บอกรูปพวกเงาะโดยสังเขป

พวกที่เราเรียกว่าเงาะมีหลายจำพวกตามที่เขาตรวจพบปะ แต่ไม่จำเปนจะต้องยกมากล่าวในที่นี้ ที่จะกล่าวบัดนี้ประสงค์เอาพวกที่ตัวมันเองเรียกตัวว่า “ก็อย” หรือถ้าจะว่าตามหมวดหมู่ ซึ่งมิสเตอร์อานันเดลเขียนไว้ ก็เปนพวกที่เรียกตามภาษามลายูว่า “เซมัง” หรือ “สไก” แต่จะต้องเข้าใจอย่างภาษาของเราที่เรียกว่า “เงาะ” ซึ่งมันเรียกตัวมันเองว่าก็อย

รูปพรรณไม่สู้สูงใหญ่ ตามักจะแหลม จมูกกว้างแขน ปากไม่เจ่อเช่นนิโคร ผมเส้นอ่อนแลขมวด ผู้ชายไว้ผมกลมรอบศีศะเช่นเงาะหัวโขน แต่ผู้หญิงไว้ยาวอย่างมวยก็มีแต่ที่ตัดสั้นเปนพื้น ผิวดำเจือแดงไม่ใช่ดำเขียว ก็ไม่ฉเภาะแต่ดำอย่างเดียว ที่สีจางออกไปก็มาก บางพวกสีเหมือนคนปรกติ แต่มักจะเปนลายเช่นแผลออกฝีตามตัวมาก ด้วยเมื่อเด็ก ๆ มักเปนแผลต่าง ๆ กำลังย่อมเปนคนแขงแรง

ความคิดอยู่ข้างจะฉลาด จำแม่นตามปรกติของคนชาติที่ไม่มีหนังสือ ข้อนจะอยู่ข้างขลาดไม่ใช่ชาติที่ดุร้าย ไม่มีความคิดในทางเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ ชอบแต่หาสิ่งของเกิดจากธรรมดาเอง คือตัดหวาย ตัดเตย ตีผึ้ง ลนน้ำมันยาง ลงมาแลกเปลี่ยนอาหารตามหมู่บ้านคน วิชาช่างที่ทำได้ คือ สานสมุกใบเตย สานตกร้า หรือกระโปรงที่เรียกว่า “จอง” ด้วยหวาย สานเสื่อ กระสอบใบเตย ขุดมันเปนงานของผู้หญิงในเวลาที่ผู้ชายไปทำงานอยู่ในป่า

ที่อยู่ตามปรกติอยู่ในทับซึ่งทำสูงจากพื้นดินโดยใช้กิ่งไม้ง่ามเปนเตาหม้อ หลังคาทับนั้นมุงด้วยใบไม้ มีใบปาล์มอย่างต้นตาลเปนต้น ซึ่งไม่สู้มิดฝนนัก น่าฝนกันฝนไม่ใคร่จะได้ ย่อมเข้าไปอยู่อาไศรยถ้ำโดยมาก ทับที่อยู่นั้นมักจะปลูกเปนหมู่ราย ๆ กันตามพวก คงมีต้นไม้ใหญ่ที่เหลือไว้ มีลานที่ตัดตอไม้ลงเปนที่แจ้งสำหรับเล่น

ที่ซึ่งตั้งทับนั้นย่อมหาตำบลที่ใกล้ธารน้ำเปนสำคัญ ถ้าหากว่าจำจะต้องอยู่ไกลหน่อย มันสามารถที่จะทำรางด้วยไม้ไผ่ต่อให้มาตกถึงที่อยู่ แลจำจะต้องมีที่ซึ่งเกิดเผือกมันอยู่ในที่ใกล้แห่งหนึ่งแห่งใดเปนเสบียงกรัง จึงจะเปนที่ซึ่งตั้งทับได้ ถ้าหมดมันฤๅมีเหตุคนตายเปนต้องย้ายไปตั้งทับเสียที่อื่น

ภาษาที่พูด ซึ่งเปนภาษาก็อยแท้ แปลกจากภาษาไทยแลภาษามลายูไกลมาก มีหางเสียงคล้ายภาษาอังกฤษ แลเยอรมันบ้าง แต่ไม่ครบทุกสำเนียง ดูเหมือนว่าภาษาก็อยแท้จะมีคำน้อยนัก จึงต้องใช้ภาษาไทยแลภาษามลายูปนเข้าไปมาก

อาหารปรกตินั้นมีเผือกมันเปนที่ตั้ง แต่มักจะได้กินเข้าเสมอเปนปรกติ โดยหาสินค้ามาแลกดังเช่นว่า ผลไม้ทุกอย่างเปนอาหาร สัตว์ต่าง ๆ ชอบค่างเปนพื้น อาจจะย่างไว้กินเปนของแห้งประจำไม่ขาดได้ นอกนั้นนกเปนพื้น เว้นไว้แต่บางอย่างเช่นไก่ป่าเปนต้น ถือว่ารางควานแรง สัตว์สี่เท้ากินน้อยนัก มักเปนสัตว์ของเลี้ยง ซึ่งได้ไปจากคนไทยหรือมลายู แลสัตว์ป่า เช่นเนื้อทรายเปนสัตว์ที่มีรางควานมาก ไม่ได้เปนอาหารประจำของพวกนี้ ถ้าเปนอาหารป่าที่เขาหาได้เองใช้เผาไฟกินทั้งนั้น เว้นไว้แต่หุงเข้าหรือแกง ซึ่งได้เรียนไปแลได้ภาชนะจากคนไทย ก็ทำได้อย่างเลว ๆ ง่าย ๆ ของนอกจากอาหารปรกติซึ่งเปนเครื่องเพิ่มเติมความต้องการเซ่น เกลือ น้ำตาล พริก ตะไคร้ มะพร้าว ผลไม้ของสวน ยาสูบ สุรา เปนต้น แลกได้จากคนเหมือนกันแต่ใช้น้อย

ยาที่เปนโอสถวิเศษของพวกนี้นั้น คือเรื่องออกลูก ธรรมดาของพวกก็อยมีลูกถี่ ตามปรกติของเขามักกล่าวว่ามีปีละคน มียาทำด้วยพฤกษชาติ ซึ่งคนไทยคนมลายูแถบนั้นไปขอร้องมาใช้กันอยู่โดยมาก แต่ไข้เจ็บอย่างอื่น ๆ ใช้ยาน้อย รักษาด้วยอาบน้ำ ผิงไฟ เปนพื้น

ฤดูกาลความศุขของพวกนี้ น่าหนาวอาไศรยกองไฟผิงเปนพื้น เพราะผ้าไม่ใคร่จะมีพอนุ่งห่ม บางทีมีอันตรายด้วยไฟบ่อย ๆ แต่เวลากลางวันยังเปนเวลาสบายเที่ยวได้มาก หาอาหารได้มาก ครั้นถึงฤดูร้อนเปนสบายที่หนึ่ง เปนเวลาที่เที่ยวป่าขับร้องฟ้อนรำ อาหารบริบูรณ์เทุกอย่าง ครั้นตกถึงฤดูฝนเปนเวลาที่ไม่สบายเลย ทับก็ไม่พอที่จะคุ้มฝน ต้องอาไศรยอยู่ในถ้ำ พื้นแผ่นดินก็เต็มไปด้วยทากแลสัตว์เสือกคลานต่าง ๆ เดินไปมาข้างไหนก็ยาก ที่กลัวอย่างยิ่งนั้น คือที่พวกนั้นเขาเรียกว่าฝนร้อน คือฝนตกลงมาแล้วอากาศอับอ้าวชื้น หายใจไม่ใคร่ออกเช่นนั้นมักเจ็บไข้ เปนไข้ป่า วิธีที่ใช้กันไข้ป่า ใช้ทาแป้งขาว ๆ ตามลูกคางแก้มแลหน้าผาก บางทีใช้เชือกรัดทีกลางลำตอให้ตึงว่าเปนเครื่องกันไข้ป่า

นุ่งห่ม ผู้ชายนุ่งผ้าคาบหว่างขาแล้วกระหวัดรอบเอวไว้ชายทั้งน่าหลัง เรียกว่านุ่ง “เลาะเตี๊ยะ” ชายที่ห้อยข้างน่าเรียกว่า “ไกพ๊อก” ชายที่ห้อยข้างหลังเรียกว่า “กอเลาะ” วิธีที่นุ่งผ้าเช่นนี้เหมือนอย่างเขมรครั้งพระนครวัดนุ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ในลายจำหลักศิลา ชั่วแต่ผ้ากว้างแลแคบกว่ากันตามที่มีมากแลน้อย พวกก็อยนั้นเห็นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย ตั้งแต่ครั้งนั้นมาจนเดี๋ยวนี้ ผู้หญิงนุ่งเตี่ยวชั้นในเรียกว่า “จะวัด” คือมีสายรัดบั้นเอวแลผ้าทาบหว่างขา แล้วนุ่งหุ้มรอยเอวข้างนอกตามแต่จะมี เมื่อไม่มีผ้าก็ใช้ใบไม้ เมื่อมีผ้าก็ใช้ผ้า เรียกว่า “ฮอลี” กว้างแลแคบก็ตามมี อย่างแคบก็ยกลงมาเหนือเข่า ผู้หญิงมีผ้าห่มเรียกว่า “ซิใบ” นี่เห็นจะเติมขึ้นใหม่เมื่อใกล้เคียงกับชาวบ้านเข้า ผู้หญิงเมื่อยังไม่มีสามีสอดตุ้มหู ใช้ดอกไม้โดยมาก คอกจำปูนเปนที่พึงใจกว่าอื่น เครื่องประดับนอกนั้น มีหวีทำด้วยไม้ไผ่ปล้องขนาดใหญ่ผ่ากลางจักเปนซี่ แล้วแต่งลายด้วยเอาตะกั่วนาบแลย้อมสีบ้าง กำไลร้อยด้วยเม็ดมกล่ำ ของเครื่องแต่งตัวเหล่านี้ อาจจะฝากมาแลกของซึ่งต้องการจากคนชาวบ้านได้

การสู่ขอภรรยาเปนน่าที่ของผู้ชายที่จะต้องหาผ้าให้ได้สองผืนไปให้แก่บิดามารดาของหญิง เมื่อบิดามารดาของหญิงรับไว้แล้ว เปนอันตกลงว่ายอมให้

สีชอบสีแดงไม่ว่าอะไร เช่น ผ้านุ่งห่ม ถ้าได้สีแดงเปนดีกว่าอย่างอื่น ดอกไม้ที่ประดับกายมีเสียบในผมเปนต้น ชอบใช้ดอกไม้สีแดง เช่นที่เรียกตามภาษาก็อยว่า “ฮาปอง” ไม่รู้ว่าดอกอะไรแต่สีแดงนั้นชอบกันมาก

อาวุธที่เปนอาวุธสำคัญของพวกนี้ คือกล้องลูกดอกสำหรับเป่า กล้องนี้ใช้ไม้สีเหลือง แลกวดขันกันเปนของสำคัญที่จะต้องทำแลรักษาให้งามหมดจดวิเศษ เพราะเปนของคู่ชีวิตรประจำตัว ในการที่จะลงโทษหรือจะเอาความให้มั่นคงแน่นอนแก่พวกเงาะ ซึ่งพวกผู้ใหญ่บ้านเหล่านั้นเคยทำแก่เงาะ ก็คือยึดกล้องนี้ไว้เสีย คงจะไม่ทิ้งเลยเปนอันขาด ไม่ต้องทำโทษอย่างอื่นเลย ไม้กล้องนิ้ยาวประมาณ ๔ ศอกเศษ เรียกภาษาก็อยว่า “บอเลา” บอเลานี้ต้องบรรจุในกลักไม้ไผ่ชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง สำหรับถือไปถือมาเพื่อจะไม่ให้กระทบเดาะหักแลไม่ให้เปนริ้วรอย ลูกดอกทำด้วยไม้เหนียวเหลาแหลมหยักฅอ เรียกว่า “บิลา” ลูกบิลานี้เหน็บลงในแว่นไม้ระกำ ปลายบิลาทายางอิโปะ: คือยางน่อง เมื่อเวลาจะบรรจุกล้องมีปุยอัดเข้าไว้ให้แน่นด้วย เพื่อจะให้อัดลมส่งลูกดอกแรง เมื่อเวลายิงจึงมีเสียงดังผลัวะ

ลูกบิลานี้ได้เก็บไว้โดยผจงในกลักไม้เล็ก ๆ อันละกลักหรือรวมในกลักเดียวแต่มีช่องกันไม่ให้กระทบกัน กลักบิลานี้เรียกว่า “ฮอนเล็ด” รวมฮอนเล็ดทั้งปวงลงในกระบอกอีกกระบอกหนึ่ง กระบอกใหญ่นี้เรียกว่า “มันนึ” มีฝาครอบสานด้วยเตย มันนึนี้ทำประณีตนาบเปนลวดลายเหมือนขลุ่ย มีสายคาด สายนั้นเรียกว่า “ตอกนุก” เครื่องคาดทั้งสำรับนี้ถือเปนสำคัญอาจจะกันผีสางกระทำยำเยียไต้ นอกนั้นมีอาวุธอย่างอื่น เช่นหอกแลบาเดะ เปนต้น เปนอาวุธที่รับมาจากแขกมลายู ไม่ใช่อาวุธของตัวเอง

การเล่นมีเครื่องดนตรี คือกลอง เรียกว่า “ปะตุง” ปี่เรียกว่า “อิแนะ” ตามภาษามลายูเปนปี่ชวา ปี่เรียกว่า “ปักซี” จะเข้สองสายทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก เหล็กที่สำหรับดีดในปากเรียกว่า “จองนอง” ก็คือจ้องหน่องอย่างของเรา มีเครื่องเล่นทำด้วยกะลามะพร้าวมีคันชักด้วยเชือกเรียกว่า “บองบง” เวลาเต้นแลรำใช้กรับมาก มีไม้ที่เปนโพรงยาว ๆ สำหรับเคาะด้วยกรับ ก็คือโกร่งเช่นเราใช้ รู้จักร้องขับแลรำ ผิวปากนั้นเปนปรกติทั่วไปเปนพื้น

ที่นับถือ เชื่อว่ามีเจ้าของป่า ซึ่งเปนผู้อาจจะให้ร้ายแก่ผู้ใด ๆ ที่ไม่ชอบ ให้ดีแก่ผู้ใด ๆ ซึ่งชอบ แลต้นไม่บางต้นมีนางไม้รักษาจะต้องประจบนบนอบ มีผี มียักษ์ ซึ่งเปนซาติดุร้ายถืออาวุธงอ ๆ เมื่อพบคน เอาอาวุธนั้นแหวะท้องกินเครื่องใน ถ้าจะแบ่งเปนสี่จำพวก คือ ๑ เรียกว่า “ญา” เปนชีวิตร หรือวิญญาณที่ออกจากคนตายแล้ว ไปลอยอยู่จนมีที่เกิดอีก เมื่อจะมาเกิดเปนคน ย่อมเข้าสิงสู่ในรูปอันตั้งอยู่ในครรภ์ เมื่อเวลาได้หกเดือน ถ้าหากว่าไม่ได้มาเกิด ที่ไปลอยอยู่นั้นอาจให้โทษหลอกหลอนทำอันตรายได้

พวกที่ ๒ เรียกว่า “โรบ” คือที่เราเรียกกันว่าเจตภูต เวลาคนนอนหลัยออกไปเที่ยว เผลอเพลินหลงใหล จนเกิดอันตรายบ้าง

๓ เรียกว่า “เซมังงัด” คือเปนพรายฤๅผีจำพวกหนึ่งซึ่งสำหรับผู้มีวิชาใช้ได้ ทำให้ไปเข้าในตัวผู้อื่นให้คลั่งเปนบ้าให้หลงรัก เปนพวก ผีคุณ ผีเวช ที่ปล่อยทิ้งเสียหรือปล่อยไปเข้าผู้หนึ่งผู้ใดได้

พวกที่ ๔ นั้นเรียกว่า “บาดี” ตรงกับที่เราเรียกว่าปรางควาน อันเกิดจากสัตว์ต่าง ๆ แต่เขามีมากอย่างกว่าของเรา จัดเปนจำพวกของสัตว์ สัตว์พวกนั้นปรางควานแรงปรางควานอ่อน เช่น ไก่ป่าที่มีปรางควานแรง เมื่อเข้าอาจจะให้ขันไก่วิ่งไปในป่าในดงเปนต้น

การที่จะกันจะแก้ผีทั้งหลายเหล่านี้ มีวัตถุต่าง ๆ ที่เปนเครื่องมีไว้แล้วคุ้มกัน ทั้งมีหมอที่สำหรับจะเรียกจะถอนขับไล่ ถ้าผู้ใดมีกำลังมากผีเหล่านี้ทำอันตรายยาก ถ้ามีกำลังน้อยผีก็ยิ่งทำอันตรายง่ายขึ้น ธรรมดาที่จะถอนพิศม์แลปรางควานนี้ ถ้าเปนสัตว์เดรฉานต้องถอนแต่หางขึ้นไปทางศีศะ ถ้าเปนมนุษย์ตั้งแต่นิ้วต้นของเท้าขึ้นไปหาปาก เพราะฉนั้นถ้าหมอจะถอนปรางควานเอานิ้วเท้าจุกที่จะมูกสัตว์ แล้วเรียกให้ขึ้นมาตามนิ้วเท้า ปล่อยให้ผีนั้นออกเสียทางปากหมอ ผู้เรียกได้ดังนี้เปนหมออย่างวิเศษมาก เช่นที่ได้แต่งไว้ในหนังสือนี้

ในการทำศพของพวกนี้ใช้ฝัง แต่ฝังนั้นตื้นเหลือเกิน เพราะฝังแล้วทิ้งย้ายทับทีเดียว ซึ่งต้องย้ายทับนั้นด้วยเหตุสองประการ คือกลัวผีนั้นอย่างหนึ่ง กลัวเสือที่มาคุ้ยศพแลทำอันตรายอิกอย่างหนึ่ง กระดูกของพวกนี้มลายูถือกันว่าเปนเครื่องกัน ถ้าผู้ใดไปพบกระดูกก็อยแลเซมังในป่าเก็บมาไว้ใช้ทาหน้า กันผีเหล่านี้ได้สิ้น

ข้อความปรกติของพวกก็อยที่ได้แต่งลงไว้ในหนังสือเล่มนี้กล่าวโดยสังเขปพอสังเกตเท่านี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ