- วันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- —บันทึกฝีมือช่างรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒
- วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ น
- วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
- —วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
วันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ดร
หอพระสมุดวชิรญาณ กรุงเทพ
VAJIRAÑĀNA NATIONAL LIBRARY BANGKOK
วันที่ ๒๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๕๘
ทูล สมเด็จกรมพระนริศรานุวัติวงษ์ทรงทราบ
มีเรื่องอึดอัดใจเกิดขึ้นอิกเรื่อง ๑ ต้องหาที่ปฤกษา ไม่เห็นใครจะช่วยเปนที่ปฤกษาได้ นอกจากพระองค์ท่าน จึงจดหมายฉบับนี้มาทูลหารือ.
ปัญหานั้น คือ เรื่องพิธีบรมราชาภิเศกครั้งรัชกาลที่ ๒ หม่อมฉันได้หนังสือมาสอบ ๔ เรื่อง คือ:-
๑ ตำราราชาภิเศกครั้งกรุงเก่า กรรมการข้าราชการมีเจ้าพระยาเพ็ชรพิไชยเปนประธาน จดถวายเมื่อในรัชกาลที่ ๑
๒ รายการพระราชพิธีบรมราชาภิเศก ที่ทำเต็มตำราในรัชกาลที่ ๑ เมื่อปีมเสง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗
๓ รายการบรมราชาภิเศกรัชกาลที่ ๒ เปนทำนองโปรแกรม เจ้าพระยาศรีธรรมาธิราชแต่ง.
๔ รายการบรมราชาภิเศกรัชกาลที่ ๒ ซึ่งปรากฎโนโคลงยอพระเกียรติ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ “ไป่นานกาคาบฟ้อง”
ความที่สอบได้เปนยุติแล้วนั้น คือ การพระราชพิธีบรมราชาภิเศกรัชกาลที่ ๑ ครั้งปีมเสงสัปตศก เปนต้นตำราที่ทำพระราชพิธีบรมราชาภิเศกในรัชกาลต่อ ๆ มา แลเมื่อบรมราชาภิเศกรัชกาลที่ ๒ ต้องเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญอย่าง ๑ คือเรื่องสถานที่ ๆ ทำพิธี ครั้งรัชกาลที่ ๑ ทำที่พระมหาปราสาท ครั้งรัชกาลที่ ๒ ต้องมาทำที่หมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เพราะพระมหาปราสาทติดตั้งพระบรมศพ ที่มาจัดอย่างไร เมื่อทำพิธีบรมราชาภิเศกที่หมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานครั้งแรกนี้ เปนตัวปัณหา ด้วยในหมายเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราชไม่ได้บอกไว้ว่าสวดมนต์ที่ไหน มีรายการละเอียดอยู่แค่ในโคลงยอพระเกียรติ ต้องถอดความออกจากโคลงนี้ที่เปนข้อลำบาก หม่อมฉันได้ตรวจโคลงยอพระเกียรติหลายทบหลายทวน ว่าด้วยเรื่องที่ทำการพิธีมีอยู่ในโคลงบทที่ ๒๘,๓๙,๔๐,๔๒,๕๐,๕๓,๕๔, หม่อมฉันได้ส่งสมุดโคลงถวายมาด้วยแล้ว.
ความเข้าใจของหม่อมฉัน เปนดังนี้ :-
(๑) พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เรียกในโคลงบทที่ ๒๘ ว่าพระที่นั่งน่าพระโรงในทางตวันออกตั้งพระแท่นมณฑล กับพระที่นั่งอัฐทิศ ทางตวันตกตั้งพระที่นั่งภัทรบิฐกับตู้เทียนไชย พระไม่ได้สวดมนต์ที่พระที่นั่งไพศาล
(๒) บนพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานหลังตวันตก เรียกในโคลงบท ๔๐ ว่าพระที่นั่งทักษิณไพศาล ตั้งพระแท่นดาดเพดาน ในนั้นตั้งพระบรมธาตุกับพระห้ามสมุททองคำ แลตั้งบาตรน้ำบาตรทราย พระสงฆ์หมู่ใหญ่สวดมนต์ที่พระที่นั่งองค์นี้
(๓) ส่วนพระที่นั่งหลังตวันออก บนพระแท่นบรรทม พระสงฆ์สมถะ ๕ องค์สวดจตุภาณวาร แบ่งสวดเปน ๓ วัน เพราะสวดจตุภาณวารนี้เอง จึงเสด็จประทับสดับพระปริตในห้องพระบรรทม ความที่กล่าวถึงพระสวดมนต์ มีอยู่ในโคลงบท ๕๐,๕๓,๕๔,๕๕.
ตีความตามโคลงออกดังทูลมานี้ มันผิดไปกับแบบที่ทำทีหลัง แบบทีหลัง ที่รู้ได้เปนแน่นั้น เมื่อในรัชกาลที่ ๔ ทรงแก้ไข ให้ตั้งตู้เทียนไชยแลเตียงพระสวดภาณวาร ที่พระที่นั่งอมรินทร สวดภาณวารทั้งกลางวันกลางคืนตลอดงาน แลพระราชาคณะพวกนั่งปรกแลสวดภาณวาร ออกไปนั่งสวดมนต์ที่พระที่นั่งอมรินทรอิกแห่ง ๑ ส่วนในที่พระบรรทม ซึ่งเสดจประทับสดับพระปริต พระธรรมยุติกาสวด ๗ ตำนานตามธรรมเนียม นี้ที่รู้เปนแน่ว่าแก้ในรัชกาลที่ ๔ คราวนี้ถึงพระสงฆ์หมู่ใหญ่ ถ้าหากว่าเข้าใจความตามโคลงถูกว่าเดิมสวดที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานหลังตวันตก ก็มีเค้าอยู่บ้าง ที่ยังให้พระขึ้นไปฉันที่นั่น เมื่อวันทำพิธีราชาภิเศก เพื่อจะไม่ให้กีดกับพิธีพราหมณ์ เดิมจะเห็นกีดกับพิธีพราหมณ์ จึงไปสวดมนต์เสียบนนั้น ต่อรัชกาลที่ ๔ มีพระราชประสงค์จะให้มีพิธีสงฆ์ทุกพระที่นั่ง จึงย้ายพระสงฆ์หมู่ใหญ่มาสวดมนต์ที่พระที่นั่งไพศาล จะเปนได้ดอกกระมัง.
ถ้าตีความตามโคลงอย่างทูลมาผิดไป ก็มีอิกอย่าง ๑ คือ ที่เรียกว่าพระที่นั่งทักษิณไพศาลนั้น จะหมายความว่าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ถ้าเช่นนั้น พระสงฆ์หมู่ใหญ่ก็สวดมนต์ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เหมือนกับชั้นหลัง เตียงตั้งพระบรมธาตุ พระห้ามสมุทตั้งหลังตู้เทียน ตรงข้ามกับพระแท่นมณฑล.
ขอทูลหารือ ว่าอย่างไรจะถูกแน่ ขอได้โปรดทรงช่วยพิเคราะห์ด้วย.
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด