วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ น

ท่าพระ กรุงเทพฯ

วันที่ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘

กราบทูลพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ ทราบฝ่าพระบาท

ตามที่ได้กราบทูลถวายความเห็น ซึ่งตีความในโคลงยอพระเกียรติ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามที่ทรงสงไสยแล้วนั้น ยังหาได้รบุความตรงที่เปนหลักให้เห็นถวายไม่ จึงได้รบุถวายมาบัดนี้

พระที่นั่งน่าพระโรงใน ซึ่งเรียกโนโคลงบท ๒๘ ต้องเปนพระที่นั่งไพศาลทักษิณเดี๋ยวนี้ เพราะอยู่น่าพระโรงใน แต่ข้อที่เข้าพระไทยว่า พระแท่นมณฑลกับพระที่นั่งอัฐทิศอยู่ตวันออก พระที่นั่งภัทรบิฐกับตู้เทียนไชยอยู่ตวันตกนั้น เปนการเกินกว่าคำที่ปรากฎในโคลง อาจจะตั้งอย่างอื่นก็ได้ เหมือนต่างว่าตั้งพระแท่นมณฑลกับตู้เทียนไชยตรงกลาง ที่ตั้งพระสยามเทวาธิราชเดี๋ยวนี้ แลตั้งพระที่นั่งอัฐทิศข้างตวันออก พระที่นั่งภัทรบิฐข้างตวันตก เช่นนี้ก็ไม่ผิดไปจากโคลง สังเกตในโคลงดูเปนว่าตลุยไปกระนั้นเอง อะไรสำคัญก็กล่าวก่อน ที่ไม่สำคัญก็กล่าวทีหลัง เห็นได้เช่นเตียง (ซึ่งเดี๋ยวนี้เรียกโต๊ะ) เครื่องนมัสการพระ ซึ่งควรจะอยู่กับพระแท่นมณฑลก็หลุดไปอยู่กับพระที่นั่งภัทรบิฐ ที่เราจะกล่าวถึงไม่กำหนดที่ตั้งลงให้แน่เห็นจะดีกว่า

พระที่นั่งทักษิณไพศาล ไม่ไช่พระที่นั่งไพศาลเดี๋ยวนี้เปนแน่ ถ้าหากเปนหลังเดียวกับพระที่นั่งน่าพระโรงใน มีจัดตั้งอะไรอีกก็ควรจะว่าต่อ ๆ ไป ไม่จำเปนต้องออกชื่อพระที่นั่ง เข้าไปคั่นกลางขวางอยู่ตรงโคลงบท ๔๐ อีกประการหนึ่งตั้งพระแท่นมณฑล ๒ พระแท่น ในแห่งเดียวกันนั้นไม่มีธรรมเนียม อีกประการหนึ่งพระสงฆ์หมู่ใหญ่สวดที่พระที่นั่งไพศาล เดี๋ยวนี้ที่นั่งก็ไม่พอ อีกประการหนึ่งในตอนเสด็จเข้าสู่พิธีก็กล่าวเปน ๓ รยะ รยะแรกกล่าวในโคลงบท ๕๓ ว่าเสด็จ “ขึ้นสู่มณเฑียร” “ทรงจุดธูปเทียรถวายอภิวาทพระ” ในที่นี้หมายถึงที่พระที่นั่งน่าพระโรงใน รยะที่สองแลรยะหลังกล่าวต่อไปในโคลงบท ๕๔ ว่า “เสด็จดลทักษิณ น้อมสรรเพช ทรงรับเบญจศีลเสร็จไป่ยั้ง” นี่หมายถึงพระที่นั่งทักษิณไพศาล ถ้าเปนพระที่นั่งองค์เดียวกับน่าพระโรงใน ทำไมต้องกล่าวถึงเสด็จขึ้นพระที่นั่งซ้ำสองหน แลทรงนมัสการพระสองหน “องครักษแห่แหนเสด็จสู่ที่ประธม” นี้หมายถึงห้องพระบรรทม การพระราชพิธีแต่งสามแห่ง ต้นปลายตรงกันดังนี้ จะเข้าใจเปนสองแห่งอย่างไรได้ ส่วนข้อที่จะชี้ลงว่าพระที่นั่งทักษิณไพศาลคือองค์ไหนนั้น ก็ต้องเปนพระที่นั่งซึ่งเดี๋ยวนี้เรียกจักรพรรดิพิมานองค์ตวันตก ตามที่ฝ่าพระบาททรงพระดำริห์เพราะไม่มีที่อื่นอีกแล้ว แลก็มีรอยอยู่ที่ยุคหลังพระก็ยังเลี้ยงอยู่ที่นั้น ถ้าจะแปลวำทำไมจึงชื่อทักษิณก็แปลได้ คือทักษิณแปลว่าขวา ทิศทักษิณก็แปลว่าทิศขวา เมื่อหมายบูรพาเปนทิศหน้า ปรัศจิมเปนทิศหลัง พระที่นั่งหมู่นี้เมื่อดูเข้าไป องค์ตวันตกเปนองค์ขวา จึงได้นามว่าทักษิณไพศาล ที่มาตกเปนชื่อพระที่นั่งหลังน่าพระโรงในเดี๋ยวนี้ ติดจะไม่มีมูล อนึ่งซึ่งเดี๋ยวนี้เรียกพระที่นั่งสามองค์ข้างในว่าจักรพรรดิพมานนั้นก็ผิดจากเดิม เดิมเรียกจักรพรรดิพิมานนั้น หมายเอาทั้งหมู่ ตั้งแต่พระที่นั่งอมรินทร์เข้าไปทีเดียว

การพระราชพิธีบรมราชาภิเศกนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงพระราชวินิจฉัยไว้ ฝ่าพระบาทจะได้ทรงทราบพระกระแสแล้วฤๅยังไม่ทราบ คือทรงพระราชวินิจฉัยว่าการพิธีนั้น มีรดน้ำเปนเบื้องต้น ขึ้นราชาอาศนเปนเบื้องปลาย วิธีที่เราทำอยู่นี้ซ้ำกัน ทรงมุรธาภิเษกกับขึ้นอัฐทิศนั้น เปนรดน้ำอย่างเดียวกัน ขึ้นภัทรบิฐกับออกพระโรงนั้นเปนเถลิงราชาอาศนอย่างเดียวกัน ชรอยเราจะได้ตำรามาสองแบบ แบบหนึ่งขึ้นบุษบก พระกายสนานเปนการใหญ่แล้วออกพระโรงจิง ๆ อีกแบบหนึ่งรับน้ำบนอัฐทิศแล้วขึ้นภัทรบิฐ เปนการทำพอเปนสังเขป ตัดสินไม่ลงว่าจะเอาแบบไหน จึงเลยเอาเสียทั้งหมด โดยพระราชดำริห์เช่นนี้ เมื่อขึ้นพระที่นั่งสวนดุสิต จึงโปรดเกล้าให้ทำที่สรงเปน ๘ เหลี่ยม สรงแล้วให้พราหมณ์ขึ้นถวายน้ำ ๘ ทิศ แล้วเสด็จขึ้นพระแท่นในพระโรงทีเดียว อันนี้ทูลมาเผื่อว่าความที่ตัดออก ๔๐ น่าเศษไม่มีอะไรจะใช้เนื้อลงพอ จะทรงเก็บเอาพระราชดำริห์นี้ลงเป็นฟุตโนตไว้ด้วยก็ดี ความจะได้ไม่สูญเสียเปล่า

ได้ถวายสมุดยอพระเกียรติคืนมาด้วยแล้วตามที่ทรงพระเมตตาจะโปรดให้เฃาจัดตัวหนังสือเก่าเข้าเป็นหมวดอย่างของฝ่าพระบาทประทานนั้น หวังว่าจะไม่ทรงลืม.

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ