คำนำเรื่องซึ่งมีในจดหมายความทรงจำ

บัดนี้จะขอเริ่มต้นด้วยเหตุการบ้านเมือง พอให้ความคิดเราเดินมาสู่เวลาที่กรมหลวงนรินทรเทวีทรงจดหมายฉบับนี้ โดยนึกถึงต้นเหตุพม่าตีกรุงเก่าก่อนแต่เวลาตีค่ายบางระจัน เหตุการเปนเช่นนี้

การเมืองพม่าที่จะเปนศึกกับเมืองเราครั้งใด เกิดขึ้นด้วยเจ้าแผ่นดินพม่าองค์นั้นมีอภินิหารปราบเมืองมอญ เมืองยักไข่รวมกันเข้าได้ครั้งไรเปนร้อนถึงเมืองเรา ด้วยหวังจะแผ่อำนาจรวมให้เปนอาณาเขตรอันเดียว

แต่เหตุที่เกิดขึ้นในเมืองพม่าตอนหลังระยะมาตีกรุงนี้ อยู่ข้างจะแปลกปลาด ดูเหมือนว่าที่กรุงเวลานั้นจะทราบการไม่ใคร่ทันท่วงที ว่าการผลัดเปลี่ยนอำนาจในเมืองพม่าได้ดำเนินไปอย่างไร ในแผ่นดินเจ้าฟ้าพร ซึ่งเรียกพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ ตลอดมาจนเวลาเสียกรุง ถือเคร่งครัดในประเพณีที่ไม่ใช่สำคัญอันใดมาก หูตาไม่ใคร่ไวถือแบบเปนพื้น จึงได้โทรมมากอยู่แล้ว เหตุที่คนเกิดชั้นหลังในแผ่นดินนั้นดีไม่ทัน ฤๅไม่มีท่าทางที่จะดีได้ เพราะคนที่มีสติปัญญาแลฝีมือดี ๆ ได้ตายเสียตั้งแต่เกิดขบถทำลายวงษ์เจ้าแผ่นดินโบราณ เมื่อราวจุลศักราช ๙๖๐ ปีมา แต่นั้นมาก็ไม่เปนสมประดี ไม่มีเวลาที่เว้นจากฆ่ากันลงไปนานถึง ๔๐ ปีเลย เมื่อเปลี่ยนพวกกันอยู่เสมอไม่มีเวลาตั้งมั่น ความรู้แลความคิดก็เสื่อมลงไปทุกคราวเปลี่ยน

เมื่อแผ่นดินเจ้าฟ้าพรนี้ มอญซึ่งเปนชาติหนึ่งแต่ตกอยู่ในอำนาจพม่าไม่มีกระษัตริย์มาช้านาน ได้ตั้งแขงเมืองยกคนในชาติของตัวเองขึ้นเปนกระษัตริย์ ถึงว่าจะมีการหยุกหยิกกันในเมืองจนเรารู้คือสมิงทอหนีเข้ามาอยู่ในกรุงเก่า ก็ยังรักษาอำนาจต่อรบพม่าจนจับเจ้าแผ่นดินพม่าได้ เวลานั้นทางไมตรีเมืองเรากับพม่าดูสนิทสนมกันอยู่ แต่ไม่ได้คิดอ่านที่จะช่วยเหลือด้วยกำลังอย่างหนึ่งอย่างใด เพราะกำลังแย่งสมบัติกันเพลินอยู่ทางนี้

ในเหตุที่เจ้าแผ่นดินพม่าเสียเมืองตกมาเปนเชลยนั้น จึงมีอองไจยะนายบ้านมุกโชโบไม่ยอมอยู่ในอำนาจมอญ ตั้งตัวขึ้นต่อสู้มอญจนในที่สุดถึงยกทัพมาตีเมืองหงษาวดี ซึ่งเจ้าแผ่นดินพม่าของตัวยังเปนเชลยต้องขังอยู่ กลับเอาเจ้าแผ่นดินมอญไปเปนเชลยเหมือนกับที่มอญเอาเจ้าแผ่นดินพม่ามาเปนเชลยแต่ก่อนได้

เจ้าพม่าต้นเชื้อวงษ์นี้ ซึ่งเรารู้ชื่อว่ามังลอง เขาเรียกกันว่าอลองพญา แปลว่าโพธิสัตว์ ซึ่งตีเมืองยักไข่ได้ไม่ช้าก็คิดตั้งหน้าจะตีเมืองไทยทีเดียว ข้อที่ว่าที่กรุงจะไม่ทันรู้ตัวนั้น คือไม่รู้ตัวว่ามังลองจะได้มีอำนาจใหญ่โตสักเท่าใด เคยคบกับแผ่นดินพม่ามาก่อนนั้น ก็เปนเวลาพม่าอ้อแอ้อย่างเดียวกับเมืองไทยในเวลานั้น แลพเอินยิ่งร้ายไปกว่าก่อน คือเจ้าฟ้าพรซึ่งเปนเจ้าแผ่นดินสวรรค์คตเสีย เหลือแต่ลูกซึ่งกำลังเคี่ยวฆ่ากันจะหาที่มีความสามัคคีกันถึง ๒ คนพอเปนคู่คิดก็ไม่มี ทั้งเจ้าแผ่นดินก็เปนคนที่โฉดเขลา อันไม่มีใครเกรงใจที่จะกล่าวถึงแลประกาศโดยตรง ข้าราชการก็เกือบจะเรียกว่าไม่มีได้ เหลือแต่ชื่อตำแหน่งแล้วแต่จะหาใคร ๆ มาเปน ถ้าเปนลูกกระสุนปืนก็หลวมฤๅคับลำกล้องแทบทั้งนั้น

ในเมื่อแผ่นดินไทยได้เลื่อนลงมาถึงที่สุดแห่งความเสื่อมได้ปีเศษเท่านั้น ทัพมังลองเจ้าแผ่นดินพม่า ซึ่งกำลังมีอำนาจอุไทยขึ้นแก่กล้าก็ได้มาถึงพระนคร แต่เปนเคราะห์ดีชั่วคราว มังลองเจ็บแลตายเสียกลางทางในเมื่อได้เข้ามาตั้งประชิดกำแพงอยู่หน่อยหนึ่ง แต่ถึงดังนั้น ทางที่กองทัพเดินผ่านตั้งแต่เมืองกุยเข้ามา แลผ่านออกไปทางกำแพงเพชร์ ก็โทรมไม่ทันฟื้น แต่การที่เมืองพม่าผลัดแผ่นดิน ทำให้ศึกช้าลงไปได้อิก ๓ ปี จนเจ้าแผ่นดินพม่าล่วงไปอิกคนหนึ่ง ถึงคนที่สามชื่อ มังระ เปนเจ้าแผ่นดินขึ้น

สาเหตุที่พม่าจะเกิดศึกขึ้นใหม่คราวนี้ เมืองมฤท ตนาว เปนของเรา แต่เมืองทวายเปนของพม่า เมื่อเมืองพม่าผลัดแผ่นดินรหว่างมางล๊อกกับมังระ เมืองทวายฆ่าพม่าเสีย แล้วส่งบรรณาการเข้ามาที่กรุง พม่ารู้จึงได้ยกกองทัพมาตีเมืองทวาย แล้วเลยได้เมืองตนาวศรีแลมฤทด้วย ข้างฝ่ายกรุงเทพ ฯ ไม่ได้อุดหนุนฤๅคิดอ่านแก้ไขอย่างไรเลย กองทัพพม่าที่มาตีทวายนั้นเอง เห็นไม่มีใครต่อสู้ ก็เดินทัพเลยเข้ามาตีเอาเพชร์บุรี ราชบุรี กาญจนบุรี แล้วจึงได้รู้ จัดกองทัพออกไปรับตึงตัง ก็รับไม่อยู่แต่สักครั้งเดียว กองทัพพม่าครั้งนั้น มาไม่ได้เปนกระบวนทัพกระบวนศึก มาอย่างกองโจร แยกกันตีปล้นกวาดมาตามแต่จะมีอไรเปนผลประโยชน์อันจะพึงได้ ถ้าหากว่ามาเปนกองทัพจริง จะได้กรุงในเวลามาถึงนั้นทีเดียว นี่แยกย้ายกันไปเที่ยวเก็บริบปล้นสดมในที่ต่าง ๆ จนรอบไปแล้ว จึงได้เข้ามาถึงกรุง นานถึง ๓ ปีจึงได้พระนคร

จดหมายซึ่งกรมหลวงนรินทรเทวีทรงนี้ ท่านไม่ได้กล่าวถึงพม่ามากวนอยู่ตามหัวเมือง เพราะเปนการเหลือกำลังที่จะกล่าวถึง เหมือนคโมยเข้ามาปล้นอยู่รอบ ท่านตั้งค้นกล่าวเมื่อตีค่ายบางระจันซึ่งนับว่าเปนการต่อสู้เข้มแขงอยู่แห่งเดียว ตั้งต้นข้อความดังต่อไปนี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ