พ่อของลูก

พ่อเกิดวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ ตรงกับปีระกา วัน ๔ ๕ ค่ำ ที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นลูกคนเดียวของปู่ไล้ และย่าพวง จรูญเวสม์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวัดเบญจมบพิตร สมัยนั้นเรียกว่า ชั้นประโยค ๑ เมื่อจบการศึกษาแล้วย่าได้ฝากพ่อเป็นศิษย์ ท่านเจ้าคุณพรหมมุนี อุปวิกาโส (แย้ม) ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพกวี เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม และได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๔ ปี ศึกษาพระปริยัติธรรมได้แตกฉาน เป็นที่โปรดปรานของพระอุปัชฌาย์และเจ้านายฝ่ายใน ที่เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระกุศล ณ พระอารามนี้ เมื่ออายุครบบวชเป็นพระภิกษุ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสมรรัตนศิริเชษฐ์ พระองค์เจ้าหญิงโสมาวดีได้ทรงขอเป็นผู้อุปการะให้การอุปสมบทเป็นนาคของพระองค์ท่าน ในระหว่างที่ครองเพศบรรพชิต ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูใบฎีกา พ่อเคร่งในพระพุทธศาสนามาก เป็นที่รักของท่านเจ้าคุณพรหมมุนี บรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนจึงคิดว่าพ่อจะอยู่ในสมณเพศตลอดชีวิต แต่เมื่อพ่ออายุได้ ๒๒ ปี ชะตาชีวิตได้ผันแปรไป ด้วยเหตุผลสำคัญบางประการคือไม่มีผู้เลี้ยงดูย่า (แม่ของพ่อ) ซึ่งต้องอยู่คนเดียวและป่วยมากในขณะนั้น ทำให้พ่อต้องลาสิกขาบท และได้เข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือฝ่ายพลเรือน แผนกการเงิน รวมเวลาที่พ่ออยู่ในสมณเพศนับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรเป็นเวลา ๑๓ ปี

พ่อสมรสกับแม่ (นางสาวผ่อง สังขะวัฒนะ) เมื่ออายุ ๓๒ ปี ได้ให้กำเนิดลูกทั้ง ๒ คน คือ

๑. น.ส. พงษ์ศรี จรูญเวสม์

๒. น.ส. นิภา จรูญเวสม์

บุญของแม่มีน้อย ได้จากพวกเราไปเมื่อลูกคนโตอายุ ๓ ขวบ และลูกคนเล็กอายุ ๙ เดือน ชีวิตสมรสของพ่อและแม่ที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นสั้นมาก ญาติพี่น้องอาลัยรักแม่ โดยเฉพาะพ่อรักแม่อย่างยิ่ง ไม่เคยคิดจะหาคู่ชีวิตมาแทนแม่อีก พยายามทำงานเลี้ยงลูกและแม่ของพ่อ (ย่า) ตลอดมาด้วยความเอาใจใส่ รักและทะนุถนอมให้ความอบอุ่นแก่ลูก อย่างที่ลูกจะลืมเสียไม่ได้เลยในชีวิตนี้ ให้การศึกษาอย่างดี เพราะพ่อถือว่าการให้การศึกษาแก่ลูกเป็นการให้มรดกที่ดีที่สุดแก่ลูกที่ไม่มีผู้ใดจะมาแย่งชิงไปได้ และพ่อจะได้ไม่ห่วงเมื่อท่านสิ้นชีวิตไปแล้ว พวกลูกจึงตั้งใจเล่าเรียนให้สมดังใจของท่าน

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้อุบัติขึ้น พ่อต้องรับหน้าที่ราชการหลายตำแหน่ง ความห่วงใยที่ต้องทอดทิ้งลูกซึ่งยังเล็กและแม่ของท่านซึ่งชราภาพแล้วไว้ตามลำพังที่บ้าน ประกอบกับสุขภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์ด้วย พ่อจึงต้องลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๘๕ บำนาญรวมเวลารับราชการทั้งสิ้นเพียง ๑๙ ปี ตำแหน่งสุดท้ายที่รับราชการเป็นสมุห์บัญชีกรมอุทกศาสตร์ และกองเรือยุทธการ ได้รับยศเป็นรองอำมาตย์ตรี เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับครั้งหลังสุดคือ จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก

เมื่อออกจากราชการแล้ว พ่อใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับบ้าน ถือสันโดษ เลี้ยงลูกมาด้วยความอดทน ให้กำลังใจแก่ลูกให้ได้รับการศึกษาสูงที่สุด พ่อสอนให้รู้จักว่า ชีวิตคือการต่อสู้ที่ต้องทรหดอดทน ท่านไม่เบียดเบียนใคร รักษาศีลบำเพ็ญธรรม บริจาคทานแก่แม่ทุกวันโกน ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เป็นที่รักและเกรงใจของบรรดาญาติพี่น้อง เมื่อลูก ๆ ได้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย พ่อหายห่วง และยังคงสนับสนุนให้ศึกษาสูงขึ้นอีกถ้าลูกสามารถจะทำได้

พ่อมีความสามารถที่ลูกภาคภูมิใจหลายอย่าง เป็นต้นว่า เมื่อสมัยที่ท่านยังเป็นหนุ่มเป็นยุคที่ละครร้องกำลังเฟื่องฟู พ่อเป็นคนหนึ่งที่เขียนบทละครร้องให้แก่คณะละครที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ซึ่งบทละครบางส่วนยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์แก่ลูกหลาน และยังสามารถในการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ได้เป็นอย่างดี ลูกยังจำได้ว่าตอนที่เป็นนักเรียน พ่อได้ช่วยแนะนำถึงการเขียน โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ในบทเรียนให้เสมอ และถ้าใครต้องการคำอวยพรเป็นร้อยกรองในโอกาสต่าง ๆ มาขอร้องให้ช่วยแต่ง พ่อก็จะช่วยด้วยความเต็มใจ เพราะเป็นสิ่งที่ท่านรัก นอกจากนี้ท่านยังศึกษาวิชาโหราศาสตร์ และได้ทำนายดวงชะตาให้ทุกคนที่มาขอร้องให้ช่วยทำนาย พร้อมทั้งถ่ายทอดวิชานี้ให้ผู้ต้องการรู้จนได้สมญาว่า “ครู” จากพวกเพื่อน ๆ

หลังจากแม่ของท่าน (ย่า) ได้ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ สุขภาพระยะหลังนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ลูกได้พาพ่อไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราชและพบว่าเป็นโรคนิ่วในไต อาการทั่วไปไม่รุนแรง คงเป็นปกติอย่างคนแข็งแรงทั่วไป นอกจากจะมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และปัสสาวะจะไม่ปกติบางครั้ง ต้องรับประทานยาเป็นประจำตลอดมาจนถึง ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ราวเดือนมกราคม รู้สึกว่าพ่อผอมลง และหายใจไม่ค่อยสะดวก ซึ่งแพทย์คิดว่าเป็นเพราะหลอดลมอักเสบ อย่างที่พ่อเป็นอยู่ประจำมาตั้งแต่ยังหนุ่มไม่คิดว่าจะเป็นโรคร้ายแรง ทั้งนี้เพราะพ่อได้รับการตรวจร่างกายเป็นประจำ เมื่อมีอาการผิดปกติทางร่างกาย การฉายแสงเอ็กซเรย์ก็ได้กระทำทุกปี แต่โรคร้ายคุกคามเร็วมาก ราวเดือนมีนาคม พ่อรู้สึกปวดหลังและอ่อนเพลียมากขึ้น คุณหมอกวี เจริญลาภ ผู้ดูแลพ่อด้วยความมีน้ำใจดีตลอดเวลาที่ลูกคนเล็กของท่านไปศึกษาวิชาแพทย์ต่อที่ประเทศอังกฤษ ได้ให้พ่อไปรับการฉายแสงเอ็กซเรย์อีกครั้ง จึงได้ทราบว่าพ่อเป็นมะเร็งที่ปอด คำบอกเล่าของคุณหมอ ทำให้ลูกตกใจมาก และสงสารพ่อเหลือเกิน พ่อจึงรีบทำบุญวันเกิดครบ ๖ รอบของท่านก่อนเวลาที่ได้กำหนดไว้ เพื่อจะรีบเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ ๖ เมษายน นับจากนั้นพ่อไม่ได้กลับบ้านอีกเลย อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลา ๔ เดือนเต็ม โดยการรักษาพยาบาลของท่านอาจารย์หมอบัญญัติ ปริชญานนท์ และคุณหมอนันทา มาระเนตร คุณหมอกวี เจริญลาภ คุณหมอทัศน์ยานี จันทนยิ่งยง ตลอดจนแพทย์ประจำบ้านและพยาบาลผู้มีน้ำใจไมตรีอันดีต่อพ่อ จึงขอขอบพระคุณได้ ณ ที่นี้ด้วย ในระยะ ๓ เดือนแรกในโรงพยาบาล พ่ออยู่อย่างคนปกติ ไม่มีอาการอะไรมากมายนัก นอกจากอ่อนเพลีย ท่านมีจิตใจเข้มแข็งมาก ต่อสู้ความเจ็บป่วยด้วยความอดทน ไม่ทำให้ลูกและน้องทุกคนที่เฝ้าไข้ต้องลำบากใจ ทุกครั้งที่นายแพทย์ไต่ถามถึงอาการของโรค พ่อจะตอบว่าไม่เป็นไรสบายดี ทั้งๆ ที่บางครั้งรู้สึกว่าพ่อไม่ค่อยสบายนัก คงจะเป็นเพราะพ่อภาวนาธรรมและกรรมฐานที่ได้เพียรปฏิบัติเป็นนิสัยทุกวันมาตั้งแต่เมื่อยังสบายดีนั้นมาช่วยระงับความเจ็บปวด จึงทำให้ท่านนอนอย่างสงบ ในระยะเดือนที่ ๔ คือเดือนกรกฎาคม อาการของโรคมีมากขึ้น พร้อมทั้งมีโรคแทรก ทำให้ท่านอ่อนเพลียมากขึ้น และด้วยความเมตตาของท่านศาสตราจารย์หมอตระหนักจิต หะรินสุต ที่กรุณาให้ลูกคนเล็กของพ่อได้กลับมาจากประเทศอังกฤษได้พยาบาลพ่อระยะหลัง

การป่วยครั้งนี้พ่อรู้ตัวว่าจะไม่รอดแน่ แต่ก็ไม่เศร้าโศก เพราะเห็นว่าความตายเป็นของธรรมดา ลูกรู้สึกสงสารพ่อมาก และได้พยายามทำทุกอย่างที่มีผู้แนะนำอันจะช่วยพ่อให้หายหรือบรรเทาจากโรคร้ายนี้ ทุกคนสวดมนต์ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้พ่อมีอายุยืนยาวต่อไปอีก แต่กฎแห่งกรรมตามที่พระพุทธเจ้าองค์พระบรมศาสดาผู้ประเสริฐสุดได้ทรงเล็งเห็นถ่องแท้แล้วว่า ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนหนีไม่พ้น วาระสุดท้ายของท่านได้มาถึงในวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๑๒ เวลาประมาณ ๑๒.๔๕ น. พ่อได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ โดยไม่คาดฝันว่าท่านจะจากพวกเราไปอย่างรวดเร็วในวันนั้น สิริอายุพ่อได้ ๗๒ ปี ๔ เดือน

มรณกรรมของพ่อ ทำให้ลูกเสียใจอย่างสุดประมาณ พ่อเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในชีวิตของลูก เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อความสุขของลูก นับตั้งแต่แม่ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว พ่อทำทุกอย่างให้ลูกเสมือนหนึ่งเป็นทั้งพ่อและแม่ /*(๘)*/ให้ความรัก ความห่วงใยตลอดมา ทั้ง ๆ ที่พ่ออาจจะหาความสุขได้อีกนานาประการ แต่ก็มิได้กระทำเช่นนั้น เฝ้าเลี้ยงดูลูกและแม่ (ย่า) อย่างดีที่สุด อบรมสั่งสอนให้ลูกหลานประพฤติตนอยู่ในคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ได้พบกับความสุขทั้งในภพนี้และภพหน้า ภาพชีวิตที่เกี่ยวกับพ่อตั้งแต่ลูกจำความได้จนถึงวันสุดท้ายที่พ่อต้องจากไป ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของลูกมิได้รู้ลืมเลือน พระคุณของพ่อ ลูกยังตอบแทนไม่สมดังใจปรารถนา ฉะนั้น จะขอทำบุญสร้างกุศลให้มากที่สุด อุทิศให้แก่พ่อ ขอให้ผลบุญที่ลูกได้ประกอบทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมกับบุญกุศลที่พ่อได้กระทำไว้มากมาย จึงเป็นปัจจัยให้พ่อได้สถิตอยู่ ณ ภพที่สูงสุด ท่ามกลางอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคุณพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ และเทพเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ ณ สรวงสวรรค์ด้วยเถิด ลูกกราบเคารพบูชาทุกคืนวัน ขอให้ลูกมีวาสนาได้เกิดเป็นลูกพ่อตลอดไป.

ลูกของพ่อ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ