คำเริ่ม
จะเริ่มร่างต่างว่าไปเที่ยวป่า | ขึ้นสงขลาตามใจคิดหมายมุ่ง |
แล้วลงเรือมาดใหญ่ไปพัทธลุง | ตามเขตรคุ้งทเลสาบคลื่นราบดี |
แวะเกาะยอซื้อหม้อเขาปั้นขาย | แล้วแจวกรายไปเที่ยวเราะชมเกาะสี่ |
บรรลุถึงพัทธลุงรุ่งราตรี | ออกจากนี้ขึ้นช้างวางเข้าไพร |
ถึงชายแดนแคว้นเขาเข้าหยุดพัก | ที่วัดถ้ำสำนักคนอาไศรย์ |
เที่ยวเล่นตามถิ่นถานบ้านพวกไทย | เขาเล่าไขเรื่องเงาะที่เจาะจง |
จึงวานช่วยพาไปให้ถึงทับ | มันต้อนรับชื่นชมสมประสงค์ |
พบยายลมุดแก่แม่เถ้าดง | ชวนให้ตรงขึ้นไปนั่งยังนอกชาน |
นายสินนุ้ยช่วยพุ้ยภาษาเงาะ | ฟังก็เพราะคล้ายฝรั่งดังฉาดฉาน |
ยายลมุดเล่าความตามเหตุการ | คล้ายนิทานเก่งเหลือไม่เบื่อเลย |
จึงจดจำมาทำเปนกลอนไว้ | หวังมิให้ลืมคำร่ำเฉลย |
แม้นใครอ่านคงจะคิดผิดเช่นเคย | เงาะเงยก็ว่างามหลามแหลกไป |
ที่แต่งไว้หวังจะให้เปนคำเงาะ | เห็นหมดเหมาะงดงามตามวิไสย |
ผู้ใดจะใคร่ฟังเชิญตั้งใจ | วางตัวไว้ว่าเปนเงาะอย่าเยาะมัน |
ช้าปี่๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงเด็กน้อยคนังคนขยัน |
อยู่ทับแทบป่าพนาวัน | ชายเขตรขันธ์พัทธลุงภารา |
บิดรมารดาก็หาไม่ | ดำขาวต้องไฟดับสังขาร์ |
นางควากหอบดิ้นสิ้นชีวา | อยู่ด้วยเชษฐาชื่ออ้ายแค |
มีเพื่อนชอบนักรักใคร่ | ชื่อไม้ไผ่ตัวเต็งเก่งแก๋ |
เคยคบกันไปป่าพาเชือนแช | ตั้งแต่พ่อแม่ยังไม่ตาย |
ฯ ๖ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง๏ วันหนึ่ง | ให้คิดรำพึงถึงสหาย |
จะเจ็บป่วยเปนไรไม่สบาย | จึงมิได้พบหลายวันมา |
จำกูจะไปดูให้ถึงทับ | ที่อยู่ใกล้กันกับปากคูหา |
ชวนมันดั้นดัดพนาวา | เที่ยวเป่าปักษาให้สำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ คิดแล้วเลาะเตี๊ยะตวัดคาด | จับหลอดไม้ผงาดอาจหาญ |
มือกุมก้อนดินเดินทยาน | จากสถานเข้าป่าด้วยว่องไว |
ฯ ๒ คำ ฯ คุกพาทย์ ฤๅ กลม
๏ มาถึง | ยังซึ่งปากช่องคูหาใหญ่ |
ค่อยเดินย่องย่างวางเข้าไป | ที่ในฮอยะมิได้ช้า |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ดีใจเปนหนักหนา |
วิ่งไปกอดฅอพาคลอคลา | เข้ามานั่งในปราไสยทัก |
มีธุระกังวลกลใดเหวย | อย่านิ่งเลยบอกกูรู้ตระหนัก |
แต่มิได้พบพานกันนานนัก | กูคิดถึงเพื่อนรักจะขาดใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นายคนังฟังเพื่อนปราไส |
จึงตอบความตามจิตรที่คิดไว้ | กูจะใคร่ไปชมพนาวา |
จึงมาชวนมึงไปด้วย | จะได้ช่วยกันเป่าปักษา |
เสาะหาตากบตามมรรคา | อิกทั้งกาเบอะในดงดาน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฟังว่า | ไม้ไผ่ปรีดาเกษมสานต์ |
ยืนขึ้นเลาะเติ๊ยะมิทันนาน | ไว้ไกพ๊อกให้ยานประจุดิน |
คว้าบอเลาเป่าลองส่องตลอด | เห็นเกลี้ยงปลอดชื่นชมสมถวิล |
ชวนเพื่อนรักเดินมาไม่ราคิน | ผันผินหากาเหว่าเข้าป่าไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ชมดงนอก ๏ เที่ยวไปในดงพงชัฎ | ล้วนขนัดพฤกษาสูงไสว |
เห็นมุเตียวติดคู่อยู่คบไม้ | ลาเต๊าะไต่ตามกิ่งกินตองตง |
เองแอ๊งแอบพวงอเวยหวาน | ลิงยดบินทยานกินหว้าหลง |
กะเจ๊กลูกเต็มต้นจนหล่นลง | โกวัลวงแวดชายอยู่รายเรียง |
นกแซดแซดซ้องซ้อต้นจอเฮ็ด | จงจิกเมล็ดกินพลางต่างส่งเสียง |
บ้างโผผินบินขยับลงจับเคียง | เปล่งสำเนียงเสนาะยิ่งยืนนิ่งฟัง |
นกตาเอชรเห็จเหินเวหาสูง | เห็นเปนฝูงนับร้อยลอยสพรั่ง |
ที่ริมทางสล้างล้วนต้นกายัง | นกยวังจับรายสุดสายตา |
ยินสำเนียงเพียงเยาะอ้ายเงาะน้อย | ยิงกูหน่อยกูไม่หนียิงสิหวา |
ทั้งสองเงาะอายใจเมินไคลคลา | มันใหญ่กว่าเกินอาวุธสุดเสียดาย |
นางบาซิงเหนี่ยวกิ่งมอเจนโหน | พาลูกน้อยลอยโจนน่าใจหาย |
บาวัดง้างทุเรียนกินปลิ้นเมล็ดคาย | ดูร่างกายกำยำล่ำกว่าคน |
วานรยดแลตายกลูกกกเกาะ | เที่ยวไต่เหราะตามกิ่งช่วงชิงผล |
บ้างจับหมัดปัดแมลงวันคันสกนธ์ | แล่นลุกลนหลบมองมันว่องไว |
ต้นลวายกิ่งชายลงร่มครึ้ม | เสียงพำพึมฝูงเตาโว๊ะโผล่ไสว |
แล้วส่งเสียงปั๋วปั๋วทั่วกิ่งไป | วังเวงใจจ้องเดินดำเนินมา |
ฯ ๑๖ คำ ฯ ลิงโลด
ร่าย๏ ชวนกันด้อมอ้อมหากาเหว่าน้อย | พบนับร้อยบอกกันต่างหรรษา |
มือขวาควักดินพลางย่างย่องคลา | คลึงไคลกับอุราจนกลมดี |
แล้วสอดลูกเข้าไว้ในลำกล้อง | หลิ่วตามองแน่ใจเห็นได้ที่ |
ก็เป่าไปต้องนกตกทันที | ทั้งสองศรียิงซ้ำด้วยชำนาญ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ครั้นได้มากมายหลายสิบนก | ต่างอิ่มอกปรีเปรมเกษมสานต์ |
ดึงเถาวัลย์พันผูกกล้องแทนคาน | พาดไหล่แล่นทยานเหย่าครรไลย |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึง | ยังซึ่งฝั่งธารลหานใหญ่ |
ทั้งสองร้อนรนเปนพ้นไป | ก็ชวนกันลงในลำธาร |
ฯ ๒ คำ ฯเสมอ
สระบุหร่งนอก๏ จับตพดมพร้าววักตักวารี | รดทั่วอินทรีย์อาบสนาน |
นั่งชุ่มแช่เย็นฉ่ำสำรา | น้ำเปนเกลียวเชี่ยวฉานทานกายรับ |
เห็นฝูงปลามาเปนพรวนทวนกระแส | สองเงาะแบมือจ้องเที่ยวมองจับ |
เหยียบศิลากลิ้งกลมลื่นล้มพับ | ลงนอนทับก้นงอนหง่อหัวร่อริก |
โก้งโค้งมองจ้องมือจะช้อนใหม่ | กลัวปลาตกใจไม่กระดิก |
พอได้ทีฉวยผับปลากลับพลิก | ดิ้นดี๊กดี๊กโยนไปไว้กลางทราย |
ปูน้อยน้อยวิ่งร่อยตามริมหาด | ทั้งสองมาดหมายตครุบปุบเปิดหาย |
คอยปากรูปูไม่ทันจะซ่อนกาย | จับได้หลายตัวชักหักก้ามไว้ |
จนเหนื่อยอ่อนร้อนอีกลงนอนขวาง | ที่ในกลางสายชลล้นหลั่งไหล |
แล้วชวนกันชำระสระเหื่อไคล | เร่งผ่องใสแสนสำราญบานกระมล |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
ร่าย๏ เสร็จสนานเลียบธารเที่ยวแลหา | ตามริมท่าหาดใหญ่ใต้ต้นสน |
เห็นร่มรื่นพื้นราบชอบกล | สองคนพากันขึ้นหยุดพัก |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ลมพัดชายเขา๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ใจฅอหน่วงหนัก |
คิดควรชวนคนังเพื่อนรัก | เก็บกิ่งสนหักมาเปนกอง |
ล้วงเหล็กไฟในไกพ๊อกออกตีต่อย | เหมือนหิ่งห้อยแวววับจับชุดจ้อง |
แล้วเป่าฮุดชุดติดตามทำนอง | จุดฟืนทั้งสองช่วยกันซุก |
เอานกหนูปูปลาเข้ามาเผา | พลิกแล้วพลิกเล่าดูจนสุก |
แล้วปันกันกินเล่นเปนกุลียุค | สรวลสนุกเฮฮาประสาใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เส้นเหล้า เจรจา
เส้นเหล้า๏ เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
ฮาในเฮาซีวา | เลเลเอเลลา |
เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
ฮังวิชเบแบมฮา | เลเลเอเลลา |
เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
ตากบลอเกียนนา | เลเลเอเลลา |
เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
ฮอเง็ดกาเคี๊ยดบ๊า | เลเลเอเลลา |
เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
กาเยอะกอเฮ็ดต๋า | เลเลเอเลลา |
เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
ปะเยอเจาะโนรา | เลเลเอเลลา |
เลเลเอเลลา | เลเลเอเลลา |
เหปะเยอวา | เลเลเอเลลา |
แขกไทร๏ ดูมันวิ่งตามกิ่งไทร | ใช่อะไรคือกรา |
มือมันกำผลไม้ | เห็นฤๅไม่นั่นแน่กรา |
วิ่งข้างหน้าวิ่งข้างหลัง | ไม่หยุดยั้งเลยหนอกรา |
เซเรยาต้นโน่น | ลิงทโมนฤๅอ้อกรา |
ต้นเงาะเปลือกแดงแจ๋ | แม้แม้ดูซิกรา |
กอไผ่ใบชอุ่ม | เกาะเปนกลุ่มล้วนแต่กรา |
ต้นไผ่ตายขุย | ดูอุกอุ๋ยอุ๊ยลูกกรา |
ที่กิ่งย้อยหัวห้อยเหนี่ยว | ไม่นึกเสียวเลยฤๅกรา |
ดูมันวิ่งบนกิ่งเสม็ด | ตีนเหนียวเด็ดจริงหวากรา |
โลดโผนโจนร้องแรก | เสียงแจ๊กแจ๊กเจ็บฤๅกรา |
โผล่แผล็บแอบไม้ลับ | กลัวกูจับฤๅอ้ายกรา |
หัวชันยิงฟันขาว | ขู่กูฉาวเจียวอ้ายกรา |
ต้นไม้น้อยห้อยทุกกิ่ง | เอมากจริงฝูงลิงกรา |
อยากนกฤๅอยากมัน | กินด้วยกันหวาอ้ายกรา |
เลียบเลียงเมียงมาใกล้ | เอ้ากูให้มึงอ้ายกรา |
เท่านั้นทีไม่มีหมด | เราจะอดเพราะอ้ายกรา |
สมิงทองมอญ๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงเงาะดอลซมพลาเปนหนุ่มใหญ่ |
มีกำลังวังชาว่องไว | ขึ้นต้นไม้แกล้วกล้าเหมือนวานร |
หกคะเมนเอนหงายกายห้อยโหน | โจมกระโจนร่ายไม้ไม่หยุดหย่อน |
ล่ำสันสมชายทั้งกายกร | เหมือนภมรหมุนคว้างกลางมรคา |
ฯ ๔ คำ ฯ
หกบท๏ แต่เห็นลำหับสาวน้อย | ลูกนางฮอยเงาะเสนหา |
เงาะตองยิบผู้ใหญ่เปนบิดา | ร่วมครรภากับไม้ไผ่วิไลยนัก |
ให้ละห้อยสร้อยเศร้ากำสรวญ | คร่ำครวญวิตกเพียงอกหัก |
ทำไฉนจะได้สมภิรมย์รัก | ด้วยประจักษ์ว่าฮเนาเขาขอไว้ |
บิดรมารดาก็ปรานี | ทำท่วงทีดูเหมือนหนึ่งจะให้ |
อกเอ๋ยจะคิดอ่านประการใด | แม้นมิได้ไม่อยู่ไยดี |
จะโจนน่าผาใหญ่ให้ตายเสีย | ไม่มีเมียอื่นเลยจนเปนผี |
คิดพลางทางเทวศแสนทวี | ดังอัคคีจ่อใจไม่วายวัน |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ ครั้นค่อยเสื่อมคลายวายเทวศ | พอสุริเยศเรืองแรงแสงฉัน |
จึ่งออกจากทับฉับพลัน | ดัดดั้นไปในอรัญวา |
ฯ ๒ คำ ฯ พิราบรอน ฤๅ กราวใน
๏ ถึงกลางไพรใจฅอค่อยเบิกบาน | ปีนทยานขึ้นสู่พฤกษา |
เล่นไม้ห้อยโหนโยนไปมา | ด้วยกำลังกายาว่องไว |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาลุ | ถึงลำพุแถวธารลหานใหญ่ |
เห็นเงาะน้อยสองนายอยู่ชายไม้ | เข้าไปลอบมองจ้องดู |
จำได้ว่าไม้ไผ่กับคนัง | กำลังกินเลี้ยงกันอยู่ |
เห็นช่องชอบกลเปนพ้นรู้ | ก็เดินเข้าไปสู่สองรา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะยินดีเปนนักหนา |
มาเคารพต้อนรับจับพา | ไปนั่งร่มพฤกษาทันใด |
แล้วจัดนกปลามาเผา | สุกแล้วก็เอามาส่งให้ |
เชิญมึงกินเล่นก็เปนไร | พวกกูหาได้ไว้มากมี |
ตัวกูทั้งสองเกษมสานต์ | ซึ่งมึงมาพบพานกูที่นี่ |
จะขอเรียนวิชาให้กล้าดี | เหมือนมึงเช่นนี้จงเมตตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ดอลซมพลาฟังทั้งสองว่า |
ชื่นชมสมถวิลจินดา | จึ่งมีวาจาตอบไป |
กูขอบใจที่มึงให้อาหารนี้ | ใจดีหาใครไม่เหมือนได้ |
วิทยาอาคมใดใด | จะสอนให้สมคิดไม่ปิดบัง |
ว่าพลางทางแก้ตอกนุกออก | เอากระบอกมันนึนั้นมาตั้ง |
เปิดฮอนเล็ดเห็นบิลาลูกกำลัง | แล้วก็นั่งชี้แจงให้แจ้งใจ |
อันบิลานี้ทายางอิโปะ | แม้นเป่าโผละถูกเนื้อที่ตรงไหน |
เปนยาพิศม์โลหิตสูบส้านไป | ไม่มีใครรอดพ้นสักคนเลย |
อันนกใหญ่ใช้ดินไม่อยู่ดอก | กูจะบอกวิธีให้มึงเหวย |
ถึงกาวับตาโก๊ะกูก็เคย | ถูกไม่เงยล้มผับดับชีวา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะนิ่งนั่งฟังว่า |
ตั้งใจพากเพียรเรียนตำรา | หยิบยิลามาลองทั้งสองคน |
เป่าใบไม้ใกล้ใกล้ที่นั่งพัก | ไม่ช้านักเป่าได้ไม่ฉงน |
ซมพลาสอนสั่งให้ตั้งตน | เล็งเป่าสับสนจนชำนาญ |
ฯ ๔ คำ ฯ กระบองกัน เจรจา
๏ เงาะดอลซมพลาจึงว่าไป | เองว่องไวฉลาดหือไม่ดื้อด้าน |
ใช้บิลาเปนเห็นพอการ | แต่จะขลาดฤๅจะหาญยังมิรู้ |
มาไปกับกูดูเที่ยวหา | สัตว์ร้ายนานาที่ต่อสู้ |
กูจะสอนเองไว้จะได้ดู | เห็นกูใช้กำลังวังชา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฟังชวน | สองเงาะสำรวลเริงร่า |
ลุกขึ้นเดินตามกันมา | แลลอดสอดหามฤคร้าย |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงสุมทุมพุ่มพฤกษา | แลหาสำคัญมั่นหมาย |
เห็นตาโก๊ะโตตัวลาย | นอนซุ่มซุ้มหวายในตาวาว |
เงาะน้อยสองคนขนพอง | แอบต้นไม่มองในตาขาว |
เหนี่ยวเลาะเตี๊ยะซมพลาเปนรนาว | งกงันสั่นหนาวอยู่เต็มที |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาห้ามว่าอย่าอึงมี่ |
เองจงแอบซุ่มพุ่มไม้นี้ | กูมิให้เสือมาบีทา |
ว่าพลางทางย่องเข้าไป | แอบโคนไม้ใหญ่ป้องหน้า |
จับกล้องบรรจุลูกบิลา | แล้วหลิ่วตาเล็งเหมาะเป่าเผลาะไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
เห่เชิดฉิ่ง๏ ใจกล้า | ซมพลาหาเคยกลัวไม่ |
มั่นแม่นแขนขาตาไว | เจ้าเชี่ยวชิงไชยชาญเอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ มือคล่อง | เจ้าไวว่องไม่เลือกลาน |
สอดลูกบิลาผลาญ | สังหารยับนับพันเอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แม่นยำ | ไม่พลาดพลำเมื่อยิงยัน |
เล็งหลิ่วแลสำคัญ | แม่นลั่นลูกถูกทุกคราเอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ แขงขึง | รูปผายผึ่งทั้งกายา |
องอาจดังอัยรา | เมามันคว้างกลางไพรเอย |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ บิลาลอยลิ่วปลิวมา | ต้องตาเสือร้ายร้องปี๊บใหญ่ |
ทลึ่งโลดโดดขึ้นบัดใจ | ฟาดล้มไถลเหยียดกราน |
สองเท้าขยี้ตาจนหน้าฉีก | ซมพลาซ้ำอีกด้วยอาจหาญ |
ต้องไหล่รวบล้มซมซาน | แล้วร้องปี๊บเผ่นทยานดังลมพัด |
บัดใจก็ถึงซมพลา | โถมถาเข้าไปตกายกัด |
วงรอบไม้ใหญ่ไล่ลัด | เฉวียนฉวัดเวียนหันกันไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ แทงวิไสย
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาว่องไวใจกล้า |
เวียนไม้ใหญ่จ้องมองตา | เห็นได้ท่าโดดรัดกระหวัดฅอ |
โผนขึ้นหลังพลันเกาะมั่นไว้ | เสือสลัดเท่าใดไม่ย่นย่อ |
เสือกระโดดโลดไปไกลพอ | กลอกหล่อหลังเท่าไรก็ไม่พลัด |
พิศม์อิโปะแล่นไปในโลหิต | หัวขวิดยืนไม่ใคร่ถนัด |
เจ็บเหลือทนจนร้องก้องป่าชัฏ | ทลึ่งโลดหน้าสบัดล้มบรรไลย |
ฯ ๖ ฯ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นเสร็จสังหารพยัคฆา | ซมพลาหาไว้ใจไม่ |
ถอนปรางควานพลันทันใด | มิให้บาดีมีพิศม์ |
แล้วกวักเรียกสองเงาะที่งกเงิ่น | ให้รีบเดินเข้ามาอย่าเบือนบิด |
ตาโก๊ะนี้มันตายวายชีวิตร | กูไม่คิดหลอกหลอนอย่าร้อนใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฟังว่า | สองยังกังขาหาเชื่อไม่ |
ดอลพยักกวักซ้ำเรียกร่ำไร | ค่อยย่องเข้าไปขาสั่นรัว |
เหยียยใบไม้กรอบก็วิ่งกราว | ร้องฉาวโฉไปมิใช่ชั่ว |
เห็นเสือนอนนิ่งไม่ติงตัว | ค่อยคลายกลัวย่องเข้าไปจนใกล้ชิด |
จะให้แน่แหย่ดูด้วยปลายกล้อง | มันนิ่งอยู่ดูทำนองตายสนิท |
นั่งลงแลเล็งเพ่งพินิจ | เหิมจิตรจับต้องลองเปิดตา |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
กราวรำ๏ อาเหืออาเหือเสืออ้ายกะโต | กลิ้งโค่โล่เพราะซมพลา |
หุยฮาหุยถุยแยกเขี้ยว | ดีแต่เคี้ยวคูถอ้ายกรา |
ฮ่าหาฮ่าหาตาถลน | หน้าแยกย่นนิ่งไยรา |
ฉะฉิฉาท่าตกาย | เล็บมึงหายคมฤๅหวา |
โอ๊ยโยะโอ๊ยแย่แผ่แดด | ไฉนไม่แผดเสียงให้จ้า |
เพื่อนเอ๋ยเพื่อนมาช่วยกู | โห่ให้ครูผู้แกล้วกล้า |
รูปก็แก่งแรงก็หนัก | ให้กอดารักจนเปนบ้า |
โห่ฮี้วโห่ฮี้วโห่เห่ | ให้สมคเนอ้ายซมพลา |
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ซมพลาเกษมสันต์หรรษา |
ชักบาเดะคมคู่ชีวา | ตัดเล็บพยัคฆาทันใด |
แล้วชวนสองเงาะเลาะลัดป่า | ตรงมาริมธารที่อาไศรย |
อายน้ำชำระเหื่อไคล | สำราญบานใจในวารี |
ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง
๏ ครั้นเสร็จสนานสอ้านแล้ว | ผ่องแผ้วปรีเปรมเกษมศรี |
ชวนเงาะน้อยนอนเล่นเย็นดี | นึกทวีเทวศในวิญญา |
ฯ ๒ คำ ฯ
พระยาโศก๏ โอ้ลำหับจับอกของเรียมเอ๋ย | ไฉนเลยจะได้สมปราถนา |
แต่วันเห็นไม่เว้นทุกข์ทุกเวลา | มาติตตาเตือนใจให้จำนง |
ทราบว่าเขามีคู่สู้ห้ามหัก | ยิ่งรื้อรักใฝ่ใจจนใหลหลง |
เมื่อยามนอนถอนใจไม่หลับลง | จะปลดปลงเสียด้วยงามเพราะความรัก |
จะคิดผ่อนผันฉันใด | จึงจะให้เจ้าแจ้งจริงประจักษ์ |
แม้นได้ไม้ไผ่เปนสื่อชัก | ท่วงทีดีนักจะได้การ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ คิดพลางทางพูดกับไม้ไผ่ | ซักไซ้เรื่องราวกล่าวถึงบ้าน |
แล้วถามถึงลำหับเยาวมาลย์ | บัดนี้คิดอ่านประการใด |
ว่าฮเนาเขามาขอต่อพ่อแม่ | จริงเช่นนั้นแน่ฤๅไฉน |
แม้นกูรักพ้องต้องใจ | นางจะรักข้างใครใคร่เชยชิด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ตอบความไปตามจิตร |
ฮเนาเขาอวดอิทธิฤทธิ์ | พ่อกูแกคิดจะให้ปัน |
แต่พี่ข้านั้นมันเฉยอยู่ | เห็นไม่สู้รักใคร่ใฝ่ฝัน |
แต่ตัวของกูเองนั้น | ไม่ชอบกันกับฮเนาเขาอวดดี |
แม้นอีลำหับได้กับมึง | จะพึงใจกูสิ้นที่ |
เองเก่งนิกหว่าชาตรี | ทั้งเปนครูกูนี้กูนึกรัก |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ฟังว่า | ซมพลาหัวเราะอยู่คักคัก |
กอดไม้ไผ่กลมชมภักตร์ | แล้วว่าเก่งนักเจียวน้องยา |
ว่าพลางทางสั่งสองศรี | จงอยู่นี่สักหน่อยคอยท่า |
จะไปเก็บมาลีมิให้ช้า | แล้วลีลาแลลอดสอดดู |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
เชิดฉิ่ง๏ เดินกรายร่ายเราะเสาะหา | ดอกจำปูนป่าได้ทั้งคู่ |
อิกดอกฮาปองงามตรู | จะฝากไปให้รู้ว่ารักนาง |
แล้วเอาเล็บเสือที่ตัดใหม่ | เหน็บไว้ในช่อดอกไม้บ้าง |
หวังเปนปฤษณาบอกท่าทาง | ว่าแม้นใครขัดขวางจะต่อตี |
เด็ดใบไก่เถื่อนนั้นมาห่อ | ว่าแม่พ่อไม่ให้จะพาหนี |
ครั้นเสร็จสมถวิลยินดี | กลับมายังที่ทั้งสองพลัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
ร่าย๏ แล้วจึงส่งห่อให้ไม้ไผ่ | เองจงเอาไปขมีขมัน |
ให้แก่ลำหับพี่มึงนั้น | บอกทุกสิ่งอันให้แจ้งใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฟังว่า | ไม้ไผ่อาษาว่าคงได้ |
ตวันเย็นแล้วข้าจะลาไป | ชวนคนังครรไลยมิได้ช้า |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
มอญโยนดาบ๏ เมื่อนั้น | ซมพลาเกษมสันต์หรรษา |
แลตามไม้ไผ่ไปลับตา | ตริตรารำพึงคนึงใน |
ถ้อยยำคำมั่นสัญญา | เห็นไม่เสียวาจาไม้ไผ่ |
แล้วหวนนึกอนาถหวาดใจ | กลัวจะไม่สมถวิลจินดา |
ด้วยฮเนาเขากว้างข้างชาวบ้าน | จะคิดอ่านช่วยกันนั้นนักหนา |
ถึงลำหับรับสวาดิสมวิญญา | ไหนจะกล้าขัดผู้ใหญ่ที่ให้ปัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ตามกวาง๏ อนิจาโอ้ว่าตัวกู | จะสู้เขาได้ที่ไหนนั้น |
แม้นเขาได้ไปก็อายครัน | ถึงจะม้วยชีวันก็ไม่คิด |
จำจะไปในป่าเสาะหาที่ | คูหาลับลี้ให้สนิท |
จะไปมาท่าทางมิดชิด | เมื่อสุดฤทธิแล้วจะลักพากันไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ตริเสร็จรเห็จเข้าไพรสณฑ์ | แสวงหาตำบลที่อาไศรย |
ทั่วทุกถ้ำธารที่ในไพร | จัดที่พักไว้ดังจินดา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด เพลงเร็ว เพลงฉิ่ง จีนรัว
จีนรำพัด๏ ชื่นใจ | ที่เงาไม้ราบร่มลมพัดฉิว |
หอมกระถินกลิ่นไกลใจริ้วริ้ว | ฤๅใครลิ่วลมแฉลบมาแอบมอง |
โลกยนี้มีอไรที่ไม่คู่ | ได้เห็นอยู่ทั่วถ้วนล้วนเปนสอง |
ดวงจันทรนั้นยังมีอาทิตย์ปอง | เดินพบพ้องบางคราวเมื่อเช้าเย็น |
ตัวเราเหงาอยู่ในโพรงไม้ | พระไพรมีอยู่ไม่รู้เห็น |
ยลแต่ฝูงสัตว์หลายไม่วายเว้น | เปนเพื่อนเล่นพอสบายคลายกังวล |
รมาดไม่อยากหนามฤๅยามนี้ | มายวนยีรำรับกันสับสน |
น้อยฤๅนั้นสองเสือก็เบื่อคน | หมีหยุดค้นผึ้งรวงไม่ห่วงใย |
เจ้ากวางทองนั้นไม่ปองผลมะลื่น | ลองเชิงชื่นชมกันอยู่หวั่นไหว |
ถึงเราเดียวก็ไม่เปลี่ยวดวงฤไทย | อยู่ในกลางสมุนที่คุ้นเอย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เชิด
ต้นเพลงฉิ่ง๏ เมื่อนั้น | นางลำหับเยาวยอดเสนหา |
แต่ไม้ไผ่มาแถลงแจ้งกิจจา | ว่าซมพลาปองจะใคร่เปนไมตรี |
นางนึกหวาดหวั่นพรั่นใจ | ครั้นจะโต้ตอบไฉนก็ใช่ที่ |
จะเลยลุกลามไปไม่ดี | มารศรีมิได้จำนรรจา |
ฯ ๔ คำ ฯ
จำปาทองเทศ๏ นั่งเหนือแผ่นผาที่น่าถ้ำ | เท้าราน้ำเอนอิงพิงพฤกษา |
ตวันชายฉายน้ำอร่ามตา | ตกตามซอกศิลาซ่ากระจาย |
ที่น้ำอับลับช่องมองเห็นพื้น | ปลาน้อยน้อยลอยดื่นดูแหล่หลาย |
พ่นน้ำฟูเปนลอองต้องแมลงตาย | ตกเรี่ยรายเปนภักษาน่าเอ็นดู |
ยามลมตกนกร้องซ้องแซ่เสียง | เสนาะเพียงลำนำเฉื่อยฉ่ำหู |
ลำดวนดงส่งกลิ่นประทิ่นชู | นางโฉมตรูฟังเพลงวังเวงใจ |
ประจงจับจะเข้ป่ามาลองเสียง | ดีดสำเนียงไพเราะห์เสนาะใส |
แล้วบรรเลงลำนำคำคมใน | เงาะไม้ไผ่สดับเสียงนั่งเอียงฅอ |
ฯ ๘ คำ ฯ
จีนแส๏ มัจฉา | ช่างฉลาดเสาะหาอาหารหนอ |
ไฉนไม่ปรีชากล้าเพียงพอ | มาล่อปากปักษาที่ถาลง |
สกุณาตาดีฉนี้แล้ว | ยังไม่แคล้วบอเลาเจ้าช่างหลง |
อันมนุษย์สุดฉลาดทั้งอาจอง | อย่างวยงงให้เหมือนสัตว์บัดสีเอย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ไม้ไผ่ฟังคำที่ร่ำขับ | ช่างเพราะจับใจสวาดิฉลาดเฉลย |
ซ่อนเงื่อนงำจำไว้ไม่พิเปรย | เสแสร้งเอ่ยโดยอุบายย้ายสำนวน |
เมื่อวานนี้ที่ในไพรน้องไปเห็น | ตันไม้เปนดอกขาวราวกับสวน |
ได้ตั้งใจไว้ว่าจะมาชวน | ข้าเห็นควรไปเก็บเล่นให้เย็นใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางลำหับเชื่อสนิทไม่คิดไหว |
จึ่งว่านะสั่งไว้ให้พี่ไป | ขุดมันหัวใหญ่ที่ยังค้าง |
อยู่แถวเดียวกับที่มีบุบผา | คงจะสมปราถนาทั้งสองอย่าง |
พรุ่งนี้เช้าเจ้ามาไปเปนเพื่อนทาง | ว่าแล้วนางเข้าในทับหับใบบาน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ใจฅอห้าวหาญ |
สมจิตรคิดไว้เห็นได้การ | ก็รีบรันลนลานวิ่งไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งแจ้งแก่ซมพลา | บัดนี้จะมาบอกลาภใหญ่ |
พรุ่งนี้พี่ข้าจะเข้าไพร | เจ้ามาคงได้พบพูดกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาปรีเปรมเกษมสันต์ |
จึ่งว่าข้าจะชวนคนังนั้น | ให้มันไปด้วยช่วยดูคน |
กูจะไปซ่อนซุ่มพุ่มฮอนเตา | ชวนนางเข้าไปให้ใกล้ต้น |
กูขอบใจเองเปนล้นพ้น | จะรักกันไปจนสิ้นชีวา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ดีใจเปนนักหนา |
รับรองถ้อยคำแล้วอำลา | กลับมาที่อยู่มิได้นาน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
พม่าเห่๏ เมื่อนั้น | ซมพลากล้าแกล้วอาจหาญ |
ยินดีปรีดาเหลือประมาณ | ตริการที่จะไปใกล้อรุณ |
ปิดประตูขัดกลอนนอนในที่ | ไม่หลับจิตรใจให้ว้าวุ่น |
แสงปะยงลงตามใบไม้พรุน | ขยับหมุ่นฉวยบอเลาจะเข้าดง |
ออกนอกทับกลับเห็นยังราตรี | ป่วนฤดีดาลจิตรพิศวง |
เมื่อไรจะรุ่งแจ้งแสงสุริยง | ตลึงหลงมิได้หลับกับไสยา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ตวงพระธาตุ๏ ดวงปะยงลงอับลับไศล | อรุณไขขาวกระจ่างกลางเวหา |
อุไทยส่องแสงทองรองเรืองตา | ปักษาแซ่ร้องจากรังเรียง |
มานุคไพรไขขันสนั่นก้อง | ดุเหว่าร้องไพเราะห์เสนาะเสียง |
เรไรหมู่ภู่แมลงหวี่มีสำเนียง | เสนาะเพียงขับขานบรรสานพิณ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ลงสรงมอญ๏ จึงชำระสรรสนานสำราญอาตม์ | ที่รางพาดมาแต่ธารลหานหิน |
วารีไหลใสสอาดปราศมลทิน | ระคนกลิ่นเกสรขจรกระจาย |
เลาะเตี๊ยะแต่งแบ่งไว้ชายน่าหลัง | ชักกลีบบังขามิดสนิทหาย |
คาดมันนึสายแนบดูแยบคาย | จับบอเลากรีดกรายเดินออกมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ร่าย๏ เห็นคนังนั่งคอยอยู่น่าทับ | ก็ต้อนรับพูดกันต่างหรรษา |
แล้วชวนเดินดั้นดัดลัดวนา | ไปคอยรุกขฉายาตามนัดไว้ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
สร้อยสนตัด๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับพิศมัย |
ครั้นรุ่งรางสางแสงอโณทัย | ทรามวัยแต่งตัวไม่มัวมอม |
สรวมมะกล่ำกำไลสายสร้อย | ตุ้มหูพวงห้อยดอกไม้หอม |
หวีไม้ไผ่บรรจงเปนวงค้อม | ล้วนลายย้อมเหน็บประดับรับมวย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ แล้วจับจองคล้องไหล่ไว้เบื้องหลัง | ไม่รุงรังเข้าทีดูดีสวย |
ชวนไม้ไผ่ลีลาศนาดนวย | รื่นรวยเข้าในดงพงพี |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว
๏ ครั้นถึงซึ่งที่มีบุบผา | ดวงสุดาปรีเปรมเกษมศรี |
กรีดเล็บเก็บพวงสุมาลี | นารีขับเพลงวังเวงใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
สมิงทอง๏ ยามเช้า | อุระเราชื่นแช่มแจ่มใส |
สู้บุกป่ามาดมชมดอกไม้ | ข้าขอบใจมาลีที่เบิกบาน |
ล้วนอารีมิให้เรามาเก้อ | เผยเผยอกลีบประทิ่นกลิ่นหอมหวาน |
สายหยุดดกย้อยห้อยพวงยาน | กลิ่นทราบซ่านนาสาดอกน่าเชย |
มลิวันพันกอพฤกษาดาด | เหมือนผ้าลาดขาวลออหนอน้องเอ๋ย |
รศคนธ์ขึ้นเปนดงอย่าหลงเลย | กำลังเผยกลีบเกสรสลอนชู |
โน่นแน่อุ๊ยสารภีไม่มีใบ | เหมือนต้นไม้ทองตั้งอยู่ทั้งคู่ |
แมลงล้อมตอมว่อนเสียงหวี่วู | ไม่มีผู้ช่วยสอยน้อยใจเอย |
ฯ ๘ คำ ฯ
แขกมอญบางช้าง๏ มาลี | ดอกดังสีบานเย็นเห็นฤๅไม่ |
ผีเสื้อร่อนว่อนอยู่ดูวิไลย | งามกระไรหนอผีเสื้อช่างเหลืองาม |
กินอะไรเกิดที่ไหนผีเสื้อเอ๋ย | อย่าบิดเลยตอบต่อที่ข้อถาม |
น้องจะได้ไปเกิดไปกินตาม | ให้อร่ามเหมือนผีเสื้อเหลือสวยเอย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ไม้ไผ่ฟังดังหนึ่งจะยืนหลับ | ตกใจวับวาบจิตรคิดเขินขวย |
ซมพลาแอบไม้ชม้อยพลอยงงงวย | จะใคร่ชวยชายไปให้ใกล้นาง |
ขยั้นยั้งฟังเพราะเสนาะล้ำ | เสียงเหมือนน้ำเพ็ชร์รัตนจรัสกระจ่าง |
สมรูปทรงนงนุชสุดสำอาง | ไม่ควรขวางยามขับจับวิญญา |
กระหยิ่มมองจ้องเขม็งตาไม่พริบ | ดังลอยลิบอยู่ในกลางหว่างเวลา |
เด็กคนังนั่งชม้อยพลอยหลับตา | ทั้งสองราตลึงไปไม่ไหวติง |
ฯ ๖ คำ ฯ
สร้อยสน๏ นางลำหับจับเด็ดดวงบุบผา | เที่ยวซอกซอนเสาะหาประสาหญิง |
ไม้ไผ่สอยลอยหล่นมามากจริง | ช่วยโน้มกิ่งช่อใหญ่ให้ใกล้นาง |
แสนสำราญบานกระมลจนหลงใหล | เหนี่ยวกิ่งไม้ไม่คิดจิตรขนาง |
จับต้องงูจู่ลงที่ตรงกลาง | ทั้งหัวหางกระหวัดรัดแขนพัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ นางตกใจร้องกรีดหวีดผวา | หมายว่าชีวาม้วยอาสัญ |
ล้มลงยังพื้นแผ่นดินพลัน | ไม้ไผ่ผันผินร้องก้องพงไพร |
ซมพลาวิ่งถลาเข้ามาถึง | เอามือดึงงูกระชากลากออกได้ |
คว่างลงแล้วทุบด้วยท่อนไม้ | ป่นไปกับที่มิได้นาน |
เหลียวเห็นลำหับหลับตานิ่ง | นึกว่าตายจริงแสนสงสาร |
เข้าช้อนนางวางตักตลีตลาน | สรวมกอดเยาวมาลย์เข้าโศกา |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
คลื่นกระทบฝั่ง๏ ครั้นพินิจพิศดูทั่วกาย | ไม่มีรอยระคายก็หรรษา |
รู้ว่านางไม่ม้วยชีวา | กัลยาลมจับด้วยตกใจ |
จึงสั่งให้คนังไปหาน้ำ | ที่ในลำธารนั้นมาให้ |
ประพรมลูบทั่วตัวทรามไวย | ไม้ไผ่โบกปัดพัดวี |
ฯ ๔ คำ ฯ รัว
กาเรียนทอง๏ เมื่อนั้น | นางลำหับยอดมิ่งมารศรี |
ต้องน้ำฉ่ำชื่นอินทรีย์ | ก็คงคืนสมประดีมีมา |
เห็นซมพลามานั่งกอดประทับ | ให้นึกอับอายใจเปนนักหนา |
เลื่อนจากตักพลันมิทันช้า | ก้มหน้าไม่เหลือบแลไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลายิ่งคิดพิสมัย |
จึ่งเล้าโลมถามทรามไวย | เปนใดจึ่งสิ้นสมประดี |
บัดนี้มีอาการเปนไฉน | ฤๅค่อยคลายใจมารศรี |
แม้นเจ้ามอดม้วยชีวี | อันตัวพี่นี้จะตายตาม |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางลำหับนบนอบตอบคำถาม |
ข้าไม่ทันรู้ตัวมัวเหมือนคราม | ก็สิ้นความรู้สึกสมประดี |
ซึ่งเมตตามาช่วยชีวิตรไว้ | มิให้มอดม้วยเปนผี |
จะคิดคุณทุกเวลาราตรี | ตราบสิ้นชีวีวายปราณ |
แต่ข้อที่ว่าจะตายตาม | ขอห้ามอย่าให้มากล่าวขาน |
ไม่มีข้อควรเปนเห็นเกินการ | ขอประทานโทษที่ทัดขัดไว้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
ชาตรี๏ เมื่อนั้น | ซมพลายิ้มแย้มแจ่มใส |
จึ่งว่ามิได้แกล้งแสร้งใส่ไคล้ | ไม้ไผ่รู้เห็นเปนพยาน |
อันความรักก็ประจักษ์แก่ใจเจ้า | แต่นงเยาว์ไม่เมตตาจึ่งว่าขาน |
ชล่าใจเพราะได้เห็นเหตุบันดาล | ให้เจ้าพานพบเคราะเห์เฉภาะเปน |
ชรอยฤทธิ์นางไม้ไพรพฤกษา | แปลงเปนงูจู่มามิให้เห็น |
ไม่ทำร้ายหมายพิฆาฏมาดลำเค็ญ | จะชี้เช่นพอให้รู้ว่าคู่นาง |
เพราะฉนี้พี่จึ่งกล้าว่าเต็มปาก | จะขอฝากรักน้องอย่าหมองหมาง |
เจ้าจงใคร่ครวญคิดอย่าจิตรจาง | พี่ขอวางชีพไว้ในกัลยา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ไวว่องคล่องนักหนา |
แจ้งใจในทีมีอัชฌา | ชวนคนังออกมาที่ต้นทาง |
คอยเดินกรายตรวจดูผู้คน | จะเดินด้นเลาะลัดมาขัดขวาง |
เล่นสิลอล่อหากันไปพลาง | วิ่งวางหลบมองว่องไว |
ฯ ๔ คำ ฯ
ตุ๊กตาแกว่งฉลาก๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับพิศมัย |
สนองคำซมพลาประหม่าใจ | ด้วยตริตรึกนึกในให้เห็นจริง |
แต่เสแสร้งแกล้งกล่าววาจา | ช่างว่าฉนี้ได้ไม่นึกกริ่ง |
แม้นเทวาว่าคู่ควรแอบอิง | ไยจึ่งนิ่งให้ฮเนาเขาขอร้อง |
จนบิดายกให้ได้นัดงาน | พึ่งซมซานมานำทำให้หมอง |
เปนจนใจไม่รู้ที่จะปรองดอง | อย่าได้ข้องเคืองขัดอัธยา |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้โลม๏ แสนฉลาด | ช่างตัดขาดซอกซอนค่อนว่า |
จะว่าไปไยเล่าถึงเทวา | เมื่อไม่เห็นแก่ตาปรากฎมี |
แต่ความรักนั้นประจักษ์ในดวงจิตร | นิ่มสนิทจงเชื่อน้ำใจพี่ |
จะยากเย็นเปนตายร้ายฤๅดี | ไม่ทอดทิ้งมารศรีจะติดตาม |
แม้นสู่ขอพ่อแม่ไม่ยอมให้ | จะลักไปเดินป่าพนาหนาม |
จงตอบรักสักนิดอย่ายืดความ | ไม่ลวนลามให้น้องได้หมองมัว |
ฯ ๖ คำ ฯ
ต้นตนาว๏ จนจิตร | ข้าไม่เคยคิดจะมีผัว |
ฝ่ายฮเนาเขาก็ไม่ได้ใกล้ตัว | จะดีชั่วฉันใดก็ไม่รู้ |
ถึงตัวเจ้าเล่าก็ไม่ได้นึกรัก | ไม้ไผ่ชักนำเฉลยก็เฉยอยู่ |
นี่เจ้ากรรมนำให้มาพบงู | เจ้าจึ่งจู่เข้ามาว่าให้น่าอาย |
คิดถึงบุญคุณมีช่วยชีวิตร | จะจงจิตรรักเจ้าไม่จางหาย |
เปนสัจจากว่าชีวิตรจะวอดวาย | ข้าบรรยายตอบเสร็จจงเมตตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
สร้อยเพลง๏ เมื่อนั้น | ซมพลาเห็นสมปราถนา |
จึ่งเปลื้องพวงนาคพตที่ผูกมา | ให้กัลยาสรวมไว้ได้กันงู |
แล้วปลอบเปลื้องมกล่ำกำไล | ที่นางสรวมใส่ข้อมืออยู่ |
ขอไปชมพลางต่างโฉมตรู | คิดถึงเจ้าจะได้ชูขึ้นชมเชย |
ฯ ๔ คำ ฯ
บหลิ่ม๏ แล้วช่วยกันกรีดเล็บเก็บบุบผา | ตกเสียเปนนักหนาแน่น้องเอ๋ย |
เก็บเสียใหม่ของเก่าอย่าเอาเลย | กลิ่นรเหยชอกช้ำรยำเยิน |
แถวโน้นแน่แม้ช่อช่างน่ารัก | พี่จะหักให้ทั้งกิ่งอย่านิ่งเขิน |
อะไรเล่าเฝ้าแต่ทำเมียงเมิน | ต่างเพลิดเพลินยวนยีปรีดา |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
เขมรขอทาน๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงตาวางซองเงาะป่า |
แต่ว่างเว้นเปนม่ายหลายปีมา | อายุหกสิบห้ายังว่องไว |
เรรวนป่วนปั่นกระศัลย์จิตร | เฝ้าคิดจะมีเมียใหม่ |
ตาจองลองหัวล้านว่าบรรไลย | นางถิ่งเมียไม่สู้แก่นัก |
อายุราวสักห้าสิบสี่ | ท่วงทีคมสันฟันพึ่งหัก |
ได้เกี้ยวพาราษีทีจะรัก | แต่ลูกหลานคลุกคลักไม่ชอบกล |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ นัดกันว่าจะไปพูดปฤกษา | ที่ไร่มันกลางป่าพนาสณฑ์ |
ครั้นรุ่งแจ้งแสงศรีสุริยน | ก็ชวนกันสองคนเดินเข้าไพร |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
เพลงกระบอก๏ เดินมา | สองปรีดาชื่นแช่มแจ่มใส |
เห็นชบาป่าบานตระการใจ | เก็บให้นางชมดมทัด |
พบมะม่วงเข้าไคลจับไม้สอย | ถูกรังมดตะนอยมันต่อยกัด |
มือลูบมดล่อยค่อยเลือกคัด | เถาวัลมัดพวงใหญ่ส่งให้น้อง |
ท่านยายรับจับพวงมะม่วงห่าม | ลูกงามงามกระหยิ่มยิ้มย่อง |
มดยังติดต่อยยายตะกายร้อง | ตาวางซองตกใจกระไรเลย |
เข้าลูบมือถือไหล่ปัดไปทั่ว | อ้ายมดตัวอุบาทว์แท้อุแม่เอ๋ย |
นางว่าหมดแล้วอย่าคลำทำเหมือนเคย | ต่างพิเปรยปราไสยกันไปมา |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | สองเงาะไม่หยุดหย่อนเล่นซ่อนหา |
คนังซุ่มซุ้มเงาเถาลัดดา | ไม้ไผ่ตาแลลอดเที่ยวสอดมอง |
แว่วเสียงตากับยายหมายว่าหมี | พึมพำอยู่ตรงนี้ค่อยย่างย่อง |
ใจทึกทึกนึกกลัวขนหัวพอง | นั่งยองยองภาวนาว่าออกเลือน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ตาวางซองชื่นใจใครจะเหมือน |
ชวนยายถิ่งเที่ยวป่าพาเชือน | ยิ้มเยือนหยอกเย้าเซ้าซี้ |
เที่ยวเสาะหาสุมทุมที่พุ่มชิด | ร่มมิดบังแสงสุริยศรี |
จะได้เริ่มปฤกษาพาที | กระจู๋กระจี๋ลวนลามตามสบาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ตกใจยังไม่หาย |
พอเหลือบไปเห็นหน้าตากับยาย | กลั้นหัวเกือบตายจนตัวโกง |
พอคล้อยไปให้หลังบังกอไผ่ | ดีใจทลึ่งโลดโดดโหยง |
ไปพบอ้ายคนังยังโก้งโค้ง | ถูกตัวต้องร้องโยงเสียงโด่งดัง |
ไม้ไผ่ปิดปากกระชากฉุด | จงนิ่งหยุดอย่าเพริดระเสิดระสัง |
เล่าเรื่องราวข่าวขันให้เพื่อนฟัง | แล้วตามหลังสกดรอยไปคอยมอง |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เจ้าชู้ผู้ใหญ่ทั้งสอง |
ยินดีมีใจปรองดอง | ย่างย่องเข้าไปในซุ้มไทร |
หักใบกล้วยป่ามาปูนั่ง | กลิ้งขอนไม้ตั้งต่างหมอนใหญ่ |
ตาวางซองเอกเขนกนั่งพิไร | โอภาปราไสยเปนไมตรี |
ฯ ๔ คำ ฯ
จีนต่อยมะพร้าว๏ บุญชัก | เจ้าจงแจ้งประจักษ์น้ำใจพี่ |
ช้านานประมาณสักสิบสี่ปี | พี่ได้ยลมารศรีที่ยะลอ |
ให้บังเกิดกำหนัดประหวัดหวัง | เจียนจะคลั่งนอนเหงาเฝ้าจอนจ่อ |
เจ้ามีคู่อยู่ครองจึงต้องรอ | ได้บนต่อต้นกอกันแต่นั้นมา |
อันนางไม้ใจเย็นเห็นฤๅไม่ | นิ่งเสียได้ถึงสิบสี่พะวะษา |
ถึงเริศร้างค้างรักแรมอยู่ช้า | ไม่สุดสิ้นเสนหายิ่งเพิ่มพูล |
พี่จะขอร่วมจิตรพิศวาศ | จนชีวาตม์วอดวายทำลายสูญ |
ช่วยกันเลี้ยงลูกเต้าเผ่าประยูร | อนุกูลกันแลกันจนวันตาย |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นางถิ่งเงาะฟังคำร่ำขยาย |
ดัดจริตว้ายวุ้ยตกุยตกาย | ชำเลืองชายตาตอบให้ชอบที |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ปากหวาน | ขี้คร้านเคืองหูจู้จี้ |
แต่เห็นสวยมาได้สิบสี่ปี | ถึงป่านนี้มันก็กลายหายงาม |
จนแก่เฒ่างกงันฟันหัก | ยังจะมาผูกรักให้รุ่มร่าม |
เจ้าจะรักไปถึงไหนให้ครั่นคร้าม | พวกเด็กเด็กมันจะหยามให้ได้อาย |
จนนางไม้ก็ไม่อยากได้สินบน | เพราะท่านไม่เชื่อคนจะถวาย |
ข้าต้องไม่เชื่อบ้างอย่าซังตาย | ทำแยบคายค้อนควักยักหน้าตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะแหวกมองช่องพฤกษา |
นึกคนองลองเอาลูกไม้ปา | พอเห็นท่าสบเหมาะปาเปาะไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
โลมนอก | ๏ ปากจัด |
เฝ้าสบิ้งสบัดไปถึงไหน | |
ร่าย | อะไรตกนี่หนออ่อลูกไม้ |
เห็นจะเปนพระไทรท่านแกล้งเย้า | |
โลมนอก | เจ้าประมาทน้ำหน้าว่านางไม้ |
ไม่เชื่อพี่นี่อะไรดูเถิดเอ้า | |
สู้แสร้งปาลูกไม้มาให้เรา | |
ร่าย | เอะเอาลงมาอิกฤๅอย่างไร |
โลมนอก | จงเก็บไว้เปนพยานการสำคัญ |
ได้เทวัญเปนสักขีมีที่ไหน | |
ซึ่งว่าฟันหักจะเสียไป | |
ร่าย | มาอิกหลายใบเจียวคราวนี้ |
ลองชิมลิ้มดูหวานอยู่แฮะ | |
โลมนอก | ใช่จะแคะค่อนว่ามารศรี |
กลับหน้าตาจิ้มลิ้มจุ๋มจิ๋มดี | |
เมื่อก่อนมีเหยินงอกออกเสียงาม | |
น้อยฤๅน้องต้องตัวเฝ้าสดุ้ง | |
ร่าย | เอะยุ่งมาปึงปึงหนึ่งสองสาม |
นี่เทวดาเห็นว่าเราตะกลาม | |
เลยหยาบหยามแกล้งปามาร่ำไป | |
โลมนอก | อันบุรุษสัตรีนี่เหมือนมด |
มันเหลืออดจะไม่ชิมลิ้มหวานได้ | |
จงโอนอ่อนผ่อนหามีอาไลย | |
ร่าย | เอะปาใหญ่เสียแล้วพอละขอรับ |
โลมนอก | ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า |
ร่าย | เอะเจ้ายังปามาปับปับ |
หัวหูนอช้ำรยำยับ | |
อยู่ไม่ได้จะต้องกลับทับเสียที | |
ว่าพลางต่างลุกขึนเก้กัง | |
ให้หลังกลัวจริงออกวิ่งจี๋ | |
จงได้โปรดยกโทษเถิดคราวนี้ | |
ไม่มาทำย่ำยีจนวันตาย |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
เชิดนอก๏ เมื่อนั้น | คนังกับไม้ไผ่ก็ใจหาย |
พรั่นตัวกลัวเจอะตากับยาย | วิ่งตกายเข้าไปอยู่ในรก |
ซมพลาลำหับสดับเสียง | เข้ายืนเมียงไม้ซ่อนแล้วข้อนอก |
นึกว่าพ่อมาจับวิ่งกลับวก | สท้านสทกแล่นแยกแตกกันไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ นางลำหับกลับเข้ามาทางบ้าน | พอได้พบพานกับไม้ไผ่ |
ชวนกันดั้นป่าคลาไคล | รีบเข้าในทับหับห้องนอน |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ฝรั่งคู่๏ เอนอิงพิงหมอนนอนอนาถ | นึกหวั่นหวาดเสียวทรวงสท้อนถอน |
โอ้อกเราคราวเคราะห์เฉภาะจร | เกือบม้วยมรณ์แล้วมิหนำซ้ำมลทิน |
เกิดเปนหญิงจริงสำหรับรับอดสู | สุดจะกู้แก้กายให้หายกลิ่น |
แม้นได้กับซมพลาก็ราคิน | เขารู้สิ้นว่าคู่ครองของฮเนา |
ได้คู่เก่าเล่าก็ร้ายน่าอายเหลือ | เขาถูกเนื้อจับต้องเหมือนของเขา |
ยังเอาสัตย์รับซ้ำกรรมของเรา | จะรู้เอาหน้าแฝงไว้แห่งไร |
กรรมเอ๋ยกรรมลำหับอัประภาค | ช่างแสนยากวางจิตรคิดไฉน |
จะละร้างขว้างกังวลไว้หนใด | จึงจะได้ความสบายหายรำคาญ |
ฯ ๘ คำ ฯ
พันธุ์ฝรั่ง๏ คิดไปใจหนึ่งก็นึกขัน | เปนไฉนงูพันแล้วไม่ผลาญ |
ฤๅอารักษ์ริแถลงแกล้งบันดาล | จะให้พานพบสู่คู่ซมพลา |
ไม่เคยนึกรักใคร่ใจยังเฉย | จะจำเคยเสียกระมังชังนักหนา |
จะชวดสอดตุ้มหูที่ตรูตา | เสียดายหน้าจะสิ้นใสไร้มาลี |
ค่อยเทจองลองเลือกบุบผาหอม | ดังปรุงย้อมสรรพสิ้นทั้งกลิ่นสี |
รศคนธ์ปนกลิ่นสารภี | ช่อใหญ่นี้แลนักหนาเฝ้ามาเตือน |
ให้เห็นมือคนหักประจักษ์จับ | สุดจะขับแค้นใจใครจะเหมือน |
ไปเสียบซ่อนเสียให้ไกลได้แลเลือน | นางฟั่นเฟือนง่วงเหงาเศร้าอุรา |
ฯ ๘ คำ ฯ
หรุ่ม๏ เมื่อนั้น | ยอปานเงาะผู้ใหญ่ใจกล้า |
แต่ขอสู่ลูกสาวตองยิบมา | จะให้เปนภรรยานายฮเนา |
ให้นึกชื่นชมสมหวัง | จะได้ปลูกฝังลูกเต้า |
คิดจะทำการใหญ่ไม่เบา | ให้เขาเลื่องชื่อฦๅชา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ตริพลางทางเรียกลูกชาย | คือนายรำแก้วแกล้วกล้า |
ทั้งปองสองปองสุดเข้ามา | ปฤกษาหารือกะการ |
ให้ไปบอกเฒ่าญาบผู้เปนใหญ่ | อยู่ในพวกเงาะทั้งหมู่บ้าน |
ทั้งคนที่แลกหากันมานาน | ล้วนท่านผู้เมตตาปรานี |
คือพ่อสินนุ้ยแลพ่อเวก | ตัวเอกมั่งคั่งดังเศรษฐี |
อิกพ่อสมุนยักษ์ผู้ใหญ่ดี | อิกพ่ออ่อนอารีมีใจรัก |
พ่อแก้วพ่อแสงแม้นแจ้งการ | คงจะช่วยคิดอ่านไม่หาญหัก |
ส่วนพวกเราเท่าไรอย่าได้พัก | บอกแจ้งให้ประจักษ์กันทุกตน |
ให้ตัดเตยตัดหวายไปแลกของ | ตามต้องการอย่าให้ขัดสน |
แล้วจัดที่แต่งงานการมงคล | ที่ลานต้นตะเคียนกว้างอย่างโบราณ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
( ร่าย๏ ตริพลางทางเรียกลูกชาย | คือนายรำแก้วแกล้วกล้า ) |
( ทั้งปองสองปองสุดเข้ามา | ปฤกษาหารือกะการ )๑ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองบุตรฟังบิดาว่าขาน |
ยินดีปรีดาพ้นประมาณ | ออกมาจัดการทุกสิ่งอัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ พวกหนึ่งนั้นเข้าไปในป่า | ตัดหวายตะค้าเปนจ้าลหวั่น |
ตัดเตยมามัดผูกพัน | พากันไปแลกของนานา |
พวกหนึ่งนั้นไปเที่ยวป่าวร้อง | พวกพ้องให้รู้ทั่วหน้า |
กำหนดนัดวันสัญญา | ให้มากินเลี้ยงในวันงาน |
พวกครัวเตรียมวัวแลควายไว้ | ได้ฤกษ์เมื่อใดจะสังหาร |
ทำมัจฉมังษาสุราบาน | พร้อมทุกประการมิทันช้า |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
( ๏ เมื่อนั้น | สองบุตรฟังบิดาว่าขาน ) |
( ยินดีปรีดาพ้นประมาณ | ออกมาจัดการมิได้ช้า ) |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อันที่วิวาหมงคล | จัดไว้ใต้ต้นตะเคียนป่า |
โคนเติบแปดอ้อมมหิมา | ร่มรุกขฉายาเปนลานเตียน |
ช่วยกันทุบปราบราบรื่น | โรยทรายรายพื้นให้แลเลี่ยน |
แต่งไม่รอบขอบเขตรแนบเนียน | ตัดทางอ้อมเวียนไม่วงวน |
บ้างปลูกแคร่แม่พ่อแลบ่าวสาว | เกรียวกราวขนรับสับสน |
ช่วยกันมากมายหลายสิบคน | บัดดลก็เสร็จดังจินดา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะซึ่งเปนหัวน่า |
ไปหาพ่อเล่าแถลงแจ้งกิจจา | การนั้นข้าจัดพร้อมพรัก |
ฯ ๒ คำ ฯ
( ๏ อันที่วิวาหมงคล | จัดไว้ใต้ต้นตะเคียนป่า ) |
( กระบือเผือกผลไม้นานา | ทั้งสุราเมไรยไชยบาน ) |
( ส่งข่าวเล่าบอกทั่วถึง | เตรียมกันอื้ออึงทั้งหมู่บ้าน ) |
( ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพมิทันนาน | ไปแจ้งการบิดาว่าพร้อมพรัก ) |
๏ เมื่อนั้น | ยอปานฟังแถลงแจ้งประจักษ์ |
ยินดีปรีดาเปนพ้นนัก | ออกจากที่พักไปจัดพล |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ยานี๏ ให้อ้ายเป็ดคำนั้นออกน่า | เหน็บพร้ามือถือกิ่งสน |
ยังพวกสหายอิกหกคน | ถือบาเดะรำวนเวียนไป |
เพื่อนอิกสี่คนนั้นให้ถือ | หอกสำหรับมือยาวใหญ่ |
เดินเคียงสองข้างเจ้าบ่าวไซร้ | นอกนั้นให้คอยเดินตาม |
ล้วนคาดมันนึถือกล้อง | พวกพ้องห้อมแห่แลหลาม |
ยืนคอยเวลาฤกษ์ยาม | ในสนามน่าทับสับสนกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่ายใน๏ เมื่อนั้น | ยอปานเรี่ยวแรงแขงขัน |
จึงสั่งลูกชายฮเนานั้น | ให้แต่งตัวคมสันตามทำนอง |
ฯ ๒ คำ ฯ
โทน๏ อาบน้ำชำระสระสาง | ล้างลอองธุลีที่ติดต้อง |
แล้วนุ่งเลาะเตี๊ยะใยยอง | สดแดงแสงส่องเพียงบาดตา |
ไว้ไกพ๊อกกอเลาะดูเหมาะเหมง | เชิงนักเลงกลีบตกป้องปกขา |
มาไลยฮาปองยาวราวสักวา | กระหวัดชายซ้ายขวาเวี่ยวง |
คาดมันนึลายนาบอาบสี | เปนนาคีกระหนกวิหคหงษ์ |
จับบอเลาเหลืองอร่ามงามบรรจง | อาจองยุรยาตรนาดกราย |
ฯ ๖ คำ ฯ ฉุยฉาย
ฉุยฉาย๏ ผ้าห้อยปล่อยกระจาย | แต่ใจชายยังริ้วริ้ว |
นุ่งโมรีสีแดงฉูดฉาด | ขาวม้าเขียวคาดเข้าไว้ออกติ้ว |
ลมพัดสบัดต้องฟ่องปลิว | หญิงฤๅจะไม่ลิ่วติดคิ้วพรู |
นวยนาด๏ อกไหล่ผายผงาด | องอาจไม่มีใครคู่ |
วาดแขนกรีดกรายซ้ายขวา | ทั้งปากทั้งตาเปนเชิงเจ้าชู้ |
หนุ่มหนุ่มด้วยกันไม่ขันสูู้ | ลาหลีกลู่หลบละลาน |
ปลื้มใจ๏ ช่างกรีดก้อยร้อยมาไลย | หมายใจจะไปแต่งงาน |
จำปูนจำปีจำปาสารภี | ล้วนมาลีกลิ่นหอมหวาน |
กระตุ้งกระติ้งห้อยทิ้งพวงยาน | ใครใกล้ให้เบิกบานตระการใจ |
อกเต้น๏ ทักทักทึกทึกนึกเขม้น | จะใคร่เห็นเจ้าทรามไวย |
ได้พบในฝันมันไม่เหมือนจริง | ใจเจ้าจะนิ่งอยู่ได้ไฉน |
หน้ากรุ้มกริ่มยิ้มลไม | จะซ่อนเท่าไรมันไม่มิดเม้น |
๏ แม่ศรีเอย | แม่ศรีบานเย็น |
พี่ได้เคยเห็น | นั่งกับแม่ฮอยเงาะ |
แม่แกนิ่วหน้า | น้ำตาลงเผาะเผาะ |
งอนง้อฉอเลาะ | เหลือละแม่ศรีเอย |
๏ แม่รวยระรื่นเอย | |
เมื่อยามแช่มชื่น | ซ่อนยิ้มยวนยี |
ยักยิ้มมันยังฟ้อง | ว่านางน้องเจ้ายินดี |
น่ารักเต็มที | แม่รวยระรื่นเอย |
๏ แม่มีมารยาตรเอย | |
งามพิศงามผาด | นั่งลุกเดินยืน |
ไม่สู้เร็วไม่สู้ช้า | ดีกว่าคนอื่น |
พี่พิศจิตรชื่น | รักมารยาตรเอย |
๏ แม่พูดเพราะเอย | |
น้ำเสียงช่างเสนาะ | เหมือนหนึ่งใจพี่จะขาด |
ฟังเจ้าร้องลำนำ | ยิ่งซ้ำพิศวาศ |
พี่ไม่วายหมายมาท | รักแม่เสียงเพราะเอย |
ร่าย๏ บิดาดำเนินเดินน่า | ถัดมาพี่น้องรองลำดับ |
เพื่อนบ่าวทั้งสองประคองประคับ | อ้ายฮวยท้อมกับอ้ายดิอุง |
เจ้าบ่าวเดินกลางหว่างสองเพื่อน | ไม่คลาดเคลื่อนซ้อนซับสลับยุ่ง |
พวกพ้องตามพรูเปนหมู่มุง | หมายมุ่งมายังที่ทำวิวาห์ |
ฯ ๔ คำ ฯ กราวนอก
กราว๏ เงาะน้อยเงาะใหญ่ไปคึกคึก | อกทึกเลื่อนลั่นสนั่นป่า |
เต้นโลดลากเลือกเหลือกตา | ตบขาเขย่งเก็งกอย |
จั๊บจั๊บปังปังประดังเสียง | ดังแผ่นดินจะเอียงทรุดด้อย |
กวัดแกว่งบอเลาเป่าลูกลอย | ถูกนกตกผลอยแย่งกันพรู |
ตีกลองปะตุงตุ้งตุ้งผลง | อิแนะส่งเสียงเพราะเสนาะหู |
ค่างลิงยิงฟันหูชันชู | ตุ่นอ้นอุดอู้ลงอยู่โพรง |
รมาดเม่นหมูหมีเที่ยวหนีเร้น | เยียงผายลเผ่นไหล่ผาโหยง |
ควายเถื่อนถึกกระทิงวิ่งตะโพง | เสือโคร่งโดดผับไปลับตา |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงหยุดที่ลานใหญ่ | ใต้ต้นตะเคียนพร้อมหน้า |
คอยพวกเจ้าสาวที่จะมา | ต่างคนพูดจาประสาใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว เจรจา
ช้างประสานงา๏ เมื่อนั้น | ตองยิบซึ่งเปนเงาะผู้ใหญ่ |
ตั้งแต่รับผ้าคู่สู่ขอไว้ | ตริไตรในกิจการวิวาห์ |
ครั้นใกล้กำหนดฤกษ์ยาม | มีความยินดีเปนนักหนา |
เรียกลูกชายพลันมิทันช้า | เข้ามาปฤกษาหารือ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ให้จัดกระบวนควรครรไลย | เชิญผู้รักใคร่นับถือ |
แห่ห้อมล้อมไปให้เลื่องฦๅ | จะได้มีชื่อสืบไป |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เองแองฟังแจ้งแถลงไข |
จึ่งลาบิดาคลาไคล | จัดกระบวนไว้ที่น่าทับ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
( ช้างประสานงา๏ เมื่อนั้น | ตองยิบซึ่งเปนเงาะผู้ใหญ่ ) |
(ตั้งแต่รับผ้าคู่สู่ขอไว้ | ตริไตรในกิจการวิวาห์) |
( ครั้นใกล้กำหนดฤกษ์ยาม | มีความยินดีเปนนักหนา ) |
( ชวนลูกร่วมใจไคลคลา | ออกมาจัดนารีที่น่าทับ ) |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
แปะเล่ชุน๏ สาวนำนั้นมือถือดอกไม้ | ช่อใหญ่งามดีสีสลับ |
รำฟ้อนร่อนรายเรียงรับ | หันเวียนเปลี่ยนสับกันหกนาง |
จัดสี่นารี่ที่เปนสาว | ถือหางละลวยยาวคนละหาง |
เลือกเพื่อนสาวสองสวยสำอาง | ให้เดินเคียงข้างเจ้าสาวไป |
นางทองยิมทองยวงดวงหน้าแจ่ม | แต่งแต้มงามงดสดใส |
กระบวนหลังล้วนแต่กำดอกไม้ | แจกให้คนละสองฟายมือ |
หมดสิ้นทั้งกระบวนแต่ล้วนหญิง | เสียงหนุงหนิงพูดกันสนั่นอื้อ |
บ้างลองรำให้สันทัดหัดปรือ | เทอดถือคอยท่าจะคลาไคล |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
( แปะเล่ชุน๏ สาวนำนั้นมือถือดอกไม้ | ช่อใหญ่งามดีสีสลับ ) |
( รำฟ้อนร่อนรายเวียงรับ | หันเวียนเปลี่ยนสับกันหกนาง ) |
( จัดสี่นารี่ที่เปนสาว | ถือหางละลวยยาวคนละหาง ) |
( เลือกเพื่อนสาวสองสวยสำอาง | ให้เดินเคียงข้างเจ้าสาวไป ) |
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับพิศมัย |
ปิดประตูอยู่ที่ทับหลังใน | จักใบกายังนั่งตะบอย |
สานสมุกใส่หมากฝากไปแลก | ของแปลกแปลกน้อยใหญ่ที่ใช้สอย |
ชักดอกดวงเด่นเปนลายลอย | เส้นน้อยน้อยสนิทดีมีราคา |
ทราบว่าบิดากำหนดการ | จะแต่งงานผู้คนเซ็งซ่า |
นิ่งนั่งคั่งคับในอุรา | กัลยาร้อนรนเปนพ้นคิด |
ฯ ๖ คำ ฯ
( ร่าย๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับพิศมัย ) |
( ปิดประตูอยู่ที่ทับหลังใน | มิได้มีศุขสักเวลา ) |
( ทราบว่าบิดากำหนดการ | จะแต่งงานผู้คนเซ็งซ่า ) |
( นิ่งนั่งคั่งคับในอุรา | กัลยาร้อนรนเปนพ้นคิด ) |
ฯ ๔ คำ ฯ
นางครวญ๏ อนิจาครานี้นะอกกู | มิรู้ที่จะคิดเบี่ยงบิด |
เห็นจะมิพ้นอายเพราะชายชิด | จะเฝ้ารักชีวิตรไปไยมี |
แม้นจะรอต่อเสร็จการวิวาห์ | เห็นท่าจะไม่ได้ม้วยเปนผี |
สุดจะรักษาตนพ้นราคี | ตายเสียวันนี้จะพ้นไภย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ธรณีร้องไห้๏ คิดพลางนางแสนโศกสร้อย | ชลเนตรหยาดย้อยลามไหล |
โอว่าอารักษ์รุกขใด | สร้างให้ข้าน้อยนี้เกิดมา |
ไฉนนิ่งทิ้งเสียสิ้นสงสาร | ไม่บำรุงบริหารรักษา |
แล้วมิหนำจำให้ม้วยชีวา | ด้วยความทุกข์เวทนาอาไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ทเลบ้า๏ สงสารฮเนาเจ้าคนซื่อ | หมายมั่นปั้นมือแล้วมิได้ |
ใช่ชั่วช้าน่าชังอย่างใด | ข้าไม่คิดเคียดเกลียดกลัว |
แต่จะให้ร่วมรักสมัคหมาย | ก็เหลืออายเหลือทนเปนคนชั่ว |
โอ้สงสารซมพลาหน้าจะมัว | ได้ต้องตัวนับว่าเหมือนสามี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ปราสาททอง๏ นึกไปก็ให้เหนงฤๅแกล้งเล่น | พอให้เปนมลทินสิ้นราษี |
จึ่งเพิกเฉยเลยสละละดังนี้ | เหลือที่จะหยั่งชั่งใจ |
สังเวชจิตรเอ๋ยจิตรเฝ้าคิดเห็น | ว่าซมพลาหาเปนเช่นนั้นไม่ |
น่าจะแสนโศกศัลย์เพียงบรรไลย | ไม่แน่ใจเหมือนชนกชนนี |
คงไม่ทนทุกข์ได้ไปถึงไหน | จะตายตามลูกไปเปนผี |
ร่ำพลางนางแสนโศกี | เพียงว่าชีวีจะมรณา |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
( ปราสาททอง๏ โอ้บิดรมารดาน่าสงสาร | จะรำคาญขุ่นข้องหมองศรี ) |
( ร่ำพลางนางแสนโศกี | เพียงว่าชีวีจะมรณา ) |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ร้อนใจเปนนักหนา |
เห็นเขาวุ่นทั้งบ้านการวิวาห์ | ก็ไปบอกซมพลาให้แจ้งใจ |
ซมพลาสั่งมาให้บอกนาง | ว่าหาละวางให้เขาไม่ |
ครั้นเห็นว่างคนก็เข้าไป | นั่งใกล้ลำหับเห็นโศกี |
จึ่งแจ้งว่าซมพลาให้มาบอก | ว่าจะคิดยักยอกพาหนี |
คอยอยู่ยังมิได้ท่วงที | ถ้าแขงขัดบัดนี้จะสงกา |
ซึ่งบิดาจะพาไปแต่งงาน | ให้ทำเปนเบิกบานหรรษา |
แล้วจะคิดผ่อนผันด้วยปัญญา | อย่าให้อาวรณ์ร้อนใจ |
ฯ ๘ คำ ฯ
( ๏ เมื่อนั้น | ไม้ไผ่ร้อนใจเปนนักหนา ) |
( ครั้นแห็นว่างคนก็เข้ามา | นั่งใกล้กัลยาเห็นโศกี ) |
( จึ่งแจ้งว่าซมพลาให้มาบอก | ว่าจะคิดยักยอกพาหนี ) |
( ในการวิวาห์ครานี้ | อย่าทำท่วงทีให้กินใจ ) |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับพิศมัย |
ฟังสิ้นยินดีเปนพ้นไป | ดังได้ผ้าแดงสักร้อยพับ |
เช็ดน้ำตาพลางทางว่า | มาบอกช้าชีวิตรคงจะดับ |
ครั้งนี้รอดตายหายแค้นคับ | พูดกับไม้ไผ่ไปมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
( ๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับพิศมัย ) |
( ฟังสิ้นยินดีเปนพ้นไป | ดังได้ผ้าแดงสักรอยตรา ) |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ตองยิบผู้ใหญ่ใจกล้า |
เห็นบ่ายบังควรจวนเวลา | จึ่งเรียกภรรยามาสั่งพลัน |
เร่งให้ไปแต่งตัวลำหับ | ให้งามสรรพเหมือนอย่างนางสวรรค์ |
พวกพ้องพี่น้องมาพร้อมกัน | จะได้ไปให้ทันฤกษ์พา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางฮอยเงาะได้ฟังผัวว่า |
ชืนชมสมถวิลจินดา | ก็เข้ามาในทับฉับไว |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงกล่าววาจา | ปลอบลูกดวงตาพิศมัย |
เจ้าจงรงับดับอายไว้ | มาแต่งตัวให้วิไลยลออตา |
ฯ ๒ คำ ฯ
( ๏ เมื่อนั้น | ตองยิบผู้ใหญ่ใจกล้า) |
( เห็นบ่ายบังควรจวนเวลา | สั่งให้เต่งกายาทรามไวย ) |
ฯ ๒ คำ ฯ
( ๏ เมื่อนั้น | นางฮอยเงาะยิ้มแย้มแจ่มใส ) |
( เรียกบุตรีมาที่ทับภายใน | แต่งตัวให้วิไลยลออตา ) |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ชมตลาด๏ ให้อาบน้ำชำระกายหมดจด | ขมิ้นสดปรุงประทิ่นกลิ่นบุบผา |
หอมชื่นรื่นรวยสวยกายา | นุ่งผ้าฮอลีสีแดง |
ห่มซิไบไว้รอบอุระรัด | สาวกำดัดครัดเคร่งเปล่งปลาบแสง |
สรวมกำไลมกล่ำน้อยร้อยพลิกแพลง | แล้วตกแต่งมาไลยใส่สรวมตัว |
วงกระหวัดรัดเอวแล้วโอบบ่า | ล้วนบุบผากลิ่นกลบตระหลบทั่ว |
หวีไม้ไผ่ลายช่องไม่หมองมัว | สอดแซมหัวสำหรับรับผมมวย |
ฮาปองป่าจัดมาสอดแซมผม | ของนิยมแดงเด่นเห็นสระสวย |
ดอกจำปูนเปนตุ้มหูดูรื่นรวย | แล้วทอดกรอ่อนระทวยดำเนินมา |
ฯ ๘ คำ ฯ เสมอ
ร่ายใน๏ เมื่อนั้น | ตองยิบยินดีเปนนักหนา |
เห็นแต่งตัวสอดคล้องต้องตา | ประคองพาเข้ากระบวนชวนดำเนิน |
บิดรมารดาออกน่านำ | แล้วนางลำหับดังหงษ์เหิน |
เพื่อนสาวทั้งสองประคองเชิญ | ทีสเทินย่างเยื้องชำเลืองแล |
เหล่ากระบวนสัตรีที่คอยอยู่ | ก็พรั่งพรูแวดล้อมห้อมแห่ |
ต่างฟ้อนรำทำกระบวนปรวนแปร | ขับร้องซร้องแซ่เดินนาดนวย |
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
( ร่ายใน๏ เพื่อนสาวสัตรีที่คอยอยู่ | ก็พรั่งพรูแวดล้อมพร้อมหน้า ) |
( ขับรำทำจริตกิริยา | เดินโดยมรคานาดนวย ) |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
เพลงช้า๏ ยามชาย | พระพายพัดมารวยรวย |
สาวน้อยน้อยพลอยแต่งสวย | จะไปช่วยการวิวาห์ |
กำดอกไม้เต็มฟายมือ | บ้างทัดบ้างถือแย่งยื้อไปมา |
กลิ่นของใครหอมฟุ้งขจร | ขอดมเสียก่อนเถิดหล่อนจ๋า |
ตกออกกลาดดาษดา | น่าเสียดายนี่สุดใจ |
เจ้าของดอกไม้ว่าอย่านะ | ฉันไม่ละว่าใครใคร |
มาลักดมชมดอกไม้ | จะว่าให้ได้อับอาย |
นางเงาะแก่จึงร้องไป | ว่าอย่าให้มันมากมาย |
ขอเสียเถิดอย่าวุ่นวาย | งามจะหายเหื่อไคลย้อยเอย ๚ะ |
๏ โอ๊ะเฮเฮเหเฮเฮ | เห่เฮเฮเฮ้เห่ ๚ะ |
เพลงเร็ว๏ ช้าหน่อยแม่นางก็อยเอย | อย่าทำใจน้อยหน้าตาบูดบึ้ง |
ยิ้มเสียให้แฉ่งอย่าแสร้งมึนตึง | ช้าหน่อยแม่นางก็อยเอย ๚ะ |
๏ ช้านิดแม่ชื่นจิตรเอย | อย่าใส่จริตกระดุ้งกระดิ้ง |
ดอกไม้หอมกรุ่นฉุนฤๅจะทิ้ง | ช้านิดแม่ชื่นจิตรเอย ๚ะ |
๏ ช้าอืดแม่นางอืดเอย | ตามกันเปนยืดยักไหล่ฟ้อนรำ |
อย่าให้ช้านักจักเสียลำนำ | ช้าอืดแม่นางอืดเอย ๚ะ |
๏ ช้าไว้แม่ชื่นใจเอย | รวังอกไหล่อย่าให้ประทะ |
จะเกิดรำคาญขี้คร้านเอะอะ | ช้าไว้แม่ชื่นใจเอย ๚ะ |
๏ อย่าแค้นแม่แสนงอนเอย | เวียนแต่ควักค้อนผูกคิ้วนิ่วหน้า |
ผัดอิกหน่อยหนึ่งให้ถึงเวลา | อย่าแค้นแม่แสนงอนเอย ๚ะ |
๏ ชะต้าแม่ตาคมเอย | อย่าทำเก้อก้มเมียงเมินเขินขวย |
เหลือบมาสักนิดขอพิศตาสวย | ชะต้าแม่ตาคมเอย ๚ะ |
๏ หนอยแน่แม่กินรเอย | รำร่ายฟายฟ้อนให้ต้องจังหวะ |
อย่าทำตั้วเตี้ยจะเสียระยะ | หนอยแน่แม่กินรเอย ๚ะ |
๏ ถึงแล้วแม่แก้วตาเอย | เหนื่อยนักฤๅจ๋าเหื่อตกซิกซิก |
หยุดพักเสียทียังมีบทอิก | ถึงแล้วแม่แก้วตาเอย ๚ะ |
ร่าย๏ ครั้นถึงลานรีที่ประชุม | เห็นคนชุมนุมอยู่ไสว |
นางขวยเขินสเทินหฤทัย | ตามบิดาเข้าไปไม่คลาดคลา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝูงชนซึ่งประชุมพร้อมหน้า |
เห็นเจ้าสาวดำเนินเดินมา | ก็พากันเฮฮาโห่ร้อง |
ยอปานเจ้างานมาทายทัก | อารีรักเอาใจมิให้หมอง |
เชิญไปนั่งแคร่ที่มีสำรอง | เหล่าพวกพ้องห้อมล้อมอยู่พร้อมเพรียง |
ผู้แก่ผู้เฒ่าเข้านั่งหน้า | ถัดออกมาหนุ่มสาวฉาวฉ่าเสียง |
นางลำหับเมินชม้ายอายเอียง | แลเลี่ยงชำเลืองไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ นาคเกี่ยว
ลาวปีนตลิ่ง๏ เมื่อนั้น | ฮเนาเกษมสันต์หรรษา |
เห็นโฉมลำหับกัลยา | โสภาพริ้งพร้อมลม่อมลไม |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชมโฉม๏ พิศภักตร์เพียงปะยงเมื่อทรงกลด | ลอยหมดมิได้มีรอยฝีไฝ |
เนตรคมขำดำดังเซตสลักใจ | แลวิไลยปากหูดูติดตา |
เรือนผมกลมขมวดเสมอสม่ำ | เส้นอ่อนดำดูอร่ามงามนักหนา |
กรกายคล้ายนางกินรา | นัขาฝ่าแดงดังแกล้งย้อม |
อุระรัดครัดเคร่งตูมเต่งตั้ง | ตะโพกผายพอกำลังไม่อ้วนผอม |
ลำขาบาทาก็เรียวพร้อม | งามลม่อมประมวญสิ้นทั้งอินทรีย์ |
ยิ่งพินิจก็ยิ่งพิศวาศหวัง | ดังจะเข้าลองโลมนางโฉมศรี |
นึกกระหยิ่มอิ่มใจพันทวี | เฝ้ายิ้มแย้มยินดีอยู่มิวาย |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ซมพลาตาเขม้นมุ่งหมาย |
เห็นฮเนากระหยิ่มยิ้มพราย | ให้ขุ่นแค้นรคายเคืองใจ |
เคลื่อนขยับจับบาเดะแล้วได้คิด | จะรงับให้สนิทมิใคร่ไหว |
ครั้นจะอยู่ดูงานต่อไป | แม้นไม่ยั้งได้จะเสียการ |
จึงเสแสร้งแกล้งว่ากับอ้ายแค | กูเจ็บแท้อยู่ไม่ได้จะไปบ้าน |
มึงไปกับกูหน่อยไม่เนิ่นนาน | แล้วจึ่งมาดูงานให้หนำใจ |
ว่าพลางทางพากันแหวกคน | ดั้นด้นเดินออกมานอกได้ |
กระซิบสั่งข้อความตามคิดไว้ | แล้วรีบไปยังทับฉับพลัน |
ฯ ๘ คำ เชิด ฯ
๏ เมื่อนั้น | เงาะแคจำคำถนัดมั่น |
แล้วกลับไปในที่ประชุมนั้น | สังเกตสำคัญดูแยบคาย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะเฒ่าชื่นชมสมหมาย |
ต่างจูงลูกสาวแลลูกชาย | ให้นั่งเรียงเคียงกายกลางวง |
ต่างหยิบมือมาให้จับกัน | เปนสำคัญยกให้ตามประสงค์ |
แล้วอำนวยอวยพรโดยจำนง | ให้ยืนยงคงคู่อยู่นิรันดร์ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ซอมลุกผู้เฒ่าคนขยัน |
จึงเริ่มทำวิธีพลีกรรม์ | กระบือเผือกผูกมั่นกับกอไม้ |
จับหอกประหารพอซานล้ม | เดินก้มภาวนาเข้ามาใกล้ |
ยื่นนิ้วเท้าจุกจมูกไว้ | บริกรรมขับไล่ปรางควาน |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
๏ แล้วจึ่งให้หามตามมา | วางน่าตะเคียนใหญ่ไพศาล |
กล่าวคำเส้นวักสักการ | ตามแบบโบราณประเพณี |
ฯ ๒ คำ ฯ
สระบุหร่งใน๏ อ้าองค์พระพนัศบดี | อิกองค์พระศรี |
พรหมรักษ์ฤทธิรณ ๚ะ | |
๏ ทวยเทพสถิตย์พฤกษมณฑล | เชิญรับกำนน |
อันข้าบรรเจิดจงถวาย ๚ะ | |
๏ รับเสวยมางษ์ค่างโคควาย | เผือกมันมากมาย |
อิกทั้งเมไรยไชยบาน ๚ะ | |
๏ ครั้นเสร็จรับเครื่องสักการ | เชิญช่วยบริบาล |
บำรุงผู้ข้าทั้งผอง ๚ะ | |
๏ จักแต่งวิวาห์คู่ครอง | ร่วมรมย์สมสอง |
ให้เกิดพิพัฒน์สวัสดี ๚ะ | |
๏ ไชยไชยสิทธิศรีศรี | ศุภอรรถจงมี |
สัมฤทธิดังจิตรจงปอง | ฯ สาธุการ ฯ |
ร่าย๏ เมื่อนั้น | บิดาเจ้าบ่าวสาวทั้งสอง |
ทั้งมารดาคณาญาติพวกพ้อง | ต่างแซ่ซ้องอำนวยอวยไชย |
ฯ ๒ คำ ฯ
(เงาะยอ) ทองย่อน๏ ลูกรัก | จงดูเยี่ยงพยัคฆโคร่งใหญ่ |
ถึงร้ายกาจอาจหาญปานใด | ก็มิได้ทำร้ายแก่ลูกเมีย |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ตองยิบ) ๏ บุญเหลือ | จงดูเยี่ยงแม่เสืออย่าอ่อนเอี้ย |
รักตัวผู้ดูลูกเฝ้ากกเลีย | มีสัตรูสู้เสียชีวิตรแทน |
ฯ ๒ คำ ฯ
$\left. \begin{array}{}\mbox{มาเนาะ } \\[1.4ex]\mbox{ฮอยเงาะ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ ๏ สองเจ้า | จงจำคำผู้เฒ่าให้มั่นแม่น |
ผัวอย่าดุเมียอย่าดื้อถือเคียคแค้น | รักกันมั่นแม่นพยัคฆา |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างสั่งสอน | ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา |
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา | จงแกล้วกล้าแคล่วคล้องทั้งสองคน |
ฯ ๒ คำ ฯ
(มาเนาะ) แขกพราหมณ์๏ ลูกยา | จงดูเยี่ยงปักษาในไพรสณฑ์ |
แสวงเหยื่อเผื่อคู่บินวู่วน | พอได้ผลพาร่อนมาป้อนนาง |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ฮอยเงาะ) ๏ ชื่นอก | จงดูอย่างนางนกอย่าขนาง |
เมื่อยามทุกข์ปลุกใจให้โศกจาง | ไซ้ปีกหางคู่เคล้าเฝ้าเคลียคลอ |
ฯ ๒ คำ ฯ
$\left. \begin{array}{}\mbox{เงาะยอ} \\[1.4ex]\mbox{ตองยิบ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ ๏ ไพเราะห์ | สองแม่เงาะช่างสอนลูกอ่อนหนอ |
ถนอมกันผันผ่อนโอนอ่อนง้อ | จะรักต่อกันไปนานปานทิชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างสั่งสอน | ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา |
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา | เหมือนสกุณาในไพรสาณฑ์สำราญรัง |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ฮเนา) แขกต่อยหม้อ๏ เอย์นะ | ลูกไม่ละลืมคำที่ร่ำสั่ง |
มตตัวน้อยสามัคคีมีกำลัง | วองก็หวังพึ่งพาความการุญ |
ทั้งญาติวงษ์พงษ์เผ่าเหล่าสหาย | ขอฝากกายแผ่เผื่อช่วยเกื้อหนุน |
ข้ารักนางพ่างชีวิตรทั้งคิดคุณ | ไม่หันหุนโหดร้ายอายสัตว์ดง |
ฯ ๔ คำ ฯ
$\left. \begin{array}{}\mbox{พ่อ ๒ } \\[1.4ex]\mbox{แม่ ๒ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ นกจาก๏ น้ำคำ | เพราะล้ำจับจิตรพิศวง |
อันชนกชนนีญาติวงษ์ | ล้วนจิตรจงรักเจ้าเท่าชีวา |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างวิงวอน | ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา |
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา | เราถ้วนหน้าจะการุญอุดหนุนกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ลำหับ) เวศสุกรรม๏ ดวงบุบผามาลีไม่มีจิตร | ยังหันหาอาทิตย์ที่แสงฉัน |
เมื่อยามค่ำน้ำค้างพร่างไพรวัน | รับแสงจันทร์อบอุ่นไม่ขุ่นมัว |
อันนารีมีจิตรจะผิดไฉน | แม้นจุใจคงจิรังไม่หวังชั่ว |
อนิจาใจสัตรีที่เมาตัว | มาพันพัวหาเพื่อนต้องเอื้อนอาย |
สู้มาลีก็มิได้จิตรใจเอ๋ย | อย่าหวังเลยว่าลำหับนับสหาย |
ขอบิดรมารดาอย่ารคาย | ท่านทั้งหลายรู้เห็นเปนพยาน |
ฯ ๖ คำ ฯ
$\left. \begin{array}{}\mbox{พ่อ ๒ } \\[1.4ex]\mbox{แม่ ๒ }\\[1.4ex]\end{array} \right\}$ มอญรำดาบ๏ ฟังคำ | ช่างลึกล้ำกล้ากล่าวเหมือนห้าวหาญ |
แม่เหมือนดวงสุมาลีที่เบิกบาน | กลิ่นตระการกลบแคว้นแดนวนา |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ทั้งหมด) ๏ น่าฟังเนาะน่าฟังช่างกล่าวหนอ | ขออวยพรอยู่ด้วยกันให้หรรษา |
บอแอ็ดบอแอ็ดโว้โห่หุยฮา | ให้ฦๅชาชื่อนางอย่างมาลี |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ สาวหนุ่มคุมคู่เคียงสลับ | แซ่ศัพท์สำเนียงเสียงดีดสี |
รำฟ้อนอ่อนระทวยทั้งอินทรีย์ | สนั่นมี่ขับเพลงบรรเลงลาน |
ฯ ๒ คำ ฯ
นางนาค๏ ยามเย็นเต้นรำสำราญ | สังคีตขับขาน |
บรรเทิงลเลิงกลางแปลง ๚ะ | |
๏ อาทิตย์ติดยอดไม้แฝง | จันทร์เห็นเด่นแดง |
ดังลอบมาเล็งแลเรา ๚ะ | |
๏ อยู่สูงสุดล้ำทำเนา | โน่นแน่ขุนเขา |
ยังพลอยมาลอยชำเลือง ๚ะ | |
๏ ดูเถิดพวกข้าไม่เคือง | ต้นไม้ใบเหลือง |
แลเขียวซอุ่มซุ่มมอง ๚ะ | |
๏ โปรยดอกหยอกเล่นลำลอง | ห้วยลหานธารคลอง |
เคาะแคะคะคึกครึกโครม ๚ะ | |
๏ เชิญเถิดชมข้าประโลม | ให้เปนที่โสม |
มนัศบรรเทิงเริงใจ ๚ะ | |
๏ ทวยท่านสถิตย์ที่ใกล้ไกล | ชมสองทรามไวย |
อันจะได้เปนคู่สู่กัน ๚ะ | |
๏ จงช่วยอำนวยพรอนันต์ | ให้พร้อมทุกพรรค์ |
ดังบุบผชาติเราปราย | (โปรยดอกไม้ฟายมือหนึ่ง) |
เหาะ๏ ฝูงสัตว์สบสิ้นทั้งหลาย | หลบซอนซ่อนกาย |
เพราะเกรงพิณพาทย์เภรี ๚ะ | |
๏ มาเทอญเราไม่ราวี | โอ้เนื้อเสื้อหมี |
มาเถิดอย่าทำร้ายกัน ๚ะ | |
๏ เห็นแต่ฝูงนกเนกนันต์ | โผผกหกหัน |
แลเห็นเวหาศดาษดา ๚ะ | |
๏ ซ้อแซ้แซ่เสียงจรรจา | สีสลับลานตา |
แลเต็มทั้งพื้นอัมพร ๚ะ | |
๏ ดูดังรำร่ายฟายฟ้อน | เย้ยเราชาวดอน |
ให้แพ้ให้พ่ายอายเอง | |
๏ มาเถิดปักษาอย่าเกรง | ขอเวียนบทลเบง |
บรรเล้าบรรโลมลานใจ ๚ะ | |
๏ พวกเราแสนศุขสบสมัย | อยู่เถื่อนเปนไทย |
ประดุจฝูงสกุณา ๚ะ | |
๏ เราจงร่วมจิตรหรรษา | โปรยปรายมาลา |
อันเลิศให้เกิดสวัสดี | (โปรยดอกไม้ฟายมือหนึ่ง) |
ร่าย๏ ครั้นสิ้นบทรำรับขับขาน | ก็ประสานสังคีตดีดสี |
โกร่งกรับรับรันเภรี | เป่าปักซีแลอีแนแซ่สำเนียง |
จะเข้ป่าจ้ารับกับจ้องหน่อง | บ้างเล่นบองบงส่งเสียง |
ผิวปากไปบ้างต่างจำเรียง | กึกก้องเพียงเพิกป่าพนาไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ มหาไชย
๏ บัดนั้น | พวกชาวครัวตัวดีน้อยใหญ่ |
ต่างแล่เถือเนื้อหนังตับไต | ทำครัววุ่นไปเปนโกลา |
บ้างหุงเข้าต้มแกงปิ้งย่าง | เนื้อค่างมีรศเปนนักหนา |
อิกกระแตกระรอกปูปลา | เผือกมันนานาพร้อมไว้ |
ครั้นเสร็จก็ช่วยกันยกมา | ทั้งสุราหลายหลากมากไห |
ตั้งใต้ร่มรุกข์เรียงกันไป | สำหรับจะได้เลี้ยงไชยบาน |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ยอปานปรีเปรมเกษมสานต์ |
จึงชวนพวกที่มาช่วยงาน | กินสุราอาหารสำราญใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกศกก็อยน้อยใหญ่ |
ต่างคนพากันเขัาไป | นั่งกินมิได้รั้งรอ |
จับกระชากปกคาบฟันกัด | แทะเนื้อสิงสัตว์มิให้หลอ |
ที่ได้ค่างอย่างเอกอร่อยพอ | ที่มิได้ตามขอกันอื้ออึง |
ที่กินเหล้าเมาจัดก็วัดเหวี่ยง | ต่อยเปรี้ยงเตะสีข้างวางดังผึง |
ที่แก่เฒ่าเฝ้านั่งพเน้าพนึง | โขลกมันปึงปึงเอามาเคี้ยว |
หมุบหมุบหมับหมับขยับกลืน | ฝืดฅอเต็มขืนทำหน้าเบี้ยว |
เอาน้ำกลั้วกลืนต่อฅอเปนเกลียว | ไม่แลเหลียวโขลกมุ่งจนพุงกาง |
พวกลูกเด็กเล็กน้อยพลอยชแง้ | กวนพ่อแม่เหนี่ยวติดสกิดข้าง |
ผู้ใหญ่กลัวท้องเสียเกลี่ยไกล่พลาง | ต่อยมะพราวห้าวง้างออกหลายใบ |
เอาเปลือกหอยตะบอยขุดต่างกระต่าย | คลุกเข้ามากมายแล้วส่งให้ |
กินฮังวิชเบิกบานสำราญใจ | บ้างเดินเที่ยวขวักไขว่ไปมา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ เส้นเหล้า เจรจา
๏ เลี้ยงกันจนตวันรอนรอน | บ้างนั่งนอนเมามายกันนักหนา |
ครั้นถึงบังควรจวนเวลา | ต่างคนต่างลาจรลี |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
แขกมอญ๏ เมื่อนั้น | ตองยิบฮอยเงาะสองศรี |
จึงกล่าวคำร่ำปลอบบุตรี | บัดนี้เจ้าได้ภัศดา |
จำจะต้องพากันสัญจร | ชมสิงขรเถื่อนแถวแนวป่า |
ครบเจ็ดราตรีจึ่งกลับมา | ลูกยาจงไปให้สำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ สั่งพลางทางมีอาไลยนัก | สอื้นฮักฮักให้สงสาร |
ขยับกายจากที่มิทันนาน | ลำหับเยาวมาลย์ก็ยึดไว้ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่ใน๏ โอ้ว่าเอย์นะของวองเอ๋ย | ไฉนเลยจะละลูกเสียได้ |
สูญสิ้นเสนหาอาไลย | ลูกผิดอันใดจงลงทัณฑ์ |
จะส่งให้ไปอยู่กับเขาอื่น | เหมือนข่มขืนแกล้งฆ่าให้อาสัญ |
เมื่อมิได้รู้จักมักกัน | จะไปด้วยเขานั้นฉันใด |
เวลาก็มืดมนท์สนธยา | มิรู้ว่าเขาจะพาไปไหน |
จะลำบากยากเย็นเปนกะไร | ยังไม่รู้จักใจกันเลย |
จงพาลูกกลับไปทับก่อน | แล้วจงค่อยผันผ่อนเถิดแม่เอ๋ย |
นางซบหน้าอาดูรมิได้เงย | ทรามเชยเพียงสิ้นสมประดี |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ตองยิบฮอยเงาะสองศรี |
ฟังวอนสงสารพันทวี | ครั้นจะมิส่งไปก็ไม่ควร |
จึงปลอบว่าอย่าวิตกเลยลูกแก้ว | เจ้าไปแล้วพ่อจะตามทรามสงวน |
แม้นเขามิรักใคร่ไปรบกวน | พ่อจะด่วนชิงรับเจ้ากลับมา |
แต่บัดนี้จะมิให้เจ้าไปเล่า | ผู้คนเขามาช่วยเปนนักหนา |
จะชวนกันติฉินนินทา | ว่าบิดาโลเลไม่แน่นอน |
แม้นเจ้ารักชนกชนนี | จงฟังวาทีที่สั่งสอน |
จำเริญศรีสวัสดิ์สถาวร | บังอรเจ้าไปจงดี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับมารศรี |
ฟังคำชนกชนนี | ยิ่งทวีอัดอั้นตันใจ |
นั่งนิ่งตลึงรำพึงคิด | ร้อนจิตรดังพิศม์เพลิงไหม้ |
มิรู้ที่จะว่าขานประการใด | น้ำตาหลั่งไหลลงพร่างพราย |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ตองยิบฮอยเงาะก็ใจหาย |
เสนหาอาไลยมิได้วาย | แสนเสียดายบุตรีที่รัก |
จำเปนลาไปใจจะขาด | น้ำตาหยาดหยดพรูสู้ห้ามหัก |
จากลูกเหลียวหลังเฝ้ายั้งพัก | อาไลยนักแขงใจไคลคลา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ล่องเรือ๏ เมื่อนั้น | ฮเนาเกษมสันต์หรรษา |
เห็นนงเยาว์เฝ้าแต่เวียนโศกา | จึงเข้ามาโลมเล้าเอาใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี๏ จอมขวัญ | จะเวียนโศกศัลย์ไปถึงไหน |
บิดรมารดาคลาไคล | เพราะเชื่อในตัวพี่ที่เจตน์จง |
ด้วยความสัตย์ที่แสนพิศวาศ | จึงประสาทให้ตามความประสงค์ |
ยังแต่เจ้าดวงจิตรคิดพะวง | มิได้แจ้งจำนงที่เรียมรัก |
วันยลเจ้าเยาวยอดเสนหา | ดังบิลาลั่นต้องอุระปัก |
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มกรมอารมณ์นัก | เหมือนอิโปะเห็นประจักษ์จะขาดใจ |
จึ่งสู้ซนด้นหาให้มาขอ | เจ้าเหมือนหมอแม้นปัดจะตักษัย |
จงเมตตาปรานีมีอาไลย | อย่าได้เคืองขัดตัดไมตรี |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับมารศรี |
ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี | มิได้มีพจมานประการใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้โลมนอก๏ งามประกอบ | เจ้าจะตอบสักคำก็หาไม่ |
จงสร่างสิ้นถวิลหาอาไลย | ที่ในบิตุเรศมารดร |
จากไปจะมิให้เจ้าช้าอยู่ | พอเช้าตรู่พี่จะพาดวงสมร |
ไปให้พบภักตราอย่าอาวรณ์ | จะเร่าร้อนหฤทัยไปไยมี |
แต่บัดนี้จะพาเจ้าคลาไคล | ไปอยู่ทับก่อนเปนเพื่อนพี่ |
เหมือนช่วยชูชีวาในราตรี | มารศรีจงได้เมตตา |
จะนั่งอยู่ร่มไม้ในกลางคิน | ดึกดื่นลำบากนักหนา |
ว่าพลางทางขยับเข้ามา | จะจูงกรกัลยาพาครรไลย |
ฯ ๘ คำฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นางลำหับนึกพรั่นหวั่นไหว |
ร้องกรีดสุดเสียงทรามไวย | แล้วลุกขึ้นไปเสียให้พ้น |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เงาะแคซุ่มอยู่ในไพรสณฑ์ |
ได้ยินเสียงนางร้องชอบกล | ก็ด้อมด้นแฝงเงาเข้ามา |
ครั้นถึงจึงเขาศิลาทิ้ง | นิ่งอยู่ครู่หนึ่งฟังท่า |
แล้วคอยขน่ำร่ำปา | แฝงหน้ามิให้เห็นตัว |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาขัดใจมิใช่ชั่ว |
ร้องว่านี่ใครหนอไม่กลัว | กูจะไปเอาหัวเสียเดี๋ยวนี้ |
ว่าพลางทางสั่งนางลำหับ | เจ้าจงยับยั้งอยู่นี่ |
แล้วออกจากร่มไม้ทันที | เที่ยวหาผู้ที่มาลอบปา |
สารถีชักรถ๏ เมื่อนั้น | ซมพลาเห็นสมปราถนา |
ลอบย่องมองเขม้นเข้ามา | พอถึงกัลยาก็แจ้งการ |
บัดนี้พี่จะมาพาเจ้าหนี | ไปที่กลางไพรไพศาล |
จะหายเหือดเดือดร้อนรำคาญ | แล้วอุ้มเยาวมาลย์พาไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ร่าย๏ ครั้นถึงจึงวางนางนงลักษณ์ | ในถ้ำที่สำนักนิ์อาไศรย |
พูดจาโลมเล้าเอาใจ | ให้นางหายประหวั่นพรั่นวิญญา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ชาตรี๏ น้องรัก | อย่าตกใจไปนักฟังพี่ว่า |
อันอ้ายฮเนาที่หยาบช้า | มันไม่หาญมาถึงที่นี้ |
เห็นฤๅไม่ในความพิศวาศ | มิให้เคลื่อนคลาดจากคำพี่ |
ถึงตัวจะตายวายชีวี | มิให้มารศรีไปพ้นมือ |
โกรธขึ้งอันใดไฉนนั่น | จึงป้องกันมิให้ต้องถือ |
ความรักรุมใจดังไฟฮือ | กระนี้ฤๅดวงใจไม่เมตตา |
ฤๅเคืองใจที่ไปพามานี้ | ไม่ต้องที่มุ่งมาทปราถนา |
แม้นเจ้าแจ้งความตามสัจจา | พี่จะพาไปส่งอย่าเสียใจ |
ความรักน้องใช่จะปองแต่สังวาศ | จะตามใจนุชนาฎคิดไฉน |
แม้นมิอยู่คูหาจะกลับไป | พี่ก็ไม่สิ้นสวาดิวนิดา |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับเสนหา |
ฟังปลอยชอบชื่นในวิญญา | จึงตอบวาจาไปทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ น้ำคำ | หวานฉ่ำไม่มีที่เปรียบได้ |
มาเคลือบแฝงแต่งว่าไม่เต็มใจ | ดังหนึ่งว่าใครมิรู้ทัน |
แม้นเมตตาเหมือนว่าฉนี้ไซร้ | ทำไมไม่ขอสู่เปนคู่มั่น |
ปล่อยให้แต่งงานการกัน | ผู้คนทั้งนั้นออกเลื่องฦๅ |
แล้วทำการหาญหักลักปล้น | จะให้อายฝูงคนมิใช่ฤๅ |
ครั้นเมื่อพามาได้ถึงมือ | แล้วมารื้อว่าทำเพราะความรัก |
ยังซ้ำว่าจะพาส่งเล่า | จะให้อายเขาให้จงหนัก |
ว่าพลางนางทำค้อนควัก | เมินภักตร์ไปเสียไม่นำพา |
ฯ ๘ คำ ฯ
โอ้โลมใน๏ ทรามสวาดิ | ช่างฉลาดพิไรร่ำว่า |
อันจะเข้าสู่ขอต่อบิดา | ไม่มีท่าที่จะได้สมคิด |
ข้างฮเนาเขามาว่าไว้ก่อน | บิดาหย่อนยอมให้เขาเปนสิทธิ์ |
คงจะไม่ได้เชยชมชิด | จำจิตรจึงต้องทำดังนี้ |
จะว่าไปไยเล่าไม่เข้าการ | เยาวมาลย์จงเห็นอกพี่ |
เมื่อมาใกล้เนื้อน้องต้องอินทรีย์ | สุดที่จะห้ามหักรักไว้ |
ว่าพลางตระโบมโลมเล้า | คลึงเคล้าด้วยความพิศมัย |
ทั้งสองศุขเกษมเปรมใจ | อยู่ในคูหาพนาลี |
ฯ ๘ คำ ฯ โลมพิณพาทย์
ช้า๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับมารศรี |
ได้ร่วมรมย์สมถวิลยินดี | ด้วยซมพลาผู้ที่มีใจรัก |
นางสุดแสนรักใคร่ใหลหลง | เคียงข้างพลางลงนอนตัก |
หัวระริกซิกซี้พิไรซัก | โอบอุ้มฟูมฟักไม่เว้นวาย |
ลืมชนกชนนีที่จากไป | ลืมไม้ไผ่เพื่อนเล่นทั้งหลาย |
เฝ้าอิงแอบแนบชิดสนิทกาย | แสนสนุกศุขสบายทุกนาที |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ฮเนาแค้นใจไม่ถอยหนี |
ถึงศิลามาเท่าไรไม่ไยดี | ยิ่งวิ่งรี่ติดตามไม่ขามใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อ้ายงอดซ่อนซุ่มพุ่มไม้ใหญ่ |
เห็นฮเนาไล่กระชั้นแคเข้าไป | ฉวยศิลาได้ดอดทุ่มทิ้ง |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาใจรทึกนึกกริ่ง |
เอะสัตรูดูทีหลายคนจริง | วางวิ่งกลับไล่อ้ายงอดมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ทั้งสองพี่น้องแกล้วกล้า |
ผลัดกันทิ้งก้อนศิลา | แล้วหลบเงาพฤกษาบังกาย |
พอฮเนาให้หลังข้างไหน | ก็ขว้างศิลาไปไม่ขาดสาย |
ฮเนาวิ่งเวียนวนวุ่นวาย | ไม่เหือดหายโกรธาบ้าใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ แต่เวียนวนจนเวลาดึกดื่น | ฮเนาหยุดยืนหาไล่ไม่ |
สองคนพากันดั้นป่าไม้ | กลับไปยังทับฉับพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาตริตรึกนึกพรั่น |
ชรอยจะมีเหตุสักสิ่งอัน | ก็กลับหันหวนมาหาบังอร |
ไม่เห็นที่ร่มไม้ใจหายวาบ | น้ำตาอาบเหื่อตกตีอกข้อน |
เที่ยวหาทุกพุ่มพงดงดอน | ไม่หยุดหย่อนกู่ก้องร้องเรียกนาง |
ฯ ๔ คำ ฯ
หนาว๏ ยินแต่เสียงร้องก้องบรรพต | ไม่ปรากฎรูปน้องนึกอางขนาง |
เสียงลิงค่างบ่างชนีครวญคราง | ก็วิ่งวางตามไปใจระรัว |
อนิจาโอ้ว่าลำหับเอ๋ย | ทรามเชยมากำจัดพลัดผัว |
โศกสลักหนักทรวงง่วงมึนมัว | ทอดตัวลงกำสรดโศกี |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่นอก๏ โอ้ว่าอนิจาเจ้าดวงจิตร | รักดังชีวิตรของพี่ |
อยู่หลัดหลัดฤๅมาพลัดไปดังนี้ | สุดที่จะทนเทวศแล้ว |
แค้นใจไพรีมาปองร้าย | มาทหมายชิงช่วงเอาดวงแก้ว |
คือใครยังไม่รู้วี่แวว | มาอวดแกล้วแก่กูจะดูดี |
ฤๅเจ้าตระหนกตกใจ | แล่นไปในป่าปะเสือหมี |
ฟาดฟัดกัดกินอินทรีย์ | ก็คงมีทรากร่างให้เห็นรอย |
เจ้ามาหายไปไม่ได้เค้า | สุดที่จะเดาติดต้อย |
ครวญคร่ำน้ำตาหยาดย้อย | สลบผอยม่อยไปไม่สมประดี |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ทแย๏ ครั้นใกล้รุ่งรางส่างแสง | อรุณแรงเรืองอุไรรัศมี |
ลมชวยรวยรศสุมาลี | ปักษีตื่นตาหากัน |
พระพายชายพัดมารื่นรื่น | ชูชื่นจิตรวายคลายกระศัลย์ |
ค่อยดำรงทรงกายขึ้นพลัน | ผายผันไปตามมรรคา |
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ร่าย๏ เดินพลางทางชำเลืองแลเหลียว | สันโดษเดียวด่าวดิ้นถวิลหา |
โอ้ว่าลำหับเจ้าพี่อา | อนิจาจะเปนประการใด |
นกด๊อกดั๊กชักฝูงกระพือร่อน | เหมือนเมื่อแห่ดวงสมรจะมาให้ |
นกตอเตียลคุมคู่อยู่ปลายไม้ | เหมือนเมื่อได้นั่งเรียงเคียงคู่กัน |
นกสน๊อกซอกซอนเที่ยวหาเหยื่อ | เหมือนเมื่อกินเลี้ยงแล้วทำขวัญ |
นกต้องตางประสานเสียงจำเรียงพัน | เหมือนพี่ปลอบสาวสวรรค์ชวนดำเนิน |
นกกากุเสียงดุไม่เพราะหู | เหมือนสัตรูเข้ามาขวางให้ค้างเขิน |
นกกาหลังเฉี่ยวกระแตเมื่อแม่เมิน | เหมือนใครฉกสมรเหินไปห่างไกล |
นกปุเลาจับเจ่าญะหุเดี่ยว | เหมือนอยู่เดียวทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ดูพลางทางรันทดถอนฤไทย | หยุดยืนร่มไม้แล้วโศกี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายโศกา | กูจะมาร้องไห้ไม่พอที่ |
จำจะรีบไปแถลงแจ้งคดี | จะได้มีผู้ช่วยติดตาม |
แม้นรู้ว่าอยู่ตำบลใด | มิได้มีจิตรคิดเข็ดขาม |
ถึงสู้รบตบมือก็ไม่คร้าม | คงจะสงครามจนสุดฤทธิ์ |
แม้นมิได้ไม่อยู่เปนคน | จะดั้นด้นพยายามตามติด |
กว่าตัวจะตายวายชีวิตร | คิดแล้วรีบผายผันดั้นพงไพร |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงบ้านพลันมิทันช้า | เห็นอยู่พร้อมหน้าล้วนผู้ใหญ่ |
สมหวังวางวิ่งเข้าไป | ซบหน้าร้องไห้ไม่สมประดี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | เงาะตองยิบเงาะยอพ่อแม่พี่ |
เห็นฮเนาเข้ามาโศกี | ต่างมีความตระหนกตกใจ |
จึงว่าอย่าร้องไห้นัก | ลูกรักจงแจ้งแถลงไข |
มีเหตุเภทผลกลใด | จงเล่าไปให้แจ้งกิจจา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาเศร้าสร้อยเปนนักหนา |
จึงแถลงแจ้งจริงทุกสิ่งมา | แล้วร่ำโศกาอาไลย |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | บรรดาพวกเงาะผู้ใหญ่ |
ได้ฟังก็ตระหนกตกใจ | ซักไซร้พูดจาหาเหตุการ |
เงาะญาบผู้ใหญ่จึงไต่ถาม | ใครทราบความอย่างไรให้ไขขาน |
เมื่อเวลากลับมาจากดูงาน | ใครมาถึงบ้านเวลาใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | เป็ดคำจึงแจ้งแถลงไข |
เงาะดอลซมพลานั้นหายไป | มิได้มาบ้านจนบัดนี้ |
เมื่อเวลาเลิกงานการวิวาห์ | บรรดาคนทั้งปวงก็กลับที่ |
แต่อ้ายงอดอ้ายแคคู่ชีวี | ต่อใกล้รุ่งราตรีจึงกลับมา |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บรรดาผู้ที่นั่งอยู่ทั้งนั้น | ก็ลงเห็นต้องกันพร้อมหน้า |
ว่ามิใช่ใครอ้ายซมพลา | มาลักพาลำหับหนีไป |
ครั้นจะเอาสองเงาะมาไต่ถาม | ไม่มีหลักความยืนยันได้ |
คงจะปฏิเสธใส่ไคล้ | จำจะจับให้ได้ตัวซมพลา |
กับทั้งลำหับที่มันลัก | จะได้จริงประจักษ์ไม่กังขา |
ปฤกยาเสร็จพลันมิทันช้า | ต่างคนต่างพากันหาไป |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ชกมวย๏ เมื่อนั้น | ฮเนาเศร้าจิตรจนเปนไข้ |
ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มกลัดเคลิ้มไคล้ | ไม่เปนสติสมประดี |
ฯ ๒ คำ ฯ
เขมรเป่าใบไม้๏ ทอดตัวลงกลางดินดอน | แน่นอนเหมือนจะม้วยเปนผี |
แล้วรื้อครวญคร่ำร่ำโศกี | มือตีอกช้ำระกำใจ |
สดับเสียงนกสาลิกาก้อง | ว่าเสียงน้องร้องหาหนไหน |
ลุกขึ้นผลีผลามตามไป | ปะต้นไม้ยืนกอดสอดประทับ |
แล้วพูดปลอบโยนโอนอ่อน | เสียงสท้อนกระเส่าไม่เข้าศัพท์ |
สิ้นแรงลมรวยระหวยพับ | พ่อแม่เคียงรับประคับประคอง |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ เอาวารีลูบไล้ให้ชูชื่น | กลับฟื้นกายาในตาจ้อง |
เห็นบิดามารดามานั่งมอง | กลับแผดร้องดุด่าว่าซมพลา |
ฯ ๒ คำ ฯ
ศัพท์ไทย๏ อ้ายจรรไร | มึงมาพานางไปอ้ายโจรป่า |
ผุดลุกขึ้นได้ | ฉวยไม้เงื้อง่า |
แค้นนักจักฆ่า | ให้ม้วยบรรไลย |
กูจะสับซ้ำ | จงหนำแก่ใจ |
จนกากลืนได้ | ไม่แค้นลำฅอ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ลูกเอยลูกแก้ว | ลืมบิดาแล้วทีเดียวหนอ |
จึงมาด่าทอ | ตีพ่อทำไม |
ดับเดือดเงือดงด | สกดอกสกดใจ |
แย่งยื้อทำไม | เห็นไม่เปนการ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ดูเอยดูถูก | เรียกกูเปนลูกอ้ายใจหาญ |
อ้ายโจรจังทาน | จะผลาญให้ตาย |
พวกพ้องญาติกา | มาด้วยมากมาย |
มึงอย่ามั่นหมาย | จะไม่วายวาง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ลูกเอยลูกรัก | ชรอยเจ้าจักต้องผีสาง |
ดลใจไขว่ขวาง | สิ้นสติสมประดี |
ช่วยกันแย่งไม้ | ให้ได้สักที |
พ่อแม่ทั้งนี้ | จงมีเมตตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ บัดนั้น | พวกเงาะทั้งมวญถ้วนหน้า |
ต่างคนต่างพากันเข้ามา | ยื้อคร่าชุลมุนวุ่นไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ช่วยกันรวบรัดกระหวัดมือ | แย่งไม้ที่ถือไปเสียได้ |
ช่วยกันประคองพาคลาไคล | ส่งเข้าไปในห้องเรือน |
สิ้นกำลังวังชาตาหลับ | บ่นอุบอับจิตรใจไหลเลื่อน |
ถามสิ่งไรไม่ได้เรื่องเฟื่องเฟือน | คลั่งเหมือนเปนบ้าด้วยอาไลย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยอปานแปลกจิตรคิดสงไสย |
จึงสั่งรำแก้วให้รีบไป | หาซอมลุกมาในเวลานี้ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | รำแก้วร้อนใจดังไฟจี่ |
ออกจากทับพลันทันที | รีบไปยังที่ตาซอมลุก |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปหา | พบตาหมอยังกำลังจุก |
กินเลี้ยงมากครันบรรทุก | นอนไม่เปนศุขสดุ้งคราง |
ฟังรำแก้วเล่าเค้าเงื่อน | นี่คือผีเผื่อนเข้าไขว่ขวาง |
ลุกขึ้นนั่งยองยองมองเครื่องราง | เขี้ยวงาต่างต่างเครื่องกันตัว |
รำแก้วช่วยกดหลังให้ | หายใจคล่องหน่อยค่อยยังชั่ว |
ออกจากทับมาตายังมัว | เดินเศกพั้วพั้วมาตามทาง |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในบ้าน | ยอปานมารับถึงข้างล่าง |
กระซิบบอกเบาเบาเล่าพลาง | พาตาหมอวางเข้าในทับ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ซอมลุกอออือยื่นมือจับ |
เห็นต้องอย่างทางที่ท่านบังคับ | จึงบอกกับตาพ่อยอปาน |
ว่าต้องเซมังงัดชัดแน่ | จะต้องผันแปรคิดอ่าน |
ตีแสลงปัดพิศม์คิดจัดการ | ตามอย่างโบราณท่านว่าไว้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยอปานขุ่นข้องค่อยผ่องใส |
ชวนลูกสองคนรีบร้นไป | แบกกิ่งไม้ผูกขึ้นมา |
ฯ ๒ คำ ฯ รัว
๏ บัดนั้น | ซอมลุกผู้ใหญ่ใจกล้า |
จึงไขว่นะญานีมิได้ช้า | จัดหญ้าห้อยรอบขอบวง |
พื้นในใช้ใบตองป่ากรุ | เผือกมันบรรจุไม่หลอหลง |
จับหวายร่ายวิทยายง | เรียกผีดงตามเล่ห์ประเพณี |
เชื้อ๏ โอมพระพนัศบดี | เจ้าป่าพนาลี |
อันมีตระบะเกรียงไกร ๚ะ | |
๏ สั่งข้ามาขับมึงไคล | ปิศาจหมู่ใด |
ดังกูจะร่ำพรรณา ๚ะ | |
๏ หมู่หนึ่งนั้นเรียกว่าญา | คือดวงชีวา |
มนุษย์อันสุดชีพกษัย ๚ะ | |
๏ หมู่สองเรียกโรบภายใน | คือเจตภูตไป |
ประจากไม่ประจำตน ๚ะ | |
๏ หมู่สามเซมังงัดเวทมนต์ | ใช้ผีเข้าดล |
ให้เคลิ้มให้คลุ้มกลุ้มใจ ๚ะ | |
๏ หมู่สี่บาดีท่านไข | คือพิศม์ภายใน |
แห่งสัตว์นานาสาธารณ์ ๚ะ | |
๏ ทำฤทธิ์พิศม์ร้ายปรางควาน | เหล่าใดบันดาล |
ให้คลั่งให้คลุ้มกลุ้มใจ ๚ะ | |
๏ กูขับมึงเร่งออกไป | ขืนอยู่จะประไลย |
ด้วยฤทธิ์แห่งท้าวเทวา ฯ ตระ ฯ |
ร่าย๏ เศกแล้วหมอเฒ่าทำอำนาจ | ขู่ตวาดจับหวายเงื้อง่า |
ตีไม้เดินไขว่ไปมา | ทั้งพ่อพี่น้องยาก็ช่วยกัน |
อิกพวกบ้านใกล้ที่ไปเยือน | ช่วยตีเตือนเรียกร้องก้องลั่น |
ให้ผีออกจากกายย้ายพลัน | เข้าในกระโจมนั้นทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ รัว
๏ เดชะเชื่อมนต์สำทับขับผี | ฮเนาคืนสมประดีมาได้ |
ให้ระทวยระทดสลดใจ | วอนไหว้แม่พ่อขอษมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ซอมลุกแลเงาะทั่วหน้า |
เห็นฮเนาหายคลุ้มกลุ้มวิญญา | ก็ต่างคนต่างลากลับไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
จะเข้หางยาว๏ เมื่อนั้น | ฮเนาเศร้าสท้อนถอนใจใหญ่ |
ชอกช้ำระกำกายใจ | มิได้มีศุขสักเวลา |
ยามกินลืมกินสิ้นรศ | กลืนกำสรดเช้าเย็นเปนภักษา |
ยามนอนไม่เปนนอนร้อนอุรา | แต่ลืมตาทอดถอนจนค่อนคืน |
บิดรมารดามาโลมเล้า | ไม่วายเศร้าโศกซ้ำร่ำสอื้น |
ล่วงหลายวันหน่อยจึ่งค่อยฟื้น | ชุ่มชื่นมีกำลังวังชา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ จึ่งวอนว่าบิดามารดร | ลูกขอลาสัญจรนอนป่า |
เสาะหาลำหับกัลยา | กว่าจะได้ประสบพบพาน |
ไม่ได้ไม่กลับคืนถิ่น | จะเที่ยวไปจนสิ้นสังขาร |
ขอจงกรุณาอย่าทัดทาน | ให้ลูกทนทรมานเดือดร้อน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะฟังคดีตีอกข้อน |
จึ่งว่าลูกยาเจ้าอย่าจร | จะอาไลยอาวรณ์นางทำไม |
เขาพากันไปหลายราตรี | นางฤๅจะดีอยู่ได้ |
แม้นมันไม่ทำรกไว้ | ที่ไหนจะมีโสมม |
หาใหม่เถิดเปนไรลูกแก้ว | ที่ผ่องแผ้วงามดียังมีถม |
จงเลือกให้สอดคล้องต้องอารมณ์ | พ่อจะแต่งให้สมหน้าตา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาฟังคำบิดาว่า |
จึงนบนอบตอยความตามปัญญา | บิดรเจรจาด้วยการุญ |
แต่ข้าไม่เชื่อใจใหลหลง | ว่าใจฅอมั่นคงจึ่งว้าวุ่น |
จะหาให้ใหม่นั้นนับพระคุณ | แต่ลูกหากสิ้นบุญอยู่เพียงนี้ |
หญิงใดในโลกย์ไม่เล็งเห็น | ว่าจะเปนคู่เทียบเปรียบมารศรี |
แม้นมิได้ก็ไม่ยินดี | ที่จะมีภรรยานอกกว่านั้น |
จึ่งคิดจะติดตามไป | ให้รู้ข่าวทรามไวยแม่นมั่น |
หนึ่งอ้ายสัตรูตัวสำคัญ | มิได้แก้แค้นมันมิใช่ชาย |
จะรู้แห่งไว้หน้าหนไหน | จะรับแต่ไยไพไม่รู้หาย |
บิดรมารดาอย่าระคาย | ขอให้สมหมายอำนวยพร |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเงาะฟังบุตรสุดผันผ่อน |
จึ่งกล่าววาจาด้วยอาวรณ์ | เจ้าจะจรคนเดียวเปลี่ยวนัก |
จงชวนพี่แลน้องสองคน | ไปเปนเพื่อนตนช่วยหาญหัก |
ขอให้สมจิตรจงอย่าหลงรัก | เสร็จผลาญปรปักษ์แล้วกลับมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนานึกสมปราถนา |
ชวนพี่แลน้องสองรา | เข้าในป่าไม้ไพรรัง |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
กบเต้น๏ ครั้นถึงกลางดงพงพฤกา์ | ฮเนานึกคำนึงถึงความหลัง |
เพราะเชื่อใจไม่ระแวงระวัง | พลาดพลั้งผิดยับได้อับอาย |
ตัวเราเบาใจไปตามซื่อ | เชื่อถือผู้ใหญ่ไม่ขวนขวาย |
นางจึ่งนอกจิตรติดชู้ชาย | นัดหมายมาแกล้งแย่งยื้อ |
ฯ ๔ คำ ฯ
เพลงยาวแหบ๏ คิดมาก็น่ารังเกียจใจ | ติดตามมาทำไมเลี้ยงได้ฤๅ |
แล้วหวนกัดกรามคำรามฮือ | ร้อนรื้อหันหุนฉุนคิด |
ดูดุ๊เปนชายมาหมิ่นชาย | มาตรหมายเหมือนไม่มีดวงจิตร |
กูจะตามสังหารผลาญชีวิตร | ให้สมชาติชนิดที่เปนพาล |
ฯ ๔ คำ ฯ
ทยอยเขมร๏ อนิจาลำหับสาวศรี | บางทีมิได้ร่วมคิดอ่าน |
อ้ายซมพลามาแกล้งจังทาน | หักหาญฉุดคร่าพาไป |
แม้นเปนเช่นนี้น่าสงสาร | จะแสนทุกข์ทรมานหม่นไหม้ |
จะสู้ติดตามไม่ขามใจ | เปนไฉนจะได้เห็นแก่ตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ คิดแล้วก็พากันผันผาย | รำแก้วพี่ชายออกน่า |
ทั้งปองสองปองสุดอนุชา | ชวนกันบุกป่าฝ่าไป |
ฯ ๒ คำ ฯ ทยอย เชิด
ฝรั่งตัด๏ เมื่อนั้น | นางมือซังวังคอนพิศมัย |
ชอบกันพันผูกถูกใจ | ต่างรักใคร่ในฮเนาเฝ้าจำนง |
เห็นซมผลาท่าทำนองก็ต้องจิตร | ต่างคนต่างคิดพิศวง |
จะจับจองลองคู่ที่ควรคง | จึงตกลงเลือกฉลากกระดากกระเดียม |
มือซังได้ซมพลาทำหน้าขวย | วังคอนฉวยได้ฮเนาเฝ้าอายเหนียม |
แต่นั้นมามิได้ละเฝ้าตระเตรียม | คอยและเลียมลอบอายไม่วายวัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ขึ้นพลับพลา๏ ครั้นทราบว่าขอสู่คู่ลำหับ | เจียนลมจับเศร้าจิตรคิดกระศัลย์ |
หวนสวาดิซมพลาขึ้นมาพลัน | ต่างผูกพันร่วมพ้องกันสองคน |
พเอินเปนซมพลาพานางหนี | ฮเนาอยู่ข้างนี้ก็ปี้ป่น |
สองนางไม่สบายวายกังวล | แต่ทุรนทุรายร้อนอาวรณ์ใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่ายใน๏ นอนไม่หลัยปรับทุกข์กันยังรุ่ง | จนอาทิตย์พวยพุ่งเหลี่ยมไศล |
ชวนกันเยื้องย่องจากห้องใน | ไปเที่ยวชมป่าพนาลี |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงช้า
เพลงช้า๏ ยามสาง | แสงทองกระจ่างจำรัสศรี |
สองนางพึ่งส่างโศกี | ระริกซิกซี้พอพาใจ |
เดินกอดฅอชลอเคล้า | กระซิบกระเส่าเฝ้าพิไร |
โน่นนั่นแน่แลตะคุ่ม | ใครมาแอบซุ่มใบไม้ไหว |
ฉิพี่นางช่างใส่ไคล้ | เจ้ายอดหัวใจของพี่มา |
พี่ฟังว่าทำตาเขียว | ประเดี๋ยวนี้ผี่เถิดหนา |
มาล่อเล่นเหมือนเช่นบ้า | ทำเปนว่าข้าคนดี |
โน่นแน่ใครมาข้างหลัง | คงหายคลั่งแล้วคราวนี้ |
เหลียวซิน่าฟ้าผี่ | ช่างล้อดีสาใจเอย |
๏ โอ๊เฮเฮเห่เฮเฮ | เห่เฮเฮเฮ้โห่ |
เพลงเร็ว๏ ช้าใหญ่พี่ใจเย็นเอย | มัวแต่ล้อเล่นจะไปถึงไหน |
ปล่อยให้เขากอดฤๅทอดอาไลย | ช้าใหญ่พี่ใจเย็นเอย ๚ะ |
๏ ช้าแล้วแม่แก้วตาเอย | พี่ฤๅจะพาไปให้ไกลบ้าน |
เร่งเร่งไปเถิดจะเกิดรำคาญ | ช้าแล้วแม่แก้วตาเอย ๚ะ |
๏ ช้านักพี่รักน้องเอย | ฤๅตรึกนึกปองจะกลับคืนถิ่น |
อย่าได้วิตกน้องยกให้สิ้น | ช้านักพี่รักน้องเอย ๚ะ |
๏ ช้าฤๅแม่บุญฦๅเอย | อย่าอึงอย่าอื้อยักเย้าเซ้าซี้ |
แม้นเจอะใครก่อนของหล่อนวันนี้ | ช้าฤๅแม่บุญฦๅเอย ๚ะ |
๏ เร็วเข้าพี่เจ้าน้องเอย | ข้าไม่เกี่ยวข้องขี้คร้านเทลาะ |
ฝีปากผู้ใหญ่จะได้ไพเราะห์ | เร็วเข้าพี่เจ้าน้องเอย ๚ะ |
๏ อย่าช้าดวงตาพี่เอย | สาวสำนวนดีจะได้ออเซาะ |
ให้คลำหน้าผากจุปากเจาะเจาะ | อย่าช้าดวงตาพี่เอย ๚ะ |
๏ ช้าก่อนพี่ท่อนจันทน์เอย | จะไปประชันแต่ข้างฝ่ายน่า |
ที่อยู่ข้างหลังช่างฤๅเห็นบ้า | ช้าก่อนพี่ท่อนจันทน์เอย ๚ะ |
๏ หยุดหยุดแม่สุดใจเอย | จะเร่งรีบไปที่ไหนจะเจอะ |
จะกลับข้างหลังก็คงยังเลอะ | หยุดหยุดแม่สุดใจเอย ๚ะ |
เบ้าหลุด๏ เลียบเดินตามเนินแนวภูผา | ชมพฤกษาซ้อนซับสลับสี |
บ้างแดงดำคล้ำเข้มเขียวขจี | ท่วงทีเอนชายหลายกระบวน |
กล้วยไม้ชายผ้าษีดาห้อย | ช้องนางย้อยยวนอารมณ์เมื่อลมหวน |
เขี้ยวกระแตกลิ่นตระหลบมาอบอวน | ยังเชิญชวนให้สบายคลายกระมล |
ตามซอกผาน่าชมดังพรมลาด | เปนดอกดาดแลไปไม่เห็นต้น |
ล้วนเล็กเล็กหลายเหล่าเข้าแกมปน | เหมือนอย่างคนปลูกอัดจัดลวดลาย |
ทั้งสองนางต่างคนค่อยเลือกคัด | อย่างละดอกได้เปนมัดยังเหลือหลาย |
เที่ยวเสาะหาดอกแปลกเดินแยกย้าย | สองโฉมฉายชื่นอารมณ์ชมสำราญ |
ฯ ๘ คำ ฯ แมลงภู่ทอง
( เบ้าหลุด๏ เลียบเดินตามเนินแนวภูผา | ชมพฤกษาซ้อนซับสลับสี ) |
( บ้างแดงคำคล้ำเข้มเขียวขจี | ท่วงทีเอนชายหลายกระบวน ) |
( กล้วยไม้ชายผ้าษีดาห้อย | ช้องนางย้อยยวนอารมณ์เมื่อลมหวน ) |
( เขี้ยวกระแตกลิ่นตระหลบมาอบอวน | ดังเชิญชวนให้สบายวายรำคาญ ) |
ฯ ๔ คำ ฯ แมลงภู่ทอง
หอมหวน๏ แต่เพลิดเพลินเดินตามชานไศล | ถึงต้นไทรร่มกว้างข้างลหาน |
รากย่านยื่นย้อยห้อยยาวยาน | เยาวมาลย์โหนเล่นเปนชิงช้า |
ผลัดกันไกวใส่จริตเบือนบิดผัน | แล้วประพันธ์กลอนขับแจ้วจับป่า |
แสร้งเปรียบเปรยเย้ยหยันกันไปมา | ในอุราเศร้าหมองร่วมพ้องกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
(วังคอน) เขนง๏ น่่าร้อน | เราเคยศุขสโมสรเกษมสันต์ |
ปลาดแท้แปรไปเปนเหมันต์ | ให้หนาวครั่นสั่นสทกหัวอกเรา |
โอ้หงษ์ทองล่องฟ้าเที่ยวหาคู่ | น่าอดสูเสียวงษ์หลงกระเหว่า |
พาโผผินบินพรากจากลำเนา | ไปจับเจ่าจิกขนอยู่หนใด |
ละพี่นางเหมราของข้าเจ้า | ให้หงอยเหงาทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ดอกไม่ช่อขอถวายเทพไท | ช่วยดลใจหงษ์ทองอย่าล่องเลย |
แม้นหวนกลับมารับนางปักษี | จะพลีพลับทองของเสวย |
น้องจะนั่งนิยมเฝ้าชมเชย | พลอยเสวยวายเบื่อเหลือกวนเอย |
ฯ ๘ คำ ฯ
( วังคอน เขนง๏ น่าร้อน | เราเคยศุขสโมสรเกษมสันต์ ) |
( ปลาดแท้แปรไปเปนเหมันต์ | ให้หนาวครั่นสั่นสทกหัวอกเรา ) |
( โอ้หงษ์ทองล่องฟ้าเที่ยวหาคู่ | น่าอดสูเสียวงษ์หลงกระเหว่า ) |
( พาโผผินบินพรากจากลำเนา | ให้พี่เราร้องร่ำคร่ำครวญเอย ) |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นางมือซังฟังลำคำโหยหวน |
นี่อะไรบัดสีมายียวน | ตีสำนวนดีเหลือขึ้นเหนือลม |
จะขับตอบขอบใจให้ฟังหวาน | เหมือนน้ำตาลต้องจิตรสนิทสนม |
ไกวชิงช้าเถอะอย่าซ้ำด้วยคำคม | ถึงเก้อก้มสักเท่าใดไม่ละมือ |
ฯ ๔ คำ ฯ
(มือซัง) น้ำค้าง๏ น่าร้อน | แต่ปางก่อนเช่นนี้เคยมีฤๅ |
ฝนตกพรำคร่ำหน้าจนตาปรือ | เสียงฮือฮือพยุหวนป่วนอารมณ์ |
โอ้กวางทองปองกระจงเฝ้าหลงใหล | เจ้างจึ่งได้ทุกข์จิตรคิดไม่สม |
นางทรายทองนั้นไม่ปองใจนิยม | จะน่าชมเชยอยู่เปนคู่เคียง |
ช่อบุบผาข้าถวายพระไทรย้อย | ดลใจหน่อยเถิดให้มาอย่าหลีกเลี่ยง |
เห็นไวไวใครหนอมามองเมียง | พั้วพั้วเพี้ยงขอให้กลายเปนทรายทอง |
เสียงกรากแกรกแหวกลดามาข้างซ้าย | แลลม้ายเหมือนฮเนาหน้าเศร้าหมอง |
พระไทรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งจริงหนาน้อง | มิเชื่อข้ามามองลองดูเอย |
ฯ ๘ คำ ฯ
(มือซัง) น้ำค้าง๏ น่าร้อน | แต่ปางก่อนเช่นนี้เคยมีฤๅ ) |
( ฝนตกพรำคร่ำหน้าจนตาปรือ | เสียงฮือฮือพยุหวนป่วนอารมณ์ ) |
( โอ้กวางทองปองกระจงเฝ้าหลงใหล | เจ้าจึงได้ทุกข์จิตรคิดไม่สม ) |
( นางทรายทองนั้นไม่ปองใจนิยม | เชิญมาชมสมสู่เปนคู่เอย ) |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | ฮเนาดั้นด้นค้นอยู่ |
ยินขับจับจิตรชื่นชู | เอียงหูสดับตรับฟัง |
ปลาบปลื้มลืมกายเหมือนทายทัก | ยินดีนักนึกว่าพบสบสมหวัง |
รีบสาวเท้าก้าวเข้าไปไม่รอรั้ง | เห็นสองนางกำลังโล้ชิงช้า |
ฯ ๔ คำ ฯ
ลีลากระทุ่มนอก๏ พิศโฉมประโลมลานสวาดิ | งามปลาดเล็งเล่ห์รูปเลขา |
จริตงอนอ้อนแอ้นทั้งกายา | ดังกินรารำร่อนอ่อนเอวองค์ |
ชิงช้าโยนโอนกายคล้ายโผผิน | ขยับบินเหมือนนกวิหคหงษ์ |
เสียวสวาดิวายจิตรพิศงวยงง | ตลึงหลงแลนางไม่วางตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | สองนางนึกกริ่มยิ้มในหน้า |
เห็นฮเนาตลึงไปไม่เจรจา | ทำมารยาเหมือนหนึ่งพึ่งจะรู้ |
นางวังคอนวิ่งซ่อนซุ้มไม้แฝง | มือซังแสร้งทำขึงหน้าบึ้งขู่ |
เจ้านี่ใครไฉนกล้ามาลอบดู | ทำจู่ลู่ข่มเหงไม่เกรงใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
จีนขวัญอ่อน๏ เมื่อนั้น | ฮเนาตระหนกจิตรคิดหวั่นไหว |
นิ่งพินิจพิศดูสองทรามไวย | ก็จำได้ว่าเคยพบประสบกัน |
จึ่งวอนว่าข้าขอโทษเถิดพี่ | เมื่อตะกี้เคลิ้มจิตรคิดกระศัลย์ |
ไม่เอื้อมอาจประมาทจิตรผิดสำคัญ | ข้าหมายมั่นว่าเหมือนพี่ที่เคารพ |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | นางมือซังยังเต้นอยู่หรบหรบ |
น้อยฤๅนั่นถ้อยคำทำนอบนบ | ไม่รักคบแล้วจึงแสร้งแกล้งดูเบา |
จะเห็นแต่ลำหับหลับตาติด | คนอื่นคิดว่ากระสือเจียวฤๅเจ้า |
สงสารหน้าฝ้าคล้ำดำเด่นเงา | ยังจะเฝ้าครวญคร่ำไปทำไม |
ซมพลาพาไปไกลนับโยชน์ | จะลิงโลดตามตบึงไปถึงไหน |
เนื้อเข้าปากเสือจะเหลือไว้ | จงคิดใคร่ครวญดูอย่าวู่วาม |
ถึงตามไปได้มาก็หน้าหมาง | คงเหลือล้างคาวหลังจงฟังห้าม |
แม้นหาใหม่คงจะได้ที่ดีงาม | ถ้าทำตามคิดจะช่วยด้วยเมตตา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนานิ่งฟังชังน้ำหน้า |
เอาดีต่อตอบคำจำนรรจา | ซึ่งกรุณาน้องรับนับพระคุณ |
แต่แค้นใจแม้นมิได้ตามล้างผลาญ | จะเดือดดาลวุ่นวายไม่หายฉุน |
ที่จะหาให้ใหม่ได้การุญ | พอสิ้นวุ่นวายใจไม่ละวาง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมือซังฟังถ้อยค่อยกระจ่าง |
เห็นจะเสร็จสมคิดไม่จิตรจาง | จึ่งเรียกนางวังคอนให้หล่อนมา |
ได้รู้จักมักจี่กับพี่ไว้ | จะได้พึ่งพากันไปวันน่า |
เฝ้าขยับลับล่อไม่ต่อตา | จะมารยาไปถึงไหนจะใคร่รู้ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางวังคอนแลชม้ายอายอดสู |
ยืนก้มชมช่อบุบผาชู | โฉมตรูอิดเอื้อนไม่เคลื่อนคลาย |
นางมือซังซ้ำเตือนเหลือเบือนบิด | ใส่จริตเคืองค้อนงอนใจหาย |
ผันแปรแลชำเลืองเยื้องกราย | มายืนอายแอบหลังบังพี่นาง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางมือซังสันทัดไม่ขัดขวาง |
จึ่งว่ามารู้จักกันไว้พลาง | เหมือนทำทางไว้ให้เตียนไม่เวียนวก |
ข้าเปนเหมือนนั่งร้านตพานเรือก | ฤๅรอกเชือกช่วยประคองกันของตก |
แม้นสิ้นงานท่านก็เห็นเปนเรี้ยวรก | นี่แลอกคนเช่นข้ามันน่าอาย |
แน่ฮเนาถ้าเจ้าสมอารมณ์หวัง | อย่าด่วนชังเครื่องมือรื้อสลาย |
จะรักหมากฝากให้รักทั้งทลาย | ทำแยบคายเคืองค้อนด้วยงอนใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ
จีนมุล่ง๏ เมื่อนั้น | ฮเนาผันกลั้นยิ้มมิใคร่ไหว |
นางวังคอนอ่อนกว่าเราเมื่อไร | มายกให้เปนน้องจองเหมือนนา |
จะขัดคำทำไมให้หม่นหมอง | จึ่งสนองขอบคำที่ร่ำว่า |
ตัวน้องเช่นเครือเขาเถาลดา | หมายพึ่งพาไม้ใหญ่ได้ไต่เลื้อย |
แม้นเมตตาให้ข้าได้ยึดเกาะ | ไม่เฉภาะว่าที่ไหนคงไต่เรื่อย |
เหมือนหว่านเข้าไหนเล่าจะเปล่าเปลือย | กลับเปนเฟือยหญ้าไปไม่ควรคิด |
บัดนี้ข้าขอลาพี่ไปก่อน | เที่ยวสัญจรหาสัตรูสู้ตามติด |
มาทแม้นมิตายวายชีวิตร | ตั้งจิตรจะกลับมาอย่าปรารมภ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | สองนางต่างอายชม้ายก้ม |
เห็นสมหวังดังจิตรคิดนิยม | แล้วเกลียวกลมที่จะไปเสียไกลกัน |
ถึงจะห้ามปรามอย่างไรไหนจะอยู่ | เห็นสุดรู้สุดฤทธิ์คิดกระศัลย์ |
ทั้งสองก้มภักตราลงจาบัลย์ | สอื้นอั้นอ่อนอารมณ์ไม่สมประดี |
เอื้อนอำนวยอวยพรสท้อนจิตร | จงเปลื้องปลิดอันเทาทุกข์เช่นศุขี |
แม้นชิงไชยได้ชนะแก่ไพรี | อย่าลืมที่รักใคร่ได้สัญญา |
ถ้ามิด่วนคืนหลังดังนัดไว้ | จะบรรไลยมิได้ทันมาเห็นหน้า |
ร่ำพลางสองนางก็โศกา | ประหนึ่งว่าจะตายวายชีวิตร |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ฮเนานึกปลาดอนาถจิตร |
สงสารสองนางจริงหยุดนิ่งคิด | มาหมายผิดเออนี่กรรมทำกระไร |
จะแจ้งความตามสัตย์ตัดสวาดิ | ไหนสองนาฎนางจะหยุดสุดวิไสย |
จึงปลอบโยนสองนางให้ส่างใจ | แล้วอำลาครรไลยเข้าในดง |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิต
ทยอยลาว๏ เดินพลางทางตรึกนึกก็ขัน | ดูเหมือนฝันอนาถจิตรพิศวง |
นางที่เราจงจิตรคิดจำนง | เกือบได้คงคู่แล้วกลับแคล้วไกล |
ส่วนนารีที่มิได้โดยนึกฝัน | มาหมายมั่นจงจิตรพิศมัย |
เออโลกนี้นี่มันเปนอย่างไรไป | จึงดลให้ไขว้โขวเล่ห์ดังนี้ |
อ่อที่จริงหญิงดีนั้นมีน้อย | หานับร้อยไม่ยากเย็นเช่นสองพี่ |
เมื่อตัวเราหวังจะใคร่ได้ที่ดี | ไยไม่มีความเพียรเวียนรวัง |
โอ้ลำหับลับอยู่ไม่รู้ชัด | ฤๅวิบัติเสียแล้วเราไปเมาหวัง |
นึกอาวรณ์ร้อนรนพ้นกำลัง | เดินเซซังไปในป่าพนาไลย |
ฯ ๘ คำ ฯ ลาวกระแตไต่ไม้
ขอม๏ เมื่อนั้น | ซมพลาเพลินจิตรพิศมัย |
ซุ่มอยู่คูหาห้องใน | กับลำหับทรามไวยวิไลยลักษณ์ |
แต่เฝ้าเย้ายวนชวนชิด | แนบสนิทอุ้มนางขึ้นวางตัก |
สำผัสภิรมย์ชมภักตร์ | ฟูมฟักมิได้เว้นวาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ครั้นเวลาสายัณห์เย็นพยับ | กอดประทับปลอบประโลมโฉมฉาย |
จงนิทราอย่าประหวั่นพรั่นกาย | พี่จะกล่อมฤๅสายให้ไสยา |
ฯ ๒ คำ ฯ
พัดชา๏ ดวงเนตร | ทั่วเวิ้งวันเวศหว่างภูผา |
จะเสาะโฉมสู้เจ้าลำเภาพงา | ไม่พึงหาเห็นลึกอย่านึกเลย |
จะควรคู่อยู่แต่ดวงปะยงทิพย์ | อันลอยลิบนวลลอองแลน้องเอ๋ย |
เคราะห์ของพี่ดีกระไรจึ่งได้เชย | แสนเสบยทุกเวลานาทีเอย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ลีลากระทุ่ม๏ ดวงสวาดิ | งามศิริวิลาศเฉลิมศรี |
อาจผโอนจิตรชายชาตรี | ให้สิ้นรักชีวีเพราะหวังชม |
แม้นมาทพลาดมือไม่เหมือนหมาย | ควรวางวายดีกว่าอยู่คลาดสู่สม |
นี่แลน้ำจิตรพี่ที่นิยม | เกลียวกลมกอดประทับหลับไปเอย |
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
ร่าย๏ ครั้นนอนรงับหลับสนิท | ก็ยังเกิดนิมิตรฝันใฝ่ |
สดุ้งตื่นตระหนกตกใจ | กอดลำหับไว้ไม่เคลื่อนคลาย |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับก็ใจหาย |
เห็นซมพลากอดกระหวัดรัดกาย | โฉมฉายก็ถามไปทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลานึกฉงนหม่นไหม้ |
จึ่งเล่าความฝันนั้นไป | ว่ามีกาคุชใหญ่มหิมา |
อันนอนั้นแหลมดังขนเม่น | โลดเต้นไล่ประชิดขวิดข้า |
สู้กันในกลางพนาวา | ยังมีตาโก๊ะตัวลาย |
โผนมาคว้าคาบต้นฅอไว้ | ดิ้นรนเท่าไรไม่ขยาย |
กัดติดจนชีวิตรวางวาย | ฝันนี้เห็นร้ายเหลือประมาณ |
ถึงพี่จะตายวายชีวิตร | มิได้คิดกลัวข้อดับสังขาร |
ทุกข์แต่ถึงเจ้าลำเภาพาล | สงสารจะเปนประการใด |
เล่าพลางอาดูรพูลเทวศ | ชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล |
แสนโศกโศกาอาไลย | กอดลำหับไว้ไม่เคลื่อนคลาย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับโฉมฉาย |
ฟังคำร่ำเล่าบรรยาย | ใจหายประหวั่นพรั่นนัก |
จึ่งว่าถ้าเจ้าอันตราย | เมียจะตายตามจงประจักษ์ |
มิขออยู่สู้โศกซึ่งพรากรัก | ซบลงเหนือตักแล้วโศกา |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นค่อยเคลื่อนคลายวายโศกศัลย์ | พอตวันเรื่อแรงแสงกล้า |
ชวนกันเสพย์รศโภชนา | ซมพลารำพึงคนึงใน |
แต่มาอยู่คูหาก็หลายวัน | หาได้ขุดเผือกมันมาเติมไม่ |
จวนจะสิ้นเสบียงที่เตรียมไว้ | จำจะไปเที่ยวหามาสำรอง |
จึงบอกลำหับกัลยา | พี่จะไปหามันอย่าหม่นหมอง |
ไม่ช้าจะมาเพื่อนน้อง | เจ้าจงอยู่ห้องให้สำราญ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ลำหับกัลยาฟังว่าขาน |
หวาดหวั่นพรั่นใจพ้นประมาณ | นางจึ่งทัดทานห้ามไว้ |
เจ้าฝันร้ายนักหนาในราตรี | วันนี้หาควรไปไม่ |
ถึงจะอดอยากลำบากใจ | ก็จะเปนไรไปอย่าร้อนรน |
แม้นพ่อไปมีอันตราย | เมียจะตายอยู่ในไพรสณฑ์ |
จงเมตตาอย่าเปนกังวล | อยู่ด้วยกันสองคนอย่าครรไลย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลายิ้มแย้มแจ่มใส |
จึ่งว่าเจ้าอย่าร้อนใจ | ทำไมกับฝันไม่พรั่นพรึง |
ถึงจะมีสัตรูจู่ประจัน | พี่ไม่เกรงมันสักนิดหนึ่ง |
อันสิงสาราสัตว์อย่าคำนึง | บ่ายหน่อยพี่จึงจะกลับมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | นางลำหับสดับคำผัวว่า |
สุดที่จะทานทัดขัดวิญญา | นางนั่งโศการ่ำไร |
ฯ ๒ คำ ฯ โอค
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาหาสทกสท้านไม่ |
ปลอบเมียพลางทางเช็ดชลไนย | เจ้าอย่าร่ำไห้ไม่ต้องการ |
พี่ไปไม่ช้าจะมาพลัน | อยู่ด้วยจอมขวัญยอดสงสาร |
ว่าแล้วแต่งตัวมิได้นาน | จับเสียมกล้องทยานออกไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
สามไม้๏ ครั้นออกมานอกคูหา | ให้สยองโลมาเร่งหม่นไหม้ |
มันนึคู่ชีวีที่คาดไว้ | ก็ขาดตกลงไปลุ่ยกระจาย |
สดุ้งจิตรคิดเห็นเข็ญวิบัติ | นึกกลัวเซมังงัดทั้งหลาย |
อัดอั้นดวงกระมลกระวนกระวาย | เปนลางร้ายนึกปลาดอนาถใจ |
เหลียวดูปากถ้ำระกำอก | แสนวิตกหวาดหวั่นพรั่นจิตรไหว |
โอ้ลำหับลับตาเหลืออาไลย | แม้นมีเหตุเภทไภยจะไกลตา |
ฤๅหนึ่งจะกลับคืนหลัง | อยู่รวังมารศรีที่คูหา |
ลังเลใจมิใคร่จะลินลา | แต่ประหม่ากระเหม่นอยู่เปนนาน |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ แล้วฮึกฮักหักห้ามความวิตก | ไม่สทกสท้านจิตรคิดห้าวหาญ |
เห็นไม่มีใครกล้ามาแผ้วพาน | ก็รีบผ่านแถวพนาคลาไคล |
ฯ ๒ คำ ฯ
ม้าย่อง๏ เดินทางตามหว่างภูเขาหลวง | ไม่หายห่วงน้องน้อยลห้อยไห้ |
เห็นบุบผาเบิกบานตระการใจ | กล้วยไม้รายช่ออรชร |
ที่พุใหญ่ใกล้กันกับคูหา | น้ำใสไหลซ่าจากสิงขร |
หวนรฦกนึกคนึงถึงบังอร | เมื่อยามร้อนหวังจะพาเจ้ามายล |
จะได้เล่นวารีที่ตกพร่า | จากเงื้อมผาพร่างพร้อยดังฝอยฝน |
พิกุลเกิดกิ่งชายใกล้สายชล | ต้องลมหล่นแลเกลื่อนเหมือนแกล้งปราย |
นึกฉุกใจมิได้พานางมาด้วย | จะได้ช่วยชี้ชมสมมุ่งหมาย |
เหมือนไม่องอาจเช่นชาติชาย | นึกอับอายเปล่าเปลี่ยวไม่เหลียวแล |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
ร่าย๏ ครั้นมาถึงเชิงชานลานบรรพต | เดินเลี้ยวลดตามชายสายกระแส |
เที่ยวขุดหาเผือกมันผันแปร | ได้เต็มแล้มากมายก่ายกอง |
คิดจะเป่ากระเหว่าไปบ้าง | เสียงค่างร้องพิฦกกึกก้อง |
คว้าบเลาเข้าไปเดินด้อมมอง | ย่างย่องแหงนชะแง้แลดู |
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงฉิ่ง
โศกโขไทย๏ เมื่อนั้น | ตาจองลองแค้นใครไม่มีคู่ |
อีเถ้าถิ่งกาลีมันมีชู้ | อ้ายวางซองเสือกจู่เข้าครอบครอง |
ชวนตาเถ้าจับปิ๊บรีบเข้าป่า | วานแกมาช่วยเขม้นเปนที่สอง |
โรงศาลก็ไม่มีที่จะฟ้อง | จึ่งจนใจได้แต่ลองฝีมือมัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
เขมรไล่ควาย๏ เดินพลางทางบ่นตุ๋มตั๋ม | กรรมเอ๋ยกรรมกรรมอะไรนั่น |
ไปแปรักเสียสี่ปีเท่านั้น | มันพากันว่าตายโหงโก้งโค้งคุด |
อีถิ่งถ่อยหนังห้อยเหมือนคางคก | ยังอยากกกร่ำไปไม่รู้หยุด |
อ้ายวางซองสาระยำทำทุดทะรุด | กูไม่กุดหัวได้ไม่ใช่ชาย |
จะแทงด้วยบาเดะมันเกะกะ | แล้วก็จะตายง่ายอ้ายฉิบหาย |
จะต่อยมันให้คมำตำขี้ควาย | จึ่งจะวายแค้นคับถึงตับไต |
นี่แน่พ่อจับปี๊บรีบเถิดเจ้า | ไปให้ถึงก่อนเขาจึ่งจะได้ |
เพราะเราท้าเขาจะว่าเราท้อใจ | พากันครรไลยไม่หยุดยั้ง |
ฯ ๘ คำ ฯ ค้างคาวกินกล้วย
ร่าย๏ ถึงมอนแลงที่แจ้งนัดกันไว้ | เห็นต้นไม้ใหญ่เข้าหยุดนั่ง |
หญ้าแพรกอ่อนนอนเล่นเอากำลัง | พลางสั่งสนทนาพาที |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
ลำเพชร๏ เมื่อนั้น | ตาวางซองตรองตรึกไม่นึกหนี |
จองลองกล้าท้าให้ไปต่อตี | มิได้มีหวาดหวั่นพรั่นพรึง |
แกแก่กว่าราวสักห้าปีไปได้ | ทั้งหัวไสเสียท่าเรากว่าครึ่ง |
แม้นถูกหมัดเข้าคงเปราะเพราะหนังตึง | มิร้องอึงอบป่าอย่าว่าชาย |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ ชวนตาตอเลนไปเปนคู่ | เมื่อต่อสู้จะไต้เห็นเปนสหาย |
ออกจากบ้านพากันดั้นตะกาย | มุ่งหมายมอนแลงแหล่งตำบล |
ฯ ๒ คำ ฯ แขกเงาะ
๏ ครั้นถึงซึ่งพฤกษาใหญ่ | เห็นหัวจองลองใสอยู่ใต้ต้น |
แวะนั่งเหนือรังจะเวาไม่เข้าปน | ให้เพื่อนจรดลไปเจรจา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตาตอเลนเจนจัดหมัดมวยกล้า |
จึ่งพยักกวักเรียกจับปิ๊บมา | ว่ากล่าวเกลี่ยไกล่เปนไมตรี |
อันเพื่อนเราสองข้างต่างหงำเหงือก | จะเลือกอาวุธใดให้ควรที่ |
จะกำหนดเวลาช้าเร็วมี | เมื่อต่อตีเราไม่ยึดกี่อึดใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตาจับปิ๊บจีบปากถากถางให้ |
เพื่อนของท่านหนุ่มกว่าข้าเท่าใด | ฤๅจะใช้สาตราน่าไม่อาย |
เพื่อนของข้าว่าจะชกด้วยกำหมัด | เพราะเจนจัดเหลือดีไม่หนีหาย |
ฤๅไม่สู้สารภาพไม่หยายคาย | ขอโทยหมายจะอภัยไม่จองเวร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตาตอเลนเต้นร่าเหมือนท่าเขน |
อันวางซองของข้าหมัดมวยเจน | จะประเคนศอกสท้านกระบานแยะ |
ตริตรองดูเสียให้ดีพี่จับปิ๊บ | จะถูกถีบถลาล้มจมแหมะแขะ |
ไม่แกล้งคุยข่มท้าว่าค่อนแคะ | อย่าหัวเราะแหะแหะคงเห็นกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตาจับปิ๊บปอดดีไม่มีพรั่น |
บอกเวลาอาณัติจำกัดกัน | แล้วผายผันกลับมาหาเพื่อนตัว |
ฯ ๒ คำ ฯ พม่าใหม่
๏ เมื่อนั้น | สองนักเลงผู้ใหญ่ม่ิใช่ชั่ว |
ชักเลาะเตี๊ยะตึงกระสันไม่พันพัว | เศกสามพั้วเป่าปลอดตลอดกาย |
แล้วบ่ายหน้ามายืนกลางแปลง | ที่สองแจ้งกำหนดได้นัดหมาย |
แล้วจดหมัดมืองอย่อท้าย | ทั้งสองนายชกต่อยไม่ถอยกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ ต่อยมวย
๏ ประเดี๋ยวใจได้ยกเหื่อตกซ่าน | ที่สองทยานเข้ากางกั้น |
เหนื่อยบอบหอบโครงเปนอันอัน | ให้น้ำเสร็จพลันค่อยบันเทา |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ ต่างคนต่างลุกขึ้นชกอีก | หลบหลีกตอบต่อยอด้วยเข่า |
เตะถีบถองหลังดังไม่เบา | สองเฒ่าทรหดอดทน |
ฯ ๒ คำ ฯ เจ้าเซ็น
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาเที่ยวมาในไพรสณฑ์ |
ถึงมอนแลงที่แจ้งจรดล | ไปพบตาสองคนต่อยกันนัว |
จึงเข้าไปห้ามว่าอย่าหุนหัน | หยุดต่อยกันสักครู่เถิดปู่ขรัว |
เพื่อนสองข้างต่างเข้าช่วยพันพัว | รั้งตัวลากฉุดก็หลุดพลัน |
ซมพลาเข้าใกล้จำได้แน่ | ว่าตาแก่เจ้าชู้ที่คู่ขัน |
จึงไต่ถามเหตุผลแต่ต้นนั้น | มาต่อยกันทำไมในดงดาน |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สองเฒ่าเหนื่อยล้มลมสว้าน |
ช่วยกันคั้นนวดอยู่เปนนาน | หายเหนื่อยอาการจึงค่อยฟื้น |
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ตาจองลองเล่าพลางทางสอื้น |
ข้าไปค้ากลับมาเมื่อวานซืน | เมียเปนของคนอื่นทั้งเรือนชาน |
อ้ายวางซองจองหองมาครอบงำ | เข้าอยู่ประจำเสียทั้งบ้าน |
ไม่มีใครจะได้เปนตระลาการ | จึงนัดมาต่อต้านตัวต่อตัว |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ตาวางซองตีอกชกหัว |
ใช่ข้าจะคิดร้ายไม่อายกลัว | เพราะนางถิ่งว่าผัวนั้นตายแล้ว |
ข้าก็เปนพ่อม่ายไร้แม่เรือน | คิดหาเพื่อนปกครองให้ผ่องแผ้ว |
ครั้นผัวมาทำตาอยู่บั้งแบว | พึ่งรู้แกวว่าแกปดหมดปัญญา |
แม้นว่ามีตระลาการศาลถามซัก | จะให้การให้ประจักษ์ไม่กังขา |
นี่หาไม่จำใจต้องออกมา | เพราะเขาท้าไม่รับก็อับอาย |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาฟังคำร่ำขยาย |
ให้นึกขันกลั้นหัวตากับยาย | มาเคราะห์ร้ายชิงชู้คู่กับเรา |
เสียวจิตรคิดถึงเรื่องของตัว | แม้นเจ้าผัวเซ่อซ่ามาพบเข้า |
เรามิต้องต่อยกันกับฮเนา | แต่ผิดเค้ากันอยู่นิดที่จิตรนาง |
คิดพลางทางพูดไกล่เกลี่ย | ข้าจะขอเสียทั้งสองข้าง |
จะรักใคร่ไปทำไมกับคนกลาง | เปนเยี่ยงอย่างสัตรีที่ชั่วร้าย |
อันความอายขายหน้ามาต่อรบ | ก็พอลบอัปรยศให้หมดหาย |
จงคืนทับดับใจให้สบาย | อย่าวุ่นวายตาทั้งสองจงตรองความ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สองเฒ่านิ่งนั่งฟังคำห้าม |
ค่อยรงับดับโกรธที่ลุกลาม | ยอมตามซมพลาว่ากล่าวนั้น |
ถ้อยทีดีกันไม่ขึ้งโกรธ | ษมาโทษไม่รังเกียจเดียดฉัน |
ต่างคนอำลาพากัน | ด้นดั้นกลับบ้านสำราญใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ แขกตลุง
แขกบรเทศ๏ เมื่อนั้น | ซมพลายิ้มแย้มแจ่มใส |
สนุกเรื่องยายตาเปนพ้นไป | คิดไว้ว่าจะเล่าให้เมียฟัง |
เหลียวดูสุริย์ฉายเห็นบ่ายคล้อย | ลำหับจะคอยอยู่ข้างหลัง |
จึงดัดดั้นมรคาเข้าป่ารัง | จะไปยังภูผาหาโฉมตรู |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ต้นเพลงยาว๏ เมื่อนั้น | ฮเนาเดินเวียนวนค้นอยู่ |
พอเหลียวหน้ามาเห็นสัตรู | โจมจู่เข้ามาคว้าแขนรัด |
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย๏ ชักบาเดะออกมาตั้งท่าแทง | กวัดแกว่งกระชั้นชิดบิดสบัด |
ปล้ำกันยันยึดฮึดฮัด | แว้งกระหวัดติดต่างไม่วางกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลากล้าดีไม่มีพรั่น |
จึ่งว่าแก่ฮเนาไปพลัน | ไฉนนั่นจึงไม่ให้รู้ตัว |
นี่ฤๅคนกล้าหน้าไม่อาย | ลอบทำอันตรายกูน่าหัว |
มึงทำทั้งนี้ก็เพราะกลัว | อ้ายชาติชั่วลอบกัดเหมือนสัตว์ร้าย |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาฟังซมพลาว่าเสียหาย |
ได้สติตริตรึกนึกอาย | จึงว่าอย่าวุ่นวายจะวางมือ |
เรามาเจรจาว่ากัน | อย่าเพ่อหุนหันดันดื้อ |
ว่าพลางวางให้ไม่ยุดยื้อ | มึงฤๅพาเมียกูหนีมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาตอบไปด้วยใจกล้า |
กูไปรับลำหับกัลยา | เพราะว่านางสมัครักเรา |
บัดนี้นางก็เปนเมียกู | จะห่วงใยอยู่ทำไมเล่า |
จงไปหาใหม่อย่าใจเบา | เช่นเจ้าหาไหนไม่ยากนาน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาฟังว่าเห็นกล้าหาญ |
เร่งพิโรธโกรธใจดังไฟกาล | จึ่งว่าอ้ายเดรฉานช่างพาที |
มึงไปฉุดนางมากลางคืน | แล้วเกล้งข่มขืนกดขี่ |
ทำการร้ายกาจชาติอัปรี | ยังจะมาอวดดีว่านางรัก |
กูจะสังหารผลาญชีวี | มิให้ติดธรณีอยู่ให้หนัก |
อ้ายคนร้ายกาจชาติทรลักษณ์ | ใครดีได้ประจักษ์กันวันนี้ |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาฟังถ้อยไม่ถอยหนี |
ชักบาเดะออกมาว่ากล้าดี | มาต่อตีกันดูให้รู้ฤทธิ์ |
ต่างคนต่างว่านางรัก | ความจริงไม่ประจักษ์แจ้งจิตร |
มาสู้กันใครตายวายชีวิตร | นางคงเปนสิทธิ์ของผู้ยัง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนาได้ฟังดังจะคลั่ง |
แกว่งบาเดะราญรุกบุกจำบัง | ก้าวยั้งย้อนขยับกลับแทง |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาห้าวหาญชาญกำแหง |
รับรองป้องกันกลางแปลง | กวัดแกว่งผัดผันกันไปมา |
ฯ ๒ คำ ฯ กลองแขก เชิด
ช้าหวน๏ เมื่อนั้น | นวลนางลำหับเสนหา |
แต่ละห้อยคอยหาภัศดา | จนเวลาตวันลงไรไร |
ไม่เห็นคืนหลังมายังถ้ำ | จวนพลบค่ำน่าจะมีเหตุไฉน |
นั่งนิ่งรำพึงตลึงตไล | นางไม่มีศุขสักนาที |
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย๏ อย่าเลยจะตามไปดู | จะเปนอย่างไรอยู่ให้รู้ที่ |
คิดพลางย่างเยื้องจรลี | แลหาสามีทุกแห่งไป |
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงเร็ว
ทยอย๏ ค้นตามน่าถ้ำลำธาร | หาพบพานร่องรอยแห่งไรไม่ |
นางนิ่งตระหนกตกใจ | ตะโกนกู่หวั่นไหวให้สำเนียง |
ร้องเรียกเท่าไรไม่ขานรับ | หูตรับฟังไปไม่มีเสียง |
เดินพลางย่างย่องมองเมียง | นางเพียงจะพินาศอนาถใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ ครั้นค่อยเสื่อมคลายวายโศก | กัลยาทุกข์ทนหม่นไหม้ |
ดัดดั้นมรคาคลาไคล | ลงจากเนินไศลถึงลำธาร |
เห็นรอยบาทาปรากฎชัด | เลาะลัดเลียบน้ำลำลหาน |
ค่อยบันเทาเบาเทวศแดดาล | เยาวมาลย์ตามรอยจรลี |
ฯ ๔ คำ ฯ
ตนาวแปลง๏ เดินทางกลางไพรใจระทึก | ไม่วายนึกขุ่นข้องหมองศรี |
สงัดเงียบเยียบเย็นเช่นราตรี | ปักษีซบเซาเข้ารังรวง |
บุบผามาลีที่เคยบาน | ก็บันดาลลมโชยโรยร่วง |
ให้ร้อนอ้าวผ่าวปลาบวาบทรวง | เหงาง่วงหนักหลังไนยนา |
มานุคดงลงตีกันริมหาด | งูพิศม์เลื้อยผาดผ่านหน้า |
เปนลางนางยิ่งหวาดวิญญา | แขงใจลีลาคลาไคล |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | รำแก้วตัวดีพี่ผู้ใหญ่ |
ทั้งปองสองปองสุดแยกกันไป | ค้นหานางในพนาลี |
เดินเวียนวนไปจนประจวบทาง | ต่างคนต่างถามถึงน้องพี่ |
ตวันเย็นเห็นจวนราตรี | ชวนกันกลับที่เคยสำนักนิ์ |
เดินไปบัดใจก็เห็นหน้า | น้องสู้ซมพลาอึกอัก |
เข้าแอบไม้มองป้องภักตร์ | หยุดนิ่งชงักคอยที |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ฮเนายับย่อยไม่ถอยหนี |
สู้กันบันบุกคลุกคลี | ต่างมีบาดเจ็บทั้งสองคน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลายับย่อยไม่ถอยย่น |
หลบหลีกตอบต่อล่อชน | อลวนประชิดไม่คิดกาย |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | รำแก้วคอยเขม้นไม่ขาดสาย |
เห็นจวนตัวกลัวน้องจะอันตราย | หยิบบอเลามุ่งหมายไม่พริบตา |
เอาปุยหุ้มบิลาพลันบรรจุกลอง | จดจ้องเล็งหลิ่วนิ่วหน้า |
พอเห็นฮเนาห่างออกมา | ก็เป่าลูกบิลาโผละไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ บิลามาต้องซมพลา | เฉภาะตรงหน้าผากเพียงตักษัย |
พิศม์แล่นวิ่งถลาเข้าในไพร | มิได้รู้ตำบลหนทาง |
พอมาประทะปะลำหับ | นางวิ่งเข้ารับพอล้มผาง |
ตกใจไม่รู้สึกตัวนาง | กอดผัวเข้าพลางตลึงไป |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาลืมตาขึ้นมาได้ |
แลเห็นลำหับทรามไวย | ผวากอดเข้าไว้แล้วโศกี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ปี่ใน๏ โอ้โอ๋ลำหับของเรียมเอ๋ย | ทรามเชยผู้เทียมชีวิตรพี่ |
จะขออำลาเจ้าแล้วคราวนี้ | มิได้มีชีวิตรสืบไป |
ฮเนาเขาตามสังหาร | ก็พอต่อต้านเขาได้ |
มีผู้ลอบยิงจากในไพร | เปนจนใจจำลับดับชีวิตร |
พี่ตายจากพรากเจ้าไปทั้งรัก | สุดจะหักห้ามวิโยคโศกจิตร |
มาทแม้นชีวีพี่ม้วยมิด | จงคืนคิดรักใคร่ในฮเนา |
เขาคงพิศวาศไม่บาดหมาง | จงเสื่อมส่างวิโยคโศกเศร้า |
ให้พี่ตายวายพะวงด้วยนงเยาว์ | จะหลับตาลาเจ้าบรรไลยลาญ |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | นางลำหับเยาวยอดสงสาร |
ฟังคำอำลาทุกประการ | เยาวมาลย์จะพินาศขาดใจ |
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้บูชากุณฑ์๏ โอ้ว่าซมพลาของเมียเอ๋ย | ไฉนเลยมาสั่งดังนี้ได้ |
พ่อเดาจิตรเมียผิดเปนพ้นไป | ด้วยนึกว่าวิไสยเปนนารี |
คงกลัวตายหมายแต่จะหาศุข | ถึงยามทุกข์เข้าสักหน่อยก็ถอยหนี |
อันฝูงหญิงจริงอยู่ย่อมมากมี | แต่ใจของน้องนี้ไม่เหมือนกัน |
พ่อตายฤๅจะหมายมีผัวใหม่ | ให้กินใจกันเปนนิจคิดหวาดหวั่น |
ว่าเคยสองคงปองสามไม่ข้ามวัน | รศรักนั้นคงจะจางด้วยหมางใจ |
รักของน้องปองแต่ให้แท้เที่ยง | ไม่หลีกเลียงเข็ดขามตามวิไสย |
จะให้พ่อวายชนม์พ้นห่วงใย | เมื่อเกิดไหนจะได้พบประสบกัน |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ ร่ำพลางนางฉวยบาเดะมา | จากมือซมพลาที่กำมั่น |
แทงสอดซอกฅอฉับพลัน | มอดม้วยชีวันทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ซมพลาระทึกอกหมกไหม้ |
เสียวจิตรพิศม์แล่นตลอดใน | โลหิตหลั่งไหลวายปราณ |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น | ฮเนายืนยั้งฟังว่าขาน |
ยินสองสั่งกันบันดาล | ซาบซ่านสยองพองโลมา |
ครั้นเห็นลำหับดับจิตร | ซัมพลาม้วยมิดดับสังขาร์ |
ตลึงอยู่ครู่หนึ่งไม่เจรจา | วับวาบปลาบซ่ารู้สึกกาย |
ความรักสลักอกอัดอั้น | ใจฅอเสียวสั่นระส่ำระสาย |
ถลาแล่นไม่ย้งประทังกาย | กอดศพโฉมฉายไม่สมประดี |
ฯ ๖ คำ ฯ
โอ้ช้า๏ กรรมกรรมลำหับเจ้าพี่เอ๋ย | ไม่เห็นเลยว่าจะม้วยเปนผี |
พี่รักเจ้าเท่าดวงชีวี | หวังมอบชีพมารศรีจึ่งเสาะไป |
สู่ขอพ่อแม่ก็ยินยอม | พรักพร้อมกันทำการใหญ่ |
สมคิดควรฤๅมาจากไกล | มิได้แจ้งเหตุดีแลร้าย |
จึ่งอุส่าห์พยายามตามนาง | ไม่จืดจางจงจิตรคิดมุ่งหมาย |
พึ่งมาแจ้งประจักษ์เมื่อเจ้าตาย | ว่าโฉมฉายสมัครักซมพลา |
ฯ ๖ คำ ฯ
สร้อยมยุราตัด๏ แม้นแต่เดิมเริ่มรู้ความตระหนัก | จะห้ามหักจิตรไว้ให้นักหนา |
ไม่ชิงรักหักหาญดวงกานดา | เพราะความแสนเสนหาหักอาไลย |
ถึงจะยอมออมอดไม่เอิบเอื้อม | ก็ไม่เสื่อมซาคิดพิศมัย |
จะฝังรักสลักรูปไว้ภายใน | น่าน้อยใจกลับมาพาเจ้าตาย |
อันความผิดของพี่นี้เหลือล้ำ | ให้ชอกช้ำแสนวิตกอกสลาย |
ครวญพลางทางทุ่มทอดกาย | กอดศพโฉมฉายเข้าโศกา |
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
แขกสดายง๏ ค่อยรงับดับกำสรดสลดจิตร | นิ่งพินิจนึกสังเวชเปนนักหนา |
เอื้อนออกปากชมซมพลา | เขาควรนับว่าลูกผู้ชาย |
ซื่อตรงจงรักไม่หักหวน | จนจวนดับชีพสูญสลาย |
ยังไม่เกียจกันเห็นแก่กาย | หมายแต่ศุขของสุดาดวงใจ |
ตัวกูซึ่งเปนผู้รักคนหนึ่ง | ไม่เท่าถึงเทียมเทียบเปรียบเขาได้ |
ซ้ำเปนผู้ก่อเหตุเภทไภย | ให้เขาบรรไลยทั้งสองคน |
แม้นมีชีวิตรอยู่ตราบใด | นึกขึ้นมาเมื่อไรไม่เปนผล |
คงจะพาจริตจิตรวิกล | สุดจะทนทรมานสืบไป |
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย๏ คิดพลางหมกมุ่นหุนหัน | ฉวยบาเดะมาพลันหาช้าไม่ |
แทงตลอดอกซ้ายทลุใน | มอดม้วยบรรไลยเคียงกัน |
ฯ ๒ คำ ฯ สระหม่า โอด
๏ เมื่อนั้น | รำแก้วตกใจไหวหวั่น |
อิกทั้งปองสองปองสุดนั้น | วิ่งเข้าไปพลันทันที |
กอดศพฮเนาเข้าไว้ | พากันร่ำไรอึงมี่ |
ปิ้มประหนึ่งจะสิ้นสมประดี | ทั้งสองศรีครวญคร่ำรำพรรณ |
ฯ ๔ คำ ฯ
วิลันดาโอด๏ ดูดุ๊ความรักนักหนาหนอ | มาลวงล่อโลมพาคนอาสัญ |
ถึงสามศพสยบเรียงเคียงกัน | ล้วนทาษรักทั้งนั้นอนาถใจ |
แสนสงสารลำหับสาวน้อย | บุญใดที่คอยส่งให้ |
งามโฉมประโลมโลกย์เลิศวิไลย | ผูกจิตรชายได้ดังคาวี |
กรรมใดบันดาลสังหารเจ้า | ให้ผลอยกลืนรักเข้าไปเปนผี |
โอ้ซมพลาน่าชมฝีมือมี | น้ำใจดีกล้าหาญทานทน |
ควรฤๅเราสามตามสังหาร | ดังตาโก๊ะทยานไม่ย่อย่น |
ตรงต่อรักหักไม่เห็นแก่คน | ควรนับว่าเปนคนข้าความรัก |
อนิจาฮเนาเจ้าเพื่อนเข็ญ | ได้ขุ่นข้องลำเค็ญเพราะรักหนัก |
ช่างอาภัพลับหลงจงจิตรนัก | ไม่มีส่วนศุขสักหน่อยหนึ่งเลย |
อนิจารักกระไรใจจืดเหลือ | ไม่แผ่เผื่อผลาญชีพเล่นเฉยเฉย |
จงรู้ฤทธิ์รักร้ายอย่าหมายเชย | ศพจะเกยก่ายกลาดอนาถใจ |
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย๏ ว่าพลางพี่น้องทั้งสองรา | คลอคล่าวน้ำตาหลั่งไหล |
นิ่งนั่งตลึงขึงแขงไป | ด้วยอาไลยมิใคร่จรลี |
แล้วจึ่งตริตรึกปฤกษากัน | จะทิ้งศพไว้นั้นไม่ควรที่ |
เวลาพลบค่ำเข้าราตรี | จะเปนเยื่อเสือสีห์สังเวชใจ |
จะช่วยกันฝังศพทั้งสาม | ตามมีตามเกิดจะทำได้ |
แล้วชวนกันขุดหลุมที่ซุ้มไม้ | กว้างใหญ่พอเพียงเรียงกัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ฝรั่งควง๏ ครั้นเสร็จซึ่งการขุดหลุม | ช่วยกันอุ้มศพขมีขมัน |
ให้นอนข้างเคียงเรียงรัน | นางลำหับนั้นให้นอนกลาง |
ซมพลาขวาศพโฉมฉาย | ฮเนาเบื้องซ้ายเคียงข้าง |
หยุดนิ่งพินิจพิศพลาง | ไม่เสื่อมส่างโศกเศร้าเหงาใจ |
ช่วยกันขนดินมาถมกลบ | มิดศพมิให้เสือคุ้ยได้ |
แล้วชวนกันเก็บดอกไม้ | มาเรี่ยรายไว้ด้วยความรัก |
ฯ ๖ คำ ฯ นางหงษ์
ร่าย๏ เสร็จแล้วกล่าวคำอำลา | โศกเศร้าโศกาเพียงอกหัก |
จะจำจากไปอาไลยนัก | บ่ายภักตร์บุกป่าคลาไคล |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
โอ้ลาว๏ เดินพลางทางคิดคำนึง | ถวิลถึงน้องแล้วร้องไห้ |
สามราพากันมาในไพร | ฤๅจรกลับไปแต่สองเรา |
ปะยงทรงกลดเมฆบดบัง | ดูดังช่วยวิโยคโศกเศร้า |
มองเขม้นเห็นเม็งรังจะเวา | นึกว่าเงาน้องยาเจ้ามาตาม |
นกแซ้งแซวแจ้วมาเวลาดึก | สดุ้งนึกว่าน้องร้องทักถาม |
อนิจาปานนี้สักกี่ยาม | ให้วาบหวามโรยแรงแขงใจจร |
พี่พร้องน้องพร่ำร่ำหา | เปลี่ยวเปล่าวิญญาสท้อนถอน |
บุกชัฏลัดป่าพนาดร | พอเรื่อแสงทินกรก็รีบคลา |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด เชิด
ร่าย๏ ครั้นรุ่งรางส่างแสงสุริย์ใส | ก็ย่างย่องเข้าไปในเคหา |
แจ้งการมารดรบิดา | ตามเหตุมีมาทุกสิ่งอัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
แมลงวันทอง๏ เมื่อนั้น | สองเงาะฟังบุตรสุดโศกศัลย์ |
ข้อนอกครวญคร่ำรำพรรณ | ลูกทั้งสองนั้นไม่สมประดี |
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
ร่าย๏ บรรดาพวกเงาะที่ทับใกล้ | ต่างคนตกใจอึงมี่ |
บอกต่อกันไปไม่ช้าที | รู้ทั่วทั้งที่ถิ่นตำบล |
พากันรีบมาหามากหลาย | มีนายญาบเงาะนั้นเปนต้น |
ตองยิบฮอยเงาะทั้งสองคน | ดั้นด้นเดินป่ามางกงัน |
อิกทั้งเฒ่าซารุนผู้เสียงแห้ง | แจ้งว่าซมพลาพลอยอาสัญ |
จะใคร่รู้เรื่องราวข่าวสำคัญ | ก็พากันมายังบ้านยอปาน |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้งถึงจึ่งชวนกันเข้าไป | นั่งแน่นอยู่ในลานบ้าน |
ถามข่าวราวเรื่องเหตุการ | ตามซึ่งบันดาลเกิดมี |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ยอปานมาเนาะทั้งสองศรี |
จึ่งเล่าแถลงแจ้งคดี | ว่าเหตุนี้มิน่าจะควรเปน |
ลูกข้าตามไปปะซมพลา | โกรธาตีต่อก่อเข็ญ |
ซมพลาเสียทีหนีเร้น | ฮเนาตามไปเห็นลำบากกาย |
นางลำหับนั้นประคับประคองอยู่ | แล้วจู่ลู่แทงฅอตนสลาย |
ซมพลาก็พลอยวอดวาย | ลูกข้าก็ตายเพราะแทงตัว |
ทั้งนี้เปนต้นเพราะคนคด | ประมวญหมดความจริงหญิงมันชั่ว |
ชายซื่อเสียเค้าเพราะเมามัว | จงเร่งกลัวเร่งไกลใจสัตรี |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เงาะยังฟังคำถ้วนถี่ |
เห็นว่าน่าจะผูกไพรี | จะว่ากล่าวให้ดีด่วนตัดความ |
ฯ ๒ คำ ฯ
มอญแปลง๏ คิดแล้วจึ่งมีวาจา | นี่แน่ดูราท่านทั้งสาม |
เราจะว่าเปนกลางทางที่งาม | พิเคราะห์ตามเหตุผลแต่ต้นมา |
อันลำหับกับฮเนาเราไม่รู้ | ว่าเปนคู่รักใคร่ได้สบหน้า |
กลับรคายไปข้างฝ่ายนายซมพลา | น่าจะได้ลอบลักรักใคร่กัน |
ครั้นผู้ใหญ่จัดให้ได้ผิดคู่ | จึ่งจู่ลู่ลักไปในไพรสัณฑ์ |
ถึงผิดร้ายก็ได้ตายวายชีวัน | ใช้โทษทัณฑ์ถึงที่สุดยุติลง |
ฝ่ายฮเนาเล่าก็ตายเพราะหมายผิด | คลั่งคลุ้มคิดรักใคร่จนใหลหลง |
พวกเรายังอย่าคิดจองจิตรจง | เร่งเปลื้องปลงอาฆาฏให้ขาดพันธุ์ |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | สามบิดาเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
ถ้อยทีหายเหือดเดือดดาลกัน | สามแม่จาบัลย์บ่นพิปราย |
ฯ ๒ คำ ฯ
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น๏ | โอ้ลูกเราสามราเลี้ยงมายาก |
ยามจะพรากเหมือนฟ้าแลบแปลบเดียวหาย | |
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น๏ | น่าสงสารสามแม่ล้วนแก่กาย |
เลี้ยงลูกคล้ายฝูงนกที่กกฟอง | |
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น๏ | ถนอมมากมิให้พรากไปหนไหน |
มาเหมือนไข่กระทบแตกแยกเปนสอง | |
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น๏ | สงสารล้ำน้ำตาอาบหน้านอง |
เหมือนรางรองธารามาแต่ธาร | |
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น๏ | แม่เลี้ยงมาหวังว่าจะฝากร่าง |
มาขาดกลางเหมือนต้นไม้ใครประหาร | |
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น๏ | สงสารนักความรักมาขาดราน |
เหมือนเด็ดก้านบัวสดไม่หมดใย | |
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น๏ | โอ้แต่นี้แม่จะมีแต่ร้อนเร่า |
เหมือนเพลิงเผาลวกลนต้นไม้ไหม้ | |
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น๏ | สงสารจริงยิงล้นบ่นพิไร |
เหมือนเชื้อไฟสุมขอนจะร้อนนาน | |
(สามแม่) แขกลพบุรีสามชั้น๏ | แม่จะเปนเช่นต้นไม้ตายเพราะลูก |
เห็นก็ถูกควรลับดับสังขาร | |
(ทั้งหมด) แขกลพบุรีสองชั้น๏ | สงสารแท้เห็นไม่รอดคงวอดปราณ |
เหมือนไฟผลาญไพรพนัศเหลือตัดรอน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย๏ เมื่อนั้น | สามบิดาฝ่าฝืนสอื้นอ้อน |
คิดจะดับจิตรเศร้าที่เร่าร้อน | จึ่งผันผ่อนพรรณาด้วยอาไลย |
ฯ ๒ คำ ฯ
(ซารุน) แขกยามดึก๏ | โอ้โอ๋ซมพลาช่างกล้าเหลือ |
เข้าแย่งเหยื่อจากปากพยัคฆ์ใหญ่ | |
(ทั้งหมด) | ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดน่าเข็ดใจ |
เราพึ่งได้เคยเห็นคนเช่นนี้ | |
(ซารุน) | ยังรักหญิงยิ่งกว่ากายจนหายหวง |
กลับเปนห่วงหวังแต่ศุขของโฉมศรี | |
บอกให้รักฮเนาว่าเขาดี | |
ถึงผิดมีก็ยังเห็นเปนคนตรง | |
(ทั้งหมด) | ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดไม่เข็ดขาม |
จนถึงยามสิ้นชีวิตรน่าพิศวง | |
(ตองยิบ) | โอ้ลำหับดับชีวิตรจิตรมั่นคง |
ไม่พะวงแต่ความศุขสนุกสบาย | |
(ทั้งหมด) | ใจนางเด็ดใจนางเด็ดไม่เข็ดขาม |
ช่างตอบความดียิ่งหญิงทั้งหลาย | |
(ตองยิบ) | ใช้แต่พูดลวงล่อพอห่วงคลาย |
ฆ่าตัวตายมิให้มิตรคิดประวิง | |
ไม่กลัวความมรณาช่างกล้าเหลือ | |
ดูแปลกเชื้อชาติเช่นที่เปนหญิง | |
(ทั้งหมด) | ใจนางเด็ดใจนางเด็ดดังเพ็ชรจริง |
ใครท้วงติงก็ต้องเห็นว่าเปนพาล | |
(ยอปาน) | อนิจาฮเนาว่าเขลาฤๅ |
ที่แท้ซื่อแสนฉลาดทั้งอาจหาญ | |
(ทั้งหมด) | ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดเข็ดสันดาน |
จับซมพลาแล้วไม่ผลาญเมื่อเผลอตัว | |
(ยอปาน) | รู้ตระหนักว่านางรักข้างคู่แข่ง |
ไม่คิดแย่งยอมให้เขาเปนผัว | |
ครั้นนางตายไม่วายรักหักความกลัว | |
สู้กลืนกลั้วสัตย์กับรักหักใจมรณ์ | |
(ทั้งหมด) | ใจเขาเด็ดใจเขาเด็ดไม่เท็จถอย |
ตรงไม่น้อยไม่เคยเห็นเช่นแต่ก่อน | |
ทั้งสามมีดีประเสริฐควรเชิดช้อน | |
พอแบ่งผ่อนที่พวกเราว่าเมารัก |
ฯ ๑๖ คำ ฯ
(เงาะญาบ) ตลุ่มโปง๏พี่น้องเอ๋ยที่ว่ามาก็ถูก | รวังลูกรวังหลานคอยหาญหัก |
เขารักกันจงเจาะเฉภาะภักตร์ | ไว้ความหนักให้แก่ผู้อยู่ทั้งมวญ |
ไหนจะเศร้าที่เขากำจัดจาก | ไหนจะยากจริงไฉนต้องไต่สวน |
ไหนผู้ใหญ่ใจละห้อยพลอยแปรปรวน | ที่มิควรบาดหมางก็จางกัน |
(ทั้งหมด) | พูดเปนกลางพูดเปนกลางช่างตรองตรึก |
ความคิดลึกถูกสนิทไม่ผิดผัน | |
ควรผูกรักอย่าให้รานสมานพันธุ์ | |
ผูกให้มั่นสามวงษ์จงเปนเดียว |
ฯ ๖ คำ ฯ
(เงาะญาบ) ตะเขิง๏ โอ้พวกเราเหล่าเงาะล้วนเคราะห์ร้าย | จะต้องย้ายทับหาที่ป่าเปลี่ยว |
เพราะคนตายร้ายเช่นนี้ไม่ดีเจียว | ฤๅจะเที่ยวเร่ร่อนควรผ่อนปรน |
มาชวนกันคุกเข่ากราบเจ้าป่า | ราธนาช่วยระงับดับนิศผล |
ให้พวกข้าพ้นไภยใจโสภณ | ทั่วทุกคนสามัคคีมีไชยเทอญ |
ฯ ๔ คำ ฯ
สิงโตเล่นหาง๏ มาจะกล่าวบทไป | ถึงผู้รั้งพัทลุงเปนใหญ่ |
ตั้งแต่ได้ว่าขานการทั่วไป | มีใจโอบอ้อมอารี |
ตริไตรในการปกครอง | ไปตรวจทุกบ้านช่องท้องที่ |
จนถึงปลายแดนบูรี | อันมีพวกเงาะเลมาะไพร |
คอยระงับจับโจรผู้ร้าย | มิให้ทำอันตรายกำเริบได้ |
ราษฎรศุขเกษมเปรมใจ | สรรเสริญทั่วไปทั้งภารา |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ วันหนึ่งออกนั่งที่ว่าการ | ข้าหลวงพนักงานพร้อมหน้า |
ตรวจข้อราชการนานา | พอได้เห็นตรามณฑล |
ส่งมาแต่เมืองสงขลา | จะใคร่แจ้งกิจจาเหตุผล |
จับมีดน้อยตัดบัดดล | ชักต้นหนังสืออ่านทันใด |
ฯ ๔ คำ ฯ
เอกบท๏ ในลักษณ์นั้นว่ามีท้องตรา | พระราชสีห์มาสั่งให้ |
แสวงหาลูกพวกเงาะไพร | จะมีใครสมัคภักดี |
เลือกให้ได้รูปหมดเหมาะ | ตามเพศพวกเงาะถ้วนถี่ |
ดูฉลาดลาดเลาท่วงที | อย่าให้มีบังคับจับกุมกัน |
ให้หลวงผู้รั้งตั้งใจ | หาถวายให้ได้จงกวดขัน |
ถ้าสบดีน่าจะมีรางวัล | แม้นได้แม่นมั่นจงบอกไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในสาส์น | ผู้รั้งราชการหาช้าไม่ |
เตรียมตระพาหนะพร้อมไว้ | แต่ในเวลาราตรี |
ให้หาของต่างต่างอย่างเงาะชอบ | หมายมอบจำนวนถ้วนถี่ |
อิกเสบียงอาหารมากมี | พอรุ่งรางส่างศรีจะรีบจร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทนายรับคำสั่งฟังสลอน |
พากันมาจัดหาบคอน | รีบร้อนสำเร็จเสร็จพลัน |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สุริยาเรืองรองส่องแสง | ผู้รั้งแต่งกายคมสัน |
สรวมเสื้อหมวกยศระยับพรรณ | จรจรัลมาขึ้นกุญชร |
บ่าวไพร่ติดตามหลามหลั่ง | หามทั้งเสบียงฟูกหมอน |
นำน่านั้นตำรวจภูธร | พากันสัญจรรีบไป |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ เดินทางหว่างทุ่งวุ้งเขา | ล่วงลำเนาถึงชายป่าใหญ่ |
หยุดที่วัดถ้ำทันใด | สั่งให้ปลงช้างลงพัก |
บ่าวไพร่เข้าใจเดินทาง | ช่วยกันกางเต็นต์เสาปัก |
ผูกเชือกระยางกางชัก | โยงหลักรัดรวดกวดตึง |
พวกทนายคนสนิทคิดอ่าน | ผูกเปลสายป่านโยงขึง |
พวกทำครัวขั้วต้มอึงคนึง | บ้างนั่งอึ้งเหน็จเหนื่อยเมื่อยล้า |
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น | พวกผู้ใหญ่บ้านทั่วหน้า |
แจ้งว่าผู้รั้งภารา | ออกมาตรวจการด่านทาง |
ต่างคนยินดีปรีดา | จัดหากล้วยอ้อยหลายอย่าง |
ออกมาคำนับรับพลาง | แจ้งการต่างต่างทุกสิ่งอัน |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | ผู้รั้งฟังคำเกษมสันต์ |
จึงปฤกษาหารือคนทั้งนั้น | จะคิดอ่านผ่อนผันฉันใด |
บัดนี้มีพระราชประสงค์ | ตรงลูกเงาะป่าจะใคร่ได้ |
พาไปชุบเลี้ยงในเวียงไชย | แต่อย่าให้เปนที่เดือดร้อน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นายสินนุ้ยสนองคำซ้ำผันผ่อน |
ว่าพวกเงาะเหล่าชาวดอน | ตั้งแต่ไปเมืองนครกลับมา |
เชื่องราบลงกว่าแต่ก่อนหย่อนตื่นเต้น | ด้วยได้เห็นได้เฝ้าเข้าหน้า |
ทั้งได้ลาภสการนานา | เพียงพอปราถนาล้วนพึงใจ |
ซึ่งจะคิดเกลี้ยกล่อมเอาไปนั้น | เห็นจะพอผ่อนผันให้เชื่อได้ |
เงาะญาบเรียกว่ายังตั้งไว้ | ให้เปนหัวน่าดูแล |
จะไปตามตัวมาว่าเกลี่ยไกล่ | เห็นคงจะหาได้เปนแน่ |
ข้าจะไปช่วยกันผันแปร | สุดแท้แต่จะให้ได้มา |
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ผู้รั้งฟังคำผู้ใหญ่ว่า |
ชื่นชมสมถวิลจินดา | จัดของนานาที่พึงใจ |
คือผ้าแดงลูกปัดมีดพับ | ตลับหลังกระจกเล็กใหญ่ |
จอบเสียมเครื่องมือเหล็กไม้ | จะได้ไปแจกบ่ายให้ปัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | นายสินนุ้ยชื่นชมหฤหรรษ์ |
อำลาพากันออกไปพลัน | หมายมั่นเฉภาะบ้านเงาะยัง |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นไปบนทับ | เงาะญาบมารับเชิญให้นั่ง |
สินนุ้ยแถลงแจ้งให้ฟัง | โดยดังผู้รั้งสั่งมา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เงาะยังฟังคำที่ร่ำว่า |
นิ่งนั่งดำริห์ตริตรา | เห็นว่าเปนเวลาเหมาะดี |
ด้วยเกิดเหตุเภทพาลเปนการร้าย | พวกเงาะทั้งหลายจะย้ายที่ |
อ้ายคนังพ่อแม่มันไม่มี | ทั้งพี่ชายก็หนีด้วยกลัวไภย |
อยู่แต่เด็กสองราน่าสงสาร | อ้ายดินการงานพอใช้ได้ |
อ้ายคนังยังเล็กแม้นพาไป | จะอดอยากยากใจในอรัญ |
รูปร่างพอใช้ได้ขนาด | ทั้งฉลาดท่วงทีคมสัน |
จึงว่าอันจะหาเช่นว่านั้น | คงจะได้แม่นมั่นมิเปนไร |
แต่พวกเงาะนั้นชอบโนรา | ขอให้หามาเล่นจงได้ |
แม้นมันมาข้าจะแกล้งหน่วงไว้ | ส่งตัวให้ได้ดังใจจง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สินนุ้ยชื่นชมสมประสงค์ |
กำหนดนัดหมายมั่นคง | แล้วตรงมายังผู้รั้งราชการ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงกราบเรียนความ | ตามที่เงาะยังว่าขาน |
เห็นไม่สู้เดือดร้อนรำคาญ | ด้วยเด็กนั้นมารดาบิดาตาย |
พึ่งเปนกำพร้าไม่ช้านัก | สิ้นผู้ปกปักทั้งหลาย |
อาไศรยอยู่ด้วยพี่ชาย | จะนำไปถวายก็สมควร |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ผู้รั้งได้ฟังก็แย้มสรวล |
จึงสั่งทนายพลันวันจวน | ให้รีบด่วนคืนหลังยังกลางเมือง |
เร่งหาโนราขึ้นมามี | เลือกที่โรงดีฦๅเลือง |
พาหนะอันใดฝืดเคือง | อย่ากลัวเปลืองจ้างให้ได้รีบมา |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทนายรับคำเหนือเกษา |
มิได้นิ่งนอนใจไคลคลา | มิช้าก็ถึงกลางเมือง |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึ่งไปบอกหา | โนรามีฝีมือฦๅเลื่อง |
ช่วยขนรับกรับกลองนองเนือง | หีบเครื่องลุ้งเทริดของสำคัญ |
ตัวลครผ่อนบอกพวกตาเสือ | เอื้อเฟื้อทั้งมวญล้วนขยัน |
มายอมให้ขี่ฅอหัวร่องัน | พากันตรงไปพนาลี |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงไปอาไศรย | ที่บ้านผู้ใหญ่เกษมศรี |
ค้างอยู่ในเวลาราตรี | พรุ่งนี้จึงจะได้ลงมือ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | เงาะยังผู้ใหญ่ใจซื่อ |
เรียกพวกพ้องมาพูดหารือ | ต่างอออือเห็นด้วยจะช่วยกัน |
จงให้ป่าวร้องพวกศกกอย | ใหญ่น้อยทั่วป่าพนาสัณฑ์ |
จะมีโนราโรงสำคัญ | ให้ผายผันมาดูบ่ายวันนี้ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ แตพอบอกนัดบัดใจ | พวกศกกอยน้อยใหญ่อึงมี่ |
เต้นโลดโดดมาด้วยยินดี | เต็มที่น่าทับเงาะยัง |
แต่อ้ายงอดอ้ายแคไม่แน่จิตร | กลัวเขาจับผิดเรื่องหลัง |
ลอบหลบตัวไปในไพรรัง | เหลือแต่คนังน้องน้อย |
กับอ้ายดินได้ยินข่าวมา | สองรามิได้รู้ความถ้อย |
ดีใจดังจะโดดโลดลอย | ชวนกันหยอยหยอยรีบมา |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ถึงบ้านอ้ายยังพรั่งพร้อม | เข้าไปนั่งแวดล้อมสลับหน้า |
พูดจาจำโหนทโจตนา | ชะเง้อชะแง้แลตามิใคร่พริบ |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อ้ายยังนั่งพูดอุบอิบ |
กับนายสินนุ้ยคุยกระซิบ | งุบงิบย้อนยำทำอุบาย |
ร้องว่าบรรดาพวกเด็กเด็ก | ยังเล็กเบียดกันมากหลาย |
จะเจ็บปวดชอกช้ำระกำกาย | ควรขยายให้ขึ้นบนชานเรือน |
จะได้ดูการเล่นเห็นถนัด | เราช่วยกันคัดดูเถิดเพื่อน |
เรียกลูกสาวมาสั่งนั่งเตือน | อย่าเฉยเชือนเด็กน้อยคอยดูแล |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | พวกร่วมคิดฟังดูรู้กระแส |
เห็นว่าญักวัดยังอ่อนแอ | เรียกอีฮอลอมแม่อุ้มขึ้นมา |
อิกอ้ายคำไลลูกอ้ายโวะ | ยังเด็กโอ๊ะโอ๊ะให้นังน่า |
อ่ายไม้ไผ่แลคนังทั้งสองรา | พากันขึ้นไปไม่พรั่นพรึง |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ฝ่ายพวกโนราพอมาถึง |
ปูเสื่อตั้งวงลงเอ็ดอึง | แล้วพเน้าพนึงแต่งตัว |
เปิดลุ้งขลุกขลักประดักประเดิด | หยิบเทริดขึ้นสอดสรวมหัว |
นายโรงร้องรับกลับพันพัว | กลองรัวรุกกระหน่ำตามทำนอง |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาเล่นโนรา
๏ บัดนั้น | พวกศกกอยน้อยใหญ่ทั้งผอง |
ดูโนรารื่นรมย์สมปอง | นั่งยองยองมองเขม้นอยู่เปนวง |
พวกชั้นนอกออกสนุกลุกขึ้นยืน | ใจชื้นนึกอร่อยพลอยซัดส่ง |
บ้างทำม้าซอยเต้นเปนวงกง | ใหลหลงเพลิดเพลินเจริญใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น | เงาะยังซึ่งเปนหัวน่าใหญ่ |
หยิบเอาสิ่งของที่กองไว้ | มาแจกให้เงาะป่าที่มาคอย |
ฝ่ายนางซิเลียผู้ลูกสาว | หามะพร้าวเข้าปลากล้วยอ้อย |
ออกมาเลี้ยงเฉภาะเงาะน้อยน้อย | พากันกินอร่อยสำราญ |
ฯ ๔ คำ ฯ เจรา
๏ ครั้นเวลาสุริยาเย็นพยับ | ต่างคนต่างกลับไปบ้าน |
เผาเผือกเผามันตามสันดาน | เปนอาหารกินอยู่พูวาย |
พวกเด็กเด็กได้ของกินสิ้นวิตก | หลายทอดหลายยกอิ่มเหลือหลาย |
ดูโนราสนุกมากมาย | นั่งสบายไม่ยัดเยียดเบียดคน |
ตกพลบค่ำเข้าก็หาวนอน | ดูลเม็งลครไม่เปนผล |
ลงพังพาบราบอยู่บัดดล | ก็เอนหัวลงกรนหลับไป |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | อ้ายยังยลชอบอัชฌาไศรย |
พยักเรียกสินนุ้ยเข้ามาใน | อุ้มคนังส่งให้ทั้งนิทรา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | สินนุ้ยยินดีเปนนักหนา |
ให้บ่าวรับคนังแบกคลา | รีบมาวัดถ้ำที่สำนักนิ์ |
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | คนังตื่นนอนตกใจหนัก |
นิ่งตลึงอึ้งอยู่เปนครู่พัก | ไม่ประจักษ์ว่าอยู่แห่งใด |
พอรู้สึกนึกกลัวจนตัวแขง | ดิ้นเต็มแรงคนอุ้มทนไม่ไหว |
ก้นกระแทกเพื่อนประทะเข้าทานไว้ | สามสี่คนเข้าไปช่วยกันยึด |
ถีบทลึ่งตึงตังไม่ยั้งหยุด | ช่วยกันฉุดเหวี่ยงสบัดวัดผึด |
โมโหเหะหะฮัดฮึด | ปล้ำกันอัดอึดมาส่งเต็นต์ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้น | ผู้รั้งนั่งอ่านหนังสือเล่น |
บนเก้าอี้เกษก้มลมเย็นเย็น | เงยหน้าขึ้นเห็นปล้ำลูกเงาะ |
เห็นจะสมที่ประสงค์จงจำเพาะ | ชมว่ารูปร่างช่างเหมาะเจาะ |
เห็นจะสมที่ประสงค์จงจำเพาะ | พูดปะเหลาะเอาใจให้หายกลัว |
หยิบเสื้อผ้ามาแต่งตัวให้ใหม่ | หาเพื่อนเล่นให้ชวนยิ้มหัว |
จัดของกินมาให้จากในครัว | คุมตัวกักไว้ใช้ปลอบโยน |
ฯ ๖ คำ ฯ
แขกสุหรัศ๏ ล่วงเวลายามกำดัดดึก | คนังนึกถึงทับขยับโผน |
พวกที่อยู่รักษาพากันโจน | เดินเดียวโทนแทบไล่มิใคร่ทัน |
เข้าปลอบพาคืนหลังยังเต็นต์ได้ | คราวนี้แกล้งใส่ไคล้ให้ขบขัน |
ทำนอนหงายเท้างุ้มหงิกยัน | น้ำตานั้นไหลหลั่งพรั่งพราย |
แต่เฝ้าหอบปลอบเท่าไรก็ไม่นิ่ง | เหมือนเปนลมชักจริงน่าใจหาย |
พูดเพ้อพกฟั่นเฟือนเหมือนจะตาย | เห็นคนรายรอยจ้องร้องว่าลิง |
ให้หวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวไปหมด | จะปลอบปลดเปลื้องเท่าไรก็ไม่นิ่ง |
จนเหนื่อยอ่อนนอนมัวหัวเอนอิง | เกลือกกลิ้งกลอกกลับหลับไป |
ฯ ๘ คำ ฯ ตระ
๏ ครั้นเวลารุ่งรางสว่างฟ้า | ผู้รั้งเรียกช้างมาหาช้าไม่ |
ให้โทรมลงตรงขึ้นไปฉับไว | สั่งให้ส่งคนังมานั่งเคียง |
เด็กน้อยกลัวนี่กระไรไม่เคยเห็น | หัวอกเต้นตาพองร้องสุดเสียง |
พอถึงหลังนั่งจ้องเฝ้ามองเมียง | เดินโยกเอียงกลัวตกตระหนกใจ |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
มอญร้องไห้๏ พอเคยหน่อยค่อยสบายหายหวาดเสียว | คนังเหลียวหลังกลืนสอื้นไห้ |
เสียดายทับนับวันแต่จะไกล | แสนอาไลยวงษ์วานว่านเครือ |
ห่วงเถื่อนถ้ำลำธารชานไศล | เพื่อนไม้ไผ่คู่ชีวิตรคิดถึงเหลือ |
เคยเป่านกจับปลามาจานเจือ | จะนั่งเบื่อบ่นร่ำทุกค่ำคืน |
โอ้ถิ่นถานลานป่าจะลาแล้ว | น้ำตาแถวถั่งไหลไห้สอื้น |
ผู้รั้งปลอบคนังน้อยค่อยกล้ำกลืน | แล้วชวนชื่นชี้ชมพนมวัน |
ฯ ๖ คำ ฯ
ชมดงใน๏ ออกชายไพรแลไปสุดสายเนตร | เห็นขอบเขตรมิได้มีที่กีดกั้น |
น้ำลำปำคดค้อมอ้อมเวียนครัน | เขาลูกนั้นอกทลุปรโปร่งตา |
ถ้ำคูหาสวรรค์ตรงนั้นแน่ | เดินเร็วแท้หน่อยหนึ่งถึงพานสลา |
เห็นคนังยังเหงาเศร้าอุรา | หยิบเสื้อผ้าหมวกใหม่ให้ใส่ลอง |
/133แต่ผลัดเปลี่ยนเวียนไปเปนหลายอย่าง | เห็นเสื่อมส่างหงอยเหงาที่เศร้าหมอง |
ขับช้างผ่านบ้านสวนชวนเยี่ยมมอง | นั่งยิ้มย่องเพลิดเพลินเจริญใจ |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย๏ ครั้นถึงจวนด่วนลงจากคชสาร | พาคนังเข้าบ้านหาช้าไม่ |
สั่งทนายทั้งนั้นทันใด | เราจะให้ทำขวัญในวันนี้ |
จัดบายศรีนมแมวแล้วเรียกหา | แต่บรรดาผู้ใหญ่ใกล้ที่นี่ |
มาช่วยกันโห่ร้องทั้งฆ้องตี | อย่าให้ทันราตรีเร่งเตรียมการ |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | หนายคำนับรับบรรหาร |
เร่งรัดเต็มทีตาลีตาลาน | มิทันนานพร้อมกันดังบัญชา |
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น | ผู้รั้งภิรมย์หรรษา |
จึ่งเรียกคนังนั้นออกมา | ให้นั่งน่าบายศรีนมแมว |
ผู้ทำขวัญนั้นนั่งตรงบายศรี | นอกนี้ให้นั่งเรียงเปนแถว |
ครั้นพร้อมสำเร็จเสร็จแล้ว | สั่งให้จุดแว่นแก้วแววไว |
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ตาเฒ่าผู้รู้ครูใหญ่ |
รับเทียนชนวนติดไฟ | มาจุดเทียนไชยฉับพลัน |
แล้วนั่งประนมมือหลับตา | โอมอ่านคาถาว่าทำขวัญ |
จบลาฆ้องลั่นเปนสำคัญ | โห่สนั่นไปถ้วนสามครา |
ฯ ๔ คำ ฯ ว่าทำขวัญ
มหาฤกษ์๏ แล้วดับเทียนไชยโบกควัน | กระแจะจุณจันทน์เจิมหน้า |
เจิมสองไหล่หลังแลอุรา | ด้ายขอดกลางมาผูกข้อมือ |
เสร็จแล้วอำนวยอวยพร | เจริญศุขสถาวรอย่าดึงดื้อ |
ให้ทำดีมียศเลื่องฦๅ | ออกชื่อระบือนามสืบไป |
ฯ ๔ คำ ฯ มหาไชย
ร่าย๏ เสร็จการทำขวัญนายคนัง | ผู้รั้งยิ้มแย้มแจ่มใส |
สั่งทนายไปพลันทันใด | ให้แต่งโรงลครพรุ่งนี้ |
เขาว่าลครคนชรา | มาแต่กรุงเทพอยู่ที่นี่ |
หามาให้เล่นเห็นจะดี | เรื่องราวเข้าทีเกี่ยวกับเงาะ |
จับเมื่อทั้งหกไปหาปลา | เงาะถอดรูปมาพอเหมาะเจาะ |
เขาว่าร้องร่ำลำเพราะ | ออกมาเฉภาะพ้องเวลา |
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้น | ทนายรับคำเหนือเกษา |
รีบไปจัดการตามบัญชา | ไปว่าหาลครพร้อมไว้ |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นเวลาสายแสงสุริยา | ลครมาลงโรงหาช้าไม่ |
จับบทตามกำหนดทันใด | เล่นดีนี่กระไรล้วนตัวเปน |
ฯ ๒ คำ ฯ เล่นลคร
๏ พระนิพนธ์เงาะป่าว่าตามเค้า | คนังเล่าแต่งต่อล้อมันเล่น |
ใช้ภาษาเงาะป่าว่ายากเย็น | แต่พอเห็นเงื่อนเงาเข้าใจกัน |
ทำแปดวันครั้นมาถึงวันศุกร | สิ้นสนุกไม่มีที่ข้อขัน |
วันที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ | ศกร้อยยี่สิบสี่มั่นจบหมดเอย |
จบ บทประดิษฐแกล้ง | กล่าวกลอน |
เรื่อง หลากเล่นลคร | ก็ได้ |
เงาะ ก็อยเกิดในดอน | แดนพัท ลุงแฮ |
ป่า เปนเรือนยากไร้ | ย่อมรู้รักเปน |
----------------------------
-
๑. ความในวงเล็บนั้นเปนบทลคร ถ้าจะเล่นลครให้เอาตามในวงเล็บนั้น ↩