- วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- —บันทึกฝีมือช่างรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒
- วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- —วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
หอพระสมุดวชิรญาณ
กรุงเทพ
VAJIRAÑĀNA NATIONAL LIBRARY
BANGKOK
วันที่ ๖ ธันวาคม พระพุทธศักราช ๒๔๕๘
ทูล สมเด็จกรมพระนริศรานุวัติวงษ์.
อรรถาธิบายเรื่องวัดอรุณ ฯ ที่ประทานมา แจ่มแจ้งดีมาก ขอขอบพระเดชพระคุณที่ทรงพระอุสาหะถึงเสด็จข้ามไปทอดพระเนตร แลอุส่าห์ทรงเรียงอธิบายประทาน.
อยากจะขอทูลย้อนสัตย์สักน่อย คือ ที่ทรงวินิจฉัยว่าโรงพระแก้วที่พระเจ้ากรุงธนบุรีสร้าง ว่ามิใช่พระวิหารเก่านั้น ตรงตามความคิดหม่อมฉัน เห็นว่าโรงพระแก้วเปนของสร้างชั่วคราวสำหรับการสมโภช อย่างสมโภชช้างเผือกโรงนอก จึงเรียกว่าโรง แลเหตุใดจึงสร้างสมโภชชั่วคราว ก็พอเข้าใจได้ เพราะโบถแลวิหารวัดแจ้งเล็ก ไม่เปนที่เปิดเผยให้มหาชนไปมานมัสการได้สดวก จึงปลูกโรงสมโภช แต่มาคิดเห็นว่าเมื่อสมโภชแล้ว เห็นจะเชิญเข้าไปประดิษฐานไว้ในพระวิหาร เพราะ:-
๑ โรงสมโภชไม่เปนที่จะพิทักษ์รักษาในเวลาปรกติได้ดีเท่าในพระวิหาร แลเปนโรงทำชั่วคราว คงจะกีดที่ หรือรักษาไว้ให้ดีอยู่เสมอไม่ได้.
๒ ถ้าหากจะเชิญพระแก้วไปเก็บรักษาไว้ที่ใดให้ดี ในเวลานั้นมีแต่พระวิหารแห่งเดียว ไม่มีที่อื่น.
๓ โดยปรกติ โบถหรือวิหารต้องมีพระพุทธรูป ที่วิหารว่างพระพุทธรูป แลปรากฎว่าพระเจดีย์มาแต่อื่นเมื่อภายหลัง ข้อนี้เปนพยานว่าได้เคยเชิญพระพุทธรูป ซึ่งเคยมีในพระวิหารนั้นออกจากวิหารคราว ๑ ไม่มีคราวใดที่จะควรเชิญพระเก่าออก นอกจากคราวจัดพระวิหารเปนที่ตั้งพระแก้วมรกฎ ย้ายพระพุทธรูปเพื่อเอาที่ตั้งพระพุทธรูป เห็นจะไม่ถือว่าเปนการบาป พระพุทธรูปอะไรบ้างที่เชิญไปจากวิหาร แลเชิญเอาไปไว้ที่ไหน ข้อนี้พิจารณาเห็นได้ คือ ย้ายเอาไปไว้ในโบถเก่านั้นเอง ด้วยมีพระพุทธรูปเก่า ๆ ตั้งโดยทำนองที่เห็นว่าเปนของจัดใหม่หลายองค์ แลซ้ำทำลับแลลูกฟักบังน่าพระด้วย น่าจะทำในคราวเดียวกันนั้น.
๔ ความปรากฎในหนังสือพระราชพงษาวดาร ว่าเมื่อพระยาสวรรค์เอาพระเจ้ากรุงธนบุรีควบคุมขังไว้นั้น ว่าขังไว้ในพระอุโบสถวัดแจ้ง ถ้าพระวิหารว่างอยู่ หรือแม้มีพระพุทธรูปสำคัญ น่าจะเอาไว้ในพระวิหาร จะเปนด้วยพระวิหารเปนที่ไว้พระแก้วมรกฎ จึงเอาพระเจ้ากรุงธนบุรีไปคุมไว้ในพระอุโบสถ.
ด้วยข้อสันนิฐานเหล่านี้ เห็นว่าความจริงจะยุติกันหมด คือ แรกพระแก้วมาถึง ตั้งสมโภชที่โรงพระแก้ว เสร็จการสมโภชแล้วเชิญมาประดิษฐานไว้ในพระวิหารวัดแจ้ง เหตุเปนด้วยผู้แต่งหนังสือพระราชพงษาวดาร เขียนหนังสือผิดไปคำเดียว ที่ว่าเชิญพระแก้วจากโรงพระแก้วข้ามมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถ้าว่าเชิญจากพระวิหารวัดแจ้งแล้ว ก็จะยุติกันทุกฝ่าย.
ถ้าจะวินิจฉัยต่อไปอีกข้อ ๑ ว่าโรงพระแก้วปลูกที่ไหน ในหนังสือเก่ามีแต่ว่าปลูกที่สนามในกำแพงพระราชวัง คงจะเปนพระราชวังชั้นนอก สันนิฐานตามรูปแผนที่วัดอรุณ ฯ โรงพระแก้วน่าจะอยู่ตรงพระอุโบสถที่สร้างใหม่นั้นเอง ต่อไปตอนพระวิหารไว้สนามสำหรับเครื่องมหรศพน่าพลับพลาน่อย ๑ ตั้งพลับพลาราวตรงที่กุฎีพระเทพสุธีดูเหมาะอย่างนี้ ถ้าลงมาริมน้ำติดโบถเก่าแลพระปรางค์ แลจะใกล้กำแพงวังข้างแม่น้ำนัก บางทีเมื่อกะที่สร้างพระอุโบสถใหม่ จะกะลงตรงนั้น ด้วยเปนที่โรงพระแก้วมาแต่ก่อน ก็จะเปนได้ดอกกระมัง วินิจฉัยตอนนี้โดยอัตโนมัติแท้.
ที่ทรงวินิจฉัยเรื่องกระเบื้องเคลือบนั้น แจ่มแจ้งหมดข้อสงไสย.