๑๒

ฝ่ายจูอิวซึ่งเป็นไจเสียงขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง ครั้นคิดอุบายกำจัดกองบู๊ออกไปปราบโจร แล้วให้คนใช้ตามไปสอดแนมคอยหาความผิดกองบู๊อยู่มิได้ขาด ครั้นรู้ความว่านายทหารทั้งปวงประชุมกันจะยกกองบู๊ขึ้นเป็นกษัตริย์ดังนั้น จึงให้หาไจเสียงเจ็ดคนมาปรึกษาพร้อมกันแล้วเข้าไปกราบทูลเกงซีฮ่องเต้ว่า ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกมีรับสั่งใช้ไปปราบโจรนั้น บัดนี้คิดการกบฏตั้งตัวเป็นกษัตริย์ขึ้น ณ เมืองกำตั๋น เกลี้ยกล่อมทแกล้วทหารไว้เป็นอันมาก ขอให้จัดแจงทหารที่มีฝีมือกล้าแข็งยกไปจับเล่าสิ้วบุนซกฆ่าเสีย พระองค์จึงจะได้เสวยราชสมบัติเป็นสุขสืบไป พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ได้ฟังดังนั้นสำคัญว่าจริงก็ตกใจ จึงว่าซึ่งจะไปจับเล่าสิ้วบุนซกทั้งนี้ท่านจะใช้ให้ผู้ใดไปเล่า จูอิวจึงว่าม้าบู๊กับอองเสียงซึ่งให้ไปอยู่รักษาเมืองจี๋นเมืองเตียวนั้น ครั้งเมื่ออยู่เมืองซินซี ม้าบู๊กับอองเสียงก็มีใจจงรักภักดีช่วยทำนุบำรุงมาตราบเท่าพระองค์ได้เป็นเจ้าแผ่นดิน ถ้าม้าบู๊กับอองเสียงรู้ว่าเล่าสิ้วบุนซกคิดการกบฏประทุษร้ายต่อพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าบู๊กับอองเสียงจะมีใจเจ็บร้อนด้วย จะได้ช่วยกำจัดเล่าสิ้วบุนซกเสียเป็นมั่นคง พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ได้ฟังดังนั้นเห็นชอบ จึงให้จูอิวแต่งหนังสือรับสั่งให้ไปหาตัวเจ้าเมืองจิ๋นเจ้าเมืองเตียวมาเมืองหลวง เตียงฮั่นจูอิวรับสั่งคำนับลาออกมาจากที่เฝ้า แต่งหนังสือส่งให้คนรับใช้แยกทางกันไปหาม้าบู๊กับอองเสียงตามรับสั่ง

ฝ่ายม้าบู๊กับอองเสียง ตั้งแต่จากไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกมารักษาเมืองอยู่ เตงอูกำชับสั่งไว้ว่าไจเสียงจะคิดทำการร้ายแก่ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซก ม้าบู๊กับอองเสียงคอยฟังข่าวกองบู๊อยู่มิได้ขาด พอมีผู้ถือหนังสือรับสั่งมาให้หาเข้าไปเมืองหลวง ม้าบู๊จัดแจงทหารออกจากเมืองจิ๋นพบกับอองเสียง ณ ทางรวมกัน แล้วพากันเข้าไปหาจูอิว ณ เมืองหลวง จูอิวพาม้าบู๊อองเสียงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ แล้วจูอิวบอกความแก่ม้าบู๊อองเสียงต่อหน้าที่นั่ง ว่าโจรฝ่ายเหนือเกิดกำเริบขึ้นเป็นอันมาก จึงมีรับสั่งให้ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกยกทัพไปปราบโจร บัดนี้ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกหาซื่อตรงต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ไม่ ไปเกลี้ยกล่อมซ่องสุมทแกล้วทหารคิดการกบฏ จึงมีรับสั่งให้ท่านทั้งสองนายจะให้ไปจับเล่าสิ้วบุนซก ถ้าได้ตัวมาจะพระราชทานที่ยศศักดิ์ให้ถึงขนาด ม้าบู๊ได้ยินดังนั้นคิดว่าไจเสียงจูอิวมีใจอิจฉาเล่าสิ้วบุนซก แกล้งทูลยุยงพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้จะให้กำจัดเล่าสิ้วบนซกเสีย พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้เชื่อแต่คนผิดคิดจะทำลายผู้มีความชอบ ครั้งนี้สมความคิดแล้วจำจะออกไปช่วยทำการทำนุบำรุงเล่าสิ้วบุนซกให้ได้เป็นกษัตริย์กำจัดโจรแปดคนนี้เสียจงได้ ม้าบู๊จึงทูลพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ว่าถ้าเล่าสิ้วบุนซกคิดการประทุษร้ายต่อพระองค์แล้ว เทวดาซึ่งรักษาแผ่นดินก็จะบันดาลให้เป็นอันตรายต่างๆ ข้าพเจ้าทั้งสองจะขออาสาจับเอาตัวผู้ซึ่งมิได้ซื่อตรงมาจงได้ พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจนัก จึงสั่งให้ฮุยเบ๋งเป็นงวนโซย บังกุยเป็นรองแม่ทัพ อองเสียงเป็นแม่ทัพหน้า ม้าบู๊เป็นยกกระบัตรทัพคุมทหารสิบหมื่นยกไปจับเล่าสิ้วบุนซก ฮุยเบ๋งกับม้าบู๊นายทหารทั้งปวงคำนับลาออกมาจัดเตรียมทหารยกไปจากเมืองหลวง

ฝ่ายทหารซึ่งกองบู๊ให้มาสืบราชการรู้ว่ากองทัพเมืองหลวงยกมาจึงขึ้นม้ารีบไปแจ้งความแก่กองบู๊ต่อหน้าเตงอูนายทหารทั้งปวง กองบู๊ได้ยินดังนั้นจึงปรึกษาเตงอูว่ากองทัพเมืองหลวงยกมาทั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะมีผู้ไปกราบทูลพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ว่าเรากับอองลังจือรบพุ่งติดพันกันอยู่จึงจัดทัพหนุนมาช่วยเรา จำจะให้ไปรับเข้ามาสมทบทัพ จะได้ยกเข้าจับอองลังจือเสียท่านจะเห็นประการใด เตงอูจึงว่าซึ่งมีรับสั่งให้ท่านมาปราบโจรครั้งนี้ยังมิได้มีหนังสือบอกไปขอกองทัพให้มาช่วย ซึ่งกองทัพเมืองหลวงยกมาครั้งนี้ข้าพเจ้าสงสัยอยู่ เกลือกจะเป็นกลอุบายไจเสียงจะให้มาทำอันตรายท่าน ขอให้จัดแจงคุมทหารออกไปรับให้กองทัพหยุดอยู่แต่ไกล สืบเอาความให้รู้ว่ามาร้ายมาดีก่อน ถ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้จัดกองทัพมาช่วยท่านโดยสุจริตแล้ว จึงให้พากองทัพมาสมทบกันต่อภายหลัง กองบู๊ได้ฟังดังนั้นเห็นชอบจึงใช้อองเหลียงคุมทหารสองหมื่นยกออกไปห้ามกองทัพ อองเหลียงคำนับรับคำลาขึ้นม้าพาทหารออกจากค่ายไปทางประมาณห้าลี้เศษ พอพบทหารกองหน้าอองเสียงกลางทาง ทหารทั้งสองฝ่ายจัดเตรียมจะรบกัน อองเหลียงจึงขับม้าขึ้นมายืนอยู่หน้าทหารแล้วร้องถามว่าท่านยกทัพมาเป็นอันมากฉะนี้จะไปตีเมืองใด ฮุยเบ๋งแม่ทัพได้ยินดังนั้นรู้ว่าเป็นทหารเล่าสิ้วบุนซกออกมารับ จึงแกล้งกล่าวเป็นอุบายว่าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ทราบว่าไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกได้รบพุ่งติดพันกันกับอองลังจือ จึงให้เราเป็นแม่ทัพคุมทหารมาช่วยไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกกำจัดอองลังจือ อองเหลียงจึงตอบว่าไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกรู้ว่ากองทัพหลวงยกมา จึงใช้ให้เรามาบอกให้ท่านหยุดพักทหารอยู่ที่นี่ก่อน ต่อเวลารุ่งพรุ่งนี้จึงยกเข้าไปเถิด ม้าบู๊ได้ยินดังนั้นคิดเกรงว่ากองบู๊จะไม่รู้ความซึ่งพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ให้มาทำร้าย จึงร้องบอกอองเหลียงว่า เราถือรับสั่งพระเจ้าเมืองหลวงออกมาจับตัวเล่าสิ้วบุนซกซึ่งคิดกบฏตัวจะห้ามไว้เราไม่ฟัง จะเข้าไปจับตัวเล่าสิ้วบุนซกไปถวายให้จงได้ อองเหลียงจึงตอบว่าเราก็ถือรับสั่งไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกให้เราออกมาห้ามทัพ ทั้งสองถ้อยทีเถียงกันมิตกลง ม้าบู๊แกล้งทำโกรธขับม้าพาทหารบุกรุกเข้าไป อองเหลียงเห็นดังนั้นโกรธนัก ชักม้าเข้ารบกับม้าบู๊เป็นหลายเพลงทวน เห็นจะต้านทานกำลังม้าบู๊มิได้จึงชักม้าพาทหารถอยรอรบไป ม้าบู๊ขับม้าไล่ตามอองเหลียงเข้ามา อองเหลียงขับม้าเข้าสู้รบปะทะดูกำลังม้าบู๊อีกสิบเพลงทวนเห็นจะเสียที ก็ขับม้าพาทหารหนีไปค่ายแจ้งความแก่กองบู๊ว่า พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้รับสั่งให้ฮุยเบ๋งกับม้าบู๊ยกทัพมาจะจับท่านว่าเป็นกบฏ บัดนี้ยกล่วงเข้ามาจะใกล้ถึงค่ายแล้ว ขอท่านจงจัดทหารมีฝีมือออกไปต้านไว้ก่อน อย่าเพ่อให้เข้าประชิดถึงค่าย กองบู๊แจ้งว่าเป็นข้อรับสั่งมีความยำเกรงยิ่งนัก จึงคิดว่าเรามีความกตัญญูต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ มิได้คิดแก่ความลำบากออกมาทำการปราบศัตรูแผ่นดิน หวังจะให้พระเจ้าเมืองหลวงเสวยราชสมบัติให้เป็นสุข พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้เชื่อฟังคำคนยุยงว่าเราเป็นกบฏให้ทหารมาจับตัวครั้งนี้ ถ้าจะคิดการต่อสู้ก็จะมีผู้นินทาว่าเป็นขุนนางคิดคดต่อพระมหากษัตริย์ ความชั่วก็จะปรากฏชื่ออยู่ชั่วพระจันทร์พระอาทิตย์ ถึงมาตรว่าจะตายก็จะตายด้วยความสัจมิได้ขัดรับสั่ง จะไว้ชื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางสืบไป กองบู๊คิดแล้วจึงแต่งตัวเป็นปรกติมิได้ถือเครื่องศัสตราอาวุธ ขึ้นม้าพาทหารออกจากค่ายหมายจะลุแก่โทษตัว กองบู๊พาทหารมาทางประมาณห้าลี้ พอพบกองทัพจึงยืนม้าอยู่ แล้วร้องถามว่าผู้ใดเป็นแม่ทัพถือรับสั่งพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้มาจงมาเจรจากับเรา ฮุยเบ๋งแม่ทัพได้ยินดังนั้นจึงขับม้าพาทหารขึ้นมากับบังกุย แลเห็นกองบู๊ ฮุยเบ๋งจึงบอกว่าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้วางพระทัยใช้ท่านออกมาปราบโจรฝ่ายเหนือ ท่านซ่องสุมผู้คนเป็นอันมากตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ จึงรับสั่งให้เราออกมาจับตัวท่านเข้าไปเมืองหลวง กองบู๊ได้ยินว่ารับสั่งพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ก็ลงม้าผินหน้าต่อเมืองหลวง ถวายบังคมคำรบรับสั่ง บังกุยเห็นดังนั้นถอดกระบี่ออกจากฝักขับม้าเข้ามาจะฟันกองบู๊ เอียวกี๋ยืนม้าอยู่ข้างหลังกองบู๊จึงออกไปรบกับบังกุยป้องกันกองบู๊ไว้ ทหารทั้งปวงก็พยุงกองบู๊ขึ้นม้ากลับเข้าค่าย ฝ่ายฮุยเบ๋งก็ขับม้าพาทหารเข้ามาตั้งค่ายประชิดกองบู๊

ฝ่ายเตงอูจึงบอกกองบู๊ว่า กลอุบายทั้งนี้ไจเสียงมันคิดเพ็ดทูลยุยงพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้เชื่อฟัง จึงให้ยกมาทำอันตรายท่าน ครั้งนี้ท่านถึงที่ตายแล้ว เอียวกี๋เข้าป้องกันทันท่วงที บังกุยจึงไม่ทำอันตรายแก่ท่านได้ เตงอูจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่าผู้ใดมีกำลังฝีมือจงอาสาออกต่อสู้กับม้าบู๊ไว้สักครั้งหนึ่ง เอียวกี๋จึงรับอาสาว่าข้าพเจ้าจะขอออกไปต่อสู้รบเอาชัยชนะแก่ม้าบู๊จงได้ เอียวกี๋ก็คำนับลาขึ้นม้าพาทหารออกจากค่าย เห็นม้าบู๊ยืนอยู่หน้าค่าย เอียวกี๋ขับม้าเข้ารบกับม้าบู๊ได้ยี่สิบเพลง ม้าบู๊แกล้งทำรบป้องกันไว้จนเวลาเย็นลงล่าทัพกลับเข้าค่าย

ฝ่ายม้าบู๊ครั้นค่ำลง จึงค่อยกระซิบปรึกษากับอองเสียงว่า ฮุยเบ๋งแม่ทัพก็สำคัญว่าเรารบพุ่งกับกองบู๊โดยสัจจริงหาสงสัยมิได้ เวลาค่ำวันนี้เราจะเข้าตัดศีรษะฮุยเบ๋ง ท่านจงตัดศีรษะบังกุยเสีย แล้วจึงพาเอาทแกล้วทหารไปช่วยกองบู๊กำจัดอองลังจือ อองเสียงเห็นชอบด้วย ครั้นเวลาดึกใกล้รุ่ง ม้าบู๊กับอองเสียงถือกระบี่ย่องเข้าไปในค่ายหลวง ม้าบู๊ตัดศีรษะฮุยเบ๋ง อองเสียงตัดศีรษะบังกุยได้ พอเวลารุ่งขึ้น ม้าบู๊กับอองเสียงจึงเอาศีรษะแม่ทัพชูขึ้นให้นายทหารทั้งปวงดูแล้วร้องประกาศว่า ทหารทั้งปวงจงมาเข้าด้วยเราจะพาไปทำราชการด้วยไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซก ถ้าผู้ใดไม่เข้าด้วยเราจะฆ่าเสีย ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นพากันตกใจกลัวยอมเข้าด้วยม้าบู๊ทั้งสิ้น ครั้นเวลารุ่งเช้าม้าบู๊หิ้วเอาศีรษะฮุยเบ๋ง อองเสียงได้ศีรษะบังกุย ทั้งสองนายขึ้นม้ามาถึงประตูค่าย ให้นายประตูเข้าไปบอกกองบู๊ กองบู๊แจ้งความว่าม้าบู๊มาจึงให้เปิดประตูรับ ม้าบู๊กับอองเสียงจึงเข้าไปคำนับกองบู๊แล้วว่า ตั้งแต่ข้าพเจ้าจากท่านไป ไปอยู่เมืองจิ๋นเมืองเตียวคอยฟังข่าวท่านอยู่มิได้ขาด ครั้นสืบรู้ว่าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ให้ท่านมาปราบโจร แล้วจูอิวทูลยุยงเกงซีฮ่องเต้ว่าท่านเป็นกบฏ จึงให้หาข้าพเจ้าทั้งสองไปเฝ้า สั่งฮุยเบ๋งกับบังกุยเป็นแม่ทัพกำกับข้าพเจ้ากับทหารสิบหมื่นออกมาจับท่าน ข้าพเจ้าแกล้งทำรบพุ่งกับทหารท่านหวังจะให้ฮุยเบ๋งเชื่อถือว่าช่วยเจ็บร้อนด้วย บัดนี้ข้าพเจ้ากับอองเสียงตัดเอาศีรษะฮุยเบ๋งกับบังกุยมาให้ท่านต่างเครื่องคำนับ กองบู๊ได้ยินดังนั้นมีความยินดีนัก จึงสรรเสริญม้าบู๊กับอองเสียงว่ามีสติปัญญาลึกซึ้งทั้งฝีมือก็กล้าแข็งนัก จงรักภักดีต่อเราโดยสุจริต มิเสียทีที่เป็นชายชาติทหาร กองบู๊จึงเลี้ยงโต๊ะม้าบู๊กับอองเสียงและนายทหารทั้งปวงเป็นที่สบาย

ฝ่ายม้าบู๊ครั้นกินโต๊ะแล้ว จึงคำนับลากองบู๊ออกไปพาทหารสิบหมื่นเข้ามาสมทบทัพกองบู๊ล้อมเมืองกำตั๋น

ฝ่ายคนสนิทฮุยเบ๋งงวนโซย ครั้นม้าบู๊ฆ่าฮุยเบ๋งผู้นายตายแล้ว จึงพากันหลบหลีกหนีเข้าป่าค่อยเล็ดลอดไปถึงเมืองเตียงอั๋นคือเมืองหลวง จึงเข้าไปแจ้งความแก่จูอิวทุกประการ จูอิวได้ยินดังนั้นก็ตกใจปรึกษาไจเสียงทั้งเจ็ดคนกับขุนนางทั้งปวงซึ่งเป็นพรรคพวกว่า บัดนี้กองทัพซึ่งให้ยกไปจับเล่าสิ้วบุนซกนั้น ม้าบู๊กับอองเสียงก็ฆ่าฮุยเบ๋งบังกุยเสียแล้ว พาทหารไปเข้าอยู่กับเล่าสิ้วบุนซก ท่านจะคิดกำจัดเล่าสิ้วบุนซกด้วยอุบายประการใด เลียวแจ๋งจึงว่าซึ่งจะคิดจับเล่าสิ้วบุนซกนั้น ข้าพเจ้ามีอุบายประการหนึ่ง อันเล่าสิ้วบุนซกคนนี้มีกตัญญูต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ยิ่งนัก ขอท่านจงแต่งหนังสือรับสั่งออกไปหาตัวเล่าสิ้วบุนซกเข้ามา แล้วแต่งกองทัพตามไปภายหลังคอยสกัดทางจับเล่าสิ้วบุนซกฆ่าเสีย ประการหนึ่งถ้าเตงอูและนายทหารในกองเล่าสิ้วบุนซกว่ากล่าวห้ามปรามมิให้เล่าสิ้วบุนซกมา จงเอาสุรายาพิษไปบอกว่าเป็นของพระราชทานให้เล่าสิ้วบุนซกกิน ถ้าเล่าสิ้วบุนซกได้ยินว่าเป็นข้อรับสั่งแล้วเห็นจะทำตามทุกประการ ถ้าเล่าสิ้วบุนซกไม่มาคงจะกินสุรายาพิษตาย อุบายอันนี้ข้าพเจ้าเห็นจะสำเร็จความคิดท่านเป็นมั่นคง จูอิวได้ฟังดังนั้นเห็นชอบ จึงแต่งหนังสือเป็นข้อรับสั่งพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้เข้าผนึก แล้วประกอบยาพิษใส่สุราป้านหนึ่งปิดตราผนึกกับหนังสือส่งให้แก่หลีหุน แล้วบอกความลับกำชับสั่งให้ไปเจรจาล่อลวงกองบู๊ทุกประการ หลีหุนคำนับรับคำลาจูอิว ออกจากเมืองหลวงไปตามทางเมืองกำตั๋น จูอิวจึงให้หาตัวพิถองเข้ามาสั่งว่าท่านจงคุมทหารห้าหมื่นไปตามหลีหุน ถ้าเล่าสิ้วบุนซกต้องในกลอุบายของเราแล้ว จะกลับเข้ามาเฝ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ตามหนังสือซึ่งหลีหุนถือไปนั้น ถ้าท่านพบเล่าสิ้วบุนซกเข้ากลางทางจงจับฆ่าเสียเถิด พิถองคำนับลาออกมาจัดทหารห้าหมื่นยกไปตามคำจูอิว

ฝ่ายหลีหุนถือหนังสือไปถึงค่ายเล่าสิ้วบุนซก จึงเข้าไปบอกนายประตูว่า เราถือหนังสือรับสั่งพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้มาแต่เมืองหลวง นายประตูรู้ความดังนั้นก็เข้าไปคำนับบอกความแก่กองบู๊ทุกประการ กองบู๊มิได้รู้ในกลอุบาย จึงพาเตงอูกับนายทัพนายกองทั้งปวงออกมารับคำนับตรารับสั่งตามธรรมเนียม แล้วพาหลีหุนผู้ถือหนังสือเข้าค่าย หลีหุนจึงคำนับส่งหนังสือนั้นให้แก่กองบู๊ในท่ามกลางนายทัพนายกองนั่งอยู่พร้อมกัน กองบู๊ฉีกผนึกหนังสือออกอ่านได้ความว่า ศุภอักษรพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้มาถึงไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซก ด้วยบุญญาธิการแต่หนหลังเราได้สร้างสมมาจึงได้เป็นกษัตริย์ พึ่งได้ราชสมบัติใหม่บ้านเมืองยังไม่ราบคาบ จึงตั้งเล่าสิ้วบุนซกให้เป็นไต้สุมาผู้สำเร็จราชการ ได้ว่ากล่าวทหารและหัวเมืองทั้งปวง เป็นที่วางพระทัยให้ออกไปปราบโจรฝ่ายเหนือ มีผู้มาบอกว่าเล่าสิ้วบุนซกเชื่อฟังแต่คำนายทหารผู้เป็นคนอกตัญญูแผ่นดินตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ ครั้นจะเชื่อฟังแต่คำบอกเล่ามิได้ จึงให้ฮุยเบ๋งกับทหารออกมาสืบสวนเอาความจริงให้แน่ มีผู้เข้าไปบอกว่าเล่าสิ้วบุนซกให้ทหารลอบลักฆ่าฮุยเบ๋งแล้วริบเอาทหารไว้ถึงสิบหมื่นทั้งนี้ เราคิดระแวงแคลงเล่าสิ้วบุนซกอยู่ถึงสองข้อ ถ้าไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกยังมีใจสัตย์ซื่อมิได้คิดประทุษร้ายต่อเราก็ให้กลับเข้ามากับผู้ถือหนังสือ ถ้าเล่าสิ้วบุนซกยังทำการศึกติดพันอยู่กลับมามิได้ก็ให้กินสุราซึ่งเป็นนํ้าพิพัฒน์สัตยานี้โดยสัตย์สุจริต เราจึงจะไม่คิดระแวงสงสัยสืบไป ครั้นกองบู๊แจ้งความในหนังสือแล้วจึงปรึกษาเตงอูกับนายทหารทั้งปวงว่า ตัวเราจงรักภักดีทำราชการโดยสัตย์สุจริต มิได้คิดประทุษร้ายต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ บัดนี้มีผู้ไปทูลยุยงให้พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ระแวงพระทัยให้มีตรารับสั่งมาหาทั้งนี้ จำจะเข้าไปเฝ้ากราบทูลพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ให้หายสงสัยท่านจะเห็นประการใด เตงอูจึงว่าท้องตราฉบับนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นหนังสือนายโจรทั้งแปดคนแกล้งคิดกลอุบายจะทำร้ายแก่ท่าน จึงแกล้งแต่งเป็นหนังสือรับสั่งออกมา ถ้าท่านกลับเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ครั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะต้องกลอุบายนายโจรทั้งแปดคนเป็นมั่นคง อนึ่งเชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นโกโจทุกวันนี้ ข้าพเจ้าพิจารณาดูหาเห็นผู้ใดที่จะสืบกษัตริย์บำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุขต่อไปไม่ ทแกล้วทหารทั้งปวงซึ่งมาช่วยปราบศัตรูแผ่นดินทั้งนี้ เพราะเห็นว่าท่านมีบุญญาธิการมาก จึงมาอาสาท่านหวังจะฝากชื่อไว้ให้มีเกียรติยศปรากฏไปภายหน้า ถ้าท่านเกิดความอันตรายแล้ว ข้าพเจ้าและทหารทั้งปวงจะหาที่พึ่งมิได้ คนทั้งปวงก็จะครหานินทาว่าเป็นคนโฉดเขลาไม่รู้เท่านายโจรทั้งแปด จนเจ้าของตัวตายด้วยอุบายล่อลวง ทหารทั้งปวงซึ่งเอาตัวฝ่าคมอาวุธอาสาแผ่นดินมานั้นความชอบซึ่งทำไว้ก็จะสูญสิ้น ขอท่านจงหยุดยั้งตรึกตรองก่อน หลีหุนได้ยินเตงอูว่ากล่าวทัดทานเล่าสิ้วบุนซกดังนั้นเห็นจะเสียการ จึงรินสุราออกจากป้านใส่จอกเข้าไปใกล้กองบู๊แล้วว่า ทแกล้วทหารทั้งปวงไม่ยอมให้ท่านไปเมืองหลวงแล้ว พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้พระราชทานนํ้าพิพัฒน์สัตยาออกมา ถ้าท่านมิได้คิดกบฏประทุษร้ายต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ ขอท่านจงกินน้ำพระพิพัฒน์สัตยาต่อหน้าข้าพเจ้าผู้ถือรับสั่งตามท้องตราซึ่งโปรดออกมา ข้าพเจ้าจะได้เข้าไปกราบทูลแจ้งความให้พระเจ้าเมืองหลวงสิ้นสงสัย มิได้มีพระทัยระแวงท่านสืบไป กองบู๊ได้ฟังดังนั้นก็รับเอาจอกสุรามาจากมือหลีหุน

ฝ่ายเอียวกี๋ถือกระบี่ยืนอยู่เห็นกองบู๊หยิบจอกสุราจะดื่มกิน เอียวกี๋ก็โกรธเข้าชิงเอาจอกสุรานั้นทิ้งออกไปเสีย สุราหกลงเป็นเปลวเพลิงลุกขึ้นสูงประมาณสี่นิ้วห้านิ้วแล้วดับไป เอียวกี๋เอากระบี่ฟันหลีหุนคอขาดตาย ฝ่ายนายทหารทั้งปวงต่างคนดีใจนัก กองบู๊เห็นเอียวกี๋ฆ่าหลีหุนเสียแล้วมิได้ว่าประการใด จึงให้ทหารเอาศพหลีหุนออกไปทิ้งเสียนอกค่าย

ฝ่ายคนใช้หลีหุนอยู่นอกค่ายเห็นนายตายก็ตกใจหนีกลับไปตามทาง พบทัพพิถองจึงแจ้งความแก่พิถองทุกประการ พิถองรู้ความดังนั้นก็เร่งให้ยกกองทัพไปตามทาง

ฝ่ายทหารซึ่งไปนั่งทางอยู่เห็นพิถองยกกองทัพมาถึง จึงรีบเข้าไปแจ้งความแก่กองบู๊ กองบู๊จึงแต่งตัวใส่เกราะขึ้นม้าพาทหารยกออกจากค่ายไปทางประมาณสามลี้ พอพบพิถองขี่ม้านำทหารมากองบู๊ยืนม้าขวางทางอยู่ จึงร้องถามว่าท่านจะยกกองทัพไปแห่งใด พิถองได้ยินดังนั้นจึงบอกว่า เรายกมาทั้งนี้เพราะตัวท่านเชื่อฟังคำคนยุยงตั้งตัวเป็นเจ้าคิดกบฏต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ทราบความจึงให้เรายกกองทัพมาจับท่านไปลงอาญาตามโทษานุโทษ กองบู๊จึงว่าตัวเราตั้งใจทำราชการโดยสุจริต มิได้คิดการประทุษร้ายต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ ซึ่งมีรับสั่งให้ท่านมาเอาโทษแก่เรานั้นเราหาข้อผิดมิได้ พิถองจึงว่าเดิมมีรับสั่งให้ฮุยเบ๋งออกมาหาตัวท่านเข้าไปเมืองหลวง ท่านขัดรับสั่งแล้วให้ทหารเข้าลอบลักฆ่าฮุยเบ๋งริบเอาทหารไว้ พระเจ้าเมืองหลวงจึงให้หลีหุนถือนํ้าพิพัฒน์มาเหตุใดฆ่าเสียอีกเล่า เตงอูได้ฟังดังนั้นจึงบอกแก่พิถองว่า เดิมอองมังคิดฆ่าพระเจ้าเปงเต้เพราะด้วยสุรายาพิษชิงเอาสมบัติในเมืองหลวง ฮั่นกองบู๊ผู้มีบุญคิดการศึกฆ่าอองมังเสียแล้วตั้งเล่าเหี้ยนเป็นเกงซีฮ่องเต้ เกงซีฮ่องเต้เอาโจรแปดคนมาตั้งเป็นที่ไจเสียง ไจเสียงคิดอิจฉาจะฆ่าฮั่นกองบู๊เสีย จึงคิดการพร้อมกันยุยงให้พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้จัดนายทหารฮั่นกองบู๊ไปรักษาเมืองน้อยเมืองใหญ่สิ้นแล้ว นายโจรทูลยุยงให้พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ให้ฮั่นกองบู๊คุมทหารสองร้อยคนออกมาปราบโจรซึ่งตั้งซ่องสุมพวกโจรอยู่ฝ่ายเหนือมากกว่าร้อยหมื่น หมายจะให้โจรฆ่าฮั่นกองบู๊เสีย เราแลนายทหารทั้งปวงรู้ข่าวซึ่งไจเสียงคิดอุบายจะทำร้ายฮั่นกองบู๊ จึงพากันมาช่วยป้องกันมิให้เป็นอันตราย อองลังจือบุตรอองมังมาซ่องสุมผู้คนเป็นอันมาก ตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้รบพุ่งกันกับฮั่นกองบู๊ยังมิทันสำเร็จราชการ

พอเวลาหลีหุนเอาสุรายาพิษออกมาเจรจาล่อลวงว่าเป็นน้ำพิพัฒน์สัตยาพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้พระราชทานให้กองบู๊ นายทหารทั้งปวงรู้ว่าเป็นกลอุบายไจเสียงแอบรับสั่งออกมาจึงฆ่าหลีหุนเสีย ตัวท่านก็เป็นขุนนางมาครั้งอองมัง ทั้งสติปัญญาฝีมือก็กล้าแข็ง ความทั้งนี้ท่านย่อมรู้แจ้งอยู่สิ้นทุกประการ อนึ่งคำโบราณว่าไว้เป็นฉบับสืบมา ถ้าเป็นปักษาชาติทั้งปวงพึงแสวงหาต้นไม้ใหญ่เป็นที่อาศัยทำรัง อันเกิดมาเป็นชายมีสติปัญญาจงหาผู้มีบุญญาธิการเป็นที่พึ่ง ซึ่งท่านเข้าอยู่ด้วยอองมังศัตรูแผ่นดินผู้หาบุญมิได้ ทำศึกขับเคี่ยวกันกับฮั่นกองบู๊ผู้มีบุญญาธิการมากมาตราบเท่าอองมังสิ้นชีวิตแล้ว ท่านกลับเข้าคบคิดกับนายโจรแกล้งทูลยุยงให้พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ฆ่าเล่าอี๋นผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ตาย แล้วกลับใช้ให้ท่านออกมาประทุษร้ายต่อฮั่นกองบู๊มีบุญญาธิการมาก ความชั่วท่านก็จะลือชาปรากฏไปตราบเท่าสิ้นพระจันทร์พระอาทิตย์ เราว่ากล่าวเตือนสติท่านทั้งนี้ด้วยความกรุณา แม้นท่านมาเข้าด้วยช่วยผู้มีบุญปราบศัตรูแผ่นดินราบคาบราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขแล้ว ความชอบที่ท่านทำไว้จะมีชื่อลือเกียรติยศปรากฏไปจนสิ้นบุตรแลหลาน ซึ่งตัวท่านยกมานี้ เราให้ทหารมีฝีมือสามสิบนายกับทหารเลวสิบหมื่นตั้งวกหลังล้อมท่านไว้ทางไกลสองพันเส้นโดยรอบ ตัวท่านมีทหารมาแต่ห้าหมื่นคน เราเห็นหาสู้ทนกำลังฝีมือทหารฝ่ายเราได้ไม่ แม้นท่านยังถือมานะมิยอมเข้าด้วยกองบู๊ จะคิดการต่อสู้สงครามภายหลังท่านจะได้ความเดือดร้อนนัก ตัวท่านใช่คนโฉดเขลาจงตรึกตรองดูโดยชอบ พิถองได้ยินดังนั้นตรึกตรองดูก็เห็นชอบด้วยคำเตงอู จึงลงจากม้าเข้าไปคำนับกองบู๊แล้วว่า แต่ก่อนข้าพเจ้าเป็นทหารอองมังมิได้รู้ว่าท่านเป็นผู้มีบุญ ต่อเตงอูผู้มีสติปัญญาชักทำเนียบมาเปรียบเทียบข้าพเจ้าจึงได้สติ ซึ่งข้าพเจ้าทำความผิดมาแต่หนหลัง จงกรุณายกโทษข้าพเจ้าไว้ครั้งหนึ่ง แต่นี้ไปภายหน้าจะทำราชการโดยสัตย์สุจริตกว่าจะสิ้นชีวิต ขอท่านอย่าระแวงสงสัยในข้าพเจ้าสืบไปเลย กองบู๊ได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนักจึงพาพิถองเลิกทัพกลับเข้าค่าย ให้เลี้ยงโต๊ะพิถองกับนายทหารทั้งปวงเป็นที่สบาย

ฝ่ายนายทหารซึ่งเกิดสำหรับบุญกองบู๊ประชุมพร้อมกันอยู่ทั้งยี่สิบแปดนาย ปรึกษาจะยกกองบู๊ขึ้นเป็นกษัตริย์หลายครั้งกองบู๊ไม่ยอมเป็นฮ่องเต้ต่างคนวิตกนัก จึงให้ทหารผู้หนึ่งชื่อถือลี้ฉลาดเรียบเรียงเนื้อความ ทำเรื่องราวเข้าคำนับส่งให้กองบู๊ กองบู๊รับหนังสือคลี่ออกอ่านได้ความว่า คำโบราณกล่าวไว้เป็นฉบับสำหรับแผ่นดินสืบมาว่า ถ้าผู้ใดเป็นคนอกตัญญูไม่รู้จักคุณผู้มีพระคุณแก่ตน แม้นจะว่ากล่าวสิ่งใดอย่าพึงฟังคำจงกำจัดเสีย ผู้ใดมีความกตัญญูรู้จักผู้มีคุณ ใจสัตย์ซื่อมั่นคงต่อแผ่นดินโดยสุจริต จะว่ากล่าวสิ่งใดควรจะเชื่อฟังได้ ซึ่งท่านคิดการกำจัดอองมังผู้เป็นศัตรูแผ่นดินสิ้นเสี้ยนหนามแล้ว มิได้บำรุงราษฎรหัวเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขสืบกษัตริย์ กลับเอาเล่าเหี้ยนผู้บุญน้อยขึ้นครองสมบัติเป็นพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ว่าราชการเมืองหลวง ราษฎรหัวเมืองทั้งปวงจึงบังเกิดจลาจลเดือดร้อน โจรผู้ร้ายกำเริบขึ้นทุกทิศ อันแผ่นดินทุกวันนี้ต่อเมื่อใดกษัตริย์มีบุญญาธิการ เปรียบเหมือนพระเจ้าจิวบู๋เต้และพระเจ้าฮั่นโกโจมาเป็นกษัตริย์แผ่นดินจึงราบคาบ บัดนี้ทแกล้วทหารและราษฎรหัวเมืองสรรเสริญว่าท่านมีบุญญาธิการมาก เปรียบเหมือนพระเจ้าเงี้ยวเต้และพระเจ้าซุนเต้กษัตริย์แต่ก่อน ขอเชิญท่านขึ้นเป็นฮ่องเต้ปราบเสี้ยนศัตรูแผ่นดินราบคาบได้อยู่เย็นเป็นสุข ทหารผู้ซึ่งจงรักภักดีมีความชอบจะขอฝากแต่ชื่อไว้ในแผ่นดิน อนึ่งพระเจ้าเมืองหลวงทุกวันนี้หลงเชื่อฟังถ้อยคำนายโจรยุยง ลืมคุณซึ่งท่านทำความชอบช่วยทำนุบำรุงให้ได้เป็นกษัตริย์ กลับคิดประทุษร้ายต่อท่านเป็นหลายครั้ง ถ้าท่านไม่ยอมเป็นฮ่องเต้แล้ว ทแกล้วทหารทั้งปวงเห็นจะพากันแตกฉานซ่านเซ็นไป ขอท่านจงรับที่ฮ่องเต้เถิด ทหารที่มีความชอบในแผ่นดินจะได้พึ่งบุญญาธิการไปภายหน้า ข้าพเจ้าว่าเตือนสติทั้งนี้ จงตรึกตรองการทั้งปวงให้รอบคอบจึงจะควร ไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกอ่านเรื่องราวสิ้นความแล้วลำดับหนังสือลงไว้ มิได้ยินดีที่จะเป็นกษัตริย์ ด้วยใจซื่อตรงต่อพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ จึงว่าแก่ถือลี้และทหารทั้งปวง ซึ่งท่านพร้อมใจกันจะยกเราขึ้นเป็นฮ่องเต้นั้นเราก็ไม่ขัด แต่บัดนี้แผ่นดินยังไม่ราบคาบ ด้วยอองลังจือยังเป็นเสี้ยนหนามอยู่ ถ้าท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวช่วยกันกำจัดศัตรูราชสมบัติสำเร็จแล้ว เราจึงจะยอมทำตามคำท่าน เตงอูได้ยินดังนั้นดีใจนักจึงจัดทหารยกออกจากค่าย ให้เอาบันไดหกพาดกำแพงทั้งสี่ด้าน จัดทหารที่มีฝีมือปีนกำแพง ทหารแม่นเกาทัณฑ์ระดมยิงสาดเข้าไปในเมืองดังห่าฝน

ฝ่ายทหารอองลังจือถูกเกาทัณฑ์ป่วยเจ็บหลบหนีเข้าแอบแฝงมิเป็นอันที่จะสู้รบ ทหารเตงอูปีนกำแพงเข้าเมืองได้เปิดประตูทหารทั้งปวงวิ่งตรูกันเข้าไปไล่ฆ่าฟันทหารอองลังจือล้มตายแตกหนีเป็นอลหม่าน

ฝ่ายเหงวับคิมรู้ว่าทหารไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกหักเข้าเมืองได้ตกใจนัก จึงอ่านมนต์ไสยศาสตร์อุ้มอองลังจือเหาะหนีไปอยู่เมืองโกอิบก๋วน เตงอูขับทหารยกตามไปตั้งค่ายล้อมเมืองโกอิบก๋วนไว้

ฝ่ายเหงวับคิมรู้ว่ากองทัพไต้สุมาเล่าสิ้วบุนซกตามมา จึงให้ทหารปิดประตูเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้เป็นที่สามารถ

ฝ่ายเตงอูจึงสั่งทหารให้หาเลือดสุนัขดำมาสาดรอบกำแพงหมายจะแก้ไขให้มนต์ไสยศาสตร์เหงวับคิมเสื่อมคลายลง แล้วจัดทหารขึ้นปีนกำแพงเมืองหลายครั้งจะหักเอาเมืองมิได้ แต่ตั้งล้อมเมืองประมาณกึ่งเดือนมิได้เห็นเหงวับคิมยกออกมารบ เตงอูให้ถอยทัพกลับไปตั้งค่ายซุ่มอยู่ในป่าห่างเมืองโกอิบก๋วนทางประมาณสามร้อยเจ็ดสิบห้าเส้น เป็นอุบายหมายจะให้เหงวับคิมและชาวเมืองสำคัญว่ากองทัพกลับล่าถอยไปมีใจประมาทลง อยู่วันหนึ่งเตงอูจึงให้หานายทัพนายกองมามิให้กองบู๊รู้ เตงอูจึงปรึกษานายทหารทั้งปวงว่าราชการอองลังจือเราทำมาจวนจะสำเร็จอยู่แล้ว เราคิดจะให้จัดการทั้งปวงและปลูกมณฑปสำหรับเป็นที่ปราบดาภิเษกไว้กลางป่า อย่าให้กองบู๊รู้ความเกลือกจะเอาตัวหนี ถึงวันฤกษ์ดีจะยกฮั่นกองบู๊ขึ้นเป็นกษัตริย์ท่านจะเห็นประการใด นายทหารทั้งปวงเห็นชอบพร้อมใจกันต่างคนแบ่งพนักงานเกณฑ์กันเสร็จแล้ว เตงอูจึงพานายทหารเห็นที่ชัยภูมิสมควรจึงให้ทหารปราบที่ราบเสมอหาหลักตอมิได้ จึงให้ปลูกมณฑปใหญ่สูงกว่าปลายไม้ทั้งปวงแล้ว เตงอูจึงจารึกอักษรขนานชื่อมณฑปว่าเขงฉิว มีราชวัติฉัตรธงรายรอบมณฑป ครั้นสำเร็จการเตงอูพานายทหารมาประชุมพร้อมกันอยู่ ณ ค่ายหลวง

ฝ่ายกองบู๊ครั้นเวลาเย็นจึงพาเตงอูกับนายทหารออกมาเลียบค่าย แลไปเห็นมณฑปคิดสงสัยจึงพาทหารขึ้นไปเห็นอักษรจารึกไว้ว่าเขงฉิว จึงถามเตงอูว่าผู้ใดมาทำมณฑปไว้กลางป่าจารึกอักษรนั้นอ่านออกความประการใด เตงอูจึงบอกว่าเขงฉิวเป็นชื่อมณฑปแปลออกได้ความว่า พันฤดูเป็นที่สำหรับกษัตริย์เสด็จมาประทับแรมประพาสป่า เตงอูแกล้งกล่าวกลอุบายกลบเกลื่อนมิให้กองบู๊สงสัย แล้วเชิญกองบู๊ไปเที่ยวชมต้นไม้ดอกไม้ตามริมรอบริเวณมณฑป แล้วเชิญกองบู๊กลับคืนเข้าค่าย พอเวลาพลบค่ำลงเตงอูจึงออกมากระซิบบอกนายทหารพร้อมกันว่า เวลาพรุ่งนี้เป็นวันฤกษ์ดีจะยกกองบู๊ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ท่านทั้งปวงจงกำชับทหารทุกพนักงานให้นั่งยามกองเพลิงรักษากองบู๊อย่าประมาทกว่าจะรุ่งเช้า จะได้เชิญกองบู๊ขึ้นเป็นกษัตริย์ เสร็จแล้วจะยกทัพเข้าระดมตีเมืองโกอิบก๋วน จับอองลังจือเหงวับคิมฆ่าเสียให้เสร็จศึก นายทหารรับคำต่างคนลาไปจัดแจงทหารเลวจุกช่องกองเพลิงรักษาอยู่รอบค่ายกองบู๊ตามคำเตงอูสั่งทุกประการ

ฝ่ายกองบู๊ครั้นเวลาค่ำลง จึงถือไม้เท้าเดินไปผู้เดียวเลียบค่าย พอทหารเลวนั่งยามรักษาเชิงค่ายพูดกันว่า เวลาพรุ่งนี้เตงอูแม่ทัพกับนายทหารพร้อมกัน ณ ที่มณฑปริมเชิงเขาจะยกกองบู๊เจ้าเราขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่นี้ไปบ้านเมืองจะอยู่เย็นเป็นสุข กองบู๊ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงคิดว่าแต่เราอุตส่าห์รักษาตัวมามิให้มีผู้นินทาว่าเป็นคนประทุษร้ายต่อเจ้าแผ่นดิน ว่ากล่าวผลัดเปลี่ยนพ้นที่ฮ่องเต้มาหลายครั้ง บัดนี้เตงอูกับนายทหารพร้อมใจกันปลูกสร้างมณฑปทำการใหญ่มิให้รู้ เห็นจะข่มขืนนํ้าใจให้เป็นฮ่องเต้เป็นมั่นคง จำจะหนีไปเฝ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ ณ เมืองหลวงในเวลากลางคืน ถึงมาตรว่าไจเสียงแปดคนทูลยุยงให้พระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ลงอาญาฆ่าเสียจะขอตายด้วยความสัตย์สุจริต คิดแล้วขึ้นขี่ม้ามือถือกระบี่ออกไปถึงประตูค่ายทางทิศใต้

ฝ่ายเล่าสือติดเห็นดังนั้นจึงเข้าฉุดคร่าบังเหียนม้ากองบู๊ไว้แล้วบอกว่า ท่านแม่ทัพกำชับสั่งมิให้ท่านออกนอกค่ายในเวลากลางคืน กองบู๊ได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงว่าเรามีธุระจะไปเป็นการด่วนไม่ควรจะห้าม ถ้าท่านไม่ตามใจเรา เราจะเชือดคอตายเสีย เล่าสือติดได้ยินดังนั้นก็ตกใจนักจึงละบังเหียนม้ากองบู๊ กองบู๊ขับม้าเข้าทางใหญ่จะไปเมืองหลวง

ฝ่ายเล่าสือติดครั้นเห็นกองบู๊ไปมิได้กลับ จึงวิ่งมาบอกความแก่เตงอูแม่ทัพทุกประการ เตงอูแจ้งว่ากองบู๊หนีก็ตกใจ จึงร้องบอกนายทัพนายกองทุกค่ายต่างขึ้นม้าพาทหารแยกทางก้าวสกัดตามหากองบู๊ในเวลากลางคืน

ฝ่ายกองบู๊มิได้รู้แห่งหนทาง ขับม้าหนีนายทหารมาถึงตำบลหนึ่ง เห็นคนยืนขวางทางสองคนพูดกันว่าเวลารุ่งเช้าพรุ่งนี้ เตงอูกับนายทหารทั้งปวงจะยกกองบู๊ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขทั้งแผ่นดิน กองบู๊ได้ยินดังนั้นก็โกรธ ชักม้าเข้าใกล้เอากระบี่ฟันสองคนนั้นเป็นประกายพรายเหมือนแสงหิ่งห้อย รูปคนสูญหายเห็นแต่ศิลาตั้งอยู่สองก้อน กองบู๊รู้ว่าพระไพรเจ้าป่าจึงรำพึงคิดว่า ซึ่งจะให้เราเป็นฮ่องเต้ครั้งนี้พร้อมใจกันทั้งเทพยดามนุษย์เห็นจะหนีทหารทั้งปวงไปไม่พ้น คิดแล้วขับม้ามาตามทางไปถึงด่านเมืองเปกเขง พอพบพวกทหารเตงอูสกัดทางอยู่เป็นอันมาก กองบู๊ชักม้ากลับ เตงอูขับม้าเข้าเคียงจับบังเหียนม้ากองบู๊รั้งไว้มิให้ไปแล้วถามว่า ท่านหนีข้าพเจ้ามาในเวลากลางคืนฉะนี้จะไปแห่งใด กองบู๊บอกว่าเราจะไปเฝ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ท่านมาไยเล่า ขณะนั้นพอนายทัพนายกองมาพร้อมกัน เตงอูจึงว่าแก่กองบู๊ว่านายโจรไจเสียงแปดคนนั้นคิดทำร้ายท่าน มันแกล้งแต่งกลอุบายยุยงพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้จะให้ฆ่าท่านเสียเป็นหลายครั้ง ความทั้งนี้ท่านก็แจ้งอยู่สิ้นทุกประการ ซึ่งท่านจะเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเกงซีฮ่องเต้ ณ เมืองหลวงนั้น เหมือนดังเอาเนื้อไปส่งเข้าปากเสือ ถ้าท่านเป็นอันตรายลงแล้วข้าพเจ้าจะพึ่งบุญผู้ใดเล่า ขอเชิญท่านกลับเข้าค่ายจะได้คิดการศึกกำจัดอองลังจือสืบไป เตงอูกับนายทหารทั้งปวงเข้าห้อมล้อมกองบู๊กลับมาถึงค่ายหลวง

พอเวลารุ่งเช้าตรู่ เตงอูยกทัพเข้าเชิงกำแพงเมืองโกอิบก๋วน ฝ่ายทหารชาวเมืองขณะเมื่อกองทัพถอยไปครั้งก่อนต่างคนมีใจประมาท ครั้นเห็นกองทัพมามิทันจัดแจงรักษาหน้าที่เชิงเทิน เตงอูได้ท่วงทีจึงขับทหารปีนกำแพงขึ้นไปเปิดประตูเมือง ยกกองทัพหนุนเนื่องกันเข้าไล่ฟันทหารชาวเมืองแตกหนีเป็นอลหม่าน

ฝ่ายเหงวับคิมรู้ว่าทหารกองบู๊เข้าเมืองได้ตกใจนัก จึงอ่านมนต์ไสยศาสตร์อุ้มอองลังจือเหาะหนีไปเมืองกำตั๋น เตงอูเห็นดังนั้นจึงให้ทหารม้าเร็วรีบสืบรู้ความแล้ว จึงปรึกษากองบู๊ว่าเหงวับคิมมีวิชาชำนาญในไสยศาสตร์ แก้ด้วยเลือดสุนัขดำจะทำให้มนต์เสื่อมก็ไม่สมความคิด ซึ่งเหงวับคิมพาอองลังจือเหาะหนีกลับไปอาศัยเมืองกำตั๋น เมืองกำตั๋นขัดสนด้วยอาหารเห็นว่าเหงวับคิมจะอยู่ไม่ได้สักกี่วัน ก็จะย้ายไปอยู่เมืองเปกเขงซึ่งมีอาหารบริบูรณ์เป็นมั่นคง ข้าพเจ้าเห็นภูเขาหนึ่งสูงใหญ่อยู่ทิศใต้เมืองกำตั๋นทางประมาณยี่สิบห้าเส้น เป็นทางรวมจะไปเมืองเปกเขง ขอท่านจงจัดแจงทหารแม่นเกาทัณฑ์ไปซุ่มอยู่ที่เนินทรายริมเชิงเขากองหนึ่ง ให้ทหารขึ้นไปคอยอยู่บนยอดเขาสูงกองหนึ่ง ถ้าเหงวับคิมมาโดยอากาศก็จะผ่านไปตรงยอดเขาจึงให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ให้ถูกเหงวับคิม ถ้าเหงวับคิมจะยกเป็นกระบวนทัพเดินดินมา ให้ทหารบนยอดเขาโบกธงตีกลองสัญญาขึ้น ให้ทหารกองซุ่มสองข้างทางออกช่วยระดมยิงเกาทัณฑ์ล้อมจับเอาตัวเหงวับคิมเห็นจะได้อองลังจือโดยง่าย กองบู๊เห็นชอบด้วยจึงให้เอียวกี๋หนึ่ง อองป้าหนึ่ง คุมทหารห้าหมื่นพื้นมีฝีมือแม่นเกาทัณฑ์ไปตั้งซุ่มอยู่แห่งทางริมเชิงเขาสูงทั้งสองกอง จึงสั่งอองเสียงพาทหารเกาทัณฑ์สองหมื่นขึ้นไปคอยอยู่บนยอดเขาตามคำเตงอู แล้วกองบู๊ก็ให้ยกทัพใหญ่ไปตั้งซุ่มอยู่ในป่านอกเมืองกำตั๋นข้างทิศใต้

ฝ่ายเหงวับคิมมาอยู่ในเมืองกำตั๋น สำคัญคิดว่ากองทัพจะติดตาม จึงรวบรวมทหารซึ่งเป็นพรรคพวกได้ห้าหมื่นเศษ ให้ปิดประตูเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินอยู่ประมาณสามสิบวันเสบียงอาหารขาดลง เหงวับคิมจึงปรึกษาอองลังจือว่า เมืองกำตั๋นขัดสนด้วยเสบียงจ่ายทหารจะทำการต่อสู้กองทัพกองบู๊สืบไปมิได้ ข้าพเจ้าคิดจะพาทหารไปอยู่เมืองเปกเขงข้าวปลาอาหารอุดม เกลี้ยกล่อมทแกล้วทหารขึ้นให้มากแล้วจะได้ติดทำการศึกต่อสู้กองบู๊สืบไป ซึ่งจะเนิ่นช้าอยู่ในเมืองนี้กองทัพยกมาล้อมไว้จะหนียาก อองลังจือเห็นชอบด้วยจึงจัดเตรียมทหารห้าหมื่นเป็นกระบวนทัพ ครั้นเวลารุ่งเช้าก็ให้เปิดประตูเมืองเบื้องทิศใต้ รีบเดินทัพไปตามทางเมืองเปกเขง

ฝ่ายอองเสียงซึ่งขึ้นไปคอยเหงวับคิมอยู่บนยอดเขา แลลงไปเห็นอองลังจือกับเหงวับคิมขี่ม้านำหน้าทหารเดินมาตามทางถึงเนินทรายที่ช่องแคบริมเชิงเขา อองเสียงจึงตีกลองรบโบกธงสัญญาทัพซุ่มเป็นสำคัญ

ฝ่ายเอียวกี๋กับอองป้าก็ให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์ตีขนาบเข้าไปสองฟากทาง เตงอูกับม้าบู๊จึงยกทัพหลวงเข้าตั้งสกัดต้นทาง อองเสียงพาทหารลงจากยอดเขา เข้าระดมยิงเกาทัณฑ์ต้านหน้าเหงวับคิมไว้ ทหารทั้งสี่กองโห่ร้องพุ่งซัดอาวุธยิงเกาทัณฑ์สาดเข้าไปทั้งสี่ด้าน ถูกทหารอองลังจือป่วยเจ็บล้มตายเป็นอันมาก

ฝ่ายอองลังจือกับเหงวับคิมเห็นดังนั้นตกใจนัก ชักม้ากลับมาต้นทาง ม้าบู๊จึงขับม้าพาทหารเข้าบุกรบจะจับอองลังจือ เหงวับคิมพาทหารรบเรรวนอยู่ในที่ล้อมข้าศึก จวนตัวกลัวความตาย จึงร่ายมนต์ไสยศาสตร์อุ้มอองลังจือโดดขึ้นโดดลงสูงพ้นปลายไม้จะเหาะหนี เอียวกี๋น้าวเกาทัณฑ์ยิงไปถูกเหงวับคิมตกลงมา เอียวกี๋จับได้ตัวเหงวับคิม อองลังจือวิ่งหนีไป อองป้าโดดลงจากม้าไล่ติดตามจับเอาตัวอองลังจือได้ กองบู๊จึงขับทหารไล่ฆ่าฟันทหารเหงวับคิมตายเกลื่อนกลาดไป

ฝ่ายอองป้ากับเอียวกี๋มัดมืออองลังจือกับเหงวับคิมเข้าไปคำนับกองบู๊ กองบู๊มีความยินดีนัก จึงยกกองทัพกลับเข้าเมืองกำตั๋น ครั้นนายทัพนายกองมาพร้อมแล้วจึงให้เลี้ยงโต๊ะเสพสุราเป็นที่สบาย กองบู๊จึงให้เอาตัวอองลังจือเข้ามาหมอบอยู่ในที่ท่ามกลางทหารแล้ว กองบู๊จึงด่าอองลังจือว่าเหตุเพราะมึงผู้เป็นลูกอ้ายศัตรูแผ่นดินผู้เดียว แกล้งทำให้เล่าหลิมน้องกูหลงเชื่อฟังถ้อยคำจนเกิดสงครามขับเคี่ยวฆ่ากันล้มตายเป็นอันมาก ถ้าละไว้จะเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน ทหารทั้งปวงจงเอาไปตัดศีรษะเสียบประจานเสียจงสิ้นทั้งสองคน อย่าให้ผู้ใดดูเยี่ยงอย่างมันสืบไป ทหารรับคำพาอองลังจือกับเหงวับคิมออกไปตัดศีรษะเสียบไว้นอกเมืองตามคำกองบู๊สั่ง

ฝ่ายไต้สุมากองบู๊ ครั้นเสร็จปราบอองลังจือจัดแจงราษฎรชาวเมืองกำตั๋นราบคาบแล้ว จึงค้นหาหนังสือบรรดาหัวเมืองมายอมเข้าด้วยอองลังจือประมาณพันเศษฉบับ ไต้สุมากองบู๊มิได้ผูกใจพยาบาทให้เผาหนังสือเสียสิ้น

ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงบรรดาให้หนังสือลับไปเข้ากับอองลังจือแต่ก่อน ครั้นรู้ว่าอองลังจือเสียทัพ ไต้สุมากองบู๊จับฆ่าเสีย ต่างคนเกรงกลัวไต้สุมากองบู๊ยิ่งนัก ครั้นแจ้งข่าวว่ากองบู๊เผาหนังสือเสียแล้ว หัวเมืองทั้งปวงเห็นว่ากองบู๊หาความพยาบาทมิได้ จึงจัดสิ่งของเครื่องบรรณาการไปคำนับยอมสามิภักดิ์ด้วยกองบู๊ทุกเมือง กองบู๊รับสิ่งของเครื่องบรรณาการคำนับว่ากล่าวโอบอ้อมเอาใจ แล้วสั่งให้หัวเมืองบรรดามากลับไปรักษาเมืองเหมือนดังแต่ก่อน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ