ภาค ๑

๏ แต่ปางหลังยังมี กษัตริย์ศรีสุริยวงศ์ ทรงพระนามหริศจันทร์ เถลิงถวัลยะราชัย ในอโยธยาธานี มิ่งมหิษีนงราม นามจันทรามาตี มียุพราชยงยศ ปรากฎพระนามา โรหิตาศวะ พระภูธรมั่นคง ดำรงสัตยะวาที เปนศรีราชจรรยา ยากจะหาใครอาจ สามารถเพ็ดทูลองค์ ทรงกลับคำดำรัส แม้นทูลทัดเท่าใด พระทัยไม่ไหวหวั่น มิทรงพรั่นมาตรแม้น ประสพทุกข์ขุกแค้น แน่นา ฯ

โคลง ๔

๏ คราหนึ่งศักระไท้ เทวัน
สระเทพเมืองแมน ทั่วทั้ง
นักพรตพรั่งพร้อมสัน นิบาต
นารทมุนีตั้ง ปุจฉา
๏ ว่ามนุษย์โลกนี้ มีฤๅ
ที่จะคงวจี มั่นไว้
ถ้ามีเช่นนั้นคือ ใครแน่
ที่ประชุมจุ่งได้ เอ่ยนาม
๏ ยามนั้นวสิษฐ์ผู้ ปุโรหิต
แห่งกษัตริย์สุริยวงศ์ นั่นแล้
ตรัสว่าพระหริศ จันทระ
ถือสัตยธรรม์มั่นแท้ นักเทียว
๏ มีผู้เดียวคัดค้าน คำเธอ
คือพระวิศวามิตร พรตกล้า
ว่าหริศจันทร์เลอ เดชเด่น
พระจักทิ้งสัตย์ผล้า เกียรติ์ไฉน
๏ ท้าวไทเธอยิ่งด้วย ศฤงคาร
อีกอมาตย์เสนา แวดล้อม
บใช้พระภูบาล บ่อเบื่อ
จงรักและพรักพร้อม กิจสนอง
๏ ปองใดได้ดุจแม้น พระหวัง
บ่มิทรงลำบาก แต่น้อย
ฉนั้นพระจึ่งยัง คงสัตย์
ไร้พระยศอาจคล้อย มุสา
๏ ลองคร่าห์สมบัติไท้ ทั้งเพ
นำพิบัติสู่องค์ อีกให้
ทรงเซซัดพเน จรท่อง
พระจักเทิดสัตย์ได้ แน่ฤๅ
๏ ฮือถ้าทำเช่นนั้น เปนไฉน
ขอวสิษฐ์มุนี นาถแจ้ง
วสิษฐ์ตอบว่าไร้ ประโยชน์
แม้นมิเชื่อจุ่งแสร้ง เสกเข็ญ

โคลง ๒

๏ เช่นนั้นวิศวามิตรเว้า แด่มุนีเทพเจ้า
ดั่งนี้ ฯ  

โคลง ๓

๏ อันภูมีหริศจันทร์ หม่อมฉันจักก่อให้
ตรัสมุสาวาทได้ ดั่งถวิล
๏ ไม่สมจินตน์หม่อมฉัน ยอมรับทัณฑ์โทษซ้ำ
ยกฤทธิ์เดชกึ่งก้ำ แก่ไท
๏ อีกให้พระชนม์ยง ดำรงราชย์สืบคุ้ง
สิบสี่ชั่วโคตรฟุ้ง เฟื่องนาม
๏ ยามสวรรคตลง ให้ทรงครองครอบด้าว
กึ่งฟากฟ้าแห่งท้าว มัฆวาน นั่นแล ฯ

ร่าย

๏ ณกาลนี้ขอย้อน ถึงภูธรหริศจันทร์ ครอบครองขัณฑสีมา อโยธยารุ่งเรือง ด้วยพระเปรื่องปรีชา ดำเนินราโชบาย มุ่งหมายธรรมเปนหลัก ทวยราษฎร์พรักพร้อมใจ จงรักในพระองค์ มุ่งแต่กระทำกิจ อันไม่ผิดนิยม แห่งบรมกษัตริย์ ขัตติยมหาศาล ปวงภัยพาลบ่เบียฬ เสี้ยนศัตรูเกรงเดช ไพรัชเทศแซ่ซร้อง พระกฤษฎากิจก้อง ทั่วทั้ง เมทนี นั่นแล ฯ

โคลง ๓

๏ บังอรศรีสุรางค์ นางจันทรามาติ์ไซร้
จงรักภักดีใต้ บาทบงสุ์
๏ ทรงเปนที่ปรึกษา ร่วมราซะกิจมากแล้
คู่พระบารมีแท้ แน่นอน
๏ เอกอรเปนตัวอย่าง ทางธำรงสัตย์หมั้น
ภารตะชนทุกชั้น สรเสริญ
๏ เยินยอเกียรติ์เทวี ราชินีแม่เจ้า
ตั้งแต่โพ้นตราบเท้า ปัจจุบัน นี้นา ฯ

โคลง ๔

๏ หริศจันทระราชผู้ เพ็ญยศ
ใคร่จะเริ่มมหาพลี กิจตั้ง
ให้เชิญเหล่านักพรต เพริดตะบะ
พร้อมขัตติยะราชทั้ง เทพไทย
๏ ไปประชุมแน่นท้อง พระโรง รัตนแล
ครั้นประจวบศุภสมัย ฤกษ์ล้วน
พระเสด็จออกโถง รับแขก
ประณตเทพฤษีถ้วน ทุกตน
๏ จุมพลพลางตรัสด้วย ไมตรี
แด่กษัตริย์สูงศักดิ์ เหล่านั้น
ทรงตอนรับด้วยดี ทั่วหมด
โภชนาเลือกฟั้น มอบเสวย
๏ เผยโองการโปรดให้ แจกทาน
แก่คณะพราหมณ์ชี เทพเจ้า
อีกทวยราษฎร์บริวาร วาณิช
ครบตระกูลสี่เค้า บุราณ
๏ กาลนั้นถ้วนทั่วผู้ ปรีดา
ต่างเปล่งถ้อยถวายพร ไม่น้อย
ขอให้พระราชา เจริญสุข
ปกเกศหล้ากว่าร้อย รอบปี

โคลง ๓

๏ ฤษีวิศวามิตร สถิตอยู่ณที่นั้น
ประสพโอกาสหมั้น เหมาะดี
๏ ที่จะใช้เล่ห์กล ให้โกศลรัฐเจ้า
ต้องประภาษวากย์เว้า มุสา
๏ ปรารมภ์แล้วทันที พรหมฤษียาตรเยื้อง
ผินสู่ฉะเพาะเบื้อง พักตรา ท่านนา ฯ

โคลง ๔

๏ ดูราราชะเจ้า จอมปราณ
ในพิธีมณฑล นี่ไซร้
หากอาตม์จะขอทาน สักสั่ง
จะพระราชทานให้ ดั่งฤๅ
๏ คืออาตมะจักตั้ง พิธี
เพื่อประกอบยัญญะ กิจเรื้อง
แต่ธนทรัพย์หามี พอไม่
บพิตรต้องช่วยเปลื้อง ปลดเข็ญ
๏ ภูเบนทร์ฟังว่าแล้ว ยินดี
ทูลตอบวิศวามิตร ว่าได้
จำนวนเท่าใดมี โปรดบอก
ข้าพระเจ้าจักให้ ดังขอ
๏ พอฟังตรัสบัดนั้น จอมพรต
สมคิดจึ่งเปรมปรา โมชแปล้
พลางทูลแด่ทรงยศ หริศ จันทร์แฮ
เงินที่ขอนั้นแล้ หนึ่งกอง
๏ มองตั้งแต่ภาคพื้น ภูวดล
สูงจดขีดนภา กาศกว้าง
ให้ราชบุรุษยืนบน หลังคช รัตน์แฮ
จับเพ็ชร์เม็ดหนึ่งขว้าง เหวี่ยงสูง
๏ คุ้งใดเพ็ชร์เม็ดนั้น ถับถึง
แค่นั้นแหละขีดสูง สุดแล้ว
แห่งกองทรัพย์ที่พึง มอบอาตม์
กองแต่ภาคพื้นแผ้ว ปถพี
๏ ศรีโกศลรัฐได้ ฟังขอ
เสียท่าแล้วพระทัย อัดอั้น
แต่ครั้นจะผัดรอ ก็จัก
ถูกเทพทุกช่วงชั้น ครหา
๏ ว่าไม่เคารพน้อม ต่อพราหมณ์
อีกผิดสัตย์สัญญา ลั่นไว้
จึงให้รวบทรัพย์ตาม ที่กะ
จนครบถ้วนมอบให้ มุนี
๏ แต่แทนที่จักรับ ทักษิณา
พระวิศวามิตรกลับ สั่งซ้อน
เงินนั้นพระราชา เก็บเถิด
ไว้เมื่อใช้จักย้อน กลับมา นี่แล ฯ

โคลง ๒

๏ ราชาเสร็จกิจแล้ว พระหทัยผ่องแผ้ว
เปียมปรีดิ์  
๏ ปวงฤษีเทพเจ้า ขัตติยราชเข้า
ตรัสลา  
๏ ต่างคลาเคลื่อนพยุหะผ้าย คนละแพร่งแยกย้าย
กลับสถาน ฯ  

ร่าย

๏ ตั้งแต่กาลนั้นมา พระสิทธาผูกจิต คิดแต่จะมุ่งร้าย ให้ฦๅสายหริศจันทร์ สู่ที่อันลำเข็ญ เพื่อได้เห็นประจักษ์ ว่าทรงศักดิ์เคร่งครัด ในสัตยะวาที หรือพระมีเวลา ตรัสมุสายามเข็ญ จึงพระเพ็ญพรตกิจ นฤมิตสัตว์ป่า ด้วยอาคมศักดิ์สิทธิ์ หลายชนิดหลายพรรณ ล้วนน่าหยั้นสยองเกล้า เที่ยวก้าวร้าวรังควาน ในย่านแห่งพศก ฉกคาบกัดทึ้งถอน ทุกสิ่งห่อนเหลือหลอ จึงนรทุกพรรณ ไม่เปนอันกอบกิจ ชวนให้ติดข้องขัด ทุกข์สาหัสใหญ่หลวง ปวงพหุภัยนานา เบียฬบีฑาเนืองนิจ เหลือคิดอดกลั้นประนอม จึงพร้อมใจสู่เขตร ราชนิเวศน์วังใน ไขเหตุการณ์ทุกสิ่ง ทูลพระมิ่งเมืองขวัญ หริศจันทระเจ้า ขอพระเดชปกเกล้าฯ ดับเข็ญ สิ้นแล ฯ

โคลง ๔

๏ อ้าพระจอมจักร์เชื้อ สุริยะ
ผู้สถิตเหนือเกศ แห่งข้า
ขอพระราชทานว โรกาศ
ฟังพศกทั่วหน้า กราบทูล
๏ ถึงมูลเหตุทราบใต้ บาทบงสุ์
พระอาชญาไม่พ้น เหล่าข้า
หวังเอาพระเดชคง ปกกระหม่อม
เพื่อสืบสุขเมื่อหน้า ต่อไป
๏ ในแว่นแคว้นบัดนี้ มีภัย
ซึ่งมิเคยมีมา แต่กี้
ฝูงสัตว์ป่าจงใจ ขบกัด
เหยียบย่ำทุกสิ่งปี้ ป่นแบน
๏ มันนั้นแสนโหดเหี้ยม หนักหนา
เหลือที่จะต้านทาน ต่อสู้
ขอพระอยู่เกศา ได้โปรด
ปรามปราบสัตว์ร้ายกู้ สุขคืน
๏ ในภาคพื้นแว่นแคว้น ภารตะ
เห็นอยู่แต่พระจอม จักร์กว้าง
เปนหนึ่งณขัตติย ชาติรบ
ที่อาจจะล่าล้าง สัตว์มลาย
ฦๅสายสดับถ้อย ทวยชน
ทรงปริวิตก ใช่น้อย
ในดวงพระกมล รักราษฎร์
จึงตรัสตอบว่าข้อย จักคลา
๏ สู่ป่าตามที่เจ้า วิงวอน
ไล่ฆ่ามฤคถึก เถื่อนร้าย
สูญสิ้นเพื่อบั่นทอน ทุกข์โศก
ให้ไพร่ฟ้าสุขคล้าย ก่อนกาล
๏ ฟังภูบาลตรัสด้วย กรุณา
ทวยราษฎร์ต่างชูหัตถ์ เทิดเกล้า
ถวายพรพระราชา ขอพึ่ง
วรเดชอะคร้าว จวบมรณ์

ร่าย

๏ ภูธรชวนชายา จันทรามาติ์คู่ใจ อีกหน่อไทบุตรา โรหิตาศวะ สละราชนิเวศน์ สู่ขอบเขตรแนวป่า พร้อมจาตุรงค์โยธี โลดไล่ตีสังหาร ฝูงสัตว์พาลนานา มีอาทิเสือสิงห์ วัวกระทิงหมูป่า มหิงษาหมาหมี ช้างชนีลิงไพร งูใหญ่, สัตว์หลายชาติ ทวิบาทจตุบาท ฟันฟาดด้วยคมขรรค์ บั่นชีพด้วยพิษศร ดินดักนอนแทบผลู ดูเกลื่อนกลาดระกะ พระตรัสให้เที่ยวค้น เลาะลัดด้นดั้นไพร ครั้นถับใกล้อาศรม พรหมมุนีวสิษฐ์ ปุโรหิตเลิดถนัด แห่งกษัตริย์สุริยวงศ์ ทรงตรัสให้โยธา ที่เมื่อยล้าผ่อนพัก แล้วทรงศักดิ์พร้อมองค์ นิ่มอนงค์, ราชบุตร สู่กุฏิ์ดาบสเจ้า พลางประณตนอบเกล้านมัสการ ท่านแล ฯ

โคลง ๒

๏ อาจารย์จิตผ่องแผ้ว เชิญราชสู่อาสน์แล้ว
เรียกหา  
๏ โภชนาครบถ้วน ทุกอย่างโอชะล้วน
จัดถวาย  
๏ ไพร่นายที่เมื่อยล้า ต่างรับเลี้ยงทั่วหน้า
อิ่มหนำ  
๏ การเลี้ยงสำเร็จแล้ว พระวสิษฐ์พรตแกล้ว
เจรจา ฯ  

โคลง ๔

๏ อ้าราชะชาติเชื้อ สุขุมาล
ไยพระจึงเตร็จเตร่ ไต่เต้า
ตามทางทุรกันดาร แนวป่า
พระฉวีจักเศร้า เสื่อมศรี
๏ ภูมีควรโปรดเกล้า ฯ ปกาศิต
ให้นิกรพรานไพร ล่าเนื้อ
พระปิ่นภพควรสถิต เวียงราช
เพื่อประศาสน์สั่งเกื้อ กิจสลอน
๏ อย่านอนใจรีบเข้า ธานี
เพื่อครอบครองอโยธยา รุ่งเรื้อง
แม้นเหยียบย่านมุนี เกาศิก นันทน์แฮ
ภัยจะตามติดเบื้อง บาทพลัน

โคลง ๒

๏ หริศจันทร์เกียรติก้อง ฟังวสิษฐ์พร่ำพร้อง
ตักเตือน  
๏ ชวนเพื่อนนาเรศร์เจ้า อีกโอรสราชเข้า
กราบลา  
๏ ให้คลาพยุห์ใหญ่น้อย ทุกกระบวนเคลื่อนคล้อย
กลับศรี อโยธยา ฯ  

ร่าย

๏ ฤษีวิศวามิตร หยั่งทราบกิจการปวง ที่ได้ล่วงเลยมา จอมสิทธามุ่งหมาย ออกอุบายลวงล่อ ให้หน่อไทสามกษัตริย์ สู่แนวชัฎชิดสถาน ย่านจงกรมนักสิทธิ์ เพื่อจับผิดหาเหตุ เนรเทศทรงศักดิ์ จากสำนักราชฐาน จึงพระชาญพรตกิจ นฤมิตกวางทอง รูปผุดผ่องโสภา สง่ายามเยื้องกราย ชายเนตรคมขำวาว วิ่งเหย่าเหยาะยั่วจิต ใครพิศต้องหลงไหล ให้อยู่ต้นทางรอ คอยล่อกษัตริย์สาม ไล่ตามเพราะอยากได้ หลงสู่ย่านท่านไท้ นักธรรม์ ฯ

โคลง ๔

๏ ครั้นสามกษัตริย์ได้ เห็นกวาง
ลักษณะวิไล เลิดล้น
ท่วงที่แช่มช้อยพลาง ชายเนตร
เลียมและล่ออยู่ต้น วิถี
๏ ภูมี, นาเรศรแก้ว, โอรส
มีประสงค์ได้กวาง เอกนั้น
เพื่อประดับเกียรติยศ ชมเล่น
จึงกวดกวางกระชั้น ชิดไป
๏ กวางไพรไวว่องแท้ ทางหลบ
เห็นกษัตริย์ไล่ตาม ติดใกล้
ถอยห่างพระทรงภพ พลางยั่ว
ให้ติดใจจักได้ ดุ่มตาม
๏ ยามนั้นจอมจักร์คว้า พระศร
ก่งธนูแล้วยิ่ง สาดเปรี้ยง
ถูกมฤคหามรณ์ ชีพไม่
ทรงพิโรธคลั่งเพี้ยง อัคคี
พระมีมานะเมื้อ ตามกวาง
จวบตวันยอแสง พลบแล้ว
ประทับเหนื่อยเหน็ดพลาง ผทมหลับ
บนตักแห่งมิ่งแก้ว มหิษี

โคลง ๒

๏ ณราตรีย่ำนั้น ทรงสุบินน่าหยั้น
สยดหยอง  

โคลง ๓

๏ ว่าพราหมณ์ปองร้ายหนึ่ง อุกอาจถึงนาถเจ้า
เตะมกุฎจิกเกล้า ขู่เข็ญ
๏ ขับพระเพ็ญพิโรดม ออกจากสมบัติท้าว
ห้ามมิให้สู่ด้าว อีกนา
๏ พระราชาผวาตื่น เห็นงามชื่นนิ่มน้อง
พระจึงเผยพจน์พร้อง เล่าสิ้น มูลฝัน ฯ

โคลง ๔

๏ นางจันทรามาติ์แก้ว กานดา
ฟังยุบลเหตุฝัน นั่นแล้ว
หยั่งทราบเรื่องอนา คตแน่
พหุภัยไม่แคล้ว คลาดไท
๏ ทรามวัยทุกข์ท่วมท้น ฤดี
หวาดพะวงถึงภัย เมื่อหน้า
แต่เกรงพระทรงศรี จักสลด
จึงข่มจิตกับพะว้า หวาดสูญ
ทูลสนองนาถเจ้า สวามี
ว่าสุบินเกิดแต่ พจน์พร้อง
แห่งวสิษฐ์มุนี ครอบจิต
เปนเหตุให้พระต้อง ใฝ่ฝัน
๏ เชิญบรรทมเถิดไท้ ทูลหัว
เพื่อพักผ่อนอิริยา บถบ้าง
ยามข้าอยู่ชิดผัว เหมือนเพื่อน
ร่วมทุกข์บุกป่ากว้าง ต่อไป

ร่าย

๏ อุษาไขแสงก่อง สว่างท้องเวหน ภูวดลตื่นนิทรา พร้อมชายาราชบุตร ผิวพรรณผุดผ่องใส ทันใดนั้นมีนาง สองสอางค์โสภา ราวกัญญาอักษร ชูกรฟ้อนรำร่า ท่าทางยั่วยวนจิต ชวนให้คิดประดิพัทธ บัดนั้นนางทั้งสอง ส่งลำร้องเพลงขับ สุรศัพท์อ่อนหวาน ปานคานธรรพวาที ภูมีพอพระทัย ใคร่ประทานบำเหน็จ พลางหยิบเพ็ชร์ยื่นให้ เพื่อแน่งนางจักได้ เก็บไว้ เปนพยาน ฯ

โคลง ๔

๏ กาลนั้นนางนาฎแค้น ฉุนฉิว
ดวงจิตกอบด้วยกาม ราคร้อน
จึงตอบว่าข้าหิว โหยยิ่ง
พระจะเอาเพ็ชร์ป้อน อิ่มฤๅ
๏ ฦๅสายฟังตัดพ้อ คำเคือง
จึงตอบว่าข้าขอ แนะเจ้า
ถ้าขายเพ็ชร์ในเมือง คงจัก
ได้เงินซื้อกับเข้า อิ่มหนำ
๏ นางสำออยตอบถ้อย ทรงฤทธิ์
ว่าณกายข้าสอง อิ่มแปล้
แต่ว่าณดวงจิต หิวหน่อย
อยากแนบองค์เพื่อแก้ กันหิว
๏ พระกริ้วโกรธคลั่งเพี้ยง เพลิงลาม
ว่าเหม่ๆ นางอุ บาทว์บ้า
มึงพูดแต่เรื่องกาม ลามก
บอกตระกูลต่ำช้า หลีกไป
๏ จริงไซร้ข้าต่ำต้อย สกุล
นางเร่งตอบสนอง นาถเจ้า
แต่ข้ากอบด้วยสุน ทรลักษณ์
ควรฤนับชาติเข้า ขัดกัน
๏ อันวิวาหะไซร้ ใครถือ
ชาติตระกูลเปนเกณฑ์ กฎบ้าง
กล้าเถิดพระบรรฦๅ เลิดลบ
แต่งกับข้าจักสล้าง สุขศานต์
๏ ภูบาลตอบแน่งน้อย นารี
ว่าพระมีมหิษี อะเคื้อ
อีกได้ลั่นวาที คงสัตย์
นางจะออดกี่เทื้อ ป่วยการ
๏ นางพาลพร่ำแต่เฝ้า ง้องอน
บุกรุกถึงที่ประทับ ท่านท้าว
พระชูธารพระกร ขู่ไล่
นางสะอื้นทำเค้า ถูกโบย
๏ โอยโอยโปรดช่วยข้า นารี
พลางฉีกเสื้อผ้าผ่อน ขาดหวิ้น
สยายเกศสู่กุฎี ดาบส
ทูลฤษีทราบสิ้น คดี
๏ มุนีโกรธคลั่งแท้ เหลือทน
ดวงเนตรก่ำเหมือนไฟ คุไหม้
ตรงยังที่จุมพล ประทับ
เตะพระมงกุฎไท้ กระเด็น ฯ

ร่าย

๏ ภูเบนทร์หริศจันทร์ กลั้นโทโสเสื่อมสร่าง พลางตรองด้วยปรีชา ว่าวิญญูชนปวง ล่วงพ้นซึ่งความโฉด ไม่เอาโกรธตอบโกรธ ไม่ใจโหดเหี้ยมดุ อันสุภาพพจน์นา เปนยาดีไม่เบา แก้โกรธเกาศิกนันทน์ ราชันจึงทูลว่า ข้าแต่พรหมนักสิทธิ์ ลูกยาผิดกลใด ท่านจึงได้ลงโทษ โปรดว่ากล่าวสั่งสอน ฉันท์บิดรรักบุตร ให้สุดสิ้นสังกา ข้านี้แสนยินดี ที่ได้รับโทษทัณฑ์ แต่ยังหวั่นอยู่ว่า บาทาแห่งท่านน้อ ถูกมกุฎเลือดห้อ ฟกช้ำ กระมัง

โคลง ๔

๏ ฤษีฟังว่าแล้ว ตอบไป
ว่าบาทข้ามิมี ฟกช้ำ
แต่ทว่าเจ็บใจ สาหัส
ทพวกมึงล่วงล้ำ เขตรกู
๏ ดูดู๋ช่างมุ่งร้าย รังควาน
กวางสุวรรณทำอะไร แก่เจ้า
ไยมึงล่าสัตว์ย่าน นักสิทธิ์
หักกิ่งไม้ในด้าว แดนชี
๏ มีความผิดยิ่งร้าย อีกกะทง
คือธิดาข้าสอง แช่มช้อย
ไปหาสู่ด้วยจง จิตต์รัก
มึงกลับเฆี่ยนกล่าวถ้อย แดกดัน
๏ อันชายกล้ากลั่นนั้น มีฤๅ
ที่จะโบยตีหญิง อ่อนได้
มึงใช่อื่นแท้คือ คนขลาด
อีกใช่เชื้อหน่อไท้ กษัตรา ฯ

โคลง ๒

๏ ราชาเคารพน้อม ไม่รับสั่งอ้อมค้อม
อีกนา  
๏ ข้าเปรียบลูกท่านไซร้ โปรดยกโทษนั้นให้
สักที ฯ  

โคลง ๓

๏ ฤษีเฉลยไข ว่าจะยกโทษได้
ก็แต่เมื่อท่านได้ ตกลง
๏ จำนงรับธิดา เปนภริยาปกป้อง
ทนุเลี้ยงเสพย์สร้อง สุขศานต์ ฯ

โคลง ๔

๏ ภูบาลว่าขัดข้อง แน่ละ
เพราะพระมีมหิษี นิ่มน้อง
อันสองธิดาตระ กูลต่ำ
จะรับไว้ร่วมห้อง อย่างไร
๏ จอมไสยะพรตเจ้า จึงอวด
ว่าธิดาสองนาง แน่งน้อย
รูปทรงสอางค์ยวด ยอดยิ่ง
นรชนกว่าร้อย สู่ขอ
๏ ข้าไม่พอจิตต์ให้ สุดา
แก่บุรุษสามัญ นั่นแล้
อยากให้กับพญา กษัตริย์
เพออยู่ปราสาทแปล้ ไปล่สราญ
๏ แม้นนฤบาลรับแก้ว กัญญา
เปนมิ่งมหิษี คู่ด้าว
ข้าจะกรุณา ยกโทษ
มิฉนั้นชีพท้าว กษัย
๏ ท้าวไทว่าเช่นนั้น สิทธา
ข้ายกราชสมบัติ มอบให้
แต่จะสั่งให้อา วาหะ
กับบุตรีท่านไซร้ สุดกลืน
๏ ฤษีชื่นจิตต์เว้า ว่ากู
ยอมรับราชสมบัติ ท่านสิ้น
ราชาจึ่งกระทู้ ดาบส
ว่านี่ท่านเล่นลิ้น ตลกฤๅ
๏ ฮือเอาคืนเถิดไท้ สมบัติ
วิศวามิตรพลาง ตอบโต้
แต่พระต้องยอมตรัส เชิงปด
อีกรับสั่งโยกโย้ กลับคำ
๏ ทำเช่นนั้นขัดข้อง โยคี
หริศจันทระจึง วากย์เว้า
ข้าขอยึดวจี ที่ลั่น
โปรดรับเถิดซึ่งด้าว แด่นดนู
๏ ครูเฒ่าจึงว่าข้า ขอบใจ
ท่านกษัตริย์มหาศาล แน่แล้ว
แต่อาตม์นี้ยังไร้ เพ็ชร์รัตน์
ที่จะมอบลูกแก้ว ยอดใจ
๏ หน่อไทสามท่านนี้ ไพบูลย์
ธำมรงค์เรือนงาม เพริดแพร้ว
สังวาลย์เพ็ชร์จำรูญ ชูเนตร
มิ่งมกุฎก่องแก้ว วราภรณ์
๏ ภูธรจงมอบให้ ธิดา ข้าเฮย
เพื่อเก็บไว้ประดับ เล่นบ้าง
ยามครองครอบอโยธยา บุเรศร์
สมเกียรติศักดิ์สล้าง ต่อไป ฯ

โคลง ๒

๏ ภูวไนย, นาเรศร์แก้ว เปลื้องเครื่องประดับแพร้ว
เพริดนา  
๏ โรหิตาศวะน้อย เปลื้องเครื่องทรงพร่างพร้อย
เช่นกัน  
๏ ของนั้นรวมรวบเข้า มอบมุนีนาถเจ้า
ดั่งขอ  
๏ แล้วหน่อไทโอรส จึงเผยพจน์บ่นอู้
ว่ามุนีนี่รู้ ฉลาดเกิน  
๏ เพลินส่ำสมโลภไว้ เห็นอะไรอยากได้
ร่ำไป  
๏ ในเมื่อหน้านั้นแล้ ภัยจักตามแน่แท้
สนอง  

โคลง ๓

๏ สมปองจอมโยคี เปรมฤดีไม่น้อย
รีบคระไลลับคล้อย หริศจันทร์
๏ ครั้นต่อมาครู่หนึ่ง จอมพรตจึงโยกโย้
วกกลับมาตอบโต้ กับไท
๏ ว่าไหนกองทรัพยะ ที่พระมอบอาตม์ไว้
ณท่ามกลางเทพไท้ ฤษี
๏ ในพิธียัญญะ หรือพระถอนตรัสได้
ให้ฤมีให้ บอกมา
๏ ข้าประสงค์ทรัพย์นั้น ขอราชันอย่างช้า
จงหยิบยื่นแก่ข้า บัดนี้ เร็วพลัน

ร่าย

๏ บัดนั้นมิ่งโมฬิต หริศจันทร์ราชเจ้า เข้าในที่ลำเค็ญ มองไม่เห็นวิธี ที่จะเสาะหาทรัพย์ นับจำนวนมากหลาย เท่าฦๅสายได้ยอม มอบแก่จอมพรตขลัง ครั้งเมื่อตั้งพิธี มหาพลีไพศาล ตั้งแต่กาลยังทรง ดำรงราไชศวรรย์ ณเขตรขัณฑ์อโยธยา บัดนี้นราธิบดี ได้มีราชดำรัส มอบสมบัติในเมือง อีกเครื่องทรงอลงกต ทั้งหมดให้เปนสิทธิ์ วิศวามิตรมุนี ไม่มีอะไรเหลือหลอ พอจักเที่ยวบอกขาย ได้เงินถวายนักธรรม ตามสัญญาถูกต้อง พระปรึกษานิ่มน้อง ทำไฉน ฯ

โคลง ๔

๏ อรไทยเมื่อได้ ฟังถาม
จึงว่าโอ้สวามี เทริดเกล้า
ข้าแคลงจิตต์ว่าพราหมณ์ นี่จะ
หาเรื่องให้พระเว้า มุสา
๏ อย่าเลยอย่าเดือดร้อน ทูลหัว
ขอผัดมุนีหนึ่ง มาสถ้วน
เราเที่ยวเสาะทรัพย์ทั่ว ทุกแห่ง
เพื่อถนอมสัตย์ล้วน เลิดแสน
๏ แม้นผิดนัดนั้นแล้ว ยินยอม
ให้มุนีผู้เพ็ญ พรตแกล้ว
ขายคณะเราพร้อม เปนทาส
ได้ทรัพย์ใช้ณี่แล้ว ปลอดภัย
๏ ภูวไนยเห็นชอบด้วย นวลแข
จึงผัดและสัญญา เยี่ยงนั้น
นักธรรม์ธยอมแต่ สั่งขาด
อย่าแวะเยี่ยมเขตรกั้น อโยธยา
๏ ราชาคำนับน้อม รับรอง
ปฏิบัติตามสั่ง ครุเถ้า
มุนีมุ่งจิตต์ปอง ร้ายจึ่ง
เผยพะจีแก่เจ้า จอมผไท
๏ ใครเล่าจักเชื่อถ้อย พระองค์
ผู้เสื่อมศักดิ์ขัดสน ทรัพย์สล้าง
ได้เงินจักพะวง เลี้ยงอาตม์
ถึงนัดสิณี่ค้าง ติดนา
๏ อาตมามีศิษย์อ้าง ออกนาม
นักษัตรกะคน โปรดไซร้
จักให้ครไลตาม เสด็จ
เพื่อเก็บทรัทย์ที่ไท้ เสาะมา
๏ ศิษย์ข้านั้นหนุ่มน้อย สะโอดสะอง
การแบกหามไม่เคย แต่กี้
กินอยู่หลับนอนตรง กำหนด
เปนปรกติเช่นนี้ ทุกวัน
๏ ราชันต้องช่วยเอื้อ อารี
ให้ศิษย์ข้าอยู่เย็น ค่ำเช้า
ว่าแล้วพระมุนี กระซิบ
ให้นักษัตรก์ทราบเค้า อุบาย สิ้นแล

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ