เพลงยาวตำนานหวย ของนายกล่ำ
๏ นิทานนี้มีเมื่อพระศาสนา | |
พระปิ่นเกศเสฏโฐในโลกา | อดีตาล่วงแล้วได้สองพัน |
สองร้อยกับเจ็ดสิบแปดปี[๑] | เดือนยี่โดยยังสังขยัน |
เป็นศุกรปักเขในเหมันต์ | ในปีนั้นมะแมว่าแท้จริง |
ราษฎรเปรมปรีดิ์ไม่มีทุกข์ | แสนสนุกสบายทั้งชายหญิง |
ทั้งพระเณรเถรน้อยพลอยประวิง | ดีฉันจิ่งจดจี้มาชี้แจง |
พึ่งริรักเรียนรู้พระครูสอน | ไม่ชาญกลอนชื่อกล่ำทำแถลง |
ไว้อ่านเล่นเย็นใจพอได้แรง | ให้จะแจ้งเรื่องรู้แก่กุมาร |
จึงยกข้อต่อติดคิดขยาย | ไว้สืบสายจนลูกตลอดหลาน |
ให้รู้แท้แน่จิตพิสดาร | โดยนิทานสำคัญไว้มั่นคง |
ยังมีเฒ่าเมธาชราภาพ | แกโลภลาภไม่เล็กชื่อเจ๊กหง |
เจ้าสัวศรีไชยบานชาญณรงค์[๒] | ให้ไทยหลงกลเล่ห์จนเซโซ |
เมียสาวลาวบ่าวไพร่ใช้ออกคึ่ก | ดูพิฦกสิ้นทีมีอักโข |
เขาร้องเรียกว่าคุณเปียหัวเบี้ยโป | เหมือนสิงโตตั้งตัวไม่กลัวใคร |
จึ่งตรองตรึกปรึกษากันตามแซ่ | ที่มาแต่ตะเภาทั้งเก่าใหม่ |
เราตั้งหวยเห็นจะรวยแล้วกำไร | ให้พวกไทยแทงเล่นเห็นจะดี |
เจ้าพวกพลอยสอพลอว่าขอรับ | เอาให้ยับเยินยุ่งทั้งกรุงศรี |
คงจะเล่นเข็ญใจไพร่ผู้ดี | ไม่ถึงปีก็จะมาเป็นข้าคุณ |
เห็นสมหวังแล้วจึงสั่งเจ้าจีนแซ่ | ให้ตั้งแต่โรงเดียวขึ้นเฉียวฉุน |
ต่อคนงงหลงเล่นชุลมุน | จึ่งเข้าทุนกันรองเป็นสองโรง |
เอาไม้ไผ่ทั้งลำทำเป็นฝา | ก็แน่นหนาใหญ่โตดูโอ่โถง |
ทำสองชั้นไว้กันเมื่อเกิดโกง | ทำอีกโรงหนึ่งย่อมให้หม่อมเมีย |
ให้เจ็กคนหนึ่งคอยอยู่ประตูเฝ้า | เมื่อคนเข้าสำหรับให้หับเสีย |
แต่ล้วนพวกมีบุญเจ้าคุณเปีย | ออกงัวเงียงุ่มง่ามอยู่ครามครัน |
เสียงซ้อแซ้ภาษาเวลาเล่น | แม้นใครเห็นเต็มตาดูน่าขัน |
เหมือนกรงเหล็กใส่ลาวคราวเวียงจันท์ | ที่ว่างนั้นโรงงิ้วดูลิ่วลอย |
สามสิบหกต้นกกล้วนตัวการ | ใส่กระดานทั้งแผ่นขึ้นแขวนห้อย |
เอากำหนดจดจำไม่ซ้ำรอย | ออกตัวไหนให้คอยกำหนดไว้ |
ต่อเนิ่นนานประมาณถึงสามวัน | จึงกลับเอาตัวนั้นออกมาได้ |
แม้นเจ้ามือออกผิดติดกันไป | ให้ปรับไหมเป็นถูกทุกตัวคน |
ถึงผิดไปก็ใช้เป็นถูกหมด | ตามกำหนดให้งามถึงสามหน |
พิกัดแทงตัวละบาทประกาศคน | ทั้งโรงบนโรงล่างเป็นอย่างเดียว |
บ้างขายของสองแถวในท้องที่ | บ้างทำหมี่ทอดมันเป็นควันเขียว |
หอมระรื่นชื่นใจทั้งไข่เจียว | ทั้งก๋วยเตี๋ยวกุ้งต้มอุดมมี |
ตั้งร้านรายขายสรรพทั้งกับข้าว | บ้างตั้งเตาติดต้มขนมอี๋ |
เสียงฉ่าฉ่าน่าฉันเป็นมันดี | กระดูกผีถั่วเขียวทั้งเอี่ยวตุย |
ล้วนขนมนานาออกดาดื่น | บ้างตักยื่นให้กันเป็นควันฉุย |
น่าอร่อยมีรสแม้นซดจุ๊ย | ตะเกียบพุ้ยโพงกินจนสิ้นม้วย |
กินเจียวเตาเหลียวกับโตโหล | ขนมโก๋ตือบะดูสะสวย |
ขนมเข่งของดีเจ้าตีกวย | ใครถูกรวยแล้วก็ซื้อกันอื้ออึง |
ที่ตักใส่ในถ้วยนั้นก้วยถอ | มีต่างต่างวางล่อเงินสลึง |
ขนมเปียะซาลาเปาทั้งเต้าทึง | มันใส่ถึงนํ้าตาลก็หวานดี |
เจ้าตังเมข้าวพองเป็นของเด็ก | ที่พวกเจ๊กชอบพอกะหลอจี๋ |
ทั้งวุ้นเส้นหมี่ซัวล้วนตัวดี | เป็นสุดที่จะชมขนมเจ๊ก |
ได้ยินเขาเรียกอยู่ไม่รู้หมด | ยากที่จะจดจำเหมือนคำเด็ก |
ด้วยตัวฉันนั้นไม่เคยเป็นเขยเจ๊ก | ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ไม่ได้ลอง |
สารพัดจะมีขายรายถนน | สักแสนคนถึงจะกินไม่สิ้นของ |
มีหลากหลากมากหลายอยู่ก่ายกอง | ตั้งร้านสองฟากข้างหนทางโต |
ลาวละครมอญไทยอ้ายพม่า | มันเริงร่าแสนสนุกเป็นสุโข |
บ้างเล่นไพ่พัวพันบ้างปั่นโป | เอาปากโวร้องชุ่ดจนสุดแรง |
บ้างเล่นยักลักเปิดเจ้ามือปะ | ออกเอะอะถุ้มเถียงจนเสียงแข็ง |
พวกปี้ขาคอยรับทรัพย์เงินแดง | เข้าจัดแจงเอาเองไม่เกรงใคร |
เจ้าพวกจนนั่งจ่อต่ออาเผี่ยน | บ้างนั่งเงี่ยนขี้ยาน้ำตาไหล |
เห็นใครถูกพนมมือดื้อเข้าไป | เฝ้าแคะไค้วอนขอว่าพ่อคุณ |
พ่อเปิดปั่นก็คะยั้นขยดถี่ | ยื่นบุหรี่ให้พลันของฉันฉุน |
ขอให้ถูกเถิดเจ้าคะเดชะบุญ | ได้ทำทุนสักเฟื้องอย่าเคืองเลย |
พูดออกจ้อยอยศสบถแข็ง | อ้ายผู้แทงเจ้ากรรมมันทำเฉย |
เอาผ้าเปียกหรือจ๋านายภิปรายเปรย | ราวกะเคยกันมาสักห้าปี |
ดูผิวหนังเหลืองดังการะเกด | ผอมดังเปรตเพราะยาน่าบัดศรี |
ยังแต่ก้างร่างกายอายไม่มี | เที่ยวแตะขี้ยาถุนสกุลพล |
ดูโรงห้องแคบแคบก็แยบคาย | เที่ยวตั้งรายสองแถวแนวถนน |
มีเสมียนเขียนหมดคอยจดคน | ที่สุดจนแทงทุ่นหุนขึ้นไป |
แล้วมีข้อลิขิตปิดประกาศ | ตั้งแต่บาทลงมาไม่ว่าไหน |
แม้นออกถูกตามตัวตัวเอาไป | ก็ใช้ให้สามสิบพอดิบดี |
ใครจะเล่นตัวไรก็ไปเขียน | ให้เสมียนเขาดูไม่สูสี |
ไม่ว่าจนเข็ญใจไพร่ผู้ดี | สุดแต่มีเงินให้ก็ได้แทง |
ในเรื่องความมีสามสิบหกชื่อ | ก็รู้อื้ออึงสิ้นไม่กินแหนง |
กำเนิดนั้นไม่ได้ฟังฉันยังแคลง | ต้องจัดแจงยกไว้ใคร่ครวญดู |
เหลือจะเล่าให้เข้าใจในกำเนิด | ด้วยว่าเกิดกลับชาติจากนกหนู |
ไก่เสม็ดเป็ดปอยทั้งหอยปู | ที่ไม่รู้ก็ยังงมอยู่ถมไป |
ด้วยเขาว่าจึงได้ทำคำประดิษฐ์ | ให้แจ้งจิตโดยจงไม่สงสัย |
มันยุกยิกยอกย้อนเป็นกลอนนัย | ต้องว่าไปตามรู้ที่ดูมา |
เจ้ามังกรไท่เผงเก่งฉกาจ | เจ๊กขยาดย่อนมือลือนักหนา |
เป็นเจ้าเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา | พระอาชญายิ่งยวดหนวดก็ยาว |
เธอใส่หมวกมิดชิดปิดหางหนู | เสวยหมูทุกวันจนฟันขาว |
พระเนตรนั้นดูแดงดังแสงดาว | สมเป็นเจ้าจิ้นเจียวทีเดียวดี |
เจ้าหัวฉอกสามแฉกเป็นเช่นฉาก | หนวดที่ปากแดงจ้าหน้าออกฝี |
คือสามหวยสวยนักเป็นจักรี | นางชะนีมาเกิดกำเนิดมัน |
เจ้างูดินสิ้นใจไปบังเกิด | แสนประเสริฐทรัพย์มากปากก็หวาน |
ชื่อปานกิมเศรษฐีมีสันดาน | ตรึกแต่การค้าขายไม่วายตรอง |
ทั้งสีสรรพ์ผิวพรรณก็ผาดผุด | ประเสริฐสุดเศรษฐีไม่มีสอง |
มันสูบฝิ่นสิ้นวันละบาททอง | ลูกสุดท้องสามหวยเขารวยพอ |
ที่ขาวขำสำอางขุนนางเล็ก | ชื่อเจ้าเจ๊กหวยกัวเป็นหัวข้อ |
กำเนิดนั้นไก่ฟ้าพญาลอ | ดูลออหน้าอูมหนุ่มกำลัง |
ที่ใส่หมวกสองมือถือไอ้มุ่ย | ชื่อพั้นกุยเพื่อนเกิดกำเนิดสังข์ |
ไม่เรียบราบหยาบช้าดูน่าชัง | มีลูกทั้งสองชายชื่อนายเซง |
อ้ายคนนี้เดิมทีกำเนิดห่าน | มันดื้อด้านเมื่อเล็กชื่อเจ๊กเหลง |
ครั้นเติบใหญ่ไวว่องชื่อย่องเซ้ง | ท่านไท่เผงรักใคร่ก็ได้ดี |
เจ้ากุ้งเค็มเต็มระชื่อฮะฮ้าย | เป็นลูกชายสามหวยดูสวยศรี |
มันเกิดก่อนเก๋ากัวเป็นหัวปี | ก็ได้ดีเป็นขุนนางเหมือนอย่างเดียว |
อุสุภามาเกิดเป็นฮ่องชุน | ทั้งมีบุญปัญญามากสีปากเขียว |
ที่ขอบคางเป็นเคราไม่เบาเจียว | มันแซ่เดียวพี่น้องกับย่องเซ้ง |
ดูขันนักขุนนางแต่ปางก่อน | อ้ายพานรเก๋ากัวก็ตัวเส็ง |
เป็นแซ่ลิ้มไหหลำพวกสำเพ็ง | แต่เบาเต็งอยู่หนิดจริตมัน |
ดูประหลาดสิ้นทีฟ้าผี่เถิด | อ้ายควายเกิดเฉียวฉุนเป็นหุนหัน |
พวกเจ๊กแคะเข็ดมือออกลือมัน | ทหารท่านไท่เผงเก่งสุดใจ |
อ้ายเสือโคร่งคร่ำคร่าน่าสงสาร | เป็นทหารคุนซัวดูหัวใส |
แทงตะบึงถึงตะบองก็ว่องไว | เคยมีชัยทุกนัดมันจัดจริง |
อ้ายหมูป่าเกิดมาเป็นเจียสุน | น้ำอบกรุ่นแอบกรอคอผู้หญิง |
กิริยาแยบคายละม้ายลิง | ทำสุงสิงเกี้ยวสาวพวกชาววัง |
อีกคนหนึ่งนํ้าใจมิใช่ชั่ว | อ้ายจีกั๋วสิงโตมันโอหัง |
ชาวบ้านนอกขอกนากี่ตาชัง | เขาเกลียดทั้งแถบเมืองกระเดื่องฦๅ |
ลูกสมุนของมันสักพันเศษ | จันต์ประเทศกลัวหมดระทดชื่อ |
ขวานปู้ลู้สองเล่มออกเต็มครือ | สำหรับมือสองข้างไม่ห่างไกล |
เป็นคอเหล้าขี้เมามุทะลุ | มันกินจุไม่บันยะวันละไห |
เที่ยวรุกร้นปล้นบ้านชำนาญใจ | อยู่แต่ไพรแสนสบายเป็นนายโจร |
เจ้าม้ามอสีมัวนั้นตัวเส็ง | เป็นกว่างเม่งหมอดูพระครูโหร |
อยู่ถิ่นฐานบ้านวัดสัปะโคน | ข้างทายโดนถูกดีเปรื่องปรีชา |
ตะแกเป็นข้าเก่าเฝ้าได้ชิด | ถึงจะคิดปราบศึกต้องปรึกษา |
ประทานที่อิศโรพระโหรา | เจ้าพญาเจียมค่วยเขารวยครัน |
เป็นปลามาเกิดเป็นมนุษย์ | ทั้งคิ้วคางบริสุทธิ์ดูคมสัน |
ต้องเข้าเฝ้าเช้าเย็นไม่เว้นวัน | พระทรงธรรม์ไท่เผงเป็นพ่อตา |
แม่หอยแครงครึคระคฤหะตั้ง | ดูเนื้อหนังน้ำนวลอ้วนนักหนา |
ปากก็เปราะเราะรายขายสุรา | อยากขึ้นมาแล้วก็รินออกกินเอง |
แม่แมงเม่าคนพินทุ์นั้นกินเง็ก | เป็นน้องเล็กร่วมไส้กับไท่เผง |
แต่อารมณ์หล่อนรักข้างนักเลง | เจ้าย่องเซ้งเป็นบุตรก็สุดงาม |
แม่เซียงเจี้ยวเดิมทีนกอีแอ่น | ดูอ้อนแอ้นเอวรัดจัดสนาม |
ขึ้นขี่ม้าถือทวนกระบวนงาม | เจ้าเจ๊กตามตอมเกี้ยวออกเกรียวกรู |
นางผีเสื้อนั้นหรือเขาฦๅเล่า | มันเที่ยวเข้าคนเก่งอีเม่งจู๋ |
เมื่อคราวนั้นฉันคอยพลอยไปดู | ที่ประตูช่องกุฏิ์นั้นสุดใจ |
ท่านแซหุนนกกระทาสง่าเสียง | เจ้าเทียนเหลียงตำราว่าปลาไหล |
ท่านเทียนสินเป็นปูนั้นอยู่ไพร | ไม่พอใจเข้าบ้านรำคาญเคือง |
ขรัวแจลี่หลวงพี่ตะพาบน้ำ | ชักประคำกัญชาจนตาเหลือง |
ต่อเมื่อไรอยากเหล้าจึ่งเข้าเมือง | กินเสียเฟื้องแล้วก็กลับมาฉับพลัน |
เจ้ากระต่ายฝักฝ่ายท่านง่วยโป๊ | นัยน์ตาโตพูดมากไม่อยากฉัน |
อดอาเผี่ยนเงี่ยนฝิ่นกินขี้ฟัน | ถือพระขรรค์ธนูไว้มิได้วาง |
พระอาทิตย์ยิดซัวนั้นตัวกลั่น | กำเนิดนั้นเป็นไก่อยู่ไพรกว้าง |
คอยตีชิงวิ่งราวชาวหนทาง | จนแถบล่างออกชื่อผีมือดี |
แต่ก่อนไรในปางว่านางเป็ด | เมื่อจิตเด็จขาดไปเป็นใจผี |
มาเกิดเป็นอันสือชื่อแม่ชี | เทียวราวีตามตลาดบิณฑ์บาตเกลือ |
เจ้าฮกซุนสกุลสุนักขา | เที่ยวเซ่อซ่าเซอะซะไปปะเสือ |
ไม่ทันหลบขบเล่นกันเป็นเบือ | มันกับเสือสู้กันไม่ครั่นคร้าม |
เจ้าเหยี่ยวเป็นอิวหลีนั้นดีเหลือ | มันขุดเหยื่อยกยกตกฉลาม |
ชนะสัตว์ฝีมือออกลือนาม | สู้นั่งยามหาวงับไม่หลับนอน |
สุดสำเหนียกเรียกเจ้าเข้ามาชื่อ | เจ้ากังสือลางครูว่างูหงอน |
บ้างก็ว่าคือสังข์เป็นมังกร | เมื่อชาติก่อนนั้นเห็นจะเป็นงู |
เจ้าแมวลายตายเกิดเป็นจี่ติด | มันประสิทธิ์ข้างวิชาค้าขายหมู |
เที่ยวถึงบ่อนถอนแบกร่ำแลกพลู | แต่เช้าตรู่ตั้งตาแต่ขาไป |
เจ้าปิติดนั้นเกิดกำเนิดหนู | ไม่ทำรูถ่อเรือจนเหื่อไหล |
มันคอยรับคนร่ำยังค่ำไป | เอาเบี้ยได้เสร็จสรรพแล้วกลับคืน |
เจ้ามวงหลิมแซ่อึ้งเป็นผึ้งปลวก | มันใส่หมวกเหมาะเหมงกางเกงผืน |
เป็นคนจนด้นลัดเที่ยวตัดฟืน | ค่ำแล้วคืนกลับมาเคหาโต |
เจ้าเนื้อทรายครั้นวายชีวิตดับ | ระยำยับตามเคราะห์เพราะโมโห |
มาเกิดเป็นง่วนกิดติดจะโซ | หน้าแข้งโปเปื่อยเหม็นเห็นพิกล |
เจ้ากิดปินนั้นเกิดกำเนิดแกะ | สองตาแฉะถือชามตามถนน |
เที่ยววอนง้อขอร้องใส่ท้องตน | ด้วยความจนจำสู้ดูโรเร |
เจ้าง่วนกุยกำเนิดเกิดประหลาด | เป็นเชื้อชาติน้ำเค็มรูปเต็มเป๋ |
เป็นกุ้งฝอยลอยล่องท้องทะเล | ก็โซเซซุ่มซ่ามไปตามกัน |
เจ้าแซง้วนโฉมงามทรามสวาดิ | กางเกงขาดโคนขาดูน่าขัน |
หล่อนเทียวกัดขอข้าววัดกินทุกวัน | กำเนิดนั้นเป็นแร่งแมลงมุม |
ทั้งเช้าเพลกินเดนที่เด็กให้ | พอชื่นใจแล้วก็จรมานอนซุ่ม |
วัดเชิงเลนนั้นแหละนักขี้มักชุม | เอามือกุมคอยกันแมงวันกวน |
ในเมืองนี้ก็มีอยู่อักโข | พวกเจ๊กโซเป็นแซ่ของแซหงวน |
ได้ยินเหม่งลุกเขย่งจนเซซวน | ตมูกด้วนมือด่างสีข้างปม |
บ้างเปื่อยเน่าเป็นหนอนเที่ยวนอนคราง | ที่ริมทางมักมีอยู่มี่ถม |
เหมือนผีตายเหม็นร้ายกว่าอาจม | กระสอบห่มตามขัดอนัตตา |
อันเกิดมาเป็นมนุษย์บุถุชน | ถ้าใครจนแล้วก็จนเสียหนักหนา |
เที่ยวซอกซอนนอนดินกินศาลา | อนิจจาอนิจจังยังแต่กาย |
นี่เนื้อกรรมทำไว้ตามให้ผล | ที่เลือกคนมั่งมีมีใจหาย |
ยิ่งคลั่งเคลิ้มเหิมจิตไม่คิดตาย | ประมาทกายว่ากูไม่รู้จน |
พอสิ้นบุญที่ได้ทำไว้จำเพาะ | ถึงคราวเคราะห์กรรมให้เกิดเหตุผล |
เหมือนตัวเราเคราะห์กรรมทำให้จน | ต้องอายคนเพื่อนกันไม่บรรเทา |
ถึงวันดีพิธีข้างไสยศาสตร์ | จุดกระดาษเงินทองออกกองเผา |
ทั้งเครื่องเซ่นมังสาสุราเมา | ไหว้ปุนเถ้านับถือที่ฦๅชา |
แล้วแต่งเสร็จเป็ดไก่ทั้งบายศรี | เที่ยวเซ่นผีศักดิ์สิทธิ์ทุกทิศา |
ขึ้นทูนจุดสมมุติว่าเจ้ามา | ทำบูชาหมายจะให้กำไรรวย |
กิติศัพท์เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี | ถึงวันดีแล้วก็บอกจะออกหวย |
ฝูงประชาพากันยากเพราะอยากรวย | ช่วยส่งส่วยเจ้าสัวกลัวจะจน |
พวกชาวบกเรือแพแลออกหลาม | เที่ยวเดินตามกันออกยืดมืดถนน |
ไม่คิดว่าจะฉิบหายต้องขายตน | ต่างคนต่างเล่นเป็นอัตรา |
พวกนักเลงครื้นเครงเสียงออกขาน | ฝ่ายขุนบานสัวหงยิ่งหรรษา |
เห็นคนเฮเรรวนจวนเวลา | ก็หิ้วตัวหวยมาโรงตาราง |
เปิดออกมาฮาลั่นสนั่นไหว | ถูกของใครที่เล่นก็เต้นหยาง |
ที่ลางคนเดินบ่นมาตามทาง | ออกขุนนางเราเล่นไม่เป็นการ |
ลางนักเลงเป็นผู้ดีผีเข้าสิง | อุจาดจริงอนิจจาน่าสงสาร |
ใช้บ่าวไปขอใบ้ที่ขุนบาน | ก็ลอดม่านออกมาเสียงฮาอึง |
ฝูงคนพรูดูล้อมไม่เห็นหัว | ท่านเจ้าสัวปราโมทย์ไม่โกรธขึ้ง |
เงินทำขวัญให้มันสี่ตำลึง | ฦๅจนถึงบ้านนอกออกขจร |
บ้างเชิญลงผีท้าวเจ้านัครา | บ้างเชิญอารักขังให้สังหรณ์ |
เอาเตว็ดเข้าไว้ในที่นอน | บนละครเจ้ากรับลับก็มี |
ใครเสียมากแสนวิตกเพียงอกหัก | เล่นกันหนักนุงนังทั้งกรุงศรี |
บ้างพ้นทาสเป็นไทไปก็มี | บ้างเป็นหนี้เพราะเล่นเห็นแก่ตา |
หมอคนหนึ่งแยบคายชื่อนายแสง | เขารู้แจ้งฦๅแซ่แน่หนักหนา |
อยู่แถบวัดจักรวรรดิราชา | เป็นครูบาบอกใบ้ให้ทุกคน |
บ้างเอาไปถูกเปาะเคราะห์ตัวดี | ปะลางทีมันกินสิ้นถนน |
ที่เสียมากออกปากว่าเต็มทน | ยังมีคนหนึ่งชื่อก็ฦๅชา |
ถึงหวยล่างหวยบนไม่ย่นย่อ | คุยออกจ้ออวดเอกทั้งเลขผา |
อยู่วัดโคกเคียงถัดวัดออกมา | ชื่อวุทาพุงขาวเป็นลาวเวียง |
ว่าทายเปาะถูกปับเหมือนจับปัก | คนรู้จักอึงอื้อออกชื่อเสียง |
มันตั้งตัวเป็นครูอ้ายหูเพรียง | ชั้นลาวเวียงผีปอบก็ชอบยอ |
บ้างเสียหวยหิวนักจนพักตร์เผือด | บ้างนึกเดือดบ่นด่าเจ้าพวกหมอ |
มันบอกใบ้ให้แม่เสียลงพอ | ชาติอ้ายลาวสังกอมันเหลือโกง |
ต้องถูกด่าแม่พ่อเจ้าหมอใบ้ | มันบอกให้ฉิบหายอ้ายตายโหง |
วันนี้กินแม่สิ้นทั้งสองโรง | ออกล่อนโตงเลี่ยนตูดพูดเสียงเบา |
บ้างด่าปร๋อหมอเปรตเศษนรก | มันโกหกย่องเซ้งเป็นเตงเถา |
มันออกอ้ายกิดปินมันกินเอา | หมดกระเป๋าไปบ้านรำคาญจริง |
ก็ลาใจที่ใจมั่นเชื่อเขา | มันกินเอาฉิบหายทั้งชายหญิง |
บ้างสืบเสาะหาพระเที่ยวพะพิง | เข้าแอบอิงฝากกายถวายตัว |
บ้างทะเลาะบ้างเถียงเสียงระเบ็ง | ที่ปากเก่งลำกล้าก็ด่าผัว |
เจ้าหนี้พบยื้อกันออกพันพัว | ดูนุงนัวหมักหนาน่ารำคาญ |
ที่ลางคนมันกินจนสิ้นมวย | ไปแทงหวยเสียหมดอดข้าวสาร |
ซํ้าจองหองผัวถองแทบดักดาน | ที่จัดจ้านนั่งจ้อเที่ยวขอเจ็ก |
ที่ลางคนเงินต้นเข้าชนดอก | บ้างเล่นนอกละเมิดจนเกิดเด็ก |
บ้างเทียวทำสังกะตังแต่ยังเล็ก | เข้าโรงเจ๊กเปียกแวงได้แรงใจ |
บ้างจนยากมากหลายขายจำนำ | ทั้งผ้าดำผืนดวงอีกม่วงไหม |
ลิดจนเลี่ยนเชี่ยนขันชั้นตะไกร | เอาแต่ได้มาเล่นพอเป็นทุน |
บ้างเอาเงินเดินมาจะซื้อฝิ่น | มันก็กินเสียหมดจนอดถุน |
เป็นเคราะห์ร้ายหมายเหมาะจะต่อทุน | อ้ายเจียสุนกลับกินแทบสิ้นใจ |
บ้างหมดม้วยเสียหวยเข้าเต็มที่ | พาโลตีภรรยาไม่ปราศรัย |
บ้างเรือกสวนจำนำกันร่ำไป | บ้างก็ไล่ทาสาเอาค่าตัว |
บ้างจนจิตแล้วก็คิดอพยพ | บ้างลี้หลบหนีเร้นไม่เห็นหัว |
บ้างเสียนักยักย้ายลงขายตัว | บ้างคิดชั่วขี้ฉ้อล่อเอาไตร |
บ้างสิ้นฤทธิ์แล้วก็คิดเที่ยวเบียดเบียน | พระฐานาบาเรียญไม่ว่าไหน |
จะบวชตัวก็แต่จนนี้เหลือใจ | ยังขัดในนักหนาผ้าไม่มี |
พระสงฆ์เห็นพูดจาทำหน้าขึง | ไม่รู้ถึงเล่ห์กลอ้ายคนผี |
จึงว่าไปผ้าไตรของเรามี | เนื้อก็ดีอยู่ดอกบอกให้พลัน |
ประสกได้สมหวังดังประสงค์ | ก็ลาลงจากกุฎีขมีขมัน |
ด้วยเคยเชื่อชอบจิตสนิทกัน | สงฆ์สำคัญว่าจริงไม่กริ่งใจ |
ฝ่ายประสกรับผ้ามาถึงบ้าน | ก็เบิกบานยินดีจะมีไหน |
อ้ายฉิบหายมันก็ขายเสียทั้งไตร | แต่พอได้หมายแน่จะแก้ตัว |
บ้างเต้นเหยงนักเลงที่แทงหวย | กำเริบรวยปากโป้งดูโคลงหัว |
พูดกันเพ้อว่าเกลอเธออย่ากลัว | ใครเล่นถั่วเล่นโปโง่สันดาน |
บ้างได้เงินเสร็จสรรพกลับไปเรือน | บ้างชวนเพื่อนเที่ยวแวะเข้ากินหวาน |
ที่ลางคนคอเหล้าก็เมาซาน | เดินไปร้านแม่มาเจ้ายาดี |
จะอยู่ไกลถึงไหนก็ไปซื้อ | รู้จักชื่อหล่อนสิ้นทั้งกรุงศรี |
ถัดกันไปอีกร้านผ่านพอดี | เจ้าบุหรี่ชื่อว่าปลาตะเพียน |
ทั้งรูปร่างหล่อนก็ดีไม่ขี้ริ้ว | ดูวงคิ้วสองข้างเหมือนอย่างเขียน |
นักเลงรักหล่อนมากไปพากเพียร | ตั้งแต่เวียนซื้อยาสักห้าปี |
บ้างได้เงินเต็มกำก็ทำฮึก | แวะเข้าตึกตั้วโผโตอาหนี |
พวกอาเผี่ยนพากันไปโรงรี | เข้าสู่ที่ห้องลับกับเพื่อนกัน |
ตั้งตะเกียงหว่างกลางสองข้างสูบ | แล้วกอดจูบพลอดชวนกันสรวลสันต์ |
ได้เวลาแล้วก็พากันจรจรัล | เที่ยวด้นดั้นเสาะหาทั้งตาปี |
สงสารนักอนิจจาพากันจน | ที่ลางคนใหลหลงก็ลงผี |
บ้างสืบเสาะเบาะแสไหนแน่ดี | บ้างก็เข้าแม่ศรีไม่ขาดคืน |
จัดเอาสาวจารีคนขี้ขลาด | ศีรษะคาดปิดตาผ้าทั้งผืน |
ทั้งสาวหนุ่มกลุ้มกันเท้ายันยืน | ตบมือครื้นร้องเชิญจนเสียงเครือ |
แม่ศรีเอยแม่ศรีเจ้าสัวหง | เชิญมาลงเป่าให้ดีปี่นายเสือ |
ขอเชิญกลองเชิญระฆังวัดบางยี่เรือ | ออกพร่ำเพรื่อพรูพร้อมเข้าล้อมกัน |
แม่โนรีร้องแม่ศรีสาสะ | จะไหว้พระแต่ละทีห่มสีสัน |
จินเจาแสดนอกแสแพรต่างพรรณ | ก็ไหว้พลันเปิดนมกลมเหมือนกลึง |
ยักทำนองร้องเชิญจนเสียงหลง | นางคนทรงเมื่อยขาทำหน้าขึง |
แล้วทำพลัดจากครกตกดังตึง | ก็หยุดอึงเสียพลันในทันใด |
ที่คนทรงเต็มที่ว่าผีเข้า | ไม่รู้เท่าถามว่ามาแต่ไหน |
อยู่ป่าดงทรงพระนามนั้นชื่อไร | เออทำไมก้มพักตร์ไม่รักเงย |
ฤๅจะกินสิ่งไรจะได้เซ่น | จะมาเต้นมารำแล้วทำเฉย |
เป็นลูกหลานบ้านเมืองอย่าเคืองเลย | เขาไม่เคยเห็นพ่อขอสมา |
อีคนทรงยักคอว่าออสู | เอ็งไม่รู้จักชื่อกูฤๅหวา |
เขาฦๅทั่วกลัวกูผู้อิศรา | ร้องเรียกว่าปู่เจ้าบนเขางู |
นางพวกถามแจ้งความกระจ่างสิ้น | ว่าหวยกินลูกหลานจนอ่อนหู |
มืเฟื้องไพไม่ติดลิดตีนปู | ได้เอ็นดูเถิดเพคะเจ้าประคุณ |
อีคนทรงแยบคายอุบายบอก | พรุกนี้ออกแม่นมั่นอ้ายหันหุน |
ที่คนกรอบเต็มทีไม่มีทุน | ก็หมกมุ่นเที่ยวหาผ้าจำนำ |
นั่งปรึกษากันตามประสาหลง | พรุกนี้คงออกแท้แล้วแม่ขำ |
บ้างว่าฉันมีเพลาะแต่เพลาะดำ | จะจำนำเสียแล้วแม่พอแก้ตัว |
มันตั้งริบฉิบหายขายจำนำ | บ้างระยำเข้าหนักก็ลักผัว |
บ้างก็หลงเป็นบ้าขึ้นค่าตัว | จนลูกผัวเขาด่าระอามือ |
ข้างฝ่ายท่านเศรษฐีศรีวิโรจน์ | เป็นคนโปรดปราดเปรื่องกระเดื่องชื่อ |
จึ่งคิดว่าเจ้าสัวเขาตัวฦๅ | เราก็มือเหมือนกันไม่พรั่นพรึง |
วันนั้นนั่งบนเตียงเสียงออกโผง | ให้ตั้งโรงริมวังขึ้นขังขึง |
แล้วสั่งให้พวกบ่าวป่าวกันอึง | ว่าโรงหนึ่งท่านตั้งริมวังบน |
วันจะออกบอกหมดกำหนดแน่ | ฦๅกันแซ่รู้แจ้งทุกแห่งหน |
ก็มากหน้ามาเนืองจนเมืองนนท์ | บางนํ้าชนบางแวกแตกกันมา |
ชาวแพพวกบางหลวงตลอดคลอง | วัดจอมทองกระทั้งจนบางหว้า |
พวงบางพึ่งแจงร้อนคอนขึ้นมา | ไม่คิดว่าเหนื่อยยากลำบากกาย |
อันการเล่นเจนใจจึงไม่จด | ด้วยรู้หมดทั่วกันสิ้นทั้งหลาย |
ตั้งแต่ต้นตัว ก จน ฮ ปลาย | ก็คล้ายคล้ายหวยล่างเอาอย่างกัน |
ให้เล่นได้สองฝ่ายทั้งชายหญิง | มีทุกสิ่งสารพัดจะจัดสรร |
ทั้งหวยจีนหวยไทยอาศัยกัน | พอตาวันเยื้องเย็นก็เล่นไป |
ประชาชนหนาแน่นแสนสนุก | ก็มาทุกภาษาไม่ว่าไหน |
พอเยื้องเย็นแล้วก็เล่นกันร่ำไป | ประมาณได้สามเดือนโดยนิยม |
ครั้นอยู่มานายตราที่เป็นใหม่ | อยากจะใคร่รวยบ้างตั้งประสม |
ราวกับงานการพระเมรุเกณฑ์ระดม | ให้นิยมยวนยั่วทุกตัวคน |
โรงเก่านั้นครั้นเกิดปัติเหตุ | ให้อาเพศออก ย ว่าฉ้อฉล |
ก็คิดทุนเดิมให้ได้ทุกคน | แล้วผ่อนปรนแก้ไขในทำนอง |
เมื่อแรกตั้งแทงทั้งสามสิบหก | ครั้นยุกยิกท่านยกออกเสียสอง |
ตามจะนึกออกได้ดังใจปอง | ซํ้าสักสองสี่ห้าไม่ว่ากัน |
ทั้งโรงใหม่โรงเก่าเหมือนเล้าหมู | ไปยืนดูแทงผิดแล้วคิดขัน |
ทั้งสองโรงตั้งเรียงเคียงประชัน | ถึงเมื่อวันจะออกก็บอกความ |
ดูเบียดเสียดเยืยดยัดอัดถนน | ประชาชนนี้กระไรช่างไหลหลาม |
ทั้งสาวแซ่แก่หนุ่มออกรุมราม | ราวสักสามสี่พันดีฉันดู |
ทั้งรูปชั่วรูปดีมีสีสัน | เสียงโจษกันจอแจออกแซ่หู |
นางสาวลาวชาววังออกพรั่งพรู | พวกเจ้าชู้ฉุยฉายเที่ยวกรายกรอ |
บ้างก็ถูกบ้างก็กินจนสิ้นม้วย | ที่เสียหวยบ่นบ้าทำหน้าจ้อ |
แทงตะบันมานั้นตั้งแต่ ก | จนตัว ฮ ปลายสุดไม่หยุดเว้น |
โรงใหม่นั้นถึงวันจะเอาออก | ก็ใบ้บอกครื้นเครงนักเลงเล่น |
ว่าหวยเราออกใหม่ใบ้ไม่เป็น | ใครได้เห็นแจ้งจริงอย่านิ่งนอน |
ไม่ออกถูกอย่างว่าให้ด่าแม่ | ลือกันแซ่ทั้งตลาดขยาดขย้อน |
เมฆเศียรเกศีมีแต่กร | ชาวนครเรียกชัดไม่ขาดคำ |
ทั่วชาวบึงชาวบางกระจ่างจิต | พากันคิดไปตามเนื้อความขำ |
ที่เต็มเงอะตัวโง่เข้าครอบงำ | ก็ว่าลํ้าฦกนักรักหลายตัว |
ใครคิดปลงหลงเชื่อเนื้อกินเปล่า | เลือกที่เจ้าเมียหันมาหาผัว |
พ่อเจ้าหนูคิดดูลองสักตัว | ชวนกันมัวเมามายไม่วายวัน |
ทั้งผู้ดีขี้ข้าพากันคิด | เข้าจับจิตไปทั่วจนตัวสั่น |
กับนายเกษเวทนาปรึกษากัน | ว่าใบ้นั้นเธอเห็นเป็นอย่างไร |
เกษน้องว่าฉันตรองมานักหนา | ไม่รู้ว่าจะปลงเอาตรงไหน |
สักแสนคนถึงว่าปัญญาไว | จะคาดใจบุคคลเห็นจนจริง |
อย่าคิดเลยเนื้อกายแก่เสียเปล่า | เช่นตัวเรามุ่งพักตร์รักผู้หญิง |
แทบเลือดตาจะกระเด็นไม่เห็นจริง | ยังข้อนติงให้สบถไม่ลดละ |
เธอว่านี้จริงอยู่อันคู่คบ | ใช่จะพบแต่เจ้าเราก็ปะ |
ที่ลางคนจะได้ชมต้องอมพระ | เรื่องธุระจึงสำเร็จได้เสร็จกัน |
ต่างคนต่างคิดถึงความเก่า | ต่างเย้าต่างยวนให้สรวลสันต์ |
แล้วจัดแจงแต่งตัวหวีหัวพลัน | พอตาวันอ่อนอ่อนไม่ร้อนรน |
ชักเอาสีทับทิมที่ริมฉาก | แล้วลงจากหอนอกออกถนน |
พูดกันเพลินเดินตัดไปบัดดล | ก็เห็นคนกลาดกลุ้มรุมกันแทง |
พวกเสมียนนั่งเขียนเป็นจังหวะ | พูดจ๋าจ๊ะแนมแนบทั้งแอบแฝง |
ทั้งขวาซ้ายรายเรียงเคียงกำแพง | นักเลงแทงพร้อมนั่งอยู่พรั่งพรู |
เมื่อวันไปด้วยกันฉันสังเวช | แต่นายเกษสอดตาเที่ยวหาคู่ |
เฝ้าชวนฉันเชือนแชลอดแลดู | ด้วยว่าคู่หล่อนเคยมาเวลาเย็น |
แสนอนาถนึกคะนึงถึงสมร | แม่เคยจรเป็นไฉนจึ่งไม่เห็น |
หรือจะมีที่ขัดวิบัติเป็น | จึงไม่เห็นหล่อนมาเวลาเคย |
หรือน้องนอนอยู่ในวังยังไม่ตื่น | หรือเป็นอื่นแล้วกระมังนิจจังเอ๋ย |
แม้นมิได้นิ่มน้องประคองเชย | จะละเลยลาตายถ้าหน่ายจริง |
นายเกษเพื่อนตักเตือนสติว่า | วิสัยข้าแล้วไม่ของ้อผู้หญิง |
อะไรเธอนี้มางงหลงประวิง | ระอาจริงเจียวเจ้าเขาจะภๅ |
นั่งทุกข์ทนบ่นบ้าดูน่าซัง | ผู้หญิงทั้งแผ่นดินสิ้นแล้วหรือ |
อย่าหลงนักจักได้อายเขาปลายมือ | ความจะอื้ออึงฉาวเมื่อคราวจวน |
อย่าร้อนใจทำไมกับปลูกหอ | ผิดก็ขอลูกสาวเขาชาวสวน |
มาหลงรูปอีระบำทำกระบวน | ไม่คู่ควรเคียงพักตร์อย่ารักมัน |
พูดกันเพลินเดินมาตามถนน | ทั้งสองคนชื่นชวนกันสรวลสันต์ |
เห็นคนแทงทุกเสมียนเขียนเป็นควัน | แล้วชวนกันลดเลี้ยวไปเที่ยวดู |
แสนสงสาร ก ข เอาห่อพก | สกปรกสาหัสบ้างทัดหู |
ฉันได้เห็นเต็มเนตรสังเกตดู | ช่างลบหลู่นักหนาประชาชน |
เสียดายแต่เฟื้องสองไพใจผู้หญิง | ก็ฉีกทิ้งกระดาษกลาดถนน |
ชนิดเราถึงจะแกนให้แสนจน | ครูของตนถึงจะตกยกขึ้นดี |
กว่าจะเรียนเพียรได้นี้โดยยาก | ใครรู้มากแล้วขี้มักได้ศักดิ์ศรี |
เป็นครูบาอาจารย์บ้านเมืองดี | ด้วยเป็นที่คำนับสำหรับชาย |
ก็เพราะหมิ่นประมาทศาสนา | จึงได้พาเหล่ารอยพลอยฉิบหาย |
เอาขัดสนจนยากเสียมากมาย | ทั้งแม่ค้ามาขายก็พลอยเตียน |
แต่ชั้นนอนก็ไม่หลับเข้าจับจิต | มันเอาติดเต็มประดาเหมือนอาเผี่ยน |
ไม่ลดละพระพรอยก็พลอยเตียน | เอากร่อนเกรียนเกรียมกรอบบอบระบม |
มันกินเลี่ยนเตียนล่อนจ้อนทุกคน | ตลอดจนบึงบางนางสนม |
ไม่มีทุนมุ่นหมกหัวอกตรม | ผ้านุ่งห่มแพรพรรณก็บรรลัย |
สงสารสาวชาวในใจปึกปึก | ลงนั่งตรึกนอนตรองไม่ผ่องใส |
เพราะรักรวยหวยกินแทบสิ้นใจ | จนหลงใหลลืมชู้ที่คู่เชย |
ให้ร้อนใจดั่งว่าไฟเข้าสุมอก | หวีกระจกเริดร้างไม่สางเสย |
ชั้นสวดมนตร์ไหว้พระก็ละเลย | เอากรเกยพักตราแล้วจาบัลย์ |
ให้หวยห้อยกินเตียนจนเลี่ยนตูด | ทำหน้าบูดบ่นเพ้อมะเมอฝัน |
บ้างตื่นตาแต่เช้าก็เล่ากัน | ว่าฉันฝันคืนนี้เห็นดีจริง |
ไม่มีสุขทุกข์ตรอมจนผอมซูบ | แต่ล้วนรูปสวยสวยผีหวยสิง |
เที่ยวขอใบ้ใหลเล่อเพ้อประวิง | บ้างทอดทิ้งโถแป้งให้แห้งรา |
เมื่อยามตรมแต่ชั้นผมก็ลืมหวี | บ้างลืมสียาฟันทั้งกันหน้า |
ลืมกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทา | ลืมเวลาเข้าวังเป็นกังวล |
บ้างจำนำแหวนงูบ้างกู้หนี้ | ที่รูปดีแยบคายก็ขวายขวน |
ถึงสินจนสู้เกลือกเที่ยวเสือกซน | พอแก้จนทำทุนเพราะบุญตัว |
พวกทุกวันฉันเห็นมาเล่นหวย | บ้างก็รวยเต็มที่จนมีผัว |
ได้กินหวานหน้าบานเหมือนใบบัว | บ้างพันพัวพาลัดเข้าวัดโพธิ์ |
บ้างว่าหมอทวายเขาทายปั๋ง | อยู่บ้านหลังวัดสระเกศวิเศษโส |
เป็นเผ่าพันธุ์พวกพม่ากะลาโบ | พูดออกโอ่ชื่อว่าท่านตาจีน |
ใครขอใบ้ไม่หลอกบอกทุกที | เป็นคนมีสัจจารักษาศีล |
ก็พากันไปขอตาหมอจีน | ถึงเจ็บตีนเจ็บตาอุส่าห์ไป |
บ้างห่มจินเจาสีข้างในแสด | ต้องตากแดดร้อนเหลือจนเหื่อไหล |
ทั้งสาวแซ่แก่หง่อมห้อมกันไป | อยากจะใครรื่นรวยรายหวยเจียว |
เพราะเจ๊กหงคนหลงเสียนักหนา | แต่เวียนหาหมอจีนจนตีนเขียว |
ที่จ้านจัดเดินฟัดถุงตะเครียว | จนหน้าเหี่ยวนมแห้งตะแคงคอ |
นางพวกเกณฑ์ผู้ดีไม่มีเศร้า | ตื่นแต่เช้าผัดหน้าไปหาหมอ |
เจ้าหนุ่มหนุ่มบ้ากามเที่ยวตามกรอ | เข้าเดินคลอพูดเกี้ยวไม่เหลียวดู |
คนหนึ่งไปทุกวันดีฉันเห็น | ชื่อแม่เหม็นเหมาะดีมีตุ้มหู |
ห่มทับทิมนั่งริมบานประตู | เจ้าหมอดูพูดพล่ามไปตามเพลง |
อันหล่อนโย้เต้าโตเต็มอุระ | กำลังฉะน่าเฉาะดูเหมาะเหมง |
ทอดสนิทติดพันเหมือนกันเอง | แม่อย่าเกรงเลยมาว่ากระไร |
นางตุ้มหูว่าเอ็นดูดีฉันด้วย | คุณพ่อช่วยโปรดปรานประทานใบ้ |
พอคืนทุนเท่าเบี้ยทีเสียไป | กินบรรลัยแล้วลูกไม่ถูกเลย |
เจ้าหมอจีนเต็มตะกละเห็นสะสวย | ว่าแทงหวยทันไม่แน่นะแม่เอ๋ย |
คงผิดมั่งถูกมั่งไม่ฟังเลย | ใครไม่เคยพบเข้าก็เฝ้างม |
ออกมาพลุกทุกวันดีฉันใบ้ | เขาคิดได้ถูกหวยรวยเสียถม |
เสียแรงแม่ได้มาอย่าปรารมภ์ | จะให้สมดังจิตที่คิดปอง |
พ่อหมอเมตต์ให้สำเร็จที่เรื่องหวย | ถ้าแม้นรวยแล้วจะแทนพระคุณสนอง |
ชั้นเสาเรือนแปดทิศจะปิดทอง | ขอฉันลองให้ประจักษ์สักเวลา |
หมอทวายแยบคายปดประสิทธิ์ | เอาบทปิดปากหันเป็นปัญหา |
ทำบอกใบ้กำไปแล้วกำมา | แล้วซํ้าว่าร้อนร้อนแล้วผ่อนเย็น |
บ้างนั่งหาวสาวสาวที่สวยสวย | อ้ายผีหวยดลจิตให้คิดเห็น |
ก็กลับมาพอเวลาจวนจะเย็น | มุ่งเขม้นตั้งหน้าจะมาแทง |
ที่หน้าทะเล้นเต้นรับแล้วหัวร่อ | คุยกันจ้ออิ่มจิตไม่คิดแหนง |
ที่ใครพานจะขัดวิ่งจัดแจง | หาทุนแทงติดตามเมื่อยามแกน |
เชื่ออ้ายหมอมันล่อจนฉิบหาย | บ้างก็ขายเพลาะดำจำนำแหวน |
ที่เชื้อหม่อมพร้อมญาติไม่ขาดแคลน | ได้ทดแทนเกื้อหนุนเป็นทุนทวี |
แม่คนหนึ่งสาหัสปากจัดจ้าน | เป็นนายด้านคอยดูประตูผี |
พวกนักเลงเกรงมากฝีปากดี | เธอได้ที่เป็นจ่าสง่าวัง |
เขาฦๅเลื่องเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี | ว่ามั่งมีเงินทองแทบสองถัง |
รู้จักหมดจ่าเมืองกระเดื่องดัง | ก็พลอยคลั่งเล่นหวยไปด้วยเจียว |
อนิจจาน้ำใจมิใช่ชืด | เป็นคนตืดเต็มทีตระหนี่เหนียว |
เจ้าหมอปดเกือบหมดถุงตะเครียว | ให้บ่าวเที่ยวเสาะไปที่ไหนดี |
พยาบาทมาดหมายไม่หายเหือด | จนพักตร์เผือดผิดรูปซูบฉวี |
ละโมบมากอยากได้กำไรดี | เจ้าสัวศรีไชยบานผลาญเสียพอ |
นางหน้ามอดทอดถอนดูอ่อนหยับ | ถูกสำหรับรูปงามตามกันสอ |
แม่หนูอิ่มแม่หนูอ่อนหล่อนเป็นคอ | เที่ยวเดินกรอกรีดเล็บเหน็บกระเบน |
ดูห้อยตุงเหมือนถุงเจียวสองถัน | ทั้งผิวพรรณก็ละม้ายคล้ายเขมร |
ในวัดเลียบฦๅหล่อนขจรเจน | ทั้งพระเณรรู้จักทักออกปรอ |
อ้ายหวยกินเงินงอกออกไม่ทัน | ก็พากันเล็ดลอดเที่ยวพลอดผลอ |
ใครหลงลมแล้วก็ลอกปอกเอาพอ | ปะที่คอรู้ทันหันออกไป |
ทั้งแม่พุ่มแม่ภู่แม่หนูพึ่ง | แม่คนหนึ่งชื่อแช่มแก้มเป็นไฝ |
เจ้าคารมปากคมเหมือนตะไกร | หล่อนชาญใช้เชิงชู้ไม่สู้มัว |
หล่อนคร่ำคร่ามาแต่แผ่นดินหลัง | จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่มีผัว |
โมโหมุดุร้ายผู้ชายกลัว | หล่อนไว้ตัวตั้งปึ่งเสียถึงจอม |
ระกำจิตอนิจจาน่าสงสาร | หวยสังหารจนกายหล่อนหายหอม |
บ้างระยำทำตัวให้มัวมอม | เจ้าหนี้ตอมตามทางระคางชาย |
นางพวกเศษสังกะสีก็มีถม | แบกขนมพันตองเที่ยวร้องขาย |
เอาแทงหวยเสียหมดไปปดนาย | ว่าผู้ร้ายตีชิงมันวิ่งราว |
ทุนกำไรสิ้นไปสลึงเฟื้อง | ข้างนายเคืองด่าฟุ้งอีพุงขาว |
มึงอย่าเพ่ออวดฉลาดอีชาติลาว | เขาบอกข่าวกูอึงว่ามึงซน |
สากะใจที่มันรักเป็นนักเลง | ตัวของเองเป็นสัดต้องขัดสน |
เขาแทงถูกใจดำต้องจำจน | สบถรนแก้ตัวกลัวจะตี |
ก็เพราะท่านเจ้าสัวคือตัวกรรม | ให้จำนำกันยุ่งทั้งกรุงศรี |
แม้นตั้งนานประมาณหลายหลายปี | เจ้าสัวศรีไชยบานสำราญรวย |
คงระยำเหมือนคำเจ้าสัวหง | ว่าใครหลงละเลิงในเชิงหวย |
คงจะต้องล้างหน้าด้วยกระบวย | ที่จะรวยนั้นอย่าหมายทำนายมา |
สงสารแต่ตัวเราเมื่อคราวทุกข์ | ไม่มีสุขโศกแสนสหัสสา |
เหมือนเพลิงรุมสุมไว้ในอุรา | จินตนานิ่งนึกรู้สึกตัว |
ต่อมันกินบรรลัยจึงได้คิด | ก็สาจิตที่ไม่จำคำเจ้าสัว |
ว่าใครหลงแล้วคงมาเป็นข้าอั๊ว | เออเจ้าสัวเขาว่าน่าละอาย |
จะจนยากไม่เห็นเล่นจนเหลิง | ทำร่าเริงมันริบจนฉิบหาย |
ของจำนำซ้ำหลุดสุดเสียดาย | ยังแต่กายโกโรเหมือนโยคี |
เงินก็เสียนับชั่งตั้งจำนำ | ทั้งเพลาะดำปักเถาจินเจาสี |
ลายอย่างเกี้ยวผืนหนึ่งก็ถึงดี | ออกป่นปี้ฉิบหายหลายสำรับ |
ม่วงหน้าเก็บเสียดายขึ้นลายสอง | ไปเป็นของเขาอื่นไม่คืนกลับ |
จึ่งว่ากรรมเอ๋ยกรรมระยำยับ | มาตกอับเต็มอายเมื่อปลายปี |
จะผินพึ่งพ่อแม่ก็แลลับ | ดังเดือนดับตกแรมไม่แจ่มศรี |
ลงบ่นโอ้กโศกศัลย์แสนทวี | ไม่พอที่จะมาทำระยำจริง |
จะผินพักตร์พึ่งเพื่อนก็เบือนเฉย | นิจจาเอ๋ยราวกะยามหาหิงคุ์ |
เดชะบุญคุณพระได้พะพิง | ขอแอบอิงฝากกายพอคลายทุกข์ |
อกเอ๋ยใครเลยในตรีโลก | ต้องวิโยคยามยากจากที่สุข |
มีแต่บอบเต็มระบมเจ้ากรมทุกข์ | เหมือนหมารุกอัปราเข้าตาจน |
ชะรอยเวรเราสร้างแต่ปางประถม | กรรมนิยมจึ่งวิบัติให้ขัดสน |
มาประนังจังเจาะจำเพาะจน | ดั่งจะด้นดำดินไปบาดาล |
ยิ่งโอดโอยโหยหวนรัญจวนจิต | จนชั้นมิตรก็ยังหมางทางสมาน |
ถึงง้อมีแต่งอนจะรอนราน | หักประหารเหินห่างให้จางใจ |
อนาถนอนทุ่มถอนสติตื่น | ชั้นคู่ชื่นเคยชิดพิสมัย |
หวังจะยืดฤๅมาจืดประเดี๋ยวใจ | ชะกระไรคราวนี้อัปรีย์นัก |
คำนึงนึกตรึกไปแล้วใจหาย | ประมาณหมายเหมือนเมื่อโศกโมกขศักดิ์ |
เจียนจะแหลกก็เพราะหลงอนงค์ลักษณ์ | ก็เพราะรักสิ่งเดียวเจียวหนอเรา |
อันนี้ไซร้เป็นวิสัยทุกอกสัตว์ | ความกำหนัดหนักทรวงจนง่วงเหงา |
สิ้นทรัพย์อับมัวเช่นตัวเรา | ก็เพราะเมาราคายิ่งอาดูร |
แม้นผู้ใดเชี่ยวชาญชำนาญเวท | ช่วยบังเหตุทุกข์ทับให้ดับสูญ |
กำจัดตนพ้นภัยให้ไพรบูลย์ | อนุกูลก่อทรัพย์ให้กลับมี |
จะตอบแทนคุณหล่อนไม่หย่อนหยุด | กว่าจะสุดสิ้นชีพไปเมืองผี |
จะสนองมิให้หมองราคีมี | ช่วยปรานีดับเข็ญพอเห็นคุณ |
ดีฉันจนอยู่เหมือนคนจักขุบอด | ลงบ่นออดตกอับกลับสถุล |
ถ้ามีทรัพย์ญาติจะนับเข้าจูงจุน | ส่งเสี่ยงบุญแล้วฉันทุกวันเอย ๚ะ |
[๑] ศักราชที่ระบุในเอกสารต้นฉบับน่าจะคัดลอกผิด ที่ถูกต้องเป็น “สองพันสามร้อยกับเจ็ดสิบแปดปี” (พุทธศักราช ๒๓๗๘ โปรดดูรายละเอียดในตำนานเลิกอากร บ่อนเบี้ย ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (สวป.)
[๒] เจ้าสัวหง ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ที่ ขุนศรีไชยบาน ในรัชกาลที่ ๓ (ภายหลังเลื่อนเป็น พระศรีไชยบาน) ตั้งโรงหวยขึ้นครั้งแรกบริเวณสะพานหัน เมื่อปีมะแม พุทธศักราช ๒๓๗๘ (สวป.)