ปกิณณกภาษิต

(คัดจากหนังสือพิมพ์ “สารเศวต”ของโรงเรียนราชวิทยาลัย เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕)

“ช่วยตัวของเธอก่อน, แล้วเทพยเจ้าจึงจะช่วยเธอ”

๏ อินทรวิเชียรฉันท์ ๚

๑๑ ดูราคณาศิษย์ ราชวิทยาลัย
เงี่ยหูดนูไข สุภะษิตสกิดเตือน
๏ นับวันจะพลันถึง ประลุซึ่งฤดูเดือน
สอบไล่ละม้ายเหมือน อนุสนธิหนหลัง
๏ แม้ใครสิหน่ายเรียน สละเพียรละเมอหวัง
วอนเทวะไทยสัง คะหะช่วยฤสิทธิ์สม
๏ เทพช่วยกระไรได้ ผิอะไซร้สิงายงม
หลงเล่นละโลดตบม ณะสนุกจะทุกข์ทวี
๏ ยลเยี่ยงพระทินกร ศศิธรจรัสศรี
ส่องจ้าณะธาตรี บมิมีจะดูดาย
๏ ยามเวนธเวียนมา ประลุคราประภาฉาย
รีบรัดประพาศผาย ปริวัตร์ณะเวหา
๏ ห่อนเขวประเพณี กิจะมีระเบียบมา
ห่อนหยุดธอุตสา หะกระทำเพราะจำเปน
๏ เยี่ยงนี้สิศิษย์ผอง ผิวะตรองจะต้องเห็น
สูรย์จันทร์ประพฤติเปน คติชอบประกอบผล
๏ เราเนาว์ณะสำนัก กิติศักดิ์กระเดื่องดล
เลื่องชื่อระบือชน มะนะน้อมนิยมชม
๏ เฟื่องฝึกณะศึกษา วิทะยาตะปาคม
เจนจบณะอบรม กิฬะสร้างพะลังกาย
๏ ยามเล่นละเลิงโลด ทระหดเสมือนชาย
ยามสาธะยายหมาย มานะทำลุสัมฤทธิ์
๏ เรียนเล่นผิลักลั่น สิจะดาลจะเดือดจิตต์
ห่วงนั่นและนี่นิด บมิช้าระอาใจ
๏ กลัดกลุ้มระรุมร้อน ธุระซ้อนทวีไว
ยุ่งยากลำบากใจ กิฬะปนระคนเรียน
๏ ลงเอยก็เลยรวน สละมวญลิขิตเขียน
ยึดเล่น, ละเลยเรียน กะระณียะที่ควร
๏ บวงลำกระทำพลี ปุชะนียะมากมวญ
วอนไหว้พิไรชวน ทิพะราชประสาทพร
๏ เทวันก็อั้นอัด ทุมะนัสฤทัยถอน
ตรัสว่าจะมาวอน ดนุช่วยสถานใด
๏ แม้หมั่นขยันงาน ก็ประทานสุพรให้
นี่ท่านสิคร้านไซร้ เอ๊ะ! ไฉนจะมาวอน
๏ อย่าเลยนะหลานกู ผิวะตูประสิทธิ์พร
ทวยเทพสุธรรมธร จะเยาะทั่วทิพาลัย
๏ จงหมั่นสิหลานข้า วิริยาจะนำไป
พำนักณะหลักชัย ชะนะปวงวิบากผอง
๏ อินทร์องค์จะส่งเสริม จะละเริ่มประคับประคอง
เศกสรรค์ประทานผอง วระพรสลอนไป
อีกเทพะกัญญา ณ ฟากฟ้าสุราลัย
บำเบิงระเริงใจ ก็ประโปรยสุมามาลย์
๏ หากคร้านจะวานวอน พระอมรมหาศาล
ห่อนสมอะรมณ์มาน มะนะมีฤดีถวิล
๏ ทิพพักตร์ก็เหี้ยมโหด ทิพะโสตรบ่ยอมยิน
ทิพจักษุ์ประจักษ์สิ้น ก็ผเอินมิเมินมอง
๏ เกรียมตรมและโทมนัส อุระอัสสุชลนอง
โอ้! เทวะไทยผอง ธะบช่วยบอวยเธอ
๏ “ช่วยตนเถอะหลานยา คณะฟ้าจะช่วยเธอ”
เทพตอบฉนี้เสมอ ดุจะว่ามิปราณี
๏ เราท่านวิจารณ์คิด สุภะษิตฉนี้มี
ในธรรมะบทศรี สรเพ็ชญะอ้างอิง
๏ “ธัม์โม หเวรัก์ ขติ ธัม์มจารี”
ธรรมจักพิทักษ์จริง จำเภาะผู้ประพฤติธรรม ๚

อีทิสังฉันท์ ๚

๒๐ เออ! ผิใช้สมองตริตรองตระหนัก  
พระพุทธะวัจน์ดำรัสสิจัก สกิดใจ
๏ ควรสำเหนียกสำนึกและฝึกหะทัย  
ณะปัจจุบันเพราะท่านสิวัย ก็ยังเยาว์
๏ ปางนิสัยธะอ่อนและค่อนจะเขลา  
ผิโน้มมิหักหนักและเบา มิเปนไร
๏ หากธะเติบธะโตยะโสนิสัย  
สิแข็งกระด้างจะรั้งมิไหว ณะทางดี
๏ รู้กระนี้แหละไซร้จะได้ทวี  
อุสาหะร่ำและทำกระณี ยะกิจตน
๏ เพียรประพฤติและยึดสุธรรม, กุศล  
จะส่งและสรรค์อนันตะผล อนาคต
๏ ธรรมจะปรกผิเปรียบเทียบกะกลด  
กำบังวิบัติขจัดสยด สยองสุรย์
๏ เทพจะอวยและช่วยสนับสนุน  
ประทานพระพรบวระคุณ เสมอหมาย

โคลง ๔ สุภาพ

๏ ธรรมย่อมพิทักษ์ผู้ ยึดธรรม
เปรียบยิ่งดวงไฟนำ ช่วยชี้
เห็นกระจ่างทางดำ เนินชอบ
ภัยพิบัติเบียดบี้ บ่ได้ดังหมาย ฯ

กาพย์

๑๑ ธัม์โม หเวรัก์ ขติ ธัม์มจารี
ธรรมเปนที่พึ่งพิง แห่งผู้ยึดประพฤติธรรม
๏ ธรรมเปรียบประทีปแก้ว แสงเพริศแพร้วแวววาวงาม
ชี้ทางสว่างวาม ดูเตียนโล่งปลอดโปร่งดี
๏ แสงเพลิงดำเกิงจ้า ระยับฟ้าอ่าเอี่ยมสี
มนุษย์สุดแสนปรี ชาอาจดับขับแสงไฟ
๏ แสงจันทร์อันโอภาส ขาวสอาดนาดนวลใย
เมฆแมกแซกเซิงใส ขับแสงนวลรวน ๆ จาง
๏ แสงตวันอันโพลงพลุ่ง เรืองโรจน์รุ่งส่องนภางค์
ราหูสัตรูล้าง ลบแสงได้ในพริบตา
แสงอื่นดื่นดาดาษ แสงนักษัตรแสงดารา
แสงใดไม่มีกล้า ประชันแข่งแสงโพธิญาณ
๏ ส่องฉายทั่วไตรภพ ห้วงอรรณพจบจักรวาฬ
ถิ่นถ้ำลำละหาน ชะวากเวิ้งเซิ้งซอกเขา
๏ ส่องแถวแนวไพรพฤกษ์ มืดทรรทึกปึกปึ้นเงา
สองย่านโลกันต์เผา อีกสวรรค์วิมานบน
๏ ส่องขันธสันดานชั่ว อันเกลือกกลั้วอกุศล
เห็นชัดถนัดยล เยี่ยงคันฉ่องส่องพักตรา
๏ ชี้ทางมล้างทุกข์ อบายมุขบุกมรรคา
สู่สุข, ทุกทิวา ละกิเลศ, เศรษฐ์ธรรมครอง
๏ ช่วยชี้วิธีขจัด ภัยพิบัติอุบาทว์ผอง
ชี้กฎกำหนดคลอง ธรรมวิถีเปนที่หมาย ๚

๏ กมลฉันท์ ๚

๑๒ วระธรรมจะช่วยชี้ สุวิถีเลาะลัดตรง
ดุจะมรรคุเทศทรง วุฒิชาญชำนาญทาง
๏ วระธรรมจะบำบัด และขจัดพิบัติลาง
ดุจะแพทย์พิเศษวาง สุภิสัชชะงัดหาย
๏ วระธรรมจะฝึกฝน และทมนมะโนกาย
ดุจะสาระถีนาย หะยะฝึกละคึกคนอง
๏ วระธรรมจะพิทักษ์ อุปะฐากและคุ้มครอง
นระผู้พิสุทธิ์ผอง ดุจะเทพพิทักษ์กาย ๚

พระราชธรรมนิเทศ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ