คำเริ่ม

จะเริ่มร่างต่างว่าไปเที่ยวป่า ขึ้นสงขลาตามใจคิดหมายมุ่ง
แล้วลงเรือมาดใหญ่ไปพัทธลุง ตามเขตรคุ้งทเลสาบคลื่นราบดี
แวะเกาะยอซื้อหม้อเขาปั้นขาย แล้วแจวกรายไปเที่ยวเราะชมเกาะสี่
บรรลุถึงพัทธลุงรุ่งราตรี ออกจากนี้ขึ้นช้างวางเข้าไพร
ถึงชายแดนแคว้นเขาเข้าหยุดพัก ที่วัดถ้ำสำนักคนอาไศรย์
เที่ยวเล่นตามถิ่นถานบ้านพวกไทย เขาเล่าไขเรื่องเงาะที่เจาะจง
จึงวานช่วยพาไปให้ถึงทับ มันต้อนรับชื่นชมสมประสงค์
พบยายลมุดแก่แม่เถ้าดง ชวนให้ตรงขึ้นไปนั่งยังนอกชาน
นายสินนุ้ยช่วยพุ้ยภาษาเงาะ ฟังก็เพราะคล้ายฝรั่งดังฉาดฉาน
ยายลมุดเล่าความตามเหตุการ คล้ายนิทานเก่งเหลือไม่เบื่อเลย
จึงจดจำมาทำเปนกลอนไว้ หวังมิให้ลืมคำร่ำเฉลย
แม้นใครอ่านคงจะคิดผิดเช่นเคย เงาะเงยก็ว่างามหลามแหลกไป
ที่แต่งไว้หวังจะให้เปนคำเงาะ เห็นหมดเหมาะงดงามตามวิไสย
ผู้ใดจะใคร่ฟังเชิญตั้งใจ วางตัวไว้ว่าเปนเงาะอย่าเยาะมัน
ช้าปี่ มาจะกล่าวบทไป ถึงเด็กน้อยคนังคนขยัน
อยู่ทับแทบป่าพนาวัน ชายเขตรขันธ์พัทธลุงภารา
บิดรมารดาก็หาไม่ ดำขาวต้องไฟดับสังขาร์
นางควากหอบดิ้นสิ้นชีวา อยู่ด้วยเชษฐาชื่ออ้ายแค
มีเพื่อนชอบนักรักใคร่ ชื่อไม้ไผ่ตัวเต็งเก่งแก๋
เคยคบกันไปป่าพาเชือนแช ตั้งแต่พ่อแม่ยังไม่ตาย

ฯ ๖ คำ ฯ

ปีนตลิ่ง วันหนึ่ง ให้คิดรำพึงถึงสหาย
จะเจ็บป่วยเปนไรไม่สบาย จึงมิได้พบหลายวันมา
จำกูจะไปดูให้ถึงทับ ที่อยู่ใกล้กันกับปากคูหา
ชวนมันดั้นดัดพนาวา เที่ยวเป่าปักษาให้สำราญ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย คิดแล้วเลาะเตี๊ยะตวัดคาด จับหลอดไม้ผงาดอาจหาญ
มือกุมก้อนดินเดินทยาน จากสถานเข้าป่าด้วยว่องไว

ฯ ๒ คำ ฯ คุกพาทย์ ฤๅ กลม

๏ มาถึง ยังซึ่งปากช่องคูหาใหญ่
ค่อยเดินย่องย่างวางเข้าไป ที่ในฮอยะมิได้ช้า

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ดีใจเปนหนักหนา
วิ่งไปกอดฅอพาคลอคลา เข้ามานั่งในปราไสยทัก
มีธุระกังวลกลใดเหวย อย่านิ่งเลยบอกกูรู้ตระหนัก
แต่มิได้พบพานกันนานนัก กูคิดถึงเพื่อนรักจะขาดใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นายคนังฟังเพื่อนปราไส
จึงตอบความตามจิตรที่คิดไว้ กูจะใคร่ไปชมพนาวา
จึงมาชวนมึงไปด้วย จะได้ช่วยกันเป่าปักษา
เสาะหาตากบตามมรรคา อิกทั้งกาเบอะในดงดาน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังว่า ไม้ไผ่ปรีดาเกษมสานต์
ยืนขึ้นเลาะเติ๊ยะมิทันนาน ไว้ไกพ๊อกให้ยานประจุดิน
คว้าบอเลาเป่าลองส่องตลอด เห็นเกลี้ยงปลอดชื่นชมสมถวิล
ชวนเพื่อนรักเดินมาไม่ราคิน ผันผินหากาเหว่าเข้าป่าไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ชมดงนอก เที่ยวไปในดงพงชัฎ ล้วนขนัดพฤกษาสูงไสว
เห็นมุเตียวติดคู่อยู่คบไม้ ลาเต๊าะไต่ตามกิ่งกินตองตง
เองแอ๊งแอบพวงอเวยหวาน ลิงยดบินทยานกินหว้าหลง
กะเจ๊กลูกเต็มต้นจนหล่นลง โกวัลวงแวดชายอยู่รายเรียง
นกแซดแซดซ้องซ้อต้นจอเฮ็ด จงจิกเมล็ดกินพลางต่างส่งเสียง
บ้างโผผินบินขยับลงจับเคียง เปล่งสำเนียงเสนาะยิ่งยืนนิ่งฟัง
นกตาเอชรเห็จเหินเวหาสูง เห็นเปนฝูงนับร้อยลอยสพรั่ง
ที่ริมทางสล้างล้วนต้นกายัง นกยวังจับรายสุดสายตา
ยินสำเนียงเพียงเยาะอ้ายเงาะน้อย ยิงกูหน่อยกูไม่หนียิงสิหวา
ทั้งสองเงาะอายใจเมินไคลคลา มันใหญ่กว่าเกินอาวุธสุดเสียดาย
นางบาซิงเหนี่ยวกิ่งมอเจนโหน พาลูกน้อยลอยโจนน่าใจหาย
บาวัดง้างทุเรียนกินปลิ้นเมล็ดคาย ดูร่างกายกำยำล่ำกว่าคน
วานรยดแลตายกลูกกกเกาะ เที่ยวไต่เหราะตามกิ่งช่วงชิงผล
บ้างจับหมัดปัดแมลงวันคันสกนธ์ แล่นลุกลนหลบมองมันว่องไว
ต้นลวายกิ่งชายลงร่มครึ้ม เสียงพำพึมฝูงเตาโว๊ะโผล่ไสว
แล้วส่งเสียงปั๋วปั๋วทั่วกิ่งไป วังเวงใจจ้องเดินดำเนินมา

ฯ ๑๖ คำ ฯ ลิงโลด

ร่าย ชวนกันด้อมอ้อมหากาเหว่าน้อย พบนับร้อยบอกกันต่างหรรษา
มือขวาควักดินพลางย่างย่องคลา คลึงไคลกับอุราจนกลมดี
แล้วสอดลูกเข้าไว้ในลำกล้อง หลิ่วตามองแน่ใจเห็นได้ที่
ก็เป่าไปต้องนกตกทันที ทั้งสองศรียิงซ้ำด้วยชำนาญ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ ครั้นได้มากมายหลายสิบนก ต่างอิ่มอกปรีเปรมเกษมสานต์
ดึงเถาวัลย์พันผูกกล้องแทนคาน พาดไหล่แล่นทยานเหย่าครรไลย

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาถึง ยังซึ่งฝั่งธารลหานใหญ่
ทั้งสองร้อนรนเปนพ้นไป ก็ชวนกันลงในลำธาร

ฯ ๒ คำ ฯเสมอ

สระบุหร่งนอก จับตพดมพร้าววักตักวารี รดทั่วอินทรีย์อาบสนาน
นั่งชุ่มแช่เย็นฉ่ำสำรา น้ำเปนเกลียวเชี่ยวฉานทานกายรับ
เห็นฝูงปลามาเปนพรวนทวนกระแส สองเงาะแบมือจ้องเที่ยวมองจับ
เหยียบศิลากลิ้งกลมลื่นล้มพับ ลงนอนทับก้นงอนหง่อหัวร่อริก
โก้งโค้งมองจ้องมือจะช้อนใหม่ กลัวปลาตกใจไม่กระดิก
พอได้ทีฉวยผับปลากลับพลิก ดิ้นดี๊กดี๊กโยนไปไว้กลางทราย
ปูน้อยน้อยวิ่งร่อยตามริมหาด ทั้งสองมาดหมายตครุบปุบเปิดหาย
คอยปากรูปูไม่ทันจะซ่อนกาย จับได้หลายตัวชักหักก้ามไว้
จนเหนื่อยอ่อนร้อนอีกลงนอนขวาง ที่ในกลางสายชลล้นหลั่งไหล
แล้วชวนกันชำระสระเหื่อไคล เร่งผ่องใสแสนสำราญบานกระมล

ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

ร่าย เสร็จสนานเลียบธารเที่ยวแลหา ตามริมท่าหาดใหญ่ใต้ต้นสน
เห็นร่มรื่นพื้นราบชอบกล สองคนพากันขึ้นหยุดพัก

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ลมพัดชายเขา เมื่อนั้น ไม้ไผ่ใจฅอหน่วงหนัก
คิดควรชวนคนังเพื่อนรัก เก็บกิ่งสนหักมาเปนกอง
ล้วงเหล็กไฟในไกพ๊อกออกตีต่อย เหมือนหิ่งห้อยแวววับจับชุดจ้อง
แล้วเป่าฮุดชุดติดตามทำนอง จุดฟืนทั้งสองช่วยกันซุก
เอานกหนูปูปลาเข้ามาเผา พลิกแล้วพลิกเล่าดูจนสุก
แล้วปันกันกินเล่นเปนกุลียุค สรวลสนุกเฮฮาประสาใจ

ฯ ๖ คำ ฯ เส้นเหล้า เจรจา

เส้นเหล้า เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
ฮาในเฮาซีวา เลเลเอเลลา
เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
ฮังวิชเบแบมฮา เลเลเอเลลา
เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
ตากบลอเกียนนา เลเลเอเลลา
เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
ฮอเง็ดกาเคี๊ยดบ๊า เลเลเอเลลา
เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
กาเยอะกอเฮ็ดต๋า เลเลเอเลลา
เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
ปะเยอเจาะโนรา เลเลเอเลลา
เลเลเอเลลา เลเลเอเลลา
เหปะเยอวา เลเลเอเลลา
แขกไทร ดูมันวิ่งตามกิ่งไทร ใช่อะไรคือกรา
มือมันกำผลไม้ เห็นฤๅไม่นั่นแน่กรา
วิ่งข้างหน้าวิ่งข้างหลัง ไม่หยุดยั้งเลยหนอกรา
เซเรยาต้นโน่น ลิงทโมนฤๅอ้อกรา
ต้นเงาะเปลือกแดงแจ๋ แม้แม้ดูซิกรา
กอไผ่ใบชอุ่ม เกาะเปนกลุ่มล้วนแต่กรา
ต้นไผ่ตายขุย ดูอุกอุ๋ยอุ๊ยลูกกรา
ที่กิ่งย้อยหัวห้อยเหนี่ยว ไม่นึกเสียวเลยฤๅกรา
ดูมันวิ่งบนกิ่งเสม็ด ตีนเหนียวเด็ดจริงหวากรา
โลดโผนโจนร้องแรก เสียงแจ๊กแจ๊กเจ็บฤๅกรา
โผล่แผล็บแอบไม้ลับ กลัวกูจับฤๅอ้ายกรา
หัวชันยิงฟันขาว ขู่กูฉาวเจียวอ้ายกรา
ต้นไม้น้อยห้อยทุกกิ่ง เอมากจริงฝูงลิงกรา
อยากนกฤๅอยากมัน กินด้วยกันหวาอ้ายกรา
เลียบเลียงเมียงมาใกล้ เอ้ากูให้มึงอ้ายกรา
เท่านั้นทีไม่มีหมด เราจะอดเพราะอ้ายกรา
สมิงทองมอญ มาจะกล่าวบทไป ถึงเงาะดอลซมพลาเปนหนุ่มใหญ่
มีกำลังวังชาว่องไว ขึ้นต้นไม้แกล้วกล้าเหมือนวานร
หกคะเมนเอนหงายกายห้อยโหน โจมกระโจนร่ายไม้ไม่หยุดหย่อน
ล่ำสันสมชายทั้งกายกร เหมือนภมรหมุนคว้างกลางมรคา

ฯ ๔ คำ ฯ

หกบท แต่เห็นลำหับสาวน้อย ลูกนางฮอยเงาะเสนหา
เงาะตองยิบผู้ใหญ่เปนบิดา ร่วมครรภากับไม้ไผ่วิไลยนัก
ให้ละห้อยสร้อยเศร้ากำสรวญ คร่ำครวญวิตกเพียงอกหัก
ทำไฉนจะได้สมภิรมย์รัก ด้วยประจักษ์ว่าฮเนาเขาขอไว้
บิดรมารดาก็ปรานี ทำท่วงทีดูเหมือนหนึ่งจะให้
อกเอ๋ยจะคิดอ่านประการใด แม้นมิได้ไม่อยู่ไยดี
จะโจนน่าผาใหญ่ให้ตายเสีย ไม่มีเมียอื่นเลยจนเปนผี
คิดพลางทางเทวศแสนทวี ดังอัคคีจ่อใจไม่วายวัน

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย ครั้นค่อยเสื่อมคลายวายเทวศ พอสุริเยศเรืองแรงแสงฉัน
จึ่งออกจากทับฉับพลัน ดัดดั้นไปในอรัญวา

ฯ ๒ คำ ฯ พิราบรอน ฤๅ กราวใน

๏ ถึงกลางไพรใจฅอค่อยเบิกบาน ปีนทยานขึ้นสู่พฤกษา
เล่นไม้ห้อยโหนโยนไปมา ด้วยกำลังกายาว่องไว

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ มาลุ ถึงลำพุแถวธารลหานใหญ่
เห็นเงาะน้อยสองนายอยู่ชายไม้ เข้าไปลอบมองจ้องดู
จำได้ว่าไม้ไผ่กับคนัง กำลังกินเลี้ยงกันอยู่
เห็นช่องชอบกลเปนพ้นรู้ ก็เดินเข้าไปสู่สองรา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะยินดีเปนนักหนา
มาเคารพต้อนรับจับพา ไปนั่งร่มพฤกษาทันใด
แล้วจัดนกปลามาเผา สุกแล้วก็เอามาส่งให้
เชิญมึงกินเล่นก็เปนไร พวกกูหาได้ไว้มากมี
ตัวกูทั้งสองเกษมสานต์ ซึ่งมึงมาพบพานกูที่นี่
จะขอเรียนวิชาให้กล้าดี เหมือนมึงเช่นนี้จงเมตตา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ดอลซมพลาฟังทั้งสองว่า
ชื่นชมสมถวิลจินดา จึ่งมีวาจาตอบไป
กูขอบใจที่มึงให้อาหารนี้ ใจดีหาใครไม่เหมือนได้
วิทยาอาคมใดใด จะสอนให้สมคิดไม่ปิดบัง
ว่าพลางทางแก้ตอกนุกออก เอากระบอกมันนึนั้นมาตั้ง
เปิดฮอนเล็ดเห็นบิลาลูกกำลัง แล้วก็นั่งชี้แจงให้แจ้งใจ
อันบิลานี้ทายางอิโปะ แม้นเป่าโผละถูกเนื้อที่ตรงไหน
เปนยาพิศม์โลหิตสูบส้านไป ไม่มีใครรอดพ้นสักคนเลย
อันนกใหญ่ใช้ดินไม่อยู่ดอก กูจะบอกวิธีให้มึงเหวย
ถึงกาวับตาโก๊ะกูก็เคย ถูกไม่เงยล้มผับดับชีวา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะนิ่งนั่งฟังว่า
ตั้งใจพากเพียรเรียนตำรา หยิบยิลามาลองทั้งสองคน
เป่าใบไม้ใกล้ใกล้ที่นั่งพัก ไม่ช้านักเป่าได้ไม่ฉงน
ซมพลาสอนสั่งให้ตั้งตน เล็งเป่าสับสนจนชำนาญ

ฯ ๔ คำ ฯ กระบองกัน เจรจา

๏ เงาะดอลซมพลาจึงว่าไป เองว่องไวฉลาดหือไม่ดื้อด้าน
ใช้บิลาเปนเห็นพอการ แต่จะขลาดฤๅจะหาญยังมิรู้
มาไปกับกูดูเที่ยวหา สัตว์ร้ายนานาที่ต่อสู้
กูจะสอนเองไว้จะได้ดู เห็นกูใช้กำลังวังชา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังชวน สองเงาะสำรวลเริงร่า
ลุกขึ้นเดินตามกันมา แลลอดสอดหามฤคร้าย

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงสุมทุมพุ่มพฤกษา แลหาสำคัญมั่นหมาย
เห็นตาโก๊ะโตตัวลาย นอนซุ่มซุ้มหวายในตาวาว
เงาะน้อยสองคนขนพอง แอบต้นไม่มองในตาขาว
เหนี่ยวเลาะเตี๊ยะซมพลาเปนรนาว งกงันสั่นหนาวอยู่เต็มที

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาห้ามว่าอย่าอึงมี่
เองจงแอบซุ่มพุ่มไม้นี้ กูมิให้เสือมาบีทา
ว่าพลางทางย่องเข้าไป แอบโคนไม้ใหญ่ป้องหน้า
จับกล้องบรรจุลูกบิลา แล้วหลิ่วตาเล็งเหมาะเป่าเผลาะไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

เห่เชิดฉิ่ง ใจกล้า ซมพลาหาเคยกลัวไม่
มั่นแม่นแขนขาตาไว เจ้าเชี่ยวชิงไชยชาญเอย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ มือคล่อง เจ้าไวว่องไม่เลือกลาน
สอดลูกบิลาผลาญ สังหารยับนับพันเอย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ แม่นยำ ไม่พลาดพลำเมื่อยิงยัน
เล็งหลิ่วแลสำคัญ แม่นลั่นลูกถูกทุกคราเอย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ แขงขึง รูปผายผึ่งทั้งกายา
องอาจดังอัยรา เมามันคว้างกลางไพรเอย

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย บิลาลอยลิ่วปลิวมา ต้องตาเสือร้ายร้องปี๊บใหญ่
ทลึ่งโลดโดดขึ้นบัดใจ ฟาดล้มไถลเหยียดกราน
สองเท้าขยี้ตาจนหน้าฉีก ซมพลาซ้ำอีกด้วยอาจหาญ
ต้องไหล่รวบล้มซมซาน แล้วร้องปี๊บเผ่นทยานดังลมพัด
บัดใจก็ถึงซมพลา โถมถาเข้าไปตกายกัด
วงรอบไม้ใหญ่ไล่ลัด เฉวียนฉวัดเวียนหันกันไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ แทงวิไสย

๏ เมื่อนั้น ซมพลาว่องไวใจกล้า
เวียนไม้ใหญ่จ้องมองตา เห็นได้ท่าโดดรัดกระหวัดฅอ
โผนขึ้นหลังพลันเกาะมั่นไว้ เสือสลัดเท่าใดไม่ย่นย่อ
เสือกระโดดโลดไปไกลพอ กลอกหล่อหลังเท่าไรก็ไม่พลัด
พิศม์อิโปะแล่นไปในโลหิต หัวขวิดยืนไม่ใคร่ถนัด
เจ็บเหลือทนจนร้องก้องป่าชัฏ ทลึ่งโลดหน้าสบัดล้มบรรไลย

ฯ ๖ ฯ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นเสร็จสังหารพยัคฆา ซมพลาหาไว้ใจไม่
ถอนปรางควานพลันทันใด มิให้บาดีมีพิศม์
แล้วกวักเรียกสองเงาะที่งกเงิ่น ให้รีบเดินเข้ามาอย่าเบือนบิด
ตาโก๊ะนี้มันตายวายชีวิตร กูไม่คิดหลอกหลอนอย่าร้อนใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ฟังว่า สองยังกังขาหาเชื่อไม่
ดอลพยักกวักซ้ำเรียกร่ำไร ค่อยย่องเข้าไปขาสั่นรัว
เหยียยใบไม้กรอบก็วิ่งกราว ร้องฉาวโฉไปมิใช่ชั่ว
เห็นเสือนอนนิ่งไม่ติงตัว ค่อยคลายกลัวย่องเข้าไปจนใกล้ชิด
จะให้แน่แหย่ดูด้วยปลายกล้อง มันนิ่งอยู่ดูทำนองตายสนิท
นั่งลงแลเล็งเพ่งพินิจ เหิมจิตรจับต้องลองเปิดตา

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

กราวรำ อาเหืออาเหือเสืออ้ายกะโต กลิ้งโค่โล่เพราะซมพลา
หุยฮาหุยถุยแยกเขี้ยว ดีแต่เคี้ยวคูถอ้ายกรา
ฮ่าหาฮ่าหาตาถลน หน้าแยกย่นนิ่งไยรา
ฉะฉิฉาท่าตกาย เล็บมึงหายคมฤๅหวา
โอ๊ยโยะโอ๊ยแย่แผ่แดด ไฉนไม่แผดเสียงให้จ้า
เพื่อนเอ๋ยเพื่อนมาช่วยกู โห่ให้ครูผู้แกล้วกล้า
รูปก็แก่งแรงก็หนัก ให้กอดารักจนเปนบ้า
โห่ฮี้วโห่ฮี้วโห่เห่ ให้สมคเนอ้ายซมพลา
ร่าย เมื่อนั้น ซมพลาเกษมสันต์หรรษา
ชักบาเดะคมคู่ชีวา ตัดเล็บพยัคฆาทันใด
แล้วชวนสองเงาะเลาะลัดป่า ตรงมาริมธารที่อาไศรย
อายน้ำชำระเหื่อไคล สำราญบานใจในวารี

ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง

๏ ครั้นเสร็จสนานสอ้านแล้ว ผ่องแผ้วปรีเปรมเกษมศรี
ชวนเงาะน้อยนอนเล่นเย็นดี นึกทวีเทวศในวิญญา

ฯ ๒ คำ ฯ

พระยาโศก โอ้ลำหับจับอกของเรียมเอ๋ย ไฉนเลยจะได้สมปราถนา
แต่วันเห็นไม่เว้นทุกข์ทุกเวลา มาติตตาเตือนใจให้จำนง
ทราบว่าเขามีคู่สู้ห้ามหัก ยิ่งรื้อรักใฝ่ใจจนใหลหลง
เมื่อยามนอนถอนใจไม่หลับลง จะปลดปลงเสียด้วยงามเพราะความรัก
จะคิดผ่อนผันฉันใด จึงจะให้เจ้าแจ้งจริงประจักษ์
แม้นได้ไม้ไผ่เปนสื่อชัก ท่วงทีดีนักจะได้การ

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย คิดพลางทางพูดกับไม้ไผ่ ซักไซ้เรื่องราวกล่าวถึงบ้าน
แล้วถามถึงลำหับเยาวมาลย์ บัดนี้คิดอ่านประการใด
ว่าฮเนาเขามาขอต่อพ่อแม่ จริงเช่นนั้นแน่ฤๅไฉน
แม้นกูรักพ้องต้องใจ นางจะรักข้างใครใคร่เชยชิด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ตอบความไปตามจิตร
ฮเนาเขาอวดอิทธิฤทธิ์ พ่อกูแกคิดจะให้ปัน
แต่พี่ข้านั้นมันเฉยอยู่ เห็นไม่สู้รักใคร่ใฝ่ฝัน
แต่ตัวของกูเองนั้น ไม่ชอบกันกับฮเนาเขาอวดดี
แม้นอีลำหับได้กับมึง จะพึงใจกูสิ้นที่
เองเก่งนิกหว่าชาตรี ทั้งเปนครูกูนี้กูนึกรัก

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ ฟังว่า ซมพลาหัวเราะอยู่คักคัก
กอดไม้ไผ่กลมชมภักตร์ แล้วว่าเก่งนักเจียวน้องยา
ว่าพลางทางสั่งสองศรี จงอยู่นี่สักหน่อยคอยท่า
จะไปเก็บมาลีมิให้ช้า แล้วลีลาแลลอดสอดดู

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

เชิดฉิ่ง เดินกรายร่ายเราะเสาะหา ดอกจำปูนป่าได้ทั้งคู่
อิกดอกฮาปองงามตรู จะฝากไปให้รู้ว่ารักนาง
แล้วเอาเล็บเสือที่ตัดใหม่ เหน็บไว้ในช่อดอกไม้บ้าง
หวังเปนปฤษณาบอกท่าทาง ว่าแม้นใครขัดขวางจะต่อตี
เด็ดใบไก่เถื่อนนั้นมาห่อ ว่าแม่พ่อไม่ให้จะพาหนี
ครั้นเสร็จสมถวิลยินดี กลับมายังที่ทั้งสองพลัน

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

ร่าย แล้วจึงส่งห่อให้ไม้ไผ่ เองจงเอาไปขมีขมัน
ให้แก่ลำหับพี่มึงนั้น บอกทุกสิ่งอันให้แจ้งใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ฟังว่า ไม้ไผ่อาษาว่าคงได้
ตวันเย็นแล้วข้าจะลาไป ชวนคนังครรไลยมิได้ช้า

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

มอญโยนดาบ เมื่อนั้น ซมพลาเกษมสันต์หรรษา
แลตามไม้ไผ่ไปลับตา ตริตรารำพึงคนึงใน
ถ้อยยำคำมั่นสัญญา เห็นไม่เสียวาจาไม้ไผ่
แล้วหวนนึกอนาถหวาดใจ กลัวจะไม่สมถวิลจินดา
ด้วยฮเนาเขากว้างข้างชาวบ้าน จะคิดอ่านช่วยกันนั้นนักหนา
ถึงลำหับรับสวาดิสมวิญญา ไหนจะกล้าขัดผู้ใหญ่ที่ให้ปัน

ฯ ๖ คำ ฯ

ตามกวาง อนิจาโอ้ว่าตัวกู จะสู้เขาได้ที่ไหนนั้น
แม้นเขาได้ไปก็อายครัน ถึงจะม้วยชีวันก็ไม่คิด
จำจะไปในป่าเสาะหาที่ คูหาลับลี้ให้สนิท
จะไปมาท่าทางมิดชิด เมื่อสุดฤทธิแล้วจะลักพากันไป

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ตริเสร็จรเห็จเข้าไพรสณฑ์ แสวงหาตำบลที่อาไศรย
ทั่วทุกถ้ำธารที่ในไพร จัดที่พักไว้ดังจินดา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด เพลงเร็ว เพลงฉิ่ง จีนรัว

จีนรำพัด ชื่นใจ ที่เงาไม้ราบร่มลมพัดฉิว
หอมกระถินกลิ่นไกลใจริ้วริ้ว ฤๅใครลิ่วลมแฉลบมาแอบมอง
โลกยนี้มีอไรที่ไม่คู่ ได้เห็นอยู่ทั่วถ้วนล้วนเปนสอง
ดวงจันทรนั้นยังมีอาทิตย์ปอง เดินพบพ้องบางคราวเมื่อเช้าเย็น
ตัวเราเหงาอยู่ในโพรงไม้ พระไพรมีอยู่ไม่รู้เห็น
ยลแต่ฝูงสัตว์หลายไม่วายเว้น เปนเพื่อนเล่นพอสบายคลายกังวล
รมาดไม่อยากหนามฤๅยามนี้ มายวนยีรำรับกันสับสน
น้อยฤๅนั้นสองเสือก็เบื่อคน หมีหยุดค้นผึ้งรวงไม่ห่วงใย
เจ้ากวางทองนั้นไม่ปองผลมะลื่น ลองเชิงชื่นชมกันอยู่หวั่นไหว
ถึงเราเดียวก็ไม่เปลี่ยวดวงฤไทย อยู่ในกลางสมุนที่คุ้นเอย

ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เชิด

ต้นเพลงฉิ่ง เมื่อนั้น นางลำหับเยาวยอดเสนหา
แต่ไม้ไผ่มาแถลงแจ้งกิจจา ว่าซมพลาปองจะใคร่เปนไมตรี
นางนึกหวาดหวั่นพรั่นใจ ครั้นจะโต้ตอบไฉนก็ใช่ที่
จะเลยลุกลามไปไม่ดี มารศรีมิได้จำนรรจา

ฯ ๔ คำ ฯ

จำปาทองเทศ นั่งเหนือแผ่นผาที่น่าถ้ำ เท้าราน้ำเอนอิงพิงพฤกษา
ตวันชายฉายน้ำอร่ามตา ตกตามซอกศิลาซ่ากระจาย
ที่น้ำอับลับช่องมองเห็นพื้น ปลาน้อยน้อยลอยดื่นดูแหล่หลาย
พ่นน้ำฟูเปนลอองต้องแมลงตาย ตกเรี่ยรายเปนภักษาน่าเอ็นดู
ยามลมตกนกร้องซ้องแซ่เสียง เสนาะเพียงลำนำเฉื่อยฉ่ำหู
ลำดวนดงส่งกลิ่นประทิ่นชู นางโฉมตรูฟังเพลงวังเวงใจ
ประจงจับจะเข้ป่ามาลองเสียง ดีดสำเนียงไพเราะห์เสนาะใส
แล้วบรรเลงลำนำคำคมใน เงาะไม้ไผ่สดับเสียงนั่งเอียงฅอ

ฯ ๘ คำ ฯ

จีนแส มัจฉา ช่างฉลาดเสาะหาอาหารหนอ
ไฉนไม่ปรีชากล้าเพียงพอ มาล่อปากปักษาที่ถาลง
สกุณาตาดีฉนี้แล้ว ยังไม่แคล้วบอเลาเจ้าช่างหลง
อันมนุษย์สุดฉลาดทั้งอาจอง อย่างวยงงให้เหมือนสัตว์บัดสีเอย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ไม้ไผ่ฟังคำที่ร่ำขับ ช่างเพราะจับใจสวาดิฉลาดเฉลย
ซ่อนเงื่อนงำจำไว้ไม่พิเปรย เสแสร้งเอ่ยโดยอุบายย้ายสำนวน
เมื่อวานนี้ที่ในไพรน้องไปเห็น ตันไม้เปนดอกขาวราวกับสวน
ได้ตั้งใจไว้ว่าจะมาชวน ข้าเห็นควรไปเก็บเล่นให้เย็นใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางลำหับเชื่อสนิทไม่คิดไหว
จึ่งว่านะสั่งไว้ให้พี่ไป ขุดมันหัวใหญ่ที่ยังค้าง
อยู่แถวเดียวกับที่มีบุบผา คงจะสมปราถนาทั้งสองอย่าง
พรุ่งนี้เช้าเจ้ามาไปเปนเพื่อนทาง ว่าแล้วนางเข้าในทับหับใบบาน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ใจฅอห้าวหาญ
สมจิตรคิดไว้เห็นได้การ ก็รีบรันลนลานวิ่งไป

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งแก่ซมพลา บัดนี้จะมาบอกลาภใหญ่
พรุ่งนี้พี่ข้าจะเข้าไพร เจ้ามาคงได้พบพูดกัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาปรีเปรมเกษมสันต์
จึ่งว่าข้าจะชวนคนังนั้น ให้มันไปด้วยช่วยดูคน
กูจะไปซ่อนซุ่มพุ่มฮอนเตา ชวนนางเข้าไปให้ใกล้ต้น
กูขอบใจเองเปนล้นพ้น จะรักกันไปจนสิ้นชีวา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ดีใจเปนนักหนา
รับรองถ้อยคำแล้วอำลา กลับมาที่อยู่มิได้นาน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

พม่าเห่ เมื่อนั้น ซมพลากล้าแกล้วอาจหาญ
ยินดีปรีดาเหลือประมาณ ตริการที่จะไปใกล้อรุณ
ปิดประตูขัดกลอนนอนในที่ ไม่หลับจิตรใจให้ว้าวุ่น
แสงปะยงลงตามใบไม้พรุน ขยับหมุ่นฉวยบอเลาจะเข้าดง
ออกนอกทับกลับเห็นยังราตรี ป่วนฤดีดาลจิตรพิศวง
เมื่อไรจะรุ่งแจ้งแสงสุริยง ตลึงหลงมิได้หลับกับไสยา

ฯ ๖ คำ ฯ

ตวงพระธาตุ ดวงปะยงลงอับลับไศล อรุณไขขาวกระจ่างกลางเวหา
อุไทยส่องแสงทองรองเรืองตา ปักษาแซ่ร้องจากรังเรียง
มานุคไพรไขขันสนั่นก้อง ดุเหว่าร้องไพเราะห์เสนาะเสียง
เรไรหมู่ภู่แมลงหวี่มีสำเนียง เสนาะเพียงขับขานบรรสานพิณ

ฯ ๔ คำ ฯ

ลงสรงมอญ จึงชำระสรรสนานสำราญอาตม์ ที่รางพาดมาแต่ธารลหานหิน
วารีไหลใสสอาดปราศมลทิน ระคนกลิ่นเกสรขจรกระจาย
เลาะเตี๊ยะแต่งแบ่งไว้ชายน่าหลัง ชักกลีบบังขามิดสนิทหาย
คาดมันนึสายแนบดูแยบคาย จับบอเลากรีดกรายเดินออกมา

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

ร่าย เห็นคนังนั่งคอยอยู่น่าทับ ก็ต้อนรับพูดกันต่างหรรษา
แล้วชวนเดินดั้นดัดลัดวนา ไปคอยรุกขฉายาตามนัดไว้

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

สร้อยสนตัด เมื่อนั้น นวลนางลำหับพิศมัย
ครั้นรุ่งรางสางแสงอโณทัย ทรามวัยแต่งตัวไม่มัวมอม
สรวมมะกล่ำกำไลสายสร้อย ตุ้มหูพวงห้อยดอกไม้หอม
หวีไม้ไผ่บรรจงเปนวงค้อม ล้วนลายย้อมเหน็บประดับรับมวย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย แล้วจับจองคล้องไหล่ไว้เบื้องหลัง ไม่รุงรังเข้าทีดูดีสวย
ชวนไม้ไผ่ลีลาศนาดนวย รื่นรวยเข้าในดงพงพี

ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว

๏ ครั้นถึงซึ่งที่มีบุบผา ดวงสุดาปรีเปรมเกษมศรี
กรีดเล็บเก็บพวงสุมาลี นารีขับเพลงวังเวงใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

สมิงทอง ยามเช้า อุระเราชื่นแช่มแจ่มใส
สู้บุกป่ามาดมชมดอกไม้ ข้าขอบใจมาลีที่เบิกบาน
ล้วนอารีมิให้เรามาเก้อ เผยเผยอกลีบประทิ่นกลิ่นหอมหวาน
สายหยุดดกย้อยห้อยพวงยาน กลิ่นทราบซ่านนาสาดอกน่าเชย
มลิวันพันกอพฤกษาดาด เหมือนผ้าลาดขาวลออหนอน้องเอ๋ย
รศคนธ์ขึ้นเปนดงอย่าหลงเลย กำลังเผยกลีบเกสรสลอนชู
โน่นแน่อุ๊ยสารภีไม่มีใบ เหมือนต้นไม้ทองตั้งอยู่ทั้งคู่
แมลงล้อมตอมว่อนเสียงหวี่วู ไม่มีผู้ช่วยสอยน้อยใจเอย

ฯ ๘ คำ ฯ

แขกมอญบางช้าง มาลี ดอกดังสีบานเย็นเห็นฤๅไม่
ผีเสื้อร่อนว่อนอยู่ดูวิไลย งามกระไรหนอผีเสื้อช่างเหลืองาม
กินอะไรเกิดที่ไหนผีเสื้อเอ๋ย อย่าบิดเลยตอบต่อที่ข้อถาม
น้องจะได้ไปเกิดไปกินตาม ให้อร่ามเหมือนผีเสื้อเหลือสวยเอย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ไม้ไผ่ฟังดังหนึ่งจะยืนหลับ ตกใจวับวาบจิตรคิดเขินขวย
ซมพลาแอบไม้ชม้อยพลอยงงงวย จะใคร่ชวยชายไปให้ใกล้นาง
ขยั้นยั้งฟังเพราะเสนาะล้ำ เสียงเหมือนน้ำเพ็ชร์รัตนจรัสกระจ่าง
สมรูปทรงนงนุชสุดสำอาง ไม่ควรขวางยามขับจับวิญญา
กระหยิ่มมองจ้องเขม็งตาไม่พริบ ดังลอยลิบอยู่ในกลางหว่างเวลา
เด็กคนังนั่งชม้อยพลอยหลับตา ทั้งสองราตลึงไปไม่ไหวติง

ฯ ๖ คำ ฯ

สร้อยสน นางลำหับจับเด็ดดวงบุบผา เที่ยวซอกซอนเสาะหาประสาหญิง
ไม้ไผ่สอยลอยหล่นมามากจริง ช่วยโน้มกิ่งช่อใหญ่ให้ใกล้นาง
แสนสำราญบานกระมลจนหลงใหล เหนี่ยวกิ่งไม้ไม่คิดจิตรขนาง
จับต้องงูจู่ลงที่ตรงกลาง ทั้งหัวหางกระหวัดรัดแขนพัน

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย นางตกใจร้องกรีดหวีดผวา หมายว่าชีวาม้วยอาสัญ
ล้มลงยังพื้นแผ่นดินพลัน ไม้ไผ่ผันผินร้องก้องพงไพร
ซมพลาวิ่งถลาเข้ามาถึง เอามือดึงงูกระชากลากออกได้
คว่างลงแล้วทุบด้วยท่อนไม้ ป่นไปกับที่มิได้นาน
เหลียวเห็นลำหับหลับตานิ่ง นึกว่าตายจริงแสนสงสาร
เข้าช้อนนางวางตักตลีตลาน สรวมกอดเยาวมาลย์เข้าโศกา

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

คลื่นกระทบฝั่ง ครั้นพินิจพิศดูทั่วกาย ไม่มีรอยระคายก็หรรษา
รู้ว่านางไม่ม้วยชีวา กัลยาลมจับด้วยตกใจ
จึงสั่งให้คนังไปหาน้ำ ที่ในลำธารนั้นมาให้
ประพรมลูบทั่วตัวทรามไวย ไม้ไผ่โบกปัดพัดวี

ฯ ๔ คำ ฯ รัว

กาเรียนทอง เมื่อนั้น นางลำหับยอดมิ่งมารศรี
ต้องน้ำฉ่ำชื่นอินทรีย์ ก็คงคืนสมประดีมีมา
เห็นซมพลามานั่งกอดประทับ ให้นึกอับอายใจเปนนักหนา
เลื่อนจากตักพลันมิทันช้า ก้มหน้าไม่เหลือบแลไป

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลายิ่งคิดพิสมัย
จึ่งเล้าโลมถามทรามไวย เปนใดจึ่งสิ้นสมประดี
บัดนี้มีอาการเปนไฉน ฤๅค่อยคลายใจมารศรี
แม้นเจ้ามอดม้วยชีวี อันตัวพี่นี้จะตายตาม

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางลำหับนบนอบตอบคำถาม
ข้าไม่ทันรู้ตัวมัวเหมือนคราม ก็สิ้นความรู้สึกสมประดี
ซึ่งเมตตามาช่วยชีวิตรไว้ มิให้มอดม้วยเปนผี
จะคิดคุณทุกเวลาราตรี ตราบสิ้นชีวีวายปราณ
แต่ข้อที่ว่าจะตายตาม ขอห้ามอย่าให้มากล่าวขาน
ไม่มีข้อควรเปนเห็นเกินการ ขอประทานโทษที่ทัดขัดไว้

ฯ ๖ คำ ฯ

ชาตรี เมื่อนั้น ซมพลายิ้มแย้มแจ่มใส
จึ่งว่ามิได้แกล้งแสร้งใส่ไคล้ ไม้ไผ่รู้เห็นเปนพยาน
อันความรักก็ประจักษ์แก่ใจเจ้า แต่นงเยาว์ไม่เมตตาจึ่งว่าขาน
ชล่าใจเพราะได้เห็นเหตุบันดาล ให้เจ้าพานพบเคราะเห์เฉภาะเปน
ชรอยฤทธิ์นางไม้ไพรพฤกษา แปลงเปนงูจู่มามิให้เห็น
ไม่ทำร้ายหมายพิฆาฏมาดลำเค็ญ จะชี้เช่นพอให้รู้ว่าคู่นาง
เพราะฉนี้พี่จึ่งกล้าว่าเต็มปาก จะขอฝากรักน้องอย่าหมองหมาง
เจ้าจงใคร่ครวญคิดอย่าจิตรจาง พี่ขอวางชีพไว้ในกัลยา

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น ไม้ไผ่ไวว่องคล่องนักหนา
แจ้งใจในทีมีอัชฌา ชวนคนังออกมาที่ต้นทาง
คอยเดินกรายตรวจดูผู้คน จะเดินด้นเลาะลัดมาขัดขวาง
เล่นสิลอล่อหากันไปพลาง วิ่งวางหลบมองว่องไว

ฯ ๔ คำ ฯ

ตุ๊กตาแกว่งฉลาก เมื่อนั้น นวลนางลำหับพิศมัย
สนองคำซมพลาประหม่าใจ ด้วยตริตรึกนึกในให้เห็นจริง
แต่เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา ช่างว่าฉนี้ได้ไม่นึกกริ่ง
แม้นเทวาว่าคู่ควรแอบอิง ไยจึ่งนิ่งให้ฮเนาเขาขอร้อง
จนบิดายกให้ได้นัดงาน พึ่งซมซานมานำทำให้หมอง
เปนจนใจไม่รู้ที่จะปรองดอง อย่าได้ข้องเคืองขัดอัธยา

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้โลม แสนฉลาด ช่างตัดขาดซอกซอนค่อนว่า
จะว่าไปไยเล่าถึงเทวา เมื่อไม่เห็นแก่ตาปรากฎมี
แต่ความรักนั้นประจักษ์ในดวงจิตร นิ่มสนิทจงเชื่อน้ำใจพี่
จะยากเย็นเปนตายร้ายฤๅดี ไม่ทอดทิ้งมารศรีจะติดตาม
แม้นสู่ขอพ่อแม่ไม่ยอมให้ จะลักไปเดินป่าพนาหนาม
จงตอบรักสักนิดอย่ายืดความ ไม่ลวนลามให้น้องได้หมองมัว

ฯ ๖ คำ ฯ

ต้นตนาว จนจิตร ข้าไม่เคยคิดจะมีผัว
ฝ่ายฮเนาเขาก็ไม่ได้ใกล้ตัว จะดีชั่วฉันใดก็ไม่รู้
ถึงตัวเจ้าเล่าก็ไม่ได้นึกรัก ไม้ไผ่ชักนำเฉลยก็เฉยอยู่
นี่เจ้ากรรมนำให้มาพบงู เจ้าจึ่งจู่เข้ามาว่าให้น่าอาย
คิดถึงบุญคุณมีช่วยชีวิตร จะจงจิตรรักเจ้าไม่จางหาย
เปนสัจจากว่าชีวิตรจะวอดวาย ข้าบรรยายตอบเสร็จจงเมตตา

ฯ ๖ คำ ฯ

สร้อยเพลง เมื่อนั้น ซมพลาเห็นสมปราถนา
จึ่งเปลื้องพวงนาคพตที่ผูกมา ให้กัลยาสรวมไว้ได้กันงู
แล้วปลอบเปลื้องมกล่ำกำไล ที่นางสรวมใส่ข้อมืออยู่
ขอไปชมพลางต่างโฉมตรู คิดถึงเจ้าจะได้ชูขึ้นชมเชย

ฯ ๔ คำ ฯ

บหลิ่ม แล้วช่วยกันกรีดเล็บเก็บบุบผา ตกเสียเปนนักหนาแน่น้องเอ๋ย
เก็บเสียใหม่ของเก่าอย่าเอาเลย กลิ่นรเหยชอกช้ำรยำเยิน
แถวโน้นแน่แม้ช่อช่างน่ารัก พี่จะหักให้ทั้งกิ่งอย่านิ่งเขิน
อะไรเล่าเฝ้าแต่ทำเมียงเมิน ต่างเพลิดเพลินยวนยีปรีดา

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

เขมรขอทาน มาจะกล่าวบทไป ถึงตาวางซองเงาะป่า
แต่ว่างเว้นเปนม่ายหลายปีมา อายุหกสิบห้ายังว่องไว
เรรวนป่วนปั่นกระศัลย์จิตร เฝ้าคิดจะมีเมียใหม่
ตาจองลองหัวล้านว่าบรรไลย นางถิ่งเมียไม่สู้แก่นัก
อายุราวสักห้าสิบสี่ ท่วงทีคมสันฟันพึ่งหัก
ได้เกี้ยวพาราษีทีจะรัก แต่ลูกหลานคลุกคลักไม่ชอบกล

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย นัดกันว่าจะไปพูดปฤกษา ที่ไร่มันกลางป่าพนาสณฑ์
ครั้นรุ่งแจ้งแสงศรีสุริยน ก็ชวนกันสองคนเดินเข้าไพร

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

เพลงกระบอก เดินมา สองปรีดาชื่นแช่มแจ่มใส
เห็นชบาป่าบานตระการใจ เก็บให้นางชมดมทัด
พบมะม่วงเข้าไคลจับไม้สอย ถูกรังมดตะนอยมันต่อยกัด
มือลูบมดล่อยค่อยเลือกคัด เถาวัลมัดพวงใหญ่ส่งให้น้อง
ท่านยายรับจับพวงมะม่วงห่าม ลูกงามงามกระหยิ่มยิ้มย่อง
มดยังติดต่อยยายตะกายร้อง ตาวางซองตกใจกระไรเลย
เข้าลูบมือถือไหล่ปัดไปทั่ว อ้ายมดตัวอุบาทว์แท้อุแม่เอ๋ย
นางว่าหมดแล้วอย่าคลำทำเหมือนเคย ต่างพิเปรยปราไสยกันไปมา

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น สองเงาะไม่หยุดหย่อนเล่นซ่อนหา
คนังซุ่มซุ้มเงาเถาลัดดา ไม้ไผ่ตาแลลอดเที่ยวสอดมอง
แว่วเสียงตากับยายหมายว่าหมี พึมพำอยู่ตรงนี้ค่อยย่างย่อง
ใจทึกทึกนึกกลัวขนหัวพอง นั่งยองยองภาวนาว่าออกเลือน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ตาวางซองชื่นใจใครจะเหมือน
ชวนยายถิ่งเที่ยวป่าพาเชือน ยิ้มเยือนหยอกเย้าเซ้าซี้
เที่ยวเสาะหาสุมทุมที่พุ่มชิด ร่มมิดบังแสงสุริยศรี
จะได้เริ่มปฤกษาพาที กระจู๋กระจี๋ลวนลามตามสบาย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ตกใจยังไม่หาย
พอเหลือบไปเห็นหน้าตากับยาย กลั้นหัวเกือบตายจนตัวโกง
พอคล้อยไปให้หลังบังกอไผ่ ดีใจทลึ่งโลดโดดโหยง
ไปพบอ้ายคนังยังโก้งโค้ง ถูกตัวต้องร้องโยงเสียงโด่งดัง
ไม้ไผ่ปิดปากกระชากฉุด จงนิ่งหยุดอย่าเพริดระเสิดระสัง
เล่าเรื่องราวข่าวขันให้เพื่อนฟัง แล้วตามหลังสกดรอยไปคอยมอง

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เจ้าชู้ผู้ใหญ่ทั้งสอง
ยินดีมีใจปรองดอง ย่างย่องเข้าไปในซุ้มไทร
หักใบกล้วยป่ามาปูนั่ง กลิ้งขอนไม้ตั้งต่างหมอนใหญ่
ตาวางซองเอกเขนกนั่งพิไร โอภาปราไสยเปนไมตรี

ฯ ๔ คำ ฯ

จีนต่อยมะพร้าว บุญชัก เจ้าจงแจ้งประจักษ์น้ำใจพี่
ช้านานประมาณสักสิบสี่ปี พี่ได้ยลมารศรีที่ยะลอ
ให้บังเกิดกำหนัดประหวัดหวัง เจียนจะคลั่งนอนเหงาเฝ้าจอนจ่อ
เจ้ามีคู่อยู่ครองจึงต้องรอ ได้บนต่อต้นกอกันแต่นั้นมา
อันนางไม้ใจเย็นเห็นฤๅไม่ นิ่งเสียได้ถึงสิบสี่พะวะษา
ถึงเริศร้างค้างรักแรมอยู่ช้า ไม่สุดสิ้นเสนหายิ่งเพิ่มพูล
พี่จะขอร่วมจิตรพิศวาศ จนชีวาตม์วอดวายทำลายสูญ
ช่วยกันเลี้ยงลูกเต้าเผ่าประยูร อนุกูลกันแลกันจนวันตาย

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น นางถิ่งเงาะฟังคำร่ำขยาย
ดัดจริตว้ายวุ้ยตกุยตกาย ชำเลืองชายตาตอบให้ชอบที

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ ปากหวาน ขี้คร้านเคืองหูจู้จี้
แต่เห็นสวยมาได้สิบสี่ปี ถึงป่านนี้มันก็กลายหายงาม
จนแก่เฒ่างกงันฟันหัก ยังจะมาผูกรักให้รุ่มร่าม
เจ้าจะรักไปถึงไหนให้ครั่นคร้าม พวกเด็กเด็กมันจะหยามให้ได้อาย
จนนางไม้ก็ไม่อยากได้สินบน เพราะท่านไม่เชื่อคนจะถวาย
ข้าต้องไม่เชื่อบ้างอย่าซังตาย ทำแยบคายค้อนควักยักหน้าตา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะแหวกมองช่องพฤกษา
นึกคนองลองเอาลูกไม้ปา พอเห็นท่าสบเหมาะปาเปาะไป

ฯ ๒ คำ ฯ

โลมนอก ๏ ปากจัด
  เฝ้าสบิ้งสบัดไปถึงไหน
ร่าย อะไรตกนี่หนออ่อลูกไม้
  เห็นจะเปนพระไทรท่านแกล้งเย้า
โลมนอก เจ้าประมาทน้ำหน้าว่านางไม้
  ไม่เชื่อพี่นี่อะไรดูเถิดเอ้า
  สู้แสร้งปาลูกไม้มาให้เรา
ร่าย เอะเอาลงมาอิกฤๅอย่างไร
โลมนอก จงเก็บไว้เปนพยานการสำคัญ
  ได้เทวัญเปนสักขีมีที่ไหน
  ซึ่งว่าฟันหักจะเสียไป
ร่าย มาอิกหลายใบเจียวคราวนี้
  ลองชิมลิ้มดูหวานอยู่แฮะ
โลมนอก ใช่จะแคะค่อนว่ามารศรี
  กลับหน้าตาจิ้มลิ้มจุ๋มจิ๋มดี
  เมื่อก่อนมีเหยินงอกออกเสียงาม
  น้อยฤๅน้องต้องตัวเฝ้าสดุ้ง
ร่าย เอะยุ่งมาปึงปึงหนึ่งสองสาม
  นี่เทวดาเห็นว่าเราตะกลาม
  เลยหยาบหยามแกล้งปามาร่ำไป
โลมนอก อันบุรุษสัตรีนี่เหมือนมด
  มันเหลืออดจะไม่ชิมลิ้มหวานได้
  จงโอนอ่อนผ่อนหามีอาไลย
ร่าย เอะปาใหญ่เสียแล้วพอละขอรับ
โลมนอก ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า
ร่าย เอะเจ้ายังปามาปับปับ
  หัวหูนอช้ำรยำยับ
  อยู่ไม่ได้จะต้องกลับทับเสียที
  ว่าพลางต่างลุกขึนเก้กัง
  ให้หลังกลัวจริงออกวิ่งจี๋
  จงได้โปรดยกโทษเถิดคราวนี้
  ไม่มาทำย่ำยีจนวันตาย

ฯ ๑๖ คำ ฯ

เชิดนอก เมื่อนั้น คนังกับไม้ไผ่ก็ใจหาย
พรั่นตัวกลัวเจอะตากับยาย วิ่งตกายเข้าไปอยู่ในรก
ซมพลาลำหับสดับเสียง เข้ายืนเมียงไม้ซ่อนแล้วข้อนอก
นึกว่าพ่อมาจับวิ่งกลับวก สท้านสทกแล่นแยกแตกกันไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ นางลำหับกลับเข้ามาทางบ้าน พอได้พบพานกับไม้ไผ่
ชวนกันดั้นป่าคลาไคล รีบเข้าในทับหับห้องนอน

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ฝรั่งคู่ เอนอิงพิงหมอนนอนอนาถ นึกหวั่นหวาดเสียวทรวงสท้อนถอน
โอ้อกเราคราวเคราะห์เฉภาะจร เกือบม้วยมรณ์แล้วมิหนำซ้ำมลทิน
เกิดเปนหญิงจริงสำหรับรับอดสู สุดจะกู้แก้กายให้หายกลิ่น
แม้นได้กับซมพลาก็ราคิน เขารู้สิ้นว่าคู่ครองของฮเนา
ได้คู่เก่าเล่าก็ร้ายน่าอายเหลือ เขาถูกเนื้อจับต้องเหมือนของเขา
ยังเอาสัตย์รับซ้ำกรรมของเรา จะรู้เอาหน้าแฝงไว้แห่งไร
กรรมเอ๋ยกรรมลำหับอัประภาค ช่างแสนยากวางจิตรคิดไฉน
จะละร้างขว้างกังวลไว้หนใด จึงจะได้ความสบายหายรำคาญ

ฯ ๘ คำ ฯ

พันธุ์ฝรั่ง คิดไปใจหนึ่งก็นึกขัน เปนไฉนงูพันแล้วไม่ผลาญ
ฤๅอารักษ์ริแถลงแกล้งบันดาล จะให้พานพบสู่คู่ซมพลา
ไม่เคยนึกรักใคร่ใจยังเฉย จะจำเคยเสียกระมังชังนักหนา
จะชวดสอดตุ้มหูที่ตรูตา เสียดายหน้าจะสิ้นใสไร้มาลี
ค่อยเทจองลองเลือกบุบผาหอม ดังปรุงย้อมสรรพสิ้นทั้งกลิ่นสี
รศคนธ์ปนกลิ่นสารภี ช่อใหญ่นี้แลนักหนาเฝ้ามาเตือน
ให้เห็นมือคนหักประจักษ์จับ สุดจะขับแค้นใจใครจะเหมือน
ไปเสียบซ่อนเสียให้ไกลได้แลเลือน นางฟั่นเฟือนง่วงเหงาเศร้าอุรา

ฯ ๘ คำ ฯ

หรุ่ม เมื่อนั้น ยอปานเงาะผู้ใหญ่ใจกล้า
แต่ขอสู่ลูกสาวตองยิบมา จะให้เปนภรรยานายฮเนา
ให้นึกชื่นชมสมหวัง จะได้ปลูกฝังลูกเต้า
คิดจะทำการใหญ่ไม่เบา ให้เขาเลื่องชื่อฦๅชา

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ตริพลางทางเรียกลูกชาย คือนายรำแก้วแกล้วกล้า
ทั้งปองสองปองสุดเข้ามา ปฤกษาหารือกะการ
ให้ไปบอกเฒ่าญาบผู้เปนใหญ่ อยู่ในพวกเงาะทั้งหมู่บ้าน
ทั้งคนที่แลกหากันมานาน ล้วนท่านผู้เมตตาปรานี
คือพ่อสินนุ้ยแลพ่อเวก ตัวเอกมั่งคั่งดังเศรษฐี
อิกพ่อสมุนยักษ์ผู้ใหญ่ดี อิกพ่ออ่อนอารีมีใจรัก
พ่อแก้วพ่อแสงแม้นแจ้งการ คงจะช่วยคิดอ่านไม่หาญหัก
ส่วนพวกเราเท่าไรอย่าได้พัก บอกแจ้งให้ประจักษ์กันทุกตน
ให้ตัดเตยตัดหวายไปแลกของ ตามต้องการอย่าให้ขัดสน
แล้วจัดที่แต่งงานการมงคล ที่ลานต้นตะเคียนกว้างอย่างโบราณ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

( ร่าย ตริพลางทางเรียกลูกชาย คือนายรำแก้วแกล้วกล้า )
( ทั้งปองสองปองสุดเข้ามา ปฤกษาหารือกะการ )

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองบุตรฟังบิดาว่าขาน
ยินดีปรีดาพ้นประมาณ ออกมาจัดการทุกสิ่งอัน

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ พวกหนึ่งนั้นเข้าไปในป่า ตัดหวายตะค้าเปนจ้าลหวั่น
ตัดเตยมามัดผูกพัน พากันไปแลกของนานา
พวกหนึ่งนั้นไปเที่ยวป่าวร้อง พวกพ้องให้รู้ทั่วหน้า
กำหนดนัดวันสัญญา ให้มากินเลี้ยงในวันงาน
พวกครัวเตรียมวัวแลควายไว้ ได้ฤกษ์เมื่อใดจะสังหาร
ทำมัจฉมังษาสุราบาน พร้อมทุกประการมิทันช้า

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

( ๏ เมื่อนั้น สองบุตรฟังบิดาว่าขาน )
( ยินดีปรีดาพ้นประมาณ ออกมาจัดการมิได้ช้า )

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ อันที่วิวาหมงคล จัดไว้ใต้ต้นตะเคียนป่า
โคนเติบแปดอ้อมมหิมา ร่มรุกขฉายาเปนลานเตียน
ช่วยกันทุบปราบราบรื่น โรยทรายรายพื้นให้แลเลี่ยน
แต่งไม่รอบขอบเขตรแนบเนียน ตัดทางอ้อมเวียนไม่วงวน
บ้างปลูกแคร่แม่พ่อแลบ่าวสาว เกรียวกราวขนรับสับสน
ช่วยกันมากมายหลายสิบคน บัดดลก็เสร็จดังจินดา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะซึ่งเปนหัวน่า
ไปหาพ่อเล่าแถลงแจ้งกิจจา การนั้นข้าจัดพร้อมพรัก

ฯ ๒ คำ ฯ

( ๏ อันที่วิวาหมงคล จัดไว้ใต้ต้นตะเคียนป่า )
( กระบือเผือกผลไม้นานา ทั้งสุราเมไรยไชยบาน )
( ส่งข่าวเล่าบอกทั่วถึง เตรียมกันอื้ออึงทั้งหมู่บ้าน )
( ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพมิทันนาน ไปแจ้งการบิดาว่าพร้อมพรัก )
๏ เมื่อนั้น ยอปานฟังแถลงแจ้งประจักษ์
ยินดีปรีดาเปนพ้นนัก ออกจากที่พักไปจัดพล

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ยานี ให้อ้ายเป็ดคำนั้นออกน่า เหน็บพร้ามือถือกิ่งสน
ยังพวกสหายอิกหกคน ถือบาเดะรำวนเวียนไป
เพื่อนอิกสี่คนนั้นให้ถือ หอกสำหรับมือยาวใหญ่
เดินเคียงสองข้างเจ้าบ่าวไซร้ นอกนั้นให้คอยเดินตาม
ล้วนคาดมันนึถือกล้อง พวกพ้องห้อมแห่แลหลาม
ยืนคอยเวลาฤกษ์ยาม ในสนามน่าทับสับสนกัน

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

ร่ายใน เมื่อนั้น ยอปานเรี่ยวแรงแขงขัน
จึงสั่งลูกชายฮเนานั้น ให้แต่งตัวคมสันตามทำนอง

ฯ ๒ คำ ฯ

โทน อาบน้ำชำระสระสาง ล้างลอองธุลีที่ติดต้อง
แล้วนุ่งเลาะเตี๊ยะใยยอง สดแดงแสงส่องเพียงบาดตา
ไว้ไกพ๊อกกอเลาะดูเหมาะเหมง เชิงนักเลงกลีบตกป้องปกขา
มาไลยฮาปองยาวราวสักวา กระหวัดชายซ้ายขวาเวี่ยวง
คาดมันนึลายนาบอาบสี เปนนาคีกระหนกวิหคหงษ์
จับบอเลาเหลืองอร่ามงามบรรจง อาจองยุรยาตรนาดกราย

ฯ ๖ คำ ฯ ฉุยฉาย

ฉุยฉาย ผ้าห้อยปล่อยกระจาย แต่ใจชายยังริ้วริ้ว
นุ่งโมรีสีแดงฉูดฉาด ขาวม้าเขียวคาดเข้าไว้ออกติ้ว
ลมพัดสบัดต้องฟ่องปลิว หญิงฤๅจะไม่ลิ่วติดคิ้วพรู
นวยนาด อกไหล่ผายผงาด องอาจไม่มีใครคู่
วาดแขนกรีดกรายซ้ายขวา ทั้งปากทั้งตาเปนเชิงเจ้าชู้
หนุ่มหนุ่มด้วยกันไม่ขันสูู้ ลาหลีกลู่หลบละลาน
ปลื้มใจ ช่างกรีดก้อยร้อยมาไลย หมายใจจะไปแต่งงาน
จำปูนจำปีจำปาสารภี ล้วนมาลีกลิ่นหอมหวาน
กระตุ้งกระติ้งห้อยทิ้งพวงยาน ใครใกล้ให้เบิกบานตระการใจ
อกเต้น ทักทักทึกทึกนึกเขม้น จะใคร่เห็นเจ้าทรามไวย
ได้พบในฝันมันไม่เหมือนจริง ใจเจ้าจะนิ่งอยู่ได้ไฉน
หน้ากรุ้มกริ่มยิ้มลไม จะซ่อนเท่าไรมันไม่มิดเม้น
๏ แม่ศรีเอย แม่ศรีบานเย็น
พี่ได้เคยเห็น นั่งกับแม่ฮอยเงาะ
แม่แกนิ่วหน้า น้ำตาลงเผาะเผาะ
งอนง้อฉอเลาะ เหลือละแม่ศรีเอย
๏ แม่รวยระรื่นเอย  
เมื่อยามแช่มชื่น ซ่อนยิ้มยวนยี
ยักยิ้มมันยังฟ้อง ว่านางน้องเจ้ายินดี
น่ารักเต็มที แม่รวยระรื่นเอย
๏ แม่มีมารยาตรเอย  
งามพิศงามผาด นั่งลุกเดินยืน
ไม่สู้เร็วไม่สู้ช้า ดีกว่าคนอื่น
พี่พิศจิตรชื่น รักมารยาตรเอย
๏ แม่พูดเพราะเอย  
น้ำเสียงช่างเสนาะ เหมือนหนึ่งใจพี่จะขาด
ฟังเจ้าร้องลำนำ ยิ่งซ้ำพิศวาศ
พี่ไม่วายหมายมาท รักแม่เสียงเพราะเอย
ร่าย บิดาดำเนินเดินน่า ถัดมาพี่น้องรองลำดับ
เพื่อนบ่าวทั้งสองประคองประคับ อ้ายฮวยท้อมกับอ้ายดิอุง
เจ้าบ่าวเดินกลางหว่างสองเพื่อน ไม่คลาดเคลื่อนซ้อนซับสลับยุ่ง
พวกพ้องตามพรูเปนหมู่มุง หมายมุ่งมายังที่ทำวิวาห์

ฯ ๔ คำ ฯ กราวนอก

กราว เงาะน้อยเงาะใหญ่ไปคึกคึก อกทึกเลื่อนลั่นสนั่นป่า
เต้นโลดลากเลือกเหลือกตา ตบขาเขย่งเก็งกอย
จั๊บจั๊บปังปังประดังเสียง ดังแผ่นดินจะเอียงทรุดด้อย
กวัดแกว่งบอเลาเป่าลูกลอย ถูกนกตกผลอยแย่งกันพรู
ตีกลองปะตุงตุ้งตุ้งผลง อิแนะส่งเสียงเพราะเสนาะหู
ค่างลิงยิงฟันหูชันชู ตุ่นอ้นอุดอู้ลงอยู่โพรง
รมาดเม่นหมูหมีเที่ยวหนีเร้น เยียงผายลเผ่นไหล่ผาโหยง
ควายเถื่อนถึกกระทิงวิ่งตะโพง เสือโคร่งโดดผับไปลับตา

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงหยุดที่ลานใหญ่ ใต้ต้นตะเคียนพร้อมหน้า
คอยพวกเจ้าสาวที่จะมา ต่างคนพูดจาประสาใจ

ฯ ๒ คำ ฯ รัว เจรจา

ช้างประสานงา เมื่อนั้น ตองยิบซึ่งเปนเงาะผู้ใหญ่
ตั้งแต่รับผ้าคู่สู่ขอไว้ ตริไตรในกิจการวิวาห์
ครั้นใกล้กำหนดฤกษ์ยาม มีความยินดีเปนนักหนา
เรียกลูกชายพลันมิทันช้า เข้ามาปฤกษาหารือ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ให้จัดกระบวนควรครรไลย เชิญผู้รักใคร่นับถือ
แห่ห้อมล้อมไปให้เลื่องฦๅ จะได้มีชื่อสืบไป

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เองแองฟังแจ้งแถลงไข
จึ่งลาบิดาคลาไคล จัดกระบวนไว้ที่น่าทับ

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

( ช้างประสานงา เมื่อนั้น ตองยิบซึ่งเปนเงาะผู้ใหญ่ )
(ตั้งแต่รับผ้าคู่สู่ขอไว้ ตริไตรในกิจการวิวาห์)
( ครั้นใกล้กำหนดฤกษ์ยาม มีความยินดีเปนนักหนา )
( ชวนลูกร่วมใจไคลคลา ออกมาจัดนารีที่น่าทับ )

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

แปะเล่ชุน สาวนำนั้นมือถือดอกไม้ ช่อใหญ่งามดีสีสลับ
รำฟ้อนร่อนรายเรียงรับ หันเวียนเปลี่ยนสับกันหกนาง
จัดสี่นารี่ที่เปนสาว ถือหางละลวยยาวคนละหาง
เลือกเพื่อนสาวสองสวยสำอาง ให้เดินเคียงข้างเจ้าสาวไป
นางทองยิมทองยวงดวงหน้าแจ่ม แต่งแต้มงามงดสดใส
กระบวนหลังล้วนแต่กำดอกไม้ แจกให้คนละสองฟายมือ
หมดสิ้นทั้งกระบวนแต่ล้วนหญิง เสียงหนุงหนิงพูดกันสนั่นอื้อ
บ้างลองรำให้สันทัดหัดปรือ เทอดถือคอยท่าจะคลาไคล

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

( แปะเล่ชุน สาวนำนั้นมือถือดอกไม้ ช่อใหญ่งามดีสีสลับ )
( รำฟ้อนร่อนรายเวียงรับ หันเวียนเปลี่ยนสับกันหกนาง )
( จัดสี่นารี่ที่เปนสาว ถือหางละลวยยาวคนละหาง )
( เลือกเพื่อนสาวสองสวยสำอาง ให้เดินเคียงข้างเจ้าสาวไป )

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

ร่าย เมื่อนั้น นวลนางลำหับพิศมัย
ปิดประตูอยู่ที่ทับหลังใน จักใบกายังนั่งตะบอย
สานสมุกใส่หมากฝากไปแลก ของแปลกแปลกน้อยใหญ่ที่ใช้สอย
ชักดอกดวงเด่นเปนลายลอย เส้นน้อยน้อยสนิทดีมีราคา
ทราบว่าบิดากำหนดการ จะแต่งงานผู้คนเซ็งซ่า
นิ่งนั่งคั่งคับในอุรา กัลยาร้อนรนเปนพ้นคิด

ฯ ๖ คำ ฯ

( ร่าย เมื่อนั้น นวลนางลำหับพิศมัย )
( ปิดประตูอยู่ที่ทับหลังใน มิได้มีศุขสักเวลา )
( ทราบว่าบิดากำหนดการ จะแต่งงานผู้คนเซ็งซ่า )
( นิ่งนั่งคั่งคับในอุรา กัลยาร้อนรนเปนพ้นคิด )

ฯ ๔ คำ ฯ

นางครวญ อนิจาครานี้นะอกกู มิรู้ที่จะคิดเบี่ยงบิด
เห็นจะมิพ้นอายเพราะชายชิด จะเฝ้ารักชีวิตรไปไยมี
แม้นจะรอต่อเสร็จการวิวาห์ เห็นท่าจะไม่ได้ม้วยเปนผี
สุดจะรักษาตนพ้นราคี ตายเสียวันนี้จะพ้นไภย

ฯ ๔ คำ ฯ

ธรณีร้องไห้ คิดพลางนางแสนโศกสร้อย ชลเนตรหยาดย้อยลามไหล
โอว่าอารักษ์รุกขใด สร้างให้ข้าน้อยนี้เกิดมา
ไฉนนิ่งทิ้งเสียสิ้นสงสาร ไม่บำรุงบริหารรักษา
แล้วมิหนำจำให้ม้วยชีวา ด้วยความทุกข์เวทนาอาไลย

ฯ ๔ คำ ฯ

ทเลบ้า สงสารฮเนาเจ้าคนซื่อ หมายมั่นปั้นมือแล้วมิได้
ใช่ชั่วช้าน่าชังอย่างใด ข้าไม่คิดเคียดเกลียดกลัว
แต่จะให้ร่วมรักสมัคหมาย ก็เหลืออายเหลือทนเปนคนชั่ว
โอ้สงสารซมพลาหน้าจะมัว ได้ต้องตัวนับว่าเหมือนสามี

ฯ ๔ คำ ฯ

ปราสาททอง นึกไปก็ให้เหนงฤๅแกล้งเล่น พอให้เปนมลทินสิ้นราษี
จึ่งเพิกเฉยเลยสละละดังนี้ เหลือที่จะหยั่งชั่งใจ
สังเวชจิตรเอ๋ยจิตรเฝ้าคิดเห็น ว่าซมพลาหาเปนเช่นนั้นไม่
น่าจะแสนโศกศัลย์เพียงบรรไลย ไม่แน่ใจเหมือนชนกชนนี
คงไม่ทนทุกข์ได้ไปถึงไหน จะตายตามลูกไปเปนผี
ร่ำพลางนางแสนโศกี เพียงว่าชีวีจะมรณา

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

( ปราสาททอง โอ้บิดรมารดาน่าสงสาร จะรำคาญขุ่นข้องหมองศรี )
( ร่ำพลางนางแสนโศกี เพียงว่าชีวีจะมรณา )

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

ร่าย เมื่อนั้น ไม้ไผ่ร้อนใจเปนนักหนา
เห็นเขาวุ่นทั้งบ้านการวิวาห์ ก็ไปบอกซมพลาให้แจ้งใจ
ซมพลาสั่งมาให้บอกนาง ว่าหาละวางให้เขาไม่
ครั้นเห็นว่างคนก็เข้าไป นั่งใกล้ลำหับเห็นโศกี
จึ่งแจ้งว่าซมพลาให้มาบอก ว่าจะคิดยักยอกพาหนี
คอยอยู่ยังมิได้ท่วงที ถ้าแขงขัดบัดนี้จะสงกา
ซึ่งบิดาจะพาไปแต่งงาน ให้ทำเปนเบิกบานหรรษา
แล้วจะคิดผ่อนผันด้วยปัญญา อย่าให้อาวรณ์ร้อนใจ

ฯ ๘ คำ ฯ

( ๏ เมื่อนั้น ไม้ไผ่ร้อนใจเปนนักหนา )
( ครั้นแห็นว่างคนก็เข้ามา นั่งใกล้กัลยาเห็นโศกี )
( จึ่งแจ้งว่าซมพลาให้มาบอก ว่าจะคิดยักยอกพาหนี )
( ในการวิวาห์ครานี้ อย่าทำท่วงทีให้กินใจ )

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางลำหับพิศมัย
ฟังสิ้นยินดีเปนพ้นไป ดังได้ผ้าแดงสักร้อยพับ
เช็ดน้ำตาพลางทางว่า มาบอกช้าชีวิตรคงจะดับ
ครั้งนี้รอดตายหายแค้นคับ พูดกับไม้ไผ่ไปมา

ฯ ๔ คำ ฯ

( ๏ เมื่อนั้น นวลนางลำหับพิศมัย )
( ฟังสิ้นยินดีเปนพ้นไป ดังได้ผ้าแดงสักรอยตรา )

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ตองยิบผู้ใหญ่ใจกล้า
เห็นบ่ายบังควรจวนเวลา จึ่งเรียกภรรยามาสั่งพลัน
เร่งให้ไปแต่งตัวลำหับ ให้งามสรรพเหมือนอย่างนางสวรรค์
พวกพ้องพี่น้องมาพร้อมกัน จะได้ไปให้ทันฤกษ์พา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางฮอยเงาะได้ฟังผัวว่า
ชืนชมสมถวิลจินดา ก็เข้ามาในทับฉับไว

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงจึงกล่าววาจา ปลอบลูกดวงตาพิศมัย
เจ้าจงรงับดับอายไว้ มาแต่งตัวให้วิไลยลออตา

ฯ ๒ คำ ฯ

( ๏ เมื่อนั้น ตองยิบผู้ใหญ่ใจกล้า)
( เห็นบ่ายบังควรจวนเวลา สั่งให้เต่งกายาทรามไวย )

ฯ ๒ คำ ฯ

( ๏ เมื่อนั้น นางฮอยเงาะยิ้มแย้มแจ่มใส )
( เรียกบุตรีมาที่ทับภายใน แต่งตัวให้วิไลยลออตา )

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

ชมตลาด ให้อาบน้ำชำระกายหมดจด ขมิ้นสดปรุงประทิ่นกลิ่นบุบผา
หอมชื่นรื่นรวยสวยกายา นุ่งผ้าฮอลีสีแดง
ห่มซิไบไว้รอบอุระรัด สาวกำดัดครัดเคร่งเปล่งปลาบแสง
สรวมกำไลมกล่ำน้อยร้อยพลิกแพลง แล้วตกแต่งมาไลยใส่สรวมตัว
วงกระหวัดรัดเอวแล้วโอบบ่า ล้วนบุบผากลิ่นกลบตระหลบทั่ว
หวีไม้ไผ่ลายช่องไม่หมองมัว สอดแซมหัวสำหรับรับผมมวย
ฮาปองป่าจัดมาสอดแซมผม ของนิยมแดงเด่นเห็นสระสวย
ดอกจำปูนเปนตุ้มหูดูรื่นรวย แล้วทอดกรอ่อนระทวยดำเนินมา

ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ

ร่ายใน เมื่อนั้น ตองยิบยินดีเปนนักหนา
เห็นแต่งตัวสอดคล้องต้องตา ประคองพาเข้ากระบวนชวนดำเนิน
บิดรมารดาออกน่านำ แล้วนางลำหับดังหงษ์เหิน
เพื่อนสาวทั้งสองประคองเชิญ ทีสเทินย่างเยื้องชำเลืองแล
เหล่ากระบวนสัตรีที่คอยอยู่ ก็พรั่งพรูแวดล้อมห้อมแห่
ต่างฟ้อนรำทำกระบวนปรวนแปร ขับร้องซร้องแซ่เดินนาดนวย

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

( ร่ายใน เพื่อนสาวสัตรีที่คอยอยู่ ก็พรั่งพรูแวดล้อมพร้อมหน้า )
( ขับรำทำจริตกิริยา เดินโดยมรคานาดนวย )

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

เพลงช้า ยามชาย พระพายพัดมารวยรวย
สาวน้อยน้อยพลอยแต่งสวย จะไปช่วยการวิวาห์
กำดอกไม้เต็มฟายมือ บ้างทัดบ้างถือแย่งยื้อไปมา
กลิ่นของใครหอมฟุ้งขจร ขอดมเสียก่อนเถิดหล่อนจ๋า
ตกออกกลาดดาษดา น่าเสียดายนี่สุดใจ
เจ้าของดอกไม้ว่าอย่านะ ฉันไม่ละว่าใครใคร
มาลักดมชมดอกไม้ จะว่าให้ได้อับอาย
นางเงาะแก่จึงร้องไป ว่าอย่าให้มันมากมาย
ขอเสียเถิดอย่าวุ่นวาย งามจะหายเหื่อไคลย้อยเอย ๚ะ
๏ โอ๊ะเฮเฮเหเฮเฮ เห่เฮเฮเฮ้เห่ ๚ะ
เพลงเร็ว ช้าหน่อยแม่นางก็อยเอย อย่าทำใจน้อยหน้าตาบูดบึ้ง
ยิ้มเสียให้แฉ่งอย่าแสร้งมึนตึง ช้าหน่อยแม่นางก็อยเอย ๚ะ
๏ ช้านิดแม่ชื่นจิตรเอย อย่าใส่จริตกระดุ้งกระดิ้ง
ดอกไม้หอมกรุ่นฉุนฤๅจะทิ้ง ช้านิดแม่ชื่นจิตรเอย ๚ะ
๏ ช้าอืดแม่นางอืดเอย ตามกันเปนยืดยักไหล่ฟ้อนรำ
อย่าให้ช้านักจักเสียลำนำ ช้าอืดแม่นางอืดเอย ๚ะ
๏ ช้าไว้แม่ชื่นใจเอย รวังอกไหล่อย่าให้ประทะ
จะเกิดรำคาญขี้คร้านเอะอะ ช้าไว้แม่ชื่นใจเอย ๚ะ
๏ อย่าแค้นแม่แสนงอนเอย เวียนแต่ควักค้อนผูกคิ้วนิ่วหน้า
ผัดอิกหน่อยหนึ่งให้ถึงเวลา อย่าแค้นแม่แสนงอนเอย ๚ะ
๏ ชะต้าแม่ตาคมเอย อย่าทำเก้อก้มเมียงเมินเขินขวย
เหลือบมาสักนิดขอพิศตาสวย ชะต้าแม่ตาคมเอย ๚ะ
๏ หนอยแน่แม่กินรเอย รำร่ายฟายฟ้อนให้ต้องจังหวะ
อย่าทำตั้วเตี้ยจะเสียระยะ หนอยแน่แม่กินรเอย ๚ะ
๏ ถึงแล้วแม่แก้วตาเอย เหนื่อยนักฤๅจ๋าเหื่อตกซิกซิก
หยุดพักเสียทียังมีบทอิก ถึงแล้วแม่แก้วตาเอย ๚ะ
ร่าย ครั้นถึงลานรีที่ประชุม เห็นคนชุมนุมอยู่ไสว
นางขวยเขินสเทินหฤทัย ตามบิดาเข้าไปไม่คลาดคลา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝูงชนซึ่งประชุมพร้อมหน้า
เห็นเจ้าสาวดำเนินเดินมา ก็พากันเฮฮาโห่ร้อง
ยอปานเจ้างานมาทายทัก อารีรักเอาใจมิให้หมอง
เชิญไปนั่งแคร่ที่มีสำรอง เหล่าพวกพ้องห้อมล้อมอยู่พร้อมเพรียง
ผู้แก่ผู้เฒ่าเข้านั่งหน้า ถัดออกมาหนุ่มสาวฉาวฉ่าเสียง
นางลำหับเมินชม้ายอายเอียง แลเลี่ยงชำเลืองไปมา

ฯ ๖ คำ ฯ นาคเกี่ยว

ลาวปีนตลิ่ง เมื่อนั้น ฮเนาเกษมสันต์หรรษา
เห็นโฉมลำหับกัลยา โสภาพริ้งพร้อมลม่อมลไม

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมโฉม พิศภักตร์เพียงปะยงเมื่อทรงกลด ลอยหมดมิได้มีรอยฝีไฝ
เนตรคมขำดำดังเซตสลักใจ แลวิไลยปากหูดูติดตา
เรือนผมกลมขมวดเสมอสม่ำ เส้นอ่อนดำดูอร่ามงามนักหนา
กรกายคล้ายนางกินรา นัขาฝ่าแดงดังแกล้งย้อม
อุระรัดครัดเคร่งตูมเต่งตั้ง ตะโพกผายพอกำลังไม่อ้วนผอม
ลำขาบาทาก็เรียวพร้อม งามลม่อมประมวญสิ้นทั้งอินทรีย์
ยิ่งพินิจก็ยิ่งพิศวาศหวัง ดังจะเข้าลองโลมนางโฉมศรี
นึกกระหยิ่มอิ่มใจพันทวี เฝ้ายิ้มแย้มยินดีอยู่มิวาย

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น ซมพลาตาเขม้นมุ่งหมาย
เห็นฮเนากระหยิ่มยิ้มพราย ให้ขุ่นแค้นรคายเคืองใจ
เคลื่อนขยับจับบาเดะแล้วได้คิด จะรงับให้สนิทมิใคร่ไหว
ครั้นจะอยู่ดูงานต่อไป แม้นไม่ยั้งได้จะเสียการ
จึงเสแสร้งแกล้งว่ากับอ้ายแค กูเจ็บแท้อยู่ไม่ได้จะไปบ้าน
มึงไปกับกูหน่อยไม่เนิ่นนาน แล้วจึ่งมาดูงานให้หนำใจ
ว่าพลางทางพากันแหวกคน ดั้นด้นเดินออกมานอกได้
กระซิบสั่งข้อความตามคิดไว้ แล้วรีบไปยังทับฉับพลัน

ฯ ๘ คำ เชิด ฯ

๏ เมื่อนั้น เงาะแคจำคำถนัดมั่น
แล้วกลับไปในที่ประชุมนั้น สังเกตสำคัญดูแยบคาย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะเฒ่าชื่นชมสมหมาย
ต่างจูงลูกสาวแลลูกชาย ให้นั่งเรียงเคียงกายกลางวง
ต่างหยิบมือมาให้จับกัน เปนสำคัญยกให้ตามประสงค์
แล้วอำนวยอวยพรโดยจำนง ให้ยืนยงคงคู่อยู่นิรันดร์

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ซอมลุกผู้เฒ่าคนขยัน
จึงเริ่มทำวิธีพลีกรรม์ กระบือเผือกผูกมั่นกับกอไม้
จับหอกประหารพอซานล้ม เดินก้มภาวนาเข้ามาใกล้
ยื่นนิ้วเท้าจุกจมูกไว้ บริกรรมขับไล่ปรางควาน

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

๏ แล้วจึ่งให้หามตามมา วางน่าตะเคียนใหญ่ไพศาล
กล่าวคำเส้นวักสักการ ตามแบบโบราณประเพณี

ฯ ๒ คำ ฯ

สระบุหร่งใน อ้าองค์พระพนัศบดี อิกองค์พระศรี
พรหมรักษ์ฤทธิรณ ๚ะ  
๏ ทวยเทพสถิตย์พฤกษมณฑล เชิญรับกำนน
อันข้าบรรเจิดจงถวาย ๚ะ  
๏ รับเสวยมางษ์ค่างโคควาย เผือกมันมากมาย
อิกทั้งเมไรยไชยบาน ๚ะ  
๏ ครั้นเสร็จรับเครื่องสักการ เชิญช่วยบริบาล
บำรุงผู้ข้าทั้งผอง ๚ะ  
๏ จักแต่งวิวาห์คู่ครอง ร่วมรมย์สมสอง
ให้เกิดพิพัฒน์สวัสดี ๚ะ  
๏ ไชยไชยสิทธิศรีศรี ศุภอรรถจงมี
สัมฤทธิดังจิตรจงปอง ฯ สาธุการ ฯ
ร่าย เมื่อนั้น บิดาเจ้าบ่าวสาวทั้งสอง
ทั้งมารดาคณาญาติพวกพ้อง ต่างแซ่ซ้องอำนวยอวยไชย

ฯ ๒ คำ ฯ

(เงาะยอ) ทองย่อน ลูกรัก จงดูเยี่ยงพยัคฆโคร่งใหญ่
ถึงร้ายกาจอาจหาญปานใด ก็มิได้ทำร้ายแก่ลูกเมีย

ฯ ๒ คำ ฯ

(ตองยิบ) ๏ บุญเหลือ จงดูเยี่ยงแม่เสืออย่าอ่อนเอี้ย
รักตัวผู้ดูลูกเฝ้ากกเลีย มีสัตรูสู้เสียชีวิตรแทน

ฯ ๒ คำ ฯ

$\left. \begin{array}{}\mbox{มาเนาะ } \\[1.4ex]\mbox{ฮอยเงาะ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ ๏ สองเจ้า จงจำคำผู้เฒ่าให้มั่นแม่น
ผัวอย่าดุเมียอย่าดื้อถือเคียคแค้น รักกันมั่นแม่นพยัคฆา

ฯ ๒ คำ ฯ

(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างสั่งสอน ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา จงแกล้วกล้าแคล่วคล้องทั้งสองคน

ฯ ๒ คำ ฯ

(มาเนาะ) แขกพราหมณ์ ลูกยา จงดูเยี่ยงปักษาในไพรสณฑ์
แสวงเหยื่อเผื่อคู่บินวู่วน พอได้ผลพาร่อนมาป้อนนาง

ฯ ๒ คำ ฯ

(ฮอยเงาะ) ๏ ชื่นอก จงดูอย่างนางนกอย่าขนาง
เมื่อยามทุกข์ปลุกใจให้โศกจาง ไซ้ปีกหางคู่เคล้าเฝ้าเคลียคลอ

ฯ ๒ คำ ฯ

$\left. \begin{array}{}\mbox{เงาะยอ} \\[1.4ex]\mbox{ตองยิบ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ ๏ ไพเราะห์ สองแม่เงาะช่างสอนลูกอ่อนหนอ
ถนอมกันผันผ่อนโอนอ่อนง้อ จะรักต่อกันไปนานปานทิชา

ฯ ๒ คำ ฯ

(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างสั่งสอน ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา เหมือนสกุณาในไพรสาณฑ์สำราญรัง

ฯ ๒ คำ ฯ

(ฮเนา) แขกต่อยหม้อ เอย์นะ ลูกไม่ละลืมคำที่ร่ำสั่ง
มตตัวน้อยสามัคคีมีกำลัง วองก็หวังพึ่งพาความการุญ
ทั้งญาติวงษ์พงษ์เผ่าเหล่าสหาย ขอฝากกายแผ่เผื่อช่วยเกื้อหนุน
ข้ารักนางพ่างชีวิตรทั้งคิดคุณ ไม่หันหุนโหดร้ายอายสัตว์ดง

ฯ ๔ คำ ฯ

$\left. \begin{array}{}\mbox{พ่อ ๒ } \\[1.4ex]\mbox{แม่ ๒ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ นกจาก น้ำคำ เพราะล้ำจับจิตรพิศวง
อันชนกชนนีญาติวงษ์ ล้วนจิตรจงรักเจ้าเท่าชีวา

ฯ ๒ คำ ฯ

(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างวิงวอน ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา เราถ้วนหน้าจะการุญอุดหนุนกัน

ฯ ๒ คำ ฯ

(ลำหับ) เวศสุกรรม ดวงบุบผามาลีไม่มีจิตร ยังหันหาอาทิตย์ที่แสงฉัน
เมื่อยามค่ำน้ำค้างพร่างไพรวัน รับแสงจันทร์อบอุ่นไม่ขุ่นมัว
อันนารีมีจิตรจะผิดไฉน แม้นจุใจคงจิรังไม่หวังชั่ว
อนิจาใจสัตรีที่เมาตัว มาพันพัวหาเพื่อนต้องเอื้อนอาย
สู้มาลีก็มิได้จิตรใจเอ๋ย อย่าหวังเลยว่าลำหับนับสหาย
ขอบิดรมารดาอย่ารคาย ท่านทั้งหลายรู้เห็นเปนพยาน

ฯ ๖ คำ ฯ

$\left. \begin{array}{}\mbox{พ่อ ๒ } \\[1.4ex]\mbox{แม่ ๒ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ มอญรำดาบ ฟังคำ ช่างลึกล้ำกล้ากล่าวเหมือนห้าวหาญ
แม่เหมือนดวงสุมาลีที่เบิกบาน กลิ่นตระการกลบแคว้นแดนวนา

ฯ ๒ คำ ฯ

(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างกล่าวหนอ ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา ให้ฦๅชาชื่อนางอย่างมาลี

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย สาวหนุ่มคุมคู่เคียงสลับ แซ่ศัพท์สำเนียงเสียงดีดสี
รำฟ้อนอ่อนระทวยทั้งอินทรีย์ สนั่นมี่ขับเพลงบรรเลงลาน

ฯ ๒ คำ ฯ

นางนาค ยามเย็นเต้นรำสำราญ สังคีตขับขาน
บรรเทิงลเลิงกลางแปลง ๚ะ  
๏ อาทิตย์ติดยอดไม้แฝง จันทร์เห็นเด่นแดง
ดังลอบมาเล็งแลเรา ๚ะ  
๏ อยู่สูงสุดล้ำทำเนา โน่นแน่ขุนเขา
ยังพลอยมาลอยชำเลือง ๚ะ  
๏ ดูเถิดพวกข้าไม่เคือง ต้นไม้ใบเหลือง
แลเขียวซอุ่มซุ่มมอง ๚ะ  
๏ โปรยดอกหยอกเล่นลำลอง ห้วยลหานธารคลอง
เคาะแคะคะคึกครึกโครม ๚ะ  
๏ เชิญเถิดชมข้าประโลม ให้เปนที่โสม
มนัศบรรเทิงเริงใจ ๚ะ  
๏ ทวยท่านสถิตย์ที่ใกล้ไกล ชมสองทรามไวย
อันจะได้เปนคู่สู่กัน ๚ะ  
๏ จงช่วยอำนวยพรอนันต์ ให้พร้อมทุกพรรค์
ดังบุบผชาติเราปราย (โปรยดอกไม้ฟายมือหนึ่ง)
เหาะ ฝูงสัตว์สบสิ้นทั้งหลาย หลบซอนซ่อนกาย
เพราะเกรงพิณพาทย์เภรี ๚ะ  
๏ มาเทอญเราไม่ราวี โอ้เนื้อเสื้อหมี
มาเถิดอย่าทำร้ายกัน ๚ะ  
๏ เห็นแต่ฝูงนกเนกนันต์ โผผกหกหัน
แลเห็นเวหาศดาษดา ๚ะ  
๏ ซ้อแซ้แซ่เสียงจรรจา สีสลับลานตา
แลเต็มทั้งพื้นอัมพร ๚ะ  
๏ ดูดังรำร่ายฟายฟ้อน เย้ยเราชาวดอน
ให้แพ้ให้พ่ายอายเอง  
๏ มาเถิดปักษาอย่าเกรง ขอเวียนบทลเบง
บรรเล้าบรรโลมลานใจ ๚ะ  
๏ พวกเราแสนศุขสบสมัย อยู่เถื่อนเปนไทย
ประดุจฝูงสกุณา ๚ะ  
๏ เราจงร่วมจิตรหรรษา โปรยปรายมาลา
อันเลิศให้เกิดสวัสดี (โปรยดอกไม้ฟายมือหนึ่ง)
ร่าย ครั้นสิ้นบทรำรับขับขาน ก็ประสานสังคีตดีดสี
โกร่งกรับรับรันเภรี เป่าปักซีแลอีแนแซ่สำเนียง
จะเข้ป่าจ้ารับกับจ้องหน่อง บ้างเล่นบองบงส่งเสียง
ผิวปากไปบ้างต่างจำเรียง กึกก้องเพียงเพิกป่าพนาไลย

ฯ ๔ คำ ฯ มหาไชย

๏ บัดนั้น พวกชาวครัวตัวดีน้อยใหญ่
ต่างแล่เถือเนื้อหนังตับไต ทำครัววุ่นไปเปนโกลา
บ้างหุงเข้าต้มแกงปิ้งย่าง เนื้อค่างมีรศเปนนักหนา
อิกกระแตกระรอกปูปลา เผือกมันนานาพร้อมไว้
ครั้นเสร็จก็ช่วยกันยกมา ทั้งสุราหลายหลากมากไห
ตั้งใต้ร่มรุกข์เรียงกันไป สำหรับจะได้เลี้ยงไชยบาน

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ยอปานปรีเปรมเกษมสานต์
จึงชวนพวกที่มาช่วยงาน กินสุราอาหารสำราญใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพวกศกก็อยน้อยใหญ่
ต่างคนพากันเขัาไป นั่งกินมิได้รั้งรอ
จับกระชากปกคาบฟันกัด แทะเนื้อสิงสัตว์มิให้หลอ
ที่ได้ค่างอย่างเอกอร่อยพอ ที่มิได้ตามขอกันอื้ออึง
ที่กินเหล้าเมาจัดก็วัดเหวี่ยง ต่อยเปรี้ยงเตะสีข้างวางดังผึง
ที่แก่เฒ่าเฝ้านั่งพเน้าพนึง โขลกมันปึงปึงเอามาเคี้ยว
หมุบหมุบหมับหมับขยับกลืน ฝืดฅอเต็มขืนทำหน้าเบี้ยว
เอาน้ำกลั้วกลืนต่อฅอเปนเกลียว ไม่แลเหลียวโขลกมุ่งจนพุงกาง
พวกลูกเด็กเล็กน้อยพลอยชแง้ กวนพ่อแม่เหนี่ยวติดสกิดข้าง
ผู้ใหญ่กลัวท้องเสียเกลี่ยไกล่พลาง ต่อยมะพราวห้าวง้างออกหลายใบ
เอาเปลือกหอยตะบอยขุดต่างกระต่าย คลุกเข้ามากมายแล้วส่งให้
กินฮังวิชเบิกบานสำราญใจ บ้างเดินเที่ยวขวักไขว่ไปมา

ฯ ๑๒ คำ ฯ เส้นเหล้า เจรจา

๏ เลี้ยงกันจนตวันรอนรอน บ้างนั่งนอนเมามายกันนักหนา
ครั้นถึงบังควรจวนเวลา ต่างคนต่างลาจรลี

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

แขกมอญ เมื่อนั้น ตองยิบฮอยเงาะสองศรี
จึงกล่าวคำร่ำปลอบบุตรี บัดนี้เจ้าได้ภัศดา
จำจะต้องพากันสัญจร ชมสิงขรเถื่อนแถวแนวป่า
ครบเจ็ดราตรีจึ่งกลับมา ลูกยาจงไปให้สำราญ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย สั่งพลางทางมีอาไลยนัก สอื้นฮักฮักให้สงสาร
ขยับกายจากที่มิทันนาน ลำหับเยาวมาลย์ก็ยึดไว้

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่ใน โอ้ว่าเอย์นะของวองเอ๋ย ไฉนเลยจะละลูกเสียได้
สูญสิ้นเสนหาอาไลย ลูกผิดอันใดจงลงทัณฑ์
จะส่งให้ไปอยู่กับเขาอื่น เหมือนข่มขืนแกล้งฆ่าให้อาสัญ
เมื่อมิได้รู้จักมักกัน จะไปด้วยเขานั้นฉันใด
เวลาก็มืดมนท์สนธยา มิรู้ว่าเขาจะพาไปไหน
จะลำบากยากเย็นเปนกะไร ยังไม่รู้จักใจกันเลย
จงพาลูกกลับไปทับก่อน แล้วจงค่อยผันผ่อนเถิดแม่เอ๋ย
นางซบหน้าอาดูรมิได้เงย ทรามเชยเพียงสิ้นสมประดี

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ร่าย เมื่อนั้น ตองยิบฮอยเงาะสองศรี
ฟังวอนสงสารพันทวี ครั้นจะมิส่งไปก็ไม่ควร
จึงปลอบว่าอย่าวิตกเลยลูกแก้ว เจ้าไปแล้วพ่อจะตามทรามสงวน
แม้นเขามิรักใคร่ไปรบกวน พ่อจะด่วนชิงรับเจ้ากลับมา
แต่บัดนี้จะมิให้เจ้าไปเล่า ผู้คนเขามาช่วยเปนนักหนา
จะชวนกันติฉินนินทา ว่าบิดาโลเลไม่แน่นอน
แม้นเจ้ารักชนกชนนี จงฟังวาทีที่สั่งสอน
จำเริญศรีสวัสดิ์สถาวร บังอรเจ้าไปจงดี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางลำหับมารศรี
ฟังคำชนกชนนี ยิ่งทวีอัดอั้นตันใจ
นั่งนิ่งตลึงรำพึงคิด ร้อนจิตรดังพิศม์เพลิงไหม้
มิรู้ที่จะว่าขานประการใด น้ำตาหลั่งไหลลงพร่างพราย

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ตองยิบฮอยเงาะก็ใจหาย
เสนหาอาไลยมิได้วาย แสนเสียดายบุตรีที่รัก
จำเปนลาไปใจจะขาด น้ำตาหยาดหยดพรูสู้ห้ามหัก
จากลูกเหลียวหลังเฝ้ายั้งพัก อาไลยนักแขงใจไคลคลา

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ล่องเรือ เมื่อนั้น ฮเนาเกษมสันต์หรรษา
เห็นนงเยาว์เฝ้าแต่เวียนโศกา จึงเข้ามาโลมเล้าเอาใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

ชาตรี จอมขวัญ จะเวียนโศกศัลย์ไปถึงไหน
บิดรมารดาคลาไคล เพราะเชื่อในตัวพี่ที่เจตน์จง
ด้วยความสัตย์ที่แสนพิศวาศ จึงประสาทให้ตามความประสงค์
ยังแต่เจ้าดวงจิตรคิดพะวง มิได้แจ้งจำนงที่เรียมรัก
วันยลเจ้าเยาวยอดเสนหา ดังบิลาลั่นต้องอุระปัก
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มกรมอารมณ์นัก เหมือนอิโปะเห็นประจักษ์จะขาดใจ
จึ่งสู้ซนด้นหาให้มาขอ เจ้าเหมือนหมอแม้นปัดจะตักษัย
จงเมตตาปรานีมีอาไลย อย่าได้เคืองขัดตัดไมตรี

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น นวลนางลำหับมารศรี
ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี มิได้มีพจมานประการใด

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้โลมนอก งามประกอบ เจ้าจะตอบสักคำก็หาไม่
จงสร่างสิ้นถวิลหาอาไลย ที่ในบิตุเรศมารดร
จากไปจะมิให้เจ้าช้าอยู่ พอเช้าตรู่พี่จะพาดวงสมร
ไปให้พบภักตราอย่าอาวรณ์ จะเร่าร้อนหฤทัยไปไยมี
แต่บัดนี้จะพาเจ้าคลาไคล ไปอยู่ทับก่อนเปนเพื่อนพี่
เหมือนช่วยชูชีวาในราตรี มารศรีจงได้เมตตา
จะนั่งอยู่ร่มไม้ในกลางคิน ดึกดื่นลำบากนักหนา
ว่าพลางทางขยับเข้ามา จะจูงกรกัลยาพาครรไลย

ฯ ๘ คำฯ

ร่าย เมื่อนั้น นางลำหับนึกพรั่นหวั่นไหว
ร้องกรีดสุดเสียงทรามไวย แล้วลุกขึ้นไปเสียให้พ้น

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เงาะแคซุ่มอยู่ในไพรสณฑ์
ได้ยินเสียงนางร้องชอบกล ก็ด้อมด้นแฝงเงาเข้ามา
ครั้นถึงจึงเขาศิลาทิ้ง นิ่งอยู่ครู่หนึ่งฟังท่า
แล้วคอยขน่ำร่ำปา แฝงหน้ามิให้เห็นตัว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาขัดใจมิใช่ชั่ว
ร้องว่านี่ใครหนอไม่กลัว กูจะไปเอาหัวเสียเดี๋ยวนี้
ว่าพลางทางสั่งนางลำหับ เจ้าจงยับยั้งอยู่นี่
แล้วออกจากร่มไม้ทันที เที่ยวหาผู้ที่มาลอบปา
สารถีชักรถ เมื่อนั้น ซมพลาเห็นสมปราถนา
ลอบย่องมองเขม้นเข้ามา พอถึงกัลยาก็แจ้งการ
บัดนี้พี่จะมาพาเจ้าหนี ไปที่กลางไพรไพศาล
จะหายเหือดเดือดร้อนรำคาญ แล้วอุ้มเยาวมาลย์พาไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ร่าย ครั้นถึงจึงวางนางนงลักษณ์ ในถ้ำที่สำนักนิ์อาไศรย
พูดจาโลมเล้าเอาใจ ให้นางหายประหวั่นพรั่นวิญญา

ฯ ๒ คำ ฯ

ชาตรี น้องรัก อย่าตกใจไปนักฟังพี่ว่า
อันอ้ายฮเนาที่หยาบช้า มันไม่หาญมาถึงที่นี้
เห็นฤๅไม่ในความพิศวาศ มิให้เคลื่อนคลาดจากคำพี่
ถึงตัวจะตายวายชีวี มิให้มารศรีไปพ้นมือ
โกรธขึ้งอันใดไฉนนั่น จึงป้องกันมิให้ต้องถือ
ความรักรุมใจดังไฟฮือ กระนี้ฤๅดวงใจไม่เมตตา
ฤๅเคืองใจที่ไปพามานี้ ไม่ต้องที่มุ่งมาทปราถนา
แม้นเจ้าแจ้งความตามสัจจา พี่จะพาไปส่งอย่าเสียใจ
ความรักน้องใช่จะปองแต่สังวาศ จะตามใจนุชนาฎคิดไฉน
แม้นมิอยู่คูหาจะกลับไป พี่ก็ไม่สิ้นสวาดิวนิดา

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น นวลนางลำหับเสนหา
ฟังปลอยชอบชื่นในวิญญา จึงตอบวาจาไปทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ น้ำคำ หวานฉ่ำไม่มีที่เปรียบได้
มาเคลือบแฝงแต่งว่าไม่เต็มใจ ดังหนึ่งว่าใครมิรู้ทัน
แม้นเมตตาเหมือนว่าฉนี้ไซร้ ทำไมไม่ขอสู่เปนคู่มั่น
ปล่อยให้แต่งงานการกัน ผู้คนทั้งนั้นออกเลื่องฦๅ
แล้วทำการหาญหักลักปล้น จะให้อายฝูงคนมิใช่ฤๅ
ครั้นเมื่อพามาได้ถึงมือ แล้วมารื้อว่าทำเพราะความรัก
ยังซ้ำว่าจะพาส่งเล่า จะให้อายเขาให้จงหนัก
ว่าพลางนางทำค้อนควัก เมินภักตร์ไปเสียไม่นำพา

ฯ ๘ คำ ฯ

โอ้โลมใน ทรามสวาดิ ช่างฉลาดพิไรร่ำว่า
อันจะเข้าสู่ขอต่อบิดา ไม่มีท่าที่จะได้สมคิด
ข้างฮเนาเขามาว่าไว้ก่อน บิดาหย่อนยอมให้เขาเปนสิทธิ์
คงจะไม่ได้เชยชมชิด จำจิตรจึงต้องทำดังนี้
จะว่าไปไยเล่าไม่เข้าการ เยาวมาลย์จงเห็นอกพี่
เมื่อมาใกล้เนื้อน้องต้องอินทรีย์ สุดที่จะห้ามหักรักไว้
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า คลึงเคล้าด้วยความพิศมัย
ทั้งสองศุขเกษมเปรมใจ อยู่ในคูหาพนาลี

ฯ ๘ คำ ฯ โลมพิณพาทย์

ช้า เมื่อนั้น นวลนางลำหับมารศรี
ได้ร่วมรมย์สมถวิลยินดี ด้วยซมพลาผู้ที่มีใจรัก
นางสุดแสนรักใคร่ใหลหลง เคียงข้างพลางลงนอนตัก
หัวระริกซิกซี้พิไรซัก โอบอุ้มฟูมฟักไม่เว้นวาย
ลืมชนกชนนีที่จากไป ลืมไม้ไผ่เพื่อนเล่นทั้งหลาย
เฝ้าอิงแอบแนบชิดสนิทกาย แสนสนุกศุขสบายทุกนาที

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

ร่าย เมื่อนั้น ฮเนาแค้นใจไม่ถอยหนี
ถึงศิลามาเท่าไรไม่ไยดี ยิ่งวิ่งรี่ติดตามไม่ขามใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อ้ายงอดซ่อนซุ่มพุ่มไม้ใหญ่
เห็นฮเนาไล่กระชั้นแคเข้าไป ฉวยศิลาได้ดอดทุ่มทิ้ง

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาใจรทึกนึกกริ่ง
เอะสัตรูดูทีหลายคนจริง วางวิ่งกลับไล่อ้ายงอดมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทั้งสองพี่น้องแกล้วกล้า
ผลัดกันทิ้งก้อนศิลา แล้วหลบเงาพฤกษาบังกาย
พอฮเนาให้หลังข้างไหน ก็ขว้างศิลาไปไม่ขาดสาย
ฮเนาวิ่งเวียนวนวุ่นวาย ไม่เหือดหายโกรธาบ้าใจ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ แต่เวียนวนจนเวลาดึกดื่น ฮเนาหยุดยืนหาไล่ไม่
สองคนพากันดั้นป่าไม้ กลับไปยังทับฉับพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ฮเนาตริตรึกนึกพรั่น
ชรอยจะมีเหตุสักสิ่งอัน ก็กลับหันหวนมาหาบังอร
ไม่เห็นที่ร่มไม้ใจหายวาบ น้ำตาอาบเหื่อตกตีอกข้อน
เที่ยวหาทุกพุ่มพงดงดอน ไม่หยุดหย่อนกู่ก้องร้องเรียกนาง

ฯ ๔ คำ ฯ

หนาว ยินแต่เสียงร้องก้องบรรพต ไม่ปรากฎรูปน้องนึกอางขนาง
เสียงลิงค่างบ่างชนีครวญคราง ก็วิ่งวางตามไปใจระรัว
อนิจาโอ้ว่าลำหับเอ๋ย ทรามเชยมากำจัดพลัดผัว
โศกสลักหนักทรวงง่วงมึนมัว ทอดตัวลงกำสรดโศกี

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่นอก โอ้ว่าอนิจาเจ้าดวงจิตร รักดังชีวิตรของพี่
อยู่หลัดหลัดฤๅมาพลัดไปดังนี้ สุดที่จะทนเทวศแล้ว
แค้นใจไพรีมาปองร้าย มาทหมายชิงช่วงเอาดวงแก้ว
คือใครยังไม่รู้วี่แวว มาอวดแกล้วแก่กูจะดูดี
ฤๅเจ้าตระหนกตกใจ แล่นไปในป่าปะเสือหมี
ฟาดฟัดกัดกินอินทรีย์ ก็คงมีทรากร่างให้เห็นรอย
เจ้ามาหายไปไม่ได้เค้า สุดที่จะเดาติดต้อย
ครวญคร่ำน้ำตาหยาดย้อย สลบผอยม่อยไปไม่สมประดี

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

ทแย ครั้นใกล้รุ่งรางส่างแสง อรุณแรงเรืองอุไรรัศมี
ลมชวยรวยรศสุมาลี ปักษีตื่นตาหากัน
พระพายชายพัดมารื่นรื่น ชูชื่นจิตรวายคลายกระศัลย์
ค่อยดำรงทรงกายขึ้นพลัน ผายผันไปตามมรรคา

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้ร่าย เดินพลางทางชำเลืองแลเหลียว สันโดษเดียวด่าวดิ้นถวิลหา
โอ้ว่าลำหับเจ้าพี่อา อนิจาจะเปนประการใด
นกด๊อกดั๊กชักฝูงกระพือร่อน เหมือนเมื่อแห่ดวงสมรจะมาให้
นกตอเตียลคุมคู่อยู่ปลายไม้ เหมือนเมื่อได้นั่งเรียงเคียงคู่กัน
นกสน๊อกซอกซอนเที่ยวหาเหยื่อ เหมือนเมื่อกินเลี้ยงแล้วทำขวัญ
นกต้องตางประสานเสียงจำเรียงพัน เหมือนพี่ปลอบสาวสวรรค์ชวนดำเนิน
นกกากุเสียงดุไม่เพราะหู เหมือนสัตรูเข้ามาขวางให้ค้างเขิน
นกกาหลังเฉี่ยวกระแตเมื่อแม่เมิน เหมือนใครฉกสมรเหินไปห่างไกล
นกปุเลาจับเจ่าญะหุเดี่ยว เหมือนอยู่เดียวทุกข์ทนหม่นไหม้
ดูพลางทางรันทดถอนฤไทย หยุดยืนร่มไม้แล้วโศกี

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายโศกา กูจะมาร้องไห้ไม่พอที่
จำจะรีบไปแถลงแจ้งคดี จะได้มีผู้ช่วยติดตาม
แม้นรู้ว่าอยู่ตำบลใด มิได้มีจิตรคิดเข็ดขาม
ถึงสู้รบตบมือก็ไม่คร้าม คงจะสงครามจนสุดฤทธิ์
แม้นมิได้ไม่อยู่เปนคน จะดั้นด้นพยายามตามติด
กว่าตัวจะตายวายชีวิตร คิดแล้วรีบผายผันดั้นพงไพร

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงบ้านพลันมิทันช้า เห็นอยู่พร้อมหน้าล้วนผู้ใหญ่
สมหวังวางวิ่งเข้าไป ซบหน้าร้องไห้ไม่สมประดี

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น เงาะตองยิบเงาะยอพ่อแม่พี่
เห็นฮเนาเข้ามาโศกี ต่างมีความตระหนกตกใจ
จึงว่าอย่าร้องไห้นัก ลูกรักจงแจ้งแถลงไข
มีเหตุเภทผลกลใด จงเล่าไปให้แจ้งกิจจา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาเศร้าสร้อยเปนนักหนา
จึงแถลงแจ้งจริงทุกสิ่งมา แล้วร่ำโศกาอาไลย

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น บรรดาพวกเงาะผู้ใหญ่
ได้ฟังก็ตระหนกตกใจ ซักไซร้พูดจาหาเหตุการ
เงาะญาบผู้ใหญ่จึงไต่ถาม ใครทราบความอย่างไรให้ไขขาน
เมื่อเวลากลับมาจากดูงาน ใครมาถึงบ้านเวลาใด

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น เป็ดคำจึงแจ้งแถลงไข
เงาะดอลซมพลานั้นหายไป มิได้มาบ้านจนบัดนี้
เมื่อเวลาเลิกงานการวิวาห์ บรรดาคนทั้งปวงก็กลับที่
แต่อ้ายงอดอ้ายแคคู่ชีวี ต่อใกล้รุ่งราตรีจึงกลับมา

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ บรรดาผู้ที่นั่งอยู่ทั้งนั้น ก็ลงเห็นต้องกันพร้อมหน้า
ว่ามิใช่ใครอ้ายซมพลา มาลักพาลำหับหนีไป
ครั้นจะเอาสองเงาะมาไต่ถาม ไม่มีหลักความยืนยันได้
คงจะปฏิเสธใส่ไคล้ จำจะจับให้ได้ตัวซมพลา
กับทั้งลำหับที่มันลัก จะได้จริงประจักษ์ไม่กังขา
ปฤกยาเสร็จพลันมิทันช้า ต่างคนต่างพากันหาไป

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

ชกมวย เมื่อนั้น ฮเนาเศร้าจิตรจนเปนไข้
ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มกลัดเคลิ้มไคล้ ไม่เปนสติสมประดี

ฯ ๒ คำ ฯ

เขมรเป่าใบไม้ ทอดตัวลงกลางดินดอน แน่นอนเหมือนจะม้วยเปนผี
แล้วรื้อครวญคร่ำร่ำโศกี มือตีอกช้ำระกำใจ
สดับเสียงนกสาลิกาก้อง ว่าเสียงน้องร้องหาหนไหน
ลุกขึ้นผลีผลามตามไป ปะต้นไม้ยืนกอดสอดประทับ
แล้วพูดปลอบโยนโอนอ่อน เสียงสท้อนกระเส่าไม่เข้าศัพท์
สิ้นแรงลมรวยระหวยพับ พ่อแม่เคียงรับประคับประคอง

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย เอาวารีลูบไล้ให้ชูชื่น กลับฟื้นกายาในตาจ้อง
เห็นบิดามารดามานั่งมอง กลับแผดร้องดุด่าว่าซมพลา

ฯ ๒ คำ ฯ

ศัพท์ไทย อ้ายจรรไร มึงมาพานางไปอ้ายโจรป่า
ผุดลุกขึ้นได้ ฉวยไม้เงื้อง่า
แค้นนักจักฆ่า ให้ม้วยบรรไลย
กูจะสับซ้ำ จงหนำแก่ใจ
จนกากลืนได้ ไม่แค้นลำฅอ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ลูกเอยลูกแก้ว ลืมบิดาแล้วทีเดียวหนอ
จึงมาด่าทอ ตีพ่อทำไม
ดับเดือดเงือดงด สกดอกสกดใจ
แย่งยื้อทำไม เห็นไม่เปนการ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ดูเอยดูถูก เรียกกูเปนลูกอ้ายใจหาญ
อ้ายโจรจังทาน จะผลาญให้ตาย
พวกพ้องญาติกา มาด้วยมากมาย
มึงอย่ามั่นหมาย จะไม่วายวาง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ ลูกเอยลูกรัก ชรอยเจ้าจักต้องผีสาง
ดลใจไขว่ขวาง สิ้นสติสมประดี
ช่วยกันแย่งไม้ ให้ได้สักที
พ่อแม่ทั้งนี้ จงมีเมตตา

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย บัดนั้น พวกเงาะทั้งมวญถ้วนหน้า
ต่างคนต่างพากันเข้ามา ยื้อคร่าชุลมุนวุ่นไป

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ช่วยกันรวบรัดกระหวัดมือ แย่งไม้ที่ถือไปเสียได้
ช่วยกันประคองพาคลาไคล ส่งเข้าไปในห้องเรือน
สิ้นกำลังวังชาตาหลับ บ่นอุบอับจิตรใจไหลเลื่อน
ถามสิ่งไรไม่ได้เรื่องเฟื่องเฟือน คลั่งเหมือนเปนบ้าด้วยอาไลย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอปานแปลกจิตรคิดสงไสย
จึงสั่งรำแก้วให้รีบไป หาซอมลุกมาในเวลานี้

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น รำแก้วร้อนใจดังไฟจี่
ออกจากทับพลันทันที รีบไปยังที่ตาซอมลุก

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปหา พบตาหมอยังกำลังจุก
กินเลี้ยงมากครันบรรทุก นอนไม่เปนศุขสดุ้งคราง
ฟังรำแก้วเล่าเค้าเงื่อน นี่คือผีเผื่อนเข้าไขว่ขวาง
ลุกขึ้นนั่งยองยองมองเครื่องราง เขี้ยวงาต่างต่างเครื่องกันตัว
รำแก้วช่วยกดหลังให้ หายใจคล่องหน่อยค่อยยังชั่ว
ออกจากทับมาตายังมัว เดินเศกพั้วพั้วมาตามทาง

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในบ้าน ยอปานมารับถึงข้างล่าง
กระซิบบอกเบาเบาเล่าพลาง พาตาหมอวางเข้าในทับ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ซอมลุกอออือยื่นมือจับ
เห็นต้องอย่างทางที่ท่านบังคับ จึงบอกกับตาพ่อยอปาน
ว่าต้องเซมังงัดชัดแน่ จะต้องผันแปรคิดอ่าน
ตีแสลงปัดพิศม์คิดจัดการ ตามอย่างโบราณท่านว่าไว้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอปานขุ่นข้องค่อยผ่องใส
ชวนลูกสองคนรีบร้นไป แบกกิ่งไม้ผูกขึ้นมา

ฯ ๒ คำ ฯ รัว

๏ บัดนั้น ซอมลุกผู้ใหญ่ใจกล้า
จึงไขว่นะญานีมิได้ช้า จัดหญ้าห้อยรอบขอบวง
พื้นในใช้ใบตองป่ากรุ เผือกมันบรรจุไม่หลอหลง
จับหวายร่ายวิทยายง เรียกผีดงตามเล่ห์ประเพณี
เชื้อ โอมพระพนัศบดี เจ้าป่าพนาลี
อันมีตระบะเกรียงไกร ๚ะ  
๏ สั่งข้ามาขับมึงไคล ปิศาจหมู่ใด
ดังกูจะร่ำพรรณา ๚ะ  
๏ หมู่หนึ่งนั้นเรียกว่าญา คือดวงชีวา
มนุษย์อันสุดชีพกษัย ๚ะ  
๏ หมู่สองเรียกโรบภายใน คือเจตภูตไป
ประจากไม่ประจำตน ๚ะ  
๏ หมู่สามเซมังงัดเวทมนต์ ใช้ผีเข้าดล
ให้เคลิ้มให้คลุ้มกลุ้มใจ ๚ะ  
๏ หมู่สี่บาดีท่านไข คือพิศม์ภายใน
แห่งสัตว์นานาสาธารณ์ ๚ะ  
๏ ทำฤทธิ์พิศม์ร้ายปรางควาน เหล่าใดบันดาล
ให้คลั่งให้คลุ้มกลุ้มใจ ๚ะ  
๏ กูขับมึงเร่งออกไป ขืนอยู่จะประไลย
ด้วยฤทธิ์แห่งท้าวเทวา ฯ ตระ ฯ  
ร่าย เศกแล้วหมอเฒ่าทำอำนาจ ขู่ตวาดจับหวายเงื้อง่า
ตีไม้เดินไขว่ไปมา ทั้งพ่อพี่น้องยาก็ช่วยกัน
อิกพวกบ้านใกล้ที่ไปเยือน ช่วยตีเตือนเรียกร้องก้องลั่น
ให้ผีออกจากกายย้ายพลัน เข้าในกระโจมนั้นทันใด

ฯ ๔ คำ ฯ รัว

๏ เดชะเชื่อมนต์สำทับขับผี ฮเนาคืนสมประดีมาได้
ให้ระทวยระทดสลดใจ วอนไหว้แม่พ่อขอษมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ซอมลุกแลเงาะทั่วหน้า
เห็นฮเนาหายคลุ้มกลุ้มวิญญา ก็ต่างคนต่างลากลับไป

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

จะเข้หางยาว เมื่อนั้น ฮเนาเศร้าสท้อนถอนใจใหญ่
ชอกช้ำระกำกายใจ มิได้มีศุขสักเวลา
ยามกินลืมกินสิ้นรศ กลืนกำสรดเช้าเย็นเปนภักษา
ยามนอนไม่เปนนอนร้อนอุรา แต่ลืมตาทอดถอนจนค่อนคืน
บิดรมารดามาโลมเล้า ไม่วายเศร้าโศกซ้ำร่ำสอื้น
ล่วงหลายวันหน่อยจึ่งค่อยฟื้น ชุ่มชื่นมีกำลังวังชา

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย จึ่งวอนว่าบิดามารดร ลูกขอลาสัญจรนอนป่า
เสาะหาลำหับกัลยา กว่าจะได้ประสบพบพาน
ไม่ได้ไม่กลับคืนถิ่น จะเที่ยวไปจนสิ้นสังขาร
ขอจงกรุณาอย่าทัดทาน ให้ลูกทนทรมานเดือดร้อน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะฟังคดีตีอกข้อน
จึ่งว่าลูกยาเจ้าอย่าจร จะอาไลยอาวรณ์นางทำไม
เขาพากันไปหลายราตรี นางฤๅจะดีอยู่ได้
แม้นมันไม่ทำรกไว้ ที่ไหนจะมีโสมม
หาใหม่เถิดเปนไรลูกแก้ว ที่ผ่องแผ้วงามดียังมีถม
จงเลือกให้สอดคล้องต้องอารมณ์ พ่อจะแต่งให้สมหน้าตา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาฟังคำบิดาว่า
จึงนบนอบตอยความตามปัญญา บิดรเจรจาด้วยการุญ
แต่ข้าไม่เชื่อใจใหลหลง ว่าใจฅอมั่นคงจึ่งว้าวุ่น
จะหาให้ใหม่นั้นนับพระคุณ แต่ลูกหากสิ้นบุญอยู่เพียงนี้
หญิงใดในโลกย์ไม่เล็งเห็น ว่าจะเปนคู่เทียบเปรียบมารศรี
แม้นมิได้ก็ไม่ยินดี ที่จะมีภรรยานอกกว่านั้น
จึ่งคิดจะติดตามไป ให้รู้ข่าวทรามไวยแม่นมั่น
หนึ่งอ้ายสัตรูตัวสำคัญ มิได้แก้แค้นมันมิใช่ชาย
จะรู้แห่งไว้หน้าหนไหน จะรับแต่ไยไพไม่รู้หาย
บิดรมารดาอย่าระคาย ขอให้สมหมายอำนวยพร

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเงาะฟังบุตรสุดผันผ่อน
จึ่งกล่าววาจาด้วยอาวรณ์ เจ้าจะจรคนเดียวเปลี่ยวนัก
จงชวนพี่แลน้องสองคน ไปเปนเพื่อนตนช่วยหาญหัก
ขอให้สมจิตรจงอย่าหลงรัก เสร็จผลาญปรปักษ์แล้วกลับมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนานึกสมปราถนา
ชวนพี่แลน้องสองรา เข้าในป่าไม้ไพรรัง

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

กบเต้น ครั้นถึงกลางดงพงพฤกา์ ฮเนานึกคำนึงถึงความหลัง
เพราะเชื่อใจไม่ระแวงระวัง พลาดพลั้งผิดยับได้อับอาย
ตัวเราเบาใจไปตามซื่อ เชื่อถือผู้ใหญ่ไม่ขวนขวาย
นางจึ่งนอกจิตรติดชู้ชาย นัดหมายมาแกล้งแย่งยื้อ

ฯ ๔ คำ ฯ

เพลงยาวแหบ คิดมาก็น่ารังเกียจใจ ติดตามมาทำไมเลี้ยงได้ฤๅ
แล้วหวนกัดกรามคำรามฮือ ร้อนรื้อหันหุนฉุนคิด
ดูดุ๊เปนชายมาหมิ่นชาย มาตรหมายเหมือนไม่มีดวงจิตร
กูจะตามสังหารผลาญชีวิตร ให้สมชาติชนิดที่เปนพาล

ฯ ๔ คำ ฯ

ทยอยเขมร อนิจาลำหับสาวศรี บางทีมิได้ร่วมคิดอ่าน
อ้ายซมพลามาแกล้งจังทาน หักหาญฉุดคร่าพาไป
แม้นเปนเช่นนี้น่าสงสาร จะแสนทุกข์ทรมานหม่นไหม้
จะสู้ติดตามไม่ขามใจ เปนไฉนจะได้เห็นแก่ตา

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย คิดแล้วก็พากันผันผาย รำแก้วพี่ชายออกน่า
ทั้งปองสองปองสุดอนุชา ชวนกันบุกป่าฝ่าไป

ฯ ๒ คำ ฯ ทยอย เชิด

ฝรั่งตัด เมื่อนั้น นางมือซังวังคอนพิศมัย
ชอบกันพันผูกถูกใจ ต่างรักใคร่ในฮเนาเฝ้าจำนง
เห็นซมผลาท่าทำนองก็ต้องจิตร ต่างคนต่างคิดพิศวง
จะจับจองลองคู่ที่ควรคง จึงตกลงเลือกฉลากกระดากกระเดียม
มือซังได้ซมพลาทำหน้าขวย วังคอนฉวยได้ฮเนาเฝ้าอายเหนียม
แต่นั้นมามิได้ละเฝ้าตระเตรียม คอยและเลียมลอบอายไม่วายวัน

ฯ ๖ คำ ฯ

ขึ้นพลับพลา ครั้นทราบว่าขอสู่คู่ลำหับ เจียนลมจับเศร้าจิตรคิดกระศัลย์
หวนสวาดิซมพลาขึ้นมาพลัน ต่างผูกพันร่วมพ้องกันสองคน
พเอินเปนซมพลาพานางหนี ฮเนาอยู่ข้างนี้ก็ปี้ป่น
สองนางไม่สบายวายกังวล แต่ทุรนทุรายร้อนอาวรณ์ใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่ายใน นอนไม่หลัยปรับทุกข์กันยังรุ่ง จนอาทิตย์พวยพุ่งเหลี่ยมไศล
ชวนกันเยื้องย่องจากห้องใน ไปเที่ยวชมป่าพนาลี

ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า

เพลงช้า ยามสาง แสงทองกระจ่างจำรัสศรี
สองนางพึ่งส่างโศกี ระริกซิกซี้พอพาใจ
เดินกอดฅอชลอเคล้า กระซิบกระเส่าเฝ้าพิไร
โน่นนั่นแน่แลตะคุ่ม ใครมาแอบซุ่มใบไม้ไหว
ฉิพี่นางช่างใส่ไคล้ เจ้ายอดหัวใจของพี่มา
พี่ฟังว่าทำตาเขียว ประเดี๋ยวนี้ผี่เถิดหนา
มาล่อเล่นเหมือนเช่นบ้า ทำเปนว่าข้าคนดี
โน่นแน่ใครมาข้างหลัง คงหายคลั่งแล้วคราวนี้
เหลียวซิน่าฟ้าผี่ ช่างล้อดีสาใจเอย
๏ โอ๊เฮเฮเห่เฮเฮ เห่เฮเฮเฮ้โห่
เพลงเร็ว ช้าใหญ่พี่ใจเย็นเอย มัวแต่ล้อเล่นจะไปถึงไหน
ปล่อยให้เขากอดฤๅทอดอาไลย ช้าใหญ่พี่ใจเย็นเอย ๚ะ
๏ ช้าแล้วแม่แก้วตาเอย พี่ฤๅจะพาไปให้ไกลบ้าน
เร่งเร่งไปเถิดจะเกิดรำคาญ ช้าแล้วแม่แก้วตาเอย ๚ะ
๏ ช้านักพี่รักน้องเอย ฤๅตรึกนึกปองจะกลับคืนถิ่น
อย่าได้วิตกน้องยกให้สิ้น ช้านักพี่รักน้องเอย ๚ะ
๏ ช้าฤๅแม่บุญฦๅเอย อย่าอึงอย่าอื้อยักเย้าเซ้าซี้
แม้นเจอะใครก่อนของหล่อนวันนี้ ช้าฤๅแม่บุญฦๅเอย ๚ะ
๏ เร็วเข้าพี่เจ้าน้องเอย ข้าไม่เกี่ยวข้องขี้คร้านเทลาะ
ฝีปากผู้ใหญ่จะได้ไพเราะห์ เร็วเข้าพี่เจ้าน้องเอย ๚ะ
๏ อย่าช้าดวงตาพี่เอย สาวสำนวนดีจะได้ออเซาะ
ให้คลำหน้าผากจุปากเจาะเจาะ อย่าช้าดวงตาพี่เอย ๚ะ
๏ ช้าก่อนพี่ท่อนจันทน์เอย จะไปประชันแต่ข้างฝ่ายน่า
ที่อยู่ข้างหลังช่างฤๅเห็นบ้า ช้าก่อนพี่ท่อนจันทน์เอย ๚ะ
๏ หยุดหยุดแม่สุดใจเอย จะเร่งรีบไปที่ไหนจะเจอะ
จะกลับข้างหลังก็คงยังเลอะ หยุดหยุดแม่สุดใจเอย ๚ะ
เบ้าหลุด เลียบเดินตามเนินแนวภูผา ชมพฤกษาซ้อนซับสลับสี
บ้างแดงดำคล้ำเข้มเขียวขจี ท่วงทีเอนชายหลายกระบวน
กล้วยไม้ชายผ้าษีดาห้อย ช้องนางย้อยยวนอารมณ์เมื่อลมหวน
เขี้ยวกระแตกลิ่นตระหลบมาอบอวน ยังเชิญชวนให้สบายคลายกระมล
ตามซอกผาน่าชมดังพรมลาด เปนดอกดาดแลไปไม่เห็นต้น
ล้วนเล็กเล็กหลายเหล่าเข้าแกมปน เหมือนอย่างคนปลูกอัดจัดลวดลาย
ทั้งสองนางต่างคนค่อยเลือกคัด อย่างละดอกได้เปนมัดยังเหลือหลาย
เที่ยวเสาะหาดอกแปลกเดินแยกย้าย สองโฉมฉายชื่นอารมณ์ชมสำราญ

ฯ ๘ คำ ฯ แมลงภู่ทอง

( เบ้าหลุด เลียบเดินตามเนินแนวภูผา ชมพฤกษาซ้อนซับสลับสี )
( บ้างแดงคำคล้ำเข้มเขียวขจี ท่วงทีเอนชายหลายกระบวน )
( กล้วยไม้ชายผ้าษีดาห้อย ช้องนางย้อยยวนอารมณ์เมื่อลมหวน )
( เขี้ยวกระแตกลิ่นตระหลบมาอบอวน ดังเชิญชวนให้สบายวายรำคาญ )

ฯ ๔ คำ ฯ แมลงภู่ทอง

หอมหวน แต่เพลิดเพลินเดินตามชานไศล ถึงต้นไทรร่มกว้างข้างลหาน
รากย่านยื่นย้อยห้อยยาวยาน เยาวมาลย์โหนเล่นเปนชิงช้า
ผลัดกันไกวใส่จริตเบือนบิดผัน แล้วประพันธ์กลอนขับแจ้วจับป่า
แสร้งเปรียบเปรยเย้ยหยันกันไปมา ในอุราเศร้าหมองร่วมพ้องกัน

ฯ ๔ คำ ฯ

(วังคอน) เขนง น่่าร้อน เราเคยศุขสโมสรเกษมสันต์
ปลาดแท้แปรไปเปนเหมันต์ ให้หนาวครั่นสั่นสทกหัวอกเรา
โอ้หงษ์ทองล่องฟ้าเที่ยวหาคู่ น่าอดสูเสียวงษ์หลงกระเหว่า
พาโผผินบินพรากจากลำเนา ไปจับเจ่าจิกขนอยู่หนใด
ละพี่นางเหมราของข้าเจ้า ให้หงอยเหงาทุกข์ทนหม่นไหม้
ดอกไม่ช่อขอถวายเทพไท ช่วยดลใจหงษ์ทองอย่าล่องเลย
แม้นหวนกลับมารับนางปักษี จะพลีพลับทองของเสวย
น้องจะนั่งนิยมเฝ้าชมเชย พลอยเสวยวายเบื่อเหลือกวนเอย

ฯ ๘ คำ ฯ

( วังคอน เขนง น่าร้อน เราเคยศุขสโมสรเกษมสันต์ )
( ปลาดแท้แปรไปเปนเหมันต์ ให้หนาวครั่นสั่นสทกหัวอกเรา )
( โอ้หงษ์ทองล่องฟ้าเที่ยวหาคู่ น่าอดสูเสียวงษ์หลงกระเหว่า )
( พาโผผินบินพรากจากลำเนา ให้พี่เราร้องร่ำคร่ำครวญเอย )

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น นางมือซังฟังลำคำโหยหวน
นี่อะไรบัดสีมายียวน ตีสำนวนดีเหลือขึ้นเหนือลม
จะขับตอบขอบใจให้ฟังหวาน เหมือนน้ำตาลต้องจิตรสนิทสนม
ไกวชิงช้าเถอะอย่าซ้ำด้วยคำคม ถึงเก้อก้มสักเท่าใดไม่ละมือ

ฯ ๔ คำ ฯ

(มือซัง) น้ำค้าง น่าร้อน แต่ปางก่อนเช่นนี้เคยมีฤๅ
ฝนตกพรำคร่ำหน้าจนตาปรือ เสียงฮือฮือพยุหวนป่วนอารมณ์
โอ้กวางทองปองกระจงเฝ้าหลงใหล เจ้างจึ่งได้ทุกข์จิตรคิดไม่สม
นางทรายทองนั้นไม่ปองใจนิยม จะน่าชมเชยอยู่เปนคู่เคียง
ช่อบุบผาข้าถวายพระไทรย้อย ดลใจหน่อยเถิดให้มาอย่าหลีกเลี่ยง
เห็นไวไวใครหนอมามองเมียง พั้วพั้วเพี้ยงขอให้กลายเปนทรายทอง
เสียงกรากแกรกแหวกลดามาข้างซ้าย แลลม้ายเหมือนฮเนาหน้าเศร้าหมอง
พระไทรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งจริงหนาน้อง มิเชื่อข้ามามองลองดูเอย

ฯ ๘ คำ ฯ

(มือซัง) น้ำค้าง น่าร้อน แต่ปางก่อนเช่นนี้เคยมีฤๅ )
( ฝนตกพรำคร่ำหน้าจนตาปรือ เสียงฮือฮือพยุหวนป่วนอารมณ์ )
( โอ้กวางทองปองกระจงเฝ้าหลงใหล เจ้าจึงได้ทุกข์จิตรคิดไม่สม )
( นางทรายทองนั้นไม่ปองใจนิยม เชิญมาชมสมสู่เปนคู่เอย )

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น ฮเนาดั้นด้นค้นอยู่
ยินขับจับจิตรชื่นชู เอียงหูสดับตรับฟัง
ปลาบปลื้มลืมกายเหมือนทายทัก ยินดีนักนึกว่าพบสบสมหวัง
รีบสาวเท้าก้าวเข้าไปไม่รอรั้ง เห็นสองนางกำลังโล้ชิงช้า

ฯ ๔ คำ ฯ

ลีลากระทุ่มนอก พิศโฉมประโลมลานสวาดิ งามปลาดเล็งเล่ห์รูปเลขา
จริตงอนอ้อนแอ้นทั้งกายา ดังกินรารำร่อนอ่อนเอวองค์
ชิงช้าโยนโอนกายคล้ายโผผิน ขยับบินเหมือนนกวิหคหงษ์
เสียวสวาดิวายจิตรพิศงวยงง ตลึงหลงแลนางไม่วางตา

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น สองนางนึกกริ่มยิ้มในหน้า
เห็นฮเนาตลึงไปไม่เจรจา ทำมารยาเหมือนหนึ่งพึ่งจะรู้
นางวังคอนวิ่งซ่อนซุ้มไม้แฝง มือซังแสร้งทำขึงหน้าบึ้งขู่
เจ้านี่ใครไฉนกล้ามาลอบดู ทำจู่ลู่ข่มเหงไม่เกรงใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

จีนขวัญอ่อน เมื่อนั้น ฮเนาตระหนกจิตรคิดหวั่นไหว
นิ่งพินิจพิศดูสองทรามไวย ก็จำได้ว่าเคยพบประสบกัน
จึ่งวอนว่าข้าขอโทษเถิดพี่ เมื่อตะกี้เคลิ้มจิตรคิดกระศัลย์
ไม่เอื้อมอาจประมาทจิตรผิดสำคัญ ข้าหมายมั่นว่าเหมือนพี่ที่เคารพ

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น นางมือซังยังเต้นอยู่หรบหรบ
น้อยฤๅนั่นถ้อยคำทำนอบนบ ไม่รักคบแล้วจึงแสร้งแกล้งดูเบา
จะเห็นแต่ลำหับหลับตาติด คนอื่นคิดว่ากระสือเจียวฤๅเจ้า
สงสารหน้าฝ้าคล้ำดำเด่นเงา ยังจะเฝ้าครวญคร่ำไปทำไม
ซมพลาพาไปไกลนับโยชน์ จะลิงโลดตามตบึงไปถึงไหน
เนื้อเข้าปากเสือจะเหลือไว้ จงคิดใคร่ครวญดูอย่าวู่วาม
ถึงตามไปได้มาก็หน้าหมาง คงเหลือล้างคาวหลังจงฟังห้าม
แม้นหาใหม่คงจะได้ที่ดีงาม ถ้าทำตามคิดจะช่วยด้วยเมตตา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนานิ่งฟังชังน้ำหน้า
เอาดีต่อตอบคำจำนรรจา ซึ่งกรุณาน้องรับนับพระคุณ
แต่แค้นใจแม้นมิได้ตามล้างผลาญ จะเดือดดาลวุ่นวายไม่หายฉุน
ที่จะหาให้ใหม่ได้การุญ พอสิ้นวุ่นวายใจไม่ละวาง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมือซังฟังถ้อยค่อยกระจ่าง
เห็นจะเสร็จสมคิดไม่จิตรจาง จึ่งเรียกนางวังคอนให้หล่อนมา
ได้รู้จักมักจี่กับพี่ไว้ จะได้พึ่งพากันไปวันน่า
เฝ้าขยับลับล่อไม่ต่อตา จะมารยาไปถึงไหนจะใคร่รู้

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางวังคอนแลชม้ายอายอดสู
ยืนก้มชมช่อบุบผาชู โฉมตรูอิดเอื้อนไม่เคลื่อนคลาย
นางมือซังซ้ำเตือนเหลือเบือนบิด ใส่จริตเคืองค้อนงอนใจหาย
ผันแปรแลชำเลืองเยื้องกราย มายืนอายแอบหลังบังพี่นาง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางมือซังสันทัดไม่ขัดขวาง
จึ่งว่ามารู้จักกันไว้พลาง เหมือนทำทางไว้ให้เตียนไม่เวียนวก
ข้าเปนเหมือนนั่งร้านตพานเรือก ฤๅรอกเชือกช่วยประคองกันของตก
แม้นสิ้นงานท่านก็เห็นเปนเรี้ยวรก นี่แลอกคนเช่นข้ามันน่าอาย
แน่ฮเนาถ้าเจ้าสมอารมณ์หวัง อย่าด่วนชังเครื่องมือรื้อสลาย
จะรักหมากฝากให้รักทั้งทลาย ทำแยบคายเคืองค้อนด้วยงอนใจ

ฯ ๖ คำ ฯ

จีนมุล่ง เมื่อนั้น ฮเนาผันกลั้นยิ้มมิใคร่ไหว
นางวังคอนอ่อนกว่าเราเมื่อไร มายกให้เปนน้องจองเหมือนนา
จะขัดคำทำไมให้หม่นหมอง จึ่งสนองขอบคำที่ร่ำว่า
ตัวน้องเช่นเครือเขาเถาลดา หมายพึ่งพาไม้ใหญ่ได้ไต่เลื้อย
แม้นเมตตาให้ข้าได้ยึดเกาะ ไม่เฉภาะว่าที่ไหนคงไต่เรื่อย
เหมือนหว่านเข้าไหนเล่าจะเปล่าเปลือย กลับเปนเฟือยหญ้าไปไม่ควรคิด
บัดนี้ข้าขอลาพี่ไปก่อน เที่ยวสัญจรหาสัตรูสู้ตามติด
มาทแม้นมิตายวายชีวิตร ตั้งจิตรจะกลับมาอย่าปรารมภ์

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น สองนางต่างอายชม้ายก้ม
เห็นสมหวังดังจิตรคิดนิยม แล้วเกลียวกลมที่จะไปเสียไกลกัน
ถึงจะห้ามปรามอย่างไรไหนจะอยู่ เห็นสุดรู้สุดฤทธิ์คิดกระศัลย์
ทั้งสองก้มภักตราลงจาบัลย์ สอื้นอั้นอ่อนอารมณ์ไม่สมประดี
เอื้อนอำนวยอวยพรสท้อนจิตร จงเปลื้องปลิดอันเทาทุกข์เช่นศุขี
แม้นชิงไชยได้ชนะแก่ไพรี อย่าลืมที่รักใคร่ได้สัญญา
ถ้ามิด่วนคืนหลังดังนัดไว้ จะบรรไลยมิได้ทันมาเห็นหน้า
ร่ำพลางสองนางก็โศกา ประหนึ่งว่าจะตายวายชีวิตร

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ฮเนานึกปลาดอนาถจิตร
สงสารสองนางจริงหยุดนิ่งคิด มาหมายผิดเออนี่กรรมทำกระไร
จะแจ้งความตามสัตย์ตัดสวาดิ ไหนสองนาฎนางจะหยุดสุดวิไสย
จึงปลอบโยนสองนางให้ส่างใจ แล้วอำลาครรไลยเข้าในดง

ฯ ๔ คำ ฯ เชิต

ทยอยลาว เดินพลางทางตรึกนึกก็ขัน ดูเหมือนฝันอนาถจิตรพิศวง
นางที่เราจงจิตรคิดจำนง เกือบได้คงคู่แล้วกลับแคล้วไกล
ส่วนนารีที่มิได้โดยนึกฝัน มาหมายมั่นจงจิตรพิศมัย
เออโลกนี้นี่มันเปนอย่างไรไป จึงดลให้ไขว้โขวเล่ห์ดังนี้
อ่อที่จริงหญิงดีนั้นมีน้อย หานับร้อยไม่ยากเย็นเช่นสองพี่
เมื่อตัวเราหวังจะใคร่ได้ที่ดี ไยไม่มีความเพียรเวียนรวัง
โอ้ลำหับลับอยู่ไม่รู้ชัด ฤๅวิบัติเสียแล้วเราไปเมาหวัง
นึกอาวรณ์ร้อนรนพ้นกำลัง เดินเซซังไปในป่าพนาไลย

ฯ ๘ คำ ฯ ลาวกระแตไต่ไม้

ขอม เมื่อนั้น ซมพลาเพลินจิตรพิศมัย
ซุ่มอยู่คูหาห้องใน กับลำหับทรามไวยวิไลยลักษณ์
แต่เฝ้าเย้ายวนชวนชิด แนบสนิทอุ้มนางขึ้นวางตัก
สำผัสภิรมย์ชมภักตร์ ฟูมฟักมิได้เว้นวาย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ครั้นเวลาสายัณห์เย็นพยับ กอดประทับปลอบประโลมโฉมฉาย
จงนิทราอย่าประหวั่นพรั่นกาย พี่จะกล่อมฤๅสายให้ไสยา

ฯ ๒ คำ ฯ

พัดชา ดวงเนตร ทั่วเวิ้งวันเวศหว่างภูผา
จะเสาะโฉมสู้เจ้าลำเภาพงา ไม่พึงหาเห็นลึกอย่านึกเลย
จะควรคู่อยู่แต่ดวงปะยงทิพย์ อันลอยลิบนวลลอองแลน้องเอ๋ย
เคราะห์ของพี่ดีกระไรจึ่งได้เชย แสนเสบยทุกเวลานาทีเอย

ฯ ๔ คำ ฯ

ลีลากระทุ่ม ดวงสวาดิ งามศิริวิลาศเฉลิมศรี
อาจผโอนจิตรชายชาตรี ให้สิ้นรักชีวีเพราะหวังชม
แม้นมาทพลาดมือไม่เหมือนหมาย ควรวางวายดีกว่าอยู่คลาดสู่สม
นี่แลน้ำจิตรพี่ที่นิยม เกลียวกลมกอดประทับหลับไปเอย

ฯ ๔ คำ ฯ ตระ

ร่าย ครั้นนอนรงับหลับสนิท ก็ยังเกิดนิมิตรฝันใฝ่
สดุ้งตื่นตระหนกตกใจ กอดลำหับไว้ไม่เคลื่อนคลาย

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางลำหับก็ใจหาย
เห็นซมพลากอดกระหวัดรัดกาย โฉมฉายก็ถามไปทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลานึกฉงนหม่นไหม้
จึ่งเล่าความฝันนั้นไป ว่ามีกาคุชใหญ่มหิมา
อันนอนั้นแหลมดังขนเม่น โลดเต้นไล่ประชิดขวิดข้า
สู้กันในกลางพนาวา ยังมีตาโก๊ะตัวลาย
โผนมาคว้าคาบต้นฅอไว้ ดิ้นรนเท่าไรไม่ขยาย
กัดติดจนชีวิตรวางวาย ฝันนี้เห็นร้ายเหลือประมาณ
ถึงพี่จะตายวายชีวิตร มิได้คิดกลัวข้อดับสังขาร
ทุกข์แต่ถึงเจ้าลำเภาพาล สงสารจะเปนประการใด
เล่าพลางอาดูรพูลเทวศ ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล
แสนโศกโศกาอาไลย กอดลำหับไว้ไม่เคลื่อนคลาย

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นวลนางลำหับโฉมฉาย
ฟังคำร่ำเล่าบรรยาย ใจหายประหวั่นพรั่นนัก
จึ่งว่าถ้าเจ้าอันตราย เมียจะตายตามจงประจักษ์
มิขออยู่สู้โศกซึ่งพรากรัก ซบลงเหนือตักแล้วโศกา

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายโศกศัลย์ พอตวันเรื่อแรงแสงกล้า
ชวนกันเสพย์รศโภชนา ซมพลารำพึงคนึงใน
แต่มาอยู่คูหาก็หลายวัน หาได้ขุดเผือกมันมาเติมไม่
จวนจะสิ้นเสบียงที่เตรียมไว้ จำจะไปเที่ยวหามาสำรอง
จึงบอกลำหับกัลยา พี่จะไปหามันอย่าหม่นหมอง
ไม่ช้าจะมาเพื่อนน้อง เจ้าจงอยู่ห้องให้สำราญ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ลำหับกัลยาฟังว่าขาน
หวาดหวั่นพรั่นใจพ้นประมาณ นางจึ่งทัดทานห้ามไว้
เจ้าฝันร้ายนักหนาในราตรี วันนี้หาควรไปไม่
ถึงจะอดอยากลำบากใจ ก็จะเปนไรไปอย่าร้อนรน
แม้นพ่อไปมีอันตราย เมียจะตายอยู่ในไพรสณฑ์
จงเมตตาอย่าเปนกังวล อยู่ด้วยกันสองคนอย่าครรไลย

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลายิ้มแย้มแจ่มใส
จึ่งว่าเจ้าอย่าร้อนใจ ทำไมกับฝันไม่พรั่นพรึง
ถึงจะมีสัตรูจู่ประจัน พี่ไม่เกรงมันสักนิดหนึ่ง
อันสิงสาราสัตว์อย่าคำนึง บ่ายหน่อยพี่จึงจะกลับมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางลำหับสดับคำผัวว่า
สุดที่จะทานทัดขัดวิญญา นางนั่งโศการ่ำไร

ฯ ๒ คำ ฯ โอค

๏ เมื่อนั้น ซมพลาหาสทกสท้านไม่
ปลอบเมียพลางทางเช็ดชลไนย เจ้าอย่าร่ำไห้ไม่ต้องการ
พี่ไปไม่ช้าจะมาพลัน อยู่ด้วยจอมขวัญยอดสงสาร
ว่าแล้วแต่งตัวมิได้นาน จับเสียมกล้องทยานออกไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

สามไม้ ครั้นออกมานอกคูหา ให้สยองโลมาเร่งหม่นไหม้
มันนึคู่ชีวีที่คาดไว้ ก็ขาดตกลงไปลุ่ยกระจาย
สดุ้งจิตรคิดเห็นเข็ญวิบัติ นึกกลัวเซมังงัดทั้งหลาย
อัดอั้นดวงกระมลกระวนกระวาย เปนลางร้ายนึกปลาดอนาถใจ
เหลียวดูปากถ้ำระกำอก แสนวิตกหวาดหวั่นพรั่นจิตรไหว
โอ้ลำหับลับตาเหลืออาไลย แม้นมีเหตุเภทไภยจะไกลตา
ฤๅหนึ่งจะกลับคืนหลัง อยู่รวังมารศรีที่คูหา
ลังเลใจมิใคร่จะลินลา แต่ประหม่ากระเหม่นอยู่เปนนาน

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย แล้วฮึกฮักหักห้ามความวิตก ไม่สทกสท้านจิตรคิดห้าวหาญ
เห็นไม่มีใครกล้ามาแผ้วพาน ก็รีบผ่านแถวพนาคลาไคล

ฯ ๒ คำ ฯ

ม้าย่อง เดินทางตามหว่างภูเขาหลวง ไม่หายห่วงน้องน้อยลห้อยไห้
เห็นบุบผาเบิกบานตระการใจ กล้วยไม้รายช่ออรชร
ที่พุใหญ่ใกล้กันกับคูหา น้ำใสไหลซ่าจากสิงขร
หวนรฦกนึกคนึงถึงบังอร เมื่อยามร้อนหวังจะพาเจ้ามายล
จะได้เล่นวารีที่ตกพร่า จากเงื้อมผาพร่างพร้อยดังฝอยฝน
พิกุลเกิดกิ่งชายใกล้สายชล ต้องลมหล่นแลเกลื่อนเหมือนแกล้งปราย
นึกฉุกใจมิได้พานางมาด้วย จะได้ช่วยชี้ชมสมมุ่งหมาย
เหมือนไม่องอาจเช่นชาติชาย นึกอับอายเปล่าเปลี่ยวไม่เหลียวแล

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

ร่าย ครั้นมาถึงเชิงชานลานบรรพต เดินเลี้ยวลดตามชายสายกระแส
เที่ยวขุดหาเผือกมันผันแปร ได้เต็มแล้มากมายก่ายกอง
คิดจะเป่ากระเหว่าไปบ้าง เสียงค่างร้องพิฦกกึกก้อง
คว้าบเลาเข้าไปเดินด้อมมอง ย่างย่องแหงนชะแง้แลดู

ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง

โศกโขไทย เมื่อนั้น ตาจองลองแค้นใครไม่มีคู่
อีเถ้าถิ่งกาลีมันมีชู้ อ้ายวางซองเสือกจู่เข้าครอบครอง
ชวนตาเถ้าจับปิ๊บรีบเข้าป่า วานแกมาช่วยเขม้นเปนที่สอง
โรงศาลก็ไม่มีที่จะฟ้อง จึ่งจนใจได้แต่ลองฝีมือมัน

ฯ ๔ คำ ฯ

เขมรไล่ควาย เดินพลางทางบ่นตุ๋มตั๋ม กรรมเอ๋ยกรรมกรรมอะไรนั่น
ไปแปรักเสียสี่ปีเท่านั้น มันพากันว่าตายโหงโก้งโค้งคุด
อีถิ่งถ่อยหนังห้อยเหมือนคางคก ยังอยากกกร่ำไปไม่รู้หยุด
อ้ายวางซองสาระยำทำทุดทะรุด กูไม่กุดหัวได้ไม่ใช่ชาย
จะแทงด้วยบาเดะมันเกะกะ แล้วก็จะตายง่ายอ้ายฉิบหาย
จะต่อยมันให้คมำตำขี้ควาย จึ่งจะวายแค้นคับถึงตับไต
นี่แน่พ่อจับปี๊บรีบเถิดเจ้า ไปให้ถึงก่อนเขาจึ่งจะได้
เพราะเราท้าเขาจะว่าเราท้อใจ พากันครรไลยไม่หยุดยั้ง

ฯ ๘ คำ ฯ ค้างคาวกินกล้วย

ร่าย ถึงมอนแลงที่แจ้งนัดกันไว้ เห็นต้นไม้ใหญ่เข้าหยุดนั่ง
หญ้าแพรกอ่อนนอนเล่นเอากำลัง พลางสั่งสนทนาพาที

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

ลำเพชร เมื่อนั้น ตาวางซองตรองตรึกไม่นึกหนี
จองลองกล้าท้าให้ไปต่อตี มิได้มีหวาดหวั่นพรั่นพรึง
แกแก่กว่าราวสักห้าปีไปได้ ทั้งหัวไสเสียท่าเรากว่าครึ่ง
แม้นถูกหมัดเข้าคงเปราะเพราะหนังตึง มิร้องอึงอบป่าอย่าว่าชาย

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย ชวนตาตอเลนไปเปนคู่ เมื่อต่อสู้จะไต้เห็นเปนสหาย
ออกจากบ้านพากันดั้นตะกาย มุ่งหมายมอนแลงแหล่งตำบล

ฯ ๒ คำ ฯ แขกเงาะ

๏ ครั้นถึงซึ่งพฤกษาใหญ่ เห็นหัวจองลองใสอยู่ใต้ต้น
แวะนั่งเหนือรังจะเวาไม่เข้าปน ให้เพื่อนจรดลไปเจรจา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาตอเลนเจนจัดหมัดมวยกล้า
จึ่งพยักกวักเรียกจับปิ๊บมา ว่ากล่าวเกลี่ยไกล่เปนไมตรี
อันเพื่อนเราสองข้างต่างหงำเหงือก จะเลือกอาวุธใดให้ควรที่
จะกำหนดเวลาช้าเร็วมี เมื่อต่อตีเราไม่ยึดกี่อึดใจ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาจับปิ๊บจีบปากถากถางให้
เพื่อนของท่านหนุ่มกว่าข้าเท่าใด ฤๅจะใช้สาตราน่าไม่อาย
เพื่อนของข้าว่าจะชกด้วยกำหมัด เพราะเจนจัดเหลือดีไม่หนีหาย
ฤๅไม่สู้สารภาพไม่หยายคาย ขอโทยหมายจะอภัยไม่จองเวร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาตอเลนเต้นร่าเหมือนท่าเขน
อันวางซองของข้าหมัดมวยเจน จะประเคนศอกสท้านกระบานแยะ
ตริตรองดูเสียให้ดีพี่จับปิ๊บ จะถูกถีบถลาล้มจมแหมะแขะ
ไม่แกล้งคุยข่มท้าว่าค่อนแคะ อย่าหัวเราะแหะแหะคงเห็นกัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาจับปิ๊บปอดดีไม่มีพรั่น
บอกเวลาอาณัติจำกัดกัน แล้วผายผันกลับมาหาเพื่อนตัว

ฯ ๒ คำ ฯ พม่าใหม่

๏ เมื่อนั้น สองนักเลงผู้ใหญ่ม่ิใช่ชั่ว
ชักเลาะเตี๊ยะตึงกระสันไม่พันพัว เศกสามพั้วเป่าปลอดตลอดกาย
แล้วบ่ายหน้ามายืนกลางแปลง ที่สองแจ้งกำหนดได้นัดหมาย
แล้วจดหมัดมืองอย่อท้าย ทั้งสองนายชกต่อยไม่ถอยกัน

ฯ ๔ คำ ฯ ต่อยมวย

๏ ประเดี๋ยวใจได้ยกเหื่อตกซ่าน ที่สองทยานเข้ากางกั้น
เหนื่อยบอบหอบโครงเปนอันอัน ให้น้ำเสร็จพลันค่อยบันเทา

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ ต่างคนต่างลุกขึ้นชกอีก หลบหลีกตอบต่อยอด้วยเข่า
เตะถีบถองหลังดังไม่เบา สองเฒ่าทรหดอดทน

ฯ ๒ คำ ฯ เจ้าเซ็น

๏ เมื่อนั้น ซมพลาเที่ยวมาในไพรสณฑ์
ถึงมอนแลงที่แจ้งจรดล ไปพบตาสองคนต่อยกันนัว
จึงเข้าไปห้ามว่าอย่าหุนหัน หยุดต่อยกันสักครู่เถิดปู่ขรัว
เพื่อนสองข้างต่างเข้าช่วยพันพัว รั้งตัวลากฉุดก็หลุดพลัน
ซมพลาเข้าใกล้จำได้แน่ ว่าตาแก่เจ้าชู้ที่คู่ขัน
จึงไต่ถามเหตุผลแต่ต้นนั้น มาต่อยกันทำไมในดงดาน

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สองเฒ่าเหนื่อยล้มลมสว้าน
ช่วยกันคั้นนวดอยู่เปนนาน หายเหนื่อยอาการจึงค่อยฟื้น

ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ตาจองลองเล่าพลางทางสอื้น
ข้าไปค้ากลับมาเมื่อวานซืน เมียเปนของคนอื่นทั้งเรือนชาน
อ้ายวางซองจองหองมาครอบงำ เข้าอยู่ประจำเสียทั้งบ้าน
ไม่มีใครจะได้เปนตระลาการ จึงนัดมาต่อต้านตัวต่อตัว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ตาวางซองตีอกชกหัว
ใช่ข้าจะคิดร้ายไม่อายกลัว เพราะนางถิ่งว่าผัวนั้นตายแล้ว
ข้าก็เปนพ่อม่ายไร้แม่เรือน คิดหาเพื่อนปกครองให้ผ่องแผ้ว
ครั้นผัวมาทำตาอยู่บั้งแบว พึ่งรู้แกวว่าแกปดหมดปัญญา
แม้นว่ามีตระลาการศาลถามซัก จะให้การให้ประจักษ์ไม่กังขา
นี่หาไม่จำใจต้องออกมา เพราะเขาท้าไม่รับก็อับอาย

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาฟังคำร่ำขยาย
ให้นึกขันกลั้นหัวตากับยาย มาเคราะห์ร้ายชิงชู้คู่กับเรา
เสียวจิตรคิดถึงเรื่องของตัว แม้นเจ้าผัวเซ่อซ่ามาพบเข้า
เรามิต้องต่อยกันกับฮเนา แต่ผิดเค้ากันอยู่นิดที่จิตรนาง
คิดพลางทางพูดไกล่เกลี่ย ข้าจะขอเสียทั้งสองข้าง
จะรักใคร่ไปทำไมกับคนกลาง เปนเยี่ยงอย่างสัตรีที่ชั่วร้าย
อันความอายขายหน้ามาต่อรบ ก็พอลบอัปรยศให้หมดหาย
จงคืนทับดับใจให้สบาย อย่าวุ่นวายตาทั้งสองจงตรองความ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สองเฒ่านิ่งนั่งฟังคำห้าม
ค่อยรงับดับโกรธที่ลุกลาม ยอมตามซมพลาว่ากล่าวนั้น
ถ้อยทีดีกันไม่ขึ้งโกรธ ษมาโทษไม่รังเกียจเดียดฉัน
ต่างคนอำลาพากัน ด้นดั้นกลับบ้านสำราญใจ

ฯ ๔ คำ ฯ แขกตลุง

แขกบรเทศ เมื่อนั้น ซมพลายิ้มแย้มแจ่มใส
สนุกเรื่องยายตาเปนพ้นไป คิดไว้ว่าจะเล่าให้เมียฟัง
เหลียวดูสุริย์ฉายเห็นบ่ายคล้อย ลำหับจะคอยอยู่ข้างหลัง
จึงดัดดั้นมรคาเข้าป่ารัง จะไปยังภูผาหาโฉมตรู

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

ต้นเพลงยาว เมื่อนั้น ฮเนาเดินเวียนวนค้นอยู่
พอเหลียวหน้ามาเห็นสัตรู โจมจู่เข้ามาคว้าแขนรัด

ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย ชักบาเดะออกมาตั้งท่าแทง กวัดแกว่งกระชั้นชิดบิดสบัด
ปล้ำกันยันยึดฮึดฮัด แว้งกระหวัดติดต่างไม่วางกัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลากล้าดีไม่มีพรั่น
จึ่งว่าแก่ฮเนาไปพลัน ไฉนนั่นจึงไม่ให้รู้ตัว
นี่ฤๅคนกล้าหน้าไม่อาย ลอบทำอันตรายกูน่าหัว
มึงทำทั้งนี้ก็เพราะกลัว อ้ายชาติชั่วลอบกัดเหมือนสัตว์ร้าย

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาฟังซมพลาว่าเสียหาย
ได้สติตริตรึกนึกอาย จึงว่าอย่าวุ่นวายจะวางมือ
เรามาเจรจาว่ากัน อย่าเพ่อหุนหันดันดื้อ
ว่าพลางวางให้ไม่ยุดยื้อ มึงฤๅพาเมียกูหนีมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาตอบไปด้วยใจกล้า
กูไปรับลำหับกัลยา เพราะว่านางสมัครักเรา
บัดนี้นางก็เปนเมียกู จะห่วงใยอยู่ทำไมเล่า
จงไปหาใหม่อย่าใจเบา เช่นเจ้าหาไหนไม่ยากนาน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาฟังว่าเห็นกล้าหาญ
เร่งพิโรธโกรธใจดังไฟกาล จึ่งว่าอ้ายเดรฉานช่างพาที
มึงไปฉุดนางมากลางคืน แล้วเกล้งข่มขืนกดขี่
ทำการร้ายกาจชาติอัปรี ยังจะมาอวดดีว่านางรัก
กูจะสังหารผลาญชีวี มิให้ติดธรณีอยู่ให้หนัก
อ้ายคนร้ายกาจชาติทรลักษณ์ ใครดีได้ประจักษ์กันวันนี้

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาฟังถ้อยไม่ถอยหนี
ชักบาเดะออกมาว่ากล้าดี มาต่อตีกันดูให้รู้ฤทธิ์
ต่างคนต่างว่านางรัก ความจริงไม่ประจักษ์แจ้งจิตร
มาสู้กันใครตายวายชีวิตร นางคงเปนสิทธิ์ของผู้ยัง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนาได้ฟังดังจะคลั่ง
แกว่งบาเดะราญรุกบุกจำบัง ก้าวยั้งย้อนขยับกลับแทง

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาห้าวหาญชาญกำแหง
รับรองป้องกันกลางแปลง กวัดแกว่งผัดผันกันไปมา

ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก เชิด

ช้าหวน เมื่อนั้น นวลนางลำหับเสนหา
แต่ละห้อยคอยหาภัศดา จนเวลาตวันลงไรไร
ไม่เห็นคืนหลังมายังถ้ำ จวนพลบค่ำน่าจะมีเหตุไฉน
นั่งนิ่งรำพึงตลึงตไล นางไม่มีศุขสักนาที

ฯ ๔ คำ ฯ

ร่าย อย่าเลยจะตามไปดู จะเปนอย่างไรอยู่ให้รู้ที่
คิดพลางย่างเยื้องจรลี แลหาสามีทุกแห่งไป

ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว

ทยอย ค้นตามน่าถ้ำลำธาร หาพบพานร่องรอยแห่งไรไม่
นางนิ่งตระหนกตกใจ ตะโกนกู่หวั่นไหวให้สำเนียง
ร้องเรียกเท่าไรไม่ขานรับ หูตรับฟังไปไม่มีเสียง
เดินพลางย่างย่องมองเมียง นางเพียงจะพินาศอนาถใจ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

ร่าย ครั้นค่อยเสื่อมคลายวายโศก กัลยาทุกข์ทนหม่นไหม้
ดัดดั้นมรคาคลาไคล ลงจากเนินไศลถึงลำธาร
เห็นรอยบาทาปรากฎชัด เลาะลัดเลียบน้ำลำลหาน
ค่อยบันเทาเบาเทวศแดดาล เยาวมาลย์ตามรอยจรลี

ฯ ๔ คำ ฯ

ตนาวแปลง เดินทางกลางไพรใจระทึก ไม่วายนึกขุ่นข้องหมองศรี
สงัดเงียบเยียบเย็นเช่นราตรี ปักษีซบเซาเข้ารังรวง
บุบผามาลีที่เคยบาน ก็บันดาลลมโชยโรยร่วง
ให้ร้อนอ้าวผ่าวปลาบวาบทรวง เหงาง่วงหนักหลังไนยนา
มานุคดงลงตีกันริมหาด งูพิศม์เลื้อยผาดผ่านหน้า
เปนลางนางยิ่งหวาดวิญญา แขงใจลีลาคลาไคล

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น รำแก้วตัวดีพี่ผู้ใหญ่
ทั้งปองสองปองสุดแยกกันไป ค้นหานางในพนาลี
เดินเวียนวนไปจนประจวบทาง ต่างคนต่างถามถึงน้องพี่
ตวันเย็นเห็นจวนราตรี ชวนกันกลับที่เคยสำนักนิ์
เดินไปบัดใจก็เห็นหน้า น้องสู้ซมพลาอึกอัก
เข้าแอบไม้มองป้องภักตร์ หยุดนิ่งชงักคอยที

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ฮเนายับย่อยไม่ถอยหนี
สู้กันบันบุกคลุกคลี ต่างมีบาดเจ็บทั้งสองคน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลายับย่อยไม่ถอยย่น
หลบหลีกตอบต่อล่อชน อลวนประชิดไม่คิดกาย

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น รำแก้วคอยเขม้นไม่ขาดสาย
เห็นจวนตัวกลัวน้องจะอันตราย หยิบบอเลามุ่งหมายไม่พริบตา
เอาปุยหุ้มบิลาพลันบรรจุกลอง จดจ้องเล็งหลิ่วนิ่วหน้า
พอเห็นฮเนาห่างออกมา ก็เป่าลูกบิลาโผละไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ บิลามาต้องซมพลา เฉภาะตรงหน้าผากเพียงตักษัย
พิศม์แล่นวิ่งถลาเข้าในไพร มิได้รู้ตำบลหนทาง
พอมาประทะปะลำหับ นางวิ่งเข้ารับพอล้มผาง
ตกใจไม่รู้สึกตัวนาง กอดผัวเข้าพลางตลึงไป

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ซมพลาลืมตาขึ้นมาได้
แลเห็นลำหับทรามไวย ผวากอดเข้าไว้แล้วโศกี

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ปี่ใน โอ้โอ๋ลำหับของเรียมเอ๋ย ทรามเชยผู้เทียมชีวิตรพี่
จะขออำลาเจ้าแล้วคราวนี้ มิได้มีชีวิตรสืบไป
ฮเนาเขาตามสังหาร ก็พอต่อต้านเขาได้
มีผู้ลอบยิงจากในไพร เปนจนใจจำลับดับชีวิตร
พี่ตายจากพรากเจ้าไปทั้งรัก สุดจะหักห้ามวิโยคโศกจิตร
มาทแม้นชีวีพี่ม้วยมิด จงคืนคิดรักใคร่ในฮเนา
เขาคงพิศวาศไม่บาดหมาง จงเสื่อมส่างวิโยคโศกเศร้า
ให้พี่ตายวายพะวงด้วยนงเยาว์ จะหลับตาลาเจ้าบรรไลยลาญ

ฯ ๘ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น นางลำหับเยาวยอดสงสาร
ฟังคำอำลาทุกประการ เยาวมาลย์จะพินาศขาดใจ

ฯ ๒ คำ ฯ

โอ้บูชากุณฑ์ โอ้ว่าซมพลาของเมียเอ๋ย ไฉนเลยมาสั่งดังนี้ได้
พ่อเดาจิตรเมียผิดเปนพ้นไป ด้วยนึกว่าวิไสยเปนนารี
คงกลัวตายหมายแต่จะหาศุข ถึงยามทุกข์เข้าสักหน่อยก็ถอยหนี
อันฝูงหญิงจริงอยู่ย่อมมากมี แต่ใจของน้องนี้ไม่เหมือนกัน
พ่อตายฤๅจะหมายมีผัวใหม่ ให้กินใจกันเปนนิจคิดหวาดหวั่น
ว่าเคยสองคงปองสามไม่ข้ามวัน รศรักนั้นคงจะจางด้วยหมางใจ
รักของน้องปองแต่ให้แท้เที่ยง ไม่หลีกเลียงเข็ดขามตามวิไสย
จะให้พ่อวายชนม์พ้นห่วงใย เมื่อเกิดไหนจะได้พบประสบกัน

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย ร่ำพลางนางฉวยบาเดะมา จากมือซมพลาที่กำมั่น
แทงสอดซอกฅอฉับพลัน มอดม้วยชีวันทันใด

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ซมพลาระทึกอกหมกไหม้
เสียวจิตรพิศม์แล่นตลอดใน โลหิตหลั่งไหลวายปราณ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ฮเนายืนยั้งฟังว่าขาน
ยินสองสั่งกันบันดาล ซาบซ่านสยองพองโลมา
ครั้นเห็นลำหับดับจิตร ซัมพลาม้วยมิดดับสังขาร์
ตลึงอยู่ครู่หนึ่งไม่เจรจา วับวาบปลาบซ่ารู้สึกกาย
ความรักสลักอกอัดอั้น ใจฅอเสียวสั่นระส่ำระสาย
ถลาแล่นไม่ย้งประทังกาย กอดศพโฉมฉายไม่สมประดี

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้ช้า กรรมกรรมลำหับเจ้าพี่เอ๋ย ไม่เห็นเลยว่าจะม้วยเปนผี
พี่รักเจ้าเท่าดวงชีวี หวังมอบชีพมารศรีจึ่งเสาะไป
สู่ขอพ่อแม่ก็ยินยอม พรักพร้อมกันทำการใหญ่
สมคิดควรฤๅมาจากไกล มิได้แจ้งเหตุดีแลร้าย
จึ่งอุส่าห์พยายามตามนาง ไม่จืดจางจงจิตรคิดมุ่งหมาย
พึ่งมาแจ้งประจักษ์เมื่อเจ้าตาย ว่าโฉมฉายสมัครักซมพลา

ฯ ๖ คำ ฯ

สร้อยมยุราตัด แม้นแต่เดิมเริ่มรู้ความตระหนัก จะห้ามหักจิตรไว้ให้นักหนา
ไม่ชิงรักหักหาญดวงกานดา เพราะความแสนเสนหาหักอาไลย
ถึงจะยอมออมอดไม่เอิบเอื้อม ก็ไม่เสื่อมซาคิดพิศมัย
จะฝังรักสลักรูปไว้ภายใน น่าน้อยใจกลับมาพาเจ้าตาย
อันความผิดของพี่นี้เหลือล้ำ ให้ชอกช้ำแสนวิตกอกสลาย
ครวญพลางทางทุ่มทอดกาย กอดศพโฉมฉายเข้าโศกา

ฯ ๖ คำ ฯ โอด

แขกสดายง ค่อยรงับดับกำสรดสลดจิตร นิ่งพินิจนึกสังเวชเปนนักหนา
เอื้อนออกปากชมซมพลา เขาควรนับว่าลูกผู้ชาย
ซื่อตรงจงรักไม่หักหวน จนจวนดับชีพสูญสลาย
ยังไม่เกียจกันเห็นแก่กาย หมายแต่ศุขของสุดาดวงใจ
ตัวกูซึ่งเปนผู้รักคนหนึ่ง ไม่เท่าถึงเทียมเทียบเปรียบเขาได้
ซ้ำเปนผู้ก่อเหตุเภทไภย ให้เขาบรรไลยทั้งสองคน
แม้นมีชีวิตรอยู่ตราบใด นึกขึ้นมาเมื่อไรไม่เปนผล
คงจะพาจริตจิตรวิกล สุดจะทนทรมานสืบไป

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย คิดพลางหมกมุ่นหุนหัน ฉวยบาเดะมาพลันหาช้าไม่
แทงตลอดอกซ้ายทลุใน มอดม้วยบรรไลยเคียงกัน

ฯ ๒ คำ ฯ สระหม่า โอด

๏ เมื่อนั้น รำแก้วตกใจไหวหวั่น
อิกทั้งปองสองปองสุดนั้น วิ่งเข้าไปพลันทันที
กอดศพฮเนาเข้าไว้ พากันร่ำไรอึงมี่
ปิ้มประหนึ่งจะสิ้นสมประดี ทั้งสองศรีครวญคร่ำรำพรรณ

ฯ ๔ คำ ฯ

วิลันดาโอด ดูดุ๊ความรักนักหนาหนอ มาลวงล่อโลมพาคนอาสัญ
ถึงสามศพสยบเรียงเคียงกัน ล้วนทาษรักทั้งนั้นอนาถใจ
แสนสงสารลำหับสาวน้อย บุญใดที่คอยส่งให้
งามโฉมประโลมโลกย์เลิศวิไลย ผูกจิตรชายได้ดังคาวี
กรรมใดบันดาลสังหารเจ้า ให้ผลอยกลืนรักเข้าไปเปนผี
โอ้ซมพลาน่าชมฝีมือมี น้ำใจดีกล้าหาญทานทน
ควรฤๅเราสามตามสังหาร ดังตาโก๊ะทยานไม่ย่อย่น
ตรงต่อรักหักไม่เห็นแก่คน ควรนับว่าเปนคนข้าความรัก
อนิจาฮเนาเจ้าเพื่อนเข็ญ ได้ขุ่นข้องลำเค็ญเพราะรักหนัก
ช่างอาภัพลับหลงจงจิตรนัก ไม่มีส่วนศุขสักหน่อยหนึ่งเลย
อนิจารักกระไรใจจืดเหลือ ไม่แผ่เผื่อผลาญชีพเล่นเฉยเฉย
จงรู้ฤทธิ์รักร้ายอย่าหมายเชย ศพจะเกยก่ายกลาดอนาถใจ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

ร่าย ว่าพลางพี่น้องทั้งสองรา คลอคล่าวน้ำตาหลั่งไหล
นิ่งนั่งตลึงขึงแขงไป ด้วยอาไลยมิใคร่จรลี
แล้วจึ่งตริตรึกปฤกษากัน จะทิ้งศพไว้นั้นไม่ควรที่
เวลาพลบค่ำเข้าราตรี จะเปนเยื่อเสือสีห์สังเวชใจ
จะช่วยกันฝังศพทั้งสาม ตามมีตามเกิดจะทำได้
แล้วชวนกันขุดหลุมที่ซุ้มไม้ กว้างใหญ่พอเพียงเรียงกัน

ฯ ๖ คำ ฯ

ฝรั่งควง ครั้นเสร็จซึ่งการขุดหลุม ช่วยกันอุ้มศพขมีขมัน
ให้นอนข้างเคียงเรียงรัน นางลำหับนั้นให้นอนกลาง
ซมพลาขวาศพโฉมฉาย ฮเนาเบื้องซ้ายเคียงข้าง
หยุดนิ่งพินิจพิศพลาง ไม่เสื่อมส่างโศกเศร้าเหงาใจ
ช่วยกันขนดินมาถมกลบ มิดศพมิให้เสือคุ้ยได้
แล้วชวนกันเก็บดอกไม้ มาเรี่ยรายไว้ด้วยความรัก

ฯ ๖ คำ ฯ นางหงษ์

ร่าย เสร็จแล้วกล่าวคำอำลา โศกเศร้าโศกาเพียงอกหัก
จะจำจากไปอาไลยนัก บ่ายภักตร์บุกป่าคลาไคล

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

โอ้ลาว เดินพลางทางคิดคำนึง ถวิลถึงน้องแล้วร้องไห้
สามราพากันมาในไพร ฤๅจรกลับไปแต่สองเรา
ปะยงทรงกลดเมฆบดบัง ดูดังช่วยวิโยคโศกเศร้า
มองเขม้นเห็นเม็งรังจะเวา นึกว่าเงาน้องยาเจ้ามาตาม
นกแซ้งแซวแจ้วมาเวลาดึก สดุ้งนึกว่าน้องร้องทักถาม
อนิจาปานนี้สักกี่ยาม ให้วาบหวามโรยแรงแขงใจจร
พี่พร้องน้องพร่ำร่ำหา เปลี่ยวเปล่าวิญญาสท้อนถอน
บุกชัฏลัดป่าพนาดร พอเรื่อแสงทินกรก็รีบคลา

ฯ ๘ คำ ฯ โอด เชิด

ร่าย ครั้นรุ่งรางส่างแสงสุริย์ใส ก็ย่างย่องเข้าไปในเคหา
แจ้งการมารดรบิดา ตามเหตุมีมาทุกสิ่งอัน

ฯ ๒ คำ ฯ

แมลงวันทอง เมื่อนั้น สองเงาะฟังบุตรสุดโศกศัลย์
ข้อนอกครวญคร่ำรำพรรณ ลูกทั้งสองนั้นไม่สมประดี

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

ร่าย บรรดาพวกเงาะที่ทับใกล้ ต่างคนตกใจอึงมี่
บอกต่อกันไปไม่ช้าที รู้ทั่วทั้งที่ถิ่นตำบล
พากันรีบมาหามากหลาย มีนายญาบเงาะนั้นเปนต้น
ตองยิบฮอยเงาะทั้งสองคน ดั้นด้นเดินป่ามางกงัน
อิกทั้งเฒ่าซารุนผู้เสียงแห้ง แจ้งว่าซมพลาพลอยอาสัญ
จะใคร่รู้เรื่องราวข่าวสำคัญ ก็พากันมายังบ้านยอปาน

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้งถึงจึ่งชวนกันเข้าไป นั่งแน่นอยู่ในลานบ้าน
ถามข่าวราวเรื่องเหตุการ ตามซึ่งบันดาลเกิดมี

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ยอปานมาเนาะทั้งสองศรี
จึ่งเล่าแถลงแจ้งคดี ว่าเหตุนี้มิน่าจะควรเปน
ลูกข้าตามไปปะซมพลา โกรธาตีต่อก่อเข็ญ
ซมพลาเสียทีหนีเร้น ฮเนาตามไปเห็นลำบากกาย
นางลำหับนั้นประคับประคองอยู่ แล้วจู่ลู่แทงฅอตนสลาย
ซมพลาก็พลอยวอดวาย ลูกข้าก็ตายเพราะแทงตัว
ทั้งนี้เปนต้นเพราะคนคด ประมวญหมดความจริงหญิงมันชั่ว
ชายซื่อเสียเค้าเพราะเมามัว จงเร่งกลัวเร่งไกลใจสัตรี

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เงาะยังฟังคำถ้วนถี่
เห็นว่าน่าจะผูกไพรี จะว่ากล่าวให้ดีด่วนตัดความ

ฯ ๒ คำ ฯ

มอญแปลง คิดแล้วจึ่งมีวาจา นี่แน่ดูราท่านทั้งสาม
เราจะว่าเปนกลางทางที่งาม พิเคราะห์ตามเหตุผลแต่ต้นมา
อันลำหับกับฮเนาเราไม่รู้ ว่าเปนคู่รักใคร่ได้สบหน้า
กลับรคายไปข้างฝ่ายนายซมพลา น่าจะได้ลอบลักรักใคร่กัน
ครั้นผู้ใหญ่จัดให้ได้ผิดคู่ จึ่งจู่ลู่ลักไปในไพรสัณฑ์
ถึงผิดร้ายก็ได้ตายวายชีวัน ใช้โทษทัณฑ์ถึงที่สุดยุติลง
ฝ่ายฮเนาเล่าก็ตายเพราะหมายผิด คลั่งคลุ้มคิดรักใคร่จนใหลหลง
พวกเรายังอย่าคิดจองจิตรจง เร่งเปลื้องปลงอาฆาฏให้ขาดพันธุ์

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สามบิดาเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
ถ้อยทีหายเหือดเดือดดาลกัน สามแม่จาบัลย์บ่นพิปราย

ฯ ๒ คำ ฯ

(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น โอ้ลูกเราสามราเลี้ยงมายาก
  ยามจะพรากเหมือนฟ้าแลบแปลบเดียวหาย
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น น่าสงสารสามแม่ล้วนแก่กาย
  เลี้ยงลูกคล้ายฝูงนกที่กกฟอง
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น ถนอมมากมิให้พรากไปหนไหน
  มาเหมือนไข่กระทบแตกแยกเปนสอง
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น สงสารล้ำน้ำตาอาบหน้านอง
  เหมือนรางรองธารามาแต่ธาร
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น แม่เลี้ยงมาหวังว่าจะฝากร่าง
  มาขาดกลางเหมือนต้นไม้ใครประหาร
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น สงสารนักความรักมาขาดราน
  เหมือนเด็ดก้านบัวสดไม่หมดใย
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น โอ้แต่นี้แม่จะมีแต่ร้อนเร่า
  เหมือนเพลิงเผาลวกลนต้นไม้ไหม้
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น สงสารจริงยิงล้นบ่นพิไร
  เหมือนเชื้อไฟสุมขอนจะร้อนนาน
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น แม่จะเปนเช่นต้นไม้ตายเพราะลูก
  เห็นก็ถูกควรลับดับสังขาร
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น สงสารแท้เห็นไม่รอดคงวอดปราณ
  เหมือนไฟผลาญไพรพนัศเหลือตัดรอน

ฯ ๑๐ คำ ฯ

ร่าย เมื่อนั้น สามบิดาฝ่าฝืนสอื้นอ้อน
คิดจะดับจิตรเศร้าที่เร่าร้อน จึ่งผันผ่อนพรรณาด้วยอาไลย

ฯ ๒ คำ ฯ

(ซารุน) แขกยามดึก โอ้โอ๋ซมพลาช่างกล้าเหลือ
  เข้าแย่งเหยื่อจากปากพยัคฆ์ใหญ่
(ทั้งหมด) ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดน่าเข็ดใจ
  เราพึ่งได้เคยเห็นคนเช่นนี้
(ซารุน) ยังรักหญิงยิ่งกว่ากายจนหายหวง
  กลับเปนห่วงหวังแต่ศุขของโฉมศรี
  บอกให้รักฮเนาว่าเขาดี
  ถึงผิดมีก็ยังเห็นเปนคนตรง
(ทั้งหมด) ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดไม่เข็ดขาม
  จนถึงยามสิ้นชีวิตรน่าพิศวง
(ตองยิบ) โอ้ลำหับดับชีวิตรจิตรมั่นคง
  ไม่พะวงแต่ความศุขสนุกสบาย
(ทั้งหมด) ใจนางเด็ดใจนางเด็ดไม่เข็ดขาม
  ช่างตอบความดียิ่งหญิงทั้งหลาย
(ตองยิบ) ใช้แต่พูดลวงล่อพอห่วงคลาย
  ฆ่าตัวตายมิให้มิตรคิดประวิง
  ไม่กลัวความมรณาช่างกล้าเหลือ
  ดูแปลกเชื้อชาติเช่นที่เปนหญิง
(ทั้งหมด) ใจนางเด็ดใจนางเด็ดดังเพ็ชรจริง
  ใครท้วงติงก็ต้องเห็นว่าเปนพาล
(ยอปาน) อนิจาฮเนาว่าเขลาฤๅ
  ที่แท้ซื่อแสนฉลาดทั้งอาจหาญ
(ทั้งหมด) ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดเข็ดสันดาน
  จับซมพลาแล้วไม่ผลาญเมื่อเผลอตัว
(ยอปาน) รู้ตระหนักว่านางรักข้างคู่แข่ง
  ไม่คิดแย่งยอมให้เขาเปนผัว
  ครั้นนางตายไม่วายรักหักความกลัว
  สู้กลืนกลั้วสัตย์กับรักหักใจมรณ์
(ทั้งหมด) ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดไม่เท็จถอย
  ตรงไม่น้อยไม่เคยเห็นเช่นแต่ก่อน
  ทั้งสามมีดีประเสริฐควรเชิดช้อน
  พอแบ่งผ่อนที่พวกเราว่าเมารัก

ฯ ๑๖ คำ ฯ

(เงาะญาบ) ตลุ่มโปงพี่น้องเอ๋ยที่ว่ามาก็ถูก รวังลูกรวังหลานคอยหาญหัก
เขารักกันจงเจาะเฉภาะภักตร์ ไว้ความหนักให้แก่ผู้อยู่ทั้งมวญ
ไหนจะเศร้าที่เขากำจัดจาก ไหนจะยากจริงไฉนต้องไต่สวน
ไหนผู้ใหญ่ใจละห้อยพลอยแปรปรวน ที่มิควรบาดหมางก็จางกัน
(ทั้งหมด) พูดเปนกลางพูดเปนกลางช่างตรองตรึก
  ความคิดลึกถูกสนิทไม่ผิดผัน
  ควรผูกรักอย่าให้รานสมานพันธุ์
  ผูกให้มั่นสามวงษ์จงเปนเดียว

ฯ ๖ คำ ฯ

(เงาะญาบ) ตะเขิง โอ้พวกเราเหล่าเงาะล้วนเคราะห์ร้าย จะต้องย้ายทับหาที่ป่าเปลี่ยว
เพราะคนตายร้ายเช่นนี้ไม่ดีเจียว ฤๅจะเที่ยวเร่ร่อนควรผ่อนปรน
มาชวนกันคุกเข่ากราบเจ้าป่า ราธนาช่วยระงับดับนิศผล
ให้พวกข้าพ้นไภยใจโสภณ ทั่วทุกคนสามัคคีมีไชยเทอญ

ฯ ๔ คำ ฯ

สิงโตเล่นหาง มาจะกล่าวบทไป ถึงผู้รั้งพัทลุงเปนใหญ่
ตั้งแต่ได้ว่าขานการทั่วไป มีใจโอบอ้อมอารี
ตริไตรในการปกครอง ไปตรวจทุกบ้านช่องท้องที่
จนถึงปลายแดนบูรี อันมีพวกเงาะเลมาะไพร
คอยระงับจับโจรผู้ร้าย มิให้ทำอันตรายกำเริบได้
ราษฎรศุขเกษมเปรมใจ สรรเสริญทั่วไปทั้งภารา

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย วันหนึ่งออกนั่งที่ว่าการ ข้าหลวงพนักงานพร้อมหน้า
ตรวจข้อราชการนานา พอได้เห็นตรามณฑล
ส่งมาแต่เมืองสงขลา จะใคร่แจ้งกิจจาเหตุผล
จับมีดน้อยตัดบัดดล ชักต้นหนังสืออ่านทันใด

ฯ ๔ คำ ฯ

เอกบท ในลักษณ์นั้นว่ามีท้องตรา พระราชสีห์มาสั่งให้
แสวงหาลูกพวกเงาะไพร จะมีใครสมัคภักดี
เลือกให้ได้รูปหมดเหมาะ ตามเพศพวกเงาะถ้วนถี่
ดูฉลาดลาดเลาท่วงที อย่าให้มีบังคับจับกุมกัน
ให้หลวงผู้รั้งตั้งใจ หาถวายให้ได้จงกวดขัน
ถ้าสบดีน่าจะมีรางวัล แม้นได้แม่นมั่นจงบอกไป

ฯ ๖ คำ ฯ

ร่าย ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในสาส์น ผู้รั้งราชการหาช้าไม่
เตรียมตระพาหนะพร้อมไว้ แต่ในเวลาราตรี
ให้หาของต่างต่างอย่างเงาะชอบ หมายมอบจำนวนถ้วนถี่
อิกเสบียงอาหารมากมี พอรุ่งรางส่างศรีจะรีบจร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทนายรับคำสั่งฟังสลอน
พากันมาจัดหาบคอน รีบร้อนสำเร็จเสร็จพลัน

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ สุริยาเรืองรองส่องแสง ผู้รั้งแต่งกายคมสัน
สรวมเสื้อหมวกยศระยับพรรณ จรจรัลมาขึ้นกุญชร
บ่าวไพร่ติดตามหลามหลั่ง หามทั้งเสบียงฟูกหมอน
นำน่านั้นตำรวจภูธร พากันสัญจรรีบไป

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เดินทางหว่างทุ่งวุ้งเขา ล่วงลำเนาถึงชายป่าใหญ่
หยุดที่วัดถ้ำทันใด สั่งให้ปลงช้างลงพัก
บ่าวไพร่เข้าใจเดินทาง ช่วยกันกางเต็นต์เสาปัก
ผูกเชือกระยางกางชัก โยงหลักรัดรวดกวดตึง
พวกทนายคนสนิทคิดอ่าน ผูกเปลสายป่านโยงขึง
พวกทำครัวขั้วต้มอึงคนึง บ้างนั่งอึ้งเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้า

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ บัดนั้น พวกผู้ใหญ่บ้านทั่วหน้า
แจ้งว่าผู้รั้งภารา ออกมาตรวจการด่านทาง
ต่างคนยินดีปรีดา จัดหากล้วยอ้อยหลายอย่าง
ออกมาคำนับรับพลาง แจ้งการต่างต่างทุกสิ่งอัน

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ผู้รั้งฟังคำเกษมสันต์
จึงปฤกษาหารือคนทั้งนั้น จะคิดอ่านผ่อนผันฉันใด
บัดนี้มีพระราชประสงค์ ตรงลูกเงาะป่าจะใคร่ได้
พาไปชุบเลี้ยงในเวียงไชย แต่อย่าให้เปนที่เดือดร้อน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นายสินนุ้ยสนองคำซ้ำผันผ่อน
ว่าพวกเงาะเหล่าชาวดอน ตั้งแต่ไปเมืองนครกลับมา
เชื่องราบลงกว่าแต่ก่อนหย่อนตื่นเต้น ด้วยได้เห็นได้เฝ้าเข้าหน้า
ทั้งได้ลาภสการนานา เพียงพอปราถนาล้วนพึงใจ
ซึ่งจะคิดเกลี้ยกล่อมเอาไปนั้น เห็นจะพอผ่อนผันให้เชื่อได้
เงาะญาบเรียกว่ายังตั้งไว้ ให้เปนหัวน่าดูแล
จะไปตามตัวมาว่าเกลี่ยไกล่ เห็นคงจะหาได้เปนแน่
ข้าจะไปช่วยกันผันแปร สุดแท้แต่จะให้ได้มา

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ผู้รั้งฟังคำผู้ใหญ่ว่า
ชื่นชมสมถวิลจินดา จัดของนานาที่พึงใจ
คือผ้าแดงลูกปัดมีดพับ ตลับหลังกระจกเล็กใหญ่
จอบเสียมเครื่องมือเหล็กไม้ จะได้ไปแจกบ่ายให้ปัน

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น นายสินนุ้ยชื่นชมหฤหรรษ์
อำลาพากันออกไปพลัน หมายมั่นเฉภาะบ้านเงาะยัง

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงขึ้นไปบนทับ เงาะญาบมารับเชิญให้นั่ง
สินนุ้ยแถลงแจ้งให้ฟัง โดยดังผู้รั้งสั่งมา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เงาะยังฟังคำที่ร่ำว่า
นิ่งนั่งดำริห์ตริตรา เห็นว่าเปนเวลาเหมาะดี
ด้วยเกิดเหตุเภทพาลเปนการร้าย พวกเงาะทั้งหลายจะย้ายที่
อ้ายคนังพ่อแม่มันไม่มี ทั้งพี่ชายก็หนีด้วยกลัวไภย
อยู่แต่เด็กสองราน่าสงสาร อ้ายดินการงานพอใช้ได้
อ้ายคนังยังเล็กแม้นพาไป จะอดอยากยากใจในอรัญ
รูปร่างพอใช้ได้ขนาด ทั้งฉลาดท่วงทีคมสัน
จึงว่าอันจะหาเช่นว่านั้น คงจะได้แม่นมั่นมิเปนไร
แต่พวกเงาะนั้นชอบโนรา ขอให้หามาเล่นจงได้
แม้นมันมาข้าจะแกล้งหน่วงไว้ ส่งตัวให้ได้ดังใจจง

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สินนุ้ยชื่นชมสมประสงค์
กำหนดนัดหมายมั่นคง แล้วตรงมายังผู้รั้งราชการ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงกราบเรียนความ ตามที่เงาะยังว่าขาน
เห็นไม่สู้เดือดร้อนรำคาญ ด้วยเด็กนั้นมารดาบิดาตาย
พึ่งเปนกำพร้าไม่ช้านัก สิ้นผู้ปกปักทั้งหลาย
อาไศรยอยู่ด้วยพี่ชาย จะนำไปถวายก็สมควร

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ผู้รั้งได้ฟังก็แย้มสรวล
จึงสั่งทนายพลันวันจวน ให้รีบด่วนคืนหลังยังกลางเมือง
เร่งหาโนราขึ้นมามี เลือกที่โรงดีฦๅเลือง
พาหนะอันใดฝืดเคือง อย่ากลัวเปลืองจ้างให้ได้รีบมา

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทนายรับคำเหนือเกษา
มิได้นิ่งนอนใจไคลคลา มิช้าก็ถึงกลางเมือง

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งไปบอกหา โนรามีฝีมือฦๅเลื่อง
ช่วยขนรับกรับกลองนองเนือง หีบเครื่องลุ้งเทริดของสำคัญ
ตัวลครผ่อนบอกพวกตาเสือ เอื้อเฟื้อทั้งมวญล้วนขยัน
มายอมให้ขี่ฅอหัวร่องัน พากันตรงไปพนาลี

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึงไปอาไศรย ที่บ้านผู้ใหญ่เกษมศรี
ค้างอยู่ในเวลาราตรี พรุ่งนี้จึงจะได้ลงมือ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น เงาะยังผู้ใหญ่ใจซื่อ
เรียกพวกพ้องมาพูดหารือ ต่างอออือเห็นด้วยจะช่วยกัน
จงให้ป่าวร้องพวกศกกอย ใหญ่น้อยทั่วป่าพนาสัณฑ์
จะมีโนราโรงสำคัญ ให้ผายผันมาดูบ่ายวันนี้

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ แตพอบอกนัดบัดใจ พวกศกกอยน้อยใหญ่อึงมี่
เต้นโลดโดดมาด้วยยินดี เต็มที่น่าทับเงาะยัง
แต่อ้ายงอดอ้ายแคไม่แน่จิตร กลัวเขาจับผิดเรื่องหลัง
ลอบหลบตัวไปในไพรรัง เหลือแต่คนังน้องน้อย
กับอ้ายดินได้ยินข่าวมา สองรามิได้รู้ความถ้อย
ดีใจดังจะโดดโลดลอย ชวนกันหยอยหยอยรีบมา

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ ถึงบ้านอ้ายยังพรั่งพร้อม เข้าไปนั่งแวดล้อมสลับหน้า
พูดจาจำโหนทโจตนา ชะเง้อชะแง้แลตามิใคร่พริบ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อ้ายยังนั่งพูดอุบอิบ
กับนายสินนุ้ยคุยกระซิบ งุบงิบย้อนยำทำอุบาย
ร้องว่าบรรดาพวกเด็กเด็ก ยังเล็กเบียดกันมากหลาย
จะเจ็บปวดชอกช้ำระกำกาย ควรขยายให้ขึ้นบนชานเรือน
จะได้ดูการเล่นเห็นถนัด เราช่วยกันคัดดูเถิดเพื่อน
เรียกลูกสาวมาสั่งนั่งเตือน อย่าเฉยเชือนเด็กน้อยคอยดูแล

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พวกร่วมคิดฟังดูรู้กระแส
เห็นว่าญักวัดยังอ่อนแอ เรียกอีฮอลอมแม่อุ้มขึ้นมา
อิกอ้ายคำไลลูกอ้ายโวะ ยังเด็กโอ๊ะโอ๊ะให้นังน่า
อ่ายไม้ไผ่แลคนังทั้งสองรา พากันขึ้นไปไม่พรั่นพรึง

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ฝ่ายพวกโนราพอมาถึง
ปูเสื่อตั้งวงลงเอ็ดอึง แล้วพเน้าพนึงแต่งตัว
เปิดลุ้งขลุกขลักประดักประเดิด หยิบเทริดขึ้นสอดสรวมหัว
นายโรงร้องรับกลับพันพัว กลองรัวรุกกระหน่ำตามทำนอง

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาเล่นโนรา

๏ บัดนั้น พวกศกกอยน้อยใหญ่ทั้งผอง
ดูโนรารื่นรมย์สมปอง นั่งยองยองมองเขม้นอยู่เปนวง
พวกชั้นนอกออกสนุกลุกขึ้นยืน ใจชื้นนึกอร่อยพลอยซัดส่ง
บ้างทำม้าซอยเต้นเปนวงกง ใหลหลงเพลิดเพลินเจริญใจ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น เงาะยังซึ่งเปนหัวน่าใหญ่
หยิบเอาสิ่งของที่กองไว้ มาแจกให้เงาะป่าที่มาคอย
ฝ่ายนางซิเลียผู้ลูกสาว หามะพร้าวเข้าปลากล้วยอ้อย
ออกมาเลี้ยงเฉภาะเงาะน้อยน้อย พากันกินอร่อยสำราญ

ฯ ๔ คำ ฯ เจรา

๏ ครั้นเวลาสุริยาเย็นพยับ ต่างคนต่างกลับไปบ้าน
เผาเผือกเผามันตามสันดาน เปนอาหารกินอยู่พูวาย
พวกเด็กเด็กได้ของกินสิ้นวิตก หลายทอดหลายยกอิ่มเหลือหลาย
ดูโนราสนุกมากมาย นั่งสบายไม่ยัดเยียดเบียดคน
ตกพลบค่ำเข้าก็หาวนอน ดูลเม็งลครไม่เปนผล
ลงพังพาบราบอยู่บัดดล ก็เอนหัวลงกรนหลับไป

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น อ้ายยังยลชอบอัชฌาไศรย
พยักเรียกสินนุ้ยเข้ามาใน อุ้มคนังส่งให้ทั้งนิทรา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น สินนุ้ยยินดีเปนนักหนา
ให้บ่าวรับคนังแบกคลา รีบมาวัดถ้ำที่สำนักนิ์

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น คนังตื่นนอนตกใจหนัก
นิ่งตลึงอึ้งอยู่เปนครู่พัก ไม่ประจักษ์ว่าอยู่แห่งใด
พอรู้สึกนึกกลัวจนตัวแขง ดิ้นเต็มแรงคนอุ้มทนไม่ไหว
ก้นกระแทกเพื่อนประทะเข้าทานไว้ สามสี่คนเข้าไปช่วยกันยึด
ถีบทลึ่งตึงตังไม่ยั้งหยุด ช่วยกันฉุดเหวี่ยงสบัดวัดผึด
โมโหเหะหะฮัดฮึด ปล้ำกันอัดอึดมาส่งเต็นต์

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ผู้รั้งนั่งอ่านหนังสือเล่น
บนเก้าอี้เกษก้มลมเย็นเย็น เงยหน้าขึ้นเห็นปล้ำลูกเงาะ
เห็นจะสมที่ประสงค์จงจำเพาะ ชมว่ารูปร่างช่างเหมาะเจาะ
เห็นจะสมที่ประสงค์จงจำเพาะ พูดปะเหลาะเอาใจให้หายกลัว
หยิบเสื้อผ้ามาแต่งตัวให้ใหม่ หาเพื่อนเล่นให้ชวนยิ้มหัว
จัดของกินมาให้จากในครัว คุมตัวกักไว้ใช้ปลอบโยน

ฯ ๖ คำ ฯ

แขกสุหรัศ ล่วงเวลายามกำดัดดึก คนังนึกถึงทับขยับโผน
พวกที่อยู่รักษาพากันโจน เดินเดียวโทนแทบไล่มิใคร่ทัน
เข้าปลอบพาคืนหลังยังเต็นต์ได้ คราวนี้แกล้งใส่ไคล้ให้ขบขัน
ทำนอนหงายเท้างุ้มหงิกยัน น้ำตานั้นไหลหลั่งพรั่งพราย
แต่เฝ้าหอบปลอบเท่าไรก็ไม่นิ่ง เหมือนเปนลมชักจริงน่าใจหาย
พูดเพ้อพกฟั่นเฟือนเหมือนจะตาย เห็นคนรายรอยจ้องร้องว่าลิง
ให้หวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวไปหมด จะปลอบปลดเปลื้องเท่าไรก็ไม่นิ่ง
จนเหนื่อยอ่อนนอนมัวหัวเอนอิง เกลือกกลิ้งกลอกกลับหลับไป

ฯ ๘ คำ ฯ ตระ

๏ ครั้นเวลารุ่งรางสว่างฟ้า ผู้รั้งเรียกช้างมาหาช้าไม่
ให้โทรมลงตรงขึ้นไปฉับไว สั่งให้ส่งคนังมานั่งเคียง
เด็กน้อยกลัวนี่กระไรไม่เคยเห็น หัวอกเต้นตาพองร้องสุดเสียง
พอถึงหลังนั่งจ้องเฝ้ามองเมียง เดินโยกเอียงกลัวตกตระหนกใจ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

มอญร้องไห้ พอเคยหน่อยค่อยสบายหายหวาดเสียว คนังเหลียวหลังกลืนสอื้นไห้
เสียดายทับนับวันแต่จะไกล แสนอาไลยวงษ์วานว่านเครือ
ห่วงเถื่อนถ้ำลำธารชานไศล เพื่อนไม้ไผ่คู่ชีวิตรคิดถึงเหลือ
เคยเป่านกจับปลามาจานเจือ จะนั่งเบื่อบ่นร่ำทุกค่ำคืน
โอ้ถิ่นถานลานป่าจะลาแล้ว น้ำตาแถวถั่งไหลไห้สอื้น
ผู้รั้งปลอบคนังน้อยค่อยกล้ำกลืน แล้วชวนชื่นชี้ชมพนมวัน

ฯ ๖ คำ ฯ

ชมดงใน ออกชายไพรแลไปสุดสายเนตร เห็นขอบเขตรมิได้มีที่กีดกั้น
น้ำลำปำคดค้อมอ้อมเวียนครัน เขาลูกนั้นอกทลุปรโปร่งตา
ถ้ำคูหาสวรรค์ตรงนั้นแน่ เดินเร็วแท้หน่อยหนึ่งถึงพานสลา
เห็นคนังยังเหงาเศร้าอุรา หยิบเสื้อผ้าหมวกใหม่ให้ใส่ลอง
/133แต่ผลัดเปลี่ยนเวียนไปเปนหลายอย่าง เห็นเสื่อมส่างหงอยเหงาที่เศร้าหมอง
ขับช้างผ่านบ้านสวนชวนเยี่ยมมอง นั่งยิ้มย่องเพลิดเพลินเจริญใจ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

ร่าย ครั้นถึงจวนด่วนลงจากคชสาร พาคนังเข้าบ้านหาช้าไม่
สั่งทนายทั้งนั้นทันใด เราจะให้ทำขวัญในวันนี้
จัดบายศรีนมแมวแล้วเรียกหา แต่บรรดาผู้ใหญ่ใกล้ที่นี่
มาช่วยกันโห่ร้องทั้งฆ้องตี อย่าให้ทันราตรีเร่งเตรียมการ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น หนายคำนับรับบรรหาร
เร่งรัดเต็มทีตาลีตาลาน มิทันนานพร้อมกันดังบัญชา

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ผู้รั้งภิรมย์หรรษา
จึ่งเรียกคนังนั้นออกมา ให้นั่งน่าบายศรีนมแมว
ผู้ทำขวัญนั้นนั่งตรงบายศรี นอกนี้ให้นั่งเรียงเปนแถว
ครั้นพร้อมสำเร็จเสร็จแล้ว สั่งให้จุดแว่นแก้วแววไว

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ตาเฒ่าผู้รู้ครูใหญ่
รับเทียนชนวนติดไฟ มาจุดเทียนไชยฉับพลัน
แล้วนั่งประนมมือหลับตา โอมอ่านคาถาว่าทำขวัญ
จบลาฆ้องลั่นเปนสำคัญ โห่สนั่นไปถ้วนสามครา

ฯ ๔ คำ ฯ ว่าทำขวัญ

มหาฤกษ์ แล้วดับเทียนไชยโบกควัน กระแจะจุณจันทน์เจิมหน้า
เจิมสองไหล่หลังแลอุรา ด้ายขอดกลางมาผูกข้อมือ
เสร็จแล้วอำนวยอวยพร เจริญศุขสถาวรอย่าดึงดื้อ
ให้ทำดีมียศเลื่องฦๅ ออกชื่อระบือนามสืบไป

ฯ ๔ คำ ฯ มหาไชย

ร่าย เสร็จการทำขวัญนายคนัง ผู้รั้งยิ้มแย้มแจ่มใส
สั่งทนายไปพลันทันใด ให้แต่งโรงลครพรุ่งนี้
เขาว่าลครคนชรา มาแต่กรุงเทพอยู่ที่นี่
หามาให้เล่นเห็นจะดี เรื่องราวเข้าทีเกี่ยวกับเงาะ
จับเมื่อทั้งหกไปหาปลา เงาะถอดรูปมาพอเหมาะเจาะ
เขาว่าร้องร่ำลำเพราะ ออกมาเฉภาะพ้องเวลา

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น ทนายรับคำเหนือเกษา
รีบไปจัดการตามบัญชา ไปว่าหาลครพร้อมไว้

ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นเวลาสายแสงสุริยา ลครมาลงโรงหาช้าไม่
จับบทตามกำหนดทันใด เล่นดีนี่กระไรล้วนตัวเปน

ฯ ๒ คำ ฯ เล่นลคร

๏ พระนิพนธ์เงาะป่าว่าตามเค้า คนังเล่าแต่งต่อล้อมันเล่น
ใช้ภาษาเงาะป่าว่ายากเย็น แต่พอเห็นเงื่อนเงาเข้าใจกัน
ทำแปดวันครั้นมาถึงวันศุกร สิ้นสนุกไม่มีที่ข้อขัน
วันที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ ศกร้อยยี่สิบสี่มั่นจบหมดเอย
จบ บทประดิษฐแกล้ง กล่าวกลอน
เรื่อง หลากเล่นลคร ก็ได้
เงาะ ก็อยเกิดในดอน แดนพัท ลุงแฮ
ป่า เปนเรือนยากไร้ ย่อมรู้รักเปน

----------------------------

  1. ๑. ความในวงเล็บนั้นเปนบทลคร ถ้าจะเล่นลครให้เอาตามในวงเล็บนั้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ