โคลงถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิ

(พิมพ์ครั้งที่ ๑)

งานพระอัฐิพระเจ้าหลวง

เมรุยอดปรางเปนปฐมในรัชกาลที่ ๑

พระนิพนธ์

พระองค์เจ้าคันธรศ กรมหมื่นศรีสุเรนทร์

เพื่อจะให้เป็นแบบไปภายน่า

----------------------------

ลงพิมพ์โดยกระแสรับสั่ง

พระเจ้าราชวรวงษ์เธอ

กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ

ตีพิมพ์ที่โรงพิมพ์วัชรินทร์ บริษัท

รัตนโกสินทร์ ๒๙ศก ๑๑๕

 

โคลงถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิ

๏ สูง ศักดิ์สากลเลื้อง ฦๅชา
ศรี อยุทธยากรุง เอกนี้
สม เด็จเสร็จปราบดา ผดุงโลกย์
บูรณ เกรียดิ์บ่นับกี้ โกฎิล้านอสงไขย
๏ ภูล ยศภูลศักดิ์แกล้ว กลัวฤทธิ์
ศุข สนุกอนานิตย์ ทั่วหน้า
ทุก ท้าวประเทศทิศ เทียรย่าน ยำแฮ
เมื่อ แรกเฉลิมหล้า กราบท้าวคุงวัน
๏ ก่อ การหว่านพืชน์เนื้อ นาใน
เกื้อ เพื่อโพธิญาณไป ภาคโพ้น
กุ ลานุทูลไท โปรดทั่ว
ศล ราชบ่ขาดโข้น ทั่วฟ้าธรณินท์
๏ ฝูง ผู้พำนักนิเจ้า จักรพาฬ
ชน ย่อมชุลีกราน กราบเกล้า
อวย พรพิศาลสานดิ์ สวัสดิ์ว่า พ่อเฮย
ไชย ชำนะสระเศร้า สร่างร้อนจงเกษม
๏ หฤ ทเยศขยาดย้งง ยำเวร
ไทย รดสำราญเยน หย่อมหล้า
เต็ม เสมอสมุทเบญ จะวาเรศ
ตื้น อกพรรคไพร่ฟ้า เฟื่องฟื้นหฤหรรษ์
๏ ชม ไททุกปากผู้ พรรค์คน
ชื่น ช่วงดวงกระมล หมดไหม้
ประ ฎิภักดิ์รักษ์จุมพล ภูวนารถ
ชา ราษฎร์ประกาศให้ แซร่ซร้องสรเสริญ
๏ เหมุทกตกหยาดต้อง ใบพฤกษ์
ชรอุ่มดอกบตฤก หน่อก้าน
ตฤณชาติดาษอทึก ธรณิศ เขียวนา
สบสัตว์เสียวสท้าน เหตุด้วยฤดูหนาว
๏ ปางนั้นสมมติไท้ เทวัน
เนาพิมานจักรพรรดิ์ แผ่นฟ้า
เถลิงแท่นสุวรรณอัน โอภาษ
สนมสนิทเสนอหน้า อยู่เฝ้าบริบาล
๏ ยิ่งยงอย่างยอดฟ้า มัฆวาฬ
ทรงน่งงเหนือบัลลังก์กาญจน์ ก่องแก้ว
ในเหมะพิมาน ลอยเมฆ
ล้วนสุรางค์เลอศแล้ว แวดล้อมถวายโฉม
๏ ราชรู้อุดุแล้ง ลมฝน
สุริเยศย้งงอำพล ผ่องแผ้ว
บมานเมฆพิกล ธรุทก
จันทร์จรัสจรูญแพร้ว แพร่ฟ้าฟูโพยม
๏ ธิราชปรารภด้วย ศรัทธา
เพื่อพระธาตุนาถา ปิ่นเกล้า
กับสองบรมธา ตุชนก
จักชักเชิญเสด็จเข้า สู่ซุ้มเมรุฉลอง
๏ แรงรมยยั่วเย้า ในมโน ทวารนา
บานดั่งผกาโก มุทแย้ม
ปฤดีดรุโณ ปราโมช
ผิวเหลืองสดแฉล้ม เล่ห์ไล้ทองชโลม
๏ ธิเบศบัดจากแท่นแก้ว กรายกร
ไขม่านเบิกบัญชร เฉิดหน้า
เสด็จเหนือราชบัณฐรณ์ ธราอาศน์
แวงรักษ์ดำรวจว้า วุ่นห้ามปรามคน
๏ เสนางค์ทั่วหน้านอบ หมอบเรียง
แลเล่ห์สิเนรุเกรียง หลักหล้า
มีเขาบริวารเคียง เปนขนัด
ท้าวท่านสำราญอ้า ออกเอื้อนโองการ
๏ ซั้นสั่งมุขมิ่งท้วย มนตรี
จงเร่งตราบาญชี ไพร่พร้อม
เกณฑ์ก่ายจ่ายทำศรี เมรุมาศ
เมรุใหญ่เมรุเล็กล้อม เร่งแล้วจงพลัน
๏ จักเผชิญพระธาตุสร้อย สรรเพ็ช
ทั้งธาตุสองสมเด็จ เสด็จด้วย
ยังเมรุพิมลเสร็จ โสภาค
ทุกท่านวานอย่าม้วย จักสร้างผลบุญ
๏ เสนาชำนิน้อม บทมาลย์
รับสั่งวัจโนงการ ผ่านเผ้า
มาทหมายทั่วพนักงาน หมวดหมู่
ขุนหมื่นพระหลวงเจ้า บอกแจ้งการระดม
๏ ฝ่ายหน้าอนุราชไท้ ธิบดินทร์
สั่งหมู่สุรเสนินทร์ ฝ่ายหน้า
โดยดุจพระไทยถวิล ผลเพิ่ม ผดุงแฮ
สูเร่งเร็วอย่าช้า ช่วยให้เสร็จประสงค์
๏ สองราชสองร่วมน้ำ หฤไทย กันนา
สองรุ่งฤทธิ์ฤๅไกร ปราบด้าว
สองทรงพระญาณไพ บูลย์ยศ ยิ่งนา
สองจะนำนิกรก้าว แห่งห้องสงสาร
๏ ส่วนขุนพระหมื่นเจ้า พระยาหลวง
ทุกกฤดทุกกรมกระทรวง สบไส้
ปฤดาชื่นในดวง ใจใคร่ เห็นแฮ
สมโภชพระศพไท้ ธิราชเชื้อเฉลิมเมือง
๏ อีกหมู่สมณพร้อม พราหมณา
พลเรือนอนาถา ทั่วผู้
เขตรขอบรอบเสมา เมืองราช
รู้ข่าวฉาวไปรู้ ชั่งตั้งตาคอย
๏ ฝ่ายพลตนต้องกะ เกณฑ์งาน
ห่อนเกียจในกิจการ ท่านใช้
ยิ่งขยิ่มเบิกใจบาน บห่อ ใจนา
ใจจ่อจะฃอให้ เพิ่มเข้าจงครัน
๏ เหล่าช่างทำอย่างหยื้น ยอถวาย
ยลอย่างใดชายฉาย เฉอดล้ำ
สั่งให้ช่างทั้งหลาย เลื่อนอย่าง นั้นนา
สำเร็จบำเหน็จก้ำ กึ่งให้หัวมือ
๏ ครั้นอรุณรุ่งเช้า เพลา
ชอบโชคมหุติวา รฤกษไส้
คับคั่งคณคณา เนกแน่น
เสียงโห่เหหะให้ ยกเปตื้องเสาเมรุ
๏ ดนตรีปี่พาทย์พร้อม ประโคมดัง
เอาฤกษเออกเกริกฟัง มี่ก้อง
ไพร่บ้านนี่ประนัง กันช่วย
สารวัดเรเร่ร้อง ตรวจต้อนเตือนคน
๏ กำหนดเมรุทิศถ้วน อัษฎา
รายรอบเมรุเอกา ใหญ่ชั้น
ยลปรางค์กุฎาปรา กฎเมฆ
ร้อยรอบระเบียบบั้น แบ่งไว้จังหวะงาม
๏ เมรุแทรกเมรุทิศทั้ง เมรุกลาง
สวมเครื่องเรืองรองราง เรื่อฟ้า
บนดาษสุพรรณพาง ทองสุก
สรรพสิ่งผจงจ้า แจ่มแจ้งจรัสหล
๏ นวสูรพรหมภักตรเพี้ยง ภักตรพรหม
มุขระเหิดเทิดธารลม ลิ่วไม้
แลฬ่อภอใจชม ชาวราษฎ์
กระจังคั่นสรรใส่ไว้ นาคย้วยทวยทอง
๏ เบื้องในวิจิตรด้วย เลขา
อดิเรกรูปเทวา วาดไว้
มีเทพกัลยา ยวนเสน่ห์
ถืออุบลบานไหว้ สถิตย์เฝ้าเคียงองค์
๏ ภาคใต้เบ็ดเตล็ดล้วน หลากหลาย
เสือแสะแพะกวางทราย เด่าด้อม
เทินป่ารุกข์เรียงราย ระรื่น
สูรสัตวมัจฉะมีพร้อม คิริห้วยเหวละหาล
๏ เพดาลรจิตด้วย ดวงเดือน
ดาวเด่นดูดาวเหมือน จักย้อย
บงบเบื่อใจเตือน ตาพิศ ดูแฮ
พวงกลิ่นอัจกลับห้อย พู่แพร้วพวงมาลย์
๏ ม่านแพรแลเพริดแพร้ว มีพรรณ
พื้นแดงดอกโสวรรณ แย่งก้าน
รูดรอบรับแสงฉัน ชวยโชติ
สรรใส่ประจำด้าน เสร็จไส้สมบูรณ์
๏ ยี่ภู่ปูลาศพื้น พรรณราย
สำหรับราชอาศน์ถวาย แต่งไว้
อีกอาศน์ราชวงษ์สาย สืบกระษัตริย์
ปางเมื่อเสด็จดลได้ ดำแหน่งนั้นโดยควร
๏ จุลเมรุเหมมาศไว้ ภายใน
ทรงทรวดสุนทรประไพ เลิศล้ำ
เหมือนเมรุสหัสไนย นฤมิตร
มาช่วยทรนุกค้ำ เชิดช้อนบารมี
๏ ถานบัดบวกเขบ็จไว้ เทวา
ครุธสลับจับนาคา คาบเคี้ยว
อโธภาคกินรา รายรูป
สร้อยสลับทับทรวงเกี้ยว โอบสอิ้งอาภรณ์
๏ ใครยลกลยั่วเยื้อน เจรจา
ให้ย่ำดำเกิงกา เมศไหม้
งามโฉมเฉกกินรา ไกรลาศ
เต้าแต่งเตือนใจให้ ลูบไล้โลมสงวน
๏ ไม้กระถางวางหว่างนั้น งามงาม
มนาวเทศเกดโกขาม ข่อยจ้อน
สาขาค่าคบทราม ผลดอก ดกแฮ
ดัดถ้านารีฟ้อน แยกย้ายหลายขบวน
๏ พนมศพครบเจ็ดชั้น พึงพิศ
แลฉลุปรุประดิษฐ์ เลิศแล้ว
เจิมทองผ่องไพจิตร จรูญจรัส ดานา
นกคาบกาบกิ่งแก้ว ช่อช้อยยรรยง
๏ หงษ์เหมวิหคห้อย เครือครุย
แตรอกวอกลิงคุย ค่างเต้น
สีหราชเผ่นโผนตกุย กุมกนก
นาคมัดมังกรเฟ้น ฝรั่งเลื้อยพัลวัน
๏ แม่ลายฉลักล้วน ดีดี
ช่องกระจกกระจังรี รักร้อย
ซุ้มไว้แว่นมณี ฉายช่วง
แสงพระอาทิตย์พร้อย พร่างหน้ายลสยอง
๏ รูปสัตว์จัดต้งงค่งง เคียงเคียง
แถวถัดเทพนมเรียง รอบริ้ว
เทวาหุ่นเห็นเพียง เทพบุตร จริงแฮ
แซมอุบลใบพลิ้ว พลิกก้านบานตูม
๏ กุฎาคารมุขถ้วน จัตวา
ประกวดแกะเปนอินทรา ขี่ช้าง
สามเศียรสรัพงวงงา งอนตระหง่าน
ดูดั่งเดินโพยมคว้าง เช่นช้างตัวเปน
๏ โอฬารล้วนระกุแก้ว แกมกาญจน์
กรงนาคหน้าพรหมมาน เพริศพริ้ม
นพสูรส่องสุริยาฉาน เฉิดช่อ ฟ้านา
ครีพครุธจุดกระจกจิ้ม แจ่มหล้าบราลี
๏ เล็งเมลืองเฟืองกลีบเกลี้ยง จงกล
แกมเพ็ชรเพดาลบน บุเบื้อง
รย้ารยาบเสาวคนธ์ ทราเมศ
ชื้นชื่นชูใจเปลื้อง ปลิดร้อนแรงศัลย์
๏ ดอกจอกเบญจมาศห้อย ใบโพ
กริกกริ่งพลวาโย พัดย้อน
ผูกสายพิสูตรโส ภณเลิศ
ทองปักชักลวดซ้อน สลับด้วยดอกใน
๏ เก็จกาบขนาบก้าม ปูรอง
สิงห์อัดหยัดเพียงผยอง ย่างเยื้อง
ขุนครุธพุชฌงค์มอง หมายฆ่า กันแฮ
รายรัตนชัชวาลเรื้อง พิพิธพื้นมีศรี
๏ สุวรรณฉัตรพัดโบกช้อย จามร
กลิ้งกลดชดชูสลอน เรียบไว้
ชุมสายสุริยาธร บังบด
ครบเครื่องศิริให้ แต่งต้งงบรรจง
๏ เสโตโกมุทแม้น แมนสวรรค์
เปนหลั่นเรียดเรียงรัน ถี่ถ้อง
รองพับพัตราอัน ดับหัดถ์
ไว้เพื่อสงฆ์ทรงซร้อง พินิตข้อกรรมฐาน
๏ เล็งลออสอาดสอ้าง เอาตา
ผิจะเอาพิมานมา เปรียบไส้
อย่างแลอย่างอลังกา กลอย่าง กันนา
งามเล่ห์เสรสรวลให้ หากแกล้งแสดงงาม
๏ มณฑลประเทศเที้ยร แตะตี
ราบเรียบเปรียบเภรี ราบหน้า
ราชวัตรฉัตรรายมี ฉากรอบ
เขียนเรื่องรามเกียรดิ์อ้า อ่องล้วนลายรบาย
๏ ส่ำสางยลอย่างแก้ว ปราการ
ผนังก่องจิตรกรรมมาณ เลิศล้อม
ระยะหว่างทวาร จัตุเรศ
รูปยักษ์โตเต็มอ้อม แอบแง้มรักษา
๏ วิหิรารั้วข่ายกั้น กรรกง
เทียวธวัชฉัตรเบญจรงค์ เรียบร้อย
สาโลทกาตรง ตราบฉัตร
ตุ่มแลไหใหญ่น้อย ใส่น้ำอวยทาน
๏ ผลูเลี่ยนตลิบล้วน ทรายพราย
แถงเรียบสองฝากชาย เฉียดข้าง
ธงฉัตรปักเรียงราย สรพรั่ง
ยลถนดถนนกว้าง ย่างเยื้องยลตีน
๏ ต้นกัลปพฤกษ์พร้อม โดยตรา
ตั้งแต่ชาลมรรคา เขตรหั้น
โรงเลี้ยงสิ่งสรรพปา นิยโภชน์
โรงสุราบานนั้น อยู่เลี้ยวมูนเมือง
๏ กฎพิกัดแก่เหล่าเหล้า นักเลง
เสพอย่าเสพโฉงเฉง เยอะย้ำ
แม้ใครบ่กลัวเกรง เยียเฉลาะ กันนา
โซร่ใส่คาขื่อซ้ำ โจรกด้วยหลายประการ
๏ โรงโขนโรงหุ่นงิ้ว ลครโรง
รธาช่องรธาโยง เชือกไว้
ที่ประทับพลับพลาโถง ทอดเผนก
ทั้งสี่สนมไส้ สฤษดิ์แล้วตามเกณฑ์
๏ เดยษดาดิรัศขึ้น จันทวาร
อัษฐศกภุชงค์ชาญ ขวบเข้า
มหาเทพสงกรานต์ ยังห่อน มานา
ให้แห่พระธาตุเข้า สถิตย์ห้องเมรู
๏ เกณฑ์เกณฑ์พลแห่นั้น นานา
ทวาทัศะภาษา ทั่วถ้วน
แขกขอมวิลันดา เปนอาทิ์
เหล่าเหล่าก็หลากล้วน เลือกพื้นคนขยัน
๏ แหนแห่บูรพะด้วย พาชี
มนท์หมอกศรีสำลี แสดฟ้า
อัศาภรณมณี ครบเครื่อง
ผูกทั่วทุกตัวม้า มิ่งล้ำดำเกิง
๏ บางนายขี่ไหยเต้อ ตัวดำ
ดาวมาศลาดหลังกำ มะหยี่ปล้อง
ล้วนเสื้อใส่ดอกคำ โพกขลิบ ทองนา
กรกำด้ำตาวจ้อง อาจสู้เศิกแสยง
๏ บางนายขี่ม้าเผือก ผันผยอง
เสื้อม่วงพื้นผุดทอง โพกเกี้ยว
ถือทวนรำทำนอง นวยนาด
ชักกระชั้นหันเลี้ยว ล่วงหน้าในสนาม
๏ บางนายนุ่งดอกช้ำ ชายกรวย
เสื้อห่มสมตัวรวย โพกริ้ว
เถลิงม้าหมอกพาพวย ผกวิ่ง
แซร่เฆี่ยนบังเหียนหิ้ว ชักไว้ในกบวน
๏ บางนายขี่หัยะห้าว ศรีจันท์
สายสนั่นหุ้มโหมดมัน ยับย้อย
แคบเงื่อนง่องโฉลงพันธ์ พานภักตร
ผูกพู่สายเหาห้อย ฮะหื่นร้องลองเชิง
๏ บางนายนุ่งห่มพื้น พรรณเขียว
ขึ้นขี่ม้าแดงเปรียว เปรื่องเต้น
เชิงอานปักธงเทียว เถือกถ่อง
รำหอกกลอกกลับเหล้น ตลบเคล้าเพลงคลี
๏ บางนายขี่แสระซ้อน แซมขน
ขาวแสดศรีมอมนท์ ด่างพร้อย
เสื้อสอบสนอบตน อัตลัด
หยัดอย่างบาทย่างน้อย ยะเหยาะเท้าตามผลู
๏ บางนายขี่หะเยศแย้ง เปนพยศ
โหนหกยกกีบจรด อกจั้ง
นายม้าเหยียบโกลนกด กุมแน่น
แย่งเย่อบังเหียรรั้ง แซ่เร้ารันตี
๏ ถัดถึงพลโยกย้าย บทยูร
โบกธงถูกแสงสุริย์ ส่องแย้ง
เลือกล้วนล่ำพีภูล พลภาพ
คู่คู่ดูสมแกล้ง กลั่นให้แห่ขนาน
๏ คันจูขจิตรล้วน สักหลาด
หมวกใส่เขียนลายมาศ เหมาะเกล้า
ดูแดงดื่นดาดาษ โดยมารค
โห่สนั่นบันฦๅเท้า ทั่วทั้งเวียงสถาน
๏ โดยสดำกำกฤชสร้อม เสโลห์
กำทราบดาบด้างโด มเรศง้าว
บ้างสพักผูกกาโย ยูรยาตร
บ้างแบกบ้างเหน็บน้าว อเนกหน้าหลากหลาย
๏ หรทึกคคฤกครื้น เครงโครม
สังคีดดังประโคม พาทย์ฆ้อง
ลั่นหล้าผ่าแดนโพยม พยับเมฆ
เสียงแพร่คนเพรียกพร้อง พรึกพร้อมตามกัน
๏ ถัดถึงพลเพศเพี้ยน อาตมา
เปนเทพยคณา หนุ่มเหน้า
ประดับสัพสรรพา ภรณ์เลิศ
ดูดั่งเทพไทเจ้า จากห้องโพยมหล
๏ กรกุมกระบอกก้าน โกมล
ดูอร่ามตามทิวถนน ใช่น้อย
เปนละแวกบ่แผกพล ปะทะ กันนา
คู่คู่ดูเรียบร้อย กำเลาะล้วนทรงโฉม
๏ ถัดถึงวรถแก้ว แกมกาญจน์
แกมเก็จเพ็ชรประพาฬ พุ่งฟ้า
กำกงอลงการ แอกอ่อง
แอกเอี่ยมเทียมมิ่งม้า มิ่งแม้นรถสวรรค์
๏ พระธาตุชินไท้ใส่ โกษฐ์ทอง
ลายกุดั่นพรรณเรืองรอง รุ่งเร้า
เนาในรถลำยอง ยศยิ่ง
วิลาศคลาศคลาเต้า ไต่ท้องถนนหลวง
๏ สมเด็จสังฆราชเจ้า เปนปฐม
เจ้าคณอนุกรม ใหญ่น้อย
ทรงสีพิกาสม โสภาค
คาชุบชลมนต์ย้อย สลัดล้างอันตราย
๏ รถประทับยับยั้งที่ เมรุทวาร
ภายภาคบูรพาสถาน ทิศไส้
เชิญธาตุสาศดาจาริย์ จอมโลกย์
เข้าที่ดนตรีให้ กึกก้องกลองประโคม
สองเสด็จอภิวาทไหว้ สักการ
กับพระญาติวงษ์วาร ทั่วหน้า
อีกแสนสุริยศฤงฆาร คับคั่ง
เทียนธูปบุบผาผ้า ผ่อนเปลื้องปลิดถวาย
๏ ขอบเฃตรอยุทธทั้ง หญิงชาย
สมณพราหมณ์ชีหลาย ใช่น้อย
มาถึงจึ่งโอนกาย กรกราบ
คิดวิโยคโศกสร้อย สุดเศร้าแสนทวี
๏ โอ้ว่าหยาดฟ้าดับ ไฟเข็ญ
สิโรตมไนยเย็น ยิ่งน้ำ
พระเสด็จนฤพานเปน ผาศุก แล้วนา
ไว้ธาตุโปรดสัตว์ซ้ำ เหตุเกื้อการุญ
๏ ดฤษถีแรมค่ำเข้า คิมหันต์
พลแห่ชุมนุมกัน พรั่งพร้อม
แห่ธาตุราชสองพัน ปีปิ่น ภพแฮ
ให้ประเวศในที่ล้อม แหล่งไล้เมรุสถาน
๏ หัวหน้าพลแห่ล้วน ถือธง
เขียวสลับกับแดงยง ยาบฟ้า
เสื้อหมวกใส่สวมมง คลย่น ขาวแฮ
พึงพิศพรรณผืนผ้า นุ่งนั้นหลายขบวน
๏ แต่งตัวตามแต่ต้อง ภาษา
เปนคณคณนา นับร้อย
ร้องรำทำเพลงมา อึงมี่
พิเศศภาษาถ้อย ถี่ถ้วนทุกประการ
๏ รูปสัตว์เทียมล้อลาก จูงจร
สังเค็จขจิตรจร แต่งตั้ง
ผ้าไตรยใส่พานบวร วางระดับ
ราชเผ่าเนาสถิตย์ทั้ง ทั่วสิ้นสัตว์สกนธ์
๏ เอกองค์ทรงพยัฆจ้อง ทีโจน
กระเหลือกแลตาโทมน มุ่งเนื้อ
เอกทรงคชสีหโผน ผกวิ่ง
โตระมั่งกิเลนเมื้อ เมือบท้องมรรคา
๏ เอกองค์ทรงอุศุภเพี้ยง อิศรา
จรจากไกรลาศปรา สาทแก้ว
สู่พื้นพสุนธรา เรืองยศ
องค์เอกเอกเลิศแล้ว ย่อมแก้วทองทรง
๏ เอกองค์ทรงแรดร้าย ราวี
เพียงหนึ่งองค์อรรคนี ขี่ต้อน
ใครเห็นก็พึงภี ดระทด ใจนา
องค์เอกเอกอ่อนอ้อน เสด็จได้ดูงาม
๏ เอกองค์อลงกฎก้อง กังวาน
ทรงครุธคไชยชาญ เชื่องใช้
เฉกพายุโผนทยาน ยังอัศ ดรนา
มาช่วยแหนแห่ให้ สง่าเงื้อมงำดิน
๏ เอกองค์องอาจห้าว หาญสมร
เทียมเทพไททินกร แก่นฟ้า
เถลิงอาศน์ราชไกรสร สุรภาพ
เจียนจักโจนจากหล้า ล่วงคุ้งคัคนานต์
๏ เอกองค์ทรงคชผู้ เผือกผัน
ตรีเนตรไตรตรึงสวรรค์ เทียบแท้
ทรงไอยราวรรณ เทเวศ
บงคชบงคนแหง้ ยิ่งย้อยหยาดโพยม
๏ เอกองค์ทรงเครื่องพริ้ง เพราพราย
เล็งลักษณ์ภักตรเฉิดฉาย แช่มช้อย
ขี่ครุธดุจนารายน์ รณฤทธิ์
ทรงสุบรรณบินคล้อย คลาศคล้ายไคลคลา
๏ เอกองค์ยงยิ่งล้ำ ฦๅพงษ์
ทรงพระยาราชหงษ์ เห็จเยื้อง
ดั่งพระกมะลาศน์ทรง สามารถ
โสเภศพรรณรายเรื้อง อร่ามด้วยอาภรณ์
๏ อีกทรงมยุเรศทั้ง อินทรีย์
อีกมาษยะกุมภี เงือกเงี้ยว
มังกรฤทธิ์ราวี วานฉนาก
เตร็ดเตร่เหราเลี้ยว เลื่อนล้อจรลี
๏ กลองชนะปี่แก้วเป่า วังเวง
แตร๋แตร่นแตร้นแตรเซง แซ่ซ้อง
สังข์เสนาะเพราะบันเลง ลิงโลด ใจนา
ฟังดั่งเพลงสวรรค์ห้อง หกชั้นเมืองบน
๏ ราชธาตุใส่โกษฐ์แก้ว สรัทกาญจน์
เถลิงรถราชยาน ยิ่งไส้
ราวรถมัฆวานลาญ แลเลิศ
ครบเครื่องสูงไสวให้ แห่หน้าหลังสลอน
๏ สุริยงทรงสวัสดิ์เพี้ยง พิมพ์สวรรค์
ทรงราชกุกุธภัณฑ์ เครื่องต้น
เสด็จด้วยราชยานยรร ยงยศ ฤๅนา
ชักธาตุลาชขาวล้น เลิศแท้โปรยนำ
๏ รถมาหน้ารถนั้น คือสงฆ์
ฆราชเจ้าเผจิดทรง ผาดผ้าย
สมาธินั่งตำรง ธรรมอ่าน ไปนา
ที่รถาฝ่ายท้าย ฉัตรกั้งกะชิงชู
๏ เบื้องหลังล้วนค่าท้าว ทูลออง
นุ่งยกลายขบวนทอง เถือกหล้า
เสื้อครุยใส่เสวตรตรอง กลำพอก สรวมแฮ
โดยเสด็จธาตุผ่านฟ้า อึดอื้อหฤหรรษ์
๏ สองฟากสองฝ่ายข้าง ทางถนน
พื้นพวกมหาชนพล ไพร่ฟ้า
อัดแอแซ่สับสน เบียดเสียด
ดูแห่หรรษาหน้า สนุกน้าวใจหลง
๏ รถถึงที่ล้อมชัก ทักษิณ
สามรอบชอบโดยรบิล ว่าไว้
บ่ายรถจรดทวารผิน ตรงอุ ดรนา
เชิญธาตุสองไทให้ สถิตย์ตั้งตามควร
๏ เสียงประโคมคครุ่มครุ้ม เภรี
เจือสำเนียงโศกี แห่งห้าม
อีกสองอรรคราชี อีกญาติ พระนา
โศกสุดดุจดาลกล้าม กลัดกลุ้มกลางสมร
๏ มหฤศพครบสิ่งไส้ สรรพรรณ
โขนต่อโขนประชันกัน เก่งกริ้ว
หุ่นต่อหุ่นเสมอขัน ชิงชะนะ กันนา
ลครต่อลครงิ้ว ต่องิ้วประชันกัน
๏ โรงหนึ่งโขนเหล้นเมื่อ หณุมาน
สมเด็จองค์อวะตาร ตรัสใช้
ให้นำธำมรงค์กาญ จนกับ ไสบนา
ไปส่งองค์อนุชไท้ ราพร้ายรุมตี
๏ โรงหนึ่งเสียงเส้าเร่ง กลองตึง
พยุหยักษโยธาอึง โห่ร้อง
พลลิงวิ่งถับถึง โจมจับ
ราพบุตรวางศรต้อง ลักษณ์ล้มในสนาม
๏ โรงหนึ่งหุ่นเหล้นเรื่อง โสวัด
พระเสด็จโดยดงดัด ดุ่มเด้า
พบองค์อนงสวัสดิ์ ปทุมเมศ
สมสนิทชิดเชยเคล้า สอดคล้องสองเกษม
๏ โรงหนึ่งคนเชิดเต้น ตัวลมุน
เริ่มเรื่องไชยทัดคุณ เวตรต้อง
หลงใหลใฝ่ดรุณ เยาวเรศ หนึ่งนา
บหน่ายคลายคลาดห้อง เสน่ห์ไหม้เมาโฉม
๏ ลครเรื่องระเด่นร้อง เสียงใส
ฉับฉ่ำทำนองใน นาฎฟ้อน
ลักนุชบุษบาไป สมสู่ เจ้านา
เผด็จรัดระตูร้อน รีบร้นพลตาม
๏ ลครจอมจักรพรรดิเจ้า ธรณินทร์
ล้วนเหล่าเยาวยุพินทร์ ผ่องหน้า
โฉมตรูคู่นางอินทร์ อรรคราช
ใครพิศจิตรเจียนบ้า บ่นเพ้อเลมอฝัน
๏ ร้องเรื่องอนิรุทธรั้ง แรมดง
อารักษ์ภักดีองค โอบอุ้ม
สมสู่อุษาทรง เสาวภาค
ยามพิโยคโศกกลุ้มคลุ้ม คลั่งไคล้ใจตรอม
๏ งิ้วจีนจรูบแฉ่งซ้อน เสียงขาน
ม้าฬ่อซอสีประสาน แซ่ซ้อม
ดำเนิรเรื่องดำนาน เทียนต๊ก
ปางบุตรนำนุชน้อม ปกิ่งเจ้าไอสวรรย์
๏ ลั่นถันเอียไหล่อ้า อึงอล
จีโบโล่หลิ้วบน หลิ่วบ้อง
เขียนภักตรพิกลยล หลายอย่าง
เกราะประหลาดคาดช้อง เช่นเชื้อพงษ์พระยา
๏ ระบำรำเรียบเคล้า เปนกง
เพ็ญพิลาศอลงก์ทรง เสริฐสร้อย
สังวาลสุวรรณวง ตาบพิศ
จับคู่คู้แขนช้อย ชดนิ้วชำนาญเพลง
๏ ชาตรีตลุบตุบทิ้ง กลองโทน
รำสบัดซัดสะเอวโอน อ่อนแปล้
คนกรับรับขยับโยน เสียงเยิ่น ไปนา
ร้องเรื่องรทเสนแก้ ห่อขยุ้มมาโปรย
๏ มอญรำขำจริตค้อน งอนคม
รำระมัดระเมียนนม นาดพริ้ง
กล้องแกล้งดุจกลึงกลม เอวกล่อม
คนมักลักลอบทิ้ง ที่เนื้อนมนาง
๏ โขนหุ่นหนังงิ้วช่อง ระธาราย
ดูบ่เปนอันนิยาย ย่างฟ้อน
หุ่นจีนหุ่นลาวทวาย มอญพม่า
มีมากหลากหลายซ้อน แซ่ซ้องอึงคนึง
๏ เทพทองสองฝ่ายโต้ ตอบกัน
หญิงบ่อายชายสรร เศกเย้ย
ฝ่ายหญิงหยาบคำหยัน ตอบต่อ
พื้นแต่อ้ายอี่เอ้ย ประพ้นคนหัว
๏ โหม่งครุ่มเทริดใส่คล้ำ ดุจหมี
กำพตตีกลองตี ปุ่มฆ้อง
ระเบงยิ่งมยุรี ผูกร่าง
โอละพ่อลำพองร้อง ร่ายริ้วตลบคืน
๏ สูงสุดสามชั่วไม้ หกคะเมน
แพนรำทำโยนเยน โยกย้าย
ไต่ลวดดุจเทเวน ทระเหาะ มานา
ลอดบ่วงทลวงเห็นคล้าย พิศเลื้อยวัลวง
๏ ลางเล่นสาหัศเหี้ยม ใจหาญ
ชำงัดในวิชาชาญ เชี่ยวแท้
นอนเหนือหอกดาบปาน นอนนุ่ม นวมนา
เบื้องอกครกวางแอ้ ตระหน่ำซ้ำสากรุม
๏ ญวนเล่นโตฬ่อแก้ว ผกผัน
เฉวียนฉวัดเวียนวัล ด่วนได้
ญวนหกดั่งกังหัน ปากคาบ ดาบแฮ
ดูดาบปลาบเสียวไส้ สยดท้อใจขาม
๏ ปล้ำมวยคาดหมัดตั้ง จังกา
ปะเตะต่อยถูกจมูกตา แตกช้ำ
ดั้งกะบี่ตีคธา เขนโล่ห์
กลองแขกสระหม่าย้ำ ขยิกไม้ชวนตี
๏ พลเมืองทั้งหนุ่มเถ้า ปานกลาง
แต่งสกนธ์กายางค์ ย่างเยื้อง
มาเมิลมะหุสพางค์ สมโภช ไซ้นา
รมเยศเจตนาเปลื้อง ปลิดเศร้าใจเกษม
๏ ไทยธรรมศาเลศเลี้ยง ชาวบุรินทร์
ฝูงนิกรมากิน ห่อนซื้อ
มักเมาสุราริน ดูดดื่ม
เกษมศุขไปทุกมื้อ ตราบแล้วงานฉลอง
๏ นักเลงเทียรเที่ยวเหล้น ตาแสวง
พบบ่อนเบียดตบอยแทง ถั่วเบี้ย
เจ้ามือคุยขจายแจง ผจงรวบ
ระวังกั๊กยักฤๅเคี้ย บุโหละล้อทอเถียง
๏ ทิ้งทานหิรัญะทั้ง ฉลากหลาย
ฉลากคชโคแลควาย มิ่งม้า
ไถแอกอีกเรือพาย เกวียนต่าง
เกลื่อนกล่นพลไพร่ฟ้า พรั่งพร้อมรับทาน
๏ คนคุมพวกพ้องช่วง ชิงฉลาก
พรรคเพื่อนใครมีมาก รับได้
ชกต่อยกันลำบาก เจ็บป่วย
ตัวระบมเปนไข้ กลับเหย้าพยาบาล
๏ สายัณห์ตวันคล้อยค่ำ ตกดิน
หนังประนังเภริน เร่งไม้
เชิดพระเสด็จทรงศิลป์ สองส่อง กันนา
เพ้ยพากย์กลองตะโพนให้ เริ่มเหล้นเฉลิมวัน
๏ โรงหนึ่งอรไท้มิ่ง มณโฑ
หุงทิพย์สะลิโล หลั่งล้น
โสดโรงเรื่องอสุโร ไวยราพ
นำนเรศร์ดำด้น สู่ด้าวบาดาล
๏ บัดไทธเสด็จด้วย จัตุสดมภ์
อีกพระญาติสนม แน่งน้อย
ถึงถวายประนมคม วรธาตุ
จุดบุบผาเพลิงพร้อย พุ่มแพร้วระธางาม
๏ สวายเพ็ชร์รัตมุขบ้าง บัวขาว
ช่อม่วงพวงเพยียยาว ฟาบเฟื้อย
พลุแดงดั่งดวงดาว ลอยเด่น
โป้งปิบ ๆ เสียงเลื้อย ปะทัดพ้องดังผาง
๏ วิหคเห็จตรวจเตร็จห้อง เวหล
สินธพควบฉับชน แตกผ้าย
กังหันผะกากล เพนียงช่อ แจ่มนา
เพลิงกระถางวางลม้าย มิ่งไม้ในกระถาง
๏ มิ่งมังกรแก้วฬ่อ พัลวัล
ทั้งพยัฆลากหางหัน แหกล้อม
ไฟรุ่งรัศมีจันทร์ เจิมภักตร์ ผ่องแฮ
พิพิธบุบผาพ้อม ปลาดเพี้ยนพึงยล
๏ ฝูงชนกล่นกลุ้มทอด ทฤษฎา
เปนพวกพันธุคณา พี่น้อง
โยงยุดฉุดชักพา กันเที่ยว
สาวหนุ่มชุ่มชื่นพ้อง ม่ายชม้ายเมียงกัน
๏ ครั้นไถงถง่านเงื้อม เมฆา
สงฆ์บังสกุลา ลาศเต้า
จบจังหวัดนครา ราเมศ
ทั้งวัดหัวเวียงเจ้า ห่อนเว้นองค์สงฆ์
๏ สดัปกรณ์กุมผ้าเพ่ง บริกำม์
สังเวชในรูปธรรม เที่ยงแท้
สังขารอนิตย์จำ เกิดดับ
นิโรธสิ่งเดียวแล้ ระงับเหง้าสังขาร
๏ ทานถวายจีวเรศซ้ำ สระบง
เลวเหล่าแลองค์องค์ ย่อมได้
เปรียญเอกโททรง ไตรสรัพ
ครบเครื่องปริขารให้ ทั่วสิ้นเสมอกัน
๏ สงฆ์สวดสำสร้างอยู่ ผจำเวร
สำรับฉันเช้าเพน ผ่อนเลี้ยง
ธรรมการกำกับเกณฑ์ บริโภค
ถวายสบงไสบเกลี้ยง อีกผ้าตราสังค์
๏ ฝ่ายองค์ภูวนารถน้อย ฦๅนาม
ทรงศรัทธาพยายาม ยิ่งรู้
ไตรแพรร่มเรืองงาม พาลพิช นีนา
บาตรย่ามเชิงงอนผู้ ผ่านเผ้าผจงถวาย
๏ อรรคทานสองไท้ท่าน อวยทาน
สังฆลาภพลีการ เกิดเกื้อ
สมณมะโนฬาร ยินมลาก
สงฆ์นับว่าสองเนื้อ หน่อสร้อยสยมภู
๏ ยามเพราพระซร้องมี่ มาฉัน
วิเสศสรรของบัน เทียบไว้
เอมโอชโภชน์พยัญ ชนะรศ อร่อยนา
ฉันเสร็จเศกพรให้ แด่เจ้าจอมสกล
๏ เทศนาเสาวนิศน้อม ในแด
ทรงทราบในกระแส โสตเบื้อง
จบเสร็จก็เสด็จแปร โปรยทรัพย์ ทานนา
ครั้นสรัพกลับย่างเยื้อง สถิตย์หน้าเมรุทอง
๏ กุมกะมัณฑลุแก้ว เทธาร
ทักษิโณทกาจาน เจิ่งหล้า
ตั้งกมลปณิธาน โปรดโลกย์
ผลแผ่ไปทั่วหน้า สัตว์สิ้นสบสถาน
๏ ฝ่ายกระษัตริย์ขัติยเชื้อ ชาติประยูร
อีกหมู่มาตยาขูน ค่าเฝ้า
ห้ามแหนแน่นมองมูล มาช่วย
อันดับพกรณ์เจ้า มากน้อยตามมี
๏ ธาตุฉลองสองฝ่ายถ้วน เจ็ดวัน
ชักธาตุสาศดาผัน กลับด้าว
ส่วนสองธาตุไทอัญ เผชิญโกษฐ์ สู่นา
อลงกฎจงกรท้าว ท่านให้ไฟเถกิง
๏ อำพันจันทนาศเนื้อ กฤษณา
ใส่ต่างดุ้นกาษฎา เฟื่องฟุ้ง
ราชวงษุโรธา เดียรดาษ
โหยโผอกโศกสลัดรุ้ง อุระร้อนรนใจ
๏ อัคนีวิโรจเรื้อง แสงฉาน
ไหม้ธาตุเปนภัศมาน มอดม้วย
เชิญผอบใส่อังคาร ลงที่นั่ง นาวนา
ดั้งชักแหนแห่ด้วย ตกท้องชะเลลอย
๏ กิจลอยเสร็จแล้วเลิก งานฉลอง
บำเหน็จให้สมปอง พวกเหล้น
ไพร่เลวทุกหมวดกอง แจกหมด
อำมาตย์ราชฤๅเว้น ทั่วถ้วนตัวคน
๏ ครั้นเสร็จบริยาคเยื้อง ยอทาน
เกษมศุขทุกทิวาร ว่างร้อน
ธรธรรมพิศาสมาน เสมอภาค
เปนปิ่นนครค้อน โลกย์ขึ้นเคียงสวรรค์
๏ บรม ธรรมมิกราชเจ้า จอมกรุง
ศพ พระธาตุไทผดุง เลิศแล้ว
จบ ทิศพาศเมืองมุง มาชื่น ชมนา
เสร็จ เรื่องโดยใจแกล้ว แต่งแกล้งกลอนขยาย
ปถมไวยเยาว์ว่องเนื้อ ชันษา
เอกเพศเลศมาตรา ครบเก้า
เสาวคนธสมญา บัญญัติ
เชิญเรื่องพระศพเจ้า จฤกไว้เปนโคลง
๏ ผู้จาฤกห่อนอยุดยั้ง ยำเพียร
สามารถอาจใจเขียน ค่ำเช้า
โดยรักภักดีเรียน จบเรื่อง
พระศพพระครูเจ้า จบรื้อฦๅนาม
๏ คันธรศสฤษดิ์แจ้ง จนจบ
ร่ำเรื่องบรมศพ เสร็จแล้ว
ปรุงเปรียบสุคนธ์อบ กระอุเฟื่อง ฟุ้งแฮ
เฉลิมพระเกียรดิ์แผ้ว ผ่องเพี้ยงพันแสง
๏ ตูแต่งเติมต่อน้อย แนะนาม
กรมหมื่นศรีสุเรนทร์ราม ราชเชื้อ
นิพนธ์พจนพากย์สยาม ยอเกรียดิ์
เปนคระโคงหลายเตื้อ แต่งไว้วงษ์กระวี.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ