ภาค ๓

ร่าย

๏ ในกาละบัดนั้น เกาศิกนันทน์จอมพรต ไป่ละลดพยายาม เพื่อให้สามกษัตริย์ ต้องวิบัติเดือดร้อน จึงบวรมุนี เสกให้มีไฟป่า ด้วยวิทยาอาคม เลิดบรมศักดิ์สิทธิ์ ไฟก็ติดสมปอง เปนกองใหญ่สว่างวาม ไหม้ลุกลามเร็วถนัด ดังลมพัดมิหึง พลันถับถึงบริเวณ ใกล้ภูเบนทร์หริศจันทร์ อัคคีนั้นห้อมล้อม พระจอมจักร์และคณะ ราชะจึงดำรัส แก่นักษัตรก์ศิษย์ธชี ว่านี่แน่ท่านเอ๋ย ไม่ควรเลยสหาย จักยอมตายด้วยเรา จงหนีเข้าป่าเถิด เริดเราเสียดีกว่า มันได้ท่าจึงทูล นเรนทร์สูรว่าดนู รู้ว่าท่านจงใจ ขับไล่ข้าเพราะมี ประสงค์หนีข้าพลัน เรื่องเงินนั้นว่ากระไร ข้าไม่ไปทุกท่าน ภูบาลต้องช่วยข้า ปลอดอัคคีภยกล้า แน่นอน ฯ

โคลง ๔

๏ สุนทรนาเรศรแก้ว นฤมล
ทูลพระปิ่นโกศล ราชเจ้า
อ้าพระอย่ากังวล วิตก เลยนา
นักษัตรกะเว้า กึ่งข้างบ้าบอ
๏ มันนั้นหนอบ่เข้า ใจเลย
ในสิ่งที่มันเอ่ย พจน์พร้อง
ทูลกระหม่อมโปรดเผย วโรกาศ
ให้ดนูนิ่มน้อง เบิกถ้อยแถลงไข
๏ แม้นไทได้โปรดข้า นารี
ให้สู่กองอัคคี กาจกล้า
เช่นนั้นพระอัคนี คงจัก
ระงับไฟปิ่นหล้า ปลอดพ้นภยัน ฯ

โคลง ๒

๏ หริศจันทระเจ้า ฟังมิ่งเมียรบเร้า
จึ่งเอื้อนพจมาน  

โคลง ๔

๏ อ้านงคราญนิ่มเนื้อ นวลใย พี่เอย
ไยจะจากพี่ไป เช่นนั้น
ฟังวอนสุดหักใจ อนุญาต
สุกหักโศกสุดกลั้น ซึ่งน้ำตานอง
๏ เจ้าครองชีพไม่แล้ว พี่ทำ ไฉนเอย
คงจะมีแต่กำ สรดสล้าง
ชีวิตพี่จักดำ รงอยู่ ไยแฮ
โรหิตาศวะว้าง เหว่ว้าอาดูร
๏ เพื่อพูลสุขนิ่มน้อง บุตรา
พี่จักโยนกายา สู่เชื้อ
อัคคีแลกชีวา ยอดเสน่ห์
ตรัสเช่นนี้หลายเทื้อ บ่ได้ยินยอม ฯ

โคลง ๓

๏ จอมสุรางค์จันทรา มาติญาณะเรื้อง
หยั่งทราบคติเบื้อง แบบข้างบุราณ
๏ ทูลพระผ่านภพว่า อ้าพระทรงสัตย์ล้ำ
พระตรัสใดนั้นค้ำ ส่งให้เห็นจริง
๏ ขอพระมิ่งโมฬิต ประสิทธิ์พรแก่ข้า
อายุวิวัฒน์ถ้า สู่เชื้ออัคคี
๏ ไฟจะหรี่วับลง หม่อมฉันคงชีพแล้ว
พระและลูกก็แผ้ว ปลอดพ้นพหุภัย ฯ

โคลง ๒

๏ ภูวไนยเห็นสอดคล้อง ตามที่เมียมิ่งพร้อง
แจ่มแจ้งแถลงไข  
๏ หักใบอนุญาตแล้ว ประสิทธิ์พรเพริศแพร้ว
ครบถ้วนตามขอ ฯ  

โคลง ๔

๏ อรไทยเดินสู่ข้าง อัคคี
บ่มิได้ครั่นคร้าม สักน้อย
รำลึกพระอัคนี อยู่เกศ
พลางประณตกล่าวถ้อย แถลง
๏ อ้าพระแรงฤทธิ์ล้ำ ภพไตร
เจ้าทุกสิ่งในโลก นั้นแล้
พระย่อมทราบแก่ใจ ว่าอาตม์
เปนภริยาสัตย์แท้ ทุกสถาน
๏ แห่งมหิบาลแว่นแคว้น โกศล
แม้นพระโปรดปราณี ชีพข้า
นั้นแหละจะเห็นผล ประจักษ์
แก่นรภาคหน้า ต่อไป
๏ ขอไทเทวะผู้ เรืองฤทธิ์
ช่วยผดุงหริศจัน ทระเจ้า
ให้เธอมั่นคงสถิต ณสัตย์ วจีแล
กอบกรณียะเค้า ซื่อตรง

โคลง ๒

๏ โฉมยงวอนว่าแล้ว ด้วยจิตตะผ่องแผ้ว
ยาตรเข้ากองไฟ  
๏ ในทันใดบ่ช้า เปลวอัคคีพลุ่งฟ้า
ดับสิ้นสูญหาย  
๏ โฉมฉายพระแม่เจ้า ปราศะภัยกลับเฝ้า
แทบเบื้องบาทพลัน ฯ  

ร่าย

๏ เกาศิกนันทน์นักสิทธิ์ ผู้ต้นคิดก่อไฟ แลโพยภัยทั้งผอง ทดลองปัถวิบาล ด้วยประการต่าง ๆ เพื่อหาทางให้พระ เปล่งวะจีมุสา ครั้นเห็นว่าอุบาย ไม่สมหมายแน่แล้ว ซึ่งพระแกล้วพรตกิจ ประดิษฐ์กลขึ้นใหม่ ครานี้ให้สามกษัตริย์ ต้องพลัดพรากจากกัน สบจาบัลย์วิโยค ทรวงโทรมโศกสาหัส เช่นนั้นขัตติยะเจ้า คงจักต้องวากย์เว้า มุสา แหละนอ ฯ

โคลง ๒

๏ ครานั้นคุรุเจ้า บอกนักษัตรก์ทราบเค้า
เงื่อนข้อกิจการ ฯ  

โคลง ๔

๏ วารหนึ่งนักษัตรเจ้า ปัญญา
ทูลพระอัครชายา อะคร้าว
ฉันใดเล่านิ่มนา รีรัตน์
ทนวิบากร่วมท้าว หริศจันทร์
๏ ราชันต่างหากผู้ ก่อเข็ญ
ใจใหญ่ใฝ่กุศล สล้าง
ฉะนี้จึ่งได้เปน ลูกณี่
ธปรึกษาแม่บ้าง ฤไฉน
๏ ไยจักทนทุกข์ด้วย ทรงธรรม์
ใช่กิจของจอมขวัญ ผิดพลั้ง
อย่าหลงเชื่อหริศจันทร์ วันหนึ่ง
ธจะขายแม่ทั้ง บุตรา
๏ มาเถิดมากับข้อย ครรไล
สู่ถิ่นอโยธยา รุ่งเรื้อง
ส่วนราชะทิ้งไว้ ในป่า
ทำฉะนี้จักเปลื้อง ปลดเข็ญ
๏ เพ็ญแขหากพร่ำเฝ้า วิงวอน
แทบบาทวิศวามิตร ค่ำเช้า
ขอให้มุนินทร เวนราชย์
มอบพระบุตระเจ้า ครอบครอง
๏ จอมกองกูณฑ์จักเอื้อ สมใจ
ให้ปิโยรสไกร ผ่านเผ้า
แม่จักรื่นรมย์ไร้ ทุกขะ
ปล่อยสวามีเต้า แต่ผู้เดียวเทอญ ฯ

โคลง ๓

๏ อย่าล่วงเกินกล่าวคำ แนะนำเล่ห์ลึกซึ้ง
พระเทวีพักตร์บึ้ง ตอบถ้อยศิษย์ครู ฯ

โคลง ๔

๏ ดูดู๋นักษัตรก์เชื้อ ชาติพราหณ์
ไยท่านจึงออกความ คิดบ้า
อย่าเลยอย่าลวนลาม ลามก
นำแนะจะให้ข้า พรากไท้ทูลหัว
๏ จะจากผัวครอบเกล้า ฉันใด
เพื่อนร่วมเตร่เตร็จใน ป่ากว้าง
ปราศะจากทรงชัย ข้าเปรียบ
เหมือนสตรีผัวร้าง เริดแล้วเสื่อมศรี
๏ รัศมีจันทร์แจ่มจ้า ใครเห็น
ยามศศิธรเว้น ส่องหล้า
นิทัศนะนี้เปน คติ
พูดเช่นนี้อีกข้า สาบเจ้าวอดชนม์

ร่าย

๏ อนุสนธิ์แต่นี้ พระภูมีหริศจันทร์ พร้อมเมียขวัญโอรส ศิษย์จอมพรตไคลคา รอนแรมป่ากันดาร หลายคืนวารประเวศน์ ถึงขอบเขตรชายแดน แว่นแคว้นพาราณสี ธานีใหญ่อุดมถนัด สามกษัตริย์ลงสรง ชำระองค์ในลำ น้ำคงคาศักดิ์สิทธิ์ กระทำจิตต์ผ่องแผ้ว แล้ววอนพระพิษณู อ้าพระผู้โลเกศร์ วรเดชอะคร้าว เปนเจ้าครอบงำปวง เลอสรวงทรงคุณส่ำ ล้ำเทวะทั้งหลาย เกียรติกำจายเจิดฟ้า ทั่วแหล่งหล้าสรรเสริญ เยินยอคุณบ่มี ที่สิ้นสุดนั่นไซร้ ขอพระหริได้ ช่วยป้อง ภยัน ฯ

๏ ครานั้นจวบถึงวาร พระภูบาลต้องใช้ เงินให้เกาศิกนันทน์ ตามสัญญาหนึ่งมาส แต่ยังขาดอีกวัน ศิษย์นักธรรม์จึงว่า ดูราท้าวหริศจันทร์ ราชันลืมแล้วหนา ว่าพรุ่งนี้จักถึง กำหนดซึ่งต้องใช้ เงินให้พรหมฤษี ข้านี้จักทำไฉน ในน่าที่ควบคุม จุมพลตามบัญชา พระอาจารย์คงต้อง เรียกร้องเอาเงินตรา กับข้าเปนแน่แท้ แม้ไม่มีจะให้ มุนีไซร้คงโกรธ เอาโทษผิดกะข้า สาบแช่งด่าป่นปี้ ชีวีข้าจักสลาย ฦๅสายทำแก่ข้า เช่นนี้หนาบาปแล้ ชื่อว่าเหี้ยมโหดแท้ ไม่ต้อง สงกา ฯ

โคลง ๓

๏ จันทรามาติว่า พราหมณ์อย่าพูดตัดพ้อ
ฟังดนูกล่าวข้อ แนะนำ
๏ ย่ำพรุ่งนี้จงขาย ฦๅสายเมียมิ่งแก้ว
อีกบุตระเสร็จแล้ว จักได้ทรัพย์สิน ฯ

โคลง ๔

๏ นารินทร์ออกโอษฐเอื้อน วจี
ทูลพระราชสวามี เทิดเกล้า
อ้าพระอยู่เกศี เงี่ยโสตร
ฟังดนูวากย์เว้า เพื่อกู้เกียรติ์ผดุง
๏ พรุ่งนี้พราหมณะไซร้ จะขาย
โอรสและฦๅสาย อีกข้า
เพื่อแลกธนถวาย มุนิ
แก่ทุชาติชั่วช้า อย่าได้ยินยอม
๏ เราพร้อมใจบอกค้า ตนเอง
เที่ยวป่าวร้องตะเบง ศัพท์ก้อง
เห็นท่าจะเหมาะเหม็ง แน่ละ
พระจุ่งขายนวลน้อง พรุ่งนี้อย่ารอ
๏ ต่อเมื่อใดพระได้ เงินทอง
จึงค่อยถ่ายตัวน้อง เมื่อนั้น
พระเอยพระโปรดลอง อย่างว่า
เพื่อรักษาสัตย์หมั้น ยิ่งล้ำชีวา ฯ

โคลง ๓

๏ ราชาฟังนงนุช สุดหักห้ามโศกได้
พลางซบพักตร์ร่ำไห้ แทบสิ้นสมฤดี ฯ

โคลง ๔

๏ อ้านารีเพื่อนแก้ว กลอยใจ พี่อา
พี่จักขายทรามวัย เล่ห์นั้น
เปนที่อัประยศใน โลกะ
ทำมิได้แม่นหมั้น แน่แล้วนวลแข
๏ อย่าว่าแต่นิ่มน้อง องค์อร เลยนา
แม้ก่องแก้วอาภรณ์ เชิดหน้า
แห่งปียะสมร ควรที่
พี่ช่วยเก็บบ่ค้า เครื่องให้บัดสี
๏ ครั้งนี้ทุกข์ใหญ่ล้ำ เหลือทน
ควรครหาพี่คน เดี่ยวแท้
ฉันใดนิ่มนฤมล ยอมสละ ตนเอย
เปนทาสแทนพี่แล้ สุดข้ายินยอม
๏ จอมขวัญจะเดือดร้อน มากไย
พี่แหละจะเที่ยวไป บอกค้า
ตนเองเพื่อทรามวัย และบุตร
ได้อยู่สุขเมื่อหน้า ผ่องแผ้วสกนธ์ ฯ

โคลง ๒

๏ มิ่งวิมลแน่งน้อย ฟังราชกล่าวถ้อย
จึ่งเอื้อนพจนา ฯ  

ร่าย

๏ อ้าราชาพระจอม ทูลกระหม่อมเมียขวัญ อันว่าผัวภริยา นับว่าคนเดียวกัน เช่นนั้นใช่หรือไม่ โภคทรัพย์ไท้ทั้งผอง ก็เหมือนของหม่อมฉัน สรรพสิ่งบรรดามี แห่งข้านี้คือ ของพระฦๅสายแท้ เปนแน่นอนไม่ผิด เพราะชีวิตเราสอง ครองกันเปนอันหนึ่ง ซึ่งจะแยกจากกัน เปนอันสุดวิสัย ไยพระจอมนรเสรฐ ฝ่าเภทภัยผู้เดียว ทิ้งน้องเปลี่ยวสำนัก ข้าจักอยู่อย่างไร ห่างเหไท้ทูลหัว อันตัวข้าเปนสตรี ไม่มีอาชีวะ ที่จะได้เงินพอ ถ่ายพระหน่อสุริยวงศ์ ต้องพรากองค์จวบกาล อวสานเปนแน่ แต่ถ้าพระกรุณา จงขายข้าขัดนี้ แล้วทรงศรีค่อยตรอง หาช่องทางทำงาน ได้ธนสารเงินตรา จึงถ่ายข้าคราหลัง ดังนี้จึงจะปลอด รอดภยันทั้งมวญ อย่าคร่ำครวญเลยนะ จะวิตกไยมี เวลานี้หาใช่ คราร่ำไห้รำพรรณ อันพราหมณ์ผู้นี้หนอ คอยก่อเรื่องให้พระ ตรัสประภาษมุสา ที่เขามาทั้งนี้ มีประสงค์เช่นนั้น เปนแม่นมั่นเชื่อข้า เถิดราชายอดชาย พระฦๅสายจงอย่า ตรัสมุสามาตรแม้น ประสพทุกข์ขุกแค้น เพื่อค้ำ ความจริง ฯ

โคลง ๓

๏ มิ่งมารศรีพร่ำว่า ราชะเห็นชอบแล้ว
ชวนพระเทวีแก้ว หน่อไท้บุตรา ฯ

โคลง ๔

๏ พานักษัตรกะเข้า สู่เวียง
พลางเปล่งสุรศัพท์ กึกก้อง
ผู้คนแว่วสำเนียง มาหมด
แออัดจนแน่นท้อง ถิ่นผลู
๏ ดูราทวยราษฎร์แคว้น กาศี
ข้าใช่อื่นคือขัต ติยเจ้า
เชื้อรวิวงศ์มี นามะ
หริศจันทร์ผ่านเผ้า อโยธยา
๏ ข้าเปนณี่มากพ้น ประมาณ
สุดจักหาเงินใช้ ลบล้าง
ยอมขายมิ่งเมียสคราญ เปนทาส
ใครจะซื้อหล่อนบ้าง ก็เชิญ ฯ

โคลง ๓

๏ พลางขวยเขินหทัย ทรงชัยอุระขึ้น
สยบพักตร์สอื้น กอดแก้วกานดา
๏ นักษัตรก์ว่าบุญโศลก แม้นวิโยคเอิกอื้อ
ใครเล่าจะอาจซื้อ นิ่มเนื้อนวลจันทร์ ฯ

โคลง ๔

๏ ครั้นสักครู่หนึ่งได้ มีพราหมณ์ หนึ่งนา
กลเกาศิกนาม ออกอ้าง
มีจริตเลวทราม อัประลักษณ์
รับจะซื้อคู่สร้าง หริศจันทร์
๏ มันจึงเริ่มกระทู้ ฦๅสาย
ท่านว่าหล่อนเปนเมีย ยอดรัก
ไยจึงขาดเส้นด้าย สมรส
ผูกรอบศอประจักษ์ แก่ตา
๏ ราชะว่านี่แล้ว เมียกู
พราหมณ์ว่าฉันใดดนู ทราบเค้า
พระตอบว่าศิษย์ครู นักษัตรก์
เปนพยานข้าเจ้า แน่นา
๏ นักษัตรก์ว่าพระทั้ง โฉมงาม
เรียกว่าผัวเมียยาม ต่อหน้า
เหลือจักทราบซึ่งความ จริงเท็จ
ยามวิวาหะข้า บ่ได้เห็นเลย
๏ พราหมณ์เอ่ยว่าเช่นนั้น นารี นี่เฮย
เปนคณะสตรี ต่ำต้อย
หาไช่มิ่งเมียวี วาหะ
ตามขนบเรียบร้อย แห่งเจ้าจอมถวัลย์ ฯ

โคลง ๓

๏ เช่นนั้นท่านมุสา แก่ตูข้าแน่แล้ว
อย่านึกเลยว่าแคล้ว โทษทัณฑ์ ฯ

ร่าย

๏ อันว่าพราหมณ์ผู้นี้ ชาวบุรีเกลียดชัง มาตั้งแต่เดิมกาล ครั้นวารนั้นกล่าวถ้อย ไม่เรียบร้อยสักนิด ผิดมรรยาททั้งปวง ล่วงเกินต่อราชา พญาผู้ต่างถิ่น บุรินทระอโยธยา เปนที่น่าหมั่นไส้ ยั่วให้คนทั้งผอง ปองโกรธหลายเท่าทวี ที่สุดเหล่าทารก เข้าทุบชกแช่งด่า ฉีกเสื้อผ้าขาดหวิ้น แล้วปีนขึ้นบนบ่า ดึงเกศาพราหมณ์เล่น ไม่เห็นแก่เวทนา ทำให้สาสมที่ กล่าววาทีหยาบคาย บ้างกอบทรายเควี่ยงซัด เล็งถนัดตรงหน้า ทรายเข้าตาชักแสบ พราหมณ์แทบร้องไห้โฮ โทโสเหลือกำลัง เด็กทั้งหลายเกรียวกราว เสียงโห่ฉาวอึงมี่ ภูบดีเห็นการณ์ สงสารพราหมณ์ที่สุด ห้ามเด็กหยุดตีด่า เฒ่าชราร่างวิกล บัดดลพราหมณ์หัวดื้อ จึงรับซื้อชายา ให้เงินตราเท่าที่ พระมุนีนาถเจ้า ต้องประสงค์จากท้าว หริศจันทร์ นั้นแล ฯ

โคลง ๔

๏ จันทรามาติแก้ว กัญญา
รู้ว่าพรากภัสดา แน่ไซร้
สยบพักตร์โศกา บ่เหือด หายแล
กอดพระบาทท่านไท้ ร่ำร้องหลายหน ฯ

โคลง ๒

๏ โอ้จนใจแน่แล้ว กรรมบันดาลจึ่งแคล้ว
คลาดไท้ภรรยา  
๏ โรหิตาศวะน้อย หวิววิญญาณละห้อย
เหว่ว้ามารดร  
๏ จึงบทจรย่างเยื้อง ตามติดบาทะเบื้อง
แม่เจ้าฉับพลัน  
๏ หริศจันทร์คราห์ลูกไว้ หน่วงเหนี่ยวบ่มิให้
เสด็จด้วยมาตุรงค์  
๏ ทรงสวมกอดลูกไซร้ จุมพิตพลางร่ำไห้
เหตุด้วยสงสาร ฯ  

โคลง ๔

๏ พราหมณ์จัณฑาลว่าโอ้ ราชา
ไยท่านทำกิริยา เช่นนั้น
จงส่งเด็กน้อยมา เร็วเถิด
เปนทาสข้าแม่นหมั้น แน่แล้วอย่าฉงน ฯ

โคลง ๓

๏ ภูวดลจึงค้านว่า ข้าขายเมียมิ่งแล้ว
แต่ทว่าลูกแล้ว บ่ได้ ขายเลย ฯ

โคลง ๔

๏ พราหมณ์จึงเอ่ยตอบถ้อย ทรงฤทธิ์
ท่านที่เข้าใจผิด ละฮ้า
ขายโคส่วนลูกติด แม่รัก หวงฮือ
ผิดประเพณีค้า ทั่วทั้งเวียงชัย ฯ

โคลง ๒

๏ จงได้ส่งเด็กน้อย มากับแม่ติดต้อย
ไต่เต้าตามกัน ฯ  

โคลง ๔

๏ หริศจันทระเจ้า จึงส่ง
ลูกรักไปกับองค์ นิ่มน้อง
หทัยสลดลง หลัดหลัด
พรากลูกเมียร่วมห้อง อกเพี้ยงภินท์พัง ฯ

ร่าย

๏ ครั้งนั้นพราหมณ์ใจกาจ พานางนาถจันทรา มาตีและโอรส ยังชนบทใกล้แคว้น แดนพาราณสี ที่สำนักแห่งตน มอบนฤมลเปนทาส เมียร้ายกาจนามมี กลกันตีเลวทราม ความทารุณร้ายกาจ ใช้นางนาฏทำงาน ตั้งแต่กาลรุ่งเช้า ตราบเท่าจนดื่นดึก ไม่ได้นึกปราณี มารศรีเล็กน้อย มีแต่คอยหาเหตุ แก่อัคเรศร์ทุกวัน ฝ่ายจันทรามาตี ไม่ได้มีพร่ำบ่น ทนทำงานนานา ตามบัญชาลุล้วน กาลบรรจบครบถ้วน หนึ่งพรร ษาแล ฯ

โคลง ๔

๏ ครั้นเมียจรจากแล้ว ราชัน
จึงมอบเงินแก่ศิษย์ ครุเถ้า
ครบถ้วนดั่งได้สัญ ญาหนึ่ง มาสนา
นักษัตรก์เจ้าเล่ห์เว้า ต่อไป
๏ โอ้ไท้!เงินนี่สิ้น ทั้งผอง
ส่วนหนึ่งเปนดอกเบี้ย ณี่ค้าง
อีกส่วนหนึ่งข้าต้อง คิดหัก
เปนค่าแรงที่จ้าง ติดตาม ฯ

โคลง ๒

๏ ฟังพราหมณ์พระว่าไฮ้ ค่านั่นค่านี่ไซร้
เช่นนี้ไฉนกัน  

โคลง ๔

๏ ศิษย์นักธรรมว่าท้าว คิดหรือ
ท่านพระครูยอมให้ ณี่ค้าง
ไม่คิดดอกเบี้ยฮือ ประหลาด จริงนอ
ไยท่านคิดแต่ข้าง สดวกตน
๏ ภูวดลคิดบ้าง หรือไม่
ว่าอาตม์ติดตามไท ทุกมื้อ
ปราศมูลค่าย้อมใจ ผิดแบบ
ข้าใช่ทาสะซื้อ รับใช้ การงาน
๏ ท่านหรือกษัตริย์ผู้ ใจบุญ
ไยจึงไม่การุญ อาตม์บ้าง
ท่านควรคิดค้ำจุน เพื่อนยาก
ไหนเล่าเงินค่าจ้าง จุ่งได้ยื่นมา ฯ

๏ ครานั้นหริศจันทร์ ราชันแสนเศร้าโศก วิโยคลูกเมียรัก ทรงศักดิ์ไม่ไยดี ที่จะเสียเวลา เจรจายืดยาว กับศิษย์เกาศิกนันทน์ ผู้คอยสรรหาผิด ทรงฤทธิ์กล่าวตัดความ ว่านี่พราหมณ์เพื่อนยาก หากท่านมีเจตนา เรียกค่าจ้างดอกเบี้ย ให้ข้าเสียแม่นมั่น เงินก้อนนั้นข้าสละ ผละให้ท่านทั้งกอง ส่วนที่ต้องหาใช้ จอมไสยะพรตนั้น หมดปัญญาอาตมะ ที่จะเสาะแสวงหา ขายข้าเสียเถิดท่าน แลกธนสารเงินตรา ถวายพระดาบสเจ้า ณวาระย่างเข้า ครบนัดนั่นแล ฯ

โคลง ๔

๏ นักษัตรกะคว้า เชือกปอ
ผูกเงื่อนรอบพระศอ รัดรึ้ง
ฉุดคร่าห์บ่รารอ ตามวิ ถีแฮ
ชั้นนอกชั้นในซึ้ง ทั่วทั้งพารา
๏ ศิษย์บาส่งศัพท์ก้อง บอกขาย พระเอย
แก่ประชาหญิงชาย ทั่วหน้า
ข้าแต่ท่านทั้งหลาย ใครจัก
ซื้อปิ่นดิลกหล้า แว่นแคว้นโกศล
๏ ครานั้นคนชาติเชื้อ จัณฑาล หนึ่งนา
นุ่งห่มแปดเปื้อนอีก ขาดวิ่น
ผิวดำดุจสีถ่าน ย้อมชุบ
หิ้วกระจาดเนื้อกลิ่น เน่าเหม็น
๏ เห็นภูเบนทระเจ้า หริศจันทร์
มันนับเงินแล้วจึง ส่งให้
นักษัตรก์, รับซื้อธรร มิกราช
เปนทาสคอยรับใช้ กิจการ ฯ

โคลง ๓

ภูบาลจึงร้องขอ ต่อศิษย์คุรุเถ้า
ว่าอย่าขายข้าเจ้า ต่อผู้เลวทราม ฯ

โคลง ๔

๏ พราหมณ์ว่าถ้าเช่นนั้น ราชัน
รับจะทำตามสั่ง แห่งข้า
ได้หรือไม่ข้อนั้น โปรดบอก
หริศจันทร์เจ้าหล้า จึ่งยอม
๏ ศิษย์จอมพรตสั่งเจ้า โกศล
เปนทาสแห่งชายผู้ ต่ำต้อย
ถ้าหากพระภูวดล เบือนบิด
จะชื่อว่าเปล่งถ้อย มุสา ฯ

โคลง ๓

๏ ราชาจึงจนจิตต์ ยอมให้ศิษย์ครุเจ้า
ขายพระองค์แก่เถ้า ชาติเชื้อทรชน ฯ

โคลง ๔

๏ ทวยเทพบนฟากฟ้า สรวงสวรรค์
ได้ทราบเรื่องหริศจันทร์ ถ่องแล้ว
จึงประสิทธิ์พรอัน ศักดิ์สิทธิ์
ให้พระมิ่งเมืองแผ้ว ผ่องพ้นหิวกระหาย
ฦๅสายคือหน่อเนื้อ ขัตติยะ
กินอยู่ร่วมศูทระ ขัดข้อง
หากพรพระเทวะ เจ้าโปรด
จึงรอดชีพบ่ต้อง เดือดร้อนหิวโหย ฯ

ร่าย

๏ โดยนามะผู้นาย แห่งฦๅสายหริศจันทร์ เรียกกันวิระพาหุ มีนิสสัยดุดัน มันใช้พระทำงาน การเลวทรามทุกอย่าง อ้างอาทิให้ฆ่า ประศุน่าสมเพช ภูเบศร์ต้องหาบหาม เนื้อโคตามตลาด เต็มกระจาดร้องขาย แก่หญิงชายนาคร ครั้นภูธรเสร็จกิจ เฒ่าอำมหิดหายอม ให้จอมจักร์พักผ่อน เอนกายนอนเอาแรง มันแสร้งทำเปนปวด เมื่อยยิ่งยวดตามขา ใช้ราชานวดฟั้น พลันทำเปนม่อยหลับ เพื่อคอยรับความผิด ว่าทรงฤทธิ์จะทำ ตามคำสั่งหรือไฉน แต่ทรงชัยเคร่งครัด ปฏิบัติตามสั่ง ทนนั่งนวดแข้งขา วิระพาหุเถ้า ตั้งแต่ค่ำจวบเช้า บ่ได้หยุดเลย ฯ

โคลง ๔

๏ พระเสบยจิตต์พ้น ประมาณ
ใช้ณี่แก่อาจารย์ หมดแล้
ทนทุกข์ทุกสถาน บ่บ่น
วิริยะมากแม้ นิ่มเนื้อนวลจันทร์ ฯ

โคลง ๓

๏ เช่นนั้นวิระพาหุ เห็นปรุโปร่งแน่ไซร้
ว่าจะจับผิดไท้ สุดหวัง ฯ

โคลง ๔

๏ ทั้งอาจารย์และเถ้า เปนใจ หนึ่งนา
ที่จะคอยจับผิด นาถเจ้า
ครั้นเห็นว่าท้าวไท บ่พลาด
จึงปรึกษาหาเค้า อุบาย ใหม่แล
๏ ให้ฦๅสายอยู่เฝ้า ป่าช้า
คอยเก็บค่าเผ่าผี ค่ำเช้า
จากเจ้าภาพทั่วหน้า บ่เลือก
รวมรวบเงินส่งเถ้า จุ่งครบ ถ้วนแล ฯ

ร่าย

๏ พระปิ่นภพอโยธยา วาระนี้สบถนัด ทุกขสาหัสใหญ่หลวง ร้ายกว่าปวงโพยภัย ที่ได้เคยพบมา แต่ในคราก่อน ๆ นเรนทรเคยเกลียด รังเกียจย่านป่าช้า มาตั้งแต่เริ่มที่ บัดนี้สิกลับต้อง อยู่ครอบครองสุสาน ย่านกเลวระ ฐานะอันพึ่งสยอง ชวนขนพองขนลุก แทบทุกทิศทุกทาง เสียงครวญครางร่ำโรทน์ โอดรำพรรณนานา จากวงศาคณาสหาย แห่งผู้ตายน่าอนาถ ทรากศพกลาดเกลื่อนลำเนา ส่งกลิ่นเน่าฟุ้งตระหลบ ชวนทรงภพวิงเวียน และอาเจียนสำราก พื้นภาคเวหานั้น ควันเผาผีกลบกลุ้ม มืดคลุมทั่วทิศทาง ไม่มีสร่างบ้างเลย พระไม่เสบยจิตต์ล้ำ ทนกระทำน่าที่ มิได้มีพร่ำบ่น ล้นขัตติยมานะ ไม่ลดละพยายาม กระทำตามบัญชา แห่งเฒ่าชรานายตน จนทุกอย่างลุล้วน กาลบรรจบครบถ้วน หนึ่งพรร ษาแฮ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ