เพลงยาวเรื่องเที่ยวถํ้าวิมานจักรี

ฯลฯ

๏ แม่ทิมร้องว้ายว้ายนายเจ้าขา อะไรมาวิ่งออกทั้งซอกหิน
ตัวมันมีสี่เท้าก้าวกะดิน มันแลบลิ้นออกมานั่นอีฉันกลัว
บ้างหวาดหวีดกรีดเสียงสำเนียงขรม เข้ากอดกลมกันฉาวตาขาวหลัว
ร้องว้ายว้ายตายแล้วฉันตัวสั่นรัว วิ่งเข้ามาหาผัวทั้งสองนาง
พี่ประคองน้องไว้เป็นไรเล่า แม่ขวัญข้าวจึ่งมาร้องจนหมองหมาง
บ้างก็เล่าบ้างก็ร้องพร้องไปพลาง สำเนียงนางแซ่เซ็งระเบ็งดัง
ทั้งหญิงชายหลายหน้าที่มามี่ พวกสตรีไพร่บ่าวเหล่าข้างหลัง
ก็เกรียวกรีดหวีดวิ่งเอาจริงจัง สนั่นดังเสียงร้องออกก้องไพร
วิ่งถลาพากันล้มผ้าห่มหาย เหลือแต่กายยืนสั่นอยู่หวั่นไหว
ไม่แจ้งเหตุเภทพานประการใด เรื่องอะไรก็ไม่รู้กับหูตา
เห็นเขาร้องซ้องสำเนียงเสียงสนั่น ก็พลอยกันร้องรัวกลัวนักหนา
เห็นเขาครืนตื่นกรีดหวีดกันมา ก็หลับตาหวีดหวามไปตามกัน
พี่ห้ามปรามก็ไม่ฟังกำลังกรีด แม่เอี่ยมหวีดร้องอนาถหวาดกระสัน
ว่าราชสีห์หมีฤๅเม่นฉันเห็นมัน มันผินหน้ามาข้างฉันอยู่นั้นแน
แม่ทิมร้องว้ายว้ายฉันตายจริง มันจะวิ่งไล่กัดลัดแฉว
จะเป็นแรดฤๅกระทิงมันยิ่งแล อยู่นั่นแน่คอยมองจ้องเข้ามา
พี่เห็นน้องสองตระหนกในอกสั่น แม่จอมขวัญฟังพี่ก่อนเถิดหล่อนจ๋า
เหี้ยตะกวดดอกมิใช่อะไรนา มันออกมาจากโพรงจงโคร่งคลาน
ต้นไม้หักเมื่อตะกี้ทีจะฟัด เจ็บสนัดหนาอนงค์พี่สงสาร
ทำเงื่องหงอยค่อยค่อยขยับซาน เยาวมาลย์ชมเล่นไม่เป็นไร
พี่ยืนบังอยู่ข้างหน้าน้องตาขาว ได้ฟังกล่าวน้องก็อ่อนหย่อนหวั่นไหว
สองสมรยังถอนฤทัยใน สะอื้นใจเสียงสั่นค่อยบรรเทา
จึงถามพี่ว่านี้หรือเหี้ยนั่น ไม่บอกฉันรู้ตัวจนกลัวเหงา
แม่จิ้มลิ้มทิมนางค่อยบางเบา จึงว่านี่หรือที่เขาเรียกเหี้ยกัน
ไม่บอกแจ้งแกล้งให้กลัวจนตัวงอ กลับหัวร่อเยาะเฉยมาเย้ยฉัน
อ่อเหี้ยนี้หรือที่ห้ามมาตามกัน ว่าเหี้ยนั้นเข้าบ้านการไม่ดี
เดิมอย่างไรจึงได้ห้ามความบูราณ ว่าเหี้ยเหล่าเข้าบ้านจะเสียศรี
พี่ฟังพลางนางถามตามคดี ก็ว่ามีเรื่องเก่าท่านเล่ากัน ๚
๏ ในปักรณัมดำบลที่นนทุก เรื่องสนุกมีมาว่าขันขัน
ว่าโพรงไม้ใหญ่หักหนาในป่าวัน มีตุ๊ดตู่อยู่ในนั้นสักแสนปลาย
พรานเห็นเป็นไม่ทำไมมา มิได้ฆ่าตุ๊ดตู่หมู่ฉิบหาย
อยู่มานานลูกหลานก็มากมาย นับได้หลายสิบปีอยู่ดีมา
วันหนึ่งจึงอ้ายเตี้ยเหี้ยจังไร มาอาศัยกับตุ๊ดตู่ขออยู่หนา
แต่อ้อนวอนอ่อนใจไหว้วันทา จนเวทนาใจตุ๊ดตู่ให้อยู่ไป
วันหนึ่งนายพรานป่ามาถึงนั่น เหี้ยก็ดั้นดื้อโดดออกโลดไล่
ว่าข้าก็จระเข้คะเนใจ เข้าฟาดหางผางไล่ที่ท้องทาง
พรานไม่หนีตีเหี้ยจนเปลี้ยง่อย เหี้ยก็ถอยวิ่งเข้าโพรงทำโผงผาง
พรานก็ปิดมิดปล่องทุกช่องทาง ทั้งโพรงล่างโพรงบนตามต้นกลวง
แล้วก่อไฟใส่โขมงที่โพรงล่าง ลุกสว่างกองไฟก็ใหญ่หลวง
ร้อนตลอดยอดกระทั่งรังกระทรวง ตุ๊ดตู่ร่วงนับแสนแน่นลงมา
ทั้งลูกหลานผลาญฉิบหายตายลงเสีย เพราะคบเหี้ยอยู่ให้อาศัยหนา
ตุ๊ดตู่ให้เหี้ยอาศัยจึ่งมรณา เรื่องอย่างนี้พี่ว่าจงแจ้งใจ
มันพาเสียเพราะว่าเหี้ยเป็นอุบาทว์ จึงห้ามขาดมิให้ผ่านขึ้นบ้านไหน
ใครคบค้าพากันตายฉิบหายไป จึ่งห้ามไว้ตั้งแต่หมู่ตุ๊ดตู่มา
ถึงคนเล่าเราท่านทุกวันนี้ ให้เลือกที่คบมิตรพินิจหนา
ถ้าคบชั่วมันจะทำช้ำวิญญาณ์ วิบัติมาถึงความสามประการ
ที่คนชั่วเปรียบเหมือนตัวเหี้ยอุบาทว์ เรื่องพิพาทมีไว้ท่านไขขาน
แม่ทั้งสองน้องจงจำคำบูราณ เหี้ยเข้าบ้านจึงได้ห้ามตามกันมา ๚
๏ สองยุพินยินพี่ชี้เรื่องราว ได้ฟังกล่าวก็โสมนัสสา
ว่าเสนาะเพราะเล่ากล่าวตำรา แม่เอี่ยมว่าเข้าบ้านการไม่ดี
ฝ่ายแม่ทิมยิ้มพรายขยายเยื้อง อ่อว่าเรื่องก็ประจักษ์เป็นสักขี
ตุ๊ดตู่ฉิบหายตายเพราะเหี้ยก็เสียที เราเดี๋ยวนี้ก็ต้องจำเป็นตำรา
พี่เล่าพลางทางพาสุดาสอง ทั้งคู่น้องชมไม้ไพรพฤกษา
แม่จิ้มลิ้มทิมแลแปรพักตรา แล้วร้องว่าว้ายโน่นต้นอะไร
ช่างงามจริงกิ่งกางออกห่างต้น ทั้งพวงผลยื่นย้อยห้อยไสว
บ้างสุกเหลืองเรืองงามอร่ามไป ต้นอะไรอยากรู้จักน่ารักจริง
พี่ก็บอกออกตามนามพฤกษา เรียกอัมพาในคัมภีร์มีหนาหญิง
มะม่วงกะล่อนแต่ก่อนว่าอัมพาจริง มะม่วงสิ่งท่านสำเหนียกเรียกอัมพา
แล้วนำสองน้องนาฏลีลาศหน จรดลเดินแดนบนแผ่นผา
แม่เอี่ยมถามนามไม้ในพนา ว่าไม้ป่าต้นอะไรเป็นนายมูล
พี่ก็บอกออกยุบลว่าต้นหว้า เป็นพญาใหญ่จบนภศูล
เป็นไม้นำประจำกลีบทวีปพูน เป็นนายมูลไม้สิ้นทั้งดินดาน ๚
๏ แล้วนำสองน้องนาฏลีลาศหงส์ เชิญเที่ยวดงแดนป่าพฤกษาสาณฑ์
เสียงวิหคนกเหิรเกริ่นสำราญ ร้องขนานสำเนียงเสียงวังเวง
แม่ทิมถามตามสำเนียงเสียงอะไร ร้องอยู่ไหนฟังเพราะช่างเหมาะเหมง
เสียงเหมือนครวญหวนละห้อยลอยบรรเลง ดูเหมือนเพลงสังคีตดีดดนตรี
พี่จึ่งบอกออกว่านกวิหคร้อง โน่นแน่น้องน่ารักเจ้าปักษี
มีชื่อนามตามว่าในบาลี เรียกโกกีลานามตามฉายา
คนทุกวันนั้นสำเหนียกเรียกกระเหว่า ด้วยเสียงเขาเพราะพร้องหนาน้องจ๋า
ไตรภูมิครั้งตั้งกัปลำดับมา ว่าปักษาพวกนี้มีเงินทอง
เป็นเศรษฐีมีทรัพย์นับไม่ได้ มีข้าไทยมากเหมาทั้งข้าวของ
เจ้ารุ้งนกตกขาดเป็นทาสรอง เป็นข้าของกระเหว่าใช้แต่ไรมา
เจ้ากาดำทำหนังสือชื่อประกัน คิดสำคัญให้กับเขากระเหว่าหนา
ถ้ารุ้งหนีมิได้ใช้เงินตรา ให้เกาะกาไว้ขาดเป็นทาสแทน
รุ้งก็ลี้หนีจรไปซ่อนซุ่ม กระเหว่าก็กุมกาเกาะมาตามแผน
เอาช่วงใช้ไว้เป็นทาสจนขาดแคลน ตามที่แทนประกันรุ้งจนนุงนัง
กระเหว่าจึงได้ใช้กามาประจักษ์ ให้กาฟักไข่กระเหว่าเล่าแต่หลัง
กาจึงเลี้ยงลูกกระเหว่าเฝ้าระวัง ตั้งแต่ครั้งประกันรุ้งจึงยุ่งเจียว
รุ้งจึงซุ่มพุ่มซอกไม่ออกหน้า ไม่อาจหากินกลางวันมันเฉลียว
กลัวว่ากาจะจับปรับเอาเจียว จึงต้องเที่ยวหาอาหารกาลกลางคืน ๚
๏ ทั้งสองน้องยุพินยินพี่เล่า แม่ขวัญข้าวปรีดาไม่ฝ่าฝืน
แม่เอี่ยมว่าน่าฟังเป็นยั่งยืน กาทั้งพื้นเลี้ยงกระเหว่าเล่ายังมี
ทับทิมทองน้องได้ฟังเหมือนดังว่า แย้มพักตรายิ้มย่องกันสองศรี
ว่าทุกวันนั้นก็เป็นยังเห็นมี เจ้ารุ้งหนีกาล้อมเที่ยวตอมอึง
ชมนกไม้ในดอนสิงขรเขิน แล้วก็เดินนำสุดามาจนถึง
สกุณีมี่ร้องก้องรำพึง แม่เอี่ยมถามนามซึ่งสกุณา
ซึ่งวิหคนกทั่วทุกตัวหมาย ที่เป็นนายนกอะไรไฉนจ๋า
พี่ก็บอกออกกับหญิงแต่จริงมา ไตรภูมิว่าอยู่เพียงแร้งจงแจ้งใจ
ด้วยแร้งชัดสัตย์ใจแต่ไรมา แร้งไม่ฆ่าสัตว์เป็นเห็นนิสัย
จึ่งชื่อว่าพญาแร้งจงแจ้งนัย จงจำไว้เถิดน้องสองสุดา
แม่จิ้มลิ้มทิมน้องพร้องแถลง ว่าจริงแร้งมิได้คิดริษยา
กินของตายหมายประโยชน์โภชนา เป็นสัจจาเห็นจริงทุกสิ่งอัน
แล้วเชิญนวลชวนน้องทั้งสองสม เที่ยวเดินชมมิ่งไม้ในไพรสัณฑ์
เห็นวิหคนกเหิรเนินอรัญ แม่เอี่ยมถามนามนั้นนกอะไร
ที่จับอยู่ดูตะคุ่มบนพุ่มสูง อยู่เป็นฝูงยืนเด่นเห็นไสว
คอขาวขาวเล่าที่ตัวนั้นมัวไป นกอะไรสีต่างทั้งด่างดำ
พี่จึงว่าบาลีท่านมียก เรียกว่านกโกญจาฉายาขำ
เราทุกวันนั้นเรียกสำเหนียกนำ ก็เรียกร่ำว่าวิหคนกกระเรียน
แม่เสงี่ยมเอี่ยมพร้องน้องหัวเราะ ว่านามเหมาะรูปร่างเหมือนอย่างเขียน
เช่นนี้หรือชื่อวิหคนกกระเรียน แต่ชื่ออรรถชัดเปลี่ยนเรียกโกญจา
แล้วนำน้องสองชลอจรลี เห็นปักษีน่ารักเป็นนักหนา
ต่างต่างกันสรรพนกวิหกกา ทั้งลิงค่างบ้างก็มาบนเนินดอน
แล้วนำน้องสองนางมาทางเขต ถึงประเทศทางกั้นคันสิงขร
สองสุดาพากันชมพนมดอน เห็นชะง่อนชะงักเงื้อมเลื่อมศิลา
บ้างโจษจ้อจ๋อแจ๋ออกแซ่เสียง บ้างทุ่มเถียงถามทักกันนักหนา
เสียงว้ายหวีดกรีดร้องทั้งสองสุดา โน่นแน่จ๋านี่แน่จ๋าออกอึงไป
แม่เอี่ยมว่าโน่นแน่จ๋าบนยอดเห็น ดูสูงเผ่นเพียงฟ้าน่าหวั่นไหว
ชะเงื้อมงอกออกชะแง้แลขึ้นไป แม่ทิมร้องว่าไหนเจ้าขานาย
แม่เอี่ยมหล่อนจ๋าโน่นแน่จ๋า เป็นสีฟ้าม่วงครามงามใจหาย
แม่ทิมชี้ว่าที่ศิลาว่าเป็นลาย ดูพราวพรายวาบวาบช่างปลาบตา
แม่เอี่ยมว่าผาตระพักเหมือนหักห้อย ดูยืนย้อยยวงอยู่บนภูผา
โน่นแน่หล่อนก้อนชะเงื้อมเลื่อมศิลา โน่นแน่จ๋าดูเถิดจ๋าข้างหน้าตรง
แม่ทิมว้ายนายเจ้าขาโน่นผาพวง ช่างโชติช่วงเชื้อวิเชียรเลี่ยนระหง
ที่เห็นหมองต้องฝนก็หม่นลง ที่สูงส่งสีฟ้าสุดตาคน
พี่เห็นน้องสองสมชมสิงขร จึงบอกสมรให้ชมพนมหน
ว่าโน่นมีสีปองเหมือนทองปน ชั่งสูงพ้นเห็นเหินจนเกินแล
สลับลายสายเลี้ยวเป็นเขียวอ่อน บ้างก็ซ้อนสีช่วงเหมือนดวงแข
ดูวาบวาวขาวเหมือนสีมณีแล บ้างงอกแง่งํ้างุ้มตะคุ่มไป
หล่อนทั้งคู่ดูเถิดจ๋าศิลาแปลก เห็นเหมือนแยกแยะอยู่รูปลาไหล
เป็นคราบครานํ้าท่าหญ้ารำไร เห็นข้างในเหมือนเม็ดเล็ดมะปรางค์ ๚
๏ สองยุพินยินพี่ชี้ชมผา น้องผินหน้าเมียงเมินสะเทิ้นหมาง
เอาพัดปิดมิดปากกระดากนาง เขินระคางเนตรช้อยชะม้อยคม
พี่จึงชวนนวลน้องสองสุดา เห็นคูหามืดมิดสนิทสนม
เป็นถํ้ากว้างอย่างใหญ่ในพนม เชิญไปชมเล่นเถิดน้องทั้งสองนาง
สนุกนักอักโขรโหห้อง มีฉากช่องชั้นเฉียงเฉลียงขวาง
เป็นบรรพตลดหลั่นกั้นอยู่กลาง ที่ตามทางห้องน้อยกว่าร้อยเรียง
ไปเถิดจ๋าฉันจะพาเข้าในถ้ำ ค่อยค่อยคลำเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียง
ที่เป็นทางหว่างอ้อมค้อมคดเคียง บางก็เฉียงแฉกชั้นเป็นหลั่นไป
สองยุพินยินดีชี้ชมชวน อนงค์นวลยิ้มแย้มอยู่แจ่มใส
แม่เอี่ยมนวลชวนแม่ทิมยิ้มละไม ว่าหล่อนไปหรือจ๋าหล่อนเที่ยวจรดู
ฝ่ายแม่ทิมยิ้มสะกิดชิดแม่เอี่ยม ทำแฝงเฟี้ยมกระซิบยิ้มอยู่ริมหู
ว่าถํ้านี้ที่คูหาไม่น่าดู เห็นมืดอยู่มากมัวกลัวคนพาล
ชื่อสำเหนียกเรียกคำถํ้าอะไร เห็นข้างเวิ้งใหญ่โตรโหฐาน
พี่จึงบอกออกคำถํ้าบูราณ เรียกวิมานจักรีมีฉายา
แม่เอี่ยมนวลชวนแม่ทิมทำกริ่มใจ ว่าเชิญไปเถิดจ๋าเราเข้าคูหา
แล้วเกี่ยวกรช้อนจูงพยุงพา เข้าคูหาในถํ้าพี่นำทาง
เอาเทียนใหญ่ไฟติดปิดปลายดาบ สว่างวาบในจังหวัดไม่ขัดขวาง
ทั้งนายไพร่ไปเป็นยืดก็มืดฟาง ให้จุดใต้ไฟสว่างขึ้นหลายดวง
ก็เห็นสนัดชัดช่องห้องคูหา ได้ทัศนาถ้ำเหล่าภูเขาหลวง
ที่แง้มงาบกาบอยู่เป็นรูกลวง นี่รอยด้วงกัดเข้าไปหรือไรนา
ที่หินหุบยุบยู่เห็นบู้บี้ นํ้าก็ปรี่มากมวกคือหมวกผา
ดูงอกตุ่มปุ่มเปาเหมือนเต่านา นี่แน่จ๋าชมเถิดน้องทั้งสองคน
แม่เอี่ยมเยื้อนเบือนผินได้ยินชี้ น้องหยิกพี่แล้วก็ทึ้งเข้าดึงขน
ว่าชมหินปลิ้นมาแกล้งว่าคน พูดเป็นยลว่าเขารู้เท่าทัน
พี่จึงว่าผาเป็นก็เห็นจริง ไม่ว่าหญิงให้หมองเลยน้องฉัน
แต่ปากเป็นเห็นบ่นซนครันครัน ทำให้ขวัญเคืองอีกจนหยิกกาย
นี่แน่จ๋าน่าดูเห็นชูห้อย ดูยื่นย้อยระย้ายาบเห็นวาบฉาย
เป็นตางอตอล้วนด้วนข้างปลาย เห็นยาวหลายกว่าคืบเป็นหลืบลำ
แม่เอี่ยมยินผินเอาหมากใล่ปากยิ้ม ฝ่ายแม่ทิมยืนก้มดูคมขำ
พี่เห็นนางหมางหมายทำอายอำ พี่จึงนำชี้อี่นให้ชื่นใจ
แล้วเดินพลางทางมองห้องคูหา เห็นศิลาลาดลื่นพื้นไศล
พี่นึกคิดจิตนำจะจำไว้ สมอย่างใจนึกพี่ดีครันครัน
ดูเกลี้ยงเกลาราวกับลาดดาดเป็นพื้น ช่างเตียนรื่นมิได้มีธุลืผัน
ดูเหมือนเตียงเกลี้ยงประทับลับดีครัน จะนอนวันหนึ่งก็ได้ใครจะมา
จำจะตรองต้องอุบายคิดถ่ายเท ทำเป็นเล่ห์ดับไฟทันใดหนา
ก็มืดมนคนทุกตัวนัวนัยน์ตา แม่เอี่ยมมาจูงแม่ทิมอยู่ริมกัน
พี่เข้าขวางกลางน้องทั้งสองนุช แม่เอี่ยมหลุดจากแม่ทิมทำยิ้มหัน
พี่จูงแม่เอี่ยมห่างมาปรึกษาพลัน แม่ช่วยกันพวกไพร่อย่าให้มา
บอกว่าเพชรแหวนทองของแม่ทิม ตกมาริมตามหนทางนางจะหา
พวกไพร่ให้ออกนอกชาลา จะเข้ามาเก็บเสียก่อนซ่อนเอาไป
แล้วแม่ส่งข้างบ่าวของเราเคียง ให้ดูเลี้ยงขนมทั่วทุกตัวไพร่
แล้วตัวน้องย่องเข้ามาคูหาใน ทำจุดไฟจะมาส่องของตกดิน
ถ้าแม่มาแล้วอย่ามาให้ใกล้พี่ อยู่เพียงสี่ห้าวาอย่าถวิล
ทำเป็นมองส่องแหวนที่แดนดิน ให้บังหินแสงไฟอย่าให้มา
แล้วแสงไฟอย่าให้ออกคนนอกเห็น อยู่แต่เป็นไฟบังอยู่ข้างผา
แล้วสั่งอีเม้าที่เรารู้ใจมา ให้อยู่ประตูคูหาคอยห้ามคน
แม่เอี่ยมฟังสั่งสรรพแล้วกลับหลัง ออกมาสั่งตามกระบิลสิ้นนุสนธิ์
แน่ะนางเม้าเจ้าไปบอกออกทุกคน ตามนุสนธิ์ทุกสิ่งทั้งหญิงชาย
ว่าแหวนเพชรเม็ดทองของนายทิม ตกมาริมตามหนทางของนางหาย
อย่าให้ใครไปย่ำทำกล้ำกราย จะยักย้ายหยิบด้วยฉวยเอาไป
จงคอยออกนอกอยู่ประตูถํ้า อย่าเกินกํ้าเข้ามามองต้องสงสัย
นางแพด้วยช่วยนางทับกับนางไร ขนมในขันของเราเอาออกมา
ทั้งพวกเราบ่าวนายทิมให้อิ่มทั่ว ให้ถ้วนตัวอิ่มจนทุกคนหนา
บรรดาของสองขันนั้นเอามา นางพวงหนาเลี้ยงให้ทั่วทุกตัวไป
อย่าให้ใครไปมองห้องคูหา ของเขาหายมีราคาจะสงสัย
สั่งแล้ววรนุชก็จุดไฟ กลับเข้าไปอยู่เหมือนสั่งแต่หลังมา
๏ ข้างฝ่ายพี่นี้ก็สอดทอดตาแล เห็นแต่แม่ทิมคนเดียวเปลี่ยวแล้วหนา
เข้าจับกรช้อนประคองว่าน้องยา เป็นบุญพาเราจึงพบประสบกัน
แม่มานี่แล้วหนาพี่จะเล่าเรื่อง แม่เนื้อเหลืองพี่รํ่าจะทำขวัญ
พลางประคองน้องจูงพะยุงกัน ขึ้นนั่งชั้นแผ่นผาคูหาใน
เหมือนดังเตียงเกลี้ยงลาดอาสน์ศิลา มีปล่องผาเหมือนหน้าต่างสว่างไสว
สว่างจำเพาะเหมาะที่ห้องพอต้องใจ จึงปราศรัยสองต่อสองกับน้องยา
ความในอกพี่จะยกให้แม่เห็น แม่เนื้อเย็นจงสังเวชกับเชษฐา
แต่รักนุชนงเยาว์เท่าชีวา พี่หวังว่าสวาทขวัญจนวันตาย
แม้นได้ชมสมจิตเหมือนคิดไว้ จะฝากไข้ฝากผีเหมือนที่หมาย
ถึงตัวน้องป่วยไข้ไม่สบาย พี่จะฟายฟูมอุตสาห์พยาบาล
เข้าลูบหลังนั่งแนบแอบถนอม ประคองกล่อมวรนุชสุดสงสาร
น้องป้องปัดหัตถ์พี่มิให้พาน เยาวมาลย์ตอบพลันจำนรรจา
อกเอ๋ยใครเลยจะเหมือนมั่ง มีแต่ตั้งทุกข์โทมนัสา
นี่เนื้อกรรมทำไว้แต่ไรมา จึงเอกาแดตนอยู่คนเดียว
ทั้งพ่อแม่ภัสดาก็หาไม่ ทั้งมาได้รันทดกำสรดเสียว
สุดจะอายชายหญิงจริงจริงเจียว โอ้จะเหลียวเห็นใครก็ไม่มี
๏ พี่จึงว่านารีของพี่เอ๋ย แม่ทรามเชยน้องรักจะผลักหนี
พี่มุ่งหมายบ่ายบากฝากชีวี น้องก็ตัดสลัดพี่เสียจริงจัง
จึงประคองต้องเต้าเคล้าสมร แล้วกางกรช้อนประคองน้องข้างหลัง
หัตถ์ของน้องสองข้างนางระวัง คอยปิดบังมิให้ต้องทั้งสองกร
ข้างขวานางกางกันที่กรพี่ ซ้ายนารีกันกรายสายสมร
พี่จับหัตถ์นางน้องทั้งสองกร นางยักย้ายไหล่ย้อนทำเยื้องยัน
พี่ซับสูบจูบนางที่ปรางค์ขวา น้องเอาหน้าแนบพี่เหมือนทีผัน
พี่เอิบอิ่มนิ่มสุดาเอาหน้าดัน พี่ก็กลั้นกลืนกล้ำให้รำจวน
น้องเบือนซ้ายย้ายปรางค์นางขยาย พี่ก็หมายใจชมสมสงวน
เข้าแนบเน้นหน้าน้องละอองนวล ในทรวงซวนซ่านสิ้นทั้งอินทรีย์
น้องตกใจไหวหวาดอนาถขวัญ ระรัวสั่นกายามารศรี
น้องตอบถ้อยค่อยกระเส่ากล่าววาจี ไม่พอที่จะมาแสร้งแกล้งรังแก
จะฆ่าฉันแล้วก็ฟันเสียให้ตาย อย่าเถือกายจนระกำทำเป็นแผล
ฉันไม่อยู่ดูชนให้คนแล จะฆ่าแท้แล้วก็ท่านจงฟันไป
๏ พี่ฟังน้องพร้องเพราะเสนาะนัก ยิ่งรุมรักทรวงซ่านสะท้านไหว
จึงอุ้มนางวางพักบนตักใน ถนอมใจกล่อมประคองให้น้องนอน
แม่เอนชายกายเนาบนเพลาแนบ พี่อิงแอบโอบกายสายสมร
พี่แนบพักตร์นงรามทรามบังอร น้องก็ช้อนเนตรช้อยชม้อยเมียง
น้องตอบถ้อยค่อยกระเส่าเบาไม่ดัง พี่ค่อยฟังไม่สนัดไม่ชัดเสียง
น้องบ่นว่าพาลอมาพอเพียง นี่แท้เที่ยงอาธรรม์าทำฉันทา
แล้วจึงทำรำตะกุยเข้าคุ้ยข่วน น้องคร่ำครวญวอนเทวษกับเชษฐา
ว่าแม้นพี่มีจิตคิดเมตตา ก็จงพาน้องไปส่งให้คงคืน
จึงจะเห็นว่าเมตตาให้ประจักษ์ ว่าความรักจึงอุสาห์สู้ฝ่าฝืน
พอให้น้องเห็นบ้างว่ายั่งยืน เอาน้องคืนไปส่งให้คงควร
อย่าใจเร็วใจรวนทำด่วนได้ ถ้านานไปความเสน่ห์ไม่เหหวน
กายพี่กระนี้ก็ต้องกับน้องนวล การประมวลเห็นกระมลไม่พ้นไป
เหมือนบุรุษยุดหมายที่ชายผ้า ก็เรียกว่าสามีโดยวิสัย
แม้นรักน้องตรองความให้งามนัย ให้พ้นภัยครหาเป็นราคี
พี่จึงบอกออกพร้องว่าน้องจ๋า อันนินทาเห็นไม่สิ้นดินวิถี
ถ้ารักกันนั้นก็พากันว่าดี ชังก็ชี้ชั่วว่าให้ราคิน
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปขีดหิน
อันลมบ้าหรือจะพาภูเขาบิน คงถูกนินทาทุกคนไม่พ้นเลย
พลางประคองน้องนอนแล้วช้อนทรวง อย่าห้ามหวงขัดข้องเลยน้องเอ๋ย
เทวดาพาสมให้ชมเชย แล้วก่ายเกยกายสมรขึ้นซ้อนทรวง
ทั้งสองชงฆ์ลอดสุดาชานุน้อง เพลาประคองเพลานางไม่ห่างหวง
ทั้งสองเพลาเพลานางห่างกระทรวง ทะลุล่วงลำล่องน้องสุดา
น้องตกใจไหวหวั่นจนขวัญหาย แม่ร้องว้ายแล้วก็กรีดหวีดผวา
แล้ววิงวอนอ้อนเอื้อนเยื้อนวาจา อย่าเพิ่งมาฟันน้องให้ต้องตาย
แล้วคำรพนบรำพันอัญชุลี ได้ปรานีน้องสักครั้งเหมือนดังหมาย
เหมือนปล่อยยกนกกาอย่าให้ตาย ช่วยปล่อยกายผ่อนน้องสักสองวัน
เหมือนลูกไก่ได้ถือที่มือพี่ น้องไม่หนีไปไหนพ้นดอกตนฉัน
เอ็นดูหน่อยปล่อยน้องสักสองวัน ถ้าพ้นนั้นน้องไม่ห้ามจะตามใจ
ชะน้อยหรือชื่อว่านางอย่างฉลาด พจนารถเพราะดีไม่มีไหน
ให้พี่เผลอเพลินพลํ้าถลำใจ ถ้าปล่อยไปก็คงหลบไม่พบกัน
จะหลอกลวงให้พี่ง่วงลงแล้วหรือ จะวิ่งตื๋อปล่อยแต้ดอกแม่ฉัน
จะสะกัดลัดไล่เห็นไม่ทัน จะหลอกฉันปล่อยอย่างเช่นอย่าเจรจา
พลางกระสันหันประคองนางน้องรัก ให้ผ่อนพักประดิพัทธ์มนัสา
จนสยองพองเด่นเผ่นกายา เหมือนช้างสารหาญกล้าที่เมามัน
เสยปะรำซํ้ารอยไม่ถอยท่า แทงถลาเถลิงลำทำถลัน
โถมทลายย้ายถอนขย้อนยัน ด้วยเมามันมัวกำเริบเอิบอุรา
กำลังแรงแทงกระทั่งพังกระแทก ตะลุยแหลกทะลึ่งลั่นถลันถลา
เถลิงคว่ำคะมำล้มคมฝีงา กำลังกล้าฮึดกระหึมซึมอินทรีย์
สำเนียงนางครางครวญหวนละห้อย แล้วน้องช้อยเนตรชายชม้ายหนี
แม่เยื้องเยือนเบือนประเวศเนตรนารี ตาน้องหรี่ปรี่ปรอยชม้อยเมียง
แล้ววอนว่าเมตตาฉันช่วยฟันศอ อย่ารีรอเลยจงฉาดให้ขาดเฉียง
น้องสุดทรงที่จะดิ้นสิ้นสำเนียง น้องสุดเสียงที่จะสั่งประทังทรง
พี่ฟังน้องพร้องเพราะเสนาะนัก จึงก้มพักตร์ลงกับพักตร์นวลหง
พี่แนบเนียนเน้นปรางนางจำนง เหมือนน้องส่งหนุนยื่นให้ชื่นใจ
พี่สอดกรกรน้องพ้องกระหวัด โสมนัสแสนสนิทพิสมัย
ทรวงต่อทรวงแนบทรวงแม่ดวงใจ เพลาก็ไขว่เพลาค้างเข้าง้างงัน
แล้วพินิจพิศน้องดูผ่องพักตร์ แฉล้มลักษณ์ดูฤอย่างนางสวรรค์
ดูจิ้มลิ้มพริ้มพริ้งทุกสิ่งอัน พี่รับขวัญปลอบสุดาแล้วพาที
ว่าบุญชักอัคเรศกับเชษฐา จึงพูนพามาภิรมย์ประสมศรี
แม่เสี่ยงบุญเสี่ยงกรรมที่ทำมี น้องกับพี่ไม่รู้จักมารักกัน
บุรุษชายหลายชนิดจริตตัว ทั้งดีชั่วมากประมวลล้วนขยัน
เหมือนตัวพี่นี้เป็นกลางอย่างรำพัน ไม่ดีไม่ชั่วตัวฉันพอเป็นกลาง
ไม่มุทะลุบุบะทำกะกุม เป็นอุมพลุมพลุ่มพล่ามให้นามหมาง
ไม่พาให้เมียเสียหน้าที่ท่าทาง ทำให้นางอับอายขายพักตรา
สงวนศักดิ์รักเป็นเช่นผู้ดี จะพาทีก็ประมาณการโวหาร์
ไม่เบาหนักชักเชือนเหมือนพาลา อย่างที่ว่าน้องเอ๋ยไม่เคยเป็น
น้องอย่ากลัวมีผัวไม่เทียมเพื่อน ก็คงเหมือนกับเขามีอย่างที่เห็น
แม่ตรองดูเอาแต่อยู่น้ำใจเย็น แม่อย่าเห็นสุกกะตาว่าเป็นดี
เหมือนน้องรักอัคเรศกับเชษฐา ดังจันทราเคียงคู่พระสูรย์ศรี
เราถนอมกล่อมใจกันให้ดี จะฝากผีปรองดองกันสองรา
แม่ร้อยชั่งน้องได้ฟังพี่รำพัน สอดกระสันกรประหวัดรัดเชษฐา
น้องแฝงเฟี้ยมเลียมเลี่ยงเมียงพักตรา แล้วม้วนหน้าไว้กับดวงในทรวงเรียม
แล้วนุชพร้องว่าน้องขอกินนม น้องก็อมดูดพี่ไม่มีเหนียม
พี่ยิ้มย่องน้องพบทำหลบเลียม แม่แฝงเฟี้ยมดูดดื่มพี่ปลื้มใจ
น้องครํ่าครวญชวนชะอ้อนแล้ววอนพูด เหมือนลูกดูดนมแม่แท้วิสัย
พี่จึ่งค่อยค่อยว่าเจรจาไป ว่าลูกใครหลงมาไม่หากัน
ดูน่าชังรังเกียจน่าเกลียดนัก ทั้งผิวพักตร์เผ้าผมก็คมสัน
ปรางทั้งสองผ่องเปล่งเหมือนเพ็งจันทร์ ประหลาดครันลูกใครนี่หลงมา
กำลังอ่อนนอนแอบอยู่แนบแม่ ยังอ่อนแออดอมน้ำนมหนา
เห็นนมชายดูดดื่มไม่ลืมตา นอนผวาให้พี่กกในอกใจ
แล้วงามงอนค้อนพี่ทีเหมือนโกรธ ทำอ้าโอษฐ์กัดอุราแล้วปราศรัย
ว่าเก้อกุ๋ยคุยก็ออกจ้อไป มาแคะไค้ค่อนคำทำนินทา
ใครวานไหว้ให้รังแกกับแก้เกี้ยว ทำลดเลี้ยวลวงมาได้ในคูหา
ขึ้นหลังคอนก่อนแล้วก็เป็นต่อมา เห็นเสียท่าทับตัวถัวเป็นที
พี่จึงตอบปลอบรำพันว่าขวัญจ๋า พี่มรณาน้องเจ้าจงเผาผี
อันศพซากจะขอฝากกับเทวี ภัคินีน้องอย่าแหนงระแวงเลย
ถึงดีชั่วพี่เป็นผัวของแม่แล้ว แม่ดวงแก้วแม่อย่าหมองแล้วน้องเอ๋ย
แม้นชีวีพี่ยังอยู่เป็นคู่เชย น้องเอ๋ยมิให้อายขายพักตรา
ด้วยตัวพี่นี้ไม่เล่นเป็นนักเลง ทำโผงเผงกินเหล้าเมาโมหา
การพนันขันต่อฉ้อเขามา อทินนาโจรกรรมไม่ทำกัน
มิให้ยับอับอายขายพักตรา พอเทียมหน้าเพื่อนพ้องดอกน้องฉัน
แม้นกลับหลังยังนิเวศถึงเขตคัน จะทำขวัญน้องหนาภาษาจน
จะร้อยพวงดวงแก้วกับทองกรอง ทำขวัญน้องซ้ายขวาสถาผล
ให้อยู่เย็นเป็นสุขไม่ทุกข์ทน ได้ครองคู่อยู่ไปจนสักแสนปี ฯ
๏ โอ้ครั้งนี้พี่มาอยู่ในคูหา สุดปัญญาเป็นไศลในไพรศรี
จะทำขวัญนั้นนุชก็สุดที พี่ก็มีแต่ธำมรงค์จะจงใจ
จึงถอดแหวนเพชรวาบที่ปลาบปลิว ออกจากนิ้วดัชนีดูศรีใส
สอดให้น้องลองสวมก็หลวมไป เอาเถิดใส่ตามหลวมสวมไปพลาง
แล้วจึงขันพันด้ายใส่สีผึ้ง ก็คงตึงคับไม่หลุดนุชอย่าหมาง
น้องสอดใส่ธำมรงค์วงสำอาง แหวนของนางใส่ข้างนอกเอาออกกัน
น้องชมชูดูแหวนแสนกระจ่าง แม่ยิ้มปรางปรีดาน่ารับขวัญ
พี่สูบปรางเน้นปรางไม่วางกัน น้องเบือนผันซ้ายพี่คะยีตาม
น้องเบือนขวาพี่ก็ย้ายไปฝ่ายขวา เข้าแนบหน้าแน่นในฤทัยหวาม
พี่ประคองน้องก็รัดสัมผัสงาม เพลาก็ตามเพลาระแวกแซกซ้ำกัน
ให้มืดมัวทั่วแดนพื้นแผ่นเขา พอน้องเพลาขยายออกผายผัน
เหมือนคชสารรานเริงในเชิงมัน ดุดันโดดดึงทะลึ่งโดน
ทะลวงลำทำทะลุมุทวี โถมถี่แทงทำคะมำโผน
เหมือนช้างเผือกเชือกคะนองที่ผองโพน ทะลึ่งโจนจมจ้ำซ้ำฝีงา
สำเร็จรักพรักพร้อมประนอมสนอง เกษมสองสมกระสันด้วยหรรษา
พี่จึงลดถดถอยคล้อยลงมา เพียงสุดาวรนุชดุษฎี
น้องก็ฟื้นตื่นขึ้นนั่งประทังทรง นวลอนงค์หยิบคว้าผ้าภูษี
มาชำระสะสางสำอางดี จึงเทวีนุ่งห่มพอสมตน
น้องประนมก้มราบกราบเชษฐา กับบาทาน้อมประนามลงสามหน
แล้วอ้อนวอนหย่อนยอบมอบตัวตน ..............ฯลฯ............

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ