว้บ้างนั้นให้แล้วไป โปรดให้สอบถามพระนายไวยว่า ทำไมเอสติเมตจึงมากนัก และจะให้ทหารอยู่ต่อไปหรือไม่

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งหนังสือเลกกีผู้ว่าการกงสุลเดนมาร์ก ว่าด้วยจะลาออกไปยุโรป จะให้มิสเตอคอซัลต์ว่าการแทน โปรดให้ตอบรับตามธรรมเนียม

กรมหมื่นนเรศพระองค์โสณกับสุดอีก ๓ คนถวายหนังสือถวายไชยมงคลในการเฉลิมพระชนมพรรษา ส่งผ้าปูโต๊ะปักมาแต่ญี่ปุ่นมาทูลเกล้า ฯ ถวาย

มีพระราชหัตถ์พระราชทานที่ตำบลบางรัก ซึ่งซื้อจากเสมียนวันเป็นสิทธิ์แก่พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ายุคลทิฆัมพร

วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระยามหาอมาตย์ทูลเบิกพระยาราชวรานุกูล พระหลวงขุนข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนในพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวรกราบถวายบังคมลาขึ้นไปราชการเมืองลาวฝ่ายตะวันออก แล้วพระราชทานกระบี่ฝรั่งแก่พระยาราชวรานุกูลแม่ทัพ แล้วโปรดให้เจ้าพนักงานเจกเสื้อเยียรบับเข้มขาบ ผ้านุ่งห่มหมวกแฮลเมตแก่พระยาพระหลวงขุนข้าราชการในพระบรมมหาราชวัง พระบวรราชวัง ที่จะไปในการคราวนี้ แล้วพระยาศรีสุนทรถวายสัญญาบัตร พระราชทานให้หลวงอินทมนตรีเป็นพระเทพผลู ๑ นายเปี่ยมมหาดเล็กเป็นหลวงอินทมนตรี ๑ ขุนเสนาทิพเป็นหลวงไกรเทพ ๑ พระจงรณฤทธิ์เป็นพระราชฤทธานนท์พระไชยบูรณ์ปลัด ๑ พระพิทักษภูธรเป็นพระกำแพงพราหมณ์ปลัดเมืองสุโขทัย ๑ นายจรมหาดเล็กเป็นพระพิทักษภูธรยกกระบัตร ๑ พระไชยราชาเป็นพระสถลบุรินทรเมืองเถิน ๑ ท้าวคำวงเป็นพระราชสัมพันธวงศ์เมืองเถิน ๑ ท้าวอินทรยศเป็นพระอุตรการเมืองเถิน ๑ ท้าวมหาพรหมเป็นพระศิขรภูมธานีเมืองเถิน ๑ แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นทีเดียว

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือ ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ตอบพระราชหัตถเลขา ร. ที่ ๔๔๒ กำหนดการตั้งพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ ๓ พระองค์ วัน ฯ๒ ๒ ค่ำ ตั้งสวดวัน ๒ ค่ำ โสกันต์ ฉะบับ ๑ นำใบบอกหลวงภักดีณรงค์ส่งบอกเมืองนครพเนม เมืองบริคัณหนิคม ถึงเมืองไชยบุรี ว่าด้ายฮ่อนี้ตั้งอยู่เมืองงานมาตั้งท่าโทมเมืองยาม คนประมาณ ๑๐๐๐ จะมาเมืองบริคัณหนิคมในแรมเดือน ๑๑ ขอกำลังเมืองไชยบุรี ๗๐ ท่าอุเทน ๑๐๐ นครพนม ๑๕๐ มุกดาหาร ๑๕๐ สกลนคร ๒๕๐ ขึ้นไปช่วย

ใบบอกพระพรหมบริรักษ์บอกระยะทางที่ขึ้น และว่าไปถึงนครลำปางแล้ว

ใบบอกพระยานุภาพไตรภพอธิบายความตอบท้องตราพระราชสีห์ เรื่องทะเลสาป ข้อ ๑ จำนวนคนทำปลาในท่าทะเลสาปว่าคนนครเสียมราฐมาก ข้อ ๒ บอกราคาปลาและจำนวนปลาที่ได้ในจำนวนปีมะเมียจัตวาศก ข้อ ๓ บอกว่าเก็บภาษีปลาได้ปีหนึ่งเงิน ๖๗ ชั่ง ๗ ตำลึง ๒ บาท ข้อ ๔ ว่าด้วยทางลูกค้าเข้าออก ข้อ ๕ ว่าด้วยสินค้าในเมือง แต่ก่อนเข้ามาทางกรุงเทพ ฯ มาก เดี๋ยวนี้ไปพนมเป็ญไซ่ง่อนมาก และบอกระยะทางแต่เสียมราฐ และพนมเป็ญถึงไซ่ง่อนถึงกรุงเทพ ฯ ข้อ ๗ ว่าด้วยการรักษาบ้านเมือง และว่าด้วยผู้ร้ายหรือสลัดเกิดขึ้น จะรับฉลองพระเดชพระคุณให้เต็มกำลัง ข้อ ๙ ว่าด้วยบาดหลวงขอที่ลงสา ยังไม่ได้ตราตอบและริโปตความที่ชำระคั่งค้างและแล้วไป และว่าได้ตรวดูข้อสัญญาของฝรั่งเศสเห็นว่าถ้ายอมตามสัญญา ถ้าเกิดความสิ่งใดเจ้าเมืองกรมการจะไประงับก็ขัดขวาง ไม่ไประงับก็จะเสียไพร่พลและพระราชอาณาเขตต์ ถ้าไม่ได้ชักภาษีในทะเลสาปจะขาดผลประโยชน์เจ้าเมืองกรมการเคยได้เป็นกำลังราชการมาก

กรมหมื่นประจักษ์ขอรับพระราชทานตั๋วยืมเงิน ๘๗ ชั่ง่ ๘ ตำลึง ให้ค่าของแต่งตัวทหารและกรมวัง และส่งตัวอย่างรั้วเหล็กชั้นล่างพระที่นั่งจักรี

เจ้าพระยาสุรวงศ์ตอบพระราชหัตถ์ เรื่องราษฎรขอพระยาสุดารัตน เป็นพระยากาญจนบุรีนั้น ว่าเดิมมีความผิดหลายข้อ สมเด็จเจ้าพระยาจึงถอนเข้ามาเสียทั้งเจ้าเมืองและปลัด

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ ถึงพระองค์สวัสดิ์นำส่งต้นหนังสือมิสเตอกุฮอนอินเยียเนียฝ่ายอินเดีย จะขอเซอเวทำทางรถไฟในระหว่างเมืองเชียงแสนกับกรุงเทพ ฯ กำหนดผู้เซอเวจะออกจากเมืองพะม่าในสิ้นเดือนดีเซมเบอนี้

หนังสือเจ้าพระยามหินทรส่งเรื่องราวขุนสุรณรงค์ หมื่นศรีราชโยธา ไพร่รักษาวังเมืองลพบุรี กล่าวโทษเจ้าเมืองกรมการว่ากดขี่ใช้ราชการเหลือเกิน ขอมาเป็นไพร่หลวงจ่ายเดือนกรุงเทพ ฯ ตามเดิม กับไพร่อพยพไปจะไปเกลี้ยกล่อมกลับมา เจ้าพระยามหินทรได้ไต่สวนแล้ว เห็นควรจะยอมตามไพร่สมัคร

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่าไพร่หลวงอาษารักษาวังเมืองลพบุรีร้องขอมาเป็นเลกจ่ายเดือนกรุงเทพ ฯ การรักษาวังมีคนอื่นอีกหรือไม่ จะทิ้งไม่รักษาไม่ได้ ถ้ามีอยู่บ้างควรถอนมากรุงเทพ ฯ ให้ทรงคิดเสีย

พระราชหัตถ์ถึงกรมหมื่นนเรศและสุด พระราชทานพรตอบที่ถวายพระพรและสิ่งของในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

พระราชหัตถ์ถึงกรมพระราชวังว่าด้วยจมื่นมหาดเล็กและหมอแสงมารับรักษาพระโรคพระองค์ศรีวิไลหาย และต่อมาก็ได้ถวายพระโอสถพระนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี ที่ทรงพระประชวรคลายขึ้น เป็นความชอบ ขอยกคน ๒ คนมารับราชการวังหลวง จะได้พระราชทานตำแหน่งยศบ้างพอเป็นความชอบของเขา

วัน ๖ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าโปรดให้พระเจ้าลูกเธอออกไปเลี้ยงพระสงฆ์ พระราชาคณะพระครู ๘๐ เศษ รับพระราชทานฉันขนมเบื้องในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยตามศรัทธากาลสมัย อย่างเช่นเคยทุกปีมา

เวลากลางวันไม่ได้เสด็จออก เวลา ๒ ทุ่มเสด็จออกในออฟฟิศหลวงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท กรมหมื่นศิริธัช กรมหมื่นเทววงศ์เฝ้าจนเวลายามหนึ่งเสด็จขึ้น

หนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าด้วยให้พระยาราชบุรี พระสัจจาทำแผนที่วัดสัตนารถ ซึ่งจะโปรดให้สร้างกุฎีนั้นทำแล้ว ส่งเข้ามาแล้ว โปรดให้ไป

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ ส่งหนังสือพระสยามธุรานุรักษ์ บอกข่าวเมืองฝรั่งเศสเปิดประชุมพูดด้วยเรื่องเมืองตองกิน และหนังสือพระยาสยามธุระพาหส่งหนังสือเรื่องการเอกษหิบิเชนฟอเรศตรี ที่เมืองเอเดนเบิกปีหน้า เพื่อว่าคอเวอนเมนต์สยามจะยินดีจัดไม้ต่าง ๆ ไปช่วยบ้าง

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์อีกฉะบับ ๑ ส่งหนังสือพระสยามธุรานุรักษ์ มีส่งหนังสือของฝรั่งเศสที่ว่าด้วยเรื่องเมืองตองกิน และว่ายกที่ว่าการกงสุลสยามไปอยู่บ้านนำเบอร์ ๘ ถนนเบียเรียเลแครนปารีส และว่าลอยูจะกลับเข้ามากรุงสยามอีก

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ส่งหนังสือพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ๒ ฉะบับ ว่าด้วยไปทำสัญญาสุรากับประเทศวิลันดาตกลงเสร็จแล้ว ส่งสำเนาคำแปลสัญญาเข้ามาฉะบับหนึ่ง ว่าดอกเตอกาดุศซี ที่จะขอเป็นกงสุลสยามที่อิตาลีนั้นไม่ควร ชี้แจงคนที่ควรเป็นมาอีก ๔ คน

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งคอเรศปอนเดนส์เรื่องความแขกซาอิดมหมัดแล่นเรือเข้ามาไม่แวะด่าน พระยาสมุทรจับส่งขึ้นมายึดเรือไว้ เรือจมลูกเรือหนีหมด กงสุลอังกฤษมีหนังสือมาว่าเป็นสับเยกต์ ขอให้ชำระข้อเรือจมของเสียไป ได้ให้ตระลาการศาลต่างประเทศชำระส่งคำตัดสินไปยังนิวแมนกงสุลอังกฤษ ๆ ขอให้กราบทูล

หหังสือสมเด็จกรมหลวงว่าจะให้มองซิเออบัวเกออย ออกไปตรวจสายโทรเลขทางตะวันตก แต่เขาจะขอเงินเดือนค้าง ๖ เดือน แต่ทำสัญญามาเดือนละ ๒ ชั่ง ๖ บาท ๔๒ อัฐ รวม ๑๒ ชั่ง ๓๙ บาท ๖๐ ตำลึง ขอพระราชทานตั๋วยืม

หนังสือเจ้าพระยาพลเทพถวายว่าด้วยได้รับหนังสือไปรษณีย์ฉะบับหนึ่ง เป็นหนังสือทิ้งว่าด้วยเจ้าพระยาพลเทพยกเงินค่าโฉนดฉะบับ ๑ เฟื้อง ซึ่งเดิมเคยเป็นของข้าหลวงเพราะต้องเขียนโฉนดตีพิมพ์ ท่านจึงสั่งให้ยกมาเป็นค่าพิมพ์เพราะไม่ต้องเขียนแล้ว ในหนังสือนั้นเป็นการติเตียนเจ้าพระยาพลเทพ ส่งหนังสือเข้ามาถวายทอดพระเนตรด้วย และส่งบัญชีข้าหลวงที่ยังไม่ได้ส่งเงินค่าโฉนดเข้ามาด้วย

พระราชหัตถ์ตอบเจ้าพระยาพลเทพว่าการที่เป็นขึ้นนี้เพราะมีแง่อยู่ที่ไม่ได้แก้ท้องตราเสียเท่านั้น การที่บังคับก็ถูกต้องแล้ว ที่ไม่ส่งนั้นให้มีหนังสือเร่งเจ้าของกรม แต่กรมนานั้นถ้าจะเกะกะก็แต่พระยาอาหารคนเดียวเท่านั้น ให้บังคับโดยแข็งแรง เมื่อไม่ฟังให้เกาะบ่าวมาเป็นจำนำ

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่าพระยานุภาพไตรภพบอกมาว่ายังไม่ได้ตอบเรื่องบาดหลวงขอที่ลงสานั้น ได้มีพระราชหัตถ์ที่ ๑๘๐/๔๕ ให้ตอบแต่เดือน ๘ แล้ว ตอบแล้วแคล้วกันเสียหรือยังไม่ได้ตอบ ถ้ายังให้รีบตอบ และเรื่องทะเลสาบนั้น ถ้ายังก็ให้รีบด้วย

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระอีกฉะบับหนึ่ง ว่ามิสเตอเออาร์กุฮอน อินเยอเนียอังกฤษจะขอแต่งคนเข้ามาเซอเวทางรถไฟ จะเข้ามาทางเชียงแสนหรือระแหงตลอดลงมากรุงเทพ ฯ ให้มีตราถึงพระยาราชสัมภารากรและพระยาสุจริตเจ้าเมืองตามระยะให้ดูแลตามควร และที่เชียงแสนให้พระยาราชสัมภารากรแต่งจ่าเขมงสัตยาวุธกำกับ ถ้าถึงเมืองอื่น ๆ ก็ให้แต่งกรมการกำกับต่อ ๆ มา และให้มีใบบอกมาด้วยตามที่เขาตรวจตราเป็นอย่างไรให้รีบมีตราไปเสียและให้บอกเจ้าพระยาภาณุวงศ์ให้รู้

อีกฉะบับหนึ่ง ว่าแต่ก่อนได้ทูลให้สืบเรื่องเทวรูปเมืองกำแพงเพ็ชร ซึ่งอ้ายราสตแมนยุให้กงสุลเยอรมันขอ จะได้มีไปหรือไม่ได้มี กาลนานมาแล้วได้ผัดไว้ ครั้งนี้กงสุลบอกมาว่าอ้ายราสตแมนไปขะโมยเอาเศียรและกรลงมา แล้วกงสุลยึดไว้ และมิสเตอแมกคาทีได้ทูลว่าศาลไม่ห่างบ้านเจ้าเมืองนักว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ การเรื่องนี้ไม่รู้ว่าจะตอบเขาถามก็ไม่บอก ขะโมยลักมาก็ไม่บอกให้รู้ ให้ทรงไต่สวนให้ได้ความ

วัน ๗ ๑ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าเสด็จทรงพระราชดำเนินออกทางประตูแถลงราชกิจเสด็จประพาส สวนสราญรมย์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและเจ้าจอมข้างใน แล้วเสด็จทรงรถพระที่นั่งกลับพระบรมมหาราชวัง กลางวันไม่ได้เสด็จออก ค่ำวันนี้ทรงเครื่องใหญ่ที่พระเฉลียงหน้าไลบรารีข้างใน

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าจะเสด็จประพาสทะเล เมื่อท่านมาทูลลาไปเที่ยวก็ยังไม่ได้ทรงคิด จึงไม่ได้ทรงทักท้วง บัดนี้จะเสด็จ ครั้นจะไปตามกลับก็เห็นว่าท่านจวนจะกลับแล้ว ได้โปรดให้สมเด็จกรมพระรักษาการกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์

ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่าจะเสด็จประพาสทะเล เจ้าพระยาสุรวงศ์ไม่อยู่ ให้อยู่แทน ไม่ต้องตามเสด็จ ให้แต่พระยาพิพัฒน์ไปก็ได้

ถึงกรมพระราชวังว่ากรมหมื่นเทววงศ์ทูลว่าจะลงมาเฝ้าแต่ทราบว่ายังไม่เสด็จออก จึงไม่มานั้น ทรงคิดถึง ไม่ได้มาเฝ้านานแล้วให้มาเฝ้าวันแรม ๑๐ ค่ำ และขอบพระทัยที่ถวายจมื่นมหาดเล็ก หมอแสง

วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่ได้เสด็จออกพระองค์สวัสดิ์เข้าไปเฝ้าข้างในทั้งเวลาบ่ายเวลาค่ำ พระองค์ดิศถวายหนังสือว่า มิสเตอแมกคาทียื่นจดหมายว่าฝรั่งเศสรบตังเกี๋ยแล้วจะจัดการเขตต์แดนที่ติดต่อกับไทย ควรเราจะไปเซอเวเขตต์แดน มิสเตอแมกคาทีจะรับไปเซอเว และว่าเมื่อกลับมาแล้วจะขอลาออกจากราชการ ฉะบับหนึ่งว่าด้วยการที่มิสเตอแมกคาทีจะออกจากราชการนั้น มีความร้อนใจมาก ได้พูดหน่วงก็ไม่ยอม การแผนที่ถ้าเสียมิสเตอแมกคาทีแล้วจะยับเยินมาก แต่เห็นว่าจะเอาไว้ไม่ได้แล้ว จะต้องคิดให้หัดคนให้เซอเวเขตต์แดนต่อไปให้สำเร็จให้ได้ แต่การต่อไปคิดจะให้ทูตอเมริกันยืมออฟฟิศเซอมาใช้สักคราวหนึ่ง

กรมหมื่นศิริธัชถวายหนังสือขัดข้องว่าลูกขุนสั่งฟ้องจีนยับเทียรเซนสับเยกต์ฝรั่งเศสว่าความต่างภรรยาเป็นคดีเรื่องทาส จะประทับฟ้องไปก็ยังขัดข้องอยู่

วัน ๒ ๑๐ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จออกซิตติงรูม หลวงบำรุงราชากร หลวงเจริญราชธน เฝ้าถวายกระถางและหม้อน้ำลายคราม ลายเบญจวรรณ แล้วพระยามหามนตรีถวายหนังสือพระยาสุจริตฉะบับ ๑ หลวงวรนารถเฝ้าถวายเรื่องราวฉะบับ ๑ ทรงแล้วคืนไป และถวายต้นจำปาต้นหนึ่ง แล้วเสด็จออกมาประทับดรออิงรูม

กรมพระราชวังเฝ้ารับสั่งอยู่ด้วยจนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ กราบถวายบังคมลากลับไปเสด็จขึ้น ค่ำไม่ออกขุนนาง

กรมหมื่นภูธเรศ พระยามหามนตรี ถวายหนังสือเรื่องนายเหมกล่าวโทษพระพยุหาธิบาลโปรดให้ชำระ ถึงกำหนดสืบพะยานนายเหมหลบหนีไป พระยามหามนตรีให้คนไปตามตัวนายอ่ำผู้ประกันนายเหม นายอ่ำต่อสู้ผู้ที่ไปเอาตัวมีบาดเจ็บ แล้วนายอ่ำกลับมาฟ้องศาลหลวงแก้ความ ทรงเซ็นให้กรมภูธเรศเอาตัวมาชำระ

หนังสือพระยาสุจริตว่าด้วยจำนวนคนทำไม้เมืองตากทั้ง ๔ ด่าน รวมคนไทย ๑๘๙ อังกฤษ ๑๕๗ ราย จำนวนไม้ ๓๙๓๓๓ ต้น ค่าตอชำระแล้ว ๔๐๖๓๐ ยั่งต้าง ๑๕๖๐๓๕ รวม ๑๙๖๖๖๕ รูเปีย ในจำนวนปีมะแมเบญจ๑๖ศกนี้

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ถวายหนังสือว่าด้วยจะตามเสด็จพระราชดำเนินด้วย โปรดให้ตอบไปให้อยู่ก่อน เจ้าพระยาสุรวงศ์กลับมาแล้วจึงค่อยไป

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือเรื่องจัดการที่จ่ายเงินไม่ให้คั่งค้าง ถ้าเงินรับไม่ได้มาเต็มก็เป็นการยากที่จะจัดได้ การจ่ายเงินโสหุ้ยภาษีเข้าภาษีเบ็ดเสด็จ ท่านได้จัดร่างคำสั่งถึงเจ้าพนักงานให้ทำหางว่าวหมายเวรสั่งจ่ายเงิน ๒ รายนี้ทุกเดือน

มีพระราชหัตถ์ตอบว่าการที่ว่าด้วยเรื่องจ่ายเงินนั้นก็เป็นการจริงแต่จำเป็นต้องค่อยจัดไป การที่จะมีหมายเวรจ่ายเงินเดือนภาษีเข้าภาษีเบ็ดเสร็จนั้นดีแล้ว แต่เงินประจำเดือนอื่น ๆ ให้ใช้หมายเวรด้วยจะดี ต้องทำพิธีอยู่ดังนี้เป็นการเพิ่มพระธุระ

วัน ๓ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๔ โมงวันนี้กงสุลเยอรมันจะเข้าเฝ้าถวายพระราชสาสน์แกรนดุกเมืองแมกแลนเบิกชวริน มีกาดออเนอ ๒๐๐ 1แตรวง ๑ รับหน้าพระที่นั่งตามเคย

เวลาบ่าย ๔ โมงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ครี่งยศทหารทรงประดับดวงสตาเครื่องราชอิสสริยยศหลายดวง เจ้ากรมปลัดกรมพระตำรวจและทหารมหาดเล็กแต่งตัวเต็มยศ มหาดเล็กสวมเสื้อเยี่ยระบับ เสด็จออกดรออิงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานกรมวังกรมท่า และราชเอดเดอแกมป์นำมิสเตอวอนเกรงกีกงสุลเยอรมัน ๑ มิสเตอโปร์ยาที่สอง ๑ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กงสุลถวายพระราชสาสน์แกรนดุกเมืองแมกเลนเบิกชวริน ขอบพระเดชพระคุณที่ทรงแสดงความเศร้าโศกที่ราชบิดาพิราลัยและขอบพระเดชพระคุณที่ทรงรับรองฮิสไฮเนสโยฮันอัลเบิตดุกออฟแมกเลนเบิกด้วย และขอถวายเครื่องราชอิสสริยยศแกรนครอสและสายสร้อยสำหรับราชวงศานุวงศ์แกรนดุก ชื่อ ออเดอออฟดิเวนดิชครอนของแกรนดุกทรงยินดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กงสุลถวายเครื่องราชอิสสริยยศและพระราชสาสน์แล้ว ถวายเครื่องราชอิสสริยยศแกรนคอมมานเดอ ชื่อ ออเดอออฟดิเวนดิชครอน ของแกรนดุกทรงยินดีประทานพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ กอมมานเดอ ตราชื่อเดียวกันทรงยินดีประทานเจ้าเจ๊ก ๑ ไนต์ออเดอ ชื่อเดียวกัน ทรงยินดีประทานจมื่นสุรฤทธิ์ ๑ ถวายพร้อมกัน มีดิโปลมาด้วย ทรงพระราชปฏิสันถารโดยควรแล้วกงสุลกราบถวายบังคมลาไป ตรา ๓ ดวงนี้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานแก่ผู้ที่ได้รับ เสด็จขึ้น เวลาค่ำไม่ได้เสด็จออกอีก

หนังสือสมเด็จกรมพระเตือนข้อบังคับพระยาราช และว่าเคยพระราชทานเงินใช้การในกองทัพ ครั้งนี้จะพระราชทานเท่าใด จะโปรดพระราชทานไปแต่นี่หรือให้ใช้เงินส่วย

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่าเรื่องตราพระยาราชนั้นไม่ทรงสบายทรงแก้ไขไม่ได้ แต่ขอทูลย่อ ๆ ให้แยกเป็น ๒ ฉะบับ ขัดตาทัพเรียกคนได้นั้นให้ทำให้ทันเขาไป แต่ฉะบับจัดการบ้านเมืองนั้นให้งดไว้เสด็จกลับ แต่การเรียกคนนั้นให้กำชับอย่าให้เรียกเปล่า ๆ ดังก่อน ๆ มา หาเงินให้กำชับให้แข็งแรง อีกฉะบับ ๑ เงินใช้การทัพนั้น คราวก่อน ๆ ทรงจำไม่ได้ ครั้งนี้คนน้อย ๒๐ ชั่งเห็นจะพอ เงินเดือนทหารเคยจ่ายล่วงหน้า ๒ เดือน ๓ เดือน ต่อไปใช้เงินส่วยให้ทรงคิดเสีย

หนังสือสมเด็จกรมพระว่าด้วยการที่ไม่ทรงสบายนั้นเพราะทรงราชการมาก การที่จะเสด็จทะเลนั้นเป็นการดี การโสกันต์ท่านซักซ้อมไว้ก่อน และที่จะเสด็จพระพุทธบาทนั้นใช้เรือไฟไปถึงท่าเจ้าสนุก เสด็จกลับจากพระบาทแล้วมาลงเรือที่ท่าเจ้าสนุก กระบวนเรือแหวดไปพระฉายดีกว่าทางพุแค ถ้าจะเสด็จแน่จะเตรียมช้าง ช้างกองทัพที่เกณฑ์เหลือจะให้อยู่ เป็นแต่จ่ายสะเบียงให้เท่านั้น

พระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระว่า การที่จะเสด็จพระพุทธบาทนั้น คิดจะเสด็จจริง ขึ้นพระฉายทางสระบุรีนั้นดีแล้ว ระยะทางเท่าไร พลับพลาพระบาทนั้นได้โปรดให้พระองค์สายเตรียมเต๊นต์และเป็นแต่ทุบปราบและที่อาศัยคนเท่านั้น ถ้าเสด็จทางเรือแล้วเต๊นต์จะขนทางพุแคทันหรือไม่ ถ้าทันไม่ต้องทำพลับพลา ระยะเสด็จสระบุรีนั้นให้ทำปะรำริมน้ำเหมือนลพบุรี

หนังสือสมเด็จกรมพระนำบอกพระพรหมประสาทศิลป์ ว่าด้วยมีตราพระราชสีห์ไปว่าด้วยเมื่อเสด็จกลับจากลพบุรี ทรงเห็นธงฝรั่งเศสปักอยู่ให้สืบถามว่าคนชาติใดนั้น ได้สืบแล้วได้ความว่าชื่อยาบี เป็นบาดหลวงตั้งวัดสั่งสอนศาสนา ไทยจีนลาวถือศาสนาประมาณ ๒๐๐ คน มีการทำมาหากินต่าง ๆ ต้มสุราขายบ้าง เลี้ยงสุกรบ้าง และต่อเรือทำนาทำปลาบ้าง

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ตอบหนังสือที่ถามไปว่าท่านพูดกับนิวแมนว่าจะตัดสินให้สยัตมหมัดซาอิดได้เงิน ๑๕๐๐ เหรียญนั้นท่านเห็นอย่างไรจึงพูดไปนั้น ความเรื่องนี้ท่านไม่ได้พูดปรึกษาหรือเปรียบเทียบตัดสินเลย ที่พูดกับนิวแมนนั้นเป็นแต่อยากรู้ความประสงค์นิวแมนเท่านั้น ที่เขาว่าท่านตัดสินนั้น ท่านได้มีหนังสือตอบชี้แจงไปแล้ว นิวแมนมีตอบมาและส่งเมมโมแรนดำมา ขอให้นำทูลเกล้า ฯ ถวาย ได้มีหนังสือส่งคำตัดสินไปแล้ว นิวแมนตอบมาว่าแล้วแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะโปรด และว่าได้มีหนังสือผัดไปว่าเสด็จกลับแล้วจึงจะตอบ

หนังสือสมเด็จกรมหลวงว่าด้วยได้ปรึกษากับกอมมิตีเรื่องเงินใช้การโทรเลขไปรษณีย์ตกลงแล้ว เสด็จกลับจะทำความเห็นถวาย แต่รองอธิบดีนั้นตกลงเป็นขึ้นเงินเป็นปีละ ๕๐ ชั่ง บัดนี้จะโปรดให้ใครเป็น จะได้ตั้งเงินเดือนและให้มารับการ

วัน ๔ ๑๒ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชยานไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย สมเด็จกรมพระสมเด็จกรมหลวงต่างกรมพระองค์เจ้ามาคอยเฝ้าส่งเสด็จ ๆ ประทับ ตรัสกับสมเด็จกรมพระและเจ้านายหน่อยหนึ่ง พระยาโชฎึกถวายบังคมลาไปเข้าพิธีตรียำพวาย แล้วเสด็จมาประทับตรัสกับเจ้าพระยาพระยาพระหลวงซึ่งมาคอยเฝ้าส่งเสด็จบ้างเล็กน้อย แล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเวสาตรี เวลาบ่ายเกือบ ๒ โมงออกเรือพระที่นั่งแล่นขึ้นไปกลับหน้าวัดเทวราชกุญชร แล้วล่องน้ำลงไปตามลำน้ำ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษถึงพระสมุทรเจดีย์และป้อมผีเสื้อสมุทร หยุดเรือพระที่นั่งที่นั้น ที่ป้อมผีเสื้อสมุทรยิงสลุต ๒๑ นัด พระสุธรรมไมตรี พระยาสมุทรบุรานุรักษ์ ปลัดยกกระบัตร ลงเรือโบตมาเฝ้า แล้วหลงจู๊มาเจ้าภาษีและคนอื่น ๆ มีภรรยาพะยามหาอรรคนิกรเป็นต้น เอาของต่าง ๆ มาทูลเกล้า ฯ ถวายอย่างเช่นคราวก่อนๆ รับสั่งกับพระยาสมุทรเรื่องความสหยัตมหมัดซาอิตแล้ว พระราชทานธูปเทียนไปบูชาพระสมุทรเจดีย์ตามธรรมเนียม แล้วออกเรือพระที่นั่งเวลา ๕ โมงเศษ ออกมาหน่อยหนึ่งแต่ในสันดอน หยุดจอดที่นั่น ด้วยน้ำน้อยออกไม่ได้

เวลาค่ำได้รับเตเลแกรมพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์บอกมาแต่กรุงลอนดอนว่า หม่อมเจ้าโอรสของเธอซึ่งอยู่ในครรภ์เมื่อเธอเสด็จออกไปราชการนั้น ได้ประสูติที่กรุงลอนดอน แต่วัน ๓ ๑๑ ๑ ค่ำ เวลาตี ๑๑ ที่กรุงลอนดอน เป็นหม่อมเจ้าหญิง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสถามข่าวและพระราชทานพร และมีพระราชหัตถ์ให้พระยาศรีสุนทรคิดนามเจ้าหญิงองค์นั้น ด้วยเป็นครั้งแรกที่ราชตระกูลได้ไปประสูติในประเทศนั้น

เวลาตี ๑๑ ออกเรือพระที่นั่งจากปากน้ำเจ้าพระยา

เวลาบ่าย ๕ โมงวันนี้ พระยาราชวรานุกูล พระหลวงขุนในพระบรมมหาราชวัง พระราชวังบวร และขุนหมื่นไพร่ทหารพลเรือนทั้งในกรุงหัวเมือง ๑๓๑๒ คนยกจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปขัดทัพณเมืองลาวตะวันออก

วัน ๕ ๑๓ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าคลื่นจัดไปจนเวลาเช้า ๓ โมงคลื่นสงบ เรือแล่นไม่ได้หยุดไม่ได้ เสด็จออกเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ถึงช่องแสมสารหยุดเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอทั้งเจ้าจอมข้างใน ทรงเรือพระที่นั่งโบต ๑๒ กรรเชียงเสด็จขึ้นไปประพาสหาดฝั่งแสมสาร ที่ริมศาลาสองหลังซึ่งเคยเสด็จ แล้วเสด็จเลียบไปหน้านอกทรงเก็บหอยต่าง ๆ เวลาย่ำค่ำแล้วเสด็จกลับเรือพระที่นั่งเวสาตรี

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออก กรมหมื่นพิชิตปรีชากร กรมหมื่นเทววงศ์ พระองค์สาย พระชลยุทธ มิสเตอรอาลบาสเตอเฝ้า ทรงพระราชดำริที่จะเสด็จพระราชดำเนินพระพุทธบาทในเดือน ๓ และโปรโปสกันที่จะเสด็จพระราชดำเนินประพาสประเทศยุโรป ทรงพระราชดำริต่อไปถึงจะสร้างเรือพระที่นั่งใหม่ให้โตพอที่จะเสด็จยุโรปได้ แล้วเสด็จขึ้น

อนึ่งเสด็จพระราชดำเนินคราวนี้เรือที่ตามเสด็จคือ พระที่นั่งเวสาตรี ๑ เรืออรรคราชวรเดชเป็นเรือข้างในลำ ๑ เรือสุริยมณฑล ๑ เรือแรบบิต ๑ เรือสตรูใหม่ ๑ เรือสตรูเก่า ๑ เรืออุบลบุรทิศ ๑ เรือไมดา ๑ เรือเวสตาทหารหน้า ๑

เวลาสามยามเศษออกเรือพระที่นั่งจากช่องแสมสาร

วัน ๖ ๑๔ ๑ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้เช้าเรือแล่นในทะเล เช้า ๔ โมงเศษถึงแหลมทองหลาง หยุดเรือพระที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอทั้งเจ้าจอมข้างในเสด็จทรงเรือพระที่นั่งโบต ๑๒ กรรเชียงไปประพาสหาดและที่บ้านราษฎรริมหาดที่ทุ้งยายมัน ราษฎรที่มาตั้งอยู่นั้นปลูกหมากมะพร้าวเป็นอันมาก และต่อเรือมาดไม้ตะเคียนขายเป็นอันมาก โปรดพระราชทานเงินทุกคน เวลาบ่ายโมงเสด็จกลับเรือพระที่นั่ง เวลาเสด็จกลับแล้วออกเรือพระที่นั่งไป เวลาบ่าย ๕ โมงเศษถึงแหลมสิงห์ปากอ่าวจันทบุรีหยุดเรือพระที่นั่ง เวลาค่ำเสด็จไปทอดพระเนตรเรืออรรคราชวรเดชแล้วเสด็จกลับ

เวลา ๘ ทุ่มออกเรือพระที่นั่งจากปากอ่าวเมืองจันทบุรี

  1. ๑. ต้นฉะบับก็ไม่มีข้อ ๘

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ