- วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- —รูปพิมพ์เรื่องสังข์ทองกับเรื่องคาวี
- วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร (๒)
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ น (๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ น
- วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ ดร
วันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๕
ทูล สมเด็จกรมพระนริศ
ขอถวายรายงานเริ่มต้นการตรวจค้นเรื่องตำนานพระพุทธรูปแรกจะเกิดขึ้นในอินเดีย ได้พบในหนังสือฝรั่งเศสแต่ง ๒ เรื่อง เปนสำเนาความดังนี้
๑) ในครั้งพุทธกาล และก่อนพุทธกาลขึ้นไป ไม่มีประเพณีการสร้างรูปเคารพเลยทีเดียว แม้เทวรูปก็ไม่มี
๒) บุคคลอันเปนที่นับถือของพวกอริย เมื่อตายลงเผาศพแล้วเอาอัฐิใส่ผะอบทำเรือนบรรจุไว้ ในเรือนนั้นมีที่นั่งนอนเชิงตะกอนไฟที่บูชา และเครื่องมือเหมือนอย่างของคนเปนจัดไว้ให้ทุกอย่าง แล้วจึงปิดเรือนนั้นเสีย
๓) รูปเรือนที่บรรจุอัฐินั้น เดิมทำด้วยไม้ รูปเปนกระโจมกลมเหมือนอย่างเต๊นที่พวกอริยอยู่กัน ในเวลาแรกลงมาสู่มัชฌิมประเทศ เรื่องเรือนบรรจุอัฐิธาตุที่กล่าวนี้ เขาอ้างหลักฐานว่าได้พบที่ทำไว้ในถ้ำจึงเหลืออยู่
๔) เขาสันนิษฐานว่ารูปพระสถูปนั้น มาแต่เรือนที่บรรจุอัฐิธาตุตามประเพณีของชาวอริยนั้นเอง มาคิดทำด้วยก่ออิฐฤๅศิลาให้เปนของถาวร จึงเกิดเปนสถูป ที่บัลลังก์นั้น คือปล่องไฟตรงเตาโหมกูณฑ์ตามพิธีในเวทย์ของชาวอริย
รูปเคารพอันเปนเครื่องหมายในพระพุทธศาสนาแรกเกิดขึ้นนั้น เกิดแต่สังเวชสถานทั้งสี่ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงอนุญาตไว้ คือที่ประสูต ที่ตรัสรู้ ที่เทศนาธรรมจักร และที่ปรนิพพาน เขาสันนิษฐานจากดวงตราที่ตีก้อนดินและตีเงินของโบราณอันพบในประเทศอินเดีย ว่าชรอยเมื่อพระพุทธเจ้าปรนิพพานแล้ว พวกพุทธบริษัทที่ไปนมัสการยังสังเวชวัตถุทั้ง ๔ แห่งนี้ จะอยากได้เครื่องหมายมาไว้เปนที่รฦก พวกช่างเมืองฤๅผู้รักษาสังเวชสถาน จึงคิดทำดวงตราเปนเครื่องหมายสำหรับที่นั้นๆ ขึ้น ที่เมืองกบิลพัศดุทำตราดอกบัว (หมายว่าเปนสิ่งบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้น) ตราช้าง (หมายสุบินของพระพุทธมารดาในเมื่อพระมหาสัตวลงสู่พระครรภ์) ตราโค (หมายราษีพฤศภ ซึ่งพระมหาสัตวประสูต) ตราราชสีห์ (หมายว่าเปนสากยสิงห) ตราม้า (หมายว่าม้ากัณฐัศ แต่ ๔ สัตว์นี้ดูไปพ้องกับสัตวเขาไกรลาศ ปลาดอยู่) ที่เมืองพุทธคยา ทำตราพุทธอาศน์ และตราต้นโพธิ์ ที่เมืองพาราณสี ทำตรารูปพระธรรมจักร ที่เมืองกุสินารายณ์ ทำตรารูปพระสถูป จึงเกิดรูปเครื่องหมายในพระพุทธสาสนาขึ้นเปนทีแรกด้วยประการฉนี้
๕) เมื่อครั้งพระเจ้าอโศก ก็ยังไม่มีรูปคนเปนเครื่องประดับ สิ่งที่พระเจ้าอโศกสร้าง เช่นหลักศิลาจาฤกก็ดี ไพรทีศิลาก็ดี ใช้แต่รูปเครื่องหมายสังเวชวัตถุที่กล่าวมานั้นเปนลายประดับ ต่อล่วงสมัยพระเจ้าอโศกมาถึง ๑๐๐ ปี จึงเกิดลวดลายเครื่องประดับเปนรูปคน เช่นที่สันจิเจดีย์ และพาหุสเจดีย์สลักเปนเรื่องชาดก เรื่องปฐมสมโพธิ์ตลอดจนเรื่องตำนานพระสาสนาภายหลังพุทธปรนิพพานมาก แต่กระนั้นไม่ทำรูปพระมหาสัตว์ฤๅพระพุทธรูปในลายจำหลัก ใช้เครื่องหมายสังเวชสถานแทนทุกแห่ง
ตรวจค้นได้ความเพียงนี้ กำลังจะอ่านถึงเรื่องตอนเกิดพระพุทธรูปขึ้นในคันธารราษฎร์ เกรงจะลืมความที่ได้อ่านแล้วจึงจดมาทูลให้ทรงวินิจฉัยเสียชั้น ๑ และจะได้รักษาสำเนา จ.ม. นี้ไว้เปนบันทึกความรู้ด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด