เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๔๕

วัน ๔ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบ็ญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้กลางวันไม่เสด็จออก เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออก ขุนนางไม่ใคร่จะมีใครและไม่มีบอกราชการด้วย พระยาพิไชยสงครามซึ่งไปราชการเมืองตานีเมืองราห์มันกลับมาถึงได้เข้ามาเฝ้าถวายริโปตด้วย รับสั่งกับพระยาพิไชยสงคราม พระยาสมบัติภิรมย์ด้วยการที่ไปตรวจเขตต์แดนเมืองตานี เมืองราห์มัน ครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

หนังสือกรมหมื่นประจักษ์โปรดการทหารรักษาพระบรมมหาราชวัง และจำนวนทหารจำหน่าย ๑๔ มีตัวรับราชการ ๕๕๘ คน และจำหน่ายศาสตราวุธที่มีในกรม

หนังสือสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ว่าด้วยมิสเตอรเดนิสส่งบิลเข้ามา และว่าการที่จะทำโรงนาฬิกานั้นโปรดให้งดไว้ แต่ตัวนาฬิกานี้อยากทราบว่าจะต้องพระประสงค์หรือไม่ อีกฉะบับหนึ่งตอบหนังสือที่มีไปเรื่องการโทรเลข

หนังสือพระองค์สวัสดิ์ตอบว่าเรื่องนาฬิกานั้นจะพระราชทานตั๋วยืมและเรื่องเงินมิสเตอเกนิสนั้นพระราชทานตั๋วยืมไปแล้ว และตอบเรื่องการโทรเลขด้วย

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ ส่งหนังสือกงสุลอังกฤษมีมาว่าคอเวอนเมนตสยามไม่ตอบเรื่องความจีนตันมาบุ๋น

มีพระราชหัตถ์ตอบเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่าให้มีตอบนิวแมนผัดขอไต่สวนเรื่องความจีนตันมาบุ๋นไปก่อน อีกฉะบับหนึ่งให้ตอบกงสุลฝรั่งเศสเรื่องการโทรเลขนั้นยอมตามที่กงสุลคิดว่าสัญญาที่ราชทูลจะทำแล้ว อีกฉะบับ ๑ ให้ทำหนังสือนำคำสั่งสมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุ์ให้เจ้าปฤษฎางค์ราชทูตทำหนังสือสัญญาเรื่องโทรเลขกับฝรั่งเศส

เจ้าพระยาสุรวงศ์มีหนังสือนำริโปตพระยาพิไชยสงคราม พระยาสมบัติภิรมย์บอกระยะทางที่ไปราชการเซอเวเมืองตานี เมืองราห์มัน ตั้งแต่กรุงเทพ ฯ จนกลับมา อีกฉะบับ ๑ ความเห็นพระยาพิไชยสงครามพระยาสมบัติภิรมย์ ว่าด้วยที่เขตต์แดนเมืองราห์มัน เมืองตานี กับเขตต์แดนเมืองเประ ฉะบับ ๑

วัน ๕ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าโมงครึ่งเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระองค์เจ้าวรวรรณากรมาเฝ้าทูลลาผนวชกำหนดวัน ๑๓ ๑๒ ค่ำ เป็นวันลาผนวช แล้วเสด็จทรงพระราชยานเสด็จไปประทับตรัสกับเจ้าพระยาพระยาพระหลวงที่ท่าราชวรดิษฐ แล้วรับสั่งกับพระยาพิไชยสงคราม ๆ ถวายแผนที่เขตต์แดนเมืองตานีกับเมืองเปรักและทูลความเห็น เสด็จประทับทอดพระเนตรแผนที่แล้วรับสั่งให้เจ้าพระยาสุรวงศ์เข้าไปดู แล้วรับสั่งเรื่องเขตต์แดนกับกรมหมื่นเทววงศ์เจ้าพระยาสุรวงศ์แล้ว เสด็จทรงเรือพระที่นั่งเวสาตรีพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เสด็จจากท่าราชวรดิษฐไปโดยทางชลมารค ขึ้นไปถึงหน้าวัดเฉลิมพระเกียรติ หยุดประทับแล้วฝีพายเทียบเรือพระที่นั่งรัตนดิลก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งมีเรือกลองลำ ๑ แล้วเสด็จไปประทับท่าฉนวนวัดเฉลิมพระเกียรติ ทรงพระราชยานขึ้นไปประทับหน้าพระอุโบสถเสด็จในพระอุโบสถ นายฉันทูลรายงานพระสงฆ์ ทรงนมัสการแล้วถวายกฐิน พระสงฆ์อปโลกให้พระปรีชาเฉลิมแล้วญัตติทุติยกรรมจบ โปรดให้พระองค์จิตรเจริญถวายไตรปีฐานา พระสงฆ์ครองผ้าแล้วกราลกฐิน โปรดให้พระองค์จิตรเจริญถวายบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เสด็จกลับทรงเรือพระที่นั่งบุศบกพิศาลมาขึ้นเรือพระที่นั่งเวสาตรี ออกเรือพระที่นั่งไปประทับหน้าวัดปรมัยยิกาวาส เสด็จทรงเรือพระที่นั่งบุศบกพิศาลมีเรือกลองเสด็จไปประทับท่าฉนวน พระยานนทบุรีถวายของและมีทะแยถวายวง ๑ ราษฎรชายหญิงเอาของมาถวายและสาวๆ บางคนก็ถือพานดอกไม้ธูปเทียนยืนเฝ้าอยู่ในปรำเต็มไปทั้งนั้น โปรดให้พระยาภาสแจกเงินราษฎรที่มาเฝ้า เสด็จทรงพระราชยานไปประทับแล้ว เสด็จประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการ นายสนิททูลรายงานพระสงฆ์ ทรงถวายกฐินพระสงฆ์อปโลกภาษารามัญให้พระคุณวงศ์แล้วญัตติทุติยกรรม เสด็จทรงประเคนไตรปีฐานาเปรียญ มหาสิงค์ถวายพระพรลาไปเมืองรางงูนว่าจะเดินไปพร้อมกับภิกษุและอุบาสกอบาสิกาหลายคน ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเงินรูเปีย ๓๐๐ ให้พระวุฒิการมอบกัปปิยการกผู้ปฏิบัติมหาสิงค์แล้วให้ฝากไตรแพรไปพระราชทานพระมหาเถระ บุพ์พรัม์ม วัดสังกเบ็ง เมืองรางงูนด้วย พระสงฆ์ครองผ้าแล้วกราลกฐิน โปรดให้กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิถวายบริขาร และได้ทรงประเคนตั๋วกัปปิยมูลค่าราคา ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง ซึ่งเป็นของกรมสมเด็จพระสุดารัตนเคยทรงบริจาคถวายพระสงฆ์ในพระอารามนั้นเสมอ แล้วโปรดให้ประเคนบริขารของกรมสมเด็จพระสุดารัตนถวายพระสงฆ์ทั้งวัดนั้นด้วย พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เสด็จกลับทรงเรือพระที่นั่งบุศบกพิศาล ไปทรงเรือพระที่นั่งเวสาตรีออกเรือไปตามทางจนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ถึงพระราชวังบางปะอิน เรือพระที่นั่งประทับท่าเสด็จขึ้นประทับตรัสกับพระองค์ทองและมิสเตอรเกรซีหน่อยหนึ่ง เสด็จไปตรัสกับเจ้าพระยาพลเทพ พระบำราศ กรมการกรุงเก่า แล้วเสด็จขึ้น

อนึ่งวันนี้โปรดให้แห่พระศรีอาริย์ซึ่งไฟไหม้ชำรุดโปรดให้ซ่อมเสร็จนั้น แต่วังพระองค์ประดิษฐมาลงท่าหน้าศาลต่างประเทศแล้วเชิญลงเรือทินกรส่องศรี มีเรือดั้งคู่ ๑ แห่ และกรมพระนครบาลได้ป่าวร้องให้ราษฎรแห่ขึ้นไปส่ง และหัวเมืองตามทางก็จะได้แห่ส่งต่อกับไปจนถึงลพบุรี

วัน ๖ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าเย็นไม่มีราชการไม่ได้เสด็จออก เวลาค่ำมีสวดมนต์ที่ตำหนักใหม่ ซึ่งสร้างพระราชทานหม่อมเจ้าสายพระราชวังบางปะอิน

วัน ๗ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าเสด็จทรงบาตร พระสงฆ์วัดนิเวศนธรรมประวัติ วัดชุมพลนิกายารามเข้าไปบิณฑบาตเรือ ตามลำคลองในพระราชวัง เวลาเช้า ๒ โมงเศษมีการเลี้ยงพระสงฆ์ที่สวดมนต์ที่ตำหนักใหม่เมื่อเวลาวานนี้

เวลาเที่ยงเศษเสด็จพระราชดำเนินลงท่าพระราชวังทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลกพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอพระราชเทวีและเจ้าจอม เรือบุศบกพิศาลเป็นเรือพระที่นั่งรองข้างในลงเหมือนกัน พร้อมด้วยกระบวนนำเรือดั้งเรือคู่ชัก ประตูหน้าหลัง เรือนำเรือไชยผ้าไตร เสด็จไปประทับท่าฉนวนวัดชุมพลพระราชดำเนินขึ้นไปประทับในพระอุโบสถ ทรงนมัสการและถวายกฐิน พระสงฆ์อปโลกและญัตติทุติยกรรมให้พระครูธรรมทิวากร ทรงประเคนไตรปีฐานา พระสงฆ์ครองผ้าแล้วกราลกฐิน ทรงประเคนบริขารและถวายกัปปิยมูลค่าราคา ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง แก่พระสงฆ์ทั้งพระอาราม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา อนึ่งในพระอุโบสถนั้นไม่มีเจ้าพนักงานผู้ชายปมีแต่ข้าราชการฝ่ายในทั้งนั้น ทูลรายงานพระสงฆ์ศุภรัตสังฆการีแล้วแต่พนักงานข้างใน แล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเสด็จเลี้ยวขึ้นไปหัวเกาะล่องไปประทับท่าวัดนิเวศนธรรมประวัติ เสด็จขึ้นประทับพระอุโบสถวัดนิเวศน์ ทรงนมัสการทรงถวายกฐินพระสงฆ์อปโลกให้พระอมราภิรักขิตและญัตติทุติยกรรมจบ ทรงประเคนไตรปีฐานาเปรียญ แล้วทรงประเคนไตรของข้างในแก่พระสงฆ์ทั้งพระอาราม พระสงฆ์ครองผ้าแล้วทรงประเคนบริขาร พระราชทานกัปปิยมูลราคา ๕ ชั่ง แก่พระสงฆ์ทั้งพระอารามตามเช่นเคย ทรงบริจาคพระราชทานทุกปีมา พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เสด็จพระราชดำเนินกลับลงเรือพระที่นั่งพร้อมด้วยข้างใน เสด็จดำเนินกระบวนล่องไปเลี้ยวขึ้นมาตามทางระหว่างเกาะวัดและพระราชวัง ประทับท่าพระราชวังเสด็จขึ้น วัดนี้เป็นกระบวนข้างในเหมือนกัน

เวลาค่ำเสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศพิมานกรมหมื่นพิชิตเฝ้าครู่ ๑ เสด็จขึ้น พระยามหามนตรีจัดเรือผ้าป่า ๒ ลำมาทอดที่พระที่นั่งไอสวรรย์ทิพอาศน์ มีแพน ๑ วง เพลง ๑ วง เล่นฉลองอยู่จนเวลา ๒ ยาม แห่ไปทอดวัดนิเวศนธรรมประวัติและวัดชุมพลนิกายาราม ตามเคยมาทุกปี เวลาค่ำที่วัดนิเวศน์มีเทศนากฐินการขันธ์กัณฑ์ ๑ เวลา ๘ ทุ่มพระองค์ดิศวรกุมารลาผนวชจากภิกษุ

ทรงพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ตอบเรื่องส่งความเห็นพระยาพิชัยสงครามและแผนที่เขตต์แดนเมืองเปรักเมืองราห์มัน อยากทรงทราบให้ชัดว่าข้างทิศตะวันออกนั้นเขตต์ต่อกันเพียงใด ให้พระยาพิชัยสงครามเขียนเติมในแผนที่เสีย และว่าคนเมืองราห์มัน ไทร เปรัก ได้มาแบ่งเขตต์แดนกันนั้นใครแต่งตั้งมาหรือเป็นเจ้าเมืองเองในครั้งก่อนนั้น ให้ค้นหาจะมีหลักฐานอย่างไร และว่าเมืองราห์มันรักษาเขตต์แดนตามที่แปะตันมา ๒๕๐ ปีแล้วนั้น ได้ตั้งใครเอาอำเภอรักษา และที่ว่ารายายุสุฟมาอยู่เมืองราห์มันแต่ครั้งบิดาพระยาราห์มันเดี๋ยวนี้นั้น ปีใดมาทำไม ให้ค้นเรื่องจะได้ยกพูดได้ หน่อยเขาจะว่ามาเรื่องเขตต์แดนไป อนึ่งทราบว่าธรรมเนียมเมืองราห์มันถ้าใครเป็นเจ้าเมืองต้องไปเที่ยวทั่วเขตต์แดนเหมือนเลียบเมือง การนี้จริงหรือไม่ ถ้าจริงให้ถามว่าได้ไปเพียงใดและว่าแผนที่ตานีลงที่เมืองสิงคโปร์เขาว่าเดิมตานีรวมกันแล้วแยกออกเป็น ๗ เมืองนั้นของเรามีหรือไม่ว่าแยกเมื่อใด เรื่องเมืองราห์มันนี้ควรพูดพร้อมกับที่เกรียนเมืองไทร

วัน ๑ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๒ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งวโรภาศเสด็จไปประทับที่ศาลเทวรูปปราสาททองทรงจุดเทียนธูปแล้ว เสด็จกลับมาลงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลือง ๑๒ แจว เรือพระที่นั่งโสภณภควดีจูง ในเรือจูงนั้น เจ้านายและราชเอดเดอแกมป์หัวหมื่นมหาดเล็กลง ออกจากพระราชวังบางปะอิน เรือนกบินจูงเรือปิกนิกลำใหญ่ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเสด็จลำนั้น เรือสตรูลำใหม่จูง เรือปิกนิกลำกลางพระนางเธอเสาวภาผ่องศรีเสด็จเรือสตรูลำเก่าจูง เรือปิกนิกลำเล็กพระนางเธอสุขุมาลยมารศรีเสด็จเรือปิกนิกกรมท่าลำใหญ่ หม่อมเจ้าสายไปเรือราชสีห์จูงและเรือข้างในลงเรือไฟจูงอีกหลายลำแล่นตามกันขึ้นไป ครั้นถึงป้อมเพ็ชรหยุดเรือพระที่นั่ง เสด็จทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลกเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยเรือนำเรือตามอย่างเช่นบางปะอินแต่เสด็จเป็นกระบวนข้างหน้า เสด็จเข้าไปตามคลองวัดสุวรรณดาราราม เสด็จประทับท่าฉนวนเสด็จประทับในพระอุโบสถทรงนมัสการแล้วถวายกฐิน พระสงฆ์อปโลกให้พระสุวรรณวิมลศีลแล้วสวดญัตติทุติยกรรม ทรงประเคนไตรปีฐานาแล้วพระราชทานเทียนธูปให้เจ้านายบูชาพระด้วยเป็นธรรมเนียมเคยมาแต่ก่อน เพราะวัดนี้เป็นวัดของสมเด็จพระปฐมบรมมหาไปยกาธิบดีทรงสถาปนามาแต่เดิม พระสงฆ์ครองผ้าแล้วกราลกฐิน โปรดให้กรมหมื่นศิริธัชถวายบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา วัดนี้นายฉันทูลวัด แล้วเสด็จกลับทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลกมาขึ้นเรือพระที่นั่งปิกนิกแล่นขึ้นไปประทับท่าฉนวนวังจันทรเกษมเสด็จทรงพระราชยานพร้อมด้วยกระบวนหน้าหลัง ไปประทับวัดเสนาสนาราม อุบาสกอุบาสิกาเอาของมาตั้งถวายและตัวมาเฝ้าด้วย โปรดให้พระยาภาสแจกเงิน เสด็จเข้าในพระอุโบสถทรงนมัสการและถวายกฐิน พระสงฆ์อปโลกให้พระญาณรักขิต แล้วสวดญัตติทุติยกรรม เสด็จทรงประเคนไตรปีฐานาเปรียญ พระสงฆ์ครองผ้าแล้วเสด็จทรงประเคนตั๋ววัตถุกัปปิยมูล ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง แด่พระญาณรักขิตด้วยเคยทรงบริจาคพระราชทานพระสงฆ์ในพระอารามนี้เสมอทุกปีมา โปรดให้กรมหมื่นพิชิตถวายบริขารพระสงฆ์ ทรงพระราชยานมาลงท่าทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกแล่นขึ้นไปตามทางหัวรอ ประทับท่าฉนวนวัดบรมวงศ์เสด็จทรงพระราชยานขึ้นไปประทับหน้าพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้วถวายกฐิน พระสงฆ์อปโลกให้พระปริยัตติวงศาจารย์แล้วสวดญัตติทุติยกรรมจบ ทรงประเคนไตรปีฐานาเปรียญ พระสงฆ์ครองผ้าแล้วกราลกฐิน โปรดให้สมเด็จกรมพระถวายบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้ว วัดนี้นายไชยขรรค์ทูลวัด วัดเสนาสน์นั้นนายรองสนิททูลวัด เสด็จไปประทับพระวิหารซึ่งทรงสร้าง ทรงนมัสการแล้วเสด็จประทับ ทรงเกยทรงปิดทองพระยืนทรงเครื่องอย่างจักรพรรดิ ขณะนั้นพระราชาคณะฐานาเปรียญวัดนั้น ๕ รูป ถวายไชยมงคล เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ ครั้นเสร็จเสด็จกลับไปขึ้นเกยหนึ่งทรงปิดทองพระยืนอีกองค์ ๑ เจ้าพนักงานประโคมเหมือนกัน ครั้นเสร็จแล้วเสด็จทรงพระราชยานมาลงเรือพระที่นั่งปิกนิก ออกเรือพระที่นั่งมาตามแควน้ำป่าสัก แต่เรือข้างในนั้นไม่ได้แวะวัดบรมวงศ์ เวลาบ่าย ๕ โมงเสด็จถึงตำบลพระนครหลวง กรมการปลูกปรำดาดแผงกั้นฝารับเสด็จ ประทับเรือพระที่นั่ง ตำรวจทหารได้ล้อมวงรักษาทั้งทางน้ำทางบก

วัน ๒ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าโมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี พระราชเทวีเจ้าจอมข้างใน เสด็จแต่ที่ประทับขึ้นไปประพาสพระนครหลวง เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรอยู่บนนั้น แต่พระนครหลวงนี้ชำรุดหักพังมา เป็นรูปคล้ายกับพระนครวัดสามชั้นแต่รกรานเต็มที บนชั้นบนมีวิหารพระบาท ๔ รอย ทอดพระเนตรแล้วเสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลือง เรือโสภณภควดีจูงออก เรือพระที่นั่งขึ้นไปตามลำคลองบางพครูไปออกพิธเพียนมหาราช เรือข้างในก็แล่นตามไป เวลาบ่าย ๕ โมงถึงท่าหน้าพระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระยาพิสุทธิธรรมธาดาปลัดยกกระบัตรมาคอยรับเสด็จที่นั้น เสด็จทรงพระราชยานพร้อมด้วยกระบวนนำและตามเสด็จขึ้นไปบนวัง แล้วเสด็จไปประทับพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาท ทรงจุดเทียนธูปปักเครื่องสังเวยบวงสรวง มีพิณพาทย์ไทย ๑ วงประโคม แล้วโปรดให้ทหารแตรเป่าประโคม แล้วเสด็จไปประพาสพระที่นั่งสุธาไอสวรรย์และตึกพระเจ้าเหา แล้วเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งวิสุทธวินิจฉัย แล้วเสด็จขึ้นข้างใน เสด็จเข้าที่บนพระที่นั่งพิมานมงกุฎ

วัน ๓ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๓ โมงเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยข้างใน ประพาสวัดมหาธาตุแล้ว เสด็จปรางค์สามยอด เทวสถานศาลพระกาล แล้วเสด็จทางหน้าตึกเจ้าพระยาวิชาเยนทร แล้วเสด็จกลับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จะเสด็จประพาสทะเลชุบศร ในเวลาบ่ายฝนศกไม่ได้เสด็จและว่าทางไม่ดีสะพานชำรุด

เวลาเย็นเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยข้างในเสด็จไปไปทอดพระเนตรวัดกระวิศราราม แล้วเสด็จกลับประทับพระที่นั่งวิสุทธวินิจฉัย ตรัสกับกรมหมื่นเทววงศ์และเจ้านาย แล้วรับสั่งกับพระยาวิสุทธิธรรมธาดา เรื่องพระศรีอารย์และอื่นๆ และโปรดให้พระองค์สายไปตรวจทางที่จะเสด็จประพาสเขาสมอคอนและวัดไลยแล้วเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเที่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียรบับพระภูษาม่วงแดง ทรงสะพายสายเครื่องราชอิสสริยยศมงกุฎสยาม ทรงประดับดวงตราอื่นๆด้วย เสด็จทรงพระราชยานแต่หน้าพระที่นั่งวิสุทธวินิจฉัย พร้อมด้วยทหารตำรวจมหาดเล็กกระบวนนำตามเสด็จ ไปประทับวัดกระวิศรารามที่ ๑ เสด็จในพระอุโบสถทรงนมัสการ นายรองกวดทูลรายงานพระสงฆ์ พระสงฆ์ครองผ้าแล้ว โปรดให้สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์ถวายบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานกัปปิยมูลแก่พระสงฆ์ทั้งพระอาราม ๖ องค์ องค์ละ ๒ ตำลึง แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับวัดเสาธงทองที่ ๒ เสด็จในพระอุโบสถทรงนมัสการ นายเล่ห์อาวุธทูลรายงานพระสงฆ์จำพรรษา แล้วทรงถวายกฐิัน พระสงฆ์อปโลกให้พระครูสังฆภารวาหลวบุรีคณาจารย์ แล้วโปรดให้กรมพิชิตประเคนบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา วัดนี้ไม่ได้สวดญัตติไม่ได้ครองผ้าเพราะสีมาเนื่องกับวัดปืน โปรดให้พระราชทานกัปปิยมูลแด่พระสงฆ์ ทั้งพระอาราม ๑๐ องค์ๆ ละ ๑ ตำลึง แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ประทับพระนารายณ์ราชนิเวศน์เสด็จขึ้นข้างใน

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องอย่างเมื่อตะกี้นี้ เสด็จพระราชดำเนินทรงพระราชยานไปทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลก พร้อมด้วยเรือคู่ชักเรือดั้งเรือไชย ประตูหน้าหลังอย่างเช่นกฐินกรุงเก่า เสด็จแต่ท่าพระนารายณ์ราชนิเวศน์ไปประทับท่าฉนวนวัดมณีชลขันธ์ เสด็จประทับในพระอุโบสถทรงนมัสการ นายรองกวดทูลรายงานวัด แล้วทรงถวายกฐิน พระสงฆอปโลกและญัตติทุติยกรรมให้พระครูญาณพิรัต ทรงประเคนไตรปีฐานา พระครองผ้าแล้วโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงประเคนบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา เสด็จกลับประทับท่าฉนวน เสด็จทรงบูชาพระศรีมหาโพธิ์แล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลก เสด็จไปประทับพระตำหนักแพ ซึ่งพระยาพิสุทธิธรรมธาดาทำไว้รับเสด็จณห้องพรหมมาศ ข้างในนั้นก็ไปอยู่ที่แพพระที่นั่งด้วย แต่ข้างในนั้นลงเรือเก๋่งไปเมื่อเสด็จทอดพระกรฐิน แพพระที่นั่งนั้น ๓ หลังใหญ่ ๆ เมื่อเสด็จไปประทับนั้นต้องเอาเรือพระที่นั่งปิกนิกเทียบด้วย มีเรือตำรวจกรมวังล้อมวงชั้นใน ทหารในเรือไฟเรือบตล้อมวงชั้นนอก รักษาโดยแข็งแรงดี

เจ้าพระยาสุรวงศ์ถวายหนังสือมาว่าด้วยโปรดให้ถามหวันมหมัดซามัน ทำคำให้การยื่นอธิบายว่าด้วยเขตต์แดนเมืองเปรักกับที่เกรียนและส่งคอเรสปอนเดนซ์ที่มีไปมากับเจ้าเมืองสิงคโปร์ในกาลก่อน ๆ

วัน ๕ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเล็ก ๆ ไปประพาสท้องพรหมมาศ เวลาเช้า ๕ โมง สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี เสด็จทรงเรือพระที่นั่งรัตนดิลก พระนางเธอเสาวภาผ่องศรีเสด็จทรงเรือพระที่นั่งบุศบกพิศาล มีเรือดั้ง ๓ คู่ เรือไชยผ้าไตร เรือกลอง เรือตำรวจทหารเสด็จไปโดยชลมารคถึงวัดตีนท่า สมเด็จพระนางเจ้าเสด็จพระราชดำเนินขึ้นทรงทอดกฐินวัดนี้ ทรงบริจาคผ้าไตรบริขารโดยประณีตแก่พระสงฆ์ทั้งท่านผู้ครองและพระสงฆ์อื่น ๆ เป็นเอนกอนันต์และพระราชทานวัตถุปัจจัยแก่พระสงฆ์ในพระอารามนั้นอีกองค์ละ ๑ ตำลึง ทรงทอดเสร็จแล้ว เสด็จกลับทรงเรือพระที่นั่งเสด็จล่องน้ำไปประทับวัดโพกะต้น พระนางเธอเสาวภาผ่องศรี เสด็จขึ้นทรงทอดกฐินวัดนี้ทรงบริจาคผ้าไตรบริขารและวัตถุปัจจัยองค์ละ ๑ ตำลึง เหมือนกันกับวัดโน้นแล้ว เสด็จกลับขึ้นประทับแพพระที่นั่งณท้องพรหมมาศ

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้างใน เสด็จทรงเรือพระที่นั่งเล็ก ๆ ประพาสในท้องพรหมมาศทรงเก็บกระจับและอื่น ๆ จนเวลาค่ำ

อนึ่งพระยาพิสุทธิธรรมธาดาได้จัดเรือใหญ่มาขนานปลูกพลับพลาบนนั้นตั้งที่พระ โต๊ะจีน อาสนสงฆ์ และประดับประทีปโคมไฟ มีเรือเป็นโรงละคร ๑ มีเรือโรงหนัง ๑ เรือดอกไม้เพลิง เวลาค่ำโปรดให้แห่รูปพระศรีอารย์ซึ่งแห่มาแต่กรุงเทพ ฯ ถึงลพบุรีวัน ๓ ๑๒ ค่ำ มาพักอยู่หน้าวัดมณีชลขันธ์นั้น แห่ไปถึงเรือที่ปลูกพลับพลาแล้วยกขึ้นตั้งบนอาสน์นั้น เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเก๋ง เสด็จแต่แพพระที่นั่งไปประทับที่ซ่องจะสวดมนต์ ทรงประเคนผ้าไตรพระราชาคณะพระครูฐานา ๑๐รูป พระสงฆ์ครองผ้าแล้ว จะทรงจุดเทียน ทอดพระเนตรเห็นไม่มีพระพุทธรูปโปรดให้ไปเชิญพระพุทธรูปมาองค์หนึ่งก่อนจึ่งจะให้สวด รับสั่งว่าจะเอารูปพระศรีอารย์นี้เป็นรัตนไม่ได้ จะถือเป็นพุทธ ธรรม สังฆ ก็ไม่ได้ ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลซ่อมแซมพระศรีอารย์และทำการฉลองนี้ใช่ว่าจะทรงเชื่อถือเลื่อมใสในรูปนี้อย่างเช่นคนโง่ ยินดีในศาสนาพระศรีอารย์ภายหน้ายิ่งกว่าพระพุทธเจ้านั้นหามิได้ ทรงเกื้อกูลอนุเคราะห์ความสนุกยินดีของราษฎรเท่านั้น แล้วรับสั่งถามพระญาณรักขิตว่าว่าไหว้รูปนี้หรือไม่ ทูลว่าไม่ได้ไหว้

สมเด็จกรมพระให้พระยาศรีไปเชิญพระพุทธรูปที่วัดมณีชลขันธ์มาแล้ว ทรงจุดเทียนนมัสการ พระพิมลธรรมถวายศีลแล้ว พระสงฆ์สวดสัตตปริตรยังไม่ทันจบ เสด็จพระราชดำเนินกลับประทับแพพระที่นั่ง พระสงฆ์สวดมนต์จบแล้วทรงดอกไม้เพลิง ค่ำวันนี้มีละครโรง ๑ มีหนังโรง ๑

วัน ๖ ๑๐ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเรือพระที่นั่งคอนโดเลอแจวเล็ก ๆ พร้อมด้วยข้างในและมีเรือข้างในตามเสด็จ เรือตำรวจทหารกรมวังตาม นำเสด็จไปประพาสคลองและคูรอบพระนคร แล้วทอดพระเนตรป้อมรอบพระนครด้วย ป้อมนั้นสูงใหญ่กว่าป้อมทุกวันนี้มาก แล้วเสด็จไปประพาสท่ากวางบ่อดินสอพองแล้ว เสด็จกลับแพพระที่นั่งณท้องพรหมมาศ โปรดให้พระยาภาศไปให้เจ้าพนักงานเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๐ รูป ซึ่งสวดมนต์เมื่อคืนนี้เสีย ไม่เสด็จพระราชดำเนิน

เวลาบ่ายเสด็จทรงเรือพระที่นั่งเก๋งไปประทับเรือขนาน ซึ่งทำพลับพลาฉลองพระทรงโปรยผลกัลปพฤกษ์ ๖๐๐ ผล แล้วเสด็จกลับแพพระที่นั่ง

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งคอนโดเลอเล็กๆ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี และข้างในเสด็จทรงเก็บกระจับในท้องพรหมมาศจนเวลาค่ำเสด็จกลับแพพระที่นั่ง เวลา ๒ ทุ่มเสด็จไปเรือพระที่ฉลองพร้อมด้วยข้างใน ทอดพระเนตรครู่หนึ่งเสด็จกลับทรงเล่นเรือเล็กๆ กับข้างใน อยู่ณท้องพรหมมาศจนเวลา ๒ ยามเศษ ค่ำวันนี้มีละครโรง ๑ หนังโรง ๑ ดอกไม้เพลิงด้วย เป็นการฉลองพระ

วัน ๗ ๑๑ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้เวลาเช้า ๒ โมงเศษเสด็จทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลืองเรือไฟเล็กเจ้าพระยาสุรวงศ์จูง สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอ พระราชเทวี และเจ้าจอมข้างในตามเสด็จในเรือพระที่นั่งนั้นด้วย มีเรือไฟจูงเรือสำปั้นเก๋งข้างในมาในเรือนั้นอีก ๒ ลำ เสด็จจากแพพระที่นั่งขึ้นไปตามลำน้ำซึ่งจะไปออกบางพุดชา ถึงปากคลองมะขามเทศก็เลี้ยวเข้าคลองนั้นไป แล่นขึ้นไปทางบางลี่ บางขาบถึงวัดไลย หยุดเรือพระที่นั่งเสด็จขึ้นบนวัด พระครูสังฆภารวาหเจ้าคณะและปลัดมานำเจ้าอธิการและพระสงฆ์วัดไลยนั่งถวายไชยมงคล เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปทอดพระเนตรวิหารเก่าซึ่งเอารูปพระศรีอารย์เข้าไว้แต่เดิมที่ไฟไหม้ชำรุดอยู่ แล้วเสด็จทอดพระเนตรวิหารอื่นๆ พระวิหารเหล่านี้เป็นของเก่าทำแปลกกว่าของทุกวันนี้ ทำท่วงทีลวดลายคล้ายกับพระนครวัดของเขมร แล้วเสด็จมาประทับที่ปรำหน้าพระวิหาร รับสั่งให้สมภารมาเฝ้า พระวุฒิการพระครูสังฆภารวาหนำเจ้าอธิการชื่นมาเฝ้า รับสั่งถามถึงเรื่องรูปพระศรีอารย์ สมภารแกกลัวไม่ใคร่จะทูล พระราชทานวัตถุปัจจัยแก่สมภารเป็นมูลค่า ๕ ตำลึง พระสงฆ์ในวัดนั้นอีก ๕ องค์ ๆ ละ ๑ ตำลึง แล้วเสด็จทอดพระเนตรในพระอุโบสถ แล้วเสด็จกลับ รับสั่งให้พระยาพิสุทธิธรรมธาดาซ่อมพระวิหารวัดไลย แล้วโปรดให้พระยาภาสแจกเงินราษฎรซึ่งทำสำรับมาทูลเกล้า ฯ ถวาย เสด็จพระราชดำเนินกลับออกเรือพระที่นั่งไปถึงคลองที่จะเข้าไปเขาสมรทางถ้ำบันไดสามแสน ทรงเรือพระที่นั่งเก๋งเข้าไปถึงเขา เสด็จขึ้นประพาสถ้ำบันไดสามแสน แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่งเก๋งเลียบมาตามริมเขา แต่เรือกลไฟนั้นแล่นมาเข้าคลองด้านใต้เข้าไปคอยรับเสด็จที่เขาสมอคอน เพราะเลียบมาตามเขาไม่ได้ ครั้นเสด็จถึงเขาซึ่งกรมการปลูกพลับพลารับเสด็จอยู่ที่ตีนเขานั้น จึงเสด็จขึ้นบนเขา ๆ นั้นมีวัดยังทำไม่แล้ว พระครูสังฆภารวาหกับสมภารและพระสงฆ์วัดนั้นถวายไชยมงคล เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปพร้อมด้วยข้างใน เสด็จประทับตรัสกับพระสงฆ์และกรมการหน่อยหนึ่ง เสด็จเข้าในถ้ำเรียกถ้ำพระนอน แล้วเสด็จขึ้นไปบนยอดเขาๆลูกนี้พระเจดีย์ชำรุดอยู่บนนั้น ราษฎรทายกผู้ปฏิสังขรณ์วัดนี้และชาวบ้านอื่น ๆ มาคอยเฝ้าอยู่ที่นั้น พระราชทานเงินช่วยปฏิสังขรณ์วัดนี้ ๑๐ ตำลึง แล้วเสด็จกลับประทับพลับพลาที่กรมการปลูกไว้ที่เกาะตีนเขานั้นครู่ ๑ แล้วทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลืองเรือไฟจูงตามเดิม ออกเรือพระที่นั่งมาจนเวลาเกือบทุ่มถึงแพพระที่นั่งท้องพรหมมาศ

เวลาค่ำพระยาพิสุทธิธรรมธาดา จัดเรือผ้าป่า ๒ ลำมาทอดถวายตัวณท้องพรหมมาศ โปรดให้ราษฎรชายหญิงมาว่าเพลงแก้กันเป็นการฉลองผ้าป่า แล้วพระราชทานรางวัลราษฎรที่มาเล่นเพลงถวายด้วย ผ้าป่านั้นทอดวัดมณีชลขันธ์

ค่ำวันนี้มีละคร หนัง ดอกไม้เพลิงอีกคืนหนึ่ง

วันนี้พระองค์เจ้าสิริวัฒนาวงศ์ในสมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์ ประชวรวัณโรคภายในมาช้านานสิ้นพระชนม์ พระราชทานโกศลุ้งผ้าขาว

วัน ๑ ๑๒ ๑๒ ค่ำ มะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอ ทรงเรือพระที่นั่งคอนโดเลอลำน้ำเงิน และมีเรือสำปั้นเก๋งข้างในไปในเรือนั้น ๒ ลำ พร้อมด้วยเรือนำตามไปประทับท่าบ้านท่าแค เสด็จขึ้นประพาสบ้านเรือลาวชาวบ้านท่าแค คนเหล่านั้นและชาวบ้านอื่น ๆ มาคอยเฝ้า ทรงโปรยเงินพระราชทานและทรงซื้อผ้าห่มผ้าซิ่นผ้าเช็ดหน้าย่ามเล็กใหญ่ซึ่งชาวบ้านเอามาขาย แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรวัดบ้านท่าแค ทรงโปรยเงินราษฎรและทรงซื้อย่ามซื้อผ้าอีก แล้วพระลงมาเฝ้า พระองค์หนึ่งเทศน์มหาชาติกัณฑ์ชูชก แล้วพระราชทานรางวัล และพระราชทานวัตถุปัจจัยแก่เจ้าอธิการ ๖ บาท พระสงฆ์ลูกวัด ๔ องค์ ๆ ละ ๑ ตำลึง แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับแพพระที่นั่งท้องพรหมมาศ พระราชทานเสื้อสักหลาดตัว ๑ เงิน ๔ ชั่ง แก่พระยาพิสุทธิธรรมธาดา และพระราชทานเสื้อสักหลาดแก่พระนครพราหมปลัด หลวงรามสิทธิศรยกกระบัตร กรมการเมืองลพบุรีด้วย

เวลา ๕ โมงเสด็จทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลือง เรือพระที่นั่งโสภณภควดีจูงอย่างเช่นเสด็จจากบางปะอิน เรือไฟต่างๆ จูงเรือปิกนิกพระประเทียบอย่างเช่นกระบวนเสด็จจากบางปะอินเหมือนกัน มาตามลำน้ำเมืองลพบรีมาออกปากน้ำบางพุดซา ออกแควใหญ่เมืองพรหมล่องตามน้ำลงไป จนเวลาบ่าย ๓ โมงถึงพลับพลาที่กรมการเมืองพรหมบุรีปลูกไว้รับเสด็จตำบลปากคลองนกกระทุง จอดเรือพระที่นั่ง โปรดให้ตำรวจไปตรวจทางที่จะเสด็จนมัสการพระนอนจักรศรี เวลาค่ำล้อมวงเหมือนที่พระนครหลวง

วัน ๒ ๑๓ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและพระนางเธอทั้งเจ้าจอมข้างใน ทรงเรือพระที่นั่งบุศบกพิศาล มืเรือเก๋งประเทียบ ๒ ลำ เรือทินกรส่องศรีเป็นเรือพระที่นั่งรองข้างในลงเหมือนกัน พร้อมด้วยกระบวนนำและตามเสด็จแต่ท่าพลับพลาไปตามลำคลองนกกระทุงไปออกเม่น้ำแควน้อยแขวงเมืองสิงหบุรี ขึ้นไปตามลำน้ำถึงวัดพระนอนจักรศรี กรมการปลูกพลับพลารับเสด็จ เสด็จประทับบนพลับพลา ราษฎรทำสำรับมาและคอยเฝ้าอยู่แน่นไปทั้งนั้น โปรดให้แจกเงินราษฎร แล้วเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ทรงนมัสการพระพุทธไสยาศน์คือพระนอนจักรศรี อนึ่งพระครูเมืองสิงห์ พระปลัด และพระสมุหเจ้าอธิการวัดนี้และพระอันดับมานั่งถวายไชยมงคลเมื่อเสด็จขึ้นมาด้วย ทรงนมัสการแล้วเสด็จมาทรงพระราชปฏิสันถารพระครูและฐานาและเจ้าอธิการวัดนั้น แล้วพระราชทานวัตถุกัปปิยมูลค่า ๓ ตำลึง แก่พระสมุหของพระครูเมืองสิงห์ซึ่งเป็นเจ้าอธิการวัดนั้น พระสงฆ์ในวัดนั้นองค์ละ ๑ ตำลึง แล้วเสด็จพระราชดำเนินกระบวนกลับมาประทับพลับพลาคลองนกกระทุง พระราชทานเสื้อสักหลาดพระพรหมประสาทศิลป์ ปลัดยกกระบัตร กรมการอื่น ๆ ด้วย

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลือง เรือโสกณจูงเหมือนอย่างเช่นเสด็จจากลพบุรี เรือไฟต่าง ๆ จูงเรือพระประเทียบเหมือนวานนี้ เสด็จจากพลับพลาคลองนกกระทุงล่องตามลำน้ำลงไป เวลาบ่าย ๒ โมง ๒๐ นาฑีถึงวัดป่าโมกข์ใต้เมืองอ่างทอง เสด็จประทับพลับพลาซึ่งกรมการปลูกรับเสด็จไว้ เสด็จขึ้นประทับบนนั้นครู่หนึ่งแล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปตามทางฉนวน หลวงอนุชิตพิทักษ์นำพระยาวิเศษไชยชาญ หลวงชัยสงครามปลัด หลวงวิเศษภักดียกกระบัตร หลวงศรีสิทธิรักษ์ผู้ช่วยเฝ้าถวายของ และพระบำราบคดีจีน หลวงวารินทรเวสสันตรบาล ขุนบริหารเวสกิจ มาเฝ้าถวายของด้วย ทรงพระราชปฏิสันถารพอควรแล้วเสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงนมัสการแล้วทรงถวายกฐิน นายรองกวดทูลรายงานพระสงฆ์ พระสงฆ์อปโลกและญัตติทุติยกรรมให้พระครูปาโมกขมุนี ครองแล้วกราลกฐิน โปรดให้กรมหมื่นเทววงศ์ประเคนบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา แล้วพระราชทานวัตถุจตุปัจจัยกัปปิยมูลแก่พระครูปามกขมุนี ๕ ตำลึง พระสงฆ์อันดับอีกองค์ละ ๑ ตำลึง ๓๐ องค์ รวมเงิน ๑ ชั่ง ๑๕ ตำลึง แล้วทรงพระราชปฏิสันถารพระครูปาโมกขมุนี พระครูพุทธรักขิต เจ้าคณะฐานาซึ่งมาเฝ้าอยู่ในที่นั้น แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกจากพระอุโบสถ ทรงโปรยเงินเฟื้องพระราชทานอุบาสกอุบาสิกาซึ่งมานั่งคอยเฝ้าอยู่ที่ลานพระอุโบสถ ถือพานดอกไม้ธูปเทียนทั้งนั้น เสด็จในพระวิหารนมัสการพระพุทธไสยาศน์ แล้วเสด็จออกมา พระยาราชวังสันซึ่งกลับมาแต่เมืองตรังกานูขึ้นมาเฝ้าด้วย รับสั่งอยู่กับพระยาราชวังสันหน่อยหนึ่ง เสด็จมาตามฉนวน ทรงโปรยเงินเฟื้องพระราชทานราษฎรชายหญิงมาตามทาง เสด็จไปประทับพลับพลาที่พระยาอ่างทองทำ เสด็จสรงน้ำแล้วพระราชทานเสื้อสักหลาดพระวิเศษไชยชาญ ปลัด ยกกระบัตร ผู้ช่วยกรมการ แล้วเสด็จทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกเหลือง เรือโสภณจูงเสด็จจากวัดป่าโมกข์เมืองอ่างหอง

แต่เรือประเทียบต่าง ๆ นั้นไม่ได้แวะวัดป่าโมกข์ ล่องลงมาทีเดียว แล้วแยกเข้าคลองบ้านหัวตะพานมาออกทางคลองป้อมเพ็ชร แต่เรือพระที่นั่งนั้นมาทางแควสีกุกมาออกบางไทรแล่นล่องลงมาเวลา ๔ ทุ่มเศษถึงกรุงเทพ ฯ เสด็จขึ้นประทับตรัสกับเจ้าพระยามหินทรกับขุนนางอื่น ๆ แล้วเสด็จขึ้นมาประทับ สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงจุดเทียนชักโคมไชย ด้วยเป็นกำหนดตั้งพระราชพิธีจองเปรียง เวลาวานนี้ได้สวดมนต์ พระครูไทย ๔ รามัญ ๔ เวลาเช้าวันนี้ยกเสาโคมไชย แล้วเสด็จขึ้น จะเสด็จออกพระที่นั่งอนันต์

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ทรงศีลแล้ว เสด็จประทับตรัสกับกรมพระปวเรศครู่หนึ่ง เสด็จไปประทับตรัสกับเจ้านาย กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะ พระครูฐานาเปรียญฝ่ายไทยในกรุงหัวเมืองสวดทวาทศปริตรในพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญฝ่ายรามัญในกรุงหัวเมืองสวดมนต์บนพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ รวมพระสงฆ์ ๔๘๖ รูป แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้น

หนังสือเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่าพระยาราชวังสันกลับจากเมืองตรังกานู พระยาตรังกานูมีใบบอกตอบท้องตราฉะบับ ๑ ว่าได้ให้แปลแล้วถวายเข้ามาด้วย หนังสือพระยาตรังกานูตอบท้องตราว่าด้วยได้รับพระราชทานเสื้อผ้าของพระราชทาน และได้แจกเงิน ๒๐๐๐ เหรียญของพระราชทานแก่ศรีตวันกรมการราษฎร และว่าข้าว ๑๐ เกวียน เกลือ ๑๐ เกวียน ที่พระราชทานนั้นยังไม่ได้รับ ริโปดพระยาราชวังสันว่าด้วยไปถึงตรังกานู วางท้องตราพระราชทานเสื้อผ้าและเงินแก่พระยาตรังกานู ศรีตวันกรมการราษฎร และพระยาราชวังสันได้เห็นเรือนบ้านราษฎรที่ไฟไหม้ ได้ถามว่าไหม้สิ้น ๒๕๘๐ หลัง ไหม้วัน ๗ ๙ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงจนบ่าย ๔ โมง และว่าเกาวนาสิงคโปร์ให้ ๒๐๐๐ เหรียญ

หนังสือกรมหมื่นภูธเรศว่าด้วยงิ้วพระยาประภาวิวาทกับชายมีชื่อ หญิงหาเงินและโปลิศตีกันมาก มีบาดแผลทั้งสองข้าง

วัน ๓ ๑๔ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จทรงบาตรที่ห้องฉนวน พระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญในกรุงหัวเมือง ๓๒๔ รูป เข้าไปรับบิณฑบาต แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล เสด็จทรงประเคนกรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ พระราชาคณะ พระครูฐานาเปรียญในกรุงหัวเมือง ๑๖๒ รูป รับพระราชทานฉัน แล้วถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับไป กรมพระราชวังและต่างกรมพระองค์เจ้าถวายพระราชกุศลที่พระราชทานกฐิน พระครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ในการพระราชพิธีจองเปรียง แล้วเสด็จขึ้น

เวลายามเศษโปรดให้พระองค์เจ้ากิติยากรไปมีพระธรรมเทศนาที่พระที่นั่งอมรินทร พระอริยกวีถวายเทศนากฐินทานกัณฑ์หนึ่ง เครื่องกัณฑ์ไตรแพรเครื่องบริขาร วัตถุกัปปิยมูลค่า ๑๐ ตำลึง มีเครื่องขนมอย่างเครื่องกัณฑ์มหาชาติ

เวลา ๒ ยามเศษเสด็จพระราชดำเนินแต่พระที่นั่งจักรีไปประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จลงทรงเรือบัลลังก์ ทรงลอยพระประทีปตามขัตติยราชประเพณีโบราณจารีตสืบมา เวลา ๘ ทุ่มเสด็จพระราชดำเนินขึ้นจากเรือบัลลังก์ทรงพระราชยานกลับขึ้นพระบรมมหาราชวัง

พระยาพิพัฒน์มีหนังสือถึงพระองค์สวัสดิ์ ส่งหนังสือมิสเตอร์นิวแมนกงสุลอังกฤษ ชี้แจงเรื่องความมองโอ ที่เขาเห็นว่าตัดสินไม่ถูกมาฉะบับ ๑ หนังสือกงสุลเยอรมันว่าด้วยเรียแอดมิราลบารอนวอนเดอกุสยังต้องค้างอยู่ที่ฮ่องกง เพราะราชทูตเยอรมันสั่งให้รออยู่ แต่คิดจะเข้ามากรุงเทพฯ ในเดือนเอปริลหน้า และส่งหนังสือมาอีกหลายฉะบับ คือหนังสือกรมหมื่นนเรศบอกระยะทางตั้งแต่ไปจากสิงคโปร์ถึงท่ามาเซลฉะบับ ๑ ถวายไชยมงคลในการเฉลิมพระชนมพรรษาฉะบับ ๑ หนังสือมองซิเออร์รูเตียว่าด้วยกรมหมื่นนเรศไปถึงท่ามาเซลต้องหยุด ควอแรนตีนไดเรกเตอร์ ผู้ว่าการเรือเมล์ได้จัดการโดยสมควร

หนังสือพระสยามธุรานรักษ์ ว่าด้วยมิได้ริษยามองซิเออรูเตีย และว่าด้วยราชทูตต้องอยู่ควอแรนตีน และเรื่องราชทูตจินสนทนากับคอเวอนแมนต์ฝรั่งเศส เรื่องตองกินยังไม่ตกลงประการใด ฉะบับ ๑ ว่าด้วยรับกรมหมื่นนเรศที่กรุงปารีส และบอกเรื่องฝรั่งเศสกับจีนยังไม่ได้ตกลงประการใด ข่าวตองกินว่าพวกฮ่อธงดำจะยกไปจากเมืองซูทาย และว่าด้วยออฟฟิศว่าการเนวีได้ตั้งตำแหน่งใหม่อีกคนหนึ่ง

หนังสือพระยาอัษฎงค์ว่าด้วยอนุญาตให้ห้างยอนสตอนบรรทุกดินดำเข้ามาตามคำสั่งเจ้าพระยาสุรวงศ์

หนังสือหลวงจินาสันสยามมิตร ว่าด้วยเรื่องความจีนสุนได้บอกเกาวนามเกาแล้ว เกาวนามเกาจะพิจารณาความเรื่องนี้ และว่าด้วยเกาวนามเกาตั้งให้ซินยอแคนซิโอยอชเป็นกงสุลโปรตุเกสในกรุงเทพ ฯ

วัน ๔ ๑๕ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าพระ พระราชาคณะ พระครูฐานาเปรียญ ๓๒๓ รูป เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ถวายศีล เสด็จทรงประเคน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ พระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญ ๑๖๒ รูปรับพระราชทานฉัน แล้วอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลากลับ พระครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ กรมหมื่นพิชิตเฝ้ารับสั่งเรื่องความจีนตันมาบุ๋น สมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์มาเฝ้ารับสั่งเรื่องการทัพและการเมืองลาว เสด็จออกขุนนางไม่มีราชการอะไรเสด็จขึ้น

เวลาค่ำโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จไปมีพระธรรมเทศนาที่พระที่นั่งอมรินทร์ พระญาณสมโพธิถวายเทศนาจีวรทานกัณฑ์หนึ่ง เครื่องกัณฑ์ไตรแพรเครื่องบริขาร กัปปิยมูลค่า ๑๐ ตำลึง

เวลาเกือบ ๒ ยามเสด็จลงทรงลอยพระประทีปอย่างเช่นวันก่อน เวลาเกือบ ๘ ทุ่มเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๔ โมงเศษพระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญที่รับพระราชทานฉันในวันก่อน ๆ นั้น เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลา ๕ โมงเสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการ สมเด็จพระวันรัตถวายศีล ทรงศีลแล้ว ทรงประเคน สมเด็จพระวันรัตพระราชาคณะ พระครฐานาเปรียญ ๑๖๒ รูปรับพระราชทานฉัน ครั้นฉันแล้วถวายอนุโมทนาอติเรก ถวายพระพรลากลับไป พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์แล้วเสด็จขึ้น

โปรดให้กรมขุนเจริญไปเปลื้องเครื่องพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกตอย่างวัสสันตฤดู ทรงประดับอาภรณ์อย่างเหมันตฤดูเช่นเคยทรงมาทุกปี แล้วพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชตามเคย

เวลาค่ำ โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงโคมชัย และมีพระธรรมเทศนาที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระกิตติสารมุนีถวายเทศนาปฏิสังขรณทาน เครื่องกัณฑ์เหมือนเวลาวานนี้

เวลาเกือบ ๒ ยาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงทรงลอยพระประทีปอย่างเช่นวันก่อน เวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น อนึ่งการลอยพระประทีปนี้เป็นธรรมเนียมมาทุกปีไม่มีอะไรแปลกปลาด ปีนี้ทรงพระกรุณาโปรดให้จัดเรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ทรงพานพุ่มดอกไม้แทนเรือไชย ด้วยปีก่อน ๆ มาเคยเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชทรงพระไชย เรือสุพรรณหงส์หรือเรือไชยลำหนึ่งทรงพานพุ่ม ปีนี้เรือเอนกชาติแล้วใหม่จึ่งโปรดให้ทรงพานพุ่มลอยถวายพระเสียปีหนึ่ง เรืออนันตนาคราชทรงพระไชยตามเคย

มีผ้าป่าถวายพระราชาคณะพระครูฐานาหัวเมืองซึ่งลงมาฉลองไตรปีด้วยตามเคย

สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธ์ มีหนังสือถวายเตือนเรื่องหนังสือที่จะมีไปถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ ให้สั่งพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทำสัญญาโทรเลขฝรั่งเศส และหนังสืออธิบายชี้แจงให้พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทราบที่ทูลเกล้า ฯ ถวายไว้นั้น ขอรับพระราชทานคืนมาจะได้มีไป

อีกฉะบับ ๑ ถวายหนังสือพระสุภติเมืองลังกามีมาถึงท่าน ส่งหนังสืออภิธานปฺปทีปกามาทูลเกล้า ฯ ถวาย และว่าด้วยเรื่องบาตรพระพุทธเจ้า

อีกฉะบับ ๑ ว่าด้วยเรื่องแซงชันกรมโทรเลขและไปรษณีย์ยังไม่ตก มิสเตอรเกอมีหนังสือมาร้องด้วยเรื่องเงินเดือนยังไม่ได้

สมเด็จกรมพระถวายบอกพระพรหมบริรักษ์วางเวรฉะบับ ๑ ว่าด้วยระยะทางจะไปจากนครสวรรค์ไปถึงเมืองตาก ศุภอักษรพระเจ้าเชียงใหม่ ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยทำการเฉลิมพระชนมพรรษา ฉะบับ ๑ ว่าด้วยพระยาราชสัมภารากรตั้งฎีกาเบิกเงินค่าตอไม้ไปจำหน่ายเงินเดือนข้าหลวง จำนวนเดือน ๖ เดือน ๗ เดือน ๘ เดือน ๙ ได้จ่ายไปแล้ว ใบบอกพระยาราชสัมภารากร ๓ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยทำการเฉลิมพระชนมพรรษา ฉะบับ ๑ ว่าด้วยเบิกเงินเดือนข้าหลวงจำนวเดือน ๖ เดือน ๗ เดือน ๘ เดือน ๙ มาแจกจ่ายกันแล้ว ฉะบับ ๑ ส่งหนังสือเจ้านครลำปาง ๓ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ส่งสัญญาป่าไม้ให้ประทับตรา ๔ ฉะบับ อีกฉะบับ ๑ ขอพระอุดรขึ้นไปช่วยชำระเงินค่าตอไม้ที่นครลำปาง อีกฉะบับ ๑ ว่าด้วยผู้ร้ายยิงมองบันดอตาย ได้ตัวมองเปโตมองพงส่งมาให้พระยาราชเสนา ๆ ส่งกลับไป ภายหลังมองเปโตถือหนังสือเจ้าเมืองตะนาวศรีถึงเจ้านครได้ส่งมาด้วย หนังสือเจ้าเมืองตะนาวศรีถึงเจ้านคร ว่าด้วยเรื่องมองพงควรส่งมาเมืองผาปูนหรือส่งไปยังกงสุลที่กรุงเทพ ฯ เพราะเป็นคนในบังคับอังกฤษ เรื่องราวมองเปโตยื่นเจ้าเมืองตะนาวศรีกล่าวโทษมองซวยอัด หนังสือพระยาราชสัมภารากรตอบไปนครลำปาง ว่าด้วยสัญญาเงินค่าตอไม้นั้นให้เร่งไปเองก่อนแล้วจึงจะให้พระอุดรขึ้นไป เรื่องหนังสือมรแมนให้ตอบเขาไป

ใบบอกหลวงภักดีณรงค์ ๔ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าชำระความแล้ว ๓๕ เรื่อง กับว่าเร่งเงินส่วยได้บ้างและจะเร่งต่อไป กับว่าทำการเฉลิมพระชนมพรรษาและถือน้ำ และว่าด้วยเลกวัด ๕๖ คน เจ้าพระยายมราชถวายพระมหาดี บัดนี้ผู้ถวายก็ตายผู้รับก็ตาย จะโปรดประการใด ฉะบับ ๑ ส่งต้นหนังสือเรื่องความเมืองหนองคายลงมา กับว่าด้วยดอกเตอรโปเนอิสไปถูกพวกฮ่อแย่งสิ่งของ และว่าแต่งคนไปสืบราชการและถามคนเมืองหนองคาย ได้ความว่าฮ่อตีเมืองงานแตกแล้ว ถอยไปทุ่งเชียงคำมิได้ล่วงเลยเข้ามาในเขตต์แดนไทย กับได้ชี้แจงราชการไปตามเมืองลาวให้ระวังพวกฮ่อ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยทหารวิวาหกับตองสู่มีบาดแผลทั้งสองฝ่าย ฉะบับ ๑ ว่าด้วยปลงศพหลวงธรเณนทร์ ไปรเวตฉะบับ ๑ กล่าวโทษทหาร และว่าตองสู่เป็นความกับลาวถ้าชะนะได้ทุนทรัพย์ ถ้าแพ้เป็นเสมอเป็นการเสียเปรียบ อยากจะให้จัดการศาลต่างประเทศเมืองเชียงใหม่ กับว่าด้วยเก็บเงินส่วย

วัน ๖ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้าทรงพระกรุณาโปรดให้พระองค์เจ้ากิติยากรไปปฏิบัติพระสงฆ์พระราชาคณะพระครูฐานาหัวเมือง และ.หม่อมเจ้าเณร เณรเปรียญกรุงเทพ ฯ ซึ่งรับไตรปี รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระบรมอัฐิพระอัฐในพระบรมมหาราชวังออกไป เชิญขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งเศวตฉัตรและโต๊ะจีนตามเคย ในสมัยเช่นนี้โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จไปทรงทอดผ้าห่มนอน พระราชาคณะพระครูฐานาหัวเมืองสดับปกรณ์ แล้วสดับปกรณ์อีก ๕๐๐ รูป เชิญพระบรมอัฐิพระอัฐกลับ

เวลาค่ำ ๒ ทุ่มเสด็จออกประทับออฟฟิศ รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์เรื่องราชการครู่ ๑ รับสั่งว่าวันนี้ยังไม่เสด็จออกขุนนางให้บอกเลิก พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ เสด็จขึ้น การถวายน้ำสังข์นั้นต้องถวายกว่าจะได้เลิกพระราชพิธีจองเปรียง

วันนี้พระราชทานเพลิงศพพระอภัยภักดีจางวางหมอเครื่องต้น

กรมหมื่นประจักษ์ถวายหนังสือ ว่าด้วยนายคงเลก ๑๐ ยก ในหม่อมเจ้ายินดีสมัครเป็นทหารรักษาวัง ไปขอรับตั๋ว เจ้าพระยามหินทรไม่ให้รับตั๋วจะให้สัก นายคงไม่ได้ตั๋วไม่ยอมเป็นทหาร ท่านจะขอให้นายคงได้รับพระราชทานตั๋ว กับส่งตัวอย่างจักรคอเสื้อทหารรักษาวังมาทูลเกล้า ฯ ถวาย

วัน ๗ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกห้องซิตติงรูม พระยามนตรีสุริยวงศ์เฝ้าทูลเรื่องจีนตันมาบุ๋นกับพระยาภูเก็ต รับสั่งให้หากรมหมื่นเทววงศ์ไปรับสั่งเรื่องนี้ พระนายไวยเฝ้าถวายปืนอย่างใหม่ชื่อ ลี (Lee) เป็นของเมืองอเมริกันทำใหม่ ปืนนี้เป็นของดีใช้คล่องแคล่วราคากะบอกละ ๑๖ เหรียญ พระองค์ประดิษฐ์ทูลขอตั้งขุนนางช่างสิบหมู่และขึ้นเบี้ยหวัดด้วย พระวุฒิการถวายบาญชีกรมพระกรมหมื่นเจ้าพระเจ้าเณรซึ่งจะได้เข้ามาฉันรับพระราชทานเบี้ยหวัด วัน ๑๒ ค่ำ สมเด็จกรมหลวงจักรพรรดิพงศ์เฝ้าถวายพระราชกุศลกฐินพระราชทาน และถวายคำปรึกษาเรื่องความต่างๆ บ่าย ๔ โมงเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง พระมหาราชครูพิธีถวายน้ำพระมหาสังข์

พระนรินทร์อ่านบอกเจ้าพระยาวิเชียรคีรีเมืองสงขลา ๑๐ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ส่งต้นไม้ทองเงิน ๑๒ ต้น และเครื่องราชบรรณาการ ๒ ส่งทองคำส่วยจำนวนปีมะเมียจัตวาศกเก็บแต่บุตรจีน ๑๘๓ คน ๆ ละ ๒ สลึง ๑ เฟื้อง รวมทอง ๑๗ ตำลึง ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ๓ ส่งเงินอากรบ่อนเบี้ยเมืองสงขลา เมืองจนะ ปีมะเมียจัตวาศก รวม ๑๓๖ ชั่ง ๕ ตำึง ๑ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ๔ ส่งส่วยกระวานเมืองสงขลา เมืองจนะ ปีมะโรงโทศก ๒ หาบ ปีมะเส็งตรีศก ๒๐ ชั่ง ๕ ส่งเงินปี้จีน ปีมะเมียจัตวาศก จีน ๗๔๓ คน เงิน ๓๗ ชั่ง ๘ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ๖ ส่งเงินค่านา ปีมะเส็งตรีศก ๑๐๖ ชั่ง ๗ ตำลึง ๓ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง ๙๖ ไพ และถวายพระราชกุศลถวายเงินค่านาขึ้นวัดด้วย ๗ ว่าด้วยพระสงฆ์ราษฎรขอพัทธสีมาวัดโคกดอม วัดศีร์ษะป้อม วัดเสื้อเมือง วัดนาขวัญ ๘ ถวายพระราชกุศลทำการศพมารดาพระยาสุนทราและพระยาสุนทรานุรักษ์ ๙ ส่งเครื่องยศพระยาสุนทรานุรักษ์ ๑๐ ขอให้ตั้งหลวงวิเศษศักดิ์บุตรพระยาสุนทราเป็นพระสุนทรานุรักษ์ผู้ช่วย แล้วนำหลวงวิเศษภักดีเฝ้าถวายทองคำ ๑๐ ตำลึงแขก ผ้ายก ๖ ผืน

พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระยาระยองส่งเงินแทนส่วยไม้แดง ปีมะเมียจัตวาศก ๕ ชั่ง อีกฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนส่วยพริกไทยจำนวนปีมะแมตรีศก ๔๘ บาท วอกจัตวาศก ๔๘ บาท ระกาเบญจศก ๔๘ บาท จอฉศก ๔๘ บาท กุนสัปตศก ๖๔ บาท อีกฉะบับ ๑ ส่งเงินค่านา ปีมะเมียจัตวาศก ๗๖ ชั่ง ๒๘ บาท บอกพระเทพสงครามปลัดเมืองจันทบุรี ส่งเงินแทนส่วยทองคำแต่จำนวนปีมะแมถึงปีกุนสัปตศก ๕ จำนวน เงิน ๘ ชั่ง ๒๕ บาท บอกพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครชัยศรีส่งเงินค่านา ปีมะเมียจัตวาศก ๔๗ ชั่ง ยังไม่สำเร็จ บอกพระยาสมุทรสาครานุรักษ์ ขอนายจูบุตรเป็นหลวงเรืองเดชสาครขันธ์ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟ ฟิศรับสั่งกับกรมหมื่นพิชิต กรมหมื่นเทววงศ์ เรื่องความเมืองอุบลและอื่น ๆ และรับสั่งให้กรมหมื่นเทววงศ์สั่งปืนลีที่พระนายไวยเอามาถวาย เสด็จไปประทับห้องซิตติงรูม พระองค์สวัสดิ์เฝ้าทรงหนังสือราชการ พระองค์ดิศเฝ้าถวายบาญชีทหารซึ่งจะขึ้นไปทำการแผนที่เมืองลาวฝ่ายตะวันออกกับท่าน เสด็จขึ้น

หนังสือพระยาราชสัมภารากร ทูลเกล้า ฯ ถวายว่าด้วยพระเจ้าเชียงใหม่ปรึกษาด้วยเรื่องจะโกนจุกเจ้าดาราบุตรหญิง และว่าพระเจ้าเชียงใหม่จะให้เจ้าราชภาคิไนยคุมเครื่องยศเจ้าอุปราชลงมาส่งกรุงเทพ ฯ ได้เตือนให้จัดเงินพระคลังข้างที่ให้คุมลงมาพร้อมกัน พระเจ้าเชียงใหม่ก็รับแล้ว

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระ ว่าด้วยเมื่อเสด็จกลับจากลพบุรีทอดพระเนตรเห็นธงฝรั่งเศสปักแห่งหนึ่ง ได้ความว่าพวกญวนเข้ารีดจะแน่ไม่แน่ไม่ทราบ ทรงเห็นว่าในสัญญายอมให้มีแต่บ้านกงสุลนอกนั้นห้ามได้ แต่ที่นั้นเป็นที่เปลี่ยวน่าสงสัย ให้มีตราไปสืบดู

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยามหินทร เรื่องกรมหมื่นประจักษ์กราบทูลว่า นายคงสมัครเป็นทหาร เจ้าพนักงานจะให้สักนั้น ธรรมเนียมมีอย่างไร

วัน ๑ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลากลางวันไม่ได้เสด็จออก พระราชทานเพลิงหลวงไกรเทพ หลวงพินิจราชาวาส และพระราชทานหีบศิลาหน้าเพลิงศพนายแกร่งมหาดเล็ก ซึ่งไปตายที่เมืองเชียงใหม่

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีอ่านบอกพระยานครราชสีมา ๓ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าได้แต่งกรมการขึ้นไปสืบข่าวราชการทัพฮ่อ และปลูกพลับพลารับเสด็จสมเด็จ ฯ ฉะบับ ๑ ว่าด้วยมีตราเกณฑ์ช้าง ๒๐๐ นั้น ช้างในเมืองโคราช เมืองขึ้นมีไม่ถึง ๑๐๐ ฉะบับ ๑ บอกรายงานน้ำฝนต้นข่าว น้ำปีนี้น้อยเต็มที

พระนรินทร์อ่านบอกหลวงนราธิกรฤทธิ์ หลวงลักษมานา หลวงสุนทรินเสนี ว่าด้วยไปถึงเมืองไทร ให้หลวงลักษมานาอยู่ฟังราชการ ตัวไปเมืองภูเก็ต พระยาภูเก็ตบอกว่าพวกจีนผู้ร้ายกำเริบ ได้ออกประกาศให้หัวหน้าสืบผู้ร้ายส่ง ถ้าปิดบังเอาโทษ ฉะบับ ๑ ชื่อหลวงนราผู้เดียว ว่าด้วยได้รับพระราชทานตราทิพยาภรณ์ซึ่งโปรดให้ส่งออกไปพระราชทาน และว่าที่เมืองตรังคนร้ายชุกชุมจะรีบมาระงับ แล้วพระนรินทร์นำพระยาเพ็ชรบุรี หลวงทรงสุรเดช หลวงไกรกรีธา ข้าหลวงกลับจากชำระผู้ร้ายเมืองเพ็ชรบุรี

พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระยาราชพงศานุรักษ์ ว่าด้วยหลงจู๊ฝิ่นมาขอกรมการไปจับฝิ่นเถื่อนเกิดวิวาทกัน จีนแพพวกหลงจู๊แทงฮ่วยเซี่ยวพวกจีนเจ้าของฝิ่นเถื่อน แล้วจับมาส่ง จีนแพก็มีบาดแผล จีนฮ่วยเซี่ยวทนเจ็บไม่ได้ตาย ฉะบับ ๑ บอกพระสยามพลภักดีปลัดเมืองนครไชยศรี ว่าจีนชื่นเป็นบ้าแทงภรรยาตายแล้วแทงตัวตาย ฉะบับ ๑ บอกพระยานนท์บอกว่านายฉายอำแดงกริมนาย อ้ายอิ่มบ่าวว่า อ้ายอิ่มลาไปดูแห่ผ้าป่า กลับมามีบาดแผล ได้เอากำนันมาถามปากคำได้ความว่า ผู้ร้ายแทงแล้วขาดใจตาย

พระราชทานสัญญาบัตรพระยาประสิทธิ์ศุภการเก่าเป็นพระยาประชาชีพบริบาล ๑ จ่ายงยศสถิตย์เป็นพระรัตนายัตก์ ๑ สมิงดาบเพ็ชร เป็นพระยารัตนจักร ๑ ขุนพรหมไพบูลย์เป็นหลวงนารายณ์ฤทธา ๑ ขุนรักษโยธา เป็นขุนพรหมไพบูลย์ ๑ นายจูมหาดเล็ก เป็นหลวงเรืองเดชาสาครขันธ์ ยกกระบัตรเมืองสมุทรสาคร ๑ หลวงแก้วภักดี เป็นพระสีขรภุมมานุรักษ์ เจ้าเมืองสิงขรภูมิ ๑

พระยาเพ็ชรบุรีทูลว่า วัน ๑๑ ๑๒ ค่ำ อสนีบาตตกต้องพระเพ็ชรภูมิไพโรจน์ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศหน่อยหนึ่ง เสด็จขึ้น

วันนี้ประทับปมานิยมบัตร ๑๘ วิสุงคาม ๑ สัญญาบัตร ๖

เจ้าพระยามหินทร ถวายหนังสือตอบพระราชหัตถ์เรื่องนายคงว่า ธรรมเนียมเลกเจ้าตายตกเป็นไพร่หลวงถึงจะเป็นคนรับตั๋วก็ต้องสักแปลง จึ่งได้สั่งให้สักตามธรรมเนียม การครั้งนี้สุดแล้วเต่จะโปรด กับว่ากรมหมื่นประจักษ์กล่าวคำหยาบคายต่าง ๆ ส่งหนังสือกรมหมื่นประจักษ์มาถวายด้วย

กรมหมื่นภูธเรศถวายหนังสือว่าด้วยจมื่นราชนาคาเอาตัวอำแดงปริกผู้รักษากุญแจมาทำคำตราสิน ว่าของหายไปประมาณราคา ๔๐๐ ชั่งเศษ

หนังสือขรัวชริบอารีถวาย ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าหวันมหมัดซามันอยากเฝ้าไปรเวต ฉะบับ ๑ ว่าหลวงวิเศษภักดีผู้ช่วยเมืองสงขลา ประพฤติดุร้ายทำโทษฆ่าคนตายหลายรายมีเรื่องราวพิสดาร

พระยาพิพัฒน์มีหนังสือส่งหนังสือกงสุลวิลันดา ว่าด้วยทหารที่เคยรักษาป้อมเมืองอันเยียที่ชายทะเลเมืองยาวาฝ่ายตะวันตกได้กลับคืนไปเสียจากที่นั้น เรือที่จะไปทอดสมอในที่นั้น ไม่ต้องสลุตต่อไป

โปรดให้ตอบไปตามธรรมเนียม

มีพระราชหัตถ์ พระราชทานทีจีนยี่ตำบลบางรักเป็นสิทธิ์แก่พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้ายุคลทิฆัมพร

วัน ๒ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ โปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอออกมาทรงเลี้ยงพระสงฆ์ พระสงฆ์วันนี้ราชตระกูลทั้งนั้น สำรับเลี้ยงพระสงฆ์วันนี้ทรงประเคน ๒ นอกนั้นของเจ้าพนักงานกรมหาดไทย กลาโหม คลังมหาสมบัติ รับพระราชทานฉันในท้องพระโรงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จัดการตั้งแต่งอย่างเช่นปีก่อน

เวลาบ่ายโมงเศษ เสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการ แล้วทรงจุดเทียนสังเวย และทรงรดน้ำพระมหาสังข์ และทรงเจิมพระครอบศิลาทองคำและอื่น ๆ โหรจุดเทียนบายศรีทองเงินบูชา พระยาศรีสุนทรอ่านประกาศว่าด้วยพระราชทานเบี้ยหวัดเจ้านายซึ่งทรงผนวชเสร็จแล้ว พระครูพราหมณ์รดน้ำสังข์ตามเช่นเคยมาทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทรงประเคนแผ่นปมานิยมบัตร กรมพระปวเรศ กรมหมื่นวชิรญาณ หม่อมเจ้าพระเจ้าเณรถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา ทรงพระกรุณาโปรดให้แจกเบี้ยหวัด กัปปิยการกพระสงฆ์ที่รับพระราชทานเบี้ยหวัดและพราหมณ์ โหร ราชบัณฑิตย์ ช่างสิบหมู่ ช่างมหาดเล็ก ช่างกรมวัง ทหารในไทยญวน

เวลาค่ำเสด็จออกก็ห้องขุนนาง รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์หมอเกาแวน ด้วยเรื่องพระอาการ พระนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภา ซึ่งทรงพระประชวรไม่ทรงสบายมาหลายเวลาแล้ว วันนี้ตกพระโลหิตไม่เป็นพระองค์

หม่อมเจ้าถึกถวายเรื่องราว ขอพระราชทานบุตรเขยเป็นปลัดเมืองนครนายก ขอพระราชทานบุตรตัวเป็นผู้ช่วยราชการ ทรงเซ็นว่ายังไม่ทรงทราบว่ามีความรู้ในราชการอย่างไรบ้างจึงไม่ทรงโปรดตั้งไป

จมื่นราชนาคาถวายเรื่องราวกล่าวโทษอำแดงปราง น้าภรรยาและผู้มีชื่อหลายคน ว่าอำแดงปรางกับพรรคพวกยักยอกเอาสิ่งของของภรรยาจมื่นราชนาคาเมื่อกำลังเจ็บไปประมาณราคา ๔๐๐ ชั่งเศษ ทรงเซ็นให้กรมหมื่นประจักษ์ชำระทั้งความเดิมด้วย

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ว่า ทรงอยากให้หวันมหมัดซามนเฝ้าไปรเวต เพื่อจะได้ทรงไต่ถามการต่าง ๆ ให้นัดเฝ้า วัน ๖ ๑๒ ค่ำ

มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์สาย ว่าด้วยวังกรมอนันต์ได้ให้เจ้าแฉ่ไปจากที่นั้นแล้ว ให้พระองค์สายรักษาวังนั้นต่อไป

วัน ๓ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกขุนนางห้องดรออิงรูม เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยาวิเศษฦาไชย ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่านายอากรสุราฟ้องว่า ได้ไปจับสุราเถื่อนได้ที่โรงจีน ขุนระวังไพรีเกิดวิวาทตีฟันยิงจีนพวกนายอากร ขอให้เรียกขุนระวังไพรี กรมการจะเรียกก็จะเกิดความใหญ่ได้ส่งฟ้องมา อีกฉะบับ ๑ ว่าขุนพิภาคจีนวิจารณนำขุนอินททนายอากรสุรามาฟ้องว่าได้แต่งคนไปจับสุราเถื่อนได้ที่โรงจีนมีชื่อหนีไปหมด จับได้แต่จีนกุ้ย กรมการถามจีนกุ้ยว่าเป็นคนอาศัยอยู่ ได้รู้ว่าจีนเจ้าของโรงต้มเหล้าเถื่อนเนือง ๆ ฉะบับ ๑ บอกพระชัยราชาแสนท้าวเมืองเถิน ถวายพระราชกุศลผูกพัทธสีมาฉะบับ ๑ ถวายพระราชกุศลทำบุญเผาศพพระสถลบุรินทรเจ้าเมือง ฉะบับ ๑ บอกราชวงศ์แสนท้าวขอพระชัยราชา เป็นพระสถลบุรินทรและขอคนอื่น ๆ อีก พระยาศรีนำพระชัยราชาถวายขี้ผึ้งหาบ ๑ พระจงรณฤทธ์เมืองพิษณุโลกถวายยาสูบ ๕๐ ห่อ ขี้ผึ้งหาบ ๑

พระนรินทร์อ่านบอกพระยากาญจนดิฐว่า ภาษีผลประโยชน์เมืองกาญจนดิฐปีนี้เจริญขึ้น ในปีมะแมนี้ขอบวกถวายอีก ๑๒ ชั่ง เดิม ๖๐ ชั่ง รวม ๗๒ ชั่ง บัดนี้ส่งเงินงวดเดือนแปดปีนี้เงิน ๒๔ ชั่ง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง บอกพระยาเพ็ชรบุรีถวายพระราชกุศล ทอดกฐินหลวงซึ่งพระราชทาน ๒ พระอาราม

โปรดให้เจ้าพนักงานาแจกเบี้ยหวัดวันนี้ ตำรวจหน้าตำรวจหลัง ทนายเลือก อาสาหกเหล่าและอื่น ๆ เสด็จขึ้นก่อน โปรดให้แจกต่อไป เสด็จออกทางห้องออกขุนนาง รับสั่งกับกรมหมื่นเทววงศ์ พระองค์สาย ด้วยพระอาการพระนางเธอ แล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเสด็จออกประทับพระแท่นห้องออกขุนนาง ทรงพระราชหัตถ์และหนังสือราชการ จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

วันนี้กรมภูษามาลา เชิญหม้อพระโลหิตซึ่งตกขึ้นวอไปลงเรือทินกรส่องศรีไปลอยหน้าวัดยานนาวา

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือหลายเรื่อง ๑ คือหนังสือกงสุลเยอรมันถึงกรมท่า ว่ามิสเตอรกิดฮวยชาวเยอรมันเป็นพ่อค้าอยู่เมืองไซ่ง่อน จะขอมาอยู่พระตะบอง ขออนุญาตเกาวเมนต์ไทย ๒ หนังสือปลัดเมืองพิไชยถึงพระยาศรี ว่าดอกเตอรโปเนอิสขึ้นไปอยู่หลวงพระบาง เจ้านายได้รับรองตามควร ๓ หนังสือบอกพระยาคทาธร ตอบท้องตราเรื่องทะเลสาป ข้อ ๑ การหาปลาแขวงพระตระบองผูกเป็นค่าน้ำ อย่างมากปีละ ๔๐ ชั่ง ๕๐ ชั่ง อย่างน้อย ๒๐ ชั่งเศษ เงินแบ่งแจกกรมการนายด่าน ข้อ ๒ ปลาที่บรรทุกออกเรียกภาษี ๑๒ ชัก ๑ ได้เงินปีละ ๓๐ ชั่งเศษ อย่างมาก ๒๐ ชั่งเศษ อย่างน้อยได้แก่เจ้าเมืองกรมการ ข้อ ๓ ราคาปลาถ้าแพงหาบละ ๕ บาท ถูก ๔ บาทบ้าง ๓ บาทบ้าง จำนวนปลาที่ได้อย่างมาก ๘,๐๐๐ หาบ อย่างน้อย ๓,๐๐๐ หาบ ข้อ ๔ บอกตำเหน่งที่ลูกค้าบรรทุกสินค้ามาพักขายในแขวงพระตะบองและเมืองขึ้น ข้อ ๕ สินค้าที่บรรทุกเข้ามาไม่ได้เก็บภาษี ข้อ ๖ สินค้าในเมืองบรรทุกออกได้เรียกภาษีมีพิกัดต่างๆ ข้อ ๗ ความที่เกิดขึ้นชำระแล้วบ้าง ยังบ้าง ส่งสารบบเข้ามา ข้อ ๘ ถ้ามีศัตรูหมู่ร้ายจะรับฉลองพระเดชพระคุณตามกำลังและปัญญา ข้อ ๙ ความคนต่างประเทศค้างบ่างแล้วบ้างแจ้งในสารบบ และบอกระยะทางที่จะไปมาในแขวงเมืองพระตะบอง และว่าที่ฝรั่งเศสจะขอรักษาทะเลสาปทั้งหมดนี้ หัวเมืองตามขอบฝั่งทะเลเห็นจะทนไม่ได้ จะร้อนรนแก่เมืองลาวเมืองเขมร การครั้งนี้สำคัญกว่าเมื่อขอป้องกันพนมเป็ญ สารบบความเมืองพระตะบองความค้าง ๔๓ เรื่อง เมืองขึ้น ๕ รวม ๔๘ เรื่อง

๔ หนังสือไปรเวตพระยาราชสัมภารากร ว่าด้วยเบิกเงินเดือน และว่าด้วยขุนแผลงสท้านมีหนังสือมาถึงจ่าเขมง ว่ากำหนดราชวงศ์จะลงมากรุงเทพ ฯ ในเดือน ๑๑ ข้างขึ้น หรือเดือน ๑๒ ข้างแรมนี้ กับว่าได้มีหนังสือไปเตือนให้เจ้านครลำปาง ส่งพระยาไชยสงครามมาว่าความก็ยังหาส่งมาไม่ กับว่าได้ร่างหนังสือไป ให้เจ้านครตอบเจ้าเมืองตนาวศรี เรื่องมองบันดอว่าได้ส่งลงมากรุงเทพ ฯ เสียแล้ว

เจ้าพระยาสุรวงศ์ถวายหนังสือ นำเรื่องราวนายเมืองบ่าวพระยาสมบัติภิรมย์ กล่าวโทษหลวงวิเศษภักดีผู้ช่วยเมืองสงขลา และกรมการอีกสองสามคน ว่าเอาจอผู้น้องมผูกขึงเฆี่ยนด้วยหวายชุบน้ำกรดจนตาย

นายสนิทถวายเรื่องราวกล่าวโทษสมบุญมารดาเลี้ยงว่าทำการหยาบช้าที่ศพพระยาไชยสุรินทรต่าง ๆ และว่าหาหมอมาเสกเป่าทำนายสนิท ทรงเซ็นว่าความเสกเป่าไม่ถึงปั้นรูปวางยาเลิกไม่ได้ชำระมานานแล้ว แต่หมอนั้นให้กรมพิชิตเจ้าตัวมาทำโทษ ข้อที่ว่าสมบุญทำการหยาบคายที่ศพนั้นให้กรมพิชิตห้ามเสีย

มีพระราชหัตถ์นำถึงสมเด็จกรมพระ ความย่อที่จะตอบศุภอักษรเรื่องเฉลิมพระชนมพรรษาให้ตอบเติมความว่า ฝรั่งกลับมาจากเชียงใหม่มาลงพิมพ์สรรเสริญในการที่พระเจ้าเชียงใหม่ทำการเรื่องมองเปโตมองพง พระยาราชสัมภารากรร่างหนังสือไปให้เจ้านครนั้นดีแล้ว เรื่องสัญญาป่าไม้นั้นแบบของพระยาเทพมีอยู่พอใช้ได้แล้ว ควรให้ทำอย่างนั้น เงินส่วยควรเร่งให้ได้ตัวเงินจริง ๆ ควรให้พระอุดรไปช่วยก็ให้ไป เรื่องใบบอกหลวงภักดีณรงค์ เรื่องอื่น ๆ ให้ตอบตามธรรมเนียม เรื่องเลกวัดนั้นแล้วแต่จะทรงตัดสิน

พระนายไวยมืหนังสือมาถึงพระองค์สวัสดิ์ ตอบเรื่องทหารที่ขึ้นไปกับหลวงภักดีณรงค์ เป็นการติเตียนหลวงภักดีณรงค์ต่าง ๆ

มืพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ตอบไปว่า ความเรื่องหลวงวิเศษภักดีนี้ได้ทรงทราบอีกหลายเรื่อง แต่ไม่มีโจทก์จะยกขึ้นชำระไม่ได้ แต่เรื่องนายเมืองร้องนี้ให้ชำระให้เห็นผิดและชอบ

วัน ๔ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกห้องดรออิงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยาสุรบดินทรเมืองชัยนาทว่า มองตอพะม่าฟ้องว่าได้ซื้อไม้จากอำแดงคำผงเมืองตาก ๑๐๕ ต้นจอดไว้หายไป ได้ติดตามมาจับได้ ได้อายัดไม้ ๑๐๕ ต้นกับตัวนายเดช นายวุ่น จีนเม่น ไว้ต่อหลวงวังเมืองชัยนาท ฝ่ายจีนเม่นอายัดตัวมองตอกับไม้ ๑๐๕ ต้นไว้ ว่าซื้อไม้นี้มาจากพระปลัดเมืองตาก ของนายอากรเตาสุราจ้างให้เอาลงมาส่งหลวงบำรุงราชากรกรุงเทพ ฯ ถามนายเดชกับพวกรับถูกต้องกัน จะส่งตัวมองตอลงมา มองตอหนีลงมากรุงเทพ ๆ จึงบอกส่งฟ้องลงมา บอกพระสรรคบุรานุรักษ์ เมืองสรรคบุรี ว่าด้วยพระยาประทุมจะขอทำป่าไม้เมืองสรรค์นั้น ป่าไม้ว่างเปล่าอยู่ควรให้พระยาประทุมทำจะได้เป็นประโยชน์ราชการ บอกพระยาพิไชยสุนทรเมืองอุทัย ว่าได้ตั้งพระพลเป็นนายด่าน ตั้งโปลิศรักษาด่านบ้านหนองหลวง ๑ หลวงสรวิชิตตั้งด่านทางเมืองแม่กลอง ๑ ขุนไกรกองอาทมาตตั้งด่านที่โมโตร ๑ มีโปลิศรักษาเหมือนกัน ขอปืน ๒๐ กะบอก ไปจ่ายให้นายด่านรักษาการ

พระนรินทร์อ่านบอกพระวิชิตชาญณรงค์เมืองปราณบุรี ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก เงิน ๓ ชั่ง ๒ บาท ๑ เฟื้อง เสร็จแล้ว

โปรดให้เจ้าพนักงานแจกเบี้ยหวัด กรมล้อมพระราชวังรักษาองค์ ชาวที่ คลังในซ้ายในขวา คลังวิเศษ คลังราชการ อาลักษณ์ สังฆการี ธรรมการ และอื่น ๆ เสด็จขึ้นเวลาบ่าย ๔ โมง

เวลายามเศษเสด็จออก ทรงหนังสือราชการที่ห้องออกขุนนางจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

มีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จกรมพระ เรื่องทหารที่ขึ้นไปกับหลวงภักดีณรงค์นั้นให้เรียกกลับมา เรื่องหลวงภักดีณรงค์ขอจัดศาลต่างประเทศนั้น ถ้าท่านเสด็จขึ้นไปให้ทรงจัดเสียทีเดียว แต่ให้ค้นแบบแผนเมื่อครั้งพระยาเทพขึ้นไปจัดการเมืองเชียงใหม่ไว้ให้พร้อม เรื่องเขาขอนายสินเป็นขุนพรพิทักษ์นั้นให้ทรงคิดดูด้วย

อีกฉะบับหนึ่งตอบหนังสือถวาย ๔ เรื่อง เรื่องพระยาราชสัมภารากรได้ทรงตอบไปแล้ว เรื่องกงสุลเยอรมันขออนุญาตให้ลูกค้าเข้าไปขายของเมืองพระตะบองได้รับสั่งไปแล้วว่าต้องให้ เรื่องบอกพระยาพระตะบองยังไม่ต้องตอบ เรื่องดอกเตอรโปเนอิสนั้นควรบอกให้กงสุลรู้ว่าอยู่ในหลวงพระบางเจ้าเมืองจัดการรับรองโดยสมควร

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์ เรื่องจีนตันมาบุ๋น ให้มีหนังสือไปยังกงสุลว่า ความเรื่องนี้จะต้องชำระใหม่ อนึ่งอยากทรงทราบความเห็นกงสุลอังกฤษในความเรื่องนี้ให้พูดเทียบเคียงดูอย่าให้เป็นทางราชการ

วัน ๕ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

ไม่มีราชการอะไร วันนี้ไม่ได้เสด็จออก

วันนี้รับหนังสือกรมหมื่นประจักษ์ถึงพระองค์สวัสดิ์ ว่าด้วยเรื่องนายวัดเลกขุนศรีภิรมย์เป็นเลกนายตาย สมัครเป็นทหารรักหาวังทำว่าวไปยื่นสัสดีไม่รับ ได้มีหนังสือถึงเจ้าพระยามหินทรๆตอบมาก็ไม่ตกลงว่าอย่างไร ส่งหนังสือเจ้าพระยามหินทรมาด้วย

วัน ๖ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกห้องดรออิงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

พระยาศรีอ่านบอกพระยาสุริยวงศา เมืองหล่มศักดิ์ส่งเงินส่วยแทนครั่งหนัก ๔๕๗ บาท แทนส่วยทองหนัก ๗ ตำลึง ๒ บาท รวมคิดเป็นเงิน ๗๓ ชั่ง ๑๖ ตำลึง บอกพระยาพิไชยรณรงค์สงครามเมืองสระบุรี ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ถวายพระราชกุศลทอดกฐินพระราชทาน ๒ พระอาราม ฉะบับ ๑ ว่ามีตราให้แต่งกรมการเชิญท้องตราไปนครราชสีมานั้นแต่งไปแล้ว และได้ให้เตรียมโคต่างไว้ ๕,๐๐๐ โค ตามท้องตราบังคับไปแล้ว ได้กำชับตัวเลกให้เตรียมตัวคอยรับราชการด้วย บอกท้าวปัญญากรมการเมืองขุขันธ์ ว่าพระยาขุขันธ์ป่วยเป็นโรคชราถึงแก่กรรม

พระนรินทร์อ่าบบอกพระขยันสงคราม ปลัดเมืองนครเขื่อนขันธ์ส่งเงินค่านาปีมะเส็งตรีศก เงิน ๗๐ ชั่ง ครั้งหนึ่งก่อน ฉะบับ ๑ ส่งเงินค่านาปีมะเมียจัตวาศก ๕๐ ชั่ง ยังไม่เสร็จ

โปรดให้เจ้าพนักงานแจกเบี้ยหวัดวันนี้ กรมท่า กรมนา กรมพระนครบาล กรมพระสุรัสวดี คลังสินค้า เจ้าภาษี กรมหมอและอื่น ๆ เสด็จขึ้นประทับในห้องซิดติงรูม พระนรินทร์นำหวันมหมัดซามันญาติพระยาไทรเฝ้าไปรเวตครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

กรมหมื่นภูธเรศถวายหนังสือ ว่าด้วยมีผู้ตั้งร้านขายห่วงให้คนซื้อโยนมีหลักปัก ถ้าโยนสวมหลักแล้วได้ของต่าง ๆ มีผู้เล่นมากขึ้น จะควรห้ามหรือประการใด แล้วแต่จะโปรด ทรงเซ็นให้กรมหมื่นภูธเรศห้ามเสีย

หลวงนายศักดิ์ถวายหนังสือ ว่ารับการที่นายเวร ๒ เวรลำบากนัก โปรดให้จ่ารงว่าเวรเดช กับว่าด้วยจะจัดมหาดเล็กวิเศษเป็นเวรกันเชิญเครื่อง โปรดให้พระยาภาสสั่ง

สมเด็จกรมพระถวายหนังสือ ว่าด้วยพระยาราชวังเมืองขอรับพระราชทานเลกพระกำแพง ขุนราชอาญาสมุหบาญชีขอเลกขุนราชอาญาสมุหบาญชีกรมมหาดไทยผู้บิดา โปรดให้กรมพระสุรัสวดีหักให้

อีกฉะบับ ๑ ขอรับพระราชทานตั้งขุนหมื่นช่างทองให้รับราชการอยู่ในช่างไม้กรมมหาดไทย

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ด้วยเรื่องที่เกรียน ทรงตรวจเห็นว่ามีหลักฐานที่จะโต้เถียงว่าเป็นเขตต์แดนเมืองไทรได้หลายอย่าง แต่เสียดายที่เราไม่รู้มาแต่เดิมว่าอังกฤษได้ตั้งมายิสเตรสบังคับตลอดเข้ามาแล้ว ในใบบอกพระยาไทรครั้งนี้ก็ไม่ได้ร้องว่าอังกฤษรุกที่รุกแดนอย่างไร เป็นแต่ค้นหาความเก่าที่เป็นพะยานว่าที่นี้เป็นของเมืองไทรเท่านั้น ต่อทรงสอบถามจึงได้ความ เมืองไทรก็มิได้กล่าวแต่เดิม อังกฤษจึงถือเอาเหมือนพวกเมืองไทรได้ตกลงยอมแล้ว เป็นการขัดข้องที่จะโต้เถียงดังนี้ แต่ถึงดังนั้นจะโปรดให้คัดข้อความทั้งนี้ส่งไปยังราชทูต เมื่อควรจะพูดได้เพียงไรก็แล้วแต่จะตลอดไปได้เพียงไร ได้ทำตราตอบตามเนื้อความนี้ให้หวันมหมัดถือไปเสียโดยเร็ว

มีพระราชหัตถ์ถึงพระยาราชสัมภารากร เรื่องพระเจ้าเชียงใหม่จะโกนจุกบุตรนั้น พระราชทานตุ้มหูเพ็ชร์ไปทำขวัญ และให้บอกด้วยว่าธรรมเนียมทางราชการไม่มี นี่เป็นการไปรเวต กับที่พูดหน่วงเหนี่ยวเกรงจะทำเทียมกรุงเทพ ฯ นั้นดีอยู่ แต่การโกนจุกไม่สำคัญอันใด ซึ่งผ่อนผันไปนั้นชอบแล้ว

วัน ๗ ๑๐ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จออกขุนนาง เจ้านายข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาศรีอ่านบอกพระยาศรีธรรมศุภราช เมืองสุโขทัย ๒ ฉะบับ ฉะบับ ๑ ว่าได้เร่งนายอากรป่าผึ้ง ได้ขี้ผึ้งอากร ๑๖ หาบ หลวงภักดีอาสานายอากรจัดได้ขี้ผึ้งหาบ ๑ ถวายสมเด็จพระนางเจ้า ฯ อีกฉะบับ ๑ ว่าที่พระกำแพงพราหมณ์ปลัดว่างอยู่ ขอพระยกกระบัตรเป็นปลัด นายจรมหาดเล็ก เป็นพระพิทักษภูธรยกกระบัตร บอกพระยาอุทัยมนตรีเมืองปราจิณ ว่าหลวงอรัญภักดียื่นบัญชีเลกส่วย ๑๓ คน ชำระเงินแทนเร่ว ๕ จำนวนแต่ปีเถาะถึงมะแมเบญจศก เงิน ๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ๒ บาท เร่วส่วย ๖ หาบ ๙๐ ชั่ง ราคาหาบละ ๕ ตำลึง บอกพระยาพิษณุโลกขอเบิกเงิน ๕ ชั่งไปซื้อข้าวไว้สำหรับฉางไว้จ่ายราชการ

พระพิทักษสุนทรเฝ้าถวายขี้ผึ้งหาบ ๑ นายจรมหาดเล็กถวายขี้ผึ้ง ๕๐ ชั่ง หลวงวิชิตภักดีผู้ช่วยเมืองพระตะบองถวายบังคมลากลับไป

พระยาพิพัฒน์อ่านบอกพระเทพสงครามปลัดเมืองจันทบุรี ๒ ฉะบับ ส่งเงินส่วยพริกไทย จำนวนเถาะถึงมะเมียจัตวาศก เงิน ๑๑ ชั่ง ๑๙ บาท ฉะบับ ๑ ส่งเงินแทนส่วยหวายพัสเดาจำนวนมะโรง มะเส็ง มะเมีย จัตวาศก เงิน ๑๗ ชั่ง ๕๐ บาท

โปรดให้แจกเบี้ยหวัดวันนี้ กรมพระกลาโหม กรมมหาดไทย กรมวัง กรมขึ้นต่างๆ แล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการ พระพิมลธรรมถวายศีล ขุนสุวรรณอ่านประกาศ พระพิมลธรรมพระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญ ๓๖ รูปสวดสัตตปริตร ทรงหนังสือราชการ จนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

เจ้าพระยาภาณุวงศ์มีหนังสือส่งหนังสือมิสเตอร์นิวแมนเตือนว่าข้าหลวงที่ไปตรวจเขตต์เดนเมืองเปรักกลับมาแล้ว ขอให้ตอบการเรื่องเขตต์แดนนี้ให้ทราบด้วย

หนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ส่งหนังสือพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ขอบพระเดชพระคุณในการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศเป็นพระองค์เจ้าและพระราชทานตราความชอบและตราตระกูล และในหนังสือเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่ากงสุลโปรตุเกสคนใหม่ชื่อ แคนซิโอ ยอช (Cancio George) เข้ามาถึงเมื่อวานนี้ และส่งหนังสือราชทูตโปรตุเกสนำกงสุลเข้ามาด้วยฉะบับ ๑ หนังสือหลวงจินาสันสยามิตรว่า กงสุลคนนี้จะเข้ามารับการเพียง ๖ เดือนแล้วจะกลับไป และเกรงว่าต่อไป คอเวอนเมนต์โปรตุเกสจะให้เอนริเกปรอสเตรส กงสุลคนเก่ากลับเข้ามารับการอีก เขาเห็นว่าไม่ควรจะยอมรับ โปรดให้พระองค์สวัสดิ์ตอบกรมท่าไป ว่าที่กงสุลว่ามานี้เป็นการชอบ

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าหมื่นไวยว่า หลวงภักดีณรงค์มีบอกมาเรื่องฮ่อ ได้ความว่าหาได้ล่วงเลยเข้ามาในเขตต์แดนไม่ คิดเทียบวันกับใบบอกพระยามหาอมาตย์บอกมาก่อนฉะบับนี้ถึง ๕๓ วัน ใบบอกที่บอกมาแต่หนองคายก่อนขึ้นไปอีก ๑๗ วัน การที่ว่าฮ่อมาตีเมืองบริคัณหนิคมก็ไม่ปรากฏ ทรงเกรงว่าจะไม่จริง การที่จัดทัพครั้งนี้ เพราะทรงเห็นว่าฝรั่งเศสคิดปราบฮ่อธงดำ กลัวจะหนีสาดเข้ามาในพระราชอาณาเขตต์ และฝรั่งเศสได้เมืองญวนจะลุกลามเข้ามารุกรานเขตต์แดนซึ่งจะคิดเซอรเวไว้สำหรับโต้เถียง บัดนี้การที่ฝรั่งเศสคิดก็ขัดข้องไป และพวกฮ่อที่มารบกวนครั้งนี้ไม่มีกำลังแข็งแรงเหมือนฮ่อธงดำ ถ้ามีกองทัพไปตั้งอยู่ก็เห็นจะไม่มา ที่จะเอาทหารขึ้นไปทั้งกองทัพนั้นควรงดไว้ก่อน เป็นแต่ให้พระยาราชไปขัดทัพไทย กับมีทหารขึ้นไปหัดพวกลาวให้ยิงปืนจะดี การที่คิดนี้กรมหมื่นพิชิตกรมหมื่นเทววงศ์เห็นการไปอย่างหนึ่ง ให้พร้อมกันปรึกษาดู การฝึกหัดลาวนั้นได้รับสั่งกับสมเด็จกรมพระ ท่านว่าที่จะจัดทั่วไปยังเป็นการลำบาก ด้วยผู้คนยังไม่เรียบร้อย แต่ที่คิดนี้เพียงแต่ชั้นขัดทัพเห็นจะตลอดไปได้

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์เรื่องนิวแมนเตือนให้ตอบรายที่เขตต์แดนเมืองเปรักนั้นให้ตอบไปว่า ข้าหลวงได้เข้ามาถึงก่อนแล้วแต่รอแมกาตีเพิ่งมาถึง ยังเขียนแผนที่ไม่แล้ว ถ้าแล้วเสด็จคอเวอเมนต์ได้พิจารณาแล้วจะแจ้งความไปให้ทราบ

วัน ๑ ๑๑ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนทรงศีลแล้วเสด็จทรงประเคน พระพิมลธรรมพระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญ ๓๖ รูปรับพระราชทานฉัน สำรับที่ถวายพระสงฆ์และบริขารวันนี้ ทรงประเคนที่ ๑ บอกต่างกรมแก่ ๆ และต่างกรมวังหน้าขุนนางพานทองมาเลี้ยงคนละองค์ พระสงฆ์ฉันแล้วทรงประเคนบริขาร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เสด็จมาประทับตรัสกับสมเด็จกรมพระ โหรบูชาสังเวยสมโภชแล้ว พรหมณ์อ่านดุษฎีสังเวย ๔ ลาตามเคย พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนถ้วนตติยวาร เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ขับไม้มโหรี พระบรมวงศานุวงศ์มีธูปเทียนบูชาเครื่องเบ็ญจราชกกุธภัณฑ์ราชูปโภคอย่างเช่นเคยมาทุก ๆ คราว เสด็จทรงเจิมเครื่องเบ็ญจราชกกุธภัณฑ์แล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งไพศาลทักษิณ โปรดให้นิมนต์พระเจ้าไปทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล พระยาศรีสุนทรอ่านประกาศ และพระราชาคณะ พระครู ฐานาเปรียญ ๓๙ รูปสวดสัตตปริตร ทรงฎีกาและหนังสือราชการจนเวลาสวดมนต์จบ ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าดิศวรกุมารถวายหนังสือฉะบับหนึ่ง ขอตั้งออฟฟิศเซอทหารมหาดเล็ก ฉะบับหนึ่งว่าด้วยการโรงเรียนวังนันทอุทยาน ในสิ้นปี ๑๘๘๓ นี้จะครบกำหนดที่ได้สัญญาไว้กับกอมมิตตีและเปรสิเดนต์แล้ว การต่อไปถ้าไม่มีผู้ใดทำจะรับฉลองพระเดชพระคุณต่อไป

มีพระราชหัตถ์ถึงพระนายไวย เรื่องโรงเรียนวังนันทอุทยาน ได้โปรดให้ประชุมปรึกษากันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง บัดนี้พระองค์ขอจัดการต่อไป แต่การเก่าต้องเป็นของกอมมิตตีตรวจตรา

มีพระราชหัตถ์ถึงพระองค์ดิศ เรื่องขอจัดการโรงเงียนนั้นดีแล้ว เมื่อถึงปีให้จัดการ แต่ทรงเห็นว่าควรจัดไว้สำหรับย้ายมาสุนันทาลัย ที่จะตั้งโรงเรียนสองแห่งนั้นเปลืองนัก

เจ้าพระยาสุรวงศ์ถวายหนังสือส่งร่างตราตอบเมืองไทร เรื่องเขตต์เดนเมืองเปรัก ร่างตรานั้นความเหมือนพระราชหัตถ์ถึงท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์ที่มีไปวัน ๖ ๑๒ ค่ำ นั้นแล้ว

พระองค์ขจรถวายหนังสือเรื่องภาษีเรือมีฎีกากล่าวโทษขุนรัตนสมบัตินั้น ความเรื่องนี้ได้ตัดสินให้จำเลยยอมเสียเงิน แต่ให้โจทก์สาบานในข้อที่ว่าเสียทุนทรัพย์ โจทก์ไม่สามารถจึงค้างช้าอยู่ เรื่องตีกันกับเจ้าภาษีนั้น กลาโหมยังไม่ส่งความมา ไปเตือนก็ว่าโจทก์ยังป่วยอยู่ ทรงเซ็นว่าเรื่องก่อนตัดสินถูกแล้ว เมื่อไม่ยอมสาบาล ให้เอาเงินเป็นหลวงเสีย เรื่องหลังนั้นบัดนี้มาถวายฎีกาแล้ว ให้มารับตัวไปจากตำรวจหรือกรมประจักษ์

มีพระราชหัตถ์ถึงเจ้าพระยาสุรวงศ์ เรื่องความจีนตันมาบุ๋น ทรงเห็นว่าเหตุที่กงสุลอังกฤษไม่ยอมตามคำตัดสินหลายอย่าง เพราะความเรื่องนี้ยังไม่ได้ชำระตามกฎหมายและหนังสือสัญญา ถ้าจะดึงดันไปจะเป็นการเสียและจะไม่ได้ตามความประสงค์ด้วย ควรชำระใหม่ตามหนังสือสัญญา ผู้ที่จะชำระความเรื่องนี้ทรงเห็นว่าให้พระอนุรักษโยธาเป็นข้าหลวงออกไปพร้อมด้วยหลวงทวีปสยามกิจชำระที่เมืองกูเก็ตเห็นจะตลอดไปได้ ถ้าเห็นการอย่างไรให้ทูลตอบมาให้ทราบ

มีพระราชหัตถ์สั่งพระองค์ขจร เจ้าหมื่นเสมอใจ ว่าด้วยพระยานานาถวายที่จีนลุนกีซึ่งรับจำนำไว้ ๑๐๐ ชั่ง ที่รายนี้ถ้าจะคิดตามราคาก็ไม่ถึง ๑๐๐ ชั่ง แต่พระยานานามีน้ำใจมาถวายไม่ควรให้ขาดทุน ให้จ่ายเงินพระคลังข้างที่ให้๑๐๐ ชั่ง

มีพระราชหัตถ์เท่านี้

วัน ๒ ๑๒ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๒ โมงเจ้าพนักงานทหารบกทหารเรือยิงปืนสลุต ๒๑ นัด ด้วยเป็นวันบรรจบครบรอบเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ

เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เสด็จลงพระที่นั่งไพศาลทักษิณ โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ ๓๙ รูปที่สวดมนต์เวลาวานนี้ เข้าไปนั่งที่ ทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศถวายศีล แล้วเสด็จทรงประเคนพระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญรับพระราชทานฉัน สำรับวันนี้ทรงประเคน ๒ นอกนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในทำมาเลี้ยง ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว เสด็จทรงประเคนบริขารกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ โปรดให้กรมหมื่นวชิรญาณ เจ้าพระ พระราชาคณะ พระครูฐานาเปรียญไปรับของบริขารของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา เสด็จมาทรงจุดเทียนสังเวย โหรบูชาอย่างเช่นวันก่อนแล้วพราหมณ์ ๒ คนอ่านดุษฎีสังเวย ๔ ลาจบ เจ้าพนักงานประโคมสังข์แตรขับไม้มโหรีพิณพาทย์ พระครูพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนถ้วนตติยวารกำหนดแล้วเจิมเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ วันนี้เจ้านายบูชาเหมือนวานนี้ แล้วเสด็งทรงเจิมเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ราชปูโภคแล้วเสด็จขึ้น

เวลาเที่ยงเจ้าพนักงานทหารบกทหารเรือสลุตเหมือนกับเมื่อเวลาเช้า

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องอย่างทหาร ทรงฉลองพระองค์ครุย เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคมเสด็จประทับพระที่นั่งโธรน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้า ทูลละอองธุลีพระบาทโดยลำดับตามตำแหน่ง แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานตราตติยจุลจอมเกล้าและดิโปลมาแก่ พระพิเรนทรเทพ (จุ้ย) ผู้รับตระกูลพระยาอนชิตชาญไชย (อุ่น) ๑ นายสนิทหุ้มแพรมหาดเล็ก (พุด) ผู้รับตระกูลพระยาไชยสุรินทร (เจียม) ๑ หลวงวิสุทธโกษา (โหมด) ผู้รับตระกูลพระยาพิพัฒนโกษา (ทับ) ๑ พระราชทานพรผู้ที่ได้รับพระราชทานตราและผู้ที่มาประชุมด้วย แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับศิวาลัยมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ รัชชกาล แล้วกรมพระราชวังและพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนจุดเทียนบูชาถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ และถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปัตยุบันนี้ด้วย แล้วเสด็จขึ้น

เวลายามเศษเสด็จออกท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนนัสการ พระธรรมวโรดมถวายศีล ขุนสวรรณอ่านประกาศ แล้วพระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญ ๓๙ รูปสวดสัตตปริตร ทรงหนังสือราชการบ้าง เวลา ๕ ทุ่มเศษสวดมนต์จบ เสด็จขึ้น วันนี้ออกประกาศห้ามราษฎรซึ่งเล่นโยนห่วงมิให้เล่นต่อไป กรมหมื่นภูธเรศรับพระบรมราชโองการ

อนึ่งเมื่อเวลาบ่าย ๕ โมง ทหารบกเรือยิงสลุตเหมือนเมื่อเวลาเที่ยง

วันนี้ลดโคมไชยโคมบริวาร เป็นวันเลิกพระราชพิธีจองเปรียงถวายน้ำพระมหาสังข์เป็นที่สุดในวันนี้

หนังสือขุนรัตนสมบัติขอพระราชทานเลกพระสุรินทรามาตย์ ทรงเซ็นให้สัสดีหักให้

เจ้าพระยาสุรวงศ์ตอบพระราชหัตถ์เรื่องจะโปรดให้พระอนุรักษโยธาออกไปชำระความจีนตันมาบุ๋นนั้นแล้วแต่จะโปรด เมื่อจะโปรดให้ไปเมื่อไรจะได้มีตราไป

เจ้าพระยาภาณุวงศ์มีหนังสือส่งหนังสือหลวงสยามานุเคราะห์ว่าด้วยเรื่องมิสเตอรตูเอมโลผู้ที่จะเป็นไวซ์กงสุลนั้น บัดนี้ได้ไปว่ากล่าวดูเขาไม่สมัครเป็นและที่จะหาผู้อื่นต่อไปอีกนั้น ได้พิจารณาดูก็ยังไม่เห็นผู้ใดที่สมควร และว่าด้วยเรื่องหีบเงินที่ฝากไปนั้นได้ส่งไปให้มิสเตอรเลศลีๆ ไม่รับ ส่งหนังสือมิสเตอรเลศลีมาด้วย กับบอกด้วยทางไมตรีอังกฤษกับพะม่าเป็นการสงบเรียบร้อยดีอยู่

มีพระราชหัตถ์ถึงสมเด็จกรมพระเรื่องเจ้าพระอรุณเจ็บมาก ถ้าตายขอให้จัดศพอย่างพระองค์เจ้า

วัน ๓ ๑๓ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

เวลาเช้า ๔ โมงเศษเสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการ พระธรรมวโรดมถวายศีลแล้ว เสด็จทรงประเคนพระราชาคณะพระครูฐานาเปรียญรับพระราชทานฉัน สำรับเลี้ยงพระวันนี้ ทรงประเคน ๑ นอกนั้นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ และเจ้าพระยาพระยาบ้าง ทำมาเลี้ยง ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว เสด็จทรงประเคนบริขาร พระสงฆ์ ๓๙ รูปถวายอนุโมทนาถวายอติเรกถวายพระพรลา เสด็จทรงจุดเทียนสังเวยโหรบูชาอย่างเช่นวันก่อน พราหมณ์ ๒ คนอ่านดุษฎีสังเวย ๔ ลาจบแล้ว เจ้าพนักงานประโคมดุริยางคดนตรีอย่างเช่นเวลาวานนี้ พราหมณ์เบิกแว่นแก้วทองเงินเวียนเครื่องเบญจราชกกุธกัณฑ์ ถ้วนตติยวารกำหนดแล้ว เจิมตามคัมภีร์ไสยเวท พระบรมวงศานุวงศ์มีเครื่องสักการบูชาเหมือนอย่างวันก่อน เสด็จทรงเจิมเครื่องเบ็ญจราชกกุธภัณฑ์ราชูปโภคแล้วเสด็จขึ้น

เวลาค่ำไม่มีราชการอะไรไม่ได้เสด็จออก พระอาการพระนางเธอเสาวภายังไม่ทรงสบาย

พระองค์สวัสดิ์มีหนังสือถึงเจ้าพระยาภาณุวงศ์เรื่องหลวงสยามานุเคราะห์ส่งหนังสือมิสเตอรอาร์เลศลีไม่ยอมรับของรางวัลนั้น ของนี้ได้โปรดให้เจ้าพระยาสุรวงศ์ส่งออกไป รางวัลในการที่ช่วยเมืองระนองเมื่อพวกจีนวุ่นวาย ทีกงสุลจะเข้าใจผิดไปจึงส่งมาที่ท่าน การที่เขาไม่รับของนั้นเพราะธรรมเนียมอังกฤษห้าม เมื่อครั้งสมเด็จเจ้าพระยาให้เครื่องถมเกาวนาสิงคโปร์เขาก็ต้องส่งเข้าคลัง และที่มิสเตอรเลศลีไม่รับและจะขอให้บอกไปให้เลื่อนยศนั้น ให้มีหนังสือชี้แจงยกความชอบมิสเตอรเลศลีไปยังกงสุล ให้กงสุลบอกกอมมิสชันเนอเมืองรางงูนว่าจะพระราชทานตราแด่มิสเตอรเลศลี ถ้าเขาเห็นชอบด้วยไทยจะยินดีมาก ครั้นจะขอให้เลื่อนยศก็จะขุ่นข้องต่อเกาวเมนต์อังกฤษ ครั้นจะให้ท่านมีหนังสือถึงคอเวอนเมนต์อังกฤษทีเดียว ก็จะเนิ่นช้าไป และให้คัดคอเรศปอนเดนส์เรื่องนี้ส่งไปยังราชทูตด้วย

สมเด็จกรมพระถวายใบบอกพระยาวิเศษฦาไชย ว่าด้วยได้ให้กรมการไปวัดสอบที่สวนและโรงจักรที่บ้านทรายมูลพร้อมด้วยเจ้าพนักงาน สอบถูกต้องกับบัญชีเจ้าพนักงานแล้วให้ทำบัญชีส่งมาด้วย และได้จัดคนไปตรวจตรารักษาพร้อมด้วยทหารที่พระองค์สายจัดออกไปนั้นแล้ว

วัน ๔ ๑๔ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันนี้ไม่มีราชการอะไรไม่ได้เสด็จออก ประชุมวันนี้เลิก

เจ้าพระยาภาณุวงศ์มีหนังสือมา ว่ากงสุลโปรตุเกสคนใหม่มาหาว่าจะขอเข้ามาเฝ้าไปรเวต โปรดให้นัดให้มาณวัน ๗ ๑ ค่ำ

สมเด็จกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช มีหนังสือถึงพระองค์สวัสดิ์ ว่าด้วยมองซิเออเปรียนยอมรับตามหนังสือสัญญาทุกอย่าง เรื่องเงินเดือนยอมตกลงรับเดือนละ ๓๖๖๒/๓ เท่ากำหนด แต่จะขอรับที่พระตะบอง ๘๖ บาท ๔๐ อัฐ เงิน: เหลือจากนี้จะขอให้เบตเทอเรียรับในกรุงสุดแล้วแต่จะโปรด

ฉะบับหนึ่งขอตั๋วยืมพวกมองสิเออฝรั่งเศสจำนวนเดือนโนเวมเบอ และว่าด้วยเดวิซันยื่นหนังสือเตือนเงินเดือนที่ค้างและของเงินค่าที่อยู่เดือนละชั่ง คัดสัญญาจ้างเดวิซันส่งมาด้วย และว่าด้วยลูกจ้างในกรมโทรเลขควรไล่หลายคน แต่รอแซงชันที่ถวายยังไม่ตก ยังจัดการไม่ได้

เจ้าพระยาภาณุวงศ์ถวายหนังสือว่าด้วยนิวแมนมีหนังสือมาว่า เขายอมให้มีตระลาการชำระเรื่องจีนตันมาบุ๋น แต่ที่ว่าจีนตันมาบุ๋นเป็นหนี้นั้นต้องยกไว้ก่อน จะตัดสินได้ต่อเมื่อเขายอมแล้ว ถ้ายังไม่ตกลงจะต้องขอให้จีนตันมาบุ๋นได้รับสิ่งของโดยทันใดแล้วจึงให้พระยาภูเก็ตไปฟ้องที่กงสุลอังกฤษ กับเจ้าพระยาภาณุวงศ์ว่าได้พบกับนิวแมนพูดยืนคำอย่างเช่นมีหนังสือมา

เจ้าพระยามหินทรถวายขัดข้องเรื่องสมเด็จกรมพระทูลขอเลกพระกำแพงให้พระยาวังเมืองนั้น พระกำแพงตายมาช้านาน เลกไปเป็นไพร่หลวงเสียบ้างหาครบตามจำนวนที่ทูลขอไม่ ภายหลังสมเด็จกรมพระมีลายพระหัตถ์ไปว่าเลกพระกำแพงไปเป็นไพร่หลวงกรมอื่น ๆ ขอให้สักเปลงเป็นกรมช้าง ธรรมเนียมไม่เคย เป็นการขัดข้อง

มีพระราชหัตถ์พระราชทานที่จีนลุนกี ตำบลบางรักซึ่งพระยานานาพิธภาษีรับจำนำไว้นั้นเป็นสิทธิแก่พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้ายุคลทิฆัมพร

พระนายไวยถวายหนังสือว่าด้วยได้ปรึกษากับกรมหมื่นเทววงศ์เรื่องตกลงจะให้ทหารไปกับพระยาราช ๔๐-๕๐ คน มีนายกำกับไป และมีความเห็นว่าด้วยลาววิวาทกันจะขอขึ้นไปจัดการด้วย จะเอาทหารไปด้วยเพียง ๔๐ คน และถวายหนังสือพวกเมืองลาวเล่าให้ฟังที่ลงมาเป็นความต้องลำบาก

หนังสือเจ้าพระยามหินทรถวาย หลายฉะบับความเห็นที่จะจัดการในกรมสัสดีฉะบับ ๑ พรรณนาความที่ตั้งใจฉลองพระเดชพระคุณ ว่าการทหารกรุงเทพ ฯ ก็ทรงจัดแล้วยังแต่หัวเมือง ถ้าจะจัดแล้วขอให้ปรึกษา ถ้าตกลงจะคิดเรื่องเงินค่าราชการค้างต่อไป ถะบับ ๑ ว่าเลกสมเจ้านายข้าราชการเงินค้างมากจะคิดจัดการ ถ้าใครมีเลกให้ส่งเงินในปี ๑ ให้ครบจำนวนปีนั้น ถ้าค้างจะเอาเลกไปเป็นไพร่หลวง ถ้าว่าเลกเป็นกำลังจะจ่ายเลกไพร่หลวงพระราชทานผู้ที่มีความชอบก็ได้ ฉะบับ ๑ ว่าการที่คิดนี้เกินตำแหน่งแต่คิดว่าเป็นเคาซิลเห็นว่าไพร่พลน้อยนัก บ้านเมืองอื่นเขาก็จัดการ ทุกวันนี้อยู่ในระหว่างศัตรู ฝรั่งเศสกับจีนก็ขุ่นข้อง ถ้าฝรั่งเศสอ่อนลงจีนจะฮึกเหิมต้องตระเตรียมไว้ ฉะบับ ๑ เป็นไปรเวตว่า สืบได้ความว่าไพร่ส่วยวังหน้ามีมาก ถ้ากรมใดมีคนถึงพันคนเป็นของวังหน้า ๒ ส่วน ของเจ้าหมู่ส่วน ๑ เป็นธรรมเนียมดังนี้ เจ้าหมู่จึงเกลี้ยกล่อมคนไว้มาก มีพิกัดส่งเป็นกรม ๆ ตามเดือนไปไม่คั่งค้าง แต่วังหลวงยังไม่ได้จัดเป็นธรรมเนียมขึ้นใหม่

วัน ๕ ๑๕ ๑๒ ค่ำ ปีมะแมเบญจศก จุลศักราช ๑๒๔๕

วันพระไม่มีราชการอะไร ไม่ได้เสด็จออก

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ