๑๓

ฝ่ายจูอิวไจเสียงเมืองหลวง ตั้งแต่ใช้ให้หลีหุนถือหนังสือไปล่อลวงกองบู๊จะให้กินสุรายาพิษ คิดวิตกคอยสืบข่าวอยู่มิได้ขาด พอคนใช้เข้าไปบอกว่าหลีหุนซึ่งให้ถือหนังสือไปนั้น ทหารกองบู๊ฆ่าเสีย พิถองก็ไปเข้าด้วยกองบู๊ กองบู๊ทำการศึกชนะอองลังจือแล้ว บัดนี้เข้าตั้งอยู่ในเมืองกำตั๋น หัวเมืองทั้งปวงไปเข้าด้วยกองบู๊เป็นอันมาก จูอิวได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษากับไจเสียงทั้งเจ็ดคนว่า เราคิดจะทำร้ายเล่าสิ้วบุนซกก็ไม่สำเร็จ หัวเมืองทั้งปวงก็นับถือยำเกรงเล่าสิ้วบุนซกเป็นอันมาก เล่าสิ้วบุนซกมีแต่จะตั้งตัวเป็นใหญ่มียศขึ้นทุกวัน จำจะเข้าไปทูลพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ให้มีรับสั่งตั้งแต่งเล่าสิ้วบุนซกให้เป็นเจ้า ถึงมาตรว่าเล่าสิ้วบุนซกปราบโจรราบคาบแล้วกลับเข้ามาถึงเมืองหลวง รู้ว่าเราทั้งปวงช่วยทูลให้ได้เป็นอ๋องก็จะขอบคุณเรา เห็นว่าเรามีใจรักใคร่เล่าสิ้วบุนซกโดยสุจริต จูอิวปรึกษาไจเสียงทั้งเจ็ดคนเห็นชอบพร้อมใจกันแล้วเข้าไปเฝ้ากราบทูลพระเจ้าเกงเซีฮ่องเต้ว่า ซึ่งมีรับสั่งให้ม้าบู๊เจ้าเมืองจิ๋นกับอองเสียงเจ้าเมืองเตียวยกไปจับเล่าสิ้วบุนซกนั้น ม้าบู๊กับอองเสียงกลับไปเข้าด้วยเล่าสิ้วบุนซก บัดนี้อองลังจือบุตรอองมังไปล่อลวงเจ้าเมืองกำตั๋นว่าเป็นแซ่เชื้อพระเจ้าฮั่นโกโจเป็นผู้มีบุญ หัวเมืองทั้งปวงนิยมเข้าด้วยเป็นอันมาก ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกไปจับอองลังจือฆ่าเสีย บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกเข้าตั้งอยู่เมืองกำตั๋น หัวเมืองทั้งปวงไปเข้าด้วยเป็นอันมาก เล่าสิ้วบุนซกมีทแกล้วทหารล้วนเข้มแข็ง ขอให้มีรับสั่งไปตั้งแต่งให้เล่าสิ้วบุนซกเป็นเจ้าเอาน้ำใจไว้ก่อน เล่าสิ้วบุนซกได้เป็นเจ้าแล้วจะได้ตั้งใจปราบโจรฝ่ายเหนือให้ราบคาบ พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงสั่งให้แต่งหนังสือรับสั่งตั้งเล่าสิ้วบุนซกเป็นเสียวอ๋อง จัดแจงสิ่งของพระราชทานให้ขุนนางพนักงานถือหนังสือรับสั่งไปให้เล่าสิ้วบุนซก ณ เมืองกำตั๋น

ฝ่ายกองบู๊ครั้นทแกล้วทหารค่อยมีกำลังขึ้นแล้ว จึงให้ประชุมขุนนางนายทหารปรึกษาราชการซึ่งจะยกทัพไปปราบโจรฝ่ายเหนือ พอนายประตูเข้าไปบอกว่ามีผู้ถือหนังสือรับสั่งมาแต่เมืองเตียงอั๋นคือเมืองหลวง กองบู๊จึงแต่งตัวตามธรรมเนียมพาขุนนางนายทหารถือเครื่องคำนับออกไปรับเชิญหนังสือรับสั่งเข้าในเมืองตั้งที่สมควรแล้ว กองบู๊ก็คำนับหนังสือรับสั่งโดยสุจริตแล้วฉีกผนึกหนังสือออกอ่านใจความว่า พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ผู้มีบุญญาธิการอันเทพยดาทั้งหลายประชุมเชิญให้มาเป็นกษัตริย์ เสวยราชสมบัติในเมืองหลวงบำรุงราษฎรทั้งหลายให้อยู่เย็นเป็นสุข ครั้งเมื่ออองมังศัตรูแผ่นดินตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ในเมืองหลวง เทพยดาทั้งปวงช่วยกันให้ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกทำการปราบอองมัง สำเร็จราชการบ้านเมืองราบคาบแล้ว ตัวเราจึงได้ครอบครองสมบัติทรงนามพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้สืบกษัตริย์บำรุงแผ่นดิน ความชอบไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกทำไว้แต่หลังเป็นอันมาก ซึ่งเราให้ยกไปปราบโจรครั้งนี้ เราแจ้งความว่าอองลังจือบุตรอองมังแอบอ้างว่าเป็นแซ่เล่าพูดจาเกลี้ยกล่อมเล่าหลิมเจ้าเมืองกำตั๋นและหัวเมืองทั้งปวงเข้าด้วยเป็นอันมาก ตั้งแข็งเมืองอยู่ไม่มาขึ้นแก่เมืองหลวง ตัวท่านก็มีใจภักดีชักชวนทแกล้วทหารทำการรบพุ่งเอาชัยชนะจับอองลังจือได้หัวเมืองขึ้นทั้งปวงจึงราบคาบเป็นปรกติเหมือนแต่ก่อน ท่านมีความชอบเป็นอันมากยิ่งนักนั้น ให้ท่านเป็นเสียวอ๋องไปปราบโจรฝ่ายเหนือให้ราบคาบ ราษฎรหัวเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุขแล้ว จึงยกทัพกลับมาเมืองหลวงให้เราหายความวิตก ท่านจะได้ช่วยจัดแจงราชการชำระทุกข์สุขของราษฎรเหมือนแต่ก่อน ครั้นอ่านหนังสือเสร็จแล้วกองบู๊ลงถวายบังคมหนังสือรับสั่ง รับเอาที่เสียวอ๋องตามท้องตราแล้วรับของพระราชทาน จึงแต่งโต๊ะเลี้ยงขุนนางผู้ถือรับสั่งโดยปรกติ ขุนนางผู้ถือหนังสือกินโต๊ะแล้วก็คำนับลาเสียวอ๋องกลับไปเมืองหลวง เสียวอ๋องจึงหาทหารม้าใช้เข้ามาสั่งว่า ท่านจงเร่งไปสืบดูพวกโจรฝ่ายเหนือนั้น จะคุมพวกกันตั้งกองซ่องสุมอยู่ตำบลใดให้รู้ความจึงกลับมา แล้วสั่งงอฮั่นว่าท่านจงเร่งไปเกณฑ์ทหาร ณ เมืองเซงเอี๋ยงมาสมทบกองทัพเรา เราจะยกไปปราบโจรฝ่ายเหนือ งอฮั่นกับทหารม้าใช้รับคำอำลา ขึ้นม้าแยกทางกันไปทำตามคำที่เสียวอ๋องสั่งไว้นั้นทุกประการ

ฝ่ายถิวไก่ครั้นผู้ถือหนังสือรับสั่งกลับไปเมืองหลวงแล้ว คิดจะใคร่ให้เสียวอ๋องยอมรับเอาที่ฮ่องเต้ จึงเข้าไปคำนับเสียวอ๋องแล้วว่า ตั้งแต่อองมังได้ราชสมบัติในเมืองหลวง หัวเมืองทั้งปวงได้ความเดือดร้อน จะใคร่ได้แซ่เล่าสืบเชื้อพระวงศ์กษัตริย์ จึงมาสามิภักดิ์เข้าช่วยท่านกำจัดอองมัง สำเร็จราชการแล้วหมายว่าท่านจะได้ผ่านสมบัติ ราษฎรชาวเมืองจะได้อยู่เป็นสุขเหมือนอย่างแต่ก่อน บัดนี้ท่านให้เล่าเหี้ยนเป็นพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ว่าราชการเมืองหลวง นายโจรแปดคนได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ไจเสียง ไจเสียงให้พวกโจรซึ่งเป็นคนสนิทเที่ยวฉกชิงปล้นทรัพย์สิ่งของราษฎรชาวเมืองไปแบ่งปันกัน ขุนนางซึ่งซื่อตรงต่อแผ่นดินเห็นการอันมิควร ครั้นว่ากล่าวเพ็ดทูลขึ้น ไจเสียงทั้งแปดคนร่วมคิดกันทูลยุยงให้พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้กริ้วโกรธ สั่งให้ลงโทษถอดจากที่บางทีให้ฆ่าเสียบ้างก็มี ทุกวันนี้ราษฎรได้ความยากแค้นเดือดร้อนนักเหมือนเมื่อครั้งอองมัง ซึ่งมีหนังสือรับสั่งมาตั้งท่านเป็นที่เสียวอ๋องครั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าไจเสียงคิดอุบายจะทำร้ายท่านหลายครั้งไม่สมความคิด เกรงว่าท่านจะมีใจพยาบาทยกทัพเข้าไปจับฆ่าเสีย จึงคิดทำเป็นทางไมตรีเอาดีต่อ จะให้ท่านเห็นว่าช่วยกราบทูลทำนุบำรุงให้พระเจ้าเมืองหลวงชุบเลี้ยงตั้งแต่งท่านเป็นที่เสียวอ๋อง ซึ่งท่านจะรับเอาที่เสียวอ๋องนั้นไม่ควร ขอท่านจงเป็นที่ฮ่องเต้ตามคำนายทหารทั้งปวง ทแกล้วทหารผู้มีความชอบซึ่งมีใจภักดีอาสาปราบศัตรูแผ่นดินมาด้วยท่าน จะได้พึ่งบุญญาธิการอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป

เสียวอ๋องได้ฟังดังนั้นมิได้ยินดี ด้วยความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ยิ่งนัก จึงคิดว่าถ้าจะบอกออกความว่าไม่ยอมเป็นที่ฮ่องเต้ครั้งนี้ ทแกล้วทหารหาญบรรดามาอาสาทำการศึกจะพากันเสียใจ ซึ่งจะปราบโจรฝ่ายเหนือนั้นเห็นจะไม่สำเร็จ คิดแล้วจึงแกล้งกล่าวเป็นกลอุบายแก่ถิวไก่ ซึ่งท่านว่าทั้งนี้ก็ควรอยู่ จงช่วยเราปราบโจรฝ่ายเหนือให้ราบคาบหายความวิตกเราแล้ว เราจึงจะยอมรับที่ฮ่องเต้ต่อภายหลัง เตงอูถิวไก่กับทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นต่างคนดีใจนัก พอทหารม้าใช้ซึ่งให้ไปสืบพวกโจรกลับมาบอกความแก่เสียวอ๋องว่า พวกโจรตั้งกองซ่องสุมอยู่ ณ บุไหลตำบลหนึ่ง ตั้งอยู่ ณ ไต้ฉองตำบลหนึ่ง อยู่ ณ เสียงกงเขงตำบลหนึ่ง อยู่ฮุยเป๋งตำบลหนึ่ง อยู่กิวเอ๋งตำบลหนึ่ง นายโจรชื่อตังแบ๋ตั้งอยู่ ณ เมืองซัวก๋วนตำบลหนึ่ง พวกโจรทั้งหกตำบลประมาณคนร้อยหมื่นเศษเที่ยวปล้นบ้านตีเมืองเก็บริบเอาข้าวปลาอาหารทรัพย์สิ่งของราษฎรทั้งปวง หาผู้จะสู้รบต้านทานฝีมือทหารโจรได้ไม่

เสียวอ๋องแจ้งความดังนั้นจึงปรึกษาเตงอูว่า เราจะจัดแจงแต่งนายทหารให้คุมทัพยกไปจับตังแบ๋ ณ เมืองซัวก๋วนเสียก่อน เตงอูจึงว่านายโจรผู้นี้มีฝีมือกล้าแข็งนัก ทั้งทหารโจรก็มีอยู่เป็นอันมากยากที่จะปราบได้ ซึ่งท่านจะมีใจหมิ่นประมาทให้ผู้อื่นยกไปตีเกลือกจะเสียทีแก่ตังแบ๋ ขอให้ยกทัพใหญ่ไปปราบเสียแต่ในเทศกาลฤดูร้อนนี้จึงจะมีชัยชนะ เสียวอ๋องเห็นชอบด้วยจึงตั้งเตงอูเป็นที่งวนโซยแม่ทัพหลวง ให้งิมเหงกับม้าบู๊เป็นปลัดทัพ ให้เอียวกี๋กับโตเหมาเป็นเซียนฮองแม่ทัพหน้า ตั้งให้ปังอี้เป็นนายกองปีกขวา อองป้าเป็นนายกองปีกซ้าย เสียวอ๋องเป็นกองหนุน บรรดาทหารซึ่งเกณฑ์เข้ากระบวนทัพแต่ที่มีฝีมือกล้าแข็งนั้นพันเศษ ทหารเลวสิบหมื่น ครั้นได้ฤกษ์ดีเตงอูแม่ทัพใหญ่ให้จุดประทัดสัญญาพาทหารยกออกจากเมืองกำตั๋น เสียงม้าล่อและกลองรบพวกทหารโห่ร้องอื้ออึงเป็นสง่าศึก ทหารม้าขี่ม้าถือทวนและง้าว ทหารเดินเท้าถือดาบดั้งโล่เขน เดินเป็นกระบวนลำดับกันตามซ้ายขวากองหน้ากองหลังมาหลายวันถึงแดนเมืองซัวก๋วน เตงอูงวนโซยจึงให้ตั้งค่ายมั่นประมาณทางห่างเมืองหกสิบสองเส้นเศษ พักทแกล้วทหารให้มีกำลัง

ฝ่ายงอฮั่นไปถึงเมืองเซงเอี๋ยง จึงเกณฑ์ทหารได้สามหมื่นเศษจะยกไปเมืองกำตั๋น พอมีผู้มาบอกว่าเสียวอ๋องยกกองทัพมาตั้งอยู่ ณ แดนเมืองซัวก๋วนจะยกเข้าตีตังแบ๋นายโจร งอฮั่นจึงจัดแจงทหารยกออกจากเมืองเซงเอี๋ยงไปหยุดทหารไว้หน้าค่ายหลวง งอฮั่นลงจากม้าพานายทหารทั้งปวงเข้าไปคำนับแจ้งความแก่เสียวอ๋องทุกประการ เสียวอ๋องเห็นงอฮั่นมามีความยินดีนัก จึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงแล้วจ่ายเสบียงอาหารมิให้ขัดสน ปรนปรือทหารให้มีกำลังรื่นเริงขึ้นทุกตัวคน ครั้นถึงวันฤกษ์ดีเสียวอ๋องจึงยกทัพออกจากค่ายเข้าไปถึงหน้าเมือง

ฝ่ายพวกนายโจรชาวเมืองซัวก๋วนเห็นกองทัพยกมาพากันตกใจวิ่งเข้าไปบอกความแก่ตังแบ๋ผู้นายว่า เล่าสิ้วบุนซกเป็นไต้สุมาขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงยกกองทัพมาเป็นอันมาก ตังแบ๋ได้แจ้งความดังนั้นก็โกรธจึงสั่งนายโจรทหารให้เตรียมทหารที่มีฝีมือกล้าแข็งห้าหมื่นพร้อมแล้ว ตังแบ๋แต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าถือทวน นำหน้าพวกโจรทหารออกมานอกประตูเมืองแลไปเห็นม้าบู๊ยืนอยู่หน้าทหาร ตังแบ๋จึงร้องด่าว่าพวกอ้ายขโมยบ้านแปะจุยฉิง กูกับมึงมิได้มีข้อสาเหตุแก่กัน มึงบังอาจยกล่วงเหยียบแดนกูเข้ามาทั้งนี้ จะเอาชีวิตและเครื่องศัสตราวุธเสบียงอาหารมาส่งให้กูหรือประการใด ม้าบู๊ได้ยินก็โกรธจึงร้องด่าว่า อ้ายขโมยชาวเมืองมึงเกิดมาเป็นชายไม่คิดที่จะไว้ชื่อในแผ่นดิน มาเป็นโจรปล้นชิงเอาทรัพย์สิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน หากินได้แต่พออิ่มท้องเหมือนสัตว์เดียรัจฉานไม่มีความอาย มึงคบพวกเพื่อนทำการให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลายได้ความเดือดร้อน เสียวอ๋องตั้งแต่งกูผู้ชื่อม้าบู๊เป็นแม่ทัพยกมาจะจับฆ่าเสีย ให้ราษฎรได้ทำมาหากินเป็นสุข ม้าบู๊ก็ขับม้ารำทวนออกรบกับตังแบ๋ ถ้อยทีมีฝีมือชำนาญเพลงอาวุธ

ฝ่ายเตงอูเห็นดังนั้นจึงให้เอียวกี๋หนึ่ง งิมเหงหนึ่ง โตเหมาหนึ่ง งอฮั่นหนึ่ง ช่วยม้าบู๊สู้รบกับตังแบ๋ แต่ทหารทั้งปวงนั้นให้แยกกองตีโอบขึ้นไปตามซ้ายตามขวา ระดมยิงเกาทัณฑ์พุ่งซัดศัสตราวุธโห่ร้อง เสียงม้าล่อและกลองรบอื้ออึงกึกก้องไปทั้งป่า ฝ่ายตังแบ๋สู้รบกับม้าบู๊ได้สิบเพลงทวนเห็นทหารเข้ารุมรบรอบตัวกลัวจะเสียที จึงขับม้าพาพวกโจรถอยรอรบไปเข้าถึงเมือง จึงให้ปิดประตูขับทหารโจรขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินเป็นสามารถ

ฝ่ายเตงอูให้ทหารเข้ารบหักเอาเมืองมิได้ จึงให้ตั้งค่ายมั่นประชิดล้อมไว้เป็นหลายชั้น ฝ่ายตังแบ๋แต่ตั้งมั่นรักษาเมืองอยู่ถึงกึ่งเดือนเสบียงอาหารขาดลง พวกโจรอดอยากอิดโรยกำลังเรรวนอยู่มิเป็นใจที่จะสู้รบ เห็นจะป้องกันรักษาเมืองสืบไปมิได้ ตังแบ๋คิดจะทิ้งเมืองเสียหนีเอาชีวิตให้พ้นจากความตาย พอเวลาค่ำลงจึงแต่งตัวขึ้นม้าถือทวนพาพวกโจรทหารเปิดประตูเมืองออกข้างทิศตะวันตก

ฝ่ายงอฮั่นซึ่งตั้งค่ายมั่นล้อมอยู่ริมคูเมืองเห็นดังนั้น จึงขับม้าพาทหารออกรบต้านหน้าตังแบ๋ไว้ ตังแบ๋ขับม้าพาพวกโจรรบฝ่าทหารงอฮั่นออกไป พบงิมเหงซึ่งเป็นนายกองล้อมอยู่ชั้นนอก ตังแบ๋ขับม้ารำทวนเข้าปะทะกำลังงิมเหงได้ถึงสิบเพลง รบฝ่าออกไปจากที่ล้อมพาพวกโจรหนีไปในเวลากลางคืนเข้าอาศัยอยู่ในเมืองโตก๋วน ให้อพยพครอบครัวเสบียงอาหารรวบรวมเข้าไว้ในเมือง แล้วขับทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ไม่ประมาท

ฝ่ายเสียวอ๋องครั้นเวลารุ่งรู้ว่าตังแบ๋หนี จึงยกกองทัพตามไปตั้งค่ายล้อมเมืองโตก๋วนไว้ จึงให้ทหารเข้ารบหักเอาเมืองโดยกำลัง พวกโจรล้วนตัวดีมีฝีมือรักษาหน้าที่เชิงเทินมั่นคงนักจะหักเอาเมืองมิได้ จึงให้ตั้งล้อมเมืองไว้ถึงกึ่งเดือน เตงอูจึงปรึกษาเสียวอ๋องว่าเมืองโตก๋วนนี้เสบียงอาหารปริบูรณ์นัก ซึ่งจะตั้งล้อมอยู่เห็นจะเนิ่นช้าหาสำเร็จไม่ ขอท่านจงแต่งกลอุบายทำถอยทัพออกไปตั้งค่ายซุ่มอยู่ให้ห่างเมือง ตังแบ๋เห็นว่าทัพถอยจะมีใจประมาท ได้ท่วงทีจึงยกเข้าตีเมืองเห็นจะเสียทีแก่เราโดยง่าย เสียวอ๋องเห็นชอบด้วยจึงสั่งทหารให้ล่าทัพถอยออกไปห่างเมืองโตก๋วนทางประมาณสิบสองเส้นเศษ พอเวลาตะวันบ่ายตั้งค่ายหลวงยังมิสำเร็จ บังเกิดลมบังหวนใบไม้แลผงคลีคลุ้มขึ้นดังลำตาลผ่านมาหน้าค่าย

ฝ่ายเตงอูแม่ทัพผู้รู้ตำรับเหตุลางนิมิตเห็นดังนั้นจึงบอกเสียวอ๋องว่า เวลาคํ่าวันนี้จะมีข้าศึกมาปล้นค่ายเป็นมั่นคง ขอท่านจงจัดทหารออกตั้งกองซุ่มอยู่ในป่านอกค่ายหลวงทั้งสี่ทิศ ท่านจงอยู่รักษาค่ายหลวง ข้าพเจ้ากับม้าอ้วนจะขึ้นไปซุ่มคอยอยู่บนยอดเขาสูงข้างต้นทางทิศใต้ ถ้าพวกโจรยกล่วงถลำเข้ามาจะปล้นค่ายต้องกลอุบายแล้ว จึงจุดประทัดสัญญาขึ้นให้ทหารกองซุ่มออกระดมล้อมจับพวกโจรให้จงได้ เสียวอ๋องได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงสั่งม้าบู๊กับเอียวกี๋ให้คุมทหารออกไปตั้งกองซุ่มอยู่นอกค่ายด้านตะวันออก โตเหมากับงิมเหงไปอยู่ด้านตะวันตก เกียฮกกับจงก๋งอยู่ด้านใต้ ปังอี้กับอองป้าให้ไปอยู่ด้านเหนือ

ฝ่ายนายทหารทั้งแปดคนรับคำ คำนับลาขึ้นม้าพาทหารออกไปตั้งกองซุ่มรายกันอยู่ตามคำเสียวอ๋องสั่ง เสียวอ๋องยกเข้าอยู่ในค่ายหลัง เตงอูจึงสั่งให้เตียวตุ้นหนึ่ง พิถองหนึ่ง เคาสุนหนึ่ง จูฮิวหนึ่ง ทั้งสี่นายคุมทหารออกตั้งกองตระเวน นั่งยามตรวจตรารักษาเสียวอ๋องอยู่นอกค่ายทั้งสี่ด้าน ให้งอฮั่นหนึ่ง ตันจุ้นหนึ่ง ถือลี้หนึ่ง อองเสียงหนึ่ง ทั้งสี่นายคุมทหารนั่งยามตามเพลิง รักษาเสียวอ๋องอยู่ภายในค่ายทั้งสี่ด้าน เตงอูตรวจตรานายทหารกองซุ่มแลทหารรักษาค่ายเสียวอ๋องต้องตามอุบาย แล้วพาม้าอ้วนกับทหารเลวละค่ายหลังไว้ ขึ้นไปบนยอดเขาสูงข้างทิศใต้เป็นต้นทางเมืองโตก๋วนคอยตังแบ๋อยู่

ฝ่ายตังแบ๋ตั้งแต่แตกทัพเสียทีหนีเสียวอ๋องมาอยู่เมืองโตก๋วน เสียวอ๋องตามมาล้อมเมืองไว้ช้านาน จะคิดออกสู้รบต้านทานทหารน้อยตัวนัก ปรึกษานายโจรทหารต่างคนคิดเรรวนอยู่ พอมีผู้เข้าไปบอกว่าเสียวอ๋องถอยทัพออกไปตั้งซุ่มอยู่ในป่าเมื่อเวลาบ่ายทำค่ายยังมิทันสำเร็จ ตังแบ๋แจ้งดังนั้นจึงว่าเวลาคํ่าลงเราจะยกออกปล้นค่าย อย่าให้ทันตั้งค่ายมั่นลงได้ เห็นจะเสียทีแก่เราเป็นมั่นคง ตังแบ๋จึงสั่งนายโจรจัดพวกโจรทหารห้าหมื่นเตรียมพร้อมสรรพไปด้วยเครื่องศัสตราวุธ พอเวลาค่ำลงแสงพระจันทร์ส่องสว่าง ตังแบ๋แต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าถือทวน พาทหารโจรเปิดประตูเมืองออกไปตามทางริมเชิงเขา กำชับปากเสียงมิให้อื้ออึงจึงค่อยแอบแฝงเข้าไปตามชายป่า ถึงหน้าค่ายหลวงเห็นเงียบสงัดอยู่ จึงพาทหารเปิดประตูเข้าไปในค่ายเห็นแต่ค่ายเปล่า แลไปหลังค่ายเห็นแสงเพลิงได้ยินเสียงทหารตรวจตราอื้ออึงอยู่ ตังแบ๋คิดสงสัยนักยืนม้าอยู่ในค่ายเปล่า

ฝ่ายเตงอูกับม้าอ้วนซึ่งคอยอยู่ยอดเขาต้นทาง ครั้นเห็นตังแบ๋ล่วงถลำเข้ามาต้องกลอุบาย จึงจุดประทัดสัญญาขึ้นพาทหารลงจากยอดเขาตั้งกองสกัดต้นทางไว้ ฝ่ายนายทหารกองซุ่มได้ยินเสียงประทัดสัญญา ต่างคนขับทหารโห่ร้องตีม้าล่อและกลองรบอื้ออึงขึ้นทั้งป่า ยกล้อมกระหนาบเข้าไปทั้งสี่ทิศ ตังแบ๋กับพวกโจรทั้งปวงต่างคนตกใจนัก จึงขับม้าพาพวกโจรทหารไปข้างทิศตะวันออก ม้าบู๊กับเอียวกี๋เห็นดังนั้นก็ขับทหารเข้ารุกรบฆ่าฟันพวกโจรแตกระส่ำระสาย ฝ่ายตังแบ๋ขับม้ารวนไปข้างตะวันตก โตเหมากับงิมเหงขับทหารเข้ารบต้านหน้าไว้ ตังแบ๋ต่อสู้กำลังฝีมือนายทหารมิได้จึงขับม้าไปทิศใต้ เกียฮกกับจงก๋งขับทหารไล่ฆ่าฟันพวกโจรเข้ามาเป็นอลหม่าน ตังแบ๋ต้านทานมิได้ชักม้าหนีไปทิศเหนือ อองป้ากับปังอี้จึงขับทหารเข้าบุกบั่นจะจับตัวตังแบ๋ ตังแบ๋เห็นทหารรุกรบล้อมรอบเข้ามาทั้งสี่ทิศ มิรู้ที่จะคิดแก้ไขตัว เหมือนตกอยู่ในรั้วตะรางเหล็ก จะออกไปแห่งใดมิได้ก็ให้กลัวความตายยิ่งนัก จึงลงจากม้าทิ้งอาวุธเสียร้องด้วยเสียงอันดังว่า ข้าพเจ้าจะยอมสามิภักดิ์เข้าทำราชการอยู่ในเสียวอ๋องกว่าจะสิ้นชีวิต มิได้คิดต่อสู้ฝีมือทหารเสียวอ๋องสืบไป เสียวอ๋องได้ยินดังนั้นจึงร้องห้ามนายทหารมิให้ทำอันตรายแก่ตังแบ๋และพวกโจร

ฝ่ายเตงอูกับนายกองทหารได้ยินเสียงเสียวอ๋องร้องห้าม ต่างคนเข้าไปพาตัวตังแบ๋กับนายโจรทหารทั้งปวงมาคำนับเสียวอ๋อง ณ ค่าย เสียวอ๋องจึงว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมเอาใจตังแบ๋กับพวกนายโจรว่า ตัวท่านคบหากันเป็นโจรปล้นชิงเอาทรัพย์สิ่งของราษฎรได้ความเดือดร้อน ทราบถึงพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้เรามาปราบโจรให้ราบคาบ บัดนี้ท่านรู้ตัวท่านทำผิด คิดถอยหลังละความชั่วเสียกลับมายอมเข้าด้วยเรา เราจะยกโทษท่านไว้ แต่นี้ไปภายหน้าอย่าเป็นโจรดังหนหลัง จงช่วยกันบำรุงแผ่นดินจะตั้งแต่งให้ท่านเป็นขุนนางมียศศักดิ์ ม้าบู๊กับเอียวกี๋ได้ยินดังนั้นจึงว่าซึ่งตังแบ๋นายโจรป่าพาพวกโจรมาหมายจะปล้นค่ายทำร้ายท่าน เตงอูมิสติปัญญาลึกซึ้งจึงล่วงรู้การแต่งกลศึกไว้ ตังแบ๋ต้องกลอุบายตกเข้ามาอยู่ในที่บังคับกลัวจะจับฆ่าเสีย จึงจำใจยอมสามิภักดิ์เพราะรักชีวิต ซึ่งจะมาเข้าด้วยโดยสุจริตหามิได้ ขอท่านอย่าเพ่อไว้ใจก่อน ข้าพเจ้าเกรงเกลือกตังแบ๋จะไม่ซื่อตรงต่อท่านโดยแท้ ตังแบ๋ได้ยินดังนั้นตกใจหน้าซีดตัวสั่นเหงื่อไหลซาบโซมตัวจนเสื้อเปียกด้วยกลัวม้าบู๊จะฆ่าเสีย เสียวอ๋องรู้อัชฌาสัยจึงเกลี้ยกล่อมเอาใจตังแบ๋แลพวกโจรว่า ตัวเราตั้งใจบำรุงแผ่นดินโดยสุจริตมิได้คิดอิจฉาพยาบาท ซึ่งท่านทำความชั่วมาแต่หลังจงละเสียให้สิ้น อุตส่าห์รักษาความสัจกตัญญูต่อแผ่นดินไว้ความชอบให้มีชื่อปรากฏไปภายหน้า อย่าวิตกเลยเรามิได้คิดทำอันตราย หมายแต่จะช่วยทะนุบำรุงให้ท่านได้ที่ยศศักดิ์โดยสมควร ตังแบ๋ได้ยินดังนั้นความที่สะดุ้งตกใจค่อยบรรเทาคลาย เห็นว่าเสียวอ๋องไม่พยาบาทรักโดยสุจริตมีความยินดีนัก จึงคำนับแล้วว่าซึ่งข้าพเจ้าคบกันเป็นโจรทำความชั่วมาแต่หลัง ท่านมีความกรุณาไม่พยาบาทสั่งสอนชักนำให้ละความชั่วเสียถือเอาที่ชอบนั้นพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่นี้ไปภายหน้าจะขอตั้งใจจงรักภักดีทำราชการอาสากว่าจะสิ้นชีวิต ขอท่านอย่าได้คิดระแวงสงสัยข้าพเจ้าสืบไปเลย ครั้นตังแบ๋ให้ความสัจสัญญากับเสียวอ๋องแล้วคำนับลาพานายโจรทหารกลับเข้าเมือง จัดแจงรวบรวมทหารได้สิบหมื่นเศษ ยกออกมาบรรจบสมทบกองทัพเสียวอ๋อง เสียวอ๋องจึงตั้งตังแบ๋เป็นนายทหารอยู่ในกองทัพ แล้วจัดพวกโจรเป็นหมู่หมวด แจกไปสมทบเข้ากองนายทหารทุกกอง แต่ซึ่งชายหญิงชาวบ้านโจรจับเอามาไว้ใช้แต่ก่อนนั้น เสียวอ๋องให้ปล่อยไปทำมาหากิน มิให้กักขังไว้ให้ได้ความเดือดร้อน บรรดาราษฎรได้รอดพ้นจากเงื้อมมือโจรต่างคนดีใจให้พรเสียวอ๋อง แล้วไปบ้านเรือนทำมาหากินอยู่เย็นเป็นสุข

อยู่วันหนึ่งเป็นเวลากลางคืน เสียวอ๋องแต่ผู้เดียวเที่ยวแอบแฝงรับทราบฟังความพวกโจรซึ่งสมทบกองทัพนั่งยามประจำรักษาสนามเพลาะริมเชิงค่ายรอบนอก พอได้ยินพวกโจรประชุมพูดกันว่าครั้งแผ่นดินพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น เกณฑ์ราษฎรหัวเมืองทั้งปวงไปก่อกำแพงกั้นแดนเมืองโฮปัก สูงเทียมเมฆโดยยาวนั้นได้หกร้อยยี่สิบห้าโยชน์ แล้วให้ถมทะเลปลูกสร้างตำหนักอาปงจ๋งเป็นที่ประทับแรมประพาสป่าเป็นอันมาก ใช้ตรากตรำทำการราษฎรไม่ได้ทำมาหากินอดอยากล้มตายจะนับมิได้ พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ทำการผิดประเพณีการกษัตริย์ เทวดาอันรักษาแผ่นดินจึงบันดาลให้เมืองเกิดพิบัติจลาจล ครั้นสืบมาห้างอี๋ได้ราชสมบัติในเมืองหลวงตั้งตัวเป็นกษัตริย์ชื่อพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง มีกำลังมากหาผู้เสมอมิได้ ใจหยาบช้าไม่มีความกรุณาแก่ราษฎร จะทำการสิ่งใดแต่อำเภอใจไม่นับถือผู้มีสติปัญญา ทำให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินระส่ำระสายอพยพหลบหนีเข้าป่าเป็นโจรผู้ร้าย เล่าปังซึ่งเป็นฮั่นอ๋องครองเมืองโปต๋งนั้นโอบอ้อมอารีรักราษฎรทั้งสติปัญญาก็ลึกซึ้ง คนดีมีวิชาฝีมือกล้าแข็งเข้าอยู่ด้วยเป็นอันมาก ฮั่นอ๋องกับฌ้อปาอ๋องทำศึกขับเคี่ยวกันอยู่ถึงห้าปี ฌ้อปาอ๋องปราชัย ฮั่นฮ๋องได้ราชสมบัติเป็นกษัตริย์ครองเมืองหลวงทรงพระนามพระเจ้าฮั่นโกโจ บำรุงราษฎรหัวเมืองทั้งปวงสืบแซ่เชื้อพระวงศ์มาถึงพระเจ้าเปงเต้ พระเจ้าเปงเต้ชุบเลี้ยงอองมังขึ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ให้ที่ยศศักดิ์ถึงขนาด ขุนนางข้าราชการอยู่ในอำนาจอองมังสิ้น อองมังเป็นคนอกตัญญูราชสมบัติคิดกับโซเหี้ยนวางยาพิษพระเจ้าเปงเต้สู่สวรรคต อองมังตั้งตัวเป็นใหญ่ในเมืองหลวง เราทั้งปวงได้ความเดือดร้อนจึงอพยพหลบหนีเข้าป่าเป็นโจรอยู่ช้านาน ครั้งนี้บุญตัวเราได้มาอยู่กับเสียวอ๋องผู้เป็นแซ่เชื้อพระเจ้าฮั่นโกโจ เสียวอ๋องมีใจโอบอ้อมอารีนัก ถ้าได้เป็นฮ่องเต้เห็นจะทำนุบำรุงแผ่นดินสืบเชื้อวงศ์กษัตริย์ยืนนาน ควรเราจงรักภักดีทำการอาสาโดยสุจริต จะได้ฝากชีวิตแลบุตรภรรยาคณาญาติอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป

ฝ่ายเสียวอ๋องแอบฟังอยู่ริมค่ายได้ยินดังนั้น ก็แจ้งว่าพวกโจรจงรักภักดีโดยสุจริตมีความยินดีนักจึงกลับมาที่อาศัย ครั้นเวลารุ่งเช้าเสียวอ๋องออกขุนนางนายทัพนายกองพร้อมกัน พอพวกทหารซึ่งให้ไปสืบราชการลับมาบอกความว่า มีนายโจรผู้หนึ่งชื่อฮวนจ๋งมีขนคิ้วเหลือง คุมพวกโจรประมาณสิบหมื่นยกไปตีเมืองหลวง เสียวอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงปรึกษาเตงอูว่า นายโจรคิ้วเหลืองมีฝีมือกล้าแข็งอยู่ ผู้ใดจะไปกำจัดเห็นจะเอาชัยชนะไม่ได้ จะให้ท่านคุมทหารไปคิดกลอุบายในการศึกล่อลวงเอาชัยชนะแก่นายโจรคิ้วเหลืองช่วยเมืองหลวงไว้ครั้งนี้ ท่านจะเห็นประการใด เตงอูจึงว่าสติปัญญาแลกลศึกข้าพเจ้าอ่อนนักไม่เหมือนเตียวเหลียงกับฮั่นสินครั้งแผ่นดินพระเจ้าฮั่นโกโจ แต่มีใจจงรักท่านโดยสุจริต จะขอคุมทหารไปทำการศึกกับฮวนจ๋งนายโจรสักครั้งหนึ่ง เสียวอ๋องได้ฟังดังนั้นยินดีนักจึงตั้งเตงอูเป็นเจียนเจียงกุ๋น แบ่งทหารให้สามหมื่นแล้วเสียวอ๋องจึงปรึกษาว่า ท่านจะยกไปปราบโจรทางทิศใต้ ข้าพเจ้าจะแยกทางไปปราบโจรฝ่ายเหนือ แล้วเมืองโฮหลายนั้นบ้านเรือนราษฎรหนาแน่นบริบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหารแต่โจรผู้ร้ายชุกชุมนัก จะจัดแจงให้ผู้ใดอยู่รักษาเมืองปราบปรามโจรจึงจะสมควร เตงอูจึงว่าแต่นายทหารในกองทัพท่านซึ่งมีสติปัญญาชำนาญการจัดแจงรอบคอบทั้งสองฝ่าย ฝ่ายพลเรือนและทหารนั้นเห็นแต่เคาสุนผู้เดียว อนึ่งเมืองเบ้งจิ๋นก็เป็นหัวเมืองใหญ่ ขอให้ปังอี้ไปอยู่รักษาเมืองจะได้ปราบโจรให้ระงับ เคาสุนให้ไปรวบรวมเสบียงอาหารแลเรียกส่วยสาอากรไว้ในเมืองโฮหลาย กองทัพซึ่งจะไปปราบโจรขัดสนจะได้กลับมาปรนปรือทแกล้วทหารให้มีกำลังคิดทำการศึกไปภายหน้า เสียวอ๋องได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย จึงสรรเสริญเตงอูว่ามีสติปัญญารู้จักจัดแจงใช้คนตามคุณานุรูป สมควรที่จะตั้งแต่งตามตำแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ไว้ชื่อเป็นความดีในแผ่นดิน เสียวอ๋องจึงตั้งให้เคาสุนเป็นโฮหลายท้ายสิ้วไต้เจียงกุ๋น แล้วว่าครั้งเมื่อพระเจ้าฮั่นโกโจทำศึกกับฌ้อปาอ๋องนั้นให้เสียงก๊กเสียวโหอยู่รักษาก๋วนต๋งคือเมืองโปต๋ง เสียงก๊กเสียวโหจัดแจงเสบียงอาหารส่งกองทัพไม่ขัดสน จนพระเจ้าปู่เราทำศึกชนะได้ราชสมบัติในเมืองหลวง เป็นต้นกษัตริย์สืบเชื้อพระวงศ์บำรุงแผ่นดินเป็นสุขมาช้านาน ครั้งนี้เราจะยกไปปราบโจรฝ่ายเหนือ ท่านจงอยู่รักษาเมืองโฮหลายเอาไมตรีเผื่อแผ่แก่ราษฎรหัวเมือง กระทำเขตแดนให้กว้าง รวบรวมข้าวปลาอาหารขึ้นฉางไว้ให้บริบูรณ์ จะได้เลี้ยงทแกล้วทหารเป็นกำลังศึก แล้วเรียกปังอี้มาสั่งว่าท่านจงอยู่รักษาเมืองเบ้งจิ๋น ช่วยเคาสุนปราบโจรในแขวงเมืองโฮหลายให้ระงับจงได้ ปังอี้กับเคาสุนคำนับรับคำเสียวอ๋องแล้วออกมาขึ้นม้าพาทหารซึ่งเป็นพรรคพวกออกจากกองทัพ แยกทางกันไปรักษาเมืองตามคำเสียวอ๋องสั่ง

ฝ่ายเตงอูครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าเป็นวันฤกษ์ดี จึงจัดกองทัพกับเสียวอ๋องยกไปถึงตำบลเอียอ๋อง เตงอูคำนับลาเสียวอ๋องยกแยกลงทางตะวันตก เสียวอ๋องยกกองทัพขึ้นทางทิศเหนือ

ฝ่ายเคาสุนครั้นมาถึงเมืองโฮหลายจึงจัดแจงข้าวปลาอาหารขึ้นบรรทุกยุ้งฉางน้อยใหญ่ไว้เต็มบริบูรณ์ แล้วเรียกส่วยสาอากรรวบรวมไว้ได้เงินสี่ร้อยหมื่นตำลึงสำหรับแจกจ่ายทหาร จึงเกณฑ์ราษฎรชาวเมืองเหลาลูกเกาทัณฑ์ไว้สำหรับศึกได้ร้อยหมื่น ให้ทหารออกตระเวนตรวจตราจับพวกโจรฆ่าเสียเป็นอันมาก ราษฎรทำมาหากินเป็นสุข เคาสุนเอาใจเผื่อแผ่เกลี้ยกล่อมชักชวนทแกล้วทหารซึ่งออกไปตั้งซ่องสุมอยู่ป่าให้เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นปรกติเหมือนดังแต่ก่อน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ