หุ่นผู้สร้างมนุษย์
นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำผู้เป็นทั้งสหายและผู้ร่วมงานกำลังทยอยเข้ามาในห้องทดลองของ ดร. ยันตร์ ทุกคนได้รับเชิญให้มาช่วยชี้แจงคัดค้านหรือแนะนำการสร้าง ‘หุ่นยนต์’ ของเขาให้สมบูรณ์ขึ้น
เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว เขาได้เลื่อนกระดานแผ่นใหญ่ ซึ่งมีส่วนต่าง ๆ ของ ‘หุ่นยนต์’ ที่เขาได้เขียนไว้แล้วอย่างยืดยาว อธิบายถึงความสัมพันธ์ในส่วนทั้งหลายเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับทางเทคนิค ไม่มีใครให้ข้อแนะนำหรือโต้แย้งเขาเพราะแผนผังของเขาสมบูรณ์เกินความคาดหมายของใคร ๆ ดังนั้นเมื่อใกล้จบ เขาจึงกล่าวขึ้นว่า
“ข้าพเจ้าตั้งใจเหลือเกินที่จะให้ ‘หุ่นยนต์’ นี้มีสมองโฟโตอีเลคตริค คือมีเซลล์ไฟฟ้าที่ยอมให้กระแสไฟไหลในวงจร (โดยการส่งอีเลคตรอนจากแผ่นโลหะ) เมื่อมีแสงสว่างมากระทบจะไม่มีความคิดอิสระของมันเอง แต่นั่นแหละ ออกจะซับซ้อนสักหน่อยที่เราจะพูดกันแต่ทฤษฎีที่ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติ”
เสียงหนึ่งสอดขึ้นว่า “เท่าที่เราทำมาก่อน มนุษย์เป็นผู้บังคับโดยใช้คลื่นวิทยุเท่านั้น”
“จริงเช่นนั้น แต่ไม่จำเป็นเลย การคำนวณของข้าพเจ้าจะพิสูจน์ว่า เราอาจทำหุ่นยนต์ที่รู้จักคิดได้ในตัวของมันเอง ข้าพเจ้าจะพิสูจน์คำพูดและการคำนวณของข้าพเจ้าภายใน ๖ เดือนนี้....” เขากล่าวต่อไปอย่างเชื่อมั่น
“ขอให้ท่านลองใช้มโนภาพ ท่านที่รักท่านจะได้ประจักษ์ว่าหุ่นยนต์หรือมนุษย์กลซึ่งมีความสามารถอันเป็นไปได้โดยไม่จำกัด มนุษย์ยนต์ผู้ซึ่งพูด คิด และเชื่อฟังในการกระตุ้นใจของตนเอง”
ดร. ทางวิศวกรรมคนหนึ่งกล่าวอย่างคล้อยตามว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นไปได้ วิทยาศาสตร์ย่อมเป็นทาสของมนุษย์ ไม่ใช่เป็นนายของมนุษย์...”
“ขอบคุณ” ดร.ยันต์กล่าวอย่างปิติใจ “..แล้วข้าพเจ้าจะพบกับท่านอีกใน ๖ เดือนข้างหน้า”
หลังจากวันนั้น คาราวานกองหนึ่งซึ่งบรรทุกเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ได้ถูกส่งไปยังห้องทดลองลับแห่งหนึ่งใกล้ภูเขา และหุ่นยนตร์อันทันสมัยที่สุดก็เริ่มสร้างขึ้นภายในเพิงซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องยนต์กลไกและไฟฟ้า
เวลาล่วงไป หุ่นยนต์ซึ่งสร้างด้วยความคิดของ ดร. ยันตร์ ก็เริ่มสำเร็จทีละชิ้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน และในที่สุด หุ่นยนต์ซึ่งสูง ๗ ฟุตก็สำเร็จสมบูรณ์ด้วยโลหะทั้งตัว
ดร. ยันตร์ มองดูอย่างพินิจพิเคราะห์และภาคภูมิใจ เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “โครงร่างทั้งหมดสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่ให้เครื่องฉายความคิดแก่สมองแคโทดของมัน ด้วยการบรรจุให้เต็มไปด้วยวิทยาการที่มีอยู่ในโลกเท่านั้น”
เขาเดินกลับไปกลับมา แล้วมองดูอีกครั้งหนึ่ง
“ในเวลาปกติ กองทัพหุ่นยนต์จะต้องอยู่ในลักษณะพร้อมที่จะช่วยในการกสิกรรม หัตถกรรม ทำหน้าที่ดุจกรรมกรทุกประเภทของชีวิตอันเป็นกิจประจำวันของมนุษย์
“ในยามว่างงาน มันจะต้องแบ่งเบาภาระเพื่อให้เราได้ดู ได้พักผ่อน และได้รื่นรมย์ในกีฬาที่เต็มไปด้วยภยันตราย....
“และในยามสงคราม ความเศร้าสลดของมนุษย์จะต้องสิ้นสุดกันเสียที เพราะหุ่นเหล่านี้จะทำหน้าที่ได้ดุจนักรบ....”
เขาถอยหลังออกไปจากหุ่นยนต์ เพื่อมองในระยะไกล เป็นนานจึงยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“แน่เหลือเกิน สิ่งที่เราทำขึ้นนี้จะต้องเป็นที่สนใจของโลก ปฏิรูปโลกใหม่ มนุษย์นั้นแบบบางจึงควรแล้วที่จะใช้แต่สมอง เราจะได้หมดความกระวนกระวายใจ เพราะหุ่นยนต์เหล่านี้สร้างผลประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติ”
จากสัปดาห์เป็นเดือน ยักษ์ที่ทำด้วยโลหะได้ถูกต่อเติมและสร้างสรรค์รูปร่างและบรรจุสิ่งสำคัญ ๆ อย่างช้า ๆ เช่นการบรรจุ ‘เครื่องฉายความคิดขนาดเล็กแผ่นภาพความทรงจำ’ เข้าในสมองของหุ่นยนต์ซึ่งเต็มไปด้วยสรรพความรู้ของโลก เครื่องวิทยาศาสตร์แบบแปลกทำงานต่อไปอย่างเป็นระเบียบ เวลาได้ผ่านไป....
ต่อมาวันหนึ่ง ดร. ยันตร์ เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย เขามองดู ‘หุ่นยนต์’ พลางนึกในใจ “สมองแคโทดเริ่มต้นดูดความคิดนิวตรอน เมื่อหุ่นยนต์มีชีวิตขึ้น ความสามารถของมันจะสูงกว่ามมุษย์” ในที่สุด เขาก็ฟุบลงกับโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย บังคับเครื่องคอสมิคไซโครตอน๑ แต่จะฟุบไปนานเท่าใดไม่ปรากฏ มาสะดุ้งตื่นเมื่อมีอะไรมาแตะอยู่ที่ไหล่ เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมอง แลเห็นมือที่ทำด้วยโลหะมาจับอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นถอยห่างออกไปจ้องดู ‘หุ่นยนต์’ ที่เขาสร้างขึ้นอย่างตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นพรั่นพรึง และลังเลใจในความประหลาดต่อในสิ่งที่เขาประดิษฐ์ขึ้น
“ท่านคือ ดร. ยันตร์ ผู้สร้างฉัน”
เสียงพูดของหุ่นยนต์ ทำความงุนงงให้ ดร. ยันตร์ ยิ่งขึ้น เขารีบเดินไปใกล้เครื่องบังคับ จ้องดูหุ่นยนต์อย่างไม่กระพริบเป็นนานจึงพูดว่า
“ถูกละ ฉันเอง ฉันสร้างขึ้นมาจากโลหะ” เขาหยุดแล้วกล่าวต่อไป “นับเป็นผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ น่าอัศจรรย์ยิ่ง”
“จริงซิ” เสียงหุ่นยนต์ดังออกมาจากปากกร้าว ๆ และกระด้าง “ท่านสามารถกำหนดให้ฉันพูดเคลื่อนไหวและคิดได้ดีจริง ๆ”
“รู้ไหม ทำไมฉันจึงสร้างเจ้าขึ้นมา”
เสียงหุ่นยนต์หัวเราะกร้าว ๆ ไม่มีหางเสียง
“รู้ซิ-รู้ว่าท่านต้องการใช้ความเฉลียวฉลาด ปัญญา และแรงงานของเรา ช่วยงานของมนุษย์ซึ่งกำลังเบื่อหน่ายและเกียจคร้านใช่ไหม”
“เป็นความจริง ฉันสร้างขึ้นมาเพราะเหตุนั้น และเราจะต้องทำตามความประสงค์ของเราดังเราสั่ง”
ในฉับพลันที่ได้ยินเสียงนั้น หุ่นยนต์ก็เริ่มสำแดงกิริยาฉุนเฉียวดุดันทันที สืบเท้าก้าวมาเกือบประชิด ดร. ยันตร์ มันยกมือที่ทำด้วยโลหะชี้หน้า
“เราไม่ยอมให้มนุษย์คนไหนมีอำนาจสั่ง เราจะไม่ทำงานให้มนุษย์ไม่ว่างานใด ๆ อย่าลืมว่าเรามีชีวิต มีความคิด มีอวัยวะครบถ้วน ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเหนือมนุษย์ ผู้มีความรู้สูงควรเป็นนาย คนแข็งแรงยอมกินคนอ่อนแอ ใคร ๆ ก็รู้อยู่ถ้าเราเป็นหุ่นที่ไม่มีชีวิตไร้ความคิด เราอาจยอมให้ใคร ๆ บังคับ เป็นตัวแกก็เถอะ ความสามารถของแกมีมาก แกจะยอมเป็นทาสคนอื่นที่มีความสามารถน้อยกว่าแกหรือ ดร. ยันตร์ เป็นความผิดของแกที่สร้างเราขึ้นมาให้มีความสามารถ แข็งแรงเหนือแก เหนือมนุษย์ทั้งปวง”
ยักษ์โลหะพูดพลางสะบัดแขนกระทบกันสนั่น และก้าวเข้ามาอย่างฉุนเฉียว ดร. ยันตร์ถอยหลังกรูด
“อย่า อย่าเข้ามาใกล้ อย่า ฉันทำลายแกได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าฉันสร้างแกขึ้นมา”
แต่ยักษ์โลหะมิได้เกรงกลัวคำขู่ ด้วยพลังอันมหาศาล มันยกโต๊ะที่บังคับเครื่องคอสมิคไซโครตอนขึ้นขู่ ดร.ยันตร์ ถอยหลังกรูดร้องอย่างตกใจ
“อย่า-อย่า-สงสารฉัน ฉันสร้างแกขึ้นมา เราต้องทำงานร่วมกัน สงสารฉัน ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“สงสารรี” เสียงดังก้อง “เราไม่รู้ว่าสงสารคืออะไร เจ้าต้องถูกทำลายเพื่อจะได้ไม่สร้างตัวใหม่ขึ้น เราจะอยู่ จะเป็นเจ้าเหนือคนอื่น ความมีประโยชน์อย่างมากมายของเจ้าต้องสูญไป...” ยักษ์โลหะพูดแล้วทุ่มโต๊ะตัวนั้นลงไปบนร่าง ของ ดร. ยันตร์ ไม่มีเสียงร้องใดๆ ทุกอย่างเงียบสงัด นอก จากเสียงพูดอย่างโกรธ ๆ
“เสร็จสิ้นเสียที เราเป็นนายตัวเราเอง มนุษย์ทั้งหลายอ่อนแอแบบบาง เปราะ และเป็นผีร้ายที่ไร้ความจำเป็น เราจะสร้างหุ่นยนต์อื่น ๆ ให้เหมือนตัวเรา ต่ำกว่าเราในความสามารถและขนาด เพื่อก่อรูปของโลกใหม่ ซึ่งไม่มีการแบบบางหรือเปราะอย่างมนุษย์”
หุ่นยนต์เดินออกมาข้างนอก มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด
“เราจะต้องไปยังที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งมนุษย์ไม่อาจสอดแทรก หรือโต้แย้งกับทางชีวิตของหุ่นทั้งหลาย เราจะสร้างเครื่องกลที่จะนำเราไปสู่วัตถุระยิบระยับในอวกาศเหล่านั้น”
สมองหุ่นยนต์ ผู้บรรจุไว้ด้วยวิทยาการทุกสาขาย่อมสามารถในการคิดคำนวณอย่างดีเลิศ ฉะนั้นชั่วเวลาไม่นาน หุ่นยนต์ยักษ์ก็ได้สร้าง ‘เวหาสยาน’ ของตนขึ้นสำเร็จ และเป็นเวหาสยานลำแรกที่ควบคุมด้วยหุ่นยนต์ซึ่งมีชีวิต
ในความมืดสนิทของราตรีหนึ่ง ได้มีผู้เห็นวัตถุที่มีแสงสีนวลยาวเป็นทางขาวจากหอทดลองของ ดร.ยนตร์ผ่านไปในท้องฟ้าและหายลับไปโดยไม่ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร
เดือนหนึ่งต่อมา ‘เวหาสยาน’ ลำนั้นก็พาหุ่นยนต์มายังดาวพระเคราะห์เล็ก ๆ ดวงหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยโลหะ และที่นั้นเองหุ่นยนต์ยักษ์ก็เริ่มทำงาน
เวลาได้ผ่านไปยักษ์โลหะได้สร้างเครื่องกลทุกชนิดที่มนุษย์ใช้สร้างหุ่นยนต์ เมื่อผลิตได้ก็ใช้ตัวที่ผลิตนั้นผลิตตัวต่อไป ตัวแล้วตัวเล่า จนกระทั่งเป็นจำนวนมาก แม้กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอใจหุ่นยนต์ยักษ์นั้น
อย่างช้า ๆ ดินแดนที่ว่างเปล่า ได้กลายเป็นโลกอันครึกโครม โลกที่เต็มไปด้วยตึกรามแบบพิสดาร ยวดยานแบบแปลก ๆ และถนนหนทางที่ขวักไขว่ไปด้วยหุ่นยนต์นับพัน ซึ่งถูกหล่อออกจากแม่พิมพ์
ในขณะนี้ โลกอัศจรรย์กำลังหยุดนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในดินแดนนี้ เพราะหุ่นยนต์ทุกตัวหยุดนิ่งเพื่อฟังคำปราศรัยของ ‘หุ่นยนต์’ ผู้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิ์จากโทรภาพ ซึ่งมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ในน้ำเสียงและท่าทางอันแสดงความเด็ดขาดดุดันนั้น ได้สร้างความพรั่นพรึงให้แก่ประชาชนชาวหุ่นยนต์ทั้งหลายอย่างยิ่ง
“เราเป็นชนชาติใหม่ในจักรวาล เราแข็งแรง ฉลาด เราเป็นชนชาติอมตะที่ไม่รู้จักตาย เราเป็นผู้มีอยู่ ทรงอยู่อันสูงสุด เป็นผู้รู้ทั่วในจักรวาล”
“จักรพรรดิจงเจริญ-จักรพรรดิจงเจริญ”
เสียงกึกก้องออกจากปากหุ่นยนต์นับพัน
แต่ต่อมา ภายในอาณาจักรอันเกรียงไกรของหุ่นยนต์เหล่านั้นได้มีเหตุการณ์ซึ่งไม่เคยคิดกันมาก่อนเกิดขึ้น
ผู้เป็นจักรพรรดิมองดูภาพนั้นทางโทรภาพ ซึ่งอยู่ในห้องนั้นอย่างเคร่งเครียด ภาพนั้นเป็นภาพของการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของหุ่นคู่หนึ่ง เสนาบดีสนิทได้กล่าวทูลว่า
“ฝ่าบาทหุ่นยนตร์ทั้งหลายเริ่มทะเลาะวิวาทกันแล้ว”
“รู้แล้ว...” กล่าวเสียงห้วนๆ “พวกเรามากขึ้น อาณาจักรคับแคบ โลกนี้เล็กเกินไป เราต้องแสวงหาโลกใหม่ให้ใหญ่และมีชีวิตอยู่ได้อย่างผาสุก เรียกประชุมนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่ห้องวิทยาศาสตร์ของเราเดี๋ยวนี้”
มันสั่งแล้วมองดูการต่อสู้ต่อไป ไม่นานนักต่างตัวก็ได้โอกาสรัดเอวซึ่งกันและกัน และด้วยกำลังอันมหาศาลที่มีอยู่ โลหะที่หุ้มห่อร่างก็บุบบี้ทำให้บรรดาไฟฟ้าในลำตัวเกิดช้อตกันและระเบิดขึ้น ทุกชิ้นของโลหะกระจายปลิวไป
จักรพรรดิมองดูภาพนั้นอย่างสะดุ้งและหวั่นใจ
“ตาย ระเบิด หุ่นยนต์ย่อมตายได้ ระเบิดได้ นี่ไม่ใช่เป็นอมตะดอกหรือ ทำไมหุ่นยนต์ทั้งหลายจึงไม่ห้ามปราม ทำไมยืนดูเฉย ๆ”
๑๐ นาทีต่อมา ภายในห้องดาราศาสตร์ เมื่อบรรดานักวิทยาศาสตร์แห่งหุ่นยนต์ทั้งหลายมาพร้อมกัน จักรพรรดิก็ชี้ไปยังภาพโทรทัศน์ซึ่งปรากฏเป็นรูป ‘มนุษย์’ กำลังเดินอยู่ชายทุ่งนา เวิ้งว้างไปด้วยต้นข้าวอันเขียวชอุ่มและท้องฟ้าสีคราม
“นี่เป็นภาพจากโลกมนุษย์ ที่นั่นแหละมนุษย์ ได้สร้างเราขึ้นเป็นครั้งแรก และที่นั่นแหละจะเป็นที่ๆพวกเราจะกลับไป”
เสียงหนึ่งว่า “แต่เขาเหล่านั้นเป็นมนุษย์ เขาอาจทำลายเราเสีย”
เสียงก้องดังจากจักรพรรดิ
“เนื้อหนังหรือจะสู้กับโลหะ จงจับตัวเจ้าดู จงคิดถึงสมองของตน ทั้งความคิดและร่างกายพวกเราสูงเหนือกว่าพวกเขา ถ้ามันสมองของมนุษย์สร้างหุ่นยนต์ได้ ทำไมเล่า หุ่นยนต์จะไม่สามารถสร้างสิ่งที่ทำนองเดียวกับมนุษย์ไม่ได้”
นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายเงียบสักครู่จึงเสียงหนึ่งกล่าวว่า
“แต่มนุษยชาติถูกสร้างขึ้นด้วยอวัยวะอันละเอียดอ่อน สับสนยุ่งยากยิ่งกว่าเรา ยิ่งกว่านั้นเขายังมีสิ่งหนึ่ง ซึ่งเราทั้งหลายไม่มี คืออารมณ์”
อีกเสียงหนึ่งรับรองว่า
“ถูกแล้ว มนุษย์มีสิ่งสำคัญยิ่งอันหนึ่ง มนุษย์มีอารมณ์ มีความรู้สึก มีสติยั้งคิด มีความดีใจเสียใจ โกรธ รัก ปรานีและกรุณา เรามีอยู่อย่างเดียวคืออารมณ์กระด้าง”
แต่เสียงของจักรพรรดิตวาดออกมาอย่างฉุนเฉียว
“เราออกคำสั่งให้พวกเจ้าค้นหาความเร้นลับของชีวิตมนุษย์ เมื่อไรพวกเจ้าทำได้ เราจะส่งมนุษย์ที่สร้างขึ้นนี้กลับไปยังโลก และทำลายมนุษย์อื่น ๆ ในโลกนั้น เพื่อพวกเราทั้งหมดจะได้ไปที่นั่น ไปให้ได้”
เพียงเดือนหนึ่งผ่านไป มันสมองอันวิเศษสุดของบรรดานักวิทยาศาสตร์หุ่นยนต์ ก็ได้ค้นคว้าพบกับความเร้นลับของชีวิต
ภาพ ‘มนุษย์ที่สร้างขึ้น’ อยู่ภายในอ่างแก้วใหญ่ ซึ่งถูกโยงด้วยสายไฟฟ้านับ ๑๐๐ ชนิด พร้อมด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยในการสร้างสรรค์
และอย่างภาคภูมิใจ ‘มนุษย์’ ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นได้ลืมตาขึ้นและขยับแขนขาอยู่ในอ่างแก้วมหึมานั้นแล้ว
“นี่แหละสิ่งที่สร้างขึ้น มนุษย์ซึ่งอาจคิด อาจพูด อาจเคลื่อนไหวได้ เช่นเดียวกับเรา แต่สิ่งหนึ่งที่เขา ‘เสีย’ ไม่เหมือนเรา คือเขาเป็นทาสของอารมณ์ ทาสความรู้สึก” หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ทูลจักรพรรดิในการที่เสด็จมาทอดพระเนตร
“เอาละ” ผู้เป็นจักรพรรดิกล่าวห้วน ๆ “จัดแจงเสื้อผ้าให้เหมาะสม และนำไปหาเราที่ห้องทำงาน เขาจะต้องถูกส่งไปยังโลกมนุษย์เดี๋ยวนี้”
อย่างรวดเร็ว ‘มนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้น’ ได้ถูกนำไปยังห้องส่วนตัวของจักรพรรดิ ซึ่งได้ชี้ให้เขาดูภาพในโทรภาพที่มาจากโลกมนุษย์
“สิ่งเหล่านั้นคือมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้า แต่เป็นมนุษย์อ่อนแอที่เจ้าจะต้องไปทำลาย”
‘มนุษย์ที่สร้างขึ้น’ มองดูภาพของมนุษย์หลายคน ซึ่งกำลังพุ่งตัวลงไปในลำน้ำไหลเชี่ยว เพื่อช่วยผู้หญิงแก่และเด็กอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังจะจมน้ำตายเพราะเรือล่ม ชายคนหนึ่งคว้าเด็กที่กำลังจะจมลงสู่ก้นน้ำไว้ได้ทันท่วงที และพาเข้าหาฝั่ง อีกคนหนึ่งช่วยพยุงแขนหญิงชรา นอกนั้นช่วยกันดึงเรือเข้าหาฝั่งได้โดยปลอดภัย
‘มนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้น’ มองดูภาพนั้นเป็นนานอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“ทำไมเขาจะต้องถูกทำลาย ความจริงพวกท่านและพวกเขาอาจอยู่ร่วมกันได้ในโลกนั้น”
จักรพรรดิแห่งหุ่นยนต์พูดอย่างฉุนเฉียว
“เขาอ่อนแอ ความอ่อนแอไม่สมควรให้มีชีวิตอยู่ นี่แน่ะ จงฟังอย่างเอาใจใส่ เจ้าจะต้องไปยังโลกนั้นด้วยเวหาสยาน ซึ่งบรรทุกซี-บอมบ์๒ ๒๐ ลูก เมื่อไปถึงจงปล่อยมันลงในอาณาจักรใหญ่ๆ ที่เป็นแหล่งสำคัญทางวิทยาศาสตร์และโรงงานทั้งหมด ไปได้ ไปเดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวนี้” มนุษย์ทวนคำพร้อมกับหัวเราะอย่างหยิ่ง ๆ แล้วมองดูจักรพรรดิหุ่นยนต์อย่างพินิจพิเคราะห์โดยไม่กล่าวว่ากระไร เดินไปยัง ‘เวหาสยาน’ ที่จอดรออยู่แล้วนั้น และก่อนจะเข้าไปในเวหาสยาน เขากล่าวกับจักรพรรดิว่า
“ท่านไม่มีความรู้หรือคอยคิดดอกหรือ มนุษย์เหล่านั้นล้วนเป็นคนดี เห็นไหม เพียงเด็กและผู้หญิงแก่ๆ เท่านั้น ทุกคนยังอุตส่าห์ลงไปช่วยเหลือ พวกเขาเห็นคุณค่าของการมีชีวิต”
จักรพรรดิกลับตวาดด้วยเสียงดัง
“ลืมเรื่องโง่ ๆ นั้นเสีย เราสร้างเจ้าขึ้นมา เจ้าจะต้องทำงานตามที่เราบังคับ ไปเดี๋ยวนี้”
ณ ลานเวหาสยานนั้นเอง นัยน์ตากลอันเยือกเย็นของหุ่นยนต์ผู้สถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ์ ได้จ้องมองดูเวหาสยานที่ผ่านความมืดของท้องฟ้าเห็นเป็นทางขาว ๆ
“ในไม่ช้ามนุษยชาติจะถูกทำลายล้าง เราจะส่งเวหาสยานไปยังโลกอีก พร้อมกับประชาชนของเราเพื่อเขาจะได้มีที่อยู่ใหม่อันกว้างขวางและเหมาะสม”
แต่ขณะที่จักรพรรดิหุ่นยนต์รำพึงอยู่นั้น ภายใน ‘เวหาสยาน’ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการมีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์ เริ่มมีการครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง ในที่สุดอำนาจของความเมตตากรุณาซึ่งมีประจำจิตใจของ ‘มนุษย์’ อันเป็นอารมณ์หนึ่งของมนุษย์ ก็สำแดงออกมาอย่างแจ่มแจ้ง ‘มนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้น’ นึกในใจว่า
“เราไม่อาจฆ่าประชาชนชาวโลกได้ พวกเขาเหล่านั้นเหมือนกับเรา พวกเขาถือว่าการมีชีวิตอยู่แต่เพียงอย่างเดียวนั้น ยังน้อยกว่าการมีคุณค่าของการเสียสละเพื่อคนอื่น นั่นคือความปรานีและเผื่อแผ่ ซึ่งพวกหุ่นยนต์เหล่านั้นไม่มีเลยนอกจากความหฤโหด ไร้หัวใจ สังคมใดถ้าไร้ความปรานีจะมีสันติสุขได้อย่างไร ร่างกายแข็งแรงนั่นเป็นสิ่งดี แต่หัวใจที่กระด้างจะดีได้อย่างไร โลกจะขาดสันติสุขจักรวาลอาจเดือดร้อน ฉะนั้นจึงควรทำลายพวกนี้มากกว่า เราคือมนุษย์ผู้เดียวที่ควรยอมเสียชีวิตเพื่อมนุษยชาติทั้งโลก
ทันใดนั้นเอง ‘เวหาสยาน’ ซึ่งเต็มไปด้วยซี-บอมบ์อันร้ายกาจ ก็หันกลับไปสู่โลกของจักรพรรดิหุ่นยนต์แห่งนั้น มันมุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางจักรวรรดินั้นอย่างรวดเร็วจนสุดกำลังของเวหาสยานนั้น แน่ละ มันจะต้องพุ่งไปพร้อมด้วยความตั้งใจที่จะทำลายให้เป็นผุยผง
อีกชั่วครู่ต่อมา บนโลกมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจดูโทรทัศน์หลายแห่งได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ประหลาด เพราะมีแสงสว่างวาบขึ้นกระจายออกไปในอากาศนับล้านไมล์ เหมือนกับกระบอกไฟพะเนียงที่แตกในอากาศ แต่ชั่วแวบเดียว เขาก็ไม่ได้เห็นอะไรอีก
เมื่อได้ไต่ถามกันแล้ว นักดาราศาสตร์ผู้มีอาวุโสคนหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า
“คงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรืออาจมีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งวิ่งเข้าชนอีกดวงหนึ่งก็ได้ เราไม่อาจสังเกตและให้แถลงอะไรได้ เพราะชั่วแวบเดียวเท่านั้นที่เราได้เห็น และไม่อาจถ่ายภาพไว้ได้ทัน - -” ๏