บันทึกของผู้ปริวรรต
ตามธรรมเนียมของผู้คัดลอกในสมัยโบราณ เมื่อคัดลอกจบแล้ว มักจะเขียนบอกเรื่องราวต่างๆ ไว้ เช่นชื่อของผู้คัดลอก วันเดือนปีที่คัดลอกเสร็จ บางฉบับก็พบแต่งเป็นโคลง บางฉบับบางเรื่องก็เขียนเป็นภาษาร้อยแก้วธรรมตา แล้วแต่อัธยาศัยของผู้คัดลอก
ส่วนชื่อผู้แต่งมักจะไม่ปรากฏไว้ในเรื่องที่ตัวแต่ง ก็เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของคนลานนาไทยเช่นกัน ไม่ว่าจะแต่งชาดกนอกนิบาต คือชาดกที่นักปราชญ์ลานนาไทยแต่งไว้เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมและสังคม นอกเหนือจากชาดกในนิบาตทั้งหลาย ชาดกนอกนิบาตเหล่านี้นับรวมทั้งปัญญาสชาดกเป็นต้น อีกประมาณ ๒๐๐ เรื่อง ก็ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่งเช่นกัน การที่ไม่บอกชื่อผู้แต่งนี้ สร้างความยุ่งยากให้แก่เราผู้เป็นคนรุ่นหลังมาก เพราะไม่ทราบว่าจะเดาชื่อผู้ใดเป็นผู้แต่ง แม้นิราศหริภุญชัยที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ทราบชื่อผู้แต่งเช่นกัน
เพื่อรักษาประเพณีการคัดลอกตามแบบโบราณไว้ เมื่อข้าพเจ้าปริวรรตโคลงเรื่องนี้ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้เขียนโคลงสรุปเรื่องนี้ไว้ต่อท้ายเรื่อง เป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ประสงค์จะอวดตัว แต่มุ่งผดุงรักษาประเพณีไว้ตามแบบโบราณ อาจจะเป็นบันทึกครั้งสุดท้ายของเรื่องนี้ก็เป็นได้ เพราะได้นำเข้ามาร่วมอยู่ในเล่มเดียวกันพร้อมกับชำระและแปลเรียบร้อยแล้ว แม้จะผิดพลาดไปจากความนิยมประการใด ก็ขอกราบขออภัยด้วย
บันทึกของผู้ปริวรรต
(๑) มังทราจอมม่านมล้าง | เมืองพิงค์ |
หลุแหลกหลากหลายจริง | จ่อมม้วย |
อนาถมนุษย์ชายหญิง | ยับย่อย ยมเอย |
เหตุเกิดก็เพราะด้วย | ห่างร้างรณสนาม ฯ |
(๒) ชนทรามเกลือกกลั้วกลิ่น | กลกาม |
ยศหยิ่งผยองหยาม | เหยียบหน้า |
คนจนจ่อมจมทราม | ทรุดเสื่อม ลงเฮย |
แบ่งแยกไพร่เจ้าข้า | ขาดห้วงสัมพันธ์สมาน ฯ |
(๓) ชอบหวานวางเผ็ดไว้ | บ่เหลียว แลเฮย |
ชอบสุขทุกข์ยากเขียว | คว่างทิ้ง |
ชอบแยกแตกปีนเกลียว | กันอยู่ เสมอนา |
ความพินาศเลยเลื่อนกลิ้ง | เกลื่อนเข้ามาหา ฯ |
(๔) มังทรารู้จุดเปลี้ย | ประชากร |
ยกทัพม่านมารอน | ราบล้าง |
เชียงใหม่หมดเมือมรณ์ | ม่านมุ่ง ทำเฮย |
อนาถนักเมืองมิ่งกว้าง | กลับร้างแรมเกษม ฯ |
(๕) เคยเปรมปราโมทย์สิ้น | สุขสถาน |
ยลแม่นเหมือนวิมาน | มาศฟ้า |
ทรัพย์สินสิ่งศฤงคาร | คุงฟาก สวรรค์เฮย |
เอมเอี่ยมอ่าอ้วนหน้า | ณ ด้าวแดนยวน ฯ |
(๖) หวนนึกอนาถโอ้ | อายแสน |
เชียงใหม่เด่นเลยแดน | ด่านหล้า |
เพรงกาลผ่องเพราะแถน | ทิพย์เทพ ทำเฮย |
มามอดเพราะไพร่ฟ้า | ฝ่ายเจ้าลืมรณ ฯ |
(๗) ผลเพราะห่างเศิกสู้ | สงคราม |
เมาม่วนแต่เงางาม | เงื่อนช้อย |
เพลงดาบหอกลืมลาม | ละเลิก มวลเฮย |
เหลิงสุขชลเนตรย้อย | ม่านย้อนยำยี ฯ |
(๘) สิ่งศรีศักดิ์สิทธิ์สร้าง | สวยสม |
อาวาสว่างวางจม | จ่อมมล้าง |
ปรางค์ปราเสวยรมย์ | เริงรื่น มวลเฮย |
ยับย่อยสุดเอ่ยอ้าง | โอษฐ์อู้อันใด ฯ |
(๙) ต้องไปเป็นทาสข้า | ของเขา |
เม็งม่านขับเขเอา | เอ่าร้อน |
เดินแดนด่านดงเนา | นอนคร่ำ ครวญแฮ |
นึกภาพเพรงย้ำย้อน | เนตรย้อยอดสู ฯ |
(๑๐) อ่านดูทุเรศร้าง | แรมสถาน |
พ่อแม่พลัดลูกหลาน | หลีกลี้ |
ผัวเมียพรากคราวคราน | ครั้งม่าน เอาเอย |
มัวมืดเชียงใหม่นี้ | เน่าเนิ้นปราชัย ฯ |
(๑๑) ตายไปตามขอกข้าง | เขาไข เล่าเอย |
ทุกข์ยากเหี่ยวหฤทัย | ท่านอ้าง |
ที่ตายก็ตายไป | ปละเปล่า แลนา |
นอนไขว่ขวางขวิดขว้าง | คว่างข้างทางเดิน ฯ |
(๑๒) บ่เมินพุทธศกได้ | สองพัน |
ปลายหนึ่งห้าเจ็ดหัน | เหตุร้าย |
เป็นปีม่านมาฟัน | ฟัดฟาด เราเอย |
พร้อมกับขนคนย้าย | ย่างเข้าหงสา ฯ |
(๑๓) เวลาสามร้อยเศษ | ลาไป |
ถึงที่เรียมขอมไข | อ่านอ้อย |
ยกสู่อักษรไทย | สมัยใหม่ เรานา |
หวังเพื่อคนรู้ถ้อย | ถ่องเบื้องเบาราณ ฯ |
(๑๔) เป็นสารสนองจิตรู้ | เรื่องหลัง |
สอนจิตผู้เพียรฟัง | ฟู่ถ้อย |
ชังกันก็คือชัง | ชาติแห่ง เรานา |
จิตอย่าแยกแม้น้อย | หนึ่งเน้อไทยผอง ฯ |
(๑๕) ปองรักศาสน์กระษัตริย์เจ้า | จอมไทย |
เป็นมิ่งขวัญดวงใจ | จอดไว้ |
เตรียมพร้อมระวังระไว | ทุกเมื่อ |
ประเทศไทยจักได้ | อยู่ยั้งยืนยง ฯ |
(๑๖) “สิงฆะ” คัดจากเค้า | ย่าขอม |
คงรูปศัพท์แสงออม | อ่อมไว้ |
ยากยิ่งค่อยทำทอม | ตามเยื่อง มีเฮย |
หวังเพื่อคนใหม่ได้ | อ่านรู้ความมี ฯ |
(๑๗) เป็นศรีเป็นศักดิ์เสื้อ | สวมเมือง |
กลอนกาพย์ครรโลงเรือง | รุ่งฟ้า |
นานนาเนกนองเนือง | เนาเนิ่น มาเฮย |
เผยพากย์มธุรสอ้า | อาบล้วนลานสวรรค์ ฯ |
(๑๘) “สันป่ายาง”เขตแคว้น | ลำพูน |
บ้านอยู่แจ่มจำรูญ | ร่มเรื้อง |
“วรรณสัย” หากตระกูล | ก่อนเก่า มาเซย |
“๖๑” เลขบ้านเบื้อง | บอกไว้เป็นศรี ฯ |
(๑๙) สิบสี่ทินมาสมื้อ | มกรา |
หกค่ำวันจันทร์มา | เมื่อเช้า |
บุษยมาสด่ำเดือนคลา | คล้อยคลาด แรมเอย |
สำเร็จแก่ข้าเจ้า | เปลี่ยนถ้อยแปลงอักษร ฯ |
(๒๐) เป็นตอนพุทธศกได้ | สองพัน นั่นเอย |
ปลายเศษห้าร้อยผัน | ผับเข้า |
สิบเจ็ดเศษปลายอัน | ท้ายต่อ มีเฮย |
สำเร็จแก่ข้าเจ้า | เจิดแจ้งมโนเฉลิม ฯ |
หมายเหตุ โคลงทั้ง ๒๐ บทนี้ เป็นโคลงที่ไม่ลึกซึ้งคัมภีรภาพเหมือนของกวีโบราณเป็นโคลงพื้น ๆ ธรรมดา ภาษาที่ใช้ก็ง่าย ๆ แม้จะปะปนกับภาษาลานนาไทยบ้าง คงไม่ทำให้ท่านอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลโคลงเหล่านี้ไว้