๏ กลอนเทียบคำใช้ในอักษรประโยค ๚ะ

๏ อักษรสูงนำถ้วนจำนวนนับ สิบเอ็ดสับท์สรรแสร้งแถลงไข ในตำราวาหนิติ์ท่านคิดไว้ ไม่ภอภาษาไทยที่ใช้กัน จึ่งคิดแบบที่สามตามประสงค์ มีนามตรงว่าอักษรประโยคสรร คืออักษรสองเคียงควบเรียงกัน บอกสำคัญสมญาโดยอาการ เหมือนเกลาเกลี้ยงกลมกล่อมแกล้มกล้อมกร้วม สระร่วมพร้อมเพรียงสำเนียงขาน ถ้านักเรียนเพียรจำได้ชำนาญ ก็เขียนอ่านออกเสียงไม่เพลียงแพลง จะจำกัดคัดชี้วิธีควบ สรูบรวบตัวน่ามาแถลง คือ ก จ ต ป ต่อแสดง ค ท พ ประจบประแจงครบเจ็ดคำ พวกกลางสี่ต่ำสามตามตำหรับ ท่านบังคับเปนตัวน่าอุสาห์สำ เหนียกจงแท้แน่ใจให้แม่นยำ อย่าพลาดพล้ำเลือกแต่ล้วนที่ควรเคียง หนึ่ง รอ ลอ วอ นี้ชอบประกอบท้าย แต่ละตัวเรียงรายเปนปลายเสียง จัดประกอบชอบใช้ในสำเนียง สำหรับเคียงควบหลังทั้งเจ็ดกอง ผสมแจกแยกออกตามสระ สำเนียงจะแจ่มชัดไม่ขัดข้อง แต่ ก กา จน เกอยนิกรปอง แลทำนองผันใช้ในขบวน เอกโทตรีจัตวาเปนห้าสาม ผันเสียงตามตัวน่ามาสอบสวน แม้นรู้เถ้าเข้าใจได้ใคร่ครวญ จะผันผวนก็ไม่ขัดชัดสำเนียง อนึ่ง ข ฉ ถ ผ ส นี้ ก็ต้องที่ควรประโยคประญัติ์เสียง ได้แจกในวาหนิติ์ลิกขิตเคียง สรรสำเนียงครบถ้วนขบวนตรอง แต่ในอักษรประโยคโฉลกแถลง ตามตำแหน่งเจ็ดตัวไม่มัวหมอง จะว่าให้เห็นแยบแบบลบอง โดยทำนองแจกไว้ภอได้ความ เหมือนวิ่งกร๋อช่อมะกล่ำแตงกวาผล เปนข้อต้นตัวแรกแจกละสาม แต่ ก กามาจนเกอยทุกตัวตาม หมววดละสามประกอบแท้เปนแน่นอน กุมารเรียนเพียรพากหยากจะรู้ อย่าจู่ลู่จงจำที่คำสอน สำเหนียกนึกตฤกตราให้ถาวร นี่เทียบกลอนความย่อภอเปนเลา จะว่าให้สิ้นเสร็จเจ็ดอักษร แต่ละบ่อนแยกละสามตามของเก่า รอ ลอ วอ ใช้ประจำเปนสำเนา ประโยคเล่า ๒๑ เสร็จจำนวน ในตัวกอประโยครอแต่ ก กา ลำดับมาเกยแท้แปดแม่ถ้วน มีคำใช้ยกคัดจัดประมวญ แบบขบวนไว้ให้เห็นเปนสำคัญ จักราใครเอาสอเข้ารอรับ ก็ขาดยับสิ้นชีพชีวาสัญ ตระกร้าสานพานหยาบก็ยับพลัน ถึงพงษ์พันธุ์จักรีแม้ที่จน เอาใบไม้กรุฝาหลังคาอยู่ เขาย่อมดูถูกทั่วทุกแห่งหน ตัวเปนหญิงวิ่งกรูเทียวดูซน ซ้ำเที่ยวเกร่แล้วไม่พ้นคนนินทา หนึ่งต้นไกรใบหนาเปนท่าพัก หยุดสำนักนิ์นอนโกร๋ดูโอ่อ่า เขาคิดคดปดโป้เราโกรธา เขื่อนคงคาชอบใช้ไม้กันเกรา ของใช้ถ้ากรากกรำพลันชำรุด เดินไม่อยุดกรำฝนกรำแดดเผา ยื่นกระโหลกเปลี่ยนกระลาข้าไม่เอา คนมัวเมาทุจริตจิตร์กระลี เกิดกระลำภรไภยเพราะใจบาป ที่ตัวหยาบนั้นไม่โทษไปโกรธผี หนึ่งนอนกรนละเมอละม่ายมักไม่ดี เหล็กย่อมมีมูลตะกรันเชิงกรานไฟ พระอาทิตย์จรจบครบวิถี ก้าวขึ้นเมษราษีเปนปีใหม่ ตามนิยมสมมุตในเมืองไทย ที่เรียกใช้กันมาว่าสงกรานต์ หน้ากร้านแก่แลดูไม่ชูชื่น ต้องหาอื่นไว้ประคองสองสมาน ไฟไหม้ผ้ากินกรุ่นวุ่นรำคาญ สีกร้ำกรุ่นสีสำลานแลเหลืองลาย ต้นพฤกษาน่าแล้งใบหล่นโกร๋น อันขวานโยนเหล็กกร่อนเร่งผ่อนขาย ถ้าเก็บไว้ก็จักหักทำลาย สนิมรายกินป่นคนเหี้ยนเกรียน กระเวนไพรกู่เกริ่นบนเนินเขา ฝูงแขกเต้าบินตัดฉัดเฉวียน เอากรงดักก็ไม่ลงบินวงเวียน ต้องใช้ตังขนเตียนเพราะติดกรัง กรางเหล็กไล่กับทองแดงแปลงเปนนาก ต้นกร่างมากร่มรบัดดังฉัตร์กั้ง เสียงกริ่งๆ วิ่งกรูดูประดัง รักชาววังอย่าประวิงเร่งกริ่งใจ อย่ากรุ้งกริ่งในกรุงจงรมัด ให้กลัวเกรงเร่งประหญัติ์ด้วยสินไหม บางจะเกรงอยู่ในเขตรประเทศไทย แขงออกแกร่งวิ่งใล่ตะโกรงคลา เขาตีโกร่งโรงหนังทั้งกรองน้ำ พระเดชล้ำเกรียงไกรในใต้หล้า หนึ่งน้ำกรักลงกรากเพราะโรคา ดังกริกๆกรุกว่าเสียงแกรกไป ทั้งโกรกกรากกรอกยาทารกร้อง ไสร้กรอกของกินเล่นเหมือนเช่นไก่ ให้จักเกรียกไม้กลัดแล้วมัดไว้ เอิกเกริกฟุ้งไปในโลกา น้ำกรดแช่ชุบของเปนทองนาค ถ้าผงมากแล้วไม้กราดอย่าขาดหา อิเหนาฉายแสงกฤชอิศรา ต้องเนตรนุชบุษบาก็กรีดร้อง ตะกรุดยันตร์มะกรูดแซ่แปรปลุกเสร็จ คุ้งปากเกร็ดอ้อมใหญ่ไม่เทียมสอง โกรธขึ้งหนูกัดกรอดพุ่งกรวดลอง หนึ่งกรบของสำหรับเขาแทงปลา ทั้งตีกรับไหว้กราบตัดกริบรอบ กินกรุบๆดังกรอบๆชอบชิวหา คนแน่นเหนียวกินกริบกรอบชอบวิญญา เคี้ยวกรอบว่ากินเข้าเกรียบย่องเกรียบไป โอ้กรมใจในตำบลนี้ฝนแล้ง สุดจะแต่งตกกล้าตำราไหน ทุกหมู่กรมๆท่ากรมนาใน ท่านย่อมได้ชื่นสดโดยยุดติธรรม หน่อกระษัตรขัติยวงษ์พระองค์เจ้า ซึ่งโปรดเกล้าตั้งเปนกรมสมเศกสรร ก็เรียกว่าต่างกรมต่างๆกัน ตามถานันดรศักดิ์ประจักษ์นาน ฟันกรามกุ้งก้ามกรามอิกปลากริม และยิ้มกริ่มนกตะกรุมกินกรุ่มหวาน ไผทโกรมกำพุชพจมาน ว่าพระองค์ผู้ผ่านธรณี พายเรือกร่อมกรวมตอเสียงดังกร้วม พูดความกรวมกันไม่ชัดดูบัดศรี คนเหี้ยมเกรียม ๆ กรอบก็ชอบที ด้วยจะมีทรัพย์แต่ไม่มีใครคบ เหล่าตัวนายเดินกรายตรวจน่าด้าน พวกทหารโห่กราวเข้าบันจบ เสียงกร้าวๆเกาทัณฑ์ลั่นกระทบ ตัวกริวใหญ่หว้ายหลบวารีลอย เสียงโห่เกรียวกองทัพนับสมุท ฤทธิรุดเริงร่าไม่ราถอย ยิ่งกริ้วโกรธโดดข้บขึ้นหอคอย หอกทรัดซอยเสียบกรุยลุยทะลาย ต้องติดแกร่วกรากกรำเพราะทำผิด เชิงโกรยติดเขมรแท้แปลขยาย ว่าเท้าหลังแห่งสัตว์อธิบาย น้ำที่ชายเทลเค็มกร่อยเต็มกลืน ผ้าลายสวยกรวยเชิงดูสง่า ซองสลากรวยดอกไม้ตั้งไว้ดื่น เสียงเกรียวกรูหมู่สลัดมันยัดปืน เที่ยวฝ่าคลื่นแล่นเกร่อไม่กลัวจม เอาเท่ามากรองเกรอะไว้เถอะนาง เมื่อเปนด่างจะได้ไว้สระผม ยาเกราะกร่างกรอบเกราะเมื่อน่าลม เสื้อเกราะจ่ายให้ทุกกรมจงครบครัน ทำกรีดกรอก้อก๋าดูหน้าสด มาโป้ปดกันได้ช่างไม่ขัน จนกร่อนกร่อแล้วความคิดดูผิดพรรณ์ อันไร้ทรัพย์อับอั้นปัญญาลง เล่นตะกร้อฬ่อฉาดฟาดเท้าท้อ วิ่งเร็วกร๋อไปถึงถิ่นที่ประสงค์ กอกับรอแจกครบบรรจบคง หมวดที่หนึ่งพึงจำนงนัมเบ้อวัน แม่ที่ ๒ หมวดแรกท่านแยกไว้ คือ กอ ลอ ร่วมใช้สระผัน ทางจำแนกแจกเล่าก็เท่ากัน เหมือนจัดสันแจกว่ามาแต่เดิม จะคิดคัดคำใช้ไว้ตามถิ่น คือกล้านักมักบิ่นต้องต่อเสริม อันกลีใหญ่นี้คือใครมาต่อเติม กระแจะจันทน์จุณเจิมบานพระแกล เดินทางไกลจงระมัดจัดให้พร้อม หนึ่งทางใกล้ไม่อ้อมเปนแฉว พูดเกลี่ยไกล่เสียให้พ้นคนรังแก เสาเหลี่ยมแลขัดเกลาเปนเงางาม ขอน้อมเกล้าบังคมบรมบาท พระจอมราชธิบดินทร์ปิ่นสยาม ทองเฟื้องหนึ่งแปดกล่ำประจำนาม ทั้งเนื้อความคำกล้ำดูขำคม เหมือนคำว่าเผด็จเผด็นเปนตัวอย่าง อักษรต่างกล้ำสำเนียงเคียงประสม แต่งโคลงฉันท์ขัดบังคับนับนิยม เปนคำเดียวเกลียวกลมสำเนียงกลืน คนชะมบจะกละจะพินาศ เปนของชั่วตัวอุบาทว์ชาติ์โหดหืน บุบผะชาติกลาดกล่นหล่นกลางคืน ถึงแกล้งกลั่นหาอื่นไม่ชื่นชวน สู้อดกลั้นความรักสมัคสมาน ยิ่งแดดาลโศรกซร้ำให้กำศรวญ สะใบน้องส่งกลิ่นถวิลครวญ ถึงกลิ่นนวลที่เคยชื่นกล้ำกลืนชม กลืนกินรศหวานสนิทไม่คิดเบื่อ เข็ดแต่เจือรศร้ายระคายขม อย่าฮึกหาญทรนงส่งคารม จงกลัวแกลนเถิดจะจมไม่สมประดี เรือโกลนไม้เคี่ยมแขงแสวงไว้ ปัญญาไวบทกลอนอักษรศรี อั้นโรคกล่อนร้อนเร่าเผาอินทรีย์ เปนเกลื้อนมีเกลื่อนกลาดน่าเกลียดครัน เขาผูกกลังกลางตัวทำหัวกลอก กลิ้งเสือกซอกแซ่เซ็นเห็นขันๆ พวกช่างกลึงๆตลับได้ฉับพลัน พวกเมืองแกลงแต่งขันเหมือนแกล้งทำ เขาตีกลองก้องตึงดังสนั่น กล่องสำคัญมีบุหงามาลาร่ำ กล้องกระจกยกส่องของที่อำ สุดตากล้ำมืดเม้นให้เห็นมา คนกล้องแกล้งตากลวงมาลวงได้ ถือปูนไว้ด้วยเกลียงเล็กล้วนเหล็กหนา ลบัดเกลียงหญ้าลบัดลัดขึ้นมา พื้นขัดเกลี้ยงเขียนทาน้ำยางาม กลักเหล็กไฟใช้เล่นก็เห็นหลาก คนพูดมากกลับกลอกบอกจงขาม นอนเกลือกกลิ้งทิ้งภูสิตจริตทราม พระกลดวามแววระยับจับเมฆา ไม้กลัดผมคมสันประพันธ์เพ็ชร์ ทั้งกรัดเกร็ดอย่างดีสี่พันห้า ให้ร้อนรุ่มกลุ้มกลัดในอัชฌา ทำตกกลาดกิริยาน่าเกลียดอาย ต่างคนต่างตีด่าโกลาลั่น ปรับไหมกลบลบมันทั้งสองฝ่าย เหลือนั้นเปนสินไหมพิในยราย สิ่งละกึ่งโดยกดหมายพระอัยะการ กลับคืนหลังยังสระปะทุมเมศ เสาวเรศเผยกลีบตระการก้าน แก้วแกลบเกลื่อนดาษดาที่ท่าธาร เขาโปรยหว่านแกลบลาดสอาดตา ขนมกงวงกลมฝอยสมสิน คนตากลามมักกินไม่เลือกน่า ด้ายกลุ่มๆคนกลุ้มกันซื้อมา เสียงสุดาขับกล่อมละม่อมละไม พจนากล่อมกลมภิรมย์ถนอม เฝ้าเกลี้ยกล่อมถนอมมิตร์พิศมัย ทำกล้อมแกล้มห่างเหเสน่ห์ใน พี่หวังไว้กลับกลายเมื่อปลายมือ โอ้ต้นกล้วยว่ากล่าวเปนราวเรื่อง รักก็คลายกลายเปนเคืองฉะนั้นหรือ ถ้ากล้าแกล้วแล้วไม่พ้นแต่ต้นมือ ต้นบุกกลอยๆดังชื่อเจ้ากลอยใจ จะกลอยแก่เสียสักคราวก้าวร้าวเราะ มาจำเภาะกลอยสวาดิ์ไม่รักใคร่ แต่กาบกล้วยยังเหนียวเหลือมีเยื่อใย จะตัดรักหักได้เจียวใจนาง ให้เย็นอกระทกเสียวเกลียวดำจับ จะเกลี่ยไกล่ก็ไม่หลับจนสางๆ ยิ่งเกลี้ยกล่อมห้ามใจให้ไว้วาง จิตร์ยิ่งหมางหมุ่งหมายไปฝ่ายเดียว อันของจืดต้องเอาเกลือเข้าเจือรศ อันใจคดสุดจะแก้ให้แลเหลียว ผมสองแกละทำเล่นเปนสองเกลียว เช่นใจเดียวเลี้ยวเล่นเปนสองทาง อันลายกล้อๆงามเปนสามลวด แต่ภักตร์กล้อมักจะปวดด้วยลมหมาง อันแม่สองรองนุกรมนิยมกลาง ในหมวดแรกแจกวางพอจบลง ในแม่ ๓ ตามตำหรับฉบับบท กอกำหนดควบวอต่อประสงค์ จำแนกผันหันถ้วนกระบวนคง อย่างวยงงอย่างเดิมเติมแต่คำ ผลแตงกวามากกว่ามะเขือขื่น พวกจีนดื่นแล่นสำเภาเข้าไหหลำ ขันจังกว้าท่ากว้านทั้งขานขำ เสียงเอ๊ออาซ่าส่ำทุกลำเรียง พวกเด็กๆไกวชิงช้าแล้วร่าร้อง ตามทำนองซ้องขานประสานเสียง เปนเพลงเรือญวนร้องจองจำเรียง หวนสำเนียงโฮ้กวั่นขยันจริง คำว่ากวินคือว่าราชินาเกษตร์ นคเรศลอนดอนสมรงมิ่ง ซึ่งปกเกล้าชาวยุโรปได้พึ่งพิง พระยอดหญิงทรงสมญาวิกตอเรีย ที่แกว่นกล้าขับเกวียนเวียนขับรถ ม้าพยศอย่างดีไม่มีเสีย ถึงป่ากว้างกวางสิงห์วิ่งคลอเคลีย โหยละเหี่ยหวนถึงนุชสุดกำลัง สกุณกวักร้องขานประสานซ้อง นึกถึงน้องที่เรียมมุ่งผดุงหวัง เคยกวักหัดถ์นุชอายชม้ายบัง คิดความหลังแล้วก็ให้หทัยกรอม กวัดแกว่งกฤชคิดจะผ่าอุราเสีย จะแผ้วกวาดความละเหี่ยที่หวังถนอม คิดเกรงกรรม์กลับซ้ำทุกข์ประนอม จิ้งจอกตอมเต็มใต้ต้นทองกวาว หมวดที่หนึ่งแม่สามตามรบิล ก็ภอสิ้นวาทีที่สืบสาว กอกับวอควบวางเปนอย่างยาว จะว่ากล่าวจงพินิจคิดธิบาย หมวดที่สองแม่หนึ่งพึงกำหนด ตัวจอจดควบรอข้อขยาย จรีกางย่างเยื้องชำเลืองกราย นี่นามคล้ายเสี้ยวกางไม่ต่างกัน กระลึงจรีว่าถือตรีสาตราวุธ ฤทธิรุดรำลองผยองผัน จรล่ำจรัลคลาที่ว่านั้น ท่านแปลกันว่าเที่ยวไปเร่งไตร่ตรอง จรูญว่ารุ่งเรืองวิไลลักษณ์ เจริญศักดิยศเติมเฉลิมฉลอง อันความจริงจัดว่ายิ่งในโลกย์ปอง ไม่มีสองสิ่งที่ทัดความสัตย์ธรรม์ ผกาแจรงนี่เปนคำข้างกำพุช ว่าดวงบุปษาบานพิศาลสรร ลอยกระจายที่ในสายชลาคัน เรณูนั้นกลิ่นฟุ้งจรุงใจ จรูกว่าสุกรสุนทรอ้ำ นี่เปนคำเขมรตรงอย่าสงไสย จรัสแจ้งแสงเพ็ชร์ทุกเม็ดไป สุริยใสจรวดเร่งเปล่งโพยม จริวจราวคราวไข่ไม่ไกลหาด ใครไม่อาจอวดกล้าเข้าถาโถม ภอเรือพายกลายกล้ำลงน้ำโครม เรือจะโทรมซุดล่มจมชลา หมวดที่สองแม่ต้นจอรอจบ เปนขนบควรนึกข้อศึกษา จอประกอบลอวอต่อกันมา ตรวจวาจาดูไม่มีที่คำไทย หมวดที่สามตอรอร่วมที่แรก จัดจำแนกเปลี่ยนคำจะร่ำไข ประทับตราราหูคู่เวียงไชย เร่งตรึกไตรตราดูให้รู้จริง จงตรวจตราตราชูรู้ให้ชัด ตามพิกัดตาชั่งทั้งตุ้มดิ่ง เอาเงินลองเลียนดูให้รู้จริง อย่าประวิงตรองตริเร่งริเรียน นครเอกโทตรีทั้ง ๔ ทิศ สำราญรมย์สมจิตรสถิตย์สเถียร ได้พึ่งโพธิสมภารนานจำเนียร ทุกข์ไม่เบียนเบิกบานสราญครัน เดชะพระบารมีเจ้าตรีโลกย์ ได้ส่างโศกเสื่อมยากพรากกระสัน ตรีสุลีเจ้าโลกย์จอมเทวัน ทรงตรีศูลประสาทสรรพ์ประสิทธิ์พร พลเมืองเรืองเดชทุกเขตร์ขอบ ล้วนรู้รอบชาตรีมีครูสอน คนขังตรุตรึงตราอนาทร มิ่งสมรโฉมตรูพอรู้กาล เสี้ยนศัตรูหมู่ร้ายแสลงราช ไว้อำนาจเสื่อมพยศหมดฮึกหาญ ภอเช้าตรู่สูริยาไม่ช้านาน ราษฎร์สำราญเที่ยวเตร่เล่นเฮฮา ทั้งแตรงสังข์กังสะดาลประสานเสียง พิณพาทย์ฆ้องร้องจำเรียงสำเนียงจ้า บรมนารถดำรงราชสัทธา ถวายผ้าไตรยสงฆ์จำนงบุญ สร้างอารามงามวิไลยในนิเวศน์ กันเปนเขตร์มรฎบนพสูรย์ บูชาไตรย์รัตน์ล้ำเลิศจำรูญ เอิบอดุลย์โสมนัศนมัสการ ทั้งพรามณ์ชีมีวิไสยทางไตรยเพท พระทรงเดชบริรักษสมัคสมาน ส่ำแซร่ซร้องสรรเสิญนฤบาล ตราบสถานสุราไลยทั่วไตรตรึงษ์ ขึ้นชื่อว่าความตระหนี่นี้มีมาก บุถุชนแล้วก็ยากจะรู้ถึง เข้ากลัดกลุ้มแน่นหนาดังตราตรึง เมื่อไรถึงมรรคผลจึงพ้นไป ตะวันดับลับแสงภานุมาศ วะโรภาษเพลิงกระจ่างสว่างไสว ทหารเกริ่นเดินกรายราย ๆ ไป ไม่หวาดไหวหวั่นตระดกตกใจกลัว ประจามิตรคิดตระนกตกประหม่า ไม่หาญกล้าเกรงนักภักตร์สลัว คำตระดกคือวิตกว่าตฤกมัว นั่นเปนตัวคำมคธจดนิยม พิตระดกดาลกระมลคำคนเก่า ท่านบอกเล่าพาทีกันมีถม บัดนี้พิวิปลาศขาดลอยลม มาตกจมไปเสียหมดผิดพจน์เดิม เอาจำตรวนเสียให้หลาบมันหยาบช้า แล้วจึ่งว่าความต่อส่อส่งเสิม เดินทางไกลแม้นถึงตรงอย่าหลงเดิม เหล็กพืดเติมรัดสนิทติดตราตรัง ตรึงเหล็กดูตะปูเห็ดสักเจดสิบ ให้ถี่ยิบยิงสลับซึ่งคับคั่ง ดำตรูงนี้กำพุชพจนัง จงตรับฟังแปลว่าทรวงในท่วงที ตรองพินิจพิศดูได้รู้แน่ ให้ทราบแท้พจน์พากย์เปนสากษี จรจัลมรรคาวิถีลี ก็ย่อมมีแลวกตรอกย้อนยอกยนต์ บรมนารถตรัสสั่งให้ตั้งค่าย ทั้งไพร่นายเร่งรัดกันตัดขน บ้างผูกพาดตราดลิ่มริมชั้นบน อลวนวุ่นวายทุกนายไป ยามสารทตรุศไม่หยุดเลิกเบิกคนครบ ว่าใครหลีกหลบเตร็ดเตร่เถลไถล เอากักขังขู่เฆี่ยนวนเวียนไว้ ตรวจพลไพร่พร้อมเพรียงนับเรียงตัว ตรงปากเตร็ดช่องแคบที่แอบแฝง ก็ตกแต่งพลไกรซุ่มไว้ทั่ว คอยตรับฟังระเหียนระหัศผลัดเปลี่ยนตัว แต่ปากอ่าวตราบเท่าถึงนิเวศน์ ภุมเรศตริบรศสร้อยโกสุมศรี โอ้ทุกข์ตรอมๆกรมระทมทวี ตระเตรียมที่การบุญเปนทุนมา เยาวมาลย์แตระอุบะผกามาศ งามขนงวงนะลาตดังเลขา เตรอะตรองกระแจะจันทน์สุคันธา ล้วนกลิ่นกล้าหอมระรื่นชื่นฤไทย อันแม่หนึ่งหมวดสามสิ้นความครบ แม่ที่สองรองบรรจบสบอัดถ์ไข ตลีตลานล้นเหลือน่าเบื่อใจ ช่างผสมดินไตลให้จุดดู ตลนตลานเลือกลากคนกากเก็ก น้ำร้อนเด็กต้มยังอุ่นตลุ่นอยู่ เที่ยวตลอดวิ่งเตลิดไม่เชิดชู ท่าน้ำอยู่แดนอังกฤษชื่ออิเตลียน ริมตลิ่งแลละลาญล้วนกว้านตึก แสนพิฦกเพราพรายลวดลายเขียน ตกตลึงคนึงห้องเนาจำเนียร เสาตลุงขัดเลี่ยนแลละลาน เตลงพากย์ว่าคำมอญสุนทรแถลง แตลงแกงแหล่งฆ่าคนควรผลาญ ท่านเชินบทกฎหมายถึงวายปราณ จึ่งประหารผู้นั้นให้พลันมรณ์ เล่นตลกทำคนองลำพองพจน์ ตลาดร้านหลั่นลดคนสลอน อุดตลุตขายซื้อสื่อหาบคอน เที่ยวเร่ร่อนตลอดไปในมรรคา วิ่งถลาม้าแล่นเตลิดลิ่ว คนบิดพลิ้วตลบแตลงแสร้งมุษา ตลับทองของดีมีราคา เรือคอนร่าแล่นตลิบจนลิบลำ นางค่อมเตี้ยตลุบตุบท่าทุบทับ ผิวดำขลับเจ้าคารมดูขมฃำ ทหารกลุ้มตลุมบอนฟันฟอนระยำ โอตลุ้มเขาก็ทำให้พระชี ตีตล้อมไว้เข้าสักเก้าแห่ง ทหารแต่งเสื้อเกราะหมดเหมาะสี ถึงโชคไชยไล่ตลุยด้วยฤทธี พวกไพรีหนียับทั้งทัพไชย แม่ที่สองตอลอก็ภอจบ เริ่มปรารภตอวอต่อไปใหม่ โดยกำหนดพจนาที่ว่าไว้ มีอย่างใช้น้อยนักจักแสดง ต้นผักชื่อสันตวาเกิดน่าน้ำ อนึ่งคำแขกกล่าวเล่าแถลง สีตวันวาทีนี่ชี้แจง ชื่อตำแหน่งกรมการสถานมี หญ้าตวางขึ้นที่กลางภูมิภาค เขาฉุดลากจับตวัดมัดคนหนี ร้องตวาดด่าว่าไม่ปรานี หมวดที่สามจบเท่านี้ประโยคปลาย อันหมวดสี่ตัวปอรอประโยค สารโสลกคำเก่าเล่าขยาย คือปราโมชอภิรมย์ฤดีดาย ปราการรายรอบบุเรศนิเวศน์วัง พระปรานีด้วยมีสวามิภักดิ์ ตรัสทายทักปราไสยสมใจหวัง ก็ปรากฎเกียรดิ์เลื่องกระเดื่องดัง ราชวังมีปราสาทสอาดตา แต่ปรารภปรารมภ์ไม่สมถวิล ระกำกินอาหารรศพานปร่า ธุระดังบวมปริระอิดระอา จะปริปากออกก็ท่าจะอับอาย เมื่อไม่ปรีดีเด็ดสวาดิ์ทอด ความปรีดาก็คงมอดไม่สมหมาย นักปราชมีปรีชารักษากาย คนพาลโฉดมีแต่ร้ายฝ่ายอัปรี สุหร่ายโปรยใหลปรี่ลอองอาบ ให้เย็นทราบทรวงซ้ำฉ่ำฉวี พานทองโปร่งปรุลายราชาวดี ช่างกรมนี้ปรุหนังไว้ทั้งโรง เก้าอี้ไม้แก่นปรูดูสอาด เลิศวิลาศงามสง่าดูอ่าโถง พูดหันเหเปรไปไถลโกง ช่างหยิบโหย่งยอดแท้ผันแปรดี เห็นปรวนแปรแชเชือนทำเบือนบิด มาด่วนคิดรักเร่เสน่ห์หนี ถ้ามีฤทธิ์สิทธิ์ศักดิ์ดั่งจักรี จะแปรเพศตัวพี่ให้ต้องใจ ฝูงดำรีร่องแปร๋วะแหวหวาด โกญจนาทงวงชูดูไสว ไปรเวติ์นี้คำอังกฤชไม่ติดไทย ได้ความใช้ว่ากระษัตริย์ขัติยา เสด็จออกเวลาว่างขุนนางเฝ้า ชุลิตเกล้าแต่ผู้ได้ตรัสให้หา เปนการออกไม่เต็มศักดิ์พักเวลา นี่เรียกว่าไปรเวติ์นิเทศความ กะปรี้กะเปร่าเคล่าคล่องทำนองสวาดิ์ เมื่อร่วมอาศน์แสนสุภาพไม่อยาบหยาม โปรตุเคศเชื้อฝรั่งช่างงามๆ ไม่ทรุดทรามทรวดทรงองค์ลอย ช่างพูดจาปรักปรำตั้งสำทับ ประสงค์หยิบโทษให้ยับเจียวใจหนอ ประสมประสานเสิมซ้ำทำสอพลอ งามประเสรอษฐตะละหล่อทั้งวรกาย ประสิทธิ์พรถวายเพิ่มเฉลิมพระยศ ให้ปรากฎเดชกระเดืองรุ่งเรืองหลาย ประจบประแจงแต่งคำทำอุบาย คเนการประมาณหมายคล้ายเปนกล ประมวญคิดส่วนที่เกินประเมินหมด เมื่อกำหนดแน่แล้วทูลประมูลผล ประทานยศยิ่งใหญ่ในสากล ฤทธิรณมุ่งประหารราญอรินทร์ ประจักษ์จบครบวิธีคดีโลกย์ ก็เยื้องโยคยักได้ดังใจถวิล ของประหลาดต่างประเทศเขตรบุริน ประลองศิลปสบไสมยในทำนอง ประนตประนมบรมบาทบงกชรัช แต่ประฐมกระษัตร์สืบสนอง ตราบตลอดวงษ์ราชนรินทร์ปอง ประกาศก้องว่าเปนข้าจอมนรินทร์ ประกาสิตกิจกระตัญญุตามั่น มิได้พรั่นประหม่าจิตรคิดถวิล ไม่ประมาทราชการคร้านราคิน กัตเวทีประทิ่นประเทืองใน ประเดี๋ยวดูหมู่เทพย์พลาหก ให้ฝนตกประปรายชายไศล ประวัติ์ต้องตามฤดูประดาไป ประชาราษฎร์สราญในหไทยมาน ประสูตร์ราชดะนัยไกรเกรียงเดช เบาเทวศประทังมีฤดีสมาน ปรรนังค่อนมะหรทึกคึกกังวาน ทั้งแตรสังข์กังสดาลดาประดัง ประเดียงหมู่เสวกามหาอำมาตย์ ประดาที่มีอำนาจมาเนื่องนั่ง ต้นประดู่ชูใบลบัดบัง ฤดีหวังประวิชน้อยในก้อยนาง แกล้งประวิงไว้ให้ช้าระอาจิตร์ ตรัสประภาศแล้วอย่าคิดอางขนาง เสร็จประพาศไพรพฤกษพนมกลาง แลประไภเพียงพ่างนางชาววัง ประไลยล้างเสียให้วางชีวาวาศ ขึ้นบนอาศน์แอบประอิงพนักนั่ง อิกคำว่าประอรผ่อนประทัง หไทยหวังประโยชน์กาลไปนานปี ประสงษ์ว่าสรเสรอญเจรอญศักดิ์ ปรนปรือพักฤจะหน่ายเสน่ห์หนี จะผ่อนปรนแก้ไขฉันใดดี ต่อนี้มีคำใช้แต่ไม่ควร วายปราณว่าชีวีนิราสา ประปราณก่าข้อนอกโศรกกำศรวญ ร้องแปร๋แปร่นแปร้นเสียงสำเนียงนวล มาแปรปรวนเปลี่ยนรักให้แรมรา ต้นปรงขึ้นยอดเสลาดูเปลาปรก ทำนาปรังอย่าให้รกในเข้ากล้า พระปรางสูงสุดเยี่ยมเทียมนภา ยอดปรางปราสาทเสียดเบียดอำภร ต้นมะปรางมะปริงกิ่งระย้า ช่างดกดาดาษต้นผลสลอน ไม่เปรอะปรึงตลอดทางที่กลางดอน หนึ่งนิกรพัสดุสิ่งใดใด บันดามีเครื่องปรุงผดุงแต่ง อาการแจ้งประจำครบสบสมัย คือเกิดขึ้นตั้งอยู่รู้ดับไป ย่อมผันแปรและมิได้ดังใจจง คัดบาญชีสองแปรงแบ่งเปนส่วน ของเปื้อนควรแปรงสลัดปัดเผ่าผง ด้วยขนแปรงแต่งให้งามตามจำนง เวียงคนคงแปร่งออกบอกกังวาน ดูปรุโปร่งลายฉลักเฉลาเลิศ เชิญปรองดองตรองเถิดอย่าอาจหาญ เถาวัลเปรียงแก่นเหล็กเข้าเจือจาน ต้มเปนยารับทานแก้กล่อนดี ดังเปรี้ยงๆ เสียงอสนีบาต ผู้เปรื่องปราชรอบรู้ย่อมชูศรี พระนั่งปรกสังฆะกรรมทำพิธี พระนาคปรกมากมีที่อาราม ปรกติตัวเปนเช่นนั้นแหละ มักคุ้ยแคะข้อคดีด้วยผลีผลาม หญ้ารกปรกใบลัดละบัดงาม สกระปรกรกอารามไม่รื่นรมย์ พูดปรักปรำซ้ำทรากไม่หยากพบ แม้ใครคบพาให้เคอะเหลวเลอะล่ม ปรักว่าเงินมาศว่าทองต้องนิยม เปนคารมเขมรชัดจำกัดมี โถปริกทองประดับพลอยลอยระยับ น้ำมันปรึกเหนียกหนับทาทับสี หมั่นปฤกษาท่านผู้ใหญ่ไว้จึ่งดี พระปรัศมีสองข้างหว่างมณเฑียร คว่างปราดฉาดถูกลูกคลีกลิ้ง ปราศจากพรากทิ้งยิ่งหันเหียน นักปราชเปรื่องปรีชาไม่อาเกียรณ์ ย่อมพากเพียรว่องไวไตรยเวทางค์ มีปฤษณามาถามความวิเศษ กำเนิดเปรตนั้นจะมีสักกี่อย่าง ที่ตัวโปรดแล้วคงเหนเปนขุนนาง แล้วได้วางท่วงทีก็ดีครัน ย่อมทรงพระกรุณาโปรดข้าบาท ด้วยพระราชหฤไทยอันใสสันต์ ก๊อกวารีที่เขาสูบรูปหลากครัน เสียงปร๊อดๆตลอดลั่นตามลำราง เปนปรวดปวดเหลือที่เนื้อร้าย แร่ปรอทเล่นฉิบหายก็หลายอย่าง คชินทรปรบหูดูสำอาง ต้องปรับใหมให้ระคางหมองกระมล ดำเนินพยุห์ยาตราปราบข้าศึก ทำตาปริบนิ่งตฤกนึกฉงน เขาเปรียบเทียบถูกตำราเข้าตาจน จะปราบปรามเสียให้ป่นด้วยวาจา จะห้ามก็ไม่ฟังตั้งแต่โกรธ ผลโตนดลอยปริ่มอยู่ริมท่า ย่อมปรีดิ์เปรมเกษมศุขทุกทิวา กระปรกกระปรอมมอมภักตราไม่น่าดู น้ำเปรี่ยมฝั่งนั่งชมภิรมย์จิตร พูดเปรยๆเลยไม่คิดจิตร์อดสู มาเปรียบเปรยกันเล่นไม่เอ็นดู เปรียบปรายอยู่อย่างนี้มิเปนการ อภิปรายขยายข้อความสวาดิ์ ให้นุชนาฎทราบรักสมัคสมาน ลูกปรายปืนโปรยต้องสกุณาน ดังโปรยหว่านปืนโศรกเข้าเสียดทรวง ทำตาปรอยปรือปรี่ทีสวาดิ์ ช่างฉลาดประเปรียวเฉลียวล่วง ลบปัญญาสามัญสิ้นทั้งปวง อันของเปรี้ยวแล้วอย่าลวงให้ลองรศ แอมเปรอนี้คำอังกฤษท่านคิดจัด ว่ากระษัตร์ขัติยาซึ่งปรากฎ เดชกระเดื่องเรืองนามตามพระยศ โดยกำหนดนามว่าเอกราชินทร์ ที่เปื้อนเปรอะไม่สอาดสำอางเอี่ยม คนและเลียมปากเปราะฉอเลาะสิ้น ปรนปรือเลี้ยงอิ่มอุราเปนอาจิณ ทุกแถวถิ่นกอปรืออกชื้อไป การเวกบินปร๋อเคลียคลอคู๋ สีชมภูบินปรื๋ขึ้นขวักไขว่ หมวดที่สี่แม่หนึ่งซึ่งแจกไว้ ภอสิ้นความตามในฉบับเดิม แม่สองในหมวดสี่มีอักษร ปอกับลอเทียบสุนทรประเทืองเสริม กำหนดคำตามได้ที่ใช้เติม ปลาวาฬเหิ่มห้าวคนองขึ้นฟ่องฟู ปลีกล้วยกรันครั้งใหญ่กาบใบหนา คนต่ำช้าไร้ศรีปลีน่องทู่ ทั้งอู่เปลแปลหนังสือถือแบบครู หวีผมไปล่แปล้ดูสอาจสอาง เรือเพียบแปล้แต่ละลำแล่นคล่ำเคล้า ต้นยางเปลาผลปลิวไม่เปล่าว่าง นกเปล้าจับต้นเปล้าเคล้านกนาง พวกมวยปล้ำท่าทางไม่ห่างกัน กระบือปละร้ายนักอย่าหักหาญ มาปลดปละระราญระเหระหัน โจรปล้นปลอกปลิ้นหนีตีประจัน ทำปลิ้นตาท่าลั่นถันถลันมา พูดคำแปลนปดทุ้ยยังคุยก๋อ น้ำเปลี่ยนๆจะเปนตอฤๅมัจฉา ผลัดเปลี่ยนสับปลิ้นปล้อนส้อนปัญญา ปลงธุระเปนหนึ่งว่าจะปลดปลง ทำความผิดทรนงต้องปลงชีพ ผักปลังรีบเลื้อยยอดทอดระหง สุกปลั่งทองปะวะหล่ำที่ดำรง ทั้งทากปลิงยิ่งยงทั้งเจ็บคัน ตลิงปลิงงามเปล่งเต่งระย้า จะแปลงเปนเทวากระยาหงัน กระบือมักปลักแปลงแหล่งสำคัญ ดูปลอดโปล่งโล่งไม่คั่นจนสุดแดน ที่ปล่องใหญ่มีงูดูยาวเฟื้อย ถ้าคดเลื้อยตัวเปนปล้องสยองแสน ปล้องไม้ไผ่ใหญ่ถนัดรอกกัดแกลน หมดเปลืองแสนทรัพย์สินจนสิ้นตน คิดปลดเปลื้องๆตนให้พ้นผิด เปลื้องภูสิตพรายพร้อยเปลื้องสร้อยสน เราปลกเปลี้ยน้อยหน้าประชาชน เสียสกนธ์ตกปลักเพราะรักนาง ถุงเงินปลีกตุ้มสุวรรณประพันธ์เพชร์ ทั้งรัตน์เกร็ดเม็ดใหญ่นำใสส่าง มาปลีกไปไถลนั่งลำภังนาง สายสว่างปลุกให้ตื่นได้ฟื้นกาย ปลูกต้นไม้ดื่นระดะบุบผะชาติ์ แปลกปลาดมูลมากดูหลากหลาย โอ้ใจน้องหมองแปลกมาแตกปลาย ของสลายร้าวหักถักปลอกรัด คนปลิ้นปลอกกลอกกลับสับปลับปลิ้น ที่พื้นดินปลวกทำรังตั้งถนัด เปลือกอบเชยหอมกล้าโอชาชัด ปลดชราตามพิกัดสัศดี บุหลั่นเรืองเปลื้องปลดหมดหมอกเมฆ สลาดเอกแจ่มจรัสรัศมี ถึงปลดปลิดขอได้ชิดภัคินี ขอเชิญตอบไมตรีที่เรียมปอง คุณปลัดวัดนี้มีอำนาจ ของปลาดหลากเลิศเกิดเปนสอง วันปลอดดีซึ่งไม่มีราคีครอง พ้นโทษกองยมขันธ์วันจรรไร สับปลับปลิ้นลิ้นลดโต้หลดหลอก ผักปลาบออกชูทอดยอดไสว คำคารมฟังทราบปลาบฤไทย ฟ้าแลบแปลบๆใจให้จาบัลย์ เข้านั่งแนบแอบปลอบประโลมนุช แม่ปลื้มใจๆพี่สุดแสนกระสัน แม่งามปลื้มๆสวาดิ์ไม่ขาดวัน แม้นใกล้กันปลาบปลื้มลืมความกรอม ทำแปลกปลอมๆพลทนเปนไพร่ เพราะหวังใกล้โฉมงามทรามถนอม ตั้งแต่ต้นจนปลายหมายประนอม แม่กรมกรอมๆจิตร์เปนนิจะรันดร์ กลิ่นหอมลิ่วปลิววายุวาตว่อง นึกกลิ่นน้องยิ่งวิโยคโศรกกระสัน เห็นเปลงเพลิงๆเศร้าเร้าโรมรัน แทบเปลวมันโทรมกระมลทุรนทุราย เปนปล่องเปลวเหวห้องละหานหิน คนปลอกปลิ้นปละปล่อยก็ลอยหาย ถึงทางเปลี่ยวๆใจให้ระคาย คนเปลือยกายปะฏิกูลสูญมงคล เปนง่อยเปลี้ยเสียชาติไม่อาจหาญ ตลาดร้านขายแพรแลสับสน แต่ละม้วนมัดเปนเปลาะทั้งเพลาะปน ปอกับลอสิ้นยุบลระบิลความ ปอควบวอแจกได้ท้ายหมวดสี่ มีวิธีคำใช้ในสยาม ปวะหล่ำลงยาราคาทราม ปวัดิ์ตามกาลสมัยในคราวนี้ จบแม่ปลายหมวดสี่ที่มีแจก ฉบับแรกเรียงความไว้ตามที่ อักษรกลางควบเล่าสิ้นเท่านี้ นับได้สี่หมวดประมวญถ้วนนิกร หมวดที่ห้าหกเจ็ดสำเร็จด้วย อักษรต่ำนำช่วยประกอบก่อน หมวดที่ห้าแม่ต้นค้นสุนทร คอกับรอควบอักษรสระเรียง มีคำใช้ได้พิกัดจัดไว้ครบ ตามฉบับแบบวางต่างๆเสียง คือครานั้นขุนแผนแสนไกรเกรียง ไปตีเวียงเชียงใหม่เปนหลายครา จับลาวได้ฉุดคร่าถลาขว้ำ ครุตักน้ำกระเด็นกลิ้งต้องทิ้งผ้า ครูสั่งสอนอ่อนจริตกิริยา ฟังวาจาโอวาทนุสาสน์จำ ไปสักครู่หามแคร่มาแออัด ใครช่างจัดกระบวนม้าเคลื่อนคลาคล่ำ จะใคร่ได้ต้นตะไคร้ใส่ผักยำ พวกแขกคร่ำเคราหนวดประกวดกัน แต่เคร่าท่าน้องนุชสุดโหยหวล ให้กำศรวญแสนวิโยคโศกกระสัน ช้อนน้ำครำทำกระสายยาลูกจันทน์ คร่ำคร่าพลันเปื่อยผุทลุทลาย คระวีคำนี้ว่ากวัดแกว่ง ยังครุคระถ้าจะแปลงแต่งคงหาย ให้ครั่นคร้ามจะมีครรภ์ฉันจะอาย หล่อนเปนชายมีแต่ชื่นรื่นสำราญ ยิ่งครั่นตัวเต็มหนาวร้อนร้าวอก สุดวิตกด้วยจะร้างห่างสมาน นิจาเอ๋ยเคยเรียงเคียงนงคราญ ไม่เกียจคร้านกรประคองให้น้องนอน ลั่นครืนๆพื้นหล้านภากาศ นกติดครืนยืนดาษดูสลอน มีครุ่นๆว่ามีบ่อยสร้อยสุนทร เปนคำก่อนเก่าแท้แต่บูราณ เสียงคฤกครื้นคร่ำครวญกำศรวญสะอื้น น่ำครั่งกลืนกับลิ้นจี่สีผะสาน ครั้งเมื่อป่วยครางขรมอยู่นมนาน เสียงประสานครื้นเครงเพลงดนตรี เนื้อหอยแครงแกงต้มพอสมรศ จนคร่องแคร่งคงต้องอดสลดสี เอาแครงวักตักสร้าสาดวารี โครงพระกลดสดสีสี้โครงเรียง ใหญ่โคร่งคร่างนางเสือโคร่งเขี้ยวโง้งงอก ทำตากลอกวาววามคำรามเสียง พระผู้ครองนัคเรศนิเวศเวียง ทรงเครื่องทรงพระเสลี่ยงเคียงกับเกย ครกโขลกยาบาดแผลแก้แตกคราก ต้องหนามขวากหายไม่ช้าตำราเฉลย เสียงครื้นครึกดุริยางค์เหมือนอย่างเคย พิปรายเปรยส่งสำเนียงจำเรียงรน นอนครางครอกโครกโฉลกห้าม จริตทรามเสื่อมสวัสดิ์พิพัฒผล เขาคราดหญ้าดังครืดๆฝืดใจจน พระยาครุธบินบนโพยมพราย ช่างครูดสีขัดเกลาเปนเงาวับ เชือกระดับตึงเครียดกระเบียดสาย พอถ้วนครบสบคาบลอกคราบร้าย สุครีพชายหักฉัตร์กำจัดบร ไล่ตะครุบทุบทับจับรากโษษ แสนพิโรธทศภักตร์เข้าหักถอน ครอบสำริดสังข์สุวรรณอันบวร เฉลิมพรครอบงำกระสำไภย เรียนกระบวนสงครามตามตำหรับ พวกจีนรับย้อมครามสีงามใส ฉันคร้ามกลัวดูครึมเหนครึ้มไป โครมๆไล่ตีรันประจันบาน พวกคนเก่งวิ่งกลุ้มรุมกันรับ เสียงฉาดฉับแหลนหลาวฮึกห้าวหาญ ถูกสำคัญล้มเกลื่อนเหมือนวายปราณ เพื่อนทยานโดดคร่อมแวดล้อมกัน โอ้น่าหนาวคราวพรากจากสมร ให้อาทรทนวิโยคโศกกระสัน ได้ผ้าสีมีครุยเครือสุวรรณ ของแจ่มจันทร์ชมพลางต่างภักตรา ต้นไคร้เครือแก้ไข้ในเชิงพิศ ถุงตะเครียวทำพิจิตรลายเลขา พวกครัวเครื่องเอมโอชโภชนา ช่างกันหน้าจับกระเหม่าเข้าเครอะคระ เขาเข็นเรือน้ำหล่อพอครือครืด เครือเถาวัลยาวยืดยอดเหยอะหยะ ตะครั่นตะครอกายหนาวผ่าวอุระ ต้นตะคร้อต่อระยะทางจะจร จบแม่ต้นหมวดที่ห้าสาราแถลง แม่สองแสดงคอกับลอต่ออักษร จะคลาไคลในเพลาทิวากร ขึ้นอัศดรเดาะลูกคลีที่ชำนาญ ผกามาศคลี่บานตระการช่อ คนสอพลอใส่ไคล้ทำไขขาน ถึงบางโคล่คลึงเคล้าเยาวมาลย์ เฝ้าเคล้นคลำสำราญอุรารมย์ หมู่มัจฉาว่ายคล้ำน้ำกระฉอก นางเงือกออกผิวคล้ำในน้ำถม ปลาวานใหญ่ว่ายคละแล้วผละจม ชาวในก้มคุกคลานเชี่ยวชาญเชิง ทั้งลมคลื่นกล้าหาญทานไม่ไหว เรือกลไฟแล่นลอยปล่อยจนเหลิง ก้าวสะกัดลัดเลอะกระเจอะกระเจิง จนเชื้อเพลิงขาดแคลนแสนรำคาญ เขาเก็บหอยลอยกระดานบนโคลนเด่น แล่นบนเลนโยกคลอนซ้อนขนาน ไม่คลาศเคลื่อนเร็วเหมือนม้าอาชาชาญ ถีบทยานแล่นลงริมคงคา กรมพระคลังตั้งบาญชีทวีไว้ คนคลั่งไคล้เสียจริตชะนิดบ้า ให้คลางแคลงสุดจะแจ้งจนปัญญา เฝ้าเคล้าคลึงขนิษฐายุพาพาล เก้าอี้โคลงโงงโงกโยกขะเยื้อน ไม่คลาดเคลื่อนโคลงกาพย์เรียบราบหวาน ในลำคลองเปรมประชากรท่าทาง สอาดสอางตรงล่งล้วนท่งนา ปลาตกคลัก ๆ คล่ำเมื่อน้ำแห้ง ไฟป่าแรงคลอกลนต้นพฤกษา ดูคลาศไปไม่มั่นดังสัญญา กุมาราคลอดใหม่วิไลยวรรณ คลับคล้ายคลับคลาเคลือบไปว่าได้ทราบ ของเคลือบอาบหลอกกันเล่นไม่เหนขัน เมฆปกคลุมคลุ้มมืดเปนหมอกควัน ภอเคลิบเคลิ้มก็ให้ฝันถึงกัลยา คิดเหนคลายหมายว่าน้องย่องมาแอบ เห็นวับแวบแคล้วคล้อยละห้อยหา ประโยธรทัดพุ่มประทูมา กระเพื่อมคล้อยช้อยผะกาน่าเชยชวน ชาวบ้านคล่อหนุ่มสาวเคล้าคลอคู่ บ้างเคลียชู้เชยชมภิรมย์สงวน คอควบลอแม่สองต้องตระบวน ภอครบถ้วนตามตำหรับฉบับครู คอควบวอต่อสมมุตสุดหมวดห้า มีคำว่าคว้าไขว่ไล่จับหู เล่นปิดตาซ่อนหาทุกแควดู ออกวิ่งพรูล้มคว่ำขะมำไป คชสารทรับมันเห็นควันพลุ่ง โดดสดุ้งควาญหมอรอไม่ไหว ไล่คว้านคว้าพวกพหลพลไกร จับใครได้ฟัดฟาดขาดชีวา ทุกแว่นแคว้นชนบทไม่อดอิ่ม เปิตสตีมเรือกลไฟไขน้ำสร้า กระแสสินธุ์ควิวควั่งหลั่งๆมา จักร์หมุนคว้างวางร่าไม่รารอ ละครฃำรำแคว้งแต่งตัวเต้น ตลกเล่นร่าๆทำก๋าก๋อ ฉีกผ้าควากขาดแควกแจกกันภอ ช่างพูดจ้อบ่นตะบอยเบิกถ้อยความ โคก็หายควายสูญพูลเทวศ ภอสิ้นเขตรหมวดห้าว่าแม่สาม คอควบวอแจกกบกดกำหนดนาม ไม่มีความพจนาภาษาไทย หมวดที่หกทอกับรอต่อตัวแจก จักย้ายแยกตามกลอนอักษรไข พระอินทราสถิตย์สถานพิมานไชย วันเพ็ญไซร้จันทราสง่างาม อินทรีย์นี้ว่าธรรม์อันเป็นใหญ่ หนึ่งต้นไม้ชื่อนนทรีมีเหลือหลาม มณฑรีแปลว่าผ่องใสประไภงาม เรืองอร่ามเครื่องประดับระยับตา ฉะเชิงเซาบุรีมีไทรใหญ่ ละบัดใบร่มระรื่นยื่นสาขา ทอรอแจกกนต้องงดพจนา ด้วยซอมาใช้แทนพอแม้นกัน ในแม่กงทรงเครื่องเรืองระยับ เปนไข้จับทรางทร้ำกระหน่ำมั่น ผลหมากทรางลางลิงปริงมะดัน ตลิ่งชันชลทรึ้งไหลปรึงไป ในทรวงกรมรบมเศร้าไม่เบาเทวศ ชลเนตร์นองตกทรกๆไหล ไม่สิ้นทรากราครุมกลุ้มฤไทย มีคนใกล้แทรกกลางห่างนงคราญ ทรอกละหานธารท่าชลาสินธุ์ มาเสื่อมทรุดสุดสิ้นสนุกนิ์สนาน เหนสิ่งอื่นก็ไม่ชื่นฤดีดาล เหมือนทรวดทรงนงคราญที่คู่ครอง มีมารเทรียดเสียดสวาดิ์ให้ขาดค้าง สรวมเทริดสวยสำอางไม่หมางหมอง สพักเยนทรับเสโทประเทืองรอง จงตฤกตรองแสวงทรัพย์แก้อับจน พอทราบเรื่องแสนร้อนถอนเทวศ ทรามสวาดิ์มาทุเรศให้โหยหน ที่เลวทรามแล้วไม่คิดจิตรระคน มุ่งวิมลวรนุชแทบทรุดโทรม คนึงโฉมโทรมะนัศด้วยขัดขวาง สูญดินทรายสิ้นนภางค์ล้างสูรโสม ความสวาดิ์นั้นไม่ขาดในทรวงโทรม ขอประโลมนุชนาฎทุกชาติ์ไป จบแม่หนึ่งหมวดหกที่ยกแยก จะจำแนกแม่สองนุสนธิ์ไข ไล่ทลวงสองเขตร์ทุเรศไกล กระสอบใหญ่แตกทลักกระจักกระจาย มุทลวกกิริยาบ้าดีเดือด ไม่งดเงือดงุ่นง่านพาลใจหาย รูปสลักหักกระจุยทลุยทลาย นี้คำหมายแม่สองสิ้นท้องความ ทอควบวอบรรยายท้ายหมวดหก นิยมยกยักนิพนธ์พ้นสยาม ธวัชทวิชคำมคธกำหนดนาม ธวัชความว่าธงจงพิจารณ์ ทวิชเปนสมญาบักษาชาติ์ หนึ่งนักปราชว่าพราหมณ์นามขนาน เพราะสองเกิดได้กำเนิดสองประการ โดยบรรหารแบบเก่าเล่าต่อมา สกุณเกิดฟองฟักหากปรากฎ แล้วเปลื้องปลดเปลือกฟองของปักษา เปนกายินบินตลบทั่วนภา จึ่งเรียกชื่อทวิชาชาติ์สองคราว หนึ่งพราหมณ์ชื่อทวิชาว่าโดยเหตุ์ ตามไตรยเพทพราหมณ์สมัยได้สืบสาว ที่เรียนรู้ต่อเนื่องเปนเรื่องราว ในความกล่าวด้วยที่เกิดกำเนิดพราหมณ์ เดิมเกิดในโอษฐ์อิศวรบวรนารถ พระปิ่นเกษไกรลาศเรืองสนาม ทรงประสาทสมพงษ์ในวงพราหมณ์ มีรูปนามเนื่องมนุษย์นิกรครอง จึ่งเรียกนามตามข้างเพทางคสาตร์ ว่าทวิชโดยชาติ์เชื้อเปนสอง คำทวิชจึ่งนิยมตามสมพอง เปนชื่อของพวกพราหมณ์นามสกุณ พวกทวายนายใหญ่ได้จ่ายแจก เที่ยวย้ายแยกถ้วนทั่วตัวหมื่นขุน หมวดที่หกยกกลอนสอนตรุณ ก็สมบุรณ์แบบครบพอจบลง หมวดที่เจ็ดสืบนุสนธิ์คัดค้นจด พอควบรอรวมพจน์บทประสงค์ มีคำใช้จำกัดชัดๆตรง ผู้จำนงวาดเขียนเร่งเพียรพัก เส้นอักษรแตกพร่ำไม่น่าชม เข้าเถื่อนทมอย่าลืมพร้าเร่งตระหนัก นามนครราชบุรีได้ชี้ชัก คนมากมัก เรียกราชพรีบูรีรมย์ พุทราตกตกพรูดูดาดาษ ศิลปสาตรล้ำเลิศประเสริฐสม ย่อมแพร่หลายทุกประเทศเขตร์นิคม ทรัดแพรศรีงามสมน่าชมเชย พนมไพรเย็นเยียบเงียบสงัด พลไพร่รีบรัดไม่แรมเฉย โอ้งามเพราๆภักตรพี่แรมเลย ฝนตกเชยพรำกระเซนเย็นทั้งกาย พูดพร่ำพรูดูดื้อไม่ถือพระ ให้พรั่นใจในอุระระส่ำระสาย ผ้านายพรานขาดพรุนเบื้อนฝุ่นทราย ลูกพรวนรายรอบคอละออตา มะม่วงพรวนล้วนผลหล่นกล่นเกลื่อน แกล้งอำพรางกันให้เพื่อนพร่างตาหา สพรั่งพร้อมสาวสุรางค์นางกัญญา งามสง่าพริ้งเพราลำเภาพาล ไม้พรึงราทาศรีพรุ่งนี้เสร็จ อุดมเด็จเพรงบุญหนุนขนาน ทางสองแพร่งแว้งไปใกล้ลำธาร ในต้นตาลมีโพรงโล่งจนปลาย ยังบกพร่องพร้องถ้อยไม่ช้อยชด เหมือนไม้คดเพรียงพลอนกินชอนหลาย เชิญชุมปราชญ์พรักพร้อมซ่อมต้นปลาย นกจากพรากจับรายท้ายคีรี พริกไทสดหยดเหยาะรศเหมาะเหลือ พริกเทศเจือไก่เล่าเข้าบุหรี่ พฤกษาชาติ์ดาษดอกระดะมี ภุมรีเชยรศสุมาลย์บาน ประกายพฤกดึกเด่นเห็นช่วงโชติ์ แสงไพโรจเรื่องฟ้านภาสถาน หญ้าแพรกชื้อชุ่มชื้นเต็มพื้นลาน หมากอ่อนพานโพรกเนื้อเหลือจะบาง คนพรอกพร้องเสียงเพรียกทั้งเรียกขาน ผู้ทรงญาณสร้างพรตดูสดสร่าง ต้องพรัดพรากจากญาติ์นิราศนาง ตั้งจิตร์เว้นเปนกลางอย่างโยคิน เครื่องฉีดน้ำอย่างยุโรปวารีฉูด เสียงพรูดๆแพรดแพร่กระแสสินธุ์ ลุยเลนพรอดโจนพรวดริมวาริน ดูเพราเพริศดังกินนรินราย แลบอพรับคือไม่พริบกระหยิบเนตร์ หน่อนเรศร์เดชกระเดื่องรุ่งเรืองหลาย สพรึบพร้อมเสวกาเสนานาย ทรงสุหร่ายสายซู่พรูธารา มหาพรหมชมฌานสำราญจิตร์ ผู้ก่อกิจพรหมจรรย์ก็หรรษา ในกองศีลจิตร์มั่นทั้งปัญญา พราหมณ์ย่อมมารักใคร่ไตรยเวทางค์ คนพรั่งพร้อมล้อมเล่าความเก่าว่า ถึงพงษาวะดารการกว้างขวาง ว่าพระซีเสียมเพรียมเอี่ยมสำอาง มีเมื่อปางพระนเรศวร์เกษประชา ศิลาทองเลื่อมพรายลายระยับ กำหนดนับแปดหนักประจักษ์ค่า ฝูงภูตพรายร้ายกำเริบรางควานพา พระมาลาระดับเพ็ชร์ล้วนเม็ดพราว มะพร้าวตกจั่นดอกออกสล้าง อ่อนทำทึกอย่างกลางบ้างเปนห้าว พะแพร้วๆแสงทองลำยองวาว เรือเพรียวยาวพาล่องท้องธารา เล่นออกเพรื่อเบื่อจะเถียงเสียงเขาเพราะ พอหมดเหมาะเนื้อความตามเลขา พอกับรอร่วมสระรจนา กุมารานักเรียนจงเพียงจำ บทที่สุดหมวดเจ็ดสำเร็จเรื่อง พอกับลอต่อเนื่องแนะอัดถ์ขำ จะจัดแจกแยกได้ในลำนำ ไปตามลำดับแม่ไม่แปรปรวน พลับพลาสีที่ประทับรับเสด็จ ตาพรานเบ็ดพล่าเนื้อกินเหลืออ้วน บ้างพลิดอกออกช่อกอลำดวน ได้ฤกษ์จวนเร่งจัดทั้งบัดพลี จุดพลุเพลิงพลุ่งสว่างกลางอากาศ ใบพลูดาษเหลืองสล้างบนค้างถี่ คนคางเพล่เผลไพล่ไถลดี ในวันนี้โพล้เพล้จวนเวลา อู้มองค์นางวางบนเพลาเล้าโลมโฉม สอดตระโบมสมสนิทขนิฐา กระดาษเพลาเจ้าภาษีเขาตีตรา นายนาวายกเสาทั้งเพลาใบ ถ้าพูดพล่ำพลาดพล้ำก็ทำยาก ด้วยแผลปากสุดจะหายาแก้ไข ต้นพละพลึงพลีผลัดละบัดใบ การเรวให้เรวรับจงฉับพลัน น้ำเดือดพล่านถ่านไฟแรงไพโรจ จิตร์จะโกรธพล่านพลักดังจักร์หัน มะพร้าวพลุ้นน้ำจางเยื่อบางครัน คนทุกวันสติน้อยเสื่อมถอยคุณ ตาโพลงใหญ่ไม่เห็นชั่วของตัวบ้าง ถึงผิดทางก็ไม่เหลียกยิ่งเฉียวฉุน ถ้าเหนทองผ่อนลงคงเปนคุณ ดังพร้าวรุ่นพลอนเถือเสียเหลือเบา ทุจริตใจคิดไม่ลดหย่อน ก็กินพลอนก่อโทษให้โฉดเฉา มุษาเปลี่ยนเพลี้ยนคำแปลงสำเนา ทิ้งสัตย์เคล้าคลุกชั่วยั่วใจเพลิน แม้นผิดพลั้งยั้งจิตร์คิดเสียใหม่ สู้ฟอกใจไปพลางอย่าห่างเหิน ดอกพละพลึงขาวสอาดสำอางเกิน อย่าละเมินฝึกใจให้คล้ายกัน จะต้มอุ่นอาหารเดือดพล่านพลุ่ง ร้อนบำรุงรศให้ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์ แต่ใจพลุ่งแม้ไม่อดพยศทัน จะฟาดฟันตนตายเพราะใจตน ร้องเพลงเล่นปรบไก่ไว้ฝีปาก ทั้งถางถากแนมเหน็บเก็บเหตุผล ย่อมพลิกแพลงแต่งความตามยุบล เพลิงโพลงลนร้อนเร่าทุกเพรางาย เสียงน้ำโพล่งเหนนายโพล้งเขาลงอาบ ทำยุ่งหยาบหยาวคนองลำพองหลาย ท่านขรัวมาคว้าไม้พลองย่องเดินกราย กระหนาบนายโพล้งหนีวิ่งจี๋ไป เต็มพล่องแพล่งเลี้ยงตนด้วยข้นขัด เขาหาจัดแร่พลวงส่งหลวงได้ จะพูดจาจงระมัดจำกัดใจ ถ้าพลาดเพลี่ยงโอฐไปก็ไม่งาม พระเพลิงยงทรงระมาดเปนอาศน์ผยอง ผันลำพองฤทธิไกรในสนาม น้ำเดือดพลักชงชากาลายคราม ลายช่างงามช่อพลิกกลับหงิกงอ พลุกว่างาคชสารโวหารขอม พลุกพล่านคนปนปลอมกันสอๆ หม้อพลวกพลาดก้อนเส้าเฝ้ารีรอ คนไม่ภอจับพลัดหัดกระบวร สารวัดพลาดพล้ำถลำถลาก ช่อบุนนาคเพล็ดดอกออกที่สวน ช่างพลอดฟังเพลิดเพลินเกินสำนวน จนค่ำพลบจบจวนเวลาจร ผลมะพลับหนับเหนียวยางเหนียวแน่น เพลิงโพลงพลามลามแล่นตลอดศร พูดพลอมแพลมแกมเท็จเข็ดแต่งอน พวกโจรจรจุดอังแพลมวับแวมวาว ดำไรแรงเริงร่าเคลื่อนคลาโขลง พังพลายโยงยลสล้างต่างเหิมห้าว งามลำยองท้องพลุ้ยตุบตุ้ยพราว ที่เผือกขาวภีกระเพื่อมเทื้อมทั้งกาย พลอยทับทิมมรกฎล้วนสดศรี ทั้งเหลี่ยมน้ำก่ำดีไม่มีสลาย ฟังพูดเล่นพล่อยๆพลอยสบาย ชื่อจีนฉายนายใหญ่ไปขุดคลอง จ่ายพลั่วเหล็กไห้เจ็กลูกจ้างขุด เมื่อยามหยุดอ่อนเพลียเฉลี่ยของ แจกกันทั่วตัวนายไพร่รองๆ ได้รับของครบถ้วนจำนวนคน กรายนิ้วกรีดดีดเพลี้ยคลอเคลียสาว เล็บยาวๆเหล่าเจ้าชู้ดูสับสน พูดแพละโลมเลียมและกระแซะซน ห่มเพลาะกรอมกรอสุคนธ์กลิ่นขจร จบแม่สองหมวดท้ายบรรยายชัด โดยจำกัดฉบับบรรพ์ท่านสรรสอน จะกลับกล่าวแม่สามตามสุนทร พอกับวอสองอักษรเข้าควบเคียง แจกจนจบครบแม่แต่คำถ้อย มีใช้สอยน้อยพิกัตที่ชัดเสียง คือพวงสงการนี้ว่าเพียง จบสำเนียงในสยามตามนิกร บทที่สุดหมวดเจ็ดจบเสร็จสิ้น ตามรบิลแบบต้นท่านค้นสอน สาธกคำนำปลงลงเปนกลอน เพื่อเด็กอ่อนทราบนุสนธิ์แต่ต้นมา จะรวมคำร่ำระดมนิยมพจน์ ให้เจนจำกำหนดบทเลขา กอประโยคหมวดแรกแจกสารา จอที่สองรองมาว่าตัวตอ เปนที่สามปอที่สี่ทวีพจน์ ที่ห้าหกเจ็ดจดบทต่อๆ อักษรต่ำสามเคียงคือคอทอ อีกตัวพอครบถ้วนจำนวนนับ แต่ละตัวแจกละสามตามอักษร รอลอวอเปนนิกรกอบประกับ เปนเจ็ดหมวดแยกออกบอกบังคับ ประโยคนับ ๒๑ เสร็จสารา สิ้นเท่านี้เนื้อความตามนุโยค ในอักษรประโยคนิติสา ระสาธกยกนิยมโดยสมยา กุมาราเร่งรู้อย่าวู่วาม วิธีควบรวบอ่านสารแถลง ที่จะแจ้งเต็มสำเนียงเสียงสยาม เพียงเท่านี้พอครบจบเนื้อความ ถูกเสียงตามตัวใช้ในวาจา แรกเริ่มเรียนมูลบทกำหนดหมาย ให้กระจายแจ้งชัดในอัดถา ตามครูสอนสอบเล่าเคล่าวาจา หยั่งปัญญารู้จริงที่สิ่งเรียน ครั้นเสร็จสับจับวาหนิติ์นับ สูงกำกับนำน่าอย่าพาเหียร ให้แม่นแท้แน่ลงคงแก่เรียน แล้วพากเพียรในพจน์บทรวบกัน คืออักษรประโยคโฉลกสาม พยายามยลจริงทุกสิ่งสรรพ์ ที่สงไสยไต่ถามเนื้อความพลัน ที่ใหนอั้นออกศึกษาต่ออาจาริย์ ทั้งสามเรื่องเรียนได้ไม่คลายคลาศ จับให้คงลงขาดทั้งคิดอ่าน จะปราดเปรื่องเรืองปัญญาปรีชาชาญ ในกิจการเรียนข้อต่อๆไป ด้วยแบบเรียนสามเรื่องในเบื้องต้น สำหรับยลค้นสำเนียงขึ้นเรียงไข เปนจบคำตำราภาษาไทย พออ่านได้ออกเสียงถ่องเที่ยงตรง แม้นโลเลเลื่อนใหลไม่สันทัด จะฝึกหัดเล่าอ่านก็พานหลง เหมือนนาวีไม่มีหลักที่ปักลง ก็เวียนวงคลาศเคลื่อนไหลเลื่อนลอย กุมารเริ่มแรกเรียนต้องเพียรพาก อย่าท้อยากลดหย่อนคิดถอนถอย หยุดว่างเว้นวันเวลาไม่ถ้าคอย อายุน้อยหน่อยจะหมดล่วงลดไป แม้นหมั่นเรียนเพียรจำทำไม่ขาด เฉลียวฉลาดยักย้ายอุบายได้ ใช้กิจเพียรกิจปัญญาให้กล้าใจ แล่นลงในทางท่าวิชาชาญ ไม่เนิ่นช้าก็คงเสร็จสำเร็จผล จะเลิศล้นฦๅสิ้นทุกถิ่นถาน ด้วยความรู้ชูเชิดประเสริฐนาน ย่อมเบีกบาลหฤไทยได้ไพรบูลย์ อันความดีศิริศุขทุกสิ่งไซร้ ซึ่งจะได้ก็ด้วยยากหากอุดหนุน ต้องเพียรพากยากแค้นแสนอาดูร จึ่งเพิ่มพูลศุขสบายเมื่อปลายมือ ถ้ารักศุขแม้นไม่ทุกข์ไปก่อนแล้ว จะเพริศแพร้วศุขสบายได้ง่ายหรือ แม้นเกียจคร้านการศึกษาไม่หาฦๅ เอาแต่ดื้อรื้อคิดระอิดระอา ถึงสมบัติสมบูรณ์ประยูรยศ ย่อมปรากฏเลื่องระบือฦๅหนักหนา ถ้าเกียจคร้านกอบกิจวิทยา คงต่ำต้อยน้อยหน้าประชาชน บูราณว่าหมั่นประกอบชอบจะเกิด ปัญญาเลิศดังแผ่นดินถิ่นสถล ถ้าคร้านเกียจไม่ประกอบให้ชอบกล จะทรพลเสื่อมถอยน้อยปรีชา เปนคนโหดโฉดเขลาเขาดูถูก ขอเชิญปลูกความหมั่นจงหรรษา ไห้รู้รอบชอบชิดวิทยา เกิดปรีชาอย่างไรจงใคร่ครวญ หนึ่งเล่าเขียนเรียนอักษรแต่ก่อนนั้น ทั้งแบบบรรพ์แจกก็จบมีครบถ้วน แต่บอกกล่าวเล่าอ่านพาดเรรวน สอนแต่ควรรู้ขนบประจบความ ถ้าใครใคร่รู้วิดถารสารอักษร ต้องอาทรทุ่มทวีไม่ผลีผลาม เที่ยวเสาะสืบศึกษาพยายาม ออกไต่ถามหลายสำนักนิ์หนักอุรา ทั้งง้องอนวอนเวียนตั้งเพียรพาก แสนลำบากยากแค้นนี่แสนสา บ้างก็ได้เสร็จประสงค์จำนงมา บ้างก็ล่าเลิกเลี้ยวไม่เชี่ยวชาญ พระบาทพระบรมินทร์ปิ่นพิภพ พระเดชลบฟากฟ้าโลกาสถาน พระกรุณายิ่งใหญ่ไม่ประมาณ แด่บุตร์หลานเสวกาข้าละออง จึ่งโปรดตั้งโรงเรียนให้เรืองรู้ แล้วมีครูสอนเสมอเสนอสนอง ตั้งพระราชหฤไทยไม่วายปอง ให้เรืองรองรู้สิ้นระบิลเรียน เมื่อใครใคร่ได้ศึกษาศิลปะสาตร ก็ลีลาศมาด้วยจิตร์สถิตย์เสถียน คงได้สมดังอารมณ์ที่พูลเพียร ไม่ต้องเวียรเสียทรัพย์นับกำนัล ทั้งเอมโอชโภชากระยาหาร พระราชทานเสร็จสิ้นทุกสิ่งสรรพ์ สมุดหมึกปากกาสารพรรณ์ ของตัวนั้นบอกเลิกให้เบิกคลัง พระราชทรัพย์นับจำแนกแจกครูสอน ประทานผ่อนพอให้สมอารมณ์หวัง พระกรุณาแผ่เผือเจือประทัง เงินพระคลังจ่ายเนืองเอนกนอง ควรคนึงถึงพระเดชนเรศร์รัก สวามิภักดิ์กตัญญูสนอง เร่งเรียนรู้ฟูเฟื่องรุ่งเรืองรอง ให้สมปองทางประโยชน์พระโปรดปราน สิ้นนุสนธิ์กลกลอนอักษรประโยค ฉายโฉลกแบบบรรพ์ประพันธ์สาร เปนลำนำคำกลอนสอนกุมาร พอไว้อ่านรู้เรื่องเรืองปัญญา หม่อมราชวงษหนูผู้นิพนธิ์พจน์ ในบ่อนบทที่สามตามเลขา ใช่เชื้อชาติปราชเปรื่องเรืองปรีชา ยังเขินขัดวัจนาไม่ถาวร พึ่งแรกเริ่มเพิ่มเพียรร่ำเรียนรัก ในสำนักนิ์หลวงสารประเสริฐสอน พอทราบพจน์บทฟัดสำผัศกลอน แต่หากร้อนอยากร่ำขึ้นทำลอง แม้นพลาดพลั้งเพี้ยนพจน์ที่บทไหน ปราชคงได้โปรดเติมเฉลิมฉลอง ให้เพราพริ้งลำนำในทำนอง โปรดอย่าปองติฉินด้วยหมิ่นเอย ๚ะ

----------------------------

๏ บ่อนสามความหมดสิ้น สารแถลง
เทียบถ่ายฉายกลอนแจง แจกถ้อย
พอสืบนุสนธิ์แสดง สดวกสดับ เรื่องเฮย
ไปยิ่งไปหยดย้อย แยบเยื้องอย่างกระวี ๚ะ
๏ สาเรศสรรวบใช้ เชิงเสียง นี้นอ
หม่อมราชวงษ์หนูเรียง เรื่องไว้
ใดคลาดขาดคำเคียง เขินขัด อยู่นา
ปราชช่วยปรุงแปลงให้ สนิทถ้อยทางแถลง ๚ะ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ